ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #4 : (Short Fic) Count on me [ 1 ]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.23K
      401
      5 ก.พ. 62


    ♣ Count on me ♥

    Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

    AU Fic : Fantasy | Short Fic | R


    [ 1 ]




    ____________________________________________________________


      

    เช้าของวันที่ดูสดใส ลุกจากเตียงชิวๆ อาบน้ำแต่งตัวอย่างไม่เร่งรีบ แล้วพาร่างตัวเองไปที่ร้านอาหารใต้หอพัก หาเมนูอร่อยๆ สักอย่างฝากกระเพาะเพื่อที่จะต้องผจญกับคาบเรียนในช่วงเช้าอย่างสดชื่น แจ่มใส และมีแรงสู่รบกับบทเรียน ใช่! มันควรจะเป็นเช่นนั้น!!

     

    ถ้าไม่ติดว่ามีคนที่ตื่นสายชนิดที่ว่าอีก 10 นาทีจะเริ่มคลาสเรียนล่ะก็ล่ะนะ!!

     

    แฮร์รี่ พอตเตอร์กำลังยืนกอดอกแน่นทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่หน้าห้องเรียน ข้างกันนั้นมีเด็กชายผมแดงอีกคนที่ยืนทำหน้าเจี่ยมเจี๊ยมไหล่ทั้งสองข้างตกอย่างน่าสงสาร ถ้าเขาเป็นหมาสักตัวล่ะก็ ป่านนี้คงเห็นว่าหูทั้งสองข้างของเจ้าตัวลู่ลง หางก็คงตกพอๆ กับหูเช่นกัน

     

    เด็กหนุ่มผมดำก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่านี่ขนาดเขาอยู่ไฮสคูลอย่างดีแล้ว แต่ทำไมบทลงโทษของการมาสายไป 10 นาทีถึงเป็นการมายืนอยู่หน้าห้องเหมือนในการ์ตูนที่เขาเคยอ่านผ่านๆ เจอก็ไม่รู้ มันออกจะดูไร้สาระและขัดกับยุคสมัยแปลกๆ

     

    ดีที่ตอนนี้ก็เป็นเวลาเรียน จึงไม่มีเด็กคนไหนเดินทะเล่อทะล่าออกมาส่งยิ้มยียวนให้เขา ลำพังแค่เสียงหัวเราะคิกคักและสายตาล้อเลียนจากเพื่อนร่วมห้องของเขาตอนที่เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วโดนครูสาวสวดยาวเข้าให้หนึ่งบท นั่นก็สร้างความอับอายและจนมุมให้แฮร์รี่อย่างหนักแล้ว

     

    แม้จะได้รับสายตาเห็นใจมาจากเพื่อนสาวคนสนิทอีกคน แต่เหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลย

     

    “ข ขอโทษนะแฮร์รี่”

     

    เสียงสั่นๆ จากเจ้าของเรือนผมสีแดงเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเขาลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนและพบว่าหน้าขาวๆ นั้นกำลังส่อแววไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างไร้การปิดบัง

     

    ปกติถ้าสายเฉยๆ ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่คาบเรียนคาบแรกวันนี้เป็นวิชาโปรดของแฮร์รี่ แต่สุดท้ายกลับต้องออกมายืนอยู่หน้าห้องแบบนี้แทนซะได้ ที่เจ้าตัวเตรียมจะมาเรียนจึงต้องถูกพับลงไปทันที

     

    “รอน นายพูดมาประมาณ... อา ช่างเถอะ ฉันไม่ได้นับหรอก”

     

    แฮร์รี่ตอบปัดแล้วจัดการคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองมาถือ เขาก้มหน้าคุ้ยหาของในนั้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นข้างห้องโดยไมได้กลัวเลยว่าหากครูของเขาออกมาแล้วเห็นว่าเขาไม่ได้ยืนอย่างที่เธอสั่ง

     

    “งือ.. อ อะไรน่ะ?”

     

    คนถูกถามยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาพลิกด้านปกหนังสือให้เพื่อนของตนดู

     

    รอนขยับตัวนั่งลงข้างๆ แฮร์รี่อย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นที่มากกว่าเรียกให้ดวงตาหรี่ลงเพื่อจ้องมองปกหนังสือที่ดูจะเก่าไปสักหน่อยแล้วพึมพำอ่านออกมา “ปี x67 แห่งความรุ่งเรือง” รอนเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด “ปีนั้นถ้าจำไม่ผิด ใช่ปีที่เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเป็นปีที่แวมไพร์บูมมากๆ ใช่มะ?”

     

    แฮร์รี่พยักหน้าตอบ เปิดหนังสือไปยังหน้าที่อ่านค้างไว้ต่อทันที

     

    “นี่นายก็โดนเธอล้างสมองมาเหมือนกันเหรอ”

     

    “พูดให้เธอได้ยินนะ แล้วนายจะโดนต่อยที่มุมปาก”

     

    เด็กหนุ่มผมแดงยกมือปิดปากทันที ศีรษะทุยชะเง้อไปมาเพื่อมองว่าเพื่อนสาวของกลุ่มจะโผล่มาหรือไม่ แฮร์รี่ยิ้มขำกับความเล่นใหญ่เกินของเพื่อน เวลานี้เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งเรียนอยู่ในห้อง เธอจะออกมาได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดได้ยังไงกัน

     

    นัยน์สีมรกตกวาดตาอ่านตัวหนังสือแต่ละบรรทัดอย่างตั้งใจ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะโดนเพื่อนสาวล้างสมอง แล้วเขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องแวมไพร์มากขนาดนั้น แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าพอโดนเธอพูดถึงบ่อยๆ เข้าก็มีหลายอย่างที่แฮร์รี่เกิดนึกสงสัยจนต้องไปหามาอ่านเองเพิ่มบ้าง กลายเป็นว่าเขาก็มีหนังสือเล่มเล็กนี่ติดตัวสำหรับเป็นหนังสืออ่านนนอกเวลา ยังไงซะตอนนี้เขาก็โดนทำโทษอยู่แล้ว ให้ยืนเฉยๆ ก็ออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย

     

    ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง ใกล้จะหมดเวลาของคาบแรกแล้ว เด็กหนุ่มผมดำที่พาร่างตัวเองไปนั่งที่ขั้นบันไดแทนพื้นหน้าห้องจำต้องเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขารู้สึกว่ามีเงาตะคุ่มๆ กำลังมายืนบังด้านหน้าจนมันบดบังหน้าหนังสือที่แฮร์รี่กำลังอ่านอยู่

     

    คิ้วได้รูปขมวดฉับเข้าหากันทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มายืนบังเขาไว้

     

    “โอ้ ไม่นึกว่าอย่างคุณพอตเตอร์จะอ่านหนังสือ”

     

    คิ้วของแฮร์รี่กระตุกขึ้นทันที แต่เขาไม่ได้ตอบโต้ออกไป ดวงตากลมโตจ้องอีกฝ่ายที่ยืนยิ้มยียวนอวัยวะเบื้องล่างเหนือหัวแล้วเลือกที่จะก้มมองหนังสือในมือต่ออย่างคนคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนที่เขาไม่อยากจะเสวนาด้วยที่สุดในชีวิตตอนนี้

     

    แล้วเหมือนการกระทำเช่นนี้ของแฮร์รี่ จะยิ่งไปกระตุ้นต่อมความไม่พอใจของคุณชายประจำโรงเรียนเข้าเสียแล้ว

     

    “นี่! ฉันพูดด้วยทำไมไม่พูดด้วย มารยาทแย่มากพอตเตอร์

     

    มัลฟอย หรือ เดรโก มัลฟอย ตวาดแหวออกมาด้วยเสียงที่ไม่เบานักจนรอนที่ยังนั่งงีบที่หน้าห้องที่เดิมถึงกับสะดุ้งตื่นตาแตกขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าซีดเทาจ้องเขม็งเต็มไปด้วยแววแห่งความไม่พอใจไปที่กลุ่มผมสีดำดูอ่อนนุ่ม ร่างสูงโปร่งขยับชิดอีกฝ่ายมากขึ้นจนเงาทั้งหมดทาบทับปิดหน้าหนังสือของคนที่นั่งอ่านอยู่

     

    เสียงถอนหายใจยาวดังออกมาจากเด็กหนุ่มผมดำ ใบหน้าขาวได้รูปตวัดเงยขึ้น ดวงตาคู่โตหรี่ลงแล้วยิ้มเหยียดมุมปากออกมาเล็กน้อย

     

    “แล้วสิ่งที่นายทำอยู่นี่เป็นสิ่งที่คนมีมารยาทพึงทำมากงั้นสินะ? มัลฟอย”

     

    เหน็บตอบกลับไปพลางกระตุกมุมปากอีกรอบ คนฟังถึงกับเบิกตาแล้วผงะไป หนังสือในมือแฮร์รี่ถูกปิดลงอย่างแรงก่อนที่เจ้าตัวจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงดันคนที่ยืนขวางหน้าตนออกไปด้วยแรงที่ไม่มากนัก ร่างผอมขยับเข้าชิดคนที่ทำหน้าตาตื่นๆ อยู่ก่อนจะยกมุมปากและเอ่ยเรียบๆ อีกรอบ

     

    “ถ้าผู้ดีแบบนายทำตัวแบบนี้ ฉันยอมเป็นคนไม่มีมารยาทก็ได้”

     

    “พอตเตอร์!!!

