ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่จิ้น The Movie (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #1 : ไอ้เจ๋งมึงเซ็นไปได้ยังไง

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 57


    ตอนที่ 1 : ไอ้เจ๋งมึงเซ็นไปได้ยังไง

     

     

                “เชี่ยยยยย !!! กูเซ็นไปได้ไงวะ”  ผมตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดัง ไอ้ธิวเพื่อนร่วมวง ส่งเสียงด่าสารพัดสัตว์ตามมา ก็จะไม่ให้ตกใจได้ไง ก็ไอ้ธิวถ่ายรูปใบสัญญาตกลงรับเล่นหนังส่งมาให้ผมดู ผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันเป็นหนังปกติที่ผมเคยเล่น จะบทบู๊ เลิฟซีน หนังดราม่า พ่อตาย แม่ยายเสีย พายุเข้า ซึนามิถล่ม ผมโอเคหมดแต่หนังเรื่องนี้มันคือแบบ

     

                “กูฟังเจ๊ส้มเล่าก็ขนลุกว่ะ ไอ้เจ๋ง มึงรับเล่นหนังเกย์แล้วเหรอวะ”  ไม่ใช่แค่มึงที่ขนลุก กูก็ขนลุกพรึบตั้งแต่อ่านบทละ แล้วก็เซย์โนไปโดยไม่ต้องคิดเลย อ้อ เจ๊ส้มเนี่ยเป็นตุ๊ดตัวใหญ่ หรือจะเรียกกะเทยควายก็ไม่ผิด เจ๊แกเป็นผู้จัดการวงพวกผมวง Black Flag วงร็อคที่ดังที่สุดในประเทศ ส่วนผมก็เป็นนักร้องนำที่หล่อที่สุดของวง แต่อย่าเพิ่งให้คุยครับเดี๋ยวจะยาว กลับมาเรื่องหนังก่อน ผมยังแปลกใจว่าผมเซ็นสัญญาฉบับนั้นไปได้ยังไง แล้วดูจากวันที่ที่เซ็นมันก็ผ่านมาเดือนนึงแล้ว

     

                “กูไปเซ็นตอนไหนวะ หรือว่าอีเจ๊ปลอมลายเซ็นกู”

     

                “ลายเซ็นมึงเซ็นยากชิบหาย อย่างกะลงอักขระ อีกอย่าง อีเจ๊ก็ไม่เป็นคนแบบนั้น”  จริงอย่างไอ้ธิวว่า ถึงเจ๊ส้มแกจะหน้าเงิน งานอะไรเข้ามาแกรับหมด คิวเช้าต่อเย็น รับอีกทีดึก แกก็ยัดมาให้พวกผมทำ ไม่สนว่าพวกผมจะเหนื่อยไหม แต่ไม่ว่าจะหน้าเงินขนาดไหน เจ๊แกก็ไม่เคยโกง ไม่เคยรับงานโดยไม่ถามพวกผมก่อน (แม้หลายครั้งจะทั้งตื๊อ ทั้งบังคับให้ทำก็เหอะ)

     

                “แล้วนี่กู หน้ามืดไปเซ็นตอนไหนวะเนี่ย”  ผมเกาหัวแรงๆ สมองก็นึกว่าตัวเองไปเซ็นไอ้สัญญาฉบับนั้นตอนไหน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก

     

                “สัดธิว มึงไปถ่ายสัญญามาได้ไงวะ”

     

                “ก็อีเจ๊หน้าระรื่นเอามาให้กูดู กูก็แปลกใจนะว่ามึงตกลงรับเล่นได้ไง ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ยังไงก็ไม่เล่น”

     

    สาเหตุง่ายๆที่ผมไม่อยากจะเล่นหนังเรื่องนี้ก็คือ มันเป็นหนังรักโรแมนติก ชาย ชาย ครับ ผมไม่ได้รังเกียจนะครับ ปกติก็มีคนรู้จักที่เป็นแบบนี้เยอะ แถมยังเฉยๆถ้าในบทจะมีแค่จับมือ แสดงออกทางสายตา จูบแบบใช้มุมกล้อง อะไรแบบนี้ แต่คือที่รับไม่ได้ ก็พออ่านบทแล้วแม่งมีฉากจูบจริงนี่แหละ ย้ำนะครับว่า ต้องจูบจริง  ผมเลยสยองสุดๆ  แถมอีเจ๊ยังบอกอีกว่าเป็นฉากสำคัญตัดไม่ได้ด้วย ผมล่ะปาบททิ้งเดินหนีเลย อีเจ๊ก็เดินตามต้อยๆบอกว่า บทมันดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทางค่ายตั้งใจจะให้เป็นหนังที่ดี ไม่ได้มีมุมแบบ ชาย ชาย อย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว อยู่ด้วย (อย่ามาหว่านล้อมเลยอีเจ๊ แค่มีฉากจูบกูก็บายแล้ว)

     

                “กูไปขอถอนตัวตอนนี้จะทันไหมวะ” 

     

                “ไม่รู้ว่ะ กูว่ามึงรีบโทรหาอีเจ๊เลยดี...”  ผมไม่รอให้ไอ้ธิวพูดจบ รีบตัดสายมันทิ้งแล้วต่อสายถึงเจ๊ส้มทันที

     

