คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : (Short Fic) After Story [ 4 ]
☪︎ After Story ϟ
Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]
Short Fic | Romantic | Drama
[ 4 ]
____________________________________________
วันเสาร์ที่ว่ามาถึงอย่างเชื่องช้าในความคิดของแฮร์รี่
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ที่มีโอกาสได้นอนเต็มอิ่ม
ตื่นเช้ามาด้วยความสดใสพร้อมรับวันใหม่เพื่อกิจกรรมที่จะทำอย่างเต็มที่
ตื่นเช้าชนิดที่ว่ารูมเมทร่วมห้องอย่างรอนและเนวิลล์พากันงุนงงว่าเขาจะตื่นมาทำไมเช้าขนาดนี้ในวันที่ไม่มีเรียน
แฮร์รี่ตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
ของตัวเองแทน แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเพื่อนสนิทของตัวเองไม่ว่าคนใดก็ตามว่าวันนี้เขามีนัดไปเดินตรอกไดแอกอนกับคุณหนูบ้านมัลฟอย
ขืนบอกไปมีหวังว่าหอนอนกริฟฟินดอร์แตกอย่างแน่นอน และเพื่อนสนิทอย่างรอนมีหวังวิ่งโร่ไปถล่มหอสลิธีรินต่ออีกทอดแน่
โชคดีที่ว่ารูมเมททั้งสองง่วงนอนเกินกว่าจะใส่ใจเพื่อนร่วมห้อง
ทั้งคู่จึงล้มหัวทิ้งตัวนอนต่ออย่างไม่คิดจะสนใจคนที่ยังตื่นอยู่
แฮร์รี่นึกขอบคุณที่สองคนนี้เมื่อคืนพากันเล่นเกมจนนอนดึกดื่น
ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนคาดคั้นเอาคำตอบอย่างแน่นอน
แต่ปราการภายในหอนี้ไม่หมดเพียงแค่เนวิลล์หรือรอน
เมื่อออกมาจากหอนอนชาย
ลงมาที่ห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์
แฮร์รี่พลันหายใจสะดุดทันทีเมื่อพบใครกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟากลางห้อง
ชายผมดำที่เพิ่งออกมาจากหอชายกลั้นหายใจ
พยายามย่องตัวก้าวด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบที่สุด เดินอ้อมโซฟาไปด้านหลังเพื่อกันใครคนนั้นจะเห็นเข้า
แต่ก้าวขายังไม่ทันจะพ้นเขตของโซฟาดี
เสียงหวานก็ดังแทรกขึ้นมาจนแฮร์รี่สะดุ้งตัวโยน
“จะไปไหนแต่เช้าแฮร์รี่?”
เจ้าของเสียงว่าพลางพับหนังสือในมือเสียงดัง เธอเอี้ยวตัวกลับมาด้านหลัง คิ้วโก่งสวยยักขึ้นข้างหนึ่งให้เพื่อนชายของเธอพลางจ้องไม่วางตา
แฮร์รี่อึกอักขึ้นมาทันที
รอยยิ้มแกนๆ พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ ถูกส่งให้เพื่อนสาวผู้รู้ไปเสียทุกอย่างเพื่อกลบเกลื่อน
แต่แฮร์รี่ก็คาดว่ามันคงเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งและตบตาได้แย่มากอยู่ดี
สองมือที่ถูเข้าหากันเพราะความประหม่าถูกนำไปเช็ดกับขากางเกงหวังลดอาการน่าสงสัย
แต่สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมา แฮร์รี่ก็รู้แล้วว่ามันไม่เนียนเอาเสียเลย
เด็กสาวผมฟูเลิกคิ้วอีกครั้งเป็นการถามย้ำ
สุดท้ายแฮร์รี่จึงยอมยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นการยอมแพ้
“ตรอกไดแอกอน”
แฮร์รี่จงใจเลี่ยงในรายละเอียด
แต่เขาก็ยังคงได้รับสายตาคาดคั้นว่าต้องการคำตอบที่ขยายความมากกว่านี้อยู่ดี
“ไปร้านคุณโอลลิแวนเดอร์”
เฮอร์ไมโอนี่ลดสายตามองไปยังบริเวณกระเป๋าเสื้อคลุมของแฮร์รี่
พลางเอียงคออย่างสงสัย “ไม้ของเธอพังเหรอแฮร์รี่?”
คนฟังสูดหายใจเข้าปอดลึก
เขาส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ “เปล่าหรอก ไปหาซื้อไม้ใหม่”
เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจลุกออกจากโซฟาทันที
เธอเดินเข้ามาหาแฮร์รี่พลางจ้องมองด้วยรอยยิ้ม สองมือวางลงบนไหล่แคบของเพื่อนสนิท
“งั้นก็ขอให้โชคดีนะ
ระวังตัวให้ดีด้วยล่ะ อย่าเกเร”
แฮร์รี่เลิกคิ้วเบิกตามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความไม่คาดคิด
รอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นมาจางๆ ตามด้วยการพยักหน้าตอบ แม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่พูดอะไร
แต่สำหรับคนที่เป็นเพื่อนตายกันมาตลอดชีวิตแถมยังเป็นเธอ เด็กสาวสุดฉลาดของรุ่น
ไม่มีทางที่จะไม่รู้ใจเพื่อนสนิทของเธอได้เลย
เมื่อร่ำลากันเรียบร้อย
แฮร์รี่ก็รีบพาตัวออกมาจากหอพักของตัวเองแทบจะทันที และก็ต้องตกใจไปเล็กน้อย
เมื่อเดินลงบันไดจากหน้าหอของตัวเองมาได้ก็พบกับคนที่นัดหมายไว้มายืนพิงรออยู่ใกล้ๆ
เสียแล้ว ถือเป็นภาพน่าแปลกตาไม่น้อยสำหรับการได้เห็นอีกคนมายืนทำอะไรแถบบันไดเวียนเช่นนี้
เพราะส่วนใหญ่จะเป็นทางที่ขึ้นไปสู่หอคอย
“เอ่อ
ขอโทษทีที่สาย” แฮร์รี่ไม่ได้แน่ใจนักหรอกว่าตัวเองสายจริงหรือไม่
ก่อนออกมาเขาก็ไม่ได้มองนาฬิกาก่อน แต่ถ้าจำไม่ผิด
แฮร์รี่คิดว่าตัวเองค่อนข้างเผื่อเวลาไว้แล้ว
คนรอก่อนยักไหล่
แผ่นหลังที่พิงผนังอยู่ผละออกมา ก่อนจะจัดเสื้อคลุมตัวนอกให้เข้ารูปมากขึ้น
“นายไม่ได้มาสายหรอก
ฉันมาก่อนเวลาเอง”
เดรโกและแฮร์รี่พากันเดินไปเรื่อยๆ
จนมาหยุดอยู่ที่สถานีรถไฟฮอกมีดส์
ที่ตรงนี้น่าจะห่างไกลจากปราสาทฮอกวอตส์พอสมควรที่ทำให้ทั้งคู่สามารถใช้คาถาหายตัวได้
ในขณะที่แฮร์รี่กำลังจะเป็นฝ่ายเริ่มการนำทาง ด้านหน้าของเขาก็ปรากฏฝ่ามือของใครอีกคนที่แบออกมารอเสียก่อน
“อะไร?”