     

    “เฮ้ยไอ้หน้าแหลม! อย่าทำไรเพื่อนฉันนะเว้ย!!

     

    เดรโกที่กำลังจะคว้าเข้าที่แขนเล็กของคนตรงหน้าเซถลาไปด้านหลังหลายก้าวทันทีในตอนที่เรียกชื่ออีกฝ่ายจบ เพราะเขาโดนเพื่อนสนิทของเด็กผมดำกระชากไปอย่างแรง ก่อนที่รอนจะแทรกตัวระหว่างกลางคนทั้งสองไว้ ใบหน้ารอนเต็มไปด้วยแววรังเกียจและโกรธขึงอีกฝ่ายราวกับว่าตัวเองเป็นคนที่โดนแกล้งแทน

     

    ฝ่ามือขาวคว้าต้นแขนของเพื่อนที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ รอนหันหน้ากลับมามองเพื่อนด้านหลังอย่างหงุดหงิดใจเมื่อพบว่าแฮร์รี่กำลังส่ายหน้าเพื่อห้ามเขาอยู่

     

    รอนยอมสงบลงแต่โดยดี แต่ยังไม่ลืมหันไปจ้องเขม็งพลางหายใจฟึดฟัดใส่อีกฝ่าย เดรโกเองก็เพียงหรี่ตาจ้องอย่างเบื่อหน่ายกลับไปให้พร้อมรอยยิ้มเหยียดที่มุมปากข้างหนึ่งตามแบบที่เจ้าตัวชอบทำ

     

    “ไม่เรียนรึไง มาหาเรื่องกันเนี่ย”

     

    เดรโกปรายสายตามองไปยังคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเพื่อนผมแดงพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอียงคอมอง “เผอิญว่าจะมาเข้าห้องน้ำ แต่...ดันเห็นคนโดนทำโทษมานั่งจ๋องซะก่อน เลยอยากมาทักทาย”

     

    “ขอบใจ แต่ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว เชิญ”

     

    เสียงสบถเบาๆ ดังมาจากคุณชายของสายชั้น ตาคู่คมกลอกรอบหนึ่งแล้วเบะมุมปากลงจนเป็นเหมือนรูปสระอิ ท่าทางกวนประสาทแบบนั้นยิ่งทำให้รอนหัวเสียจนอยากพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายมาแล้วต่อยกันให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าที่แขนของเจ้าตัวยังมีมือของเพื่อนสนิทจับเอาไว้หลวมๆ

     

    ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขาออกมาซักพักแล้วจนเกินแก่เวลาที่จะออกมาเข้าห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจ บางทีครูของเขาที่กำลังสอนในห้องอาจจะเข้าใจว่าเดรโกกำลังหนีเรียน และแน่นอนว่าคนที่ผลการเรียนดีเด่นท็อปสามของระดับอย่างเขาคงไม่อยากให้มีประวัติเสื่อมเสียแบบนั้นติดตัวแน่นอน

     

    เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะกลับห้อง เดรโกก็ไม่รอช้าหมุนตัวเตรียมออกไปทันที แต่สายตาเจ้ากรรมกลับเหลือบเห็นหนังสือที่แฮร์รี่ถืออยู่ในมืออีกข้างเข้าให้เสียก่อน

     

    ร่างสูงโปร่งชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหนังสือเล่มนั้น ใบหน้าที่ฉายแววถือดีในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นสลดระคนตกใจเป็นครู่หนึ่ง แต่ครู่เดียวจริงๆ เพราะถ้าหากไม่จับจ้องคอยมองให้ดีแล้วล่ะก็ จะไม่มีทางดูออกเลยว่าในนัยน์ตาคู่นั้นกำลังวูบไหวอยู่

     

    เหมือนคนที่กำลังหวนนึกถึงความเจ็บปวด

     

    แฮร์รี่เองก็ชะงักไปเล็กน้อยกับประกายตาที่หม่นลงของเดรโก จู่ๆ ก็เกิดคำถามที่ไม่ควรขึ้นมาในใจ – ทำไมถึงมีสีหน้าแบบนั้นกัน? เขาเผลอกำหนังสือในมือแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่สายตายังไม่ละออกจากใบหน้าขาวซีดนั่น

     

    แผ่นหลังกว้างใต้เสื้อคลุมสีน้ำเงินกรมท่ารีบสะบัดหนีออกจากบริเวณนี้ทันที สองขาของเขาก้าวยาวฉับออกไปอย่างไวไม่มีแม้แต่คำพูดถากถางทิ้งไว้อย่างที่ปกติมักจะทำ

     

    “ประสาท” เป็นแฮร์รี่ที่สะดุ้งน้อยๆ เมื่อเพื่อนตรงหน้าตนจู่ๆ ก็สบถเสียงแข็งขึ้นมา “นอกจากจะโดนลงโทษแล้ว ยังต้องมาต่อปากต่อคำกับไอ้หน้าเฟอเรทนั่นอีก รมณ์เสีย!

     

    เพื่อนตัวโตกว่าเดินตึงตังกลับไปที่นั่งที่เดิมของตัวเองด้วยท่าทางหัวเสีย แฮร์รี่เพียงส่งยิ้มเจื่อนให้เจ้าตัวก่อนจะเบนสายตาไปทางที่มัลฟอยเดินลับหายไป มันรบกวนจิตใจเขาอยู่ไม่น้อย สายตาสลดคู่นั้นยามที่มองมาที่หนังสือในมือของเขา

     

    ดวงตาสีมรกตเหลือบมองหนังสือในมือ เขาพลิกมันไปมาเผื่อหวังว่าเขาน่าจะพบร่องรอยอะไรสักอย่างที่ทำให้มัลฟอยมีสีหน้าเช่นนั้นเมื่อเห็นมัน แฮร์รี่ค่อนข้างมั่นใจว่ามัลฟอยมีท่าทางหมองลงเมื่อเห็นหนังสือเล่มนี้ แต่ทุกอย่างก็ปกติดี แม้จะเป็นหนังสือที่ยืมจากห้องสมุดแต่สภาพก็ยังดูดีคล้ายกับว่าไม่มีใครแทบจะเคยหยิบมันมาอ่าน

     

    แต่อะไรคือสาเหตุของสีหน้าเศร้าๆ นั้นกัน?

     

    ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่แฮร์รี่เอาแต่มองหนังสือในมือ และในหัวก็คิดถึงคนผมบลอนด์ไปด้วยกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ครูสาวที่สั่งลงโทษเขากับรอนก็มายืนประจันหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมคล้ายคนจะออกปากดุอีกรอบจนแฮร์รี่ขนลุกพรึบไปทั้งตัว พอเหลือบสายตาไปทางเพื่อนผมแดงก็ผมเจ้าตัวยืนยิ้มแหยรู้สึกผิดไม่ห่างพลางขยับปากพูดทำนองว่า “ฉันเรียกนายแล้ว” อยู่ด้วย

     

    ถ้าจะไม่ให้โทษตัวเองแล้วล่ะก็ แฮร์รี่ก็จะขอโยนความผิดนี้ให้เดรโก มัลฟอยแต่เพียงผู้เดียว! ข้อหาที่ทำให้เขามัวแต่คิดถึงเรื่องเจ้าตัวจนเขาโดนดุอีกรอบ!

