ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่จิ้น The Movie (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #7 : มันเกิดอะไรขึ้นวะ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 57


    ตอนที่ 7 : มันเกิดอะไรขึ้นวะ

     

     

                ผมหน้ามืดไม่สนอะไรเดินออกมาจากห้องไอ้เชน จากนั้นก็ลงลิฟท์ไปตรงล็อบบี ตรงนั้นมีโซฟาหลายตัวไว้ให้นั่ง ผมเลยตัดสินใจไปนั่ง พลางคิดไปว่า ยังไงก็อยู่ตรงนี้ไปก่อน ผมมองดูนาฬิกาที่แขวนใกล้ๆโต๊ะพี่ยาม นี่ 2 ทุ่มแล้วเหรอเนี่ย


                 พอคิดถึงเรื่องไอ้เชนก็ทำผมโมโหได้ตลอด ผมล่ะอุตส่าห์เช็ดตัว ดูแล มันอย่างดี (หรือเปล่าวะ) แม่งมาด่าผมว่าที่บ้านไม่สอน ที่บ้านสอนเว้ย แต่กูไม่จำ จะว่าไป ผมเองก็ไปแอบใช้มือถือมันนี่หว่า  แต่ทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนี้ด้วย แถมไล่เราอย่างกับหมูกับหมา คนอย่างไอ้เจ๋งก็มีศักดิ์ศรีนะเว้ย

     

                แล้วนี่ผมจะทำไงต่อเนี่ย กลับบ้านดีไหมวะ ไม่ได้ๆ อดทนไว้ไอ้เจ๋ง ทุกปัญหาต้องมีทางออก นอนเล่นตรงนี้ก่อนละกัน ผมเลยล้มตัวลงพิงโซฟา

     

                “โกรก....กรากกก”  ทำไมหิวอีกแล้ววะ ท้องร้อง ท้องบิดจนแสบเลย เชี่ยเอ้ย ทำไงดีวะเนี่ย

     

                ผมเลยตัดสินใจข่มตานอนหลับมันซะตรงนี้แหละ หลับแล้วจะได้หายหิว พี่ยามคงไม่มาไล่ผมหรอกเพราะว่าเขาจำหน้าผมได้ หลับๆ ไอ้เจ๋ง จะได้หายหิว ตื่นมาค่อยว่ากัน

     

                “คุณเจ๋งครับ...”  ใครเรียกวะ ผมอุตส่าห์เคลิ้มจะหลับอยู่แล้วเชียว ผมเลยต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เอาแล้วไงล่ะ พี่ยามเดินมาปลุกผม สงสัยจะไม่อยากให้นอนตรงนี้

     

                “มีโทรศัพท์ถึงคุณน่ะครับ”  ผมได้ยินพี่ยามบอก ก็ออกอาการงง โทรศัพท์อะไร โทรมาหาผมทำไม

     

                “ถึงผมเหรอ”  ผมทำท่าชี้ตัวเอง

     

                “มีคนโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ รปภ ครับ”  พี่ยามชี้ไปที่โต๊ะ ผมเห็นหูโทรศัพท์ถูกยกออกรอให้ผมไปรับ

     

                “ใครอะครับ”

     

                “เขาไม่ได้บอกนะครับ”  หรือว่าจะเป็นไอ้เชน นี่มึงอยากจะด่ากูถึงขนาดโทรมาหาพี่ยามเลยเหรอวะ

     

                “ไม่รับอะ บอกเขาไปว่า ผมไม่มีอะไรจะคุยกับเขา”  ผมไม่ได้หยิ่งนะครับ แต่แค่คิดถึงเสียงไอ้เชนผมก็รู้สึกโมโหแล้ว ไม่อยากจะได้ยินอะไรจากมันทั้งนั้น

     

                พี่ยามไม่รู้จะทำไง ก็เลยเดินกลับไปบอกอย่างที่ผมพูด ผมเห็นพี่ยามคุยได้สักพักหนึ่ง ก็เดินกลับมาหาผมอีกครั้ง

     

                “เขาบอกว่าคุณลืมของไว้ ให้กลับไปเอาด้วย เขาไม่อยากจะเก็บไว้”  ได้ฟังแค่นี้ผมโมโหอีกรอบเลยครับ ทำไมแต่ละอย่างที่มันบอกผม (ถึงจะฝากพี่ยามมาบอกก็ตาม) ถึงทำผมจี๊ดขึ้นสมองทุกครั้ง

     