                ฉันมีชีวิตจิตใจ ทำไมไม่เข้า...ใจกันบ้างงง ... มีทุกข์มีสุขผิดหวัง ไม่ต่างอะไรกับคนอื่น  เสียงรอสายอีเจ๊นี่ไม่เคยจะเปลี่ยนเลย

     

                “สวัสดีจ้ะ ที่รัก”  เจ๊ส้มทำเสียงผู้หญิงทักทาย เมื่อก่อนตอนแรกๆที่ผมได้ยินก็ขนลุก แต่ตอนนี้ชินละ

     

                “อีเจ๊ ไอ้สัญญาหนังที่ให้ไอ้ธิวดู กูไปเซ็นเมื่อไหร่วะ”  แม้ว่าเจ๊ส้มจะอายุมากกว่าผม 5 ปี แต่ด้วยความที่สนิทกันมากก็เลยเรียกกูมึงกันจนติดปาก ซึ่งก็พาเอาคนอื่นในวงพูดกูมึงกับอีเจ๊กันหมด อีเจ๊แกก็ไม่ว่าไร แถมยังชอบด้วยซ้ำ บอกว่าเวลาด่ากันจะได้ไม่เคอะเขิน แต่ก็มีคนนึงในวงที่ไม่พูดกูมึงกับอีเจ๊ เพราะว่ามันเป็นคนถือเรื่องมารยาท คนนั้นก็คือ ไอ้นนท์ มือกีต้าร์ประจำวง

     

                “ก็ตามวันที่ในนั้นเลย”

     

                “อีเจ๊ อย่ามากวนตีน กูเครียดอยู่”

     

                “อีเจ๋ง  กูไม่ได้กวน ก็วันนั้นมึงเซ็นต่อหน้าคนเยอะแยะเลย” อีเจ๊หัวเราะคิกคัก  ผมเลยพยายามนึกว่าวันนั้นคือวันไหน 1 พฤศจิกา วันนั้นทำอะไรวะ คิดสิคิด ไอ้เจ๋ง วันนั้นมีงานแถลงข่าววง Again งานจบก็มีปาร์ตี้ ไอ้นนท์ก็ชวนผมกับเพื่อนในวงไปด้วย แล้วผมก็เจอพี่แบงค์ที่เป็นผู้กำกับ MV ให้วง Again แกเล่าว่ากำลังจะกำกับหนังเรื่องใหม่ แต่ยังหาตัวเอกอีกคนไม่ได้ พอแกเล่าเนื้อเรื่องมาเท่านั้นล่ะ ผมรีบชิ่งเลย เพราะว่ามันเป็นหนัง ชาย ชาย ที่ผมปฏิเสธมาตลอด แกก็ตื๊ออยู่นาน จนผมรำคาญเลยเหวี่ยงแกไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก กินเหล้าตามปกติ รู้สึกตัวอีกทีก็เย็นของอีกวันแล้ว เห้ย! แล้วเวลาที่หายไปล่ะ  หรือว่าผมจะ

     

                “พี่แบงค์แกมีคลิปตอนมึงเซ็นด้วยนะ เดี๋ยวกูส่งให้ดูในเมล”  เจ๊ส้มพูดเสร็จก็เงียบไป ผมเลยรีบลุกไปหน้าคอมแม็คบุคโปรราคาเกือบแสนที่เพิ่งสอยมา ถามว่าใช้อะไรบ้าง เอ่อ ก็เล่นเน็ต พิมพ์งาน เล่นเกม อ้อ มีฟังเพลง ดูหนังด้วย อย่าเพิ่งด่าว่าใช้ไม่คุ้ม มีไว้เท่เป็นพอ กลับมาเรื่องคลิปก่อน แล้วนี่เมลใช้พาสเวิร์ดไรวะเนี่ย  1 แปดตัว หรือ 2 แปดตัว ไม่สิต้องมีตัวหนังสือตัวเล็กตัวใหญ่ด้วย 1 หกตัว โอใหญ่ โอเล็ก เห้ยถูกด้วย เดี๋ยวสงสัยต้องจดซะละกลัวลืม

     

                “ส่งไปละ เช็คเมลดู”  เจ๊ส้มบอกปุ๊บ เมลก็เข้าทันที ผมคลิกเปิดดู ก็เห็นเป็นภาพในงาน หน้าตาผมตอนเมาก็ยังหล่อใช้ได้นะเนี่ย

     

                “เพ่แบงค์ ผู้กำกับมือหนึ่งของประเทศ หวัดดีครับ”  นี่ผมทำอะไรลงไป จะหวัดดีทำห่าไรฟะ แล้วนี่ยืนยังจะไม่ไหวยังจะเต้นทำติ่งอะไรเนี่ย

     

                “หวัดดีครับ คุณรัช ศิลปินหน้าใหม่มาแรงของประเทศ สวัสดีคุณพฤกษ์ศิลปินหน้าใหม่มาแรงของประเทศ หวัดดีพี่โบ โปรโมเตอร์สาวแสนสวยที่สุดของประเทศ”  กูทำเชี่ยไรลงไปวะ ไล่ไปหวัดดีเขาไปทั่ว    

     

                “หวัดดี เพ่แบงค์ ผู้กำกับมือหนึ่งของประเทศ”  แล้วจะไปหวัดดีเขาอีกรอบทำไม ในคลิปพี่แบงค์พาผมไปนั่งที่โซฟา ผมก็ยกมือไหวปลกๆ เอาเข้าไป เสียภาพพจน์หมด