     

     


    ช่วงพักกลางวันที่เด็กๆ หลายคนโหยหาในที่สุดก็มาถึง รอน วิสลีย์คือคนแรกที่แทบจะพุ่งตัวออกจากห้องเรียนทันทีที่เสียงกริ่งบอกหมดเวลาเรียนในภาคเช้าดังขึ้น สองขายาวรีบพาร่างของตัวเองออกไปก่อนโดยที่ไม่ลืมหันไปตะโกนบอกเพื่อนสนิททั้งสองอีกว่าเขาจะรีบไปจองโต๊ะ

     

    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเจื่อนส่ายหน้าเอือม เธอรู้อยู่หรอกว่ารอนไม่ได้ตั้งใจไปจองโต๊ะหรอก นั่นมันเหตุผลรอง เหตุผลหลักคือรีบไปซื้อมื้อกลางวันคนแรกๆ ต่างหาก

     

    เด็กสาวผมฟูและเด็กชายสวมแว่นพากันเดินข้างกันไปที่โรงอาหาร เพราะทั้งสองกลัวที่จะหารอนไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องรีบตามมา ภายในโรงอาหารคนจึงยังไม่เยอะเท่าที่ควร เมื่อทั้งสองพากันแยกย้ายไปซื้ออาหารมาเรียบร้อยก็พากันมาทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ริมสุดของโรงอาหารที่ห่างไกลผู้คน

     

    “ไม่มีใครเขาแย่งนายหรอกนะโรนัลด์ ค่อยๆ กินก็ได้”

     

    หญิงสาวเพียงหนึ่งขมวดคิ้วมุ่น เธอจ้องคนที่กำลังหยิบนั่นจับนี่ใส่ปากอย่างไม่บันยะบันยังอย่างอ่อนใจ รอนพยักหน้ารับแบบคนรับรู้แต่การกระทำยังคงสวนทางอยู่ดี เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นจากสาวผมน้ำตาลและเธอก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปเอง

     

    ระหว่างที่นั่งกินกันไปเรื่อยๆ คนก็เริ่มหนาตามากขึ้น จากโรงอาหารโล่งๆ ในทีแรกจึงคับแน่นไปด้วยผู้คน รอนยังคงสามารถกินอะไรก็ตามที่เจ้าตัวซื้อมาอย่างมหาศาลได้ไม่หยุดปากแถมยังมีท่าทางว่าเจ้าตัวจะไหว้วานเพื่อนสาวที่กินอิ่มไปซักพักแล้วให้ไปซื้ออะไรมาอีกจนได้รับสายตาดุๆ มาแทน แฮร์รี่ขำเล็กน้อยแล้วละเลียดขนมโปรดของตัวเองต่อเงียบๆ

     

    ในระหว่างที่ลิ้นกำลังรับรสพายฟักทองตรงหน้าอย่างมีความสุข คนที่เข้ามาทักกลุ่มใหม่ก็แทบจะทำให้แฮร์รี่สำลักพ่นเอาพายฟักทองออกมาจากปากจนหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มถึงหรี่ตาเบะปากท่าทางคล้ายไม่พอใจออกมา

     

    “มีอะไรพาร์กินสัน?” เฮอร์ไมโอนี่เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา

     

    “จะขอนั่งด้วยหน่อย พอดีโต๊ะเต็ม” หญิงสาวผมดำใบหน้าติดหน่ายเอ่ยขึ้นเรียบๆ “เรานั่งไม่นาน พอดีมีงานต้องรีบไปทำกันต่อ”

     

    “เอาสิ”

     

    “ไม่เอา/ไม่เอา”

     

    เจ้าของสองเสียงสุดท้ายหันหน้าขวับเข้าหากันอย่างรวดเร็ว คิ้วโก่งใต้เรือนผมสีบลอนด์ขมวดมากกว่าเดิมยามมองสบไปที่ดวงตาสีเขียวใต้กรอบแว่นที่จ้องไปทางเขาเช่นกัน

     

    “นี่เดรก แปปเดียวน่ะ รีบกินรีบไป”

     

    “ชิ”

     

    เดรโกโดนเด็กสาวข้างกันลากให้นั่งลงอย่างรวดเร็วที่ฝั่งเดียวกับแฮร์รี่ที่เจ้าตัวนั่งอยู่คนเดียว โดยที่มีแพนซี่นั่งคั่นกลางระหว่างพวกเขาไว้ ส่วนเบลสนั่งลงข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่อีกทีท่ามกลางสายตาไม่พอใจนิดๆ จากรอน

     

    แฮร์รี่ขยับตัวไปจนแทบจะตกจากเก้าอี้แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้เขาเท่าไหร่ พายฟักทองคำสุดท้ายถูกยัดส่งๆ ใส่ปาก เขาดื่มน้ำตามแล้วหยิบเอาขยะของตัวเองโยนใส่ถังขยะที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ครั้นจะลุกจากเก้าอี้เพื่อปล่อยให้สามสหายจากต่างห้องนั่งกินกันไป ก็กลายเป็นว่าเพื่อนที่สุดแสนจะกินจุของเขายังกินไม่เสร็จ

     

    คนที่ไม่รู้จะทำอะไรเลือกที่จะนั่งเท้าคางมองไปรอบๆ โรงอาหารแทน ครั้นจะหยิบหนังสืออ่านนอกเวลาที่อ่านค้างไว้มาอ่านก็เกิดรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา ดวงตากลมซึ่งกำลังสอดส่องไปทั่วโรงอาหารค่อยๆ เลื่อนมาหยุดที่เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองซึ่งนั่งถัดไปจากแฮร์รี่อีกหนึ่งคน

     

    เหมือนเดิม กินน้อยเหมือนเดิม

     

    เขาสังเกตมาได้นานแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับลูกชายคนเดียวของตระกูลเก่าแก่อย่างมัลฟอยครั้งสมัยเริ่มเรียนปี 9 แฮร์รี่ก็เห็นมาตลอดว่าเจ้าหัวทองมักจะกินข้าวน้อยเสมอ เทียบกับตัวเขาที่ปกติก็ไม่ใช่คนที่กินเยอะเท่าไหร่อยู่แล้วก็ยังจะน้อยกว่าเขาไปอีก ได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจมาตลอด 4-5 ปีว่าเจ้าคู่อริตลอดกาลนั่นเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

     

    ทั้งที่กินน้อยเหมือนแมวดมออกขนาดนั้นแต่ยังตัวสูงใหญ่ดูมีกล้ามเนื้อและแรงกว่าแฮร์รี่ไปมากโข

     

    นึกแล้วมันก็น้อยอกน้อยใจในร่างกายของตัวเองที่พระเจ้าสรรสร้างมาให้เสียจริง นี่สินะที่เขาบอกไว้ว่าบางทีพระเจ้าก็ให้แต่ละคนมาไม่เท่ากัน

     

    “คิดอะไรน่ะ คิ้วจะชนกันแล้ว”

     

    “เฮ้ย!

     

    “...!!

     

    คนที่กำลังนึกโทษพระเจ้าอยู่สะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูจนตัวหงายไปด้านข้าง และเพราะระยะที่เขานั่งมันหมิ่นเหม่จะตกจากเก้าอี้แต่แรก พอตกใจก็กลายเป็นว่าศูนย์ถ่วงตัวของแฮร์รี่เสียไปทันที ร่างกายช่วงบนเอียงออกไปจากเก้าอี้แล้วและมันกำลังจะเอนตกลงไปด้านล่าง

     

    อาการมวลท้องเสียววาบไปทั้งตัวเพราะจะร่วง ทำให้แฮร์รี่หลับตาปี๋ มันจะตกอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าข้อมือเขาถูกคว้าด้วยฝ่ามือเย็นเยียบของใครบางคนเข้าเสียก่อน

     

    ใครบางคนคนนั้นคือเดรโก มัลฟอย

     

    ร่างของแฮร์รี่ถูกฉุดเข้ามาให้นั่งตัวตรงอีกครั้ง แต่เพราะแรงดึงอันมากเกินของมัลฟอยทำให้คนที่ควรจะหยุดนั่งหลังตรงต้องเอนหน้ามาสุดตัวจนใบหน้าชนเข้ากับช่วงไหล่กว้างใต้เสื้อคลุมสีกรมท่าของคนข้างกาย

     

    แฮร์รี่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะโฟกัสที่อะไรก่อนดี

     

    ภายในหัวของเขาหมุนคว้างขาวโพลนแปลกๆ มีหลายอย่างกำลังร้องเตือนเขาจากในใจว่ามันไม่ถูกต้อง

     

    หนึ่งคือมือของเจ้าคนหน้าแหลมที่กำลังจับข้อมือของเขา ถ้าจะบอกว่าเขาควรที่จะรีบสะบัดออกเหมือนเวลาที่มือต้องของร้อนเหมือนในนิยายที่อ่านเจอนั้นตัดไปได้เลย เพราะมือของมัลฟอยเย็นเฉียบ! แฮร์รี่ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันอุณหภูมิเดียวกับคนตายไหม เพราะเขาก็ไม่เคยจับ แต่อากาศช่วงนี้มันไม่ได้หนาว ทำไมมืออีกฝ่ายถึงเย็นกว่าปกติ

     

    สองคือนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มัลฟอยแตะตัวแฮร์รี่ มันออกจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ มือของมัลฟอยมันนุ่ม...มากกว่าที่เคยจินตนาการไว้

     

    จินตนาการงั้นเหรอ!?