                “ขอบคุณครับ บอกเขาด้วยเดี๋ยวผมขึ้นไปเอา”  เอาวะ พูดซะขนาดนี้แล้ว จะหลงเหลือของไว้ให้มันเก็บมาด่าทำไม เก็บๆมาให้หมด ส่วนไอ้เรื่องที่ต้องเล่นหนังด้วยกัน ผมว่าผมจะเล่นให้มันผ่านๆไป วันไหนที่ปิดกล้อง ผมก็คงจะได้หมดเวรหมดกรรมกับมันสักที

     

                ผมกดลิฟท์มาชั้น 15 ห้อง 1501 อยู่ตรงนั้น ใจผมไม่อยากเดินเข้าไปแล้ว คำที่ไอ้เชนมันด่าผมยังก้องในหัวไม่หาย แต่เอาวะ มาถึงตรงนี้ละ เป็นไงเป็นกัน

     

                “ตึงๆๆๆๆๆๆๆ” ผมเคาะห้องเสียงดัง ก็โมโหนี่หว่า แต่ไม่นานไอ้เชนก็เดินมาเปิดประตู ผมเห็นมันทำหน้านิ่งใส่ มุมปากมันมีแผลแตกจากหมัดของผม ผมเห็นหน้ามัน ได้ยินเสียงมัน ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์อยากให้มุมปากอีกข้างหนึ่งของมันมีแผลเพิ่มอีก

     

                “กูลืมอะไรไว้ รีบคืน..”  ยังพูดไม่จบ ไอ้เชนดึงผมเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง นี่มึงไม่พอใจที่กูต่อยมึงเลยจะฆ่าหมกศพกูเหรอ 

     

                “มึงลากกูเข้ามาทำไม”  ผมบ่นเสียงดัง แต่ไอ้เชนไม่สน มันเดินกะเผลกไปนั่งที่โซฟา

     

                “ผมรู้ว่าคุณไม่มีที่นอน นอนที่นี่แหละ”  ผมได้ยินผิดไปหรือเปล่า ก่อนหน้านี้มันเพิ่งไล่ผมให้ออกจากห้อง แล้วนี่กลับมาบอกให้ผมนอนนี่

     

                “ไม่อะ......... กูลืมอะไรไว้ ก็รีบๆคืนมา กูจะได้ออกไปซักที”  ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ ว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่ที่ผมรู้ คือไม่อยากเห็นหน้ามันเท่าไร

     

                “คุณไม่ได้ลืมอะไรไว้หรอก แต่ถ้าผมไม่บอกว่าคุณลืมของ คุณก็คงไม่กลับขึ้นมา”  มึงหลอกกูอีกแล้วใช่ไหม

     

                “เออ กูมันโง่เอง ที่กลับมาให้มึงด่าอีก.....เอาสิ ด่าให้พอใจ กูมาถึงที่แล้ว”  ผมเหนื่อยที่จะต่อสู้กับมัน เอาเหอะ ก็โง่ให้เขาหลอกขึ้นมาแล้ว เอาซี่อยากจะด่า อยากจะว่ายังไงก็เชิญ

     

                “ผมขอโทษ”  ไอ้เชนบอกพลางก้มหน้า

     

                “มึงว่าอะไรนะ”  คือก็ได้ยินนะเมื่อกี้ แต่ว่ายังไม่แน่ใจ ผมหูฝาดไปหรือเปล่าวะ

     

                “ผมขอโทษที่พูดกับคุณแรงไปหน่อย”  ไม่หน่อยวะ แรงเชี่ยๆ แต่นี่ผมควรจะทำไงดีวะ พอได้ยินคำขอโทษของไอ้เชน ความโมโห ความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดมันหายไปเลย ไอ้เจ๋งนี่มึงทำไมใจอ่อนอย่างนี้

     

                “แต่คุณก็ต้องเข้าใจนะ ว่าผมไม่ชอบสิ่งที่คุณทำเหมือนกัน คือถ้าคุณจำเป็นจะต้องใช้เฟสบุคในมือถือผม ก็ขอผมดิ ผมให้อยู่แล้ว”  เจอเหตุผลดีๆ เข้าไป คำพูดจริงใจเข้าไป ก็ใจอ่อน ไม่เหลือความโกรธแม้แต่น้อย แต่เอาจริงๆผมหายโกรธตั้งแต่คำขอโทษครั้งแรกแล้ว แหะๆ

     