คนผมดำเอียงคอถามอย่างสงสัย
เดรโกเหล่มองอีกฝ่ายนิ่งๆ
ก่อนจะทำทีมองไปด้านหน้าโดยที่มือยังคงแบอยู่ “เดี๋ยวฉันนำทางเองไง มาสิ”
ดวงตากลมหรี่ลงเล็กน้อยแบบคนจับผิด
สองขาขยับเล็กน้อยจนไหล่เกือบจะเกยกับร่างสูงข้างกาย
“ไม่ไว้ใจฉัน?”
เสียงทุ้มหวานว่าติดหยอกล้อ
พลางจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาที่กำลังทอประกายสว่างไสวออกมา
จนกระทั่งเดรโกลดสายตามองตอบ
แฮร์รี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าคนตรงหน้าดูสดใสและมีประกายของความสุขมากขึ้น
บรรยากาศรอบตัวที่ดูสบายๆ และเป็นกันเองทำให้แฮร์รี่ใจชื้นกว่าครั้งไหนๆ
ที่เคยอยู่ใกล้เดรโกมา และเขาหวังว่ามันจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
และภาวนาให้มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
เด็กหนุ่มผลบลอนด์หรี่ตามองตอบ
เสียงทุ้มเอ่ยติดตลก “ไม่ได้ไม่ไว้ใจพ่อมดผู้เก่งกาจแห่งยุคหรอกนะ”
เหมือนเป็นยาขมสำหรับคนฟัง
แฮร์รี่ย่นจมูกคล้ายไม่พอใจจนเดรโกนึกขำคนเดียว
“แต่ฉันอยากเป็นคนนำทางเรา”
ในคำว่า เรา
ของเดรโกคล้ายมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่
แฮร์รี่พยายามมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมตรงหน้าราวจะค้นหาอะไรบางอย่างในนั้นเพื่อหาคำตอบ
แต่ในเวลานี้มันช่างเลือนราง ราวกับยังมีเมฆหมอกสีเทาจางคอยปกคลุมปกป้องเอาไว้ไม่ให้เขาเห็นได้ชัด
ยังไม่ถึงเวลา
คงต้องรอกันไปอีกสักหน่อย
แฮร์รี่พยายามมองปัดความรู้สึกแปลกประหลาดของตัวเองที่ผุดขึ้นมา
ดวงตาหลุบมองฝ่ามือขาวที่ยังคงแบอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
ภาพแบบนี้มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเข้าฮอกวอตส์มาวันแรก
วันที่เดรโกหยิบยื่นมิตรภาพมาให้เขา
แต่เพราะคำพูดที่ออกจะผิดแผกและไม่เข้าหูแบบไม่น้อยของเดรโก
ทำให้แฮร์รี่ไม่ลังเลที่จะปฏิเสธไปเลยสักนิด
ถ้าวันนั้นเขาตัดสินใจจับมือของเดรโกไป
ในตอนนี้มันจะเป็นอย่างไรกัน?
แต่อดีตตอนนั้นก็คืออดีต
ตอนนี้ต่างหากที่เป็นปัจจุบัน ฝ่ามือนี้กลับมาอยู่ตรงหน้าแฮร์รี่อีกครั้ง
คนตัวเล็กแหงนหน้ามองคนที่ยังก้มมองรอคำตอบจากเขา
รวมๆ แล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด
ทั้งสายตาที่เหมือนรอคอยด้วยความหวังอยู่ในนัยน์ตาลึกๆ
แต่สิ่งที่ต่างไประหว่างตอนนั้นกับตอนนี้ก็คงเป็นบรรยากาศที่น่าเข้าหามากกว่า
และครั้งนี้ที่เดรโกยืนอยู่ข้างกายของเขาหากไม่ใช่ฝั่งตรงข้าม
พร้อมกับฝ่ามือนี้ที่แฮร์รี่รู้สึกวางใจได้กว่าครั้งก่อน
และแฮร์รี่ก็ไม่คิดลังเลที่จะวางมือของตัวเองลงกับมือของเดรโกอีกต่อไป
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
เดรโก มัลฟอย”
แม้จะเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่แฮร์รี่วางมือลงไปกับมือของเดรโกแน่นและผลของคาถาหายตัวจะทำงาน
แฮร์รี่คิดว่าตัวเองมองทันและมองไม่ผิด ว่าเดรโกกำลังมีสีหน้าตกตะลึง
พร้อมริ้วแดงจางๆ ที่ใบหู
แฮร์รี่อมยิ้ม
ความในคำพูดของเขา
หมายถึงทั้งฝากเนื้อฝากตัวไปกับการเดินเที่ยวในครั้งนี้และ..เรื่องราวระหว่างพวกเขาต่อจากนี้ด้วย
สองหนุ่มต่างบ้านเดินเคียงกันไปตามทางของตรอกไดแอกอน
แฮร์รี่ดูจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยกับการได้มาเดินที่นี่อีกครั้ง
ทั้งที่ไม่น่าจะมีอะไรแปลกแตกต่างไปจากเดิม
อาจมีการเพิ่มเติมของพวกร้านบางร้านที่ยังซ่อมปรับปรุงไม่เสร็จหลังการโดนถล่มเมื่อคราวก่อน
แต่รวมๆ แล้วก็แทบจะเหมือนเดิมทุกประการ
แต่คนผมดำก็ทำท่าตื่นเต้นราวกับพ่อมดแม่มดตัวน้อยที่เพิ่งมีโอกาสมาเป็นครั้งแรกไปได้
เมื่อเดินผ่านร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นแฮร์รี่ก็เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยจนแอบมองคนข้างกาย
แต่ก็เห็นเพียงแค่ซีกแก้มของเจ้าตัว
เพราะเดรโกเอาแต่จ้องเข้าไปในร้านที่ว่าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์
แฮร์รี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะกลับไปตั้งใจเดินกับทางข้างหน้าต่อ
แต่คนข้างกายกลับเริ่มผุดรอยยิ้มฉาบทับใบหน้าเรียบตึงในทีแรกที่พยายามกลั้นขำเอาไว้ด้วยความยากลำบาก
ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้เสียหรอก
สถานที่ที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรกในโลกเวทมนตร์แห่งนี้
ร้านขายไม้กายสิทธิ์โอลลิแวนเดอร์อันเป็นจุดหมายในการมาตรอกไดแอกอนครั้งนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เดรโกมีท่าทางประหม่าปนตื่นเต้นขึ้นมาทันที นานมากแล้วนับตั้งแต่อายุ 11 ปีที่ได้เข้ามาเลือกซื้อไม้กายสิทธิ์ของตัวเองในร้านนี้
– ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีก จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะกลับไปอายุ 11
ปีอย่างไรอย่างนั้น
“ไปกันเถอะ”
แฮร์รี่ว่าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพลางลากคนที่กำลังทำหน้าวิตกให้เข้าไปในร้านแบบไม่ทันตั้งตัว
หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันเล็กน้อย
เด็กหนุ่มสองคนก็มาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ขายไม้กายสิทธิ์
คุณโอลลิแวนเดอร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เดิมส่งยิ้มอย่างเป็นกันเองให้กับแฮร์รี่
เขาดูดีใจที่ได้พบแฮร์รี่อีกครั้ง
แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปส่งยิ้มให้เดรโกที่อยู่ข้างกันด้วย
“ผมเดาว่าวันนี้เป็นธุระของคุณมัลฟอย”
เสียงแหบแก่ของโอลลิแวนเดอร์ดังขึ้นมา แฮร์รี่พยักหน้ารับแทนคนข้างตัวอย่างขึงขัง
“ไม้เก่าของคุณล่ะคุณมัลฟอย? พังในสงครามฮอกวอตส์เหรอ?”