     

    แฮร์รี่ตีหน้ายุ่งขึ้นมาทันทีกับความคิดตัวเอง

     

    สามคือทำไมพาร์กินสันที่ควรจะนั่งคั่นกลางถึงหายไป! แล้วเพื่อนเขาอีกสองคนก็หายไปด้วย เหลือเพียงแค่มัลฟอยกับเบลส ซาบินีที่นั่งเยื้องฝั่งตรงข้ามเท่านั้น

     

    สี่ ข้อนี้ออกจะแปลกที่สุดในบรรดาทุกข้อที่กล่าวมา

     

    หัวใจขอแฮร์รี่กระตุกวูบระคนลิงโลดแปลกๆ ที่มัลฟอยยื่นมือมาช่วยเขาแทนที่จะผลักเขาให้หงายหลังตกเก้าอี้แล้วขำก๊ากออกมา นี่มันออกจะเหนือความคาดหมายไปโข ที่สำคัญคือตอนที่ปลายจมูกของแฮร์รี่ชนเข้ากับไหล่กว้าง เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ลามไปถึงใบหูและลำคอ

     

    ไม่อยากจะนึกเลยว่ามันกำลังจะเปล่งสีแดงออกมาขนาดไหน ยิ่งนึกก็เตรียมอายไปได้ก่อนเลย

     

    “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

     

    เสียงทุ้มนุ่มหูดังขึ้นเหนือหัวแฮร์รี่ ใบหน้าที่มีแว่นสายตาปกปิดดวงตาสีเขียวสดใสไว้อยู่เงยมองด้วยความตกตะลึง ถ้าไม่เกรงใจคือแฮร์รี่จะยกนิ้วที่ยังว่างอีกข้างขึ้นมาเคลียหูแล้ว เมอร์ลินเป็นพยานกับเขาเถอะว่าเดรโก มัลฟอยไม่ได้พูดจาเยาะเย้ยถากถางหรือด่าว่าเขาซุ่มซ่าม โง่เง่าแต่กำลังถามไถ่เขาด้วยน้ำเสียงที่ละมุนสุดๆ กับสายตาที่...เหมือนจะเป็นห่วง เท่าที่ในชีวิตนี้จะเคยได้สัมผัส

     

    แล้วมันก็มีผลกับแฮร์รี่มากพอจนใจเขาเต้นแรงขึ้นและนิ่งค้างไปทันที

     

    แฮร์รี่ยังคงอ้าปากค้างพลางจ้องมองอีกคนอยู่อย่างนั้น เดรโกขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของแฮร์รี่เป็นดังนั้น ดวงตาหลุบมองไปที่ริมฝีปากสีสดที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเผลอเลื่อนสายตามองไปที่ซอกคอขาวที่โผล่พ้นเสื้อกันหนาวตัวบางของเจ้าตัวออกมา ฝ่ามือที่ยังกำรอบข้อมือที่เล็กกว่ารีบสะบัดออกทันที พร้อมกับตัวที่ผละออกให้ห่างจากร่างผอมบางตรงหน้า

     

    ไม่ดีต่อความรู้สึกลึกๆ ของเดรโกเลยสักนิด จนเขาต้องยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง

     

    ใบหน้าขาวซีดของเดรโกมีสีเลือดซับขึ้นมาเล็กน้อย

     

    และแก้มของแฮร์รี่เองก็ขึ้นสีจางขึ้นมาไม่ต่างเช่นกัน

     

    ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของคนอีกคนที่ยังร่วมโต๊ะอยู่ด้วยทั้งหมด

     

    รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปนขำจากชายผิวเข้ม คล้ายคนที่กำลังนึกอะไรสนุกๆ ได้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะนั่งยิ้มเงียบๆ แบบนั้นและรอคอยฉากสนุกต่อไป

     

    “เอ่อ.. ไม่เป็นไร ข ขอบใจ”

     

    แฮร์รี่ตอบเสียงอ้อมแอ้ม ทั้งยังขยับหนีห่างออกไปไกลเหมือนเดิม ฝ่ามือทั้งสองถูกันไปมาอย่างคนไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหันไปอีกทางแทน

     

    คนถูกขอบใจยกยิ้มเพียงนิด แต่นั่นก็ไม่พ้นสายตาของเพื่อนตนเองที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มตรงหน้า เดรโกตวัดสายตามองตอบไปที่เบลสอย่างดุๆ แต่คนผิวเข้มก็ไม่ได้สะทกสะท้านทั้งยังยักคิ้วข้างหนึ่งส่งมาให้สมทบ

     

    พวกเขาทุกคน โดยเฉพาะตัวเขานั่นแหละที่ไม่ควรมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกพอตเตอร์เลย!!

     

    ร่างสูงโปร่งของนายน้อยมัลฟอยลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ที่เป็นแบบเก้าอี้ยาวขยับสั่นรบวนคนที่กำลังฟุบอยู่ให้หันมาทางต้นเหตุด้วยความสงสัย

     

    เดรโกจัดเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนให้เข้าที่พร้อมกระชับเสื้อคลุมสีกรมท่าของตัวเองไปด้วยแล้วตวัดขาก้าวออกจากเก้าอี้จนไปยืนสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างโต๊ะ

     

    “รีบตามยัยแพนซี่มาด้วย อย่าลืมว่าเรามีงาน”

     

    เบลสเอียงหัวใส่คนพูดที่ว่ามารัวเร็วจนฟังแทบไม่ทัน แต่เดรโกไม่คิดจะพูดรอบที่สอง หางตาเหลือบมองคนที่กึ่งเงยกึ่งฟุบแล้วหรี่ตาลงคล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่างก่อนจะหมุนตัวออกไปจากโต๊ะ

     

    แฮร์รี่กะพริบตามองคนที่เหมือนอารมณ์จะเปลี่ยนไปจากทีแรกด้วยความงุนงง ตอนแรกก็มองเขาด้วยแววตาที่เหมือนจะอ่อนโยน... จนเขาเผลอขนลุกระคนใจเต้นระทึกแปลกๆ แต่แล้วก็เหมือนจะกลับมาเป็นคุณชายจอมหัวร้อนดังเดิมเสียอย่างนั้น แต่ก็ดีที่ว่าเจ้าตัวเหมือนจะไมได้มาหัวร้อนใส่เขาแต่อย่างใด แฮร์รี่จึงไม่ได้ติดใจเอาความ แถมคนที่น่าจะโดนเหวี่ยงใส่อย่างเบลสก็ไมได้แยแส เจ้าตัวยิ้มมุมปากและมองตามเพื่อนของเจ้าตัวเท่านั้น

     

    ตั้งแต่ที่มัลฟอยลุกขึ้นจนแฮร์รี่หันมามองว่าเจ้าตัวกำลังจัดชุด แฮร์รี่ก็สรุปกับตัวเองได้ว่าเจ้าหัวบลอนด์ทองเก็บผมเรียบแปล้นั้นแทบจะไม่เคยใส่ชุดสีสันฉูดฉาดเลยสักครั้งเดียว

     

    ไม่ใช่ว่าแฮร์รี่เป็นสตอกเกอร์คอยตามสอดส่องมัลฟอยแต่อย่างใด ก็แค่ห้องเรียนพวกเขาใกล้กันและมันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะสามารถเจอมัลฟอยเดินผ่านหน้าห้องของเขาหรือว่าเขาเองที่เดินผ่านหน้าห้องมัลฟอย และหลายปีที่รู้จักกันมา หรือถ้าเรียกให้ถูกว่าแฮร์รี่ที่โดนมัลฟอยตามรังควานชีวิตมาตลอดนั้น เจ้าตัวมักจะใส่แต่เสื้อผ้าสีโทนมืดมาตลอด มีบางครั้งที่จะหยิบสีขาวมาใส่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะดำ เทา น้ำเงินเข้มแบบสีกรม และขาว จนแฮร์รี่อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวถูกอกถูกใจอะไรกับเสื้อผ้าโทนนี้

     

    ที่สำคัญคือมันยังเป็นแขนยาวทั้งหมด โอกาสเดียวที่แฮร์รี่พอจะได้เห็นเนื้อหนังของมัลฟอยก็คือช่วงเวลาเข้าชมรมที่นายน้อยตระกูลเก่าแก่อยู่ชมรมเดียวกันกับเขา ชมรมฟุตบอล

     

    มันคงประหลาดน่าดูท่าหากว่าเจ้าตัวยังจะใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวเตะบอลล่ะนะ แต่ก็มีบางครั้งที่เจ้าตัวจะใส่ปลอกแขนปลอกขาสีดำปิดไปทั้งหมด เห็นแค่นั้นบางทีแฮร์รี่ก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วปอดแทนยังไงไม่รู้

     

    “ทำตัวลึกลับชะมัด”

     

    แฮร์รี่บ่นอุบแล้วเกยคางกับโต๊ะต่อ เขาไม่คิดจะถามอีกคนที่ยังร่วมโต๊ะหรอกว่าเพื่อนเขาหายไปไหน ในเมื่อแฮร์รี่ยังเห็นกระเป๋าของทั้งสองวางอยู่คาดว่าอีกเดี๋ยวก็คงจะมา เบลสที่นั่งเยื้องไปไม่ไกลเหลือบมองเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังนั่งลูบข้อมือข้างที่เคยโดนเพื่อนของเขาจับด้วยรอยยิ้มอีกรอบ เมื่อกี้เขาเองก็ได้ยินด้วยว่าอีกฝ่ายบ่นอะไรแม้จะเบามากก็ตาม

     

    มันก็ต้องลึกลับสิ เพราะเดรโกไม่ใช่มนุษย์แบบพวกเขานี่ ได้แต่คิดในใจแต่ไม่พูดออกไป

     

     


    เจ้าของเส้นผมบลอนด์ทองพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำที่ห่างไกลผู้คน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะลงกลอนล็อคประตูไปด้วยอยู่ดีเพื่อกันคนไม่ให้ทะเล่อทะล่าเข้ามาในตอนที่เขาต้องการความสงบเช่นนี้ แม้สถานที่มันออกจะดูไม่น่าเหมาะกับการสงบสติอารมณ์ก็ตาม

     

    สัมผัสอุ่นวาบที่ฝ่ามือของเขามันยังคงชัดเจน ผิวเนื้ออุ่นๆ เนียนนุ่มของมนุษย์ที่เขาแตะต้องลงไปเมื่อครู่ทำเอาหัวใจของเดรโกเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกเลือดในกายมันสูบฉีดแรงขึ้นจนเขารู้สึกเจ็บไปทั่วอก

     

    แม้จะแกล้งพอตเตอร์มาเยอะ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้มาก่อน เขาหลีกเลี่ยงการที่จะสัมผัสตัวมนุษย์ทุกคนแม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างเบลสเองก็ตาม แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่พอตเตอร์กำลังจะหงายหลังตกจากเก้าอี้เมื่อครู่มันกะทันหันเกินไป และสัญชาตญาณที่ไวกว่ามนุษย์ของเขาทำให้เผลอทำอะไรที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำลงไปทันที

     

    ถ้าหากว่าแค่จับข้อมือก็อาจจะไม่รุนแรงเท่าไหร่ แต่เพราะใบหน้าได้รูปและปลายจมูกโด่งรั้นที่ชนเข้ากับลาดไหล่ของเขานั่นต่างหากที่กำลังเล่นงานตัวเขาอย่างหนัก แต่ถ้าจะให้หนักกว่านั้นจนทำให้แวมไพร์อย่างเขาแทบจะคลั่งก็คือ ซอกคอขาวๆ ที่โผล่พ้นคอเสื้อกว้างๆ ของเด็กแว่นนั่นออกมา ไหนจะยังริมฝีปากแดงๆ นั่นอีก

     

    กลิ่นหอมหวานที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม หากแต่เป็นกลิ่นเฉพาะของเจ้าตัว คล้ายกลิ่นของดินที่มีความชื้นแทรกอยู่นิดๆ ไม่กระด้างแห้งแข็ง ดั่งกลิ่นของดินหลังฝนพรำเคล้าด้วยกลิ่นดอกไม้จางๆ เป็นกลิ่นที่ชวนให้ว้าวุ่นใจมากกว่าจะสงบใจเสียอีก

     

    ทายาทแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์แห่งมัลฟอยเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้าตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาขวดแก้วขนาดเล็กที่ถูกเก็บไว้ด้านในกระเป๋าเสื้อคลุมออกมาอย่างเชื่องช้า นิ้วโป้งสะกิดเปิดจุกก๊อกออก ควันสีจางจากความเย็นพวยพุ่งเหนือปากขวดเล็กน้อยคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือดสดๆ แล้วยกดื่มรวดทีเดียวจนหมด

     

    รสชาติขมปร่าคล้ายสนิมนั้นทำให้เดรโกเบ้หน้า ยังไงซะ เลือดของสัตว์ก็ไม่ได้ดีเท่าเลือดมนุษย์หรอก

     

    “ทรมานมากสิท่า”

     

    ดวงตาสีซีดเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง แต่แล้วก็กลับมาเรียบเฉยเย็นชาดังเดิมเมื่อเสียงที่ทักขึ้นเมื่อครู่เดรโกค่อนข้างจะจำมันได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาหันไปมองทางด้านหลังด้วยความระแวดระวัง แม้จะดูสงบนิ่งแต่ทุกจังหวะการหายใจเต็มไปด้วยความระวังภัย เดรโกจัดการเก็บขวดแก้วเล็กสอดเข้าไปใต้แขนเสื้อ

     

    “เข้ามาได้ไง” แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์หรี่ตามองคนที่ดูสูงกว่าตัวเองไปเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “อา ขอโทษทีนะครับคุณมัลฟอย เผอิญว่าผมอยู่ในนี้อยู่ก่อนแล้ว”

     

    เซดริก ดิกกอรี่ว่าอย่างอารมณ์ดีพลางโบกขวดแก้วหน้าตาคล้ายกับขวดของเดรโกไปมาเบาๆ แต่ติดที่ว่าในขวดนั้นของเซดริกยังมีของเหลวสีแดงหนืดข้นอยู่เต็ม กลิ่นหอมหวานจางๆ ลอยออกมาจากขวดนั้น แม้จะมีจุกก๊อกปิดอยู่แต่ก็ไม่อาจต้านทานความสามารถในการดมกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์ของแวมไพร์ไปได้

     

    เดรโกมองเหยียดอีกฝ่ายเล็กน้อย บั้นท้ายพิงเข้ากับขอบอ่างล้างหน้าแล้วยกมือกอดอก

     

    “เลือดผสมอย่างนายต้องดื่มเลือดมนุษย์ด้วยรึไง?”

     

    น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นมา คนฟังเพียงยกยิ้มขำอีกนิดแล้วใช้ไหล่ข้างหนึ่งพิงผนังเอาไว้บ้าง

     

    “แหมๆ ก็อยากกินของดีๆ บ้างไหมล่ะ ไม่ใช่มีแต่นายและเลือดบริสุทธิ์ซักหน่อยที่อยากดื่มเลือดมนุษย์น่ะ” เซดริกจัดการเก็บขวดแก้วในมือใส่กระเป๋าเสื้อแล้วว่าต่อ “แต่ก็น่าเสียดายที่พวกลูกผสมอย่างฉันไม่ถูกอนุญาตให้ไปกัดคอดื่มเลือดมนุษย์ตรงๆ ได้ เสียชื่อแวมไพร์ชะมัด” เซดริกบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนัก ดวงตาทั้งสองหรี่มองนายน้อยตระกูลแวมไพร์ที่แสนเก่าแก่อย่างเซ็งๆ

     

    “นั่นก็เพื่อปกป้องความลับของพวกเรา และ...พวกมนุษย์ด้วย” เดรโกพูดมาถึงตรงนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกลูกผสมไม่ได้มีพลังลบความจำทุกคนอีก อา... แต่นายมีมันนี่”

     

    ร่างสูงใหญ่ในชุดสีเหลืองคาดดำยักไหล่อย่างคนคร้านจะแยแส ไหล่ที่พิงกับผนังอยู่ผละออกเล็กน้อยแล้วเริ่มเดินไปทางประตูห้องน้ำที่ถูกลงกลอนอยู่ เดรโกมองตามแผ่นหลังนั้นที่คิดจะไปก็ไปแบบไม่บอกกล่าวด้วยแววตาเรียบเฉยดังทุกที เขาเองก็ไม่ได้อยากเสวนากับหมอนี่เท่าไหร่ เซดริกชอบกวนประสาทเดรโก

     

    กวนประสาทไปเสียทุกเรื่อง ยิ่งกับเรื่องไหนที่ดูท่าว่าจะทำให้เดรโกประสาทเสียได้มากที่สุด เซดริกก็ดูจะชอบแหย่ตรงจุดนั้นเสียเหลือเกิน ดังเช่น...

     

    “มัลฟอย นายว่าฉันจีบแฮร์รี่ดีไหม?”

     

    ว่าจบ คนพูดก็ยักคิ้วข้างหนึ่งให้พร้อมการเดินออกจากห้องน้ำทันที เดรโกเบิกตากว้างคล้ายคนตกใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้ แผ่นหลังกว้างๆ นั่นก็หายลับสายตาไปเสียแล้ว เดรโกได้แต่กำมือแน่นกัดฟันกรอดให้กับน้ำเสียงทีเล่นทีจริงและสายตากวนประสาทที่เขาไม่ทันได้เอาคืนนั่น

     

    อย่าหวังเลยเหอะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบพอตเตอร์ แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครเข้าไปรุ่มร่ามกับเจ้าแว่นนั่นได้นอกจากตัวเขาอย่างแน่นอน

     

    ใช่! เขาไม่ได้ชอบพอตเตอร์หรอกนะ!! แต่ไม่อนุญาตให้แวมไพร์หน้าไหนมาได้กลิ่นหอมๆ จากเจ้าแว่นด้วย!

     

    ไม่-มี-วัน!!

     

    …………………………………………………….

     

    หลังเลิกเรียนแฮร์รี่กับสหายอีกสองก็พากันเดินกลับไปที่หอพักภายในโรงเรียนทันที รอนบ่นหิวตั้งแต่คาบสุดท้ายของการเรียน ดีที่วันนี้พวกเขาทั้งสามไม่ต้องเข้ากิจกรรมชมรมจึงพากันกลับมายังหอได้ทันที โดยเริ่มที่ส่งรอนหาอะไรกินเล่นที่ใต้หอก่อนที่จะพากันแยกย้ายกลับห้อง

     

    ห้องของแฮร์รี่และรอนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่แยกเป็นสองห้องนอน หนึ่งครัว หนึ่งห้องน้ำและห้องนั่งเล่น เพราะฉะนั้นแล้วต่อให้จะอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน แต่เมื่อถึงเวลานอนพวกเขาก็แยกห้องใครห้องมันเพื่อความเป็นส่วนตัว

     

    รอนแยกไปนอนแล้ว ส่วนแฮร์รี่ก็แยกตัวเพื่อเริ่มทำการบ้านสำหรับวันนี้ที่มีเพียงอย่างเดียว

     

    หกโมงคือเวลางานพิเศษของแฮร์รี่

     

    แฮร์รี่ออกจากหอมาตั้งแต่ห้าโมงเพื่อหาข้าวเย็นทานแบบจริงจัง ก่อนจะออกจากรั้วโรงเรียนเพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านคาเฟ่ที่เด็กหนุ่มรับหน้าที่เป็นบาริสต้าควบคู่ไปกับแคชเชียร์ไปด้วย เพราะเป็นร้านเล็กๆ ละแวกโรงเรียน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนที่สั่งเมนูไม่ยากจึงไม่เป็นอุปสรรคมากนักที่แฮร์รี่จะสามารถรับทั้งออเดอร์และทำเครื่องดื่มไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีพนักงานร่วมกะด้วยอีกสองคนอยู่ดี

     

    ตั้งแต่ที่แฮร์รี่ขึ้นไฮสคูลปี 9 ที่นี่เขาก็เลือกที่จะอยู่หอและทำงานพิเศษเพิ่มเพื่อแบ่งเบาภาระเงินค่าขนมของพ่อแม่ แม้ว่าจริงๆ แล้วบ้านเขาจะไม่ได้ขัดสนอะไรขนาดนั้นก็ตามแต่ เพราะไม่เพียงแค่พ่อแม่ของเขาที่ส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แฮร์รี่ยังมีพ่อทูนหัวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วย ถึงอย่างนั้นด้วยนิสัยขี้เกรงใจแฮร์รี่จึงเลือกทำงานควบไปด้วย

     

    มันก็ไม่ได้แย่อะไร ออกจะสนุกดีด้วยซ้ำกับการลุ้นว่าวันนี้จะมีลูกค้ามาสั่งเมนูแปลกๆ หรือไม่ อย่างเช่นอเมริกาโน่ใส่น้ำตาล หรือลาเต้ใส่นมไม่ต้องเยอะ ร้ายหน่อยก็มีคนที่คิดจะแกล้งเพื่อนด้วยการสั่งลาเต้อาร์ตด้วยลวดลายประหลาดๆ เล่นเอาแฮร์รี่ถึงกับกุมขมับไปตามๆ กัน

     

    เด็กหนุ่มประจำเคาน์เตอร์ของตัวเองอย่างแข็งขัน พนักงานสามคนก่อนออกไปแล้ว เพื่อนร่วมกะของเขาอีกสองคนก็ดูท่าว่าจะยังอยู่หลังร้านเพราะด้วยลูกค้าที่ยังไม่เข้ามาแฮร์รี่จึงเปิดสมุดเช็คดูความเรียบร้อยของการขายในวันนี้

     

    เสียงกระดิ่งที่แขวนกับประตูกังวานออกมาเมื่อมันถูกเปิดโดยผู้มาใหม่ แฮร์รี่วางสมุดในมือลงกับแคชเชียร์ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังทิศที่ลูกค้าเข้ามาด้วยรอยยิ้มจนตาหยี

     

    “รับ— เซดริก?” จากยิ้มน้อยๆ กลายเป็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวทันที “ไม่ได้เจอกันนานเลย ลมอะไรหอบมาถึงนี่กันล่ะครับ” เด็กหนุ่มมีท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น กับคนตรงหน้าที่เขาพอจะรู้จักอย่างดีทำให้ไม่ต้องวางมาดของคนบริการและลูกค้าเท่าไหร่อย่างเป็นกันเอง

     

    ร่างสูงของรุ่นพี่อย่างเซดริก ดิกกอรี่เองเพียงยิ้มจนตาเกือบจะปิดเช่นกันให้รุ่นน้องของตน “ลมคิดถึงนายมั้งแฮร์รี่”

     

    “ฟ้าผ่าตายแล้วเซดริก”

     

    “ฮะๆๆ งั้นเอาเหมือนเดิม วันนี้ขอสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กด้วยนะ”

     

    คนรับออเดอร์เลิกคิ้วทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยต่ก็ขานรับอย่างอารมณ์ดี “รับทราบครับ”

     

    แม้ทั้งสองจะกำลังเรียนอยู่ในปี 13 เช่นเดียวกันแต่เซดริกเคยไปแลกเปลี่ยนอยู่ต่างประเทศปีกว่าๆ เพราะฉะนั้นเขาที่คิดจะเรียนต่อจึงกลายเป็นว่าต้องมาเรียนกับรุ่นน้องแทน แล้วทั้งคู่ก็ได้รู้จักกันก็ตอนที่กำลังขึ้นปี 12 เพราะพวกเขาทั้งคู่ที่เข้าชมรมฟุตบอลเหมือนกัน

     

    เซดริกปลีกตัวไปนั่งลงบนโต๊ะตัวเดิมใกล้กับเคาน์เตอร์ มุมที่เขาจะสามารถมองเห็นหน้าคนที่กำลังบดเมล็ดกาแฟได้อย่างชัดเจน ดวงตาคู่สีเทาจดจ้องมองเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าไปสองปีด้วยสายตา..เอ็นดู มุมปากหยัดยิ้มขึ้นมากขึ้นเมื่อบาริสต้าตัวน้อยกำลังชงกาแฟอย่างตั้งใจ

     

    “มองแล้วยิ้มขนาดนี้ก็ไม่ไปยืนยิ้มข้างๆ เขาเลยล่ะคะ?”

     

    “ได้เหรอ?”

     

    “พูดเล่นไหมอะ”

     

    ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อหญิงสาวคนเดียวภายในร้านยู่หน้าออกมาเมื่อโดนเขากวนไปเล็กๆ น้อยๆ – ลูน่า เลิฟกู้ด เด็กสาวผิวขาวจัดดูสุขภาพดีวางจานสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กที่เซดริกสั่งลงก่อนจะกอดถาดกลมในมือแนบอกแล้วเหลือบมองคนที่ยังทำกาแฟแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วหันมามองลูกค้าของร้านต่อ

     

    “ชอบแฮร์รี่เหรอ” เธอถามออกไปตรงๆ ด้วยน้ำเสียงยานคางนิดๆ

     

    เจ้าของเรือนผมหยักศกยักไหล่เอียงคออย่างไม่ยี่หระเท่าไหร่ แขนเอื้อมไปด้านหน้าเล็กน้อยและหยิบส้อมเล็กในจานตักชีสเค้กตรงหน้าเข้าปากช้าๆ “ไม่รู้สิ ชอบไหมนะ”

     

    ท่าทางดูกวนประสาทถูกส่งกลับมาอีกรอบ ลูน่ากลอกตารอบหนึ่งแล้วจ้องคนเส้นผมดำหยักตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ แต่แววตาดูเอาเรื่องอยู่ลึกๆ เช่นกัน

     

    “กลัวแล้วนะ ทำหน้าแบบนี้ทำไมเนี่ย”

     

    “ก็รุ่นพี่กวนนีคะ”

     

    หญิงสาวแสร้งเอาถาดในมือตีเข้าที่ท่อนแขนของเซดริกไปทีแล้วรีบเผ่นกลับเข้าไปหลังร้านทันที เซดริกหัวเราะคิกกับตัวเองและส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับแฮร์รี่ถือแก้วลาเต้ร้อนรออยู่ก่อน กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาแตะปลายจมูกจนอดไม่ได้ที่จะสูดจมูกดมอย่างลืมตัว

     

    “ดื่มกาแฟตอนนี้คือกะไม่นอนแล้วหรือไงน่ะครับ”

     

    “ดูขอบตาฉันสิ หลับดีทุกคืน พูดเลย” ไม่ว่าเปล่า นิ้วเรียวยังยกขึ้นชี้ที่ใต้ตาขาวใสของตัวเองเป็นการกำกับ

     

    แฮร์รี่หลุดขำกับท่าทางนั้น เขาทิ้งตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับเซดริก เนื่องจากยังไม่มีลูกค้าเพราะฉะนั้นตอนนี้เขาก็อู้ได้

     

    ดวงตาสีเทาคู่คมก้มมองลาเต้อาร์ตของตัวเองที่แฮร์รี่วาดลงไป รอบนี้ก็เหมือนจะเปลี่ยนไปจากคราวแล้วที่เขาเคยสั่ง ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเหมือนเป็นรูปใบโคลเวอร์ แต่รอบนี้เหมือนแฮร์รี่จะพัฒนาขึ้นอีกหน่อยแล้วเพราะเป็นรูปดอกกุหลาบดอกหนึ่งเลยทีเดียว

     

    “ไม่ได้มากินพักนึงนี่พัฒนาฝีมือขนาดนี้เลยเหรอ แล้วจะกล้ากินไหมเนี่ย”

     

    ร่างสูงมองแก้วไปมาอย่างชั่งใจ เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วเริ่มหามุมถ่ายรูปดีๆ จนแฮร์รี่หลุดขำอีกรอบ เสียเวลากันไปพักใหญ่กับการหามุมถ่ายรูปให้กับเซดริกและกว่าการจะทำใจยอมดื่ม จากลาเต้อุ่นๆ ก็กลายเป็นเย็นไปเสียแล้ว แต่คนดื่มก็ยังมีท่าทางพออกพอใจฉายบนใบหน้าอย่างไม่มีปิดบัง

     

    ท้องฟ้าสีเข้มได้มาเยือนท้องนภาแทนในยามนี้ อากาศโดยรอบเย็นกว่าตอนกลางวันพอสมควรแต่ในร้านคาเฟ่ที่มีคนสามคนพากันขยับไปมาอยู่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเย็นเท่าไหร่ เนวิลล์จัดการหยิบถุงขยะสองถุงใหญ่ไว้มือ ก่อนที่จะเอ่ยแบบรัวเร็วออกมา

     

    “ฉันไปก่อนนะๆ นึกได้ว่ายังมีการบ้านที่ไม่ได้ทำเลย”

     

    หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวพากันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เนวิลล์ยิ้มกว้างแล้วรีบหุนหันวิ่งออกจากร้านไปพร้อมถุงขยะทันที แฮร์รี่ได้แต่ภาวนาเพื่อนของเขาจะไม่ลนลานจนถือเอาถุงขยะกลับไปถึงหอพักเหมือนคราวก่อน เหตุผลก็เพราะความรีบแบบนี้นั่นแหละที่พอเจ้าตัวรีบแล้วก็ลืมทุกอย่างไปเลย

     

    เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงสำหรับการเปิดร้าน หลังจากเซดริกซึ่งเป็นลูกค้าคนแรกของกะเย็นออกไป ลูกค้ารายใหม่ก็เริ่มเข้ามาไม่ขาดสาย วันนี้จึงขายได้ดีกว่าทุกๆ วันแต่ก็จะเหนื่อยกว่าทุกๆ วันเช่นกัน แฮร์รี่มักจะพูดว่าเป็นเพราะเซดริกเป็นบุคคลนำโชค เวลาที่เซดริกมาทีไรยอดขายของเขามักจะดีทุกครั้ง แล้วแฮร์รี่ก็จะได้รับสายตางงงวยจากเซดริกตอบกลับมาทุกครั้งไป

     

    เด็กหนุ่มเพียงหนึ่งหันไปหาเด็กสาวผมสีบลอนด์สว่าง เขาบอกให้เธอกลับไปก่อนได้เลยโดยที่เขาจะเป็นคนปิดร้านแทน ลูน่าส่งยิ้มให้กับแฮร์รี่จางๆ ร่ำลากันเล็กน้อยและสาวเจ้าก็เดินออกจากร้านไป

     

    แฮร์รี่กวาดตามองความเรียบร้อยภายในร้านอีกรอบ เวลานี้เป็นอันรู้กันว่าเขาจะเริ่มเก็บร้านก็จะไม่มีใครมาเท่าไหร่ ที่สำคัญมันคือเวลาจะห้าทุ่มแล้ว คนปกติคงไม่กินกาแฟกันเวลานี้หรือเปล่า

     

    ในระหว่างที่เดินกลับไปด้านหลังเครื่องบดกาแฟเพื่อเตรียมจะถอดล้าง เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งตรงประตูก็ดังขึ้น แฮร์รี่ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยเพราะเวลานี้มักจะไม่มีใครมา แต่จิตวิญญาณของคนให้บริการที่ดีบวกกับยังไม่ถึงเวลาปิดจริงๆ ทำให้แฮร์รี่รีบผละมายืนหลังเคาน์เตอร์เพื่อรอรับออเดอร์ที่น่าจะสุดท้ายของวัน

     

    “สวัสดีครับ รับอะ— ม มัลฟอย...?”

     

    ดวงตาหลังกรอบแว่นเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าใครมาเยือนร้าน สองมือเผลอกำเข้าหากันแน่น ดวงตากะพริบถี่เพื่อเรียกสติที่เหมือนจะหลุดหายไปเล็กน้อยให้กลับมา เสียงที่จู่ๆ ก็หายไปแฮร์รี่กำลังพยายามควานหาอยู่

     

    “นี่ลูกค้านะ เรียกดีๆ สิ”

     

    เดรโกว่าด้วยน้ำเสียงยานค้างดูไม่จริงจังมากนัก มือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองหน้าคนที่ยืนรอรับออเดอร์ด้วยอารมณ์กรุ่นๆ ด้วยซ้ำ

     

    คิ้วหนาได้รูปของแฮร์รี่ขมวดฉับ ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดเข้าจมูกเชื่องช้าเพื่อกันตัวเองไม่ให้อารมณ์เสีย แต่กระนั้นใบหน้าหวานกลับระบายยิ้มเหี้ยมออกมาเล็กน้อย

     

    “รับอะไรดีครับ คุณ-ลูก-ค้า”

     

    แฮร์รี่จงใจกระแทกเสียงคำว่าลูกค้าสุดแรงโดยที่ตัวเองก็กัดฟันพูดไปด้วย จนได้ยินเสียงหัวเราะหึมาจากร่างสูง จากที่อารมณ์ดีมาตลอดเย็นพลันสะดุดลงทันที เหมือนคนที่วิ่งอยู่บนถนนราบเรียบมานานแต่จู่ๆ ก็มีหินกรวดก้อนใหญ่หล่นมาขวางทางเขาเสียอย่างนั้น

     

    “ตอนเย็นดิกกอรี่มาที่นี่ใช่ไหม”

     

    ชื่อของบุคคลที่สามทำให้แฮร์รี่คลายสีหน้าขึงขังลงและถูกแทนที่ด้วยสีหน้างุนงงไปชั่วครู่ เขาพยักหน้าและครางรับไปเบาๆ เท่านั้น ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังคนที่เอาแต่มองไปรอบร้านและทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะเก้าอี้ตัวเดิมกับที่เซดริกเคยนั่ง เจ้าของใบหน้าเสี้ยมแหลมเงยมองไปยังบาริสต้าของร้านที่จ้องเขาเขม็งอยู่

     

    “เอาแบบดิกกอรี่”

     

    แม้จะเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม แต่เพราะแถบนี้เป็นย่านคึกคักพอสมควร ผู้คนที่เดินบนถนนจึงยังมีให้เห็น รถราต่างๆ ยังคงขับผ่านไปมา เด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ตอนนี้ไม่ได้เก็บผมให้เรียบแปล้บนศีรษะกำลังเท้าคางมองแสงสีนอกร้านอย่างเหม่อลอย

     

    แฮร์รี่แปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ คู่อริอย่างมัลฟอยก็มาโผล่ที่ร้านแบบนี้ แม้เรื่องที่เขาทำพาร์ทไทม์จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร แต่ก็ไมได้บอกให้ใครรู้มากมาย แถมท่าทางของมัลฟอยที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยเหน็บไปทีหนึ่งเหมือนคนที่รู้แต่แรกนั้นทำให้แฮร์รี่อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวรู้นานแล้วหรือยัง เพราะตั้งแต่ที่แฮร์รี่ทำงานที่นี่มาได้ 2 ปี เขาไม่เคยเจอมัลฟอยสักครั้ง

     

    มือที่ถือช้อนเล็กอยู่กำลังออกแรงคนกาแฟในแก้วเบาๆ ภายใต้กรอบหน้าที่ดูเรียบนิ่งและแสนเย็นชาซึ่งมองเหม่อไปนอกร้านเหมือนเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ มันค่อนข้างอ่านยากและรับมือยากยังไงชอบกล ปกติเขากับมัลฟอยเคยพูดกันดีๆ เกินสามประโยคเสียที่ไหน แถมเจอกันกี่ครั้งก็ต้องปะทะฝีปากหรือสายตากันทุกทีไป

     

    แต่ครั้งนี้เจ้าตัวกลับมานั่งเงียบๆ นั่งมองวิวนอกร้านเฉยๆ ซะอย่างนั้น

     

    นานอยู่พอสมควรที่มัลฟอยนั่งมองไปนอกร้านและออเดอร์ที่เขาสั่งยังไม่มาเสียที ใบหน้าขาวจัดละออกจากวิวด้านนอกแล้วหันกลับมาในร้าน ดวงตาสีฟ้าซีดพยายามเพ่งมองไปด้านหลังเคาน์เตอร์ที่เหมือนว่าบาริสต้าจะเงียบหายไปเสียนาน

     

    “นายไปปลูกเมล็ดกาแฟอยู่รึไงพอตเตอร์”

     

    “หุบปากน่ะ”

     

    เสียงทุ้มหวานนั้นตอบกลับมาแทบทันที แต่เหมือนร่างโปร่งบางก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากแก้วกาแฟตรงหน้า เดรโกถือวิสาสะลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมเข้าไปทางด้านหลังเคาน์เตอร์เงียบๆ เส้นผมที่ปรกลงบนหน้าผากถูกเสยขึ้นเล็กน้อยพลางเอียงตัวพยายามมองไปทางเดียวกับที่บาริสต้ากำลังก้มๆ อยู่

     

    ร่างโปร่งยืดตัวขึ้นเต็มความสูง มือข้างที่ถือปากกาวาดลาเต้อาร์ตอยู่กำลังเล็งๆ ไปตามหน้าอาร์ตที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่พอใจเท่าที่ควร เดรโกจดจ้องมองอีกคนจากด้านหลังเงียบๆ พร้อมรอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้า ปากสีแดงกระจับของบาริสต้าในร้านพึมพำไปมาเบาๆ เหมือนเจ้าตัวคิดจะต่อเติมอะไรลงบนนั้นต่ออย่างตั้งใจ ในขณะที่กำลังจะโน้มตัวลงแต่งเพิ่มอีกครั้ง เดรโกก็เข้าประชิดแผ่นหลังบางทันที

     

    “อ๊ะ! เฮ้ย..! มัลฟอย มาได้ไงเนี่ย เข้ามาได้ไง!! อย่าเกะกะสิเอ๊ะ!!

     

    “ก็อยากกินแล้ว นายทำนานชะมัด แบบนี้ลูกค้าหายหมด”

     

    ไม่ว่าเปล่า เดรโกจัดการดึงเอาปากกาวาดลาเต้อาร์ตออกจากมือของแฮร์รี่แล้ววางไว้ข้างๆ แทน แฮร์รี่มุ่ยหน้าขัดใจเล็กน้อยแล้วหันไปมองแก้วลาเต้ตรงหน้า กลิ่นกาแฟกรุ่นๆ ไม่ได้เรียกความสนใจของเดรโกเท่าไหร่ ยิ่งตอนนี้เขาที่ซ้อนหลังแฮร์รี่อยู่มันมีบางอย่างที่ดึงดูดมากกว่า

     

    ดวงตาคมอดไม่ได้ที่จะมองเข้าที่ซอกคอขาวตรงหน้าไหนจะกลิ่นหอมหวานของดินผสมดอกไม้ของคนตรงหน้าที่ทำให้เดรโกแทบจะลุ่มหลงและ... อยากจะฝังเขี้ยวของตัวเองลงไป

     

    “งั้นก็เอาไปเลย เสร็จแล้วกาแฟของนาย”

     

    แฮร์รี่เอ่ยเสียงแข็งแล้วเบี่ยงตัวออกจากจุดเดิมที่ยืน เดรโกชะงักเล็กน้อยเมื่อร่างเล็กๆ ตรงหน้าผลุบหายไป เขาก้มมองเมนูที่เขาตั้งใจสั่งให้เหมือนดิกกอรี่ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นลาเต้อาร์ตตรงหน้า

     

    ทีแรกเดรโกคิดว่าแฮร์รี่น่าจะวาดอะไรพิเรนทร์ๆ เพื่อเป็นการแกล้งเขา แต่สิ่งที่ได้รับกลับต่างไปจากที่คิดมากโขทีเดียว

     

    แม้จะยังดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่เดรโกก็ดูออกว่ามันคือรูปมังกร

     

    เขาเบนสายตามองไปยังคงที่ยืนเอียงตัวไปมาข้างๆ ดวงตาหลังกรอบแว่นเสมองไปทางอื่นพร้อมด้วยท่าทางอึกอักแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เสียงงึมงำในคออีกคนจับใจความได้ว่าเจ้าตัวเพิ่งจะเคยลองวาดลายมังกรเป็นครั้งแรก มันเลยยังดูเป็นมังกรง่อยๆ

     

    ท่าทางแบบคนหมดความมั่นใจแบบนั้นเดรโกก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

     

    นายน้อยมัลฟอยขยับไปชิดตัวแก้ว เขาหมุนมองมันไปมาเล็กน้อยอย่างเบามือเพราะกลัวว่ารูปร่างของมังกรตรงหน้าจะผิดเพี้ยนไป ความใส่ใจเล็กน้อยของแฮร์รี่ทำให้เดรโกรู้สึกอุ่นวาบในอกขึ้นมา ชื่อของเขาถ้าแปลจากภาษาละตินก็คือ Dragon หรือว่า มังกร นั่นเอง

     

    “ขอบคุณมาก มันน่ารักดี”

     

    คนที่ได้รับคำชมเลิ่กลั่กแก้มแดงปลั่งขึ้นมาทันที เจ้าตัวครางรับงึมงำๆ อะไรสักอย่างที่เดรโกฟังไม่รู้เรื่องแล้วเจ้าคนตัวเล็กก็รีบวิ่งหายเข้าไปหลังร้านทันที เดรโกส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการถ่ายรูปเจ้ามังกรเบี้ยวๆ ของแฮร์รี่แล้วอมยิ้มกับตัวเอง

     

    การตัดสินใจมานั่งหายใจทิ้งที่นี่วันนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่นัก ร่างสูงหมุนตัวพิงกับขอบเคาน์เตอร์พลางเกี่ยวหูแก้วขึ้นมาจรดกับริมฝีปาก ฟองนมสีขาวอ่อนนุ่มพร้อมรสชาติขมของกาแฟผ่านปากและลงสู่ลำคอไป เดรโกมาที่นี่บ่อย และส่วนใหญ่จะเป็นบาริสต้าคนอื่นเพราะเขาจงใจมาในเวลาที่ไม่ใช่กะของแฮร์รี่ อดยอมรับไม่ได้เลยว่ารสชาติที่เขาเคยดื่มมาพวกนั้นเทียบไม่ติดเลยสักนิด

     

    “ถ้าขมไปก็เติมน้ำตาลข้างๆ นั่นนะ!

     

    เสียงทุ้มหวานตะโกนมาจากหลังร้าน เดรโกอมยิ้มแล้วเหลือบมองกระปุกน้ำตาลที่อยู่ใกล้ๆ เขาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วมองเมินมัน

     


    รสชาติของแฮร์รี่น่ะ มันดีอยู่แล้ว



    ________________________________________________________________________


    TALK !!


    #WizDMHP ไปหวีดกันในแท็กนี้บนทวิตเตอร์ได้นะคะ!


    ตอนแรกมาแล้วค่าาาา ช่วงมีไฟต้องรีบเขียน หุๆๆ

    ไหนอะ คุณชายแวมไพร์ยังไม่เห็นกัดเลย บ้าอ่ออออ นี่ตอนแรกอยู่เลยจะรีบกัด..(กิน)ได้ยังกัน!? อดใจรอนิดนึงนะคะ แต่ถ้าตามพล็อตที่วางไว้แค่ไม่กี่ตอนจบ ก็จะสปอยล์ว่า ...................

    ตอนนี้ยังใสๆ นะคะ เน้นที่พวกเขาใช้ชีวิตในโรงเรียนว่ากัดกันอะไรยังไง แต่ลึกๆ คือแอบมองแอบส่องกันมานานแล้วโดยเฉพาะน้องรี่ที่มองตาพี่มานาน แล้วตาพี่เองก็ใช่ว่าจะปล่อยน้องมองฝ่ายเดียวด้วย บอกแล้วไงคะว่ามันแค่ไม่กี่ตอนจบ รักๆ กันไปเร็วๆเถอะ ฮาาา แล้วรสชาติอะไรที่ว่าดีอยู่แล้ว ... กาแฟไง กาแฟ !!

    ขอบคุณสำหรับการตอบรับ คอมเมนต์และยอดรีในทวิตนะคะ บ่งบอกให้รู้ว่าเราไม่โดนเทจากชาวเรือและมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย แต่ก็อยากได้คอมเมนต์ฟีดแบคมาเช่นกันน้าาา พูดคุยกันได้นะคะ งุมม รักกค่ะ






    ปล. ตอนหน้าน้องโดนกัดค่ะ หุหุหุหุ 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×