                “พอดีน้องเบลเขาทักมาคุยกับผม แล้วก็อธิบายว่าคุณจำเป็นต้องใช้เฟสบุคเพื่อติดต่อเรื่องสำคัญ ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่าทำไมคุณไม่ล็อกอินเข้าเฟสของคุณเอง แต่พอน้องเบลบอกว่า คุณน่าจะจำพาสเวิร์ดไม่ได้ ผมก็เลยเข้าใจ” ขอบคุณว่ะเบล แต่กูรู้ไส้รู้พุงมึงหมดละ กูคิดว่ามึงทำแบบนี้เพราะหวังจะทำคะแนนกับไอ้เชนอะดิ ทำเป็นเพื่อนที่แสนดีอธิบายให้ไอ้เชนเห็นใจกู เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสนี่เป็นเรื่องถนัดของมึงอยู่แล้วนี่ ไอ้เพื่อนสุดที่รัก

     

                แม้ว่าผมจะหายโกรธมันละแต่ยังไงก็ขอผมเงียบทำฟอร์มหน่อยละกัน เดี๋ยวมันจะได้ใจ  

     

                “ตกลงเอาไงครับ”  ไอ้เชนเงยหน้ามาถามผม เอาไงดีล่ะ นี่ก็เก๊กหน้าซะตึงไปหมดละ ไอ้เชนมองหน้าผม สักพักมันก็ขำ อ้าว ขำทำไม นี่หน้ากูตลกขนาดนั้นเลยเหรอวะ

     

                “หิวข้าวไหม มีแต่ข้าวกล่องนะ”  ไอ้เชนพยุงตัวเอง เดินกะเผลกไปตรงโซนครัว แล้วก็ยืนโอนเอนขาเดียวเปิดตู้เย็น ผมว่าจะทำฟอร์มอีกสักหน่อย แต่เห็นไอ้เชนทำแบบนี้ ก็อดสงสารไม่ได้ เอาวะ ช่วยมันหน่อย ผมเลยเดินไปทำหน้าเบื่อๆ ไปหามัน แต่มือก็ผลักให้มันหลีก แล้วผมก็หยิบข้าวกล่องแช่แข็งในตู้ออกมา

     

                “จะกินอะไร”  ผมถามไอ้เชนที่กำลังอมยิ้ม ยิ้มทำไมวะ

     

                “เอาข้าวผัด”  นึกว่ามันจะตอบว่าอะไรก็ได้ซะอีก นี่มีเลือกด้วยนะมึง ต้องลำบากผมควานหาในตู้ว่ามันอยู่ตรงไหนไอ้ข้าวผัดเนี่ย ผมหยิบเข้าหยิบออกอยู่หลายทีมองหาว่าไอ้ข้าวผัดมันอยู่กล่องไหน ในที่สุดก็เจออยู่กล่องในสุด ผมต้องเอาข้าวกล่องทั้งหมดออกมาทีละกล่อง หยิบกล่องข้าวผัดออกมา จากนั้นก็ต้องเอาข้าวกล่องทั้งหมดกลับเข้าไปอีกรอบ ลำบากกูมากไปละนะ ผมยื่นให้ไอ้เชนที่อมยิ้มทำหน้านิ่ง มันรับไปแล้วก็เอาไปเวฟ

     

                แล้วผมล่ะ จะกินอะไรดีน้า ตอนบ่ายกินข้าวพะแนงไปแล้ว งั้นตอนนี้กิน เอ้า เชี่ยละ มีแต่สปาเกตตี ผมค้นอยู่นานก็มีแต่พวกสปาเกตตีทั้งนั้น ทั้งซอสแดง ซอสขาว ผัดขี้เมา เอาเห้ย ข้าวหมดแล้วเหรอวะ คือปกติผมก็กินสปาเกตตีนะ แต่หลังจากที่ผมอาหารเป็นพิษ แล้วอ้วกออกมาเป็นเส้นสปาเกตตี ทำเอาผมขยาดอาหารจำพวกเส้นสปาเกตตีไปเลย ข้าวกล่องสุดท้ายคือ ข้าวผัดที่ผมเพิ่งส่งให้ไอ้เชนไป

     