     

                “เจ๋งพี่ขอไรอย่างดิ”  ผมเห็นพี่แบงค์หยิบสัญญาขึ้นมา เอาแล้ว.. ไอ้เจ๋งเริ่มเดาได้ละ ว่าเรื่องมันจะจบยังไง

     

                “ได้ดิพี่ พี่อยากให้ผมทำไร ว่ามาเลย หวัดดีครับ เพ่แบงค์ ผู้กำกับมือหนึ่งของประเทศ”  ยกมือไหว้เข้าไป นี่กูไปอดอยากการไหว้มาจากไหนวะ

     

                “มาเล่นหนังให้พี่หน่อยดิ อะเซ็นตรงนี้เลย”  ไอ้เชี่ยพี่แบงค์มึงขี้โกงกูนี่หว่า หลอกกูตอนเมา นี่กูไปฟ้องปวีณาได้ไหมวะ

     

                “เห้ยพี่ หนังเกย์ ผมไม่เล่น”  แอบดีใจนิดนึงตรงที่ แม้ว่าจะเมาแต่ยังยึดอุดมการณ์มั่นคง (เหรอวะ)

     

                “โห ไม่ใจเลยว่ะ คนเรามันก็ต้องลองทำอะไรที่ท้าทายบ้าง” คือฟังจากเสียงพี่แบงค์ มึงแม่งไม่ค่อยเมาเลยนี่หว่า

     

                “ใครไม่ใจ ผมใจว่ะพี่  มาเลย....ไหน เซ็นตรงไหน ผมเป็นคนชอบความท้าทาย”  อืมมม อุดมกง อุดมการณ์ ไม่เหลือ ใจง่ายชิบหาย โดนท้าหน่อยก็ไปล่ะ ผมล่ะอยากจะตบกะโหลกไอ้เจ๋ง (ตัวเอง) ที่อยู่ในคลิปจริงๆ เมาทีไร แม่งเรื้อนทุกที

     

                “ดูแล้วเป็นไงบ้าง ฮิๆๆๆ”  เจ๊ส้มหัวเราะชอบใจใหญ่

     

                “เชี่ยยยย กูขอถอนตัวได้มั๊ยวะ”  ผมเริ่มใจไม่ค่อยดี ร้อนๆหนาวๆ

     

                “ไม่ได้ นี่มึงรู้มั๊ย หนังเรื่องเนี้ยเขาเตรียมถ่ายมานานแล้ว เหลือแค่รอมึงตกลงรับ แล้วพอมึงเซ็นสัญญาปุ๊บ เขาก็เริ่มงานทันที ตอนนี้คงใกล้พร้อมจะถ่ายละ”  อีเจ๊ทำเสียงจริงจัง แต่กูจับพลังงานบางอย่างได้นะว่าจริงๆมึงกำลังแอบยิ้มสะใจอยู่

     

                “ไม่เอาอะ กูไม่เล่น”  ถ้าผมไม่อยากเล่นซะอย่างใครจะทำไม ผมใคร นักร้องสุดหล่อของวง Black Flag วงร็อคที่ดังสุดในประเทศ แถมยังเป็นนายแบบ นักแสดงที่คนต้องการตัวมากที่สุด คุณสมบัติขนาดนี้ ถ้าผมไม่อยากจะเล่น ใครจะว่าอะไรผมได้

     

                “กูว่าละว่ามึงต้องพูดแบบนี้ เอาเหอะ มึงจะไม่เล่นก็ได้ แต่มึงต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา”  ผมได้ยินปั๊บก็ยิ้มเยาะในใจ บ้านกูรวยกูมีตังจ่าย

     

                “มันจะซักเท่าไหร่กัน”      

     

                “100 ล้าน”  อีเจ๊บอกเสียงเรียบ ฟังดูปกติดี ผมก็คิดว่าเออแค่ 100 ล้านเอง

     

                “ไอ้สัด 100 ล้าน!!!!!!!!!!!!!!!  สัญญาห่าอะไรวะ”  ขืนถ้าผมขอตังเตี่ย 100 ล้านเอาไปจ่ายค่าชดเชย สงสัยโดนไล่ให้ไปอยู่ข้างถนนแน่ๆ ยิ่งช่วงนี้เตี่ยยิ่งบ่นว่าผมใช้เงินเปลืองอยู่

     

                “มึงก็ลองดูในใบสัญญาที่ อีธิวส่งให้มึงสิ”  ผมรีบเปิดดูรูปนั้นทันที ขยายดูอ่านไปมา นี่ภาษาไทย
    เหรอวะ อ่านแล้วงง คู่สัญญา ค่าสินไหม สินไหมนี่คล้ายๆสายไหมปะ

     

                “กู...กู... ภาพมันเล็ก กูอ่านไม่รู้เรื่อง” 

     

                “อีเจ๋ง มึงโง่ก็บอกมา กูรู้ว่ามึงอ่านแล้วไม่เข้าใจ เอางี้กูบอกเลย สัญญามันเกินกว่าเหตุ ที่ให้ชดใช้เงินตั้ง 100 ล้าน แต่มึงดันโง่เซ็นไง ก็เลยทำไรไม่ได้ ก็แล้วแต่มึง จะยอมเล่นหนัง หรือจะยอมเสียเงิน 100 ล้าน จะเอาไง ถ้ามึงไม่กล้าขอตังเตี่ยเดี๋ยวกูบอกเตี่ยมึงให้ก็ได้นะ ฮิๆๆๆ”

     

                “อีเจ๊ไม่ต้อง เตี่ยกูกูบอกเองได้”  ผมอยากจะตะโกนดังๆสักที เจ๋งเอ้ย ทำใจร่มๆไว้ ปัญหาต้องมีทางออกสิวะ

     

                “ตกลงมึงจะเอาไง”  อีเจ๊มึงอย่าเร่งกูดิ กูขอคิดแป๊บ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะเว้ย

     

                “กูไปฟ้องเอาได้ไหมวะ”  ผมไม่รู้หรอกว่าไปฟ้องแล้วต้องทำไง เห็นในหนังที่เคยเล่นมันมีแบบ ถ้าไม่พอใจอะไร ก็ไปฟ้องเอา นี่ผมก็ไม่พอใจไงผมก็จะฟ้อง

     

                “เชิญเลยจ้า  อยากฟ้องก็ฟ้องเลยยยยย กูจะนับถอยหลังวันที่มึงต้องเสียตัง 100 ล้าน”  อีเจ๊มึงพูดแบบนี้แสดงว่ากูฟ้องไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาใช่มั้ย  เวรกรรมของไอ้เจ๋ง

     

     เชี่ย นี่กูทำห่าไรไม่ได้เลยเหรอวะ”  ผมขยี้หัวแรงซะจนแสบ  

     

    “รับกรรมของมึงไปละกัน เสือกเมาแล้วมั่วไปเซ็นเอง ช่วยไม่ได้”  ไม่ช่วยแล้วยังสมน้ำหน้ากูอีกนะ เสียงอีเจ๊เวลาพูดแม่งดูสะใจไงไม่รู้

     

    “นี่กูต้องเล่นจริงๆเหรอ”  ไม่รู้จะทำไงแล้ว ผมเลยพูดเสียงให้น่าสงสารเข้าไว้ เผื่ออีเจ๊จะเห็นใจ หาทางช่วยบ้าง

     

                “ใช่ จบป้ะ”  มึงไม่คิดเลยนี่หว่าเวลาตอบ ไม่เห็นใจกูเลยนะอีเจ๊ จำไว้

     

    “ไหนๆก็โทรมาแล้ว พรุ่งนี้มีนัดทำความรู้จักกับทีมนักแสดงตอน 10 โมงนะ ห้ามสาย โอเค แค่นี้ รู้กัน บาย”  เจ๊ส้มวางสายไปทันที นี่มึงคิดว่ายังไงกูก็ต้องไปใช่ไหมเนี่ย ตอนนี้ผมอ้าปากหวอ มองเหม่อ  ในหัวคิดไปต่างๆนานา คราวซวยอะไรของไอ้เจ๋งว้า แล้วนี่จะบอกแฟนคลับว่าไง อุตส่าห์สร้างภาพหนุ่มหล่อชวนฝัน แมนสุดใจ มาตลอด แต่ต้องมาเล่นหนังโรแมนติก ชาย ชาย ชีวิตพังเพราะความเมาแท้ๆเลย หรือว่าชิ่งแม่ง ไม่ได้ดิ ชิ่งไปก็โดนปรับ 100 ล้าน ไอ้เชี่ยพี่แบงค์ มึงอยากให้กูเล่นบทนี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แม่งลงทุนปิดทางออกกูทุกทาง ดีไม่ดี พี่แบงค์อาจจะเป็นคนบอกให้ไอ้นนท์ชวนผมไปงานวันนั้นแล้วก็มอมเหล้าผมด้วยก็ได้ กูว่าชัวร์

     

     

     

                ผมลากสังขารตัวเองมาถึงสถาบันการแสดงตอน สิบโมง สิบนาที สายก็สายดิวะ กูไม่ได้อยากทำนี่หว่า วันนี้เห็นอะไรก็หงุดหงิดไปหมด แม้แต่มดเดินบนพื้น ผมก็หาว่ามันเดินขวางทางแล้ว แต่ก็ไม่กล้าฆ่ามัน เลยได้แต่ด่ามดบนพื้นไปอย่างเดียว พี่ยามหน้าตึกเห็นผมด่ามด คงคิดว่าผมเป็นบ้า หัวเราะใหญ่ เออ มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอกพี่ยาม

     

                ผมเตาะแตะเดินขึ้นบันไดไป สถาบันก็รวย แม่งไม่ทำลิฟท์วะ กูต้องเดินขึ้นตั้งชั้นนึง ตึกมันมีตั้ง 3 ชั้นนี่หว่า ช่างแม่ง ก็กูไม่อยากเดินนี่ ใครจะทำไม โมโหโว้ย แล้วนี่ใครมาวิ่งสวนกู แถมทำหน้าชิลไม่สนใจอีก จะแซงใช่ไหม กูไม่ให้แซง ผมเร่งความเร็วเดินให้เร็วกว่าผู้ชายคนข้างๆ อ้าว แล้วมึงไม่มาแซงกูต่อล่ะ กูอุตส่าห์จะแข่งกับมึง ผู้ชายคนนั้นเดินช้าลงไม่สนใจผม ขัดใจว่ะ ผมก็เลยเดินช้าๆลงบ้าง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่สนใจอะไรผมเลย เหมือนเห็นผมเป็นไรขี้ฝุ่นยังไงยังงั้น  ไม่สนใจใช่ไหม กูก็จะไม่สนใจมึงบ้าง