โอลลิแวนเดอร์เอ่ยถามตามประสา
ผลจากสงครามตอนนั้น มีพ่อมดแม่มดมากมายที่ไม้กายสิทธิ์พังเสียหายหรือตายจากพวกเขาไป
ทำให้พักนี้มีลูกค้าเข้ามาหาไม้กายสิทธิ์ใหม่กันพอสมควร
สองหนุ่มพากันยิ้ม
เดรโกปรายตามองคนข้างกายเล็กน้อย ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบ “เปล่าครับ แต่ตอนนี้
มันแค่ไปอยู่ในมือของเจ้าของที่ดีกว่า”
เด็กหนุ่มผมบลอนด์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและรอยยิ้มกว้าง
เจ้าของที่ดีที่ว่ากลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม
พลางส่งยิ้มเจื่อนให้ชายชราผู้ขายไม้กายสิทธิ์ที่กำลังพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม โอลลิแวนเดอร์กวาดตามองสำรวจแฮร์รี่ตั้งแต่หัวจรดช่วงตัว
ก่อนจะลอบยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมปลีกตัวไปด้าน
“ไม้ฮอว์ทอร์นน่ะ
อย่าใช้งานมันหนักมากเกินไปนะ ไม่งั้นคาถาจะย้อนกลับใส่ตัวผู้ร่ายเสียเอง”
แฮร์รี่มีท่าทางลนลานขึ้นมาทันที
ไม้กายสิทธิ์ขนาด 10
นิ้วในกระเป๋าเสื้อคลุมของตัวเองถูกล้วงเข้าไปคลำจับโดยเจ้าของคนปัจจุบันหน้าตาตื่น
คนตัวเล็กแหงนหน้าถลึงตามองคนข้างกายผู้เคยเป็นเจ้าของมันมาก่อน
แต่ก็ได้รับท่าทางกวนประสาทแบบคนไม่รู้ไม่ชี้ยักไหล่ตอบกลับมาจากเดรโกเสียแทน
จินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าในอนาคตที่แฮร์รี่จะไปเป็นมือปราบมารแล้ว
เจ้าไม้ฮอว์ทอร์นของเขาตอนนี้จะถือว่าการออกภาคสนามไปสู้อยู่เรื่อยๆ
ถือเป็นงานหนักแล้วดีดใส่ตัวเองเข้าสักวัน
เด็กหนุ่มจากฮอกวอตส์ทั้งสองยืนมองไปรอบๆ
ร้านอย่างคนไม่รู้จะทำอะไรในระหว่างที่รอโอลลิแวนเดอร์เข้าไปเลือกหาไม้กายสิทธิ์ที่เหมาะกับเดรโก
ดวงตาหลังกรอบแว่นกวาดมองไปรอบร้าน
กล่องใส่ไม้กายสิทธิ์มีอยู่มากมายจนละลานตาไปหมด บางทีแฮร์รี่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะหาไม้กายสิทธิ์ที่เข้ามือได้อีกอันนอกจากฮอว์ทอร์นในมือ
ระหว่างที่เดินมองไปรอบร้าน
จู่ๆ ความเจ็บแปลบก็แล่นเข้ามาจู่โจมบริเวณหน้าผากอย่างไม่ทันตั้งตัว
ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นลูบเข้าที่รอยแผลเป็นที่มีมาแต่เด็กของตัวเองโดยอัตโนมัติอย่างที่เขามักจะทำอยู่ในหลายปีที่ผ่านมา
แน่นอนว่าอาการผิดปกตินี้เดรโกที่ยืนอยู่ไม่ไกลสามารถสังเกตเห็นได้ไม่ยาก
“พอตเตอร์?
เกิดอะไรขึ้น?” เดรโกก้าวยาวๆ จนมาหยุดอยู่ข้างแฮร์รี่ วางมือลงกับไหล่แคบที่เริ่มสั่น
ดวงตากวาดมองไปตามร่างกายคนตัวเล็กเพื่อหาต้นตอความผิดปกติ
แฮร์รี่ก้มหน้างุดรู้สึกใจหายวูบแปลกๆ
มือยังคงกุมค้างไว้ที่บริเวณแผลเป็นดังเดิมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนข้างๆ
ที่กำลังมีสีหน้าเป็นห่วงไม่แพ้กันอยู่
มันเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีแล้วก็หายไป
แต่แฮร์รี่ไม่มีทางคิดไปเองอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกัน เป็นความเจ็บแบบที่คุ้นเคยมาตลอด
7 ปีที่เคยสัมผัสมาตลอด
เขาคนนั้น...
ดวงตาสีมรกตมองคนข้างกายด้วยแววตายากจะอ่านออก
เดรโกมองตอบด้วยความวิตกระคนไม่เข้าใจ
แต่เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่กำลังกุมหน้าผากตัวเองบริเวณรอยแผลเป็นนั้น
เดรโกก็เริ่มรู้สึกไม่ดีตามมา ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้จะมองตากันอยู่เนิ่นนาน
ต่างฝ่ายต่างรู้สึกสับสนจนกลั่นกรองคำพูดออกมาไม่ได้
แฮร์รี่เองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีเช่นกัน
เสียงของโอลลิแวนเดอร์ดังแทรกขึ้นมาเรียกสติของเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่กลางร้านให้หันกลับไปสนใจเจ้าของร้านอย่างพร้อมเพรียง
ชายชรามองเด็กทั้งสองด้วยความงุนงงเล็กน้อยเพราะหน้าตาที่เหมือนจะแตกตื่นของแต่ละคน
“ฉัน..โอเคแล้วมัลฟอย”
แฮร์รี่พึมพำตอบเสียงเบา ริมฝีปากมีรอยยิ้มประดับบางๆ เพื่อให้อีกคนวางใจได้
เดรโกไม่ตอบอะไร
แต่สายตายังคงมองไปที่แฮร์รี่ไม่วางตา จนกระทั่งคนที่เคยอยู่ในวงแขนผละออกไปหาเจ้าของร้านแห่งนี้ได้สักพัก
เดรโกจึงตัดสินใจเดินตามไปบ้าง
แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจดจ้องมองมาจากนอกร้าน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อหันไปมองต้นทางที่สัมผัสได้ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
ทั้งที่รู้สึกว่าไม่ใช่แค่การคิดไปเองอย่างแน่นอน
แว่วเสียงเรียกชื่อของร่างสูงดังขึ้นจากเสียงอันคุ้นเคย
หันกลับมาก็พบกับคนผมดำที่กำลังยกกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ ชูขึ้นโบกไปมา
เดรโกจึงก้าวเดินตามเข้าไปประชิดทันที
เมื่อก้มมองที่หน้าเคาน์เตอร์เดรโกก็พบกับกล่องไม้กายสิทธิ์ที่เปิดแล้ววางไว้อยู่
ทั้งสามต่างก็มีรูปร่างที่แตกต่างกันไปตามชนิดไม้ที่นำมาทำและความยาวที่พอเหมาะของมัน
ปกติแล้วเขาว่าไม้กายสิทธิ์จะเลือกนายของมัน
และแค่เมื่อสัมผัสเราก็จะรับรู้ได้ในทันทีแม้จะยังไม่ทันใช้งานก็ตาม
มองผ่านๆ
ก็รู้แล้วว่าแต่ละไม้ไม่ใช่ไม้ฮอว์ทอร์นแบบเดิมที่เดรโกเคยใช้มาก่อน
ร่างสูงเงยหน้ามองโอลลิแวนเดอร์ด้วยความสงสัย ก็ได้รับรอยยิ้มใจดีจากชายชรา
“เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนน่ะคุณมัลฟอย
ในเมื่อไม้เดิมมันหลุดจากมือของเราไปแล้วก็ไม่ได้ความว่าเราจะได้ใช้ไม้เดิมต่อ
จิตใจของคุณตอนนี้มันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนแล้ว”
โอลลิแวนเดอร์ว่ายิ้มๆ
พลางหยิบไม้กายสิทธิ์จากกล่องทางซ้ายขึ้นมาก่อน แฮร์รี่หันไปยิ้มให้กับคนข้างๆ
ก่อนจะมองกลับมาที่ไม้กายสิทธิ์ตรงหน้าต่อ
ไม้แรกคือไม้เอล์ม
ฟังคร่าวๆ
มันก็ดูเหมาะกับเดรโกอยู่ในระดับหนึ่งด้วยความที่พวกเลือดบริสุทธิ์ดูจะชอบใช้ไม้ชนิดนี้กันอยู่ไม่น้อย
ตัวไม้เองก็ดูจะชอบผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์สูงและเป็นคนมีฐานันดรอยู่แล้ว
ดูๆ ไปก็น่าจะเหมาะกับเดรโก แต่เพียงแค่เดรโกหยิบมันขึ้นมา
และลองโบกอย่างที่เคยลองทำเมื่อตอนมาซื้อไม้ครั้งแรก
เขาก็รีบวางมันกลับลงกล่องทันที
ไม่ใช่แค่ไม้ที่เหมือนจะไม่เข้ามือจนทำให้หลอดไฟใกล้ๆ
กันแตกกระจาย เดรโกเองก็รู้สึกไม่ชอบมันเอาเสียด้วย
จริงๆ
แล้วไม้เอล์มเหมาะกับพ่อมดแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ลมากกว่าเสียอีก
กล่องตรงกลาง
ไม้ฮาเซลถูกหยิบออกมาอย่างเชื่องช้าและบรรจงโดยผู้ประดิษฐ์มันขึ้นมา
เดรโกและแฮร์รี่ลอบมองกันแล้วกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ โอลลิแวนเดอร์บอกว่ามันค่อนข้างเป็นไม้ที่อ่อนไหว
หากเจ้านายของมันไม่ควบคุมตัวเองให้ดี หรือมีการขาดสติ ไม้ก็จะแสดงพลังที่ไม่อาจคาดเดาออกมาได้
แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นไม้ที่มีพลังมากหากอยู่ในมือของผู้ที่มีทักษะ
เดรโกส่ายหน้าหวือโดยไม่คิดจะหยิบมันมาถือไว้ในมือ
แต่แฮร์รี่ก็ดึงดันจะให้ลองจับดูให้ได้ ลึกๆ
แฮร์รี่ก็เชื่อว่าเดรโกเองก็มีทักษะสูงอยู่พอควรแต่ก็แค่ยังไม่ถูกงัดออกมาใช้ในทางที่ควร
ก็เลยดูเหมือนว่าอีกฝ่ายอ่อนประสบการณ์ด้านคาถา
เสียงถอนหายใจยืดยาวถูกผ่อนออกมาจากร่างสูง
ฝ่ามือขาวจัดค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ด้ามไม้ฮาเซลตรงหน้า
พยายามจะตั้งสติให้มากที่สุด แต่แค่เพียงปลายนิ้วของเดรโกแตะสัมผัสเบาๆ
ความรู้สึกปั่นป่วนก็เริ่มจู่โจมเข้ามาอย่างว่องไว ไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก
เดรโกก็แทบจะดึงนิ้วออกมาทันที
“ไม่ไหว
ยังไม่ทันจับแท้ๆ เลยนะพอตเตอร์ เก็บ เก็บไม้นี้ไปเลยครับ” ท้ายประโยคเดรโกเงยหน้ามองไปยังชายชราร่างเล็กตรงหน้า
และเหมือนอีกฝ่ายก็จะเห็นด้วยกับคำพูดของเดรโก
เขานำไม้ฮาเซลเก็บใส่กล่องไว้ตามเดิม และก็เหลือไม้สุดท้ายตรงหน้า
เจ้าไม้หน้าตาเรียบง่ายสีอ่อนตรงหน้าแถมยังไม่ค่อยมีปฏิกิริยาอะไรแม้จะยืนจ้องมาเนิ่นนานนี่ก็เริ่มทำเดรโกอ่อนใจ
ไม้เองก็ไม่ได้ดึงดูดเดรโก
ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม้ตรงหน้าก็ไม่น่าเข้าหาเท่าไหร่ด้วย
ท่ามกลางกล่องไม้กายสิทธิ์เป็นร้อยเป็นพันในร้านแห่งนี้จะไม่มีสักไม้ที่เข้ามือเขาเลยหรืออย่างไร
“ทำไมถึงเลือกไม้นี้ล่ะครับ”
เดรโกเอ่ยถามผู้ทำไม้ตรงหน้าเรียบๆ
“ดูความเป็นไปได้น่ะ
ไม้ฮอว์ทอร์นเป็นไม้ที่ซับซ้อน ค่อนข้างขัดแย้งในตัวเอง ตอนนั้นมันเหมาะกับคุณดีนะคุณมัลฟอย”
โอลลิแวนเดอร์ติดขำเล็กน้อย
รอยยิ้มเป็นมิตรยังคงถูกส่งให้สองหนุ่มที่หันหน้ามองกันด้วยความงุนงงอย่างเอ็นดูเด็กทั้งสอง
“แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ไม่เหมาะกับคุณนะ คุณพอตเตอร์”
คนถูกพาดพิงมีท่าทางอึกอักด้วยความเขินเล็กน้อย
ดวงตาหลังกรอบเสหลบคนมีอายุตรงหน้ารวมถึงคนข้างกายที่มองมาอย่างหยอกล้อด้วย
“แล้วไม้นี้ล่ะครับ?”
เดรโกก้มมองไม้ที่ยังนอนสงบในกล่องด้วยความใคร่รู้
มันดูนิ่งเกินกว่าที่เหมือนจะอยากมารับใช้เจ้านายคนใหม่แบบเขาอย่างไรก็ไม่รู้
“ไม้โรวันน่ะ ถ้าชอบที่จะใช้ป้องกัน
มันเป็นไม้ที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ” ชายชราบรรจงหยิบไม้สีอ่อนตรงหน้าออกมาลูบเบาๆ
พลางเริ่มว่าต่อ “มันร่าเริงดีด้วยนะ ซื่อตรง แล้วก็เป็นไม้ที่จะไม่ยอมรับใช้ใครก็ตามที่คิดจะไปทำเรื่องชั่วร้าย
พูดง่ายๆ ว่าไม่มีพ่อมดแม่มดศาสตร์มืดคนไหนใช้ไม้นี้ได้”
คล้ายมีก้อนถ่วงน้ำหนักเข้ามาถ่วงในใจของเดรโกทันที
ใบหน้าคมดูเรียบตึงเคร่งขรึมมากขึ้นจนคนข้างกายที่มาร่วมช่วยเลือกไม้ด้วยยังสัมผัสได้
แฮร์รี่เหลือบมองไม้โรวันในมือของโอลลิแวนเดอร์สลับกับใบหน้าแน่นิ่งด้านข้างของเดรโก
ไม่รู้ว่าเดรโกกำลังคิดอย่างไร
แต่แฮร์รี่กลับคิดว่ามันอาจจะเป็นไม้ที่เหมาะกับอีกฝ่ายก็ได้
ปล่อยให้ความเงียบครอบงำสักพักโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ถ้าหากไม้กายสิทธิ์มีดวงตาแล้ว
ก็อาจจะได้เห็นมันคงกำลังเล่นเกมแข่งจ้องตากับเดรโกก็เป็นได้ ในที่สุดเดรโกก็เหมือนตัดสินใจได้
ตาสีหม่นเหลือบมองใครอีกคนที่กำลังส่งยิ้มให้กำลังใจก่อนจะกลับไปมองเจ้าไม้สีอ่อนนั่นอีกครั้ง
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าร้านจนมือที่กำลังจะเอื้อมไปคว้าไม้กายสิทธิ์ของเดรโกเป็นอันชะงัก
พ่อมดทั้งสองหันหลังกลับไปมองต้นตอของเสียงเอะอะนอกร้าน
ก่อนที่ทั้งสามในร้านจะพากันเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าด้านนอกผู้คนกำลังวิ่งวุ่นคล้ายหนีอะไรบางอย่าง
ก่อนจะตามมาด้วยประกายแสงคาถาที่สาดลงมาจนอะไรมันแย่ลง
“โอ๊ย!!”
“พอตเตอร์?”
แฮร์รี่ยกมือขึ้นกุมที่แผลเป็นของตัวเองอีกครั้ง
เดรโกรีบเข้ามาประคองพลางมองไปทางนอกร้านขายไม้กายสิทธิ์ไม่วางตา
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยและด้านมืดที่เขานึกรังเกียจคล้ายจะคืบคลานเข้ามาจนเดรโกรู้สึกสะอิดสะเอียน
“มัลฟอย..?”
คนผมดำเอ่ยเรียกคนข้างตัวเสียงสั่นเมื่อเจอสีหน้ากล้ำกลืนของเดรโก
“เราต้องรีบไปจากที่นี่”
เดรโกก้มมองคนที่มีสีหน้าไม่ดีพอกันแล้วเอ่ยอย่างรวดเร็ว “คุณโอลลิแวนเดอร์
ผมคิดว่าบางทีคุณก็ควรรีบหนีไปก่อน...”
ยังเอ่ยไม่ทันสิ้นเสียงดี
เสียงระเบิดตูมใหญ่พลันดังขึ้นที่หน้าร้านพอดีจนกระจกพากันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
สาดเข้ามาในร้านจนคนทั้งสามต้องพากันย่อตัวหลบโดยอัตโนมัติทันที
เดรโกหันไปกำชับกับโอลลิแวนเดอร์อีกรอบ
ชายชราพยักหน้าถี่และรีบปลีกตัวหลบไปด้านหลังร้านแต่โดยดี เมื่อหันกลับมาดูสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
ราวกับโลกของเดรโกถูกจู่โจมด้วยความมืดในวินาทีเดียวจนมันดับวูบ
แข้งขาและมือพากันเย็นเยียบจนชายากจะขยับ ลมหายใจสะดุดขาดช่วงขึ้นมาจนจุกอยู่ที่ลำคอ
ชุดสีดำสนิททั้งตัว
หน้ากาก กลิ่นอายของความตายและศาสตร์มืดแผ่กระจายท่วมท้นจากร่างสามร่างที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาภายในร้านขายไม้กายสิทธิ์
ความกลัวกำลังพากันแล่นวาบจับใจเดรโกจนยากจะขยับตัว
ไม้กายสิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามยกขึ้นมาจ่อด้านหน้า
เดรโกเบิกตาอีกครั้ง
มือเริ่มคลำหาไม้กายสิทธิ์ของตัวเองบ้างก่อนจะต้องชะงักค้างไปอย่างเสียไม่ได้
เขาไม่ได้เอาไม้กายสิทธิ์มาด้วย!
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจะร่ายคาถาพร้อมอยู่แล้ว
ร่างสูงเตรียมพุ่งตัวหาที่กำบังหลบโดยที่จะไม่สร้างความเสียหายให้ภายในร้านมากที่สุด
“Expulso!!”
“Stupefy!!”
สิ้นเสียงคาถาระเบิดจากด้านหน้า
ก็ตามมาด้วยเสียงที่คุ้นดีพร้อมกับอีกคาถาที่ดีดใส่ผู้ไม่ประสงค์ดีจนกระเด็นออกไป
ร่างของเดรโกถูกดึงอย่างแรงจากด้านข้างเพื่อหลบผลจากคาถาระเบิดที่ถูกส่งมาจากพวกชุดดำจนล้มลงไปกองกับพื้นข้างคนดึง
แต่เพราะอาจจะช้าไปเล็กน้อย แรงระเบิดเมื่อครู่ก็ทำเอาเดรโกรู้สึกร้าวไปทั้งแผ่นหลัง
แฮร์รี่รีบดึงเดรโกให้เข้ามาหลบหลังเคาน์เตอร์ขายไม้กายสิทธิ์อย่างทุลักทุเล
ทั้งสองลอบมองหน้ากันครู่หนึ่ง แฮร์รี่ค่อยๆ
ยื่นหน้าออกไปดูก่อนจะต้องรีบผลุบกลับเข้ามาเมื่อฝ่ายตรงข้ามยังคงอยู่ที่เดิมและเมื่อครู่ยังสาดคาถาเข้าใส่อีกระลอกจนพื้นข้างตัวแฮร์รี่แตกกระเจิง
“เราต้องออกไปจากที่นี่”
สิ้นเสียงทุ้มหวานแฮร์รี่ก็จับแขนของเดรโกทันที
ทั้งสองหายตัวออกมาจากร้านของโอลลิแวนเดอร์เรียบร้อย
แต่ก็ไม่ได้ออกไปจากตรอกไดแอกอน ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปในตรอกเล็กแคบๆ
เพื่อพักหายใจทันที
จากตรงนี้เมื่อมองออกไปหน้าตรอกยังพอเห็นพ่อมดแม่มดคนอื่นพากันวิ่งหนีให้วุ่นสลับกับการปรากฏตัวของพวกชุดดำพวกนั้น
เสียงระเบิด และแสงจากปลายไม้กายสิทธิ์ยามร่ายคาถายังคงแผลงฤทธิ์เป็นระยะ
ทำลายถนนและสิ่งก่อสร้างในตรอกไปทีละน้อย
เดรโกนิ่งเงียบและยังคงท่าทางตื่นกลัวไม่หาย
ดวงตาฉายแวววิตก คิ้วเรียวขมวดแน่น เนื้อตัวสั่นออกมาอย่างคุมไม่อยู่
มือขวาของตัวเองกุมไว้ที่แขนซ้ายมั่นจนแฮร์รี่อดจะมองตามไม่ได้
คนพวกนั้น...ไม่ผิดแน่นอน
ผู้เสพความตาย
ท่าทางวิตกกังวลอยู่ในสายตาของแฮร์รี่ทั้งสิ้น
เขาค่อยๆ ดันไหล่ของเดรโกให้เดินลึกเข้าไปในตรอกแคบที่กำลังใช้เป็นที่ซ่อน พลางกดไหล่คนข้างตัวให้นั่งลงและจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายเพื่อดึงสติ
“มัลฟอย
นี่..ใจเย็น มองหน้าฉันแล้วใจเย็น”
เจ้าของชื่อยอมหันดวงตามาสบตอบตาสีมรกตตรงหน้า
เดรโกพยักหน้ารับแกนๆ “ก็เย็น..อยู่นี่ไง พยายามเย็นอยู่”
ตอบเสียงเบาราวกับพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า
แม้แต่เสียงก็ยังสั่นจนแฮร์รี่จับสังเกตได้
แววตาของเดรโกเต็มไปด้วยความขุ่นมัว สับสนและหวาดกลัว แขนซ้ายยังคงถูกจับไว้แน่น
กระทั่งแฮร์รี่วางมือลงกับท่อนแขนนั้นตอบ เดรโกจึงเริ่มได้สติและหยุดสั่นลงไปบ้าง
แฮร์รี่นั่งลงตรงหน้าเดรโก
หันหน้าไปมองทางหน้าตรอกเพื่อดูว่าจะมีใครเข้ามาหรือไม่
เมื่อแน่ใจว่าจะยังไม่มีใครมาทางนี้แฮร์รี่จึงเริ่มเปิดประเด็นที่สงสัยขึ้นมาทันที
“นี่มันเรื่องอะไร
นายพอจะรู้ไหม”
เดรโกลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ
ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยไม่ต่าง
เจ้าตัวลอบมองไปด้านนอกตรอกที่ยังเห็นภาพความวุ่นวายแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่แน่ใจ”
คนฟังขมวดคิ้วยุ่งจนดูน่ากลัว “คือ...อาจจะน่ะนะ พวกนั้นคงอยากกำจัดฉัน
พวกเรา..กำจัดมัลฟอย”
ฝ่ามือของแฮร์รี่ที่จับแขนของเดรโกอยู่เผลอกำแน่นขึ้นมา
ในหัวเริ่มคิดหาทางหนีทีไล่ ความรู้สึกแบบเมื่อปีก่อนเริ่มย้อนกลับมา
ใช้ชีวิตร่อนเร่หนีพวกผู้เสพความตายไปทั่วประเทศ
แฮร์รี่ภาวนาว่าครั้งนี้เขาสองคนจะไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นอีกครั้ง
ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
เดรโกก็คิดไม่ตกเท่าไหร่นักว่าความคิดของตัวเองถูก
แต่การจู่โจมเมื่อครู่อย่างไรเสียก็คิดเป็นอื่นไม่ได้ พวกผู้เสพความตายพวกนั้นเล็งไม้กายสิทธิ์มาที่เดรโกกันหมด
แทนที่จะเป็นใครอีกคนที่อยู่ด้วยกัน ถ้าแฮร์รี่ช่วยเขาไว้ไม่ทัน
คิดว่าก็น่าจะโดนคาถาเข้าเต็มๆ จนเจ็บหนักไปแล้ว
พ่อกับแม่ของเขาจะยังปลอดภัยดีไหม?
หลังจากเริ่มดึงสติกลับมาได้พอสมควร
เดรโกก็เริ่มมองสำรวจตัวเองและคนตรงข้ามว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
ก่อนจะหรี่ดวงตาลงจ้องเขม็งเข้าที่มือขวาของแฮร์รี่
“พอตเตอร์”
คนฟังหันกลับมาเลิกคิ้วเชิงถาม “นายหยิบอะไรออกมาจากร้านคุณโอลลิแวนเดอร์”
แฮร์รี่ลดสายตามองที่มือของตัวเองทันที
ก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบว่าในมือของตัวเองไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ฮอว์ทอร์นอย่างที่ควรจะเป็น
ทั้งสองมองกันหน้าตาตื่น
แฮร์รี่รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมดึงเอาไม้ที่มีอยู่ก่อนออกมา
ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก ก่อนจะต้องมาทำหน้างงอีกครั้งเมื่อมองไม้ในอีกมือ
ไม้โรวัน
“หยิบมาทำไมเนี่ย”
เดรโกว่าฉุนๆ
“ก็เมื่อกี้มันชุลมุน
เห็นไม้นี้อยู่ใกล้มือพอดีก็เลยเผลอหยิบมา” แฮร์รี่ตอบแบบลนๆ
ด้วยเพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองเผลอหยิบไม้อื่นมาใช้
“ให้ตายเถอะพอตเตอร์
คนปกติมันควรจะรู้สึกอยากหยิบไม้ตัวเองออกมาใช้ไหมล่ะ”
ร่างสูงยังคงว่าต่ออย่างคนไม่เข้าใจ
แฮร์รี่ถอนหายใจเฮือกพลางจ้องหน้าคนบ่นตรงหน้า
“บอกไว้เลยนะ ว่าฉันแทบจะไม่ใช้ไม้เก่าของนายนอกจากในคาบเรียน”
อดีตเจ้าของไม้ฮอว์ทอร์นปั้นหน้างงมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังความจริงข้อนี้
ดวงตาหลุบมองไม้กายสิทธิ์อันเดิมของตนแน่นิ่ง
“ฉันกลัวจะทำของนายเสียหาย”
คนตัวเล็กพึมพำออกมาพลางเสตาหลบ เดรโกช้อนมองกลับขึ้นที่ดวงหน้าซึ่งกำลังขึ้นสีจางนิดๆ
หัวใจรู้สึกฟูขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ทันที่จะได้พูดแซวอะไรออกมาก่อน
แฮร์รี่ก็ชิงเอ่ยตัดหน้า “ว่าแต่นายเหอะ! พ่อมดประสาอะไรทำไมไม่พกไม้กายสิทธิ์
บ้ารึเปล่าฮะ?”
คนฟังหุบยิ้ม
สะอึกไปทันที สีหน้าเคล้าความเลิ่กลั่ก “ก็จะมาซื้อใหม่นี่ไง เลยไม่อยากพกสองไม้
อันนั้นมันก็ไม่ได้เข้ามือด้วย เอามาเสกอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ ไม่อยากพก”
แฮร์รี่ยู่หน้าเบ้ปากแสร้งว่าเข้าใจในข้อแก้ตัวของเดรโก
ก่อนจะโดนอีกฝ่ายเขกลงที่กลางหัวเบาๆ เมื่อเห็นว่าโดนล้อเลียน
“เราหายตัวหนีมันอีกรอบได้ไหม”
เดรโกถามรัวเร็วเมื่อเริ่มรู้สึกว่าจะใช้ที่ตรงนี้เป็นที่หลบได้ไม่นาน
และเป็นไปตามที่แฮร์รี่คาด
เมื่อลองร่ายคาถาหายตัวแล้วแต่ไม่เป็นผล
หลังจากที่หายตัวออกมาจากร้านของโอลลิแวนเดอร์พวกผู้เสพความตายพวกนั้นก็คงใช้คาถาต่อต้านการหายตัวกับพื้นที่บริเวณนี้เสียหมดจนทั้งคู่ไม่สามารถหายตัวได้อีกรอบ
เสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณหน้าทางเข้าตรอกที่ทั้งสองใช้หลบอีกระลอก
จนคนที่แอบอยู่ด้านในสะดุ้งตัวโยน มองไปต้นทางก็พบว่าอิฐทางเข้าแตกกว้างกว่าเดิม
พร้อมกับพวกผู้เสพความตายที่เหมือนจะหาพวกเขาพบแล้วและพากันย่างสามขุมเข้ามา แฮร์รี่และเดรโกยืดตัวยืนขึ้นขยับเข้าประชิดกันทันที
“เอาไม้นั้นมา”
คนฟังถลึงตาหันไปมองด้านข้างแบบไวๆ แล้วหันกลับมองไปยังทางข้างหน้าอีกครั้ง
“มัลฟอย
ไม้ที่ไม่เข้ามือ มันไม่โอเคหรอกนะ”
แฮร์รี่พยายามแย้งพลางก้าวถอยไปด้านหลังไปเรื่อยๆ
“นายไม่คิดจะให้ฉันใช้อะไรป้องกันตัวเลยรึไง
เอามาเถอะน่า” เดรโกกัดฟันพูดตอบ
ก่อนทั้งสองจะพากันตกใจเมื่อพวกผู้เสพความตายตรงหน้าพากันออกตัววิ่งมาทางพวกเขา
เด็กหนุ่มทั้งสองหมุนตัวหันหลังและวิ่งไม่คิดทันที
แฮร์รี่เอี้ยวตัวกลับไปสาดคาถาใส่จนคนใดคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นขัดการเคลื่อนไหวของคนทั้งหมดได้พอสมควร
มืออีกข้างที่ว่างก็ดันหลังของเดรโกให้วิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ
จนเกือบจะถึงทางออกอีกฝั่ง
เมื่อพ้นเขตตรอกแคบออกมาได้
แฮร์รี่ที่วิ่งตามหลังเดรโกโดยมองหลังอยู่ตลอดก็พุ่งชนแผ่นหลังกว้างที่หยุดอยู่ด้านหน้าอย่างแรงจนแฮร์รี่ได้ยินเสียงเหมือนขาแว่นของตัวเองจะหักอีกครั้ง
ในขณะที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าคนตรงหน้าที่หยุดขวางทางก็เป็นอันต้องหุบปากฉับทันทีเมื่อหางตาเหลือบเห็นว่ารอบตัวกำลังมีใครรุมล้อม
ฝ่ามือของเดรโกเคลื่อนมาสัมผัสกับมือของแฮร์รี่จนใครอีกคนสะดุ้งเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สะบัดมือของเดรโกออก
แต่กลับจับแน่นตอบกลับไป ถ้าหากแฮร์รี่เงยหน้ามองเดรโกในตอนนี้
ก็คงจะได้เห็นรอยยิ้มประดับบนใบหน้านั้นอย่างแน่นอน
รอยยิ้มที่เหมือนคนปลดปลงทุกอย่าง
“พอตเตอร์”
เสียงเรียกของเดรโกช่างเบาหวิวราวกับจะกลืนหายไปกับอากาศได้ทุกเมื่อจนแฮร์รี่นึกใจเสีย
“ตอนที่นายตัดสินใจพาตัวเองไปหาโวลเดอร์มอร์ นายกลัวรึเปล่า”
ท้ายประโยคคำถามนั้นเดรโกลดใบหน้าลงมามองคนข้างกายที่กำลังเลิกคิ้วสูง
แฮร์รี่ไม่รู้ว่าควรจะโฟกัสกับสิ่งไหนก่อนดีในเวลานี้
หัวสมองรู้สึกมึนตึงราวกับถูกบีบอัดทุกอย่างเข้าสู่สมองในเวลาอันน้อยนิดและก็มีเวลาไม่มากให้แฮร์รี่ได้คิดตามและตัดสินใจ
ทั้งที่เขาไม่อยากแม้แต่จะคิดอะไรเลยสักนิด
สายตาของเดรโกมันดูสงบแปลกๆ
บรรยากาศรอบกายที่ต่างออกไปอย่างทุกที
รูปประโยคที่ถามถึงอะไรที่ไม่ควรถามนั่นอีก
“ตอบสิ
แฮร์รี่” เสียงทุ้มเร่งเร้าขึ้นมาอีกรอบจนแฮร์รี่สะดุ้ง
จะให้เขาตอบอะไรกัน! นึกอะไรไม่ออกสักนิดเดียว!!
สีหน้าว่างเปล่าของเดรโกแหงนกลับไปมองด้านหน้าอีกครั้ง
รอบตัวของเด็กทั้งสองเต็มไปด้วยผู้เสพความตายนับสิบที่กำลังยืนรายล้อมพร้อมจ่อไม้กายสิทธิ์มาทางพวกเขา
ไม้กายสิทธิ์ในมือที่ชิงมาจากมือของแฮร์รี่ตอนกำลังวิ่งหนีถูกกำแน่น แม้จะไม่แน่ใจนัก
แต่เดรโกกลับรู้สึกว่าไม้กำลังตอบสนองกับเขาอยู่พอสมควร
และมันทำให้เดรโกตัดสินใจได้แน่วแน่มากยิ่งขึ้น
“หนีไปซะพอตเตอร์”
“หนี?
จะบ้าเหรอ ใครจะไปทิ้งนาย” แฮร์รี่แหวตอบฉุนๆ
ไม้ฮอว์ทอร์นในกระเป๋าเสื้อคลุมถูกกำแน่น
“มันจะฆ่าฉัน
ไม่ใช่นาย ถ้าฉันไม่ตาย นายก็จะไม่รอด เพราะฉะนั้น...”
“ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมีคนตายอีกด้วย..”
เดรโกชะงักคำพูดของตัวเองเมื่อถูกพูดแทรกขึ้นมา
น้ำเสียงของแฮร์รี่เจือไปด้วยความไม่เข้าใจและตัดพ้อจนเดรโกสัมผัสได้
ตาคมเหลือบมองเส้นผมสีดำข้างตัวที่เจ้าของกำลังหันมองไปทางอื่นอยู่ จนเขาไม่อาจสังเกตเห็นได้ว่าแฮร์รี่กำลังมีสีหน้าเช่นไร
แต่เดรโกก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมของตัวเอง
“ถ้าฉันตาย
ก็คงมีหลายคนที่ดีใจ”
แฮร์รี่ขมวดคิ้วฉุนกึกขึ้นมาทันที
แต่ก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากพวกผู้เสพความตายที่เริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขา
มือที่ทำท่าจะผละออกของเดรโกทำให้แฮร์รี่ตัดสินใจกำมือของเดรโกไว้แน่นยิ่งขึ้นจนอีกฝ่ายดึงมือกลับออกไปไม่ได้
ถ้าจะบอกแฮร์รี่กำลังโกรธมากก็คงจะไม่ผิดนัก
“จำไว้นะเจ้าเฟอเร็ทงี่เง่า”
แฮร์รี่กึ่งตะคอกเสียงแข็งขึ้นมา “ชีวิตนายที่ฉันช่วยออกมาจากห้องต้องประสงค์น่ะ
ฉันไม่อนุญาตให้นายเอามันมาทิ้งนี่ Incendio*!!”
สิ้นเสียงของแฮร์รี่พลันเกิดไฟโหมกระพือขนาดใหญ่ในอากาศจนแสบผิวกันถ้วนหน้าก่อนจะแผ่ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ
จนโดนเหล่าผู้เสพความตาย แผดเผาไปตามร่างจนได้ยินเสียงกรีดร้องระงม
เดรโกกวาดตามองดูความวุ่นวายโดยรอบอย่างรวดเร็วทันที
ก่อนจะสังเกตเห็นผู้เสพความตายที่หลบไฟพ้นคนหนึ่งกำลังมุ่งมาทางพวกเขาก่อนจะเสกคาถาอะไรสักอย่างมาทางพวกเขา
“Protego!”
แฮร์รี่หันขวับมองไปตามต้นเสียงก็พบว่าเดรโกยื่นไม้ไปด้านหน้าพร้อมกับเสกคาถาเกราะวิเศษออกมา
ผลของมันสะท้อนคาถาที่พุ่งเข้ามากระเด็นไปโดนใส่ผู้เสพความตายคนเดิมอย่างแรงจนร่างกระเด็นไปไกลหลายเมตร
ทั้งสองเบิกตาตกใจ โดยเฉพาะผู้ร่ายคาถาเองที่ดูจะตกใจยิ่งกว่า
เป็นเกราะวิเศษที่รู้สึกได้ว่ามีอานุภาพและรุนแรงได้มากกว่าครั้งไหนที่เคยเสก
“พอตเตอร์...ไม้มัน...”
“เหมาะกับนายมากมัลฟอย
ทีนี้เราก็ไปกันได้แล้ว”
เจ้าของไม้อันใหม่พยักหน้ารับส่งๆ
ทั้งสองออกวิ่งแทรกผ่านจุดที่ไฟโหมน้อยที่สุด คาถาต่อสู้ต่างๆ
ถูกแฮร์รี่งัดออกมาเสกจ้าละหวั่นเพื่อเคลียพวกผู้เสