คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
ตอนที่ 3 : เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเพราะนอนไม่หลับ คำว่า ‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ ,‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ ,‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ อะไรกันเนี่ย เสียงไอ้เชน ที่ด่าผมมันวนเวียนไปมา จะเคลิ้มหลับแล้ว ก็ต้องสะดุ้งตื่นกับคำว่า ,‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ อยู่อย่างนี้
“ไอ้เหี้ยเชน เหี้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมตะโกนสุดเสียง เออว่ะ รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ ,‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ ,‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ ,‘ท่อนไม้’ ,‘โง่’ นี่มึงจะตามมาหลอกหลอนกูทำไมเนี่ย ในชีวิตไม่เคยมีใครดูถูกผมขนาดนี้ และพอมีใครมาด่าผม ผมด่ากลับ ไม่ก็ต่อยกลับ แต่นี่คำด่าที่มันด่าผม ทำผมอึ้งทุกครั้ง ความเจ็บใจมันเลยตามมาหลอกหลอนผมไม่หยุด ผมต้องทำยังไงเนี่ย ถึงจะหายจากอาการนี้
ใช่เลย ผมต้องเอาคืนมัน จะด่ามันกลับ หรือว่า ต่อยมันคืนดี ไม่สะใจวะ ไอ้เชนแม่งเหมือนรูปปั้น ด่าไปก็ไม่สะเทือน ไม่แน่ต่อยมันไป ผมอาจจะเจ็บตัวก็ได้ หรือจะจุดไฟเผาห้องมัน ไม่ได้สิ เดี๋ยวลามมาห้องผมอีก แล้วจะแก้แค้นยังไงดีวะ
ความคิดปิ๊งขึ้นมาอีกระลอก มึงเห็นกูเป็นแค่ท่อนไม้ใช่มั้ย มึงบอกว่ากูโง่ใช่ไหม
กูจะทำให้มึงชอบกู ชอบคนที่มึงด่าว่า ท่อนไม้ ด่าว่า โง่ นี่แหละ
กูจะเปลี่ยนให้มึงมาชอบผู้ชาย
ผู้หญิงแต่ละคนที่ผมจีบเนี่ยไม่เกินเดือนนึงก็ตกหลุมรักผมแล้ว กับผู้ชายแม้จะไม่เคยก็ตาม ผมว่ามันก็คงไม่ต่างกัน ก็ผมมันทั้งหน้าตาดี มีเสน่ห์ บ้านรวย เล่นดนตรีเก่ง ร้องเพลงเพราะ ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว
แล้วพอมันตกหลุมรักผมจนโงหัวไม่ขึ้น
ผมก็จะทิ้งมันอย่างเท่ๆ แล้วบอกว่า ผมไม่ชอบผู้ชาย
แค่คิดก็สะใจแล้วว่ะ ผมล่ะอยากให้มันถึงวันนั้นเร็วๆ
แผนที่ 1 : พรหมลิขิต
ขั้นแรกผมต้องไปทุกที่ที่มันไป ให้มันเจอหน้าผมอยู่บ่อยๆ ความรักมันต้องเริ่มจากการพบหน้า เหมือนพรหมลิขิต เจอหน้ากันแล้วกันอีก โดยบังเอิญ มุกนี้ผมใช้บ่อย จริงๆมันไม่มีหรอกไอ้เรื่องพรหมลิขิตนั่น ผมเองแหละที่สร้างพรหมลิขิตขึ้นมา โดยเริ่มจากตอนเช้าเจอกันโดยบังเอิญ