               

                ผมเดินมาจนถึง Studio 1 ผู้ชายคนนั้นก็เดินมากับผมด้วย นี่มึงคิดอะไรกับกูปะเนี่ย เดินตามกูมาตลอด เห็นกูเป็นคนดังใช่ไหม อยากขอลายเซ็นอะดิ ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ ผู้ชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ห้องที่ผมกำลังจะเข้าไปพอดี นี่มึงมาห้องเดียวกับกูเลยเหรอวะ แล้วมึงไม่สงสัยอะไรเลยเหรอตอนที่กูเดินมาด้วยกันกับมึงเนี่ย ไม่คิดจะถามกูเลยว่างั้น

     

                “หวัดดีครับ ขอโทษนะครับที่มาสาย”  ผมปั้นยิ้มเก่งอยู่แล้ว แม้ในใจจะขัดใจหรือโมโหเท่าไร เมื่อก่อนก็ทำไม่ได้หรอกแต่พออยู่ในวงการนานเข้า ก็ทำให้รู้ว่าการปั้นยิ้มมันเป็นเรื่องจำเป็น ผมก็เลยค่อยๆหัดจนเชี่ยวชาญ เดี๋ยวนี้ปั้นเก่งจนใครจับไม่ได้ว่าผมคิดอะไรอยู่

     

                การปั้นยิ้มของผมไม่เสียเที่ยว ทุกคนในห้องยิ้มให้และบอกว่าไม่เป็นไร แต่ว่าก็มีไอ้บ้าที่เดินมากับผมเมื่อกี้ที่ไม่ได้ยิ้มรับคำขอโทษของผม แต่ช่างปะไร ใครจะไปสน ผมเห็นไอ้เชี่ยพี่แบงค์นั่งอยู่ตรงมุมห้อง นี่ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะ ผมจะเดินเข้าไปด่าสักหน่อย

     

                “โอเค มาครบกันแล้ว เดี๋ยวเรามาแนะนำตัวกันดีกว่า”  ผมเห็นพี่แบงค์ยิ้มก็รู้สึกขัดใจ  มึงยิ้มสะใจกูอยู่ใช่ไหมล่ะ

     

                แล้วแต่ละคนก็แนะนำตัวว่าชื่ออะไรเล่นเป็นตัวไหน ก็ไล่มาตั้งแต่ตัวประกอบ ผมเพิ่งรู้ว่า พี่วัน ก็เล่นด้วย พี่วันเป็นนักแสดงตัวแม่ที่กวาดรางวัลมาแทบทุกเวทีจนไม่รู้จะเอาตู้ที่ไหนใส่ไหว คราวนี้พี่แกมาแสดงเป็นแม่ผมครับ จะบอกว่าดีใจก็ดีใจนะที่ได้ร่วมแสดงด้วย แต่จะบอกว่าเสียใจก็เสียก็เสียใจ ขอโทษนะพี่วัน เรื่องนี้ผมว่าจะขอเล่นส่งๆ ขอไปที ให้มันเสร็จๆ  

     

    แล้วก็มี น้องอุ๋ม สุดน่ารัก ตาโต บ้องแบ๊ง ขาวจั๊วะ มาเล่นเป็นน้องสาวผม ทำไมไม่ให้มาเล่นเป็นแฟนผมวะ โคตรเสียดาย แต่ไม่เป็นไร มันต้องมีฉากน้องสาวหอมแก้มพี่ชายบ้างล่ะวะ

     

    อีกคนก็ เห้ย  เบล เชี่ยยยย มึงมาเล่นเป็นแฟนหญิงกู  ทำไมพระเจ้าไม่เข้าข้างผมบ้างวะ อุตส่าห์จะมีแฟนหญิงก่อนไปคบแฟนชายให้พอชื่นใจบ้าง แต่กลับมาเป็นอีเบล คือเบลมันก็เป็นนางเอกมาใหม่ในวงการที่กำลังขาขึ้น มันก็สวยนะครับ แถมหุ่นก็ดี เสียอยู่อย่างคือ ผมกับมันสนิทกันมาตั้งแต่ ม.ต้น รู้เช่นเห็นชาติกันหมด สนิทแบบถ้าให้จูบมันผมคงรู้สึกเหมือนจูบก้อนหิน นั่นไง ยิ้มทำหน้ากวนส้นมาให้กูแต่ไกล

     

                “ต่อไปตัวเอกของเราครับ ไหน เจ๋งแนะนำตัวหน่อย”

     

                “สวัสดีครับ ผมเจ๋ง รับบทเป็น....”  ตัวละครชื่อเชี่ยไรวะ จำไม่ได้ โอเค ไหนวะบท อ่าวเชี่ยลืมเอามา ซวยแล้วกู ผมยิ้มให้ไอ้พี่แบงค์หนึ่งที เป็นรู้กันว่าจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร

     

                “รับบทเป็น  พัด ...”  พี่แบงค์ส่งสายตาไม่พอใจมา แต่ผมไม่สนหรอกครับ ก็มึงบังคับกูให้มาเล่นนิ

     

                “สวัสดีครับ ผมเชน รับบทเป็น บาส ครับ”  เห้ย!!!!! ไอ้เชี่ยที่เดินมาข้างๆกับผมเมื่อกี้นี่ มึงจะมาแสดงคู่กูเหรอเนี่ย ไหนขอดูดีๆหน่อย แต่งตัว ก็ถือว่าใช้ได้ แต่เรียบไปหน่อย เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้มพอดีตัว รองเท้าล่ะ อืม ผ้าใบ จะดูเซอร์ก็ได้ จะดูเรียบร้อยก็ไม่ผิด  ผมมึงยาวมากนะนั่น มัดหน่อยก็ดี เห็นแล้วรำคาญตา แต่ที่ขัดใจสุดๆ ก็สีหน้า นี่มึงมีหน้าเดียวใช่ไหม จะแสดงได้เหรอวะ หน้านิ่งขนาดนี้ แถมยังไม่เคยเห็นแสดงที่ไหนมาก่อน เด็กใหม่ชัวร์ ไม่รอดละหนังเรื่องนี้ พี่แบงค์กูเสียใจกับมึงด้วย แต่ก็ดีหนังไม่ดังกูจะได้ไม่เสียภาพพจน์มาก

     

                “เชนเค้าเป็นลูกศิษย์ผมที่มหาลัยเองครับ ส่วนเรื่องฝีมือการแสดงต้องดูกันเอาเองครับ ผมไม่อยากจะคุย”  พี่แบงค์ แค่มึงพูดและยิ้มแบบนี้ก็บอกแล้วว่ามึงกำลังคุยโวว่าไอ้นี่แสดงดีว่างั้น มันจะสักเท่าไรเชียว แต่เดี๋ยวก่อน ท่าทางไอ้เชนก็ไม่ได้ตุ๊ดแต๋วอะไร       บุคลิกท่าทางก็ไม่ออกว่าเป็นเกย์ ตัวก็โต แถมหน้าตาแมนกว่ากูอีก แล้วมึงรับเล่นเรื่องนี้ได้ไงวะ หรือมึงแอ๊บอยู่ ถ้าแอ๊บจริงมึงก็แอ๊บได้เนียนมาก

     

                จากนั้นพี่แบงค์ก็ให้ทุกคนลองต่อบทกันดู ผมก็ท่องส่งๆไป แถมบทก็ขอคนข้างๆดูด้วย เพราะว่าผมไม่ได้เอามา แล้วนี่ทุกคนจะหันมามองผมทำไมกัน ก็แค่ต่อบทกันวันแรกจะให้ตั้งใจอะไรนักหนา ท่องๆให้มันจบๆไป นี่เริ่มหิวข้าวละเนี่ย เมื่อไรจะเสร็จ เอาเข้าไป โอ้โห จะจริงจังกันไปไหน มีร้องไห้ด้วย อินกันมากไปป่าวค้าบ แค่ต่อบทกันเฉยๆ วันแรกเข้าใจมั้ยวันแรก

     

                พอต่อบทกันเสร็จพี่แบงค์ก็ให้นักแสดงแต่ละคนมาทำความรู้จักกัน ผมรีบตรงดิ่งไปหาเบลทันที

     

                “มึงรับเล่นเรื่องนี้ได้ไง”  เบล มึงไม่ต้องทำหน้าตาตกใจขนาดนั้นก็ได้

     

                “เรื่องมันยาวว่ะเบล กูขี้เกียจเล่า” จริงๆไม่อยากจะเล่ามากกว่า ถ้ามันรู้ว่าผมเมาจนหลงเซ็นสัญญามาเล่น มีหวังโดนล้อไปถึงรุ่นเหลนแน่ๆ

     

                จากนั้นตามนิสัยขี้เมาธ์ของเบล มันเริ่มพล่ามมาตั้งแต่ว่าพี่แบงค์ชวนมาเล่นหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ปีก่อน (ไอ้พี่แบงค์มึงวางแผนมาเป็นปีเลยเหรอเนี่ย) รอนานมาก จนคิดว่าหนังโดนพับไปแล้ว แต่ต้นเดือนที่ผ่านมาก็มีคนโทรมาบอกว่า พร้อมถ่ายแล้ว ตารางต่างๆออกมาเสร็จสรรพ เบลมันแปลกใจมาก ว่าทำไมจู่ๆ ถึงเริ่มถ่ายกันได้ คือกูก็อยากบอกมึงหรอกนะว่า เชี่ยพี่แบงค์มันรอกูอยู่ เพราะกูเล่นตัวไง เอ้ย ไม่ใช่กูไม่อยากเล่นไงวะ แต่ก็ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล จนหลอกล่อให้กูมาเล่นจนได้

     

                “ตอนกูอ่านบทนะ หน้ามึงลอยมาเลย”  อืมมม มึงอีกคน หรือว่าทุกคนวะ ที่คิดว่ากูเหมาะกับบทนี้

     

                “เหรอ”  ตอบสั้นๆงี้แหละดี เบลมันจะได้ไม่ชวนคุยต่อ ผมจะได้ไปคุยกับน้องอุ๋ม สุดน่ารักซักหน่อย

     

                “ไอ่เจ๋งมานี่ดิ๊”  ไม่ไปได้ไหมวะ พี่แบงค์ กูจะไปหาน้องอุ๋ม แต่ผมคงเลี่ยงไม่ได้ละ เพราะพอเห็นผมจะเดินหนี เหมือนเชี่ยพี่แบงค์มีญาณทิพย์ รู้ทัน รีบเดินมาคว้าผมไปทันที

     

                มันลากผมมายืนอยู่ใกล้ๆไอ้เชน เพิ่งสังเกตว่าไอ้เชนมันสูงกว่าผมนิดนึง และมันยังคงทำหน้านิ่งใส่ผมเหมือนเดิม

     

                “ทำความรู้จักกันหน่อย พระ นาง”  สิ้นคำไอ้พี่แบงค์พูด ผมล่ะหันไปทำตาขวางใส่เลยทันที แต่ดูมันไม่กระเทือนอารมณ์แม้แต่น้อย  นี่ขนาดผมพยายามแผ่รังสีความโหดไปแล้วนะ ส่วนไอ้เชนน่ะเหรอ มันยิ้มมุมปากครับ มึงยิ้มเชี่ยไรวะ

     

                “อีก 2 อาทิตย์เปิดกล้อง กูอยากให้พวกมึงสนิทกันหน่อย บทมันต้องเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วมาเป็นแฟน”  อย่าหวังว่ากูจะสนิทกับไอ้เชี่ยนี่เลยพี่แบงค์ เล่นๆให้มันจบไปเหอะ ไม่ต้องมาสร้างความสนิทอะไรหรอก

     

                “ผมว่าเปลี่ยนตัวแสดงเถอะครับ”  ไอ้เชนมันพูดเองเลยเว้ย ขอบใจมึง มึงเรียกร้องให้เปลี่ยนไปเลย กูเชียร์สุดใจ นั่นไง ไอ้พี่แบงค์ทำหน้างงเลยทีเนี้ย เห็นไหมล่ะ เสือกบังคับกูมา เป็นไง สมน้ำหน้า

     

                “ขืนให้เล่นจะเป็นภาระกับกองเปล่าๆ ทำตัวเป็นเด็กชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบนี้ ใครได้ทำงานด้วยคงเหนื่อยน่าดู”  อืมไอ้เชนนนน กูจะทนให้มึงด่ากูนะ เพื่อที่กูจะได้ไม่ต้องเล่นบทนี้

     

                “นิสัยแบบนี้ใครจะไปชอบลงครับ โดยเฉพาะต้องมาเล่นเป็นคู่รักกัน ขนาดผมยังไม่เชื่อเลย คนดูเขาจะเชื่อได้ยังไง”   นิสัยกูมันเป็นยังไงเหรอวะ ไม่ได้ๆ อย่าไปใส่ใจ เงียบเข้าไว้เป็นพอ อดทนไว้ไอ้เจ๋ง ปล่อยให้มันด่า อีกนิดเดียวพี่แบงค์มันจะเปลี่ยนเอาคนอื่นมาแสดงแทนแล้ว

     

     “อีกอย่าง”  อีกอย่างเชี่ยไรวะ นี่มึงยังด่ากูไม่จบอีกเหรอ

     

    “นึกว่าเล่นหนังมาหลายเรื่องน่าจะเป็นมืออาชีพกว่านี้ นี่คงดังได้เพราะว่าแฟนคลับอวย”

     

    “เชี่ย!!!!!!!!!  มึงเป็นใครวะ มาด่ากูแบบนี้วะ”  ทนไม่ได้จริงๆครับ ว่าจะเงียบให้เรื่องมันจบๆไป แต่ประโยคสุดท้ายที่ไอ้เชนด่า แม่งทำผมเดือดสุดๆ

     

    “คุณไม่ต้องถอนตัวออกจากหนังเรื่องนี้หรอก ผมจะถอนตัวเอง แค่คิดว่าต้องทำงานร่วมกับคุณผมก็ไม่มีความสุขละ” ไอ้เชนพูดหน้านิ่ง ไม่ขึ้นเสียง ไม่โมโห นั่นก็ยิ่งทำให้ผมอยากจะต่อยหน้ามันซักหมัด

     

    “เชิญถอนไปเลย แต่กูไม่ถอน กูเป็นมืออาชีพ แล้วก็ดังได้เพราะว่าฝีมือ ไม่ใช่แฟนคลับอวย”  เอาซี่ มึงจะดวลกับกูใช่ไหม กูพร้อมเสมอ คิดไปคิดมา นี่กูอยากจะเล่นบทนี้เหรอวะ ไม่เป็นไร เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอซัดกับไอ้นี่ให้ตายกันไปข้าง

     

    “ถ้าคุณอยากจะแค่เอาชนะ ผมว่าอย่าดีกว่า”  หน่อยแน่ มึง หาว่ากูแค่อยากเอาชนะเหรอ เอาเซ่ เป็นไงเป็นกัน

     

    “กูไม่ได้อยากเอาชนะ ทุกคนตรงนี้ ฟังไว้เลยนะ ผมจะเล่นเรื่องนี้ให้ได้ทั้งเงิน ทั้งรางวัลเลย จำคำผมเอาไว้”  คนอย่างไอ้เจ๋งฆ่าได้หยามไม่ได้ มาดูถูกกันขนาดนี้ ต้องเจอของจริง แต่ไอ้เชนมันไม่สะทกสะท้านอะไรเลย นี่มึงช่วยมีการตอบสนองกับคำท้าทายของกูบ้างสิวะ ตอนนี้ทุกคนในห้องหันมามองกันใหญ่ ผมเห็นพี่แบงค์พยายามจะเข้ามาห้ามหลายครั้งแต่ก็ห้ามไม่ได้