                “เอาของผมไปกินดิ”  ไอ้เชนยื่นข้าวผัดที่เพิ่งเวฟเสร็จมาให้ผม ผมทำหยิ่งอยู่ไม่นาน ไอ้เชนก็ยัดมาใส่มือผม แล้วมันก็กะเผลกมาหยิบสปาเกตตีในตู้เอาไปเวฟ ผมเห็นมันกะเผลกไปกะเผลกมาก็สงสาร เลยบอกให้มันไปนั่งเดี๋ยวหยิบไปให้ มันก็ว่าง่ายนะ เดินกะเผลกจะไปนั่งที่โซฟา โอ๊ย ผมเป็นไรเนี่ย เอาแต่สงสารไอ้เชนอยู่ได้  พอเห็นมันเดินไม่ถนัด สุดท้ายผมก็เข้าไปช่วยพยุงมันไปนั่ง ใจอ่อนอีกตามเคยนะไอ้เจ๋ง

     

     

     

     

     

                หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมกลัวไอ้เชนมันด่าอีก ก็เลยล้างช้อนส้อมที่ใช้กิน นี่ผมต้องล้างของมันด้วย เพราะตอนนี้ไอ้เชนเริ่มไข้ขึ้นอีกละ เออ กูมานอนห้องมึง กูตอบแทนมึงบ้างก็ได้วะ เดี๋ยวจะหาว่ามาอยู่ฟรีกินฟรี

     

                ผมบอกให้มันนั่งรอผมล้างช้อนส้อมให้เสร็จก่อน เดี๋ยวผมจะพยุงมันเข้าไปนอนเอง แต่มันก็ทำซ่าลากสังขารไม่สมประกอบของมันไปเอง สุดท้ายก็ลงน้ำหนักผิดท่า กดใส่แผลเลือดซึมออกมาอีก ทำแบบนี้บ่อยๆนะมึง แผลจะได้เน่า แล้วมึงก็จะโดนตัดเท้า แล้วมึงก็จะไม่ได้เล่นหนัง หนังก็ต้องพับไปเพราะตัวแสดงขาด้วน กูก็จะได้รอดพ้นจากมึงเสียที

     

                ตอนนี้ไอ้ผ้าก๊อชที่ปิดแผลไอ้เชนแม่งดูเละมาก ไอ้เลือดที่ซึมออกมามันเริ่มแห้งเกรอะกรัง เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเชื้อโรคต้องหมักหมมอยู่ในนั้นแน่ๆ ผมเลยบอกให้ไอ้เชนมันเปลี่ยนผ้าก๊อชซะ แต่ก็ต้องเป็นธุระผมวิ่งวุ่นเดินหากล่องพยาบาลมาให้มัน ผมไม่กล้าทำแผลหรอก กลัวจะเป็นทำลายแผลซะมากกว่า แต่ไอ้เชนก็ดึงผมไปดู

     

                “หัดดูเอาไว้ ว่าทำยังไง เวลาเป็นแผลจะได้ทำให้ตัวเองได้”

     

                “ใครจะไปทำเอง ไปให้หมอทำให้ก็จบละ”  พอไอ้เชนมันได้ยินผมพูด ก็ถอนหายใจ อะไรวะ ก็ปกติเวลาผมเป็นแผลก็ไปหาหมอ ไม่ก็ให้ที่บ้านทำแผลให้ ไม่เห็นต้องทำเอง

     

                “ถ้ามันไม่หนักหนามาก การที่เราพึ่งตัวเราเอง ผมว่ามันน่าภูมิใจดีนะ”  โห พูดแบบนี้ก็อึ้งไปเลยสิ โอเคนั่งดูก็ได้วะ

     

                ผมเห็นไอ้เชนดึงผ้าก๊อชออก เปิดให้เห็นแผลที่เย็บไว้ รอบๆแผลมันแดงบวมนิดหน่อย แล้วก็มีคราบเลือดแห้งๆติดอยู่ เห็นไอ้เชนบอกว่าแผลที่เท้ามันติดเชื้อง่าย ยิ่งถ้าต้องเดินไปเดินมา มันสงสัยว่าคงจะติดเชื้อตอนที่เดินกลับมาจากโรงพยาบาลแผลเลยอักเสบ แล้วทำให้มีไข้

     

                ไอ้เชนเลยสอนผมทำแผลให้มัน ตอนแรกก็กลัวๆ มันก็แกมบังคับให้ลองดู ผมทำมันร้องจ๊ากทีนึง เพราะเผลอลงน้ำหนักมือตอนเช็ดแผลแรงไปหน่อย

     

                “โอเค เสร็จแล้ว”  ภูมิใจสุดๆเลยครับ ครั้งแรกของไอ้เจ๋งที่ทำแผลเป็น ผมหันไปยิ้มกว้างให้ไอ้เชนที่กำลังก้มมองดูแผลอยู่ อืม ไอ้นี่มันก็หน้าตาดีใช้ได้นะ จมูกสวย ขนตายาว ถึงผิวจะไม่ขาวแต่ก็เนียน ไม่ยักกะมีสิวนะเนี่ย นั่นตรงมุมปากที่ผมต่อยมันไป เห็นแล้วก็สงสารนะ นี่จะไม่หายามาทาหน่อยเหรอ เห็นแล้วสงสาร โอ๊ยย คำว่าสงสารผุดลอยเข้ามาในหัวมากไปแล้ว  

     

                “มีอะไรเหรอ”  สงสัยไอ้เชนจะรู้ตัวว่าผมจ้องมันอยู่ ผมได้ยินเสียงมันบอกก็ตกใจ

     

                “อ่อ..ป่าวๆๆๆ” นี่ทำไมผมต้องมานั่งมองหน้ามันเนี่ย ไอ้เจ๋งมึงเป็นไรวะ บ้าไปแล้ว     

     

                “งั้นผมนอนก่อนนะ ง่วงละ ตามสบายเลยละกัน”  ไอ้เชนบอกปุ๊บก็ขยับตัวขึ้นไปนอนบนเตียงทันที สบายนะมึง ทิ้งให้กูต้องมานั่งเก็บอารยธรรมซากจากแผลมึงเนี่ย

     

                ผมเก็บของเสร็จหมดแล้ว ว่าจะออกไปนอนที่โซฟาละ

               
                 "ตรงที่โดนต่อยอะ ยังเจ็บอยู่มั้ย"  ไม่ใช่อะไรหรอก ก็แค่ถามไปงั้น อยากรู้ว่าหมัดผมหนักแค่ไหน


                 "ปากอย่างผม ก็สมควรโดนแล้วล่ะ"  ไอ้เชนยิ้มน้อยๆ แต่ก็ต้องชะงักยิ้มเพราะว่าเจ็บที่มุมปาก ทำไมน่าสงสาร ม่ายยยยยยยยยยย อย่าไปสงสารมัน มันสมควรโดนแล้ว พอๆ กลับไปนอนได้ละไอ้เจ๋ง 

     

                “มึงกินยายังอะ”  ทำไมผมต้องถามมันอีกด้วยเนี่ย

     

                “กินแล้ว”  ไอ้เชนลืมตาขึ้นมาตอบผม เออกูไม่กวนมึงละ กูรู้ว่ามึงง่วง

     

                “หนาวไหม”  ถามมันอีกทำไมวะไอ้เจ๋ง อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ

     

                “ไม่หนาวครับ คราวหลังถ้าเห็นผมหนาวก็เอาผ้ามาห่มนะ ไม่ต้องเอาตัวมาห่มผมหรอก เมื่อยเปล่าๆ”  ผมได้ยินก็รู้สึกร้อนๆที่หน้า นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย

     

                “แล้วจะไข้ขึ้นอีกไหมอะ”  ผมว่าผมเป็นบ้าครับ เซ้าซี้มันอยู่ได้ มึงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะไอ้เจ๋ง

     

                “ไม่รู้สิครับ คุณจะนอนเฝ้าผมเหรอ”  มึงก็นะ ตอบกูทุกคำเลย รำคาญกูบ้างก็ได้ ไล่กูไปได้แล้ว แต่เอ๊ะ ตอนแรกว่าจะไม่คิดแล้วเชียว แต่พอได้ยินไอ้เชนพูดทำเอาผมคิดอยากจะนอนเฝ้ามันจริงๆ แต่ไม่ได้ๆๆๆๆๆๆๆ จะมาเฝ้ามันทำไม

     

                “ไม่ดีกว่า เอ่อ............งั้นไปนอนละนะ”  ผมเดินออกจากห้อง กำลังจะปิดประตูห้องให้ไอ้เชนมัน

     

                “ฝันดีนะครับ”  อย่าทำเสียงหล่ออย่างนั้นดิวะ ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆว่ะ แล้วทำไมผมต้องยิ้มด้วย ยิ้มทำไม ไอ้เจ๋ง ก็แค่บอกฝันดี ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน

     

                ฝันดีเช่นกัน’  อันนี้ไม่ได้พูดออกไปนะ แค่บอกในใจก็พอ ไม่กล้าพูดอะ ไม่ชิน 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×