ผมรอมันจะออกจากห้อง แล้วพอมันออกมา ผมก็เปิดประตูมาเจอมัน ทำให้เหมือนบังเอิญ เอาซี่ ไม่ประทับใจก็ให้รู้ไป
“พี่เชน หวัดดีครับ” ผมทักมัน เป็นไง เจอพูดเพราะไปเงิบไหมล่ะ มันหันมามองเฉยๆ ไม่ตอบอะไร แถมทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกว่าผมอยู่ตรงนั้น เอ่อออ แม้หน้ามึงไม่เงิบ แต่กูรู้ว่าใจมึงเงิบแน่ๆ ฮั่นแน่ คิดอยู่อะดิว่าพรหมลิขิต เอาวะเดินตามแม่ง
ผมเดินตามมัน ลงลิฟท์ ตอนแรกนึกว่ามันจะไปเอารถจากลานจอดรถ แต่ผมคิดผิด มันกดลิฟท์ลงมาหน้าล็อบบี้ ผมก็เลยต้องจำใจลงมาพร้อมมันด้วยทั้งๆที่รถผมจอดชั้น 5 ไม่เป็นไร เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ พอถึงวันนั้นผมจะยืนสะใจ หัวเราะให้ดังสุดๆ
ไอ้เชนเดินไปที่ที่จอดจักรยาน อย่าบอกนะว่ามึงจะปั่นจักรยานไป อะไรวะ มีตังซื้อห้องคอนโดแพงๆ แต่ปั่นจักรยานเนี่ยนะ หรือมันจะพวกตามกระแส เห็นช่วงนี้เค้ากำลังฮิตรักษ์โลก รักสุขภาพกัน ไอ้นนท์เคยชวนผมนะ ว่าไปปั่นจักรยานกัน แต่ผมขอบายดีกว่า แค่เห็นก็เหนื่อยละ ถ้าจะออกกำลังกายผมขอไปเล่นฟิตเนส เย็น เท่ๆ ดีกว่า แต่ถ้าผมจะตามมันไป ผมก็ต้องกลับไปเอารถดิ ถ้าผมกลับไปเอารถ กว่าจะขับมาตรงนี้ไอ้เชนคงปั่นจักรยานหนีหายไปละ แล้วควรทำไงดีวะ
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ผมรีบวิ่งไปขอยืมจักรยานพี่ยาม ตอนแรกพี่ยามก็ไม่ให้ยืม ผมเลยให้ตังแกไป 3,000 แบบว่าขอเช่าวันนึง พี่แกก็อึ้งๆ แต่สุดท้ายก็ให้ผมยืมมา พี่ยามชี้ให้ดูว่าจักรยานของแกคันไหน ไอ้ผมก็ดีใจนึกว่าจักรยานเสือภูเขาสีเหลืองคันนั้น แต่ที่ไหนได้ จักรยานแม่บ้านสีชมพู แต่เออเอาวะ มาถึงขนาดนี้ละ สู้ตายเว้ย
จะมีใครที่ทุ่มเทการแก้แค้นได้เท่าผมวะ นี่ปั่นจนปวดน่องแล้ว ไอ้เชนไม่ยักกะหยุดปั่นสักที มึงจะปั่นไปถึงดาวพลูโตเลยหรือไง ผมก็โง่ปั่นจักรยานแม่บ้านของผมตามมันไป เหงื่อออกเหมือนน้ำ หอบเหนื่อยสุดชีวิต นี่มึงไม่เหนื่อยเลยเหรอวะไอ้เชน
ในที่สุดผมก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เอ๊ะ แต่มันคุ้นๆนะ นี่มหาลัยผมเองนี่หว่า มันเรียนที่เดียวกับผมเหรอเนี่ย มิน่าเลือกมาอยู่คอนโดที่ผมซื้อ เพราะว่ามันไม่ไกลจากมหาลัยมาก นั่นไงคณะศิลปกรรม แล้วก็นั่น ตึกเอกดนตรีที่ผมเรียน วันนี้วันอาทิตย์ เลยไม่ค่อยมีใครมา นี่ถ้าเป็นวันปกติแล้วพวกเพื่อนๆผมมาเห็นผมในสภาพนี้ล่ะก็ ผมมีหวังโดนล้อยันลูกบวช
ไอ้เชนเลี้ยวซ้ายอ้อมโรงอาหารที่อยู่ตรงกลางระหว่างคณะศิลปกรรม กับ คณะนิเทศวันนี้เด็กนิเทศมาเต็มเลย มีอะไรหรือเปล่าวะ ไม่นานมันก็จอดข้างตึกนิเทศ นี่มึงเรียนที่นี่เหรอวะเชน
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิตแอบตาม หรือที่เขาเรียกว่า สตอล์กเกอร์ ช่างแม่ง ผมไม่สนครับ มาไกลขนาดนี้แล้ว ผมต้องสร้างพรหมลิขิตให้ได้ ตั้งแต่ผมตามมันมา ภารกิจผมสำเร็จไปแค่ครั้งเดียวคือตอนหน้าห้อง ไม่ได้ละ ผมต้องเร่งทำภารกิจ พรหมลิขิต ให้สำเร็จอีกครั้งให้ได้
ผมเลยเร่งเดินตามมันขึ้นตึกไป ไอ้เชนมันเดินไปกดลิฟท์จะขึ้นไปชั้น 4 เอาล่ะ ไอ้เจ๋งได้เวลาทำภารกิจแล้ว แต่นี่จะทำจริงๆใช่ไหม ผมเห็นบันไดก็เริ่มเข่าอ่อน ไม่อยากจะวิ่งไต่ขึ้นไปเลย แต่ไม่ได้บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ ผมตัดสินใจวิ่งไปให้ทันลิฟท์ของไอ้เชน
หนึ่งชั้น สองชั้น สองชั้นเองเหรอวะ สองชั้นครึ่ง ทำไมมันไม่ถึงสามสักทีวะ เอ้า สามชั้นละ อีกชั้นเดียว ไอ้เจ๋งสู้ดิวะ อย่าเพิ่งหยุด ผมใส่พลังสุดชีวิตวิ่งขึ้นไป จนในที่สุดก็ทันลิฟท์ชั้น 4 ผมรีบไปรอ ทั้งๆที่เหนื่อยมาก แต่ก็ต้องปั้นหน้านิ่งไว้ เหงื่อมึงอย่าเพิ่งไหลดิ รอกูทำภารกิจเสร็จก่อน แต่ตอนนี้โลกหมุนๆนะ สงสัยจะเหนื่อย
“อ้าว เจอกันอีกแล้วนะ พี่เช...” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ไม่ทันที่ผมจะได้ดีใจกับพรหมลิขิตที่ผมสร้าง โลกมันก็เอียง สงสัยจะเหนื่อยจนเป็นจะลม ผมล้มทั้งยืนทันที ไอ้เชนก็หันมาเห็นพอดี เกินกว่าแผนที่วางไว้ว่าแค่พรหมลิขิตบันดาลให้พบหน้า แต่นี่ผมกำลังอยู่ในซีนขายของหนังรักเลย คือเป็นลมแล้วมีคนมาอุ้ม
“ป้ากกก!!!” ทำไมไม่เหมือนในหนังวะ ไอ้เชี่ยเชนมึงไม่พระเอกเลยว่ะ ปล่อยกูล้มกระแทกพื้น เจ็บสัด ตาผมพร่ามัวไปหมด ไอ้เจ๋งเอ๊ย ออกกำลังก็ไม่ค่อยออก ยังเสือกซ่า ทั้งปั่นจักรยานกลางแดดสุดแรง แถมยังโง่วิ่งแข่งกับลิฟท์อีก ไม่เป็นลมก็ให้มันรู้ไปดิวะ ซวยแล้วมั้ยล่ะไอ้เจ๋ง ไหนวะพรหมลิขิต กูเห็นแต่พื้น ผมนอนเวียนหัว ตาพร่า อยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นวี่แววว่าไอ้เชนจะมาใส่ใจอะไร เออ ไอ้เชน ไอ้เลว มึงปล่อยกูไว้งี้แหละ เดี๋ยวร่วมกตัญญูก็มาเก็บศพกูไป
ตัวผมลอยวูบขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนมีใครมาอุ้ม ตาผมก็มัวพร่าๆ เวียนหัววิ๊งๆ ผมเห็นผมหยักศกยาวมัดรวบตึง หนวดเคราน้อยๆ ตาโต ขนตายาว จมูกโด่ง ไอ้เชน เองหรอ มึงไม่ปล่อยกูเน่าตายก่อนล่ะ ถึงมาช่วยกู ตอนนี้ผมขอหยุดทำภารกิจสักพักก่อนละกัน ชีวิตตัวเองสำคัญกว่า ทันใดนั้นผมก็วูบไป
ผมได้สติมาอีกทีก็มานอนอยู่บนพื้นห้องเรียน ยังมึนหัวอยู่หน่อยๆ ตรงจมูกผมมีกลิ่นยาดมน้ำติดอยู่ ไม่นานพอผมพยุงสติตัวเองได้ ก็เลยมองหาไอ้เชนว่าอยู่ที่ไหน ผมเห็นมันยืนดูอะไรบนโต๊ะ ผมเลยแหงนขึ้นมองให้ชัด ไอ้เชนกำลังนั่งมองรูปถ่ายขาวดำที่บนโต๊ะมีอยู่หลายใบ
“พี่เชน เอายาดมป้ายจมูกเค้าแค่นั้นจะโอเคเหรอ” ผมได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนดังมาจากฝั่งที่ใกล้กับประตูทางออก
“ไม่เป็นไรหรอกพฤกษ์ เดี๋ยวเขาก็หาย แค่เป็นลมเฉยๆ ขอบใจที่หายาดมมาให้นะ แต่พี่ขอยืมก่อนละกัน” คนที่ไอ้เชนคุยด้วยใช่พฤกษ์วง Again หรือป่าววะ เสียงคุ้นๆ
“เอาไปเลยพี่ ไม่เป็นไร” ไม่นานโทรศัพท์ของคนที่ชื่อพฤกษ์ก็ดังขึ้น
ท่านกำลังเข้าสู่บริการ รับฝาก..... หัวใจ.....
เพลงอะไรวะ โจ๊ะดี เดี๋ยววันหลังผมต้องไปหามาฟังบ้าง
“เออ รู้แล้ว................. มึงไม่ต้องกลัวกูหายขนาดนั้น........... เดี๋ยวรีบไป.......... เอายาดมมาให้พี่เชน........... พี่เชน ปี 4 ไง ........คนที่ได้รางวัลรูปถ่ายยอดเยี่ยมของปีนี้ไง ......................นอกใจเชี่ยไร ............มั่วละมึง ............พี่เชน ผมไปก่อนนะ” อะไรวะบทสนทนานี้ เหมือนคนที่ชื่อพฤกษ์คุยกับแฟนเลย แต่คุยกับแฟนหยาบคายขนาดนี้เลยเหรอวะ แปลกดีเว้ย ผู้หญิงก็นะจะมาหึงอะไร
ผมชะเง้อดูไอ้เชนก้มๆเงยๆมองภาพอยู่สักพัก ก็เห็นมันทำท่าจะเดินมาทางผม ผมเลยรีบนอนลงท่าเดิม แกล้งหลับตา ให้เหมือนยังไม่ฟื้น
ไอ้เชนเดินมาแล้วนั่งยองๆอยู่ข้างๆผม แล้วมันก็เอายาดมมาแกว่งอยู่ตรงจมูกผม สักพักก็หยดยาดมน้ำออกมาป้ายจมูก ผมแง้มตามองหน้ามันดู มันขำเว้ย ขำน้อยๆ นี่มึงก็มีอารมณ์อื่นเหมือนกันนี่หว่า
“ถ้าคุณจะแกล้งหลับ ก็ทำให้เนียนกว่านี้หน่อยนะ “ ไอ้เชนรู้ได้ไงวะว่าผมแกล้งหลับ ผมแค่แอบแง้มตาดูนิดเดียวเอง นิดเดียวจริงๆนะ ไอ้เชนเลยลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะเดิมที่มันดูรูป
สักพักมันก็เก็บภาพพวกนั้นใส่ในซองสีน้ำตาล แล้วก็เก็บใส่กระเป๋าเป้ พร้อมจะแบกขึ้นหลัง มันคงกำลังจะออกจากห้อง ผมเลยพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน แต่ก็รู้สึกวูบน้อยๆ เลยต้องพิงกำแพงไว้
“จะไปแล้วเหรอ” ผมถามไอ้เชน ที่กำลังแบกเป้ขึ้นหลัง
มันไม่ตอบอะไร แค่หันหน้ามามองเฉยๆ ผมอยากจะหงุดหงิดหับท่าทางมันเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ อาการวูบๆมันยังไม่หายสักที สงสัยแผนประชิดตัวของผมไม่ค่อยเข้าท่าละ ถ้าผมต้องมาทรมานแบบนี้
แผนที่ 2 : หลอกล่อให้เห็นใจ
“อย่าเพิ่งไปดิ ขอให้หายมึนหัวก่อนได้ไหมครับ” แม้ผมอยากจะอ้วกกับประโยคที่ผมพูดออกไป แต่เพื่อเป้าหมาย คือ หลอกล่อให้เห็นใจ ผมยอมกลืนอ้วก
นั่นไงมันหันมาแล้ว ฮั่นแน่ มีชะงัก ไม่เดินต่อ เอาแล้วไง เอาแล้วไง ติดกับแล้วเว้ย แม่งเดินมาละ
“คราวหลังถ้าจะโรคจิตตามกันขนาดนี้ ก็หัดฟิตร่างกายซะบ้างนะ จะได้ไม่เป็นลม สร้างภาระให้คนอื่น” อึ้งเลยครับ ทุกคำบาดลึก เจ็บจี๊ด แถมแผนการที่อุตส่าห์ทำมา ล่มครับ มันรู้ได้ไง หรือว่าผมทำโฉ่งฉ่างไป ผมว่าผมก็ไปมาดุจสายลมแล้วนะ
ไอ้เชนเดินหนีไปหน้าตาเฉย เห้ยมึง รอกูด้วยดิวะ ห้องมันวังเวง กูไม่ชอบ ผมเลยค่อยๆเตาะแตะเดินเกาะกำแพงตามมันไป ไอ้อาการหน้ามืดนี่เมื่อไรจะหายวะ นี่ผมอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ไอ้เชี่ยเชนมึงก็จ้ำอ้าวเลยนะ ไม่รอกูเลย ผมว่าผมควรล้มเลิกแผนเดิมๆ แล้วลองคิดแผนใหม่ที่เข้าท่ากว่านี้ดีกว่า
“โอ๊ย!!!!!!!!! ปวดหัวมากเลย...... ทำไงดี” ผมทำสำออยเสียงดังๆ ไอ้เชนมันหันมาเว้ย สงสัยแผนนี้น่าจะได้ผล ว่าไปผมนี่เหมือนนางร้ายในละครเลยว่ะ แต่เอาวะ เพื่อเป้าหมาย ตุ๊ดแตกนิดหน่อยไม่เป็นไร
“นี่ยาดมนะ (มันยัดยาดมใส่มือผม) ดมไว้เผื่อจะได้สติ ว่าที่ทำอยู่น่ะ ทุเรศ ผู้ชายเขาไม่ทำกัน” มึงด่ากูขนาดนี้มึงฆ่ากูเลยมั้ย อะไรวะเนี่ย พอๆ วันนี้พอ ไอ้เจ๋งกลับไปตั้งหลักใหม่ ลูกไม้ตื้นๆ ใช้กับไอ้เชี่ยนี่ไม่ได้ วันนี้กูจะปล่อยมึงไปก่อน วันหน้ามึงจะพิศวาสกูจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่
โชคดีที่วันนี้ทั้งวันผมไม่มีนัดหมายอะไร เพราะกว่าผมจะปั่นจักรยานแม่บ้านของพี่ยามกลับไปคอนโดได้เนี่ย ทำเอาเหนื่อยเหมือนจะขาดใจ และพอกลับมาที่ห้องก็หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็เย็นละ เลยขี้เกียจจะออกไปไหน แต่ก็หิวนะ สุดท้ายเจอในตู้เย็นมีอาหารแช่แข็งอยู่ ผมเลยหยิบเอาไปอุ่นกับไมโครเวฟ
สปาเกตตี้กล่องก็โอเคนะ แก้หิวไปได้ แม้จะกลิ่นแปลกๆ แต่คือหิวไง เลยซัดชะหมดอย่างเร็ว พอท้องอิ่ม ก็เปิดดูทีวีแป๊บนึง แล้วก็มีไอเดียแว้บขึ้นมาว่า
ไอ้เชนมันอยู่ห้องตรงข้ามนี่หว่า เข้าทางเลย เดี๋ยวพอตกดึก แกล้งทำเป็นป่วย แล้วให้มันพาไปหาหมอ โห แผนการร้ายกาจ มึงไม่เห็นใจคนป่วยก็ใจร้ายไปละ เดี๋ยวต้องรอให้ดึกๆหลังเที่ยงคืนไป ให้มันเข้าใจว่าพึ่งใครไม่ได้ นอกจากมัน งั้น ตอนนี้หลับรอไปก่อน
“ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมเคาะห้องไอ้เชนเสียงดัง ลืมไปว่ามันคงไม่เปิดให้แน่ๆ ผมเลยตะโกน
“พี่เชนนนนนน เปิดประตูหน่อย” แต่ไอ้เชนยังเงียบ
“ไอ้เชี่ยเชน เปิดประตูหน่อยยยยยยย” ผมตะโกนเสียงดัง ผมได้ยินเสียงมันเดินมาเปิดประตู พอประตูเปิดผมก็เห็นไอ้เชนในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นมองหน้านิ่งมาที่ผม
“พากูไปส่งโรงบาลหน่อย” มันมองผมอย่างสงสัย มึงจะสงสัยเชี่ยไรวะ คนไม่สบายนะเว้ย
“ถ้าจะแสดงเป็นคนป่วย ก็ทำให้เนียนกว่านี้หน่อย”
อ้วกกกกกกกก!!!” เนียนพอไหมมึง ผมอ้วกเลอะตัวมันเลย เป็นครั้งแรกที่เห็นมันทำหน้าตกใจ
“นี่คุณลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอ” ไอ้เชนทำหน้าไม่พอใจ เป็นบุญนะเนี่ยที่ผมได้เห็นหน้าแบบนี้ของไอ้เชนมัน
“กูไม่ได้แกล้งทำ กูป่วยจริงๆ ไอ้สัด กูปวดท้องจะตายอยู่แล้วววววววววววววว” วันนี้เป็นวันซวยอะไรของไอ้เจ๋งวะ เมื่อเช้าเป็นลม ตกดึกปวดท้อง จริงๆตอนแรกก็คิดว่าจะทำตามแผนที่วางไว้นั่นแหละ แต่พอถึงเวลาไม่ต้องแสดงเลยครับ มันเป็นจริงๆ สงสัยเพราะสปาเกตตี้ แน่ๆ กูว่าแล้ว ว่าทำไมกลิ่นมันแปลกๆ
“นี่ป่วยจริงเหรอ” มึงอย่าทำหน้าไม่เชื่อดิ กูปวดท้องจะตายเหมือนไส้จะขาด พากูไปส่งโรงบาลก่อน
ผมนั่งลงกองกับพื้น ไม่ไหวแล้วจริงๆ ปวดมาก ไอ้เชนคงเห็นหน้าผมซีดเลยเอามือมาแตะตัวผม แล้วก็ทำหน้าตกใจ มันเดินกลับเข้าไปในห้องสักพัก ก็กลับมาในชุด เสื้อยืด กางเกงยีนส์ นี่มึงไม่ล้างคราบอ้วกที่แขนมึงหน่อยเหรอ กูเห็นแล้วกูก็อยากจะอ้วกอีกรอบ
ไอ้เชนประคองผมเข้าไปในลิฟท์ ผมก็นึกในใจว่า ไอ้เชนมันจะมันจะพาผมไปยังไงเนี่ย หรือว่าจะปั่นจักรยานไป ถ้าทำอย่างนั้นจริงกว่าจะถึงโรงพยาบาลผมคงตายก่อน
“แปร้ดด” สปาเกตตี้นอกจากจะออกจากปากแล้ว ตอนนี้ก็กำลังจะออกจากก้นด้วย
“เห้ย อย่าเอาไปเล่าให้ใครฟังนะเว้ย” อายสิครับ เจ๋ง นักร้อง นักแสดงชื่อดัง ตดคาลิฟท์ ถ้าโลกจะรู้เรื่องนี้ผมขอกลั้นใจตายดีกว่า
“เอาแพมเพิร์สไหม เดี๋ยวแวะซื้อ” นี่มึงหวังดีกับกูหรือว่ามึงกวนตีนกันแน่วะ เยื่อมันยังไม่ออกมาเว้ย กูยังมีมารยาทพอ
ไอ้เชนพาผมลงลิฟท์มาชั้น 2 จักรยานไม่ได้จอดชั้นนี้นี่ แล้วมันก็ประคองผมไปที่ลานจอดรถ แบกลากกันจนมาหยุดอยู่ที่รถ Toyota Prius สีขาว อ้าว มึงมีรถยนต์ด้วยเหรอวะ แต่ก็ดี กูจะได้ถึงโรงพยาบาลไวๆ ผมพาร่างตัวเองมานั่งในรถ ไอ้เชนเข้ามานั่งและกำลังจะขับออกไป
“อ้วกกกกก” ก๊อกสองครับ พยายามห้ามสุดชีวิตแล้วครับ แต่ไม่ไหวจริงๆ ผมหันไปมองไอ้เชนแบบรู้สึกผิดเต็มขั้น แต่ผิดจากที่ผมคิดครับ ผมคิดว่ามันจะไม่พอใจที่ผมทำรถมันเลอะ ใครจะไปทนได้ที่มีคนมาอ้วกในรถสุดรักของเรา ผมคนนึงล่ะที่จะไล่ให้ลงทันทีถ้ามีใครมาอ้วกใส่รถผม แต่ไอ้เชนไม่เป็นแบบนั้นครับ มันหยิบทิชชู่มาเช็ดปาดผมแทนที่จะเช็ดรถ
“ขอโทษว่ะ กูทำรถมึงเลอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก รถเปื้อนก็ล้างได้ คุณอ้วกออกมาเหอะ จะได้สบาย” มึงให้กูอ้วกได้น่าตาเฉยเลยเนี่ยนะ อย่าดีกว่าถึงผมจะเกลียดขี้หน้ามันมากขนาดไหน ผมก็ไม่อยากอ้วกเรี่ยราดไปเรื่อยหรอก ผมเลยขอใช้ถังขยะเล็กในรถมัน มาทำหน้าที่รองรับเศษอาหารจากกระเพราะผมชั่วคราว
ไอ้เชนโทรหาโรงพยาบาลทันทีพร้อมกับขับรถออกไป จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ หันมาถามเป็นระยะว่าโอเคไหม ไม่ก็ลูบหลังให้เวลาผมอ้วก กลางทางผมปวดอึมาก มันก็รีบหาปั๊มจอดให้ทันที แถมยังพยุงผมไปห้องน้ำด้วย คือเชนตอนนี้กับไอ้เชนตอนที่มันด่าผม แม่งต่างกันมาก ตกลงอันไหนคือตัวจริงของมันกันแน่
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลผมก็หมดแรง หน้ามืดเลยทีเดียว อ้วกไปจนไม่มีอะไรเหลือ แถมเข้าห้องน้ำไป 3 รอบ ดีที่ไอ้เชนมันโทรมาบอกโรงพยาบาลไว้ก่อน เขาเลยเอารถเข็นมารอรับทันที
ผมนั่งรถเข็น ในใจก็รู้สึกกลัว ผมอยากจะโทรหาม๊ากับเตี่ย แต่ดันลืมเอาโทรศัพท์มาด้วย ผมว่าผมเบลอมาก ปวดหัว เวียนหัว ปวดท้อง ทุกอย่างมันสุมท่วม จนผมรู้สึกว่าชีวิตเรามันบอบบางขนาดนี้เลยเหรอ วะ คนเรามันอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอวะ ผมปวดท้องจนน้ำตาไหล มันไม่ไหวจริงๆ ไม่เคยทรมานมากขนาดนี้มาก่อน
“เชนมึงอย่าเพิ่งไปไหนนะเว้ย” ไม่รู้เหมือนกันว่าผมบอกประโยคนั้นกับเชนไปได้ยังไง ผมเห็นไอ้เชนเดินตามผมมาข้างๆ ไม่พูดอะไร ก่อนที่ผมจะเข้าไปห้องฉุกเฉิน ไอ้เชนก็ก้มลงประซิบข้างหูผมว่า
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ไปไหนหรอก”
ความคิดเห็น