     

    “ทำให้ได้อย่างที่พูดไว้ละกัน” ไอ้เชนทิ้งประโยคไว้แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไป เดี๋ยวดิวะ ยังเคลียร์กันไม่จบ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบเดินตามไอ้เชนออกไป เชี่ยนี้ จะเดินเร็วไปไหน สุดท้ายผมก็หยุดมันได้ตรงก่อนจะลงบันได

     

    “ผมว่าเราคุยกันจบแล้วนะครับ”  ไอ้เชนหันมาบอกผมเสียงเรียบ กูไม่ชอบที่มึงไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยนี่แหละ เห็นแล้วขัดใจ

     

    “มึงคอยดูละกัน ว่ากูไม่ได้พูดเล่น” พอใจละครับ ให้รู้ซะบ้างว่านี่ใคร ไอ้เจ๋ง นักร้องนำสุดหล่อวง Black Flag นะเว้ย

     

    “ ก็ดีครับ ผมจะรอดู อย่าสักแต่พูดอย่างเดียวล่ะกัน”  นี่มึงด่ากูอีกแล้วนะ กูว่ากูจะไม่ใช้กำลังนะ แต่ขอสักทีเถอะ อึดอัดมานาน ขอระบายความโมโหซักหน่อย ผมเลยกระชากและคว้าคอเสื้อไอ้เชนหวังจะทำเหมือนข่มขู่ แต่เอ๊ะ ตัวมันไม่ยักกะหันมาเหมือนในหนัง หรือผมทำผิดวิธี ตอนนี้ไอ้เชนมันหันหน้ามาช้าๆ มองผมด้วยสายตาแปลกใจ

     

    “คุณจะทำอะไร”  ตอนแรกกูก็ว่าจะขู่มึงนะ แต่มึงมองแบบนี้กูกลัวเลย ปล่อยก็ได้วะ

     

    “เสื้อสวยดี...ขอดูหน่อย”  อายว่ะ ว่าจะหาเรื่องสักหน่อยกลับโดนสายตาพิฆาตทำเอาหงอไปเลย ไอ้เชนเลยขยับคอเสื้อให้เข้าที่ แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

     

    “หวัดดีครับ พี่แบงค์”  ไอ้เชนรับโทรศัพท์ แล้วนี่ผมทำไมไม่ยอมไปล่ะ จะมายืนฟังมันคุยโทรศัพท์ทำไม แต่เดี๋ยวนะ พี่แบงค์โทรมา มีอะไรหรือเปล่า หรือจะมาง้อให้มันไม่ถอนตัว มึงอย่าเสือกกลืนน้ำลายตัวเองนะเว้ย

     

    “ผมเข้าใจครับ................. รู้แล้วว่าทำไมถึงต้องใช้วิธีนี้......................ไม่เป็นไรครับ........................แต่น้องเขาก็เหมาะกับบทนี้จริงๆ”  นี่พาดพิงกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย แล้ววิธีนี้วิธีอะไร อย่าบอกนะว่าพวกมึงรวมหัวกันหลอกกู นั่นไง ไอ้เชนมีเหลือบมาทางผมด้วย

     

    “พวกมึงหลอกกูเหรอ”  ผมตะโกนเสียงดัง ไอ้เชนเลยรีบวางหูลง แล้วหันมามองผมสายตาจริงจัง

     

    “คุณสบายใจได้ ผมมองว่ามันเป็นแค่การแสดง คุณก็ควรจะคิดแบบนั้น  อีกอย่าง”  ไอ้อีกอย่างของมึงนี่แหละ ทำกูโมโหมาแล้วครั้งหนึ่ง

     

    “คุณไม่มีอะไรน่าพิศวาสแม้แต่น้อย ถึงคุณจะเกิดใหม่มาเป็นผู้หญิง ผมก็ไม่มีอารมณ์คิดกับคุณเกินกว่าท่อนไม้หรอก” พูดเสร็จ ไอ้เชนก็เดินลงบันไดไป ผมอึ้งไปเลยครับ ในชีวิตผมไม่เคยมีใครด่าผมแรงขนาดนี้ โอเค ผมเป็นผู้ชาย มันก็เป็นผู้ชาย มันไม่สปาร์คกันอยู่แล้ว แต่นี่  มาบอกว่าถ้าสมมติผมเป็นผู้หญิง มันก็คิดกับผมเป็นแค่ท่อนไม้ แค่ท่อนไม้ แค่ท่อนไม้ แค่ท่อนม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ได้สาดดดดดดดดดดดด กูไม่ดียังไงวะ กู ไอ้เจ๋งนะเว้ย แฟนคลับมหาศาล มึงเป็นใคร ไอ้บ้าเชนนนนนนนน มึงพูดซะกูด้อยค่า ยิ่งกว่าขี้หมาซะอีก คนอย่างไอ้เจ๋งไม่ชอบให้ใครมาหยาม คอยดูละกัน กูจะทำให้มึงพิศวาสท่อนไม้อย่างกูให้ได้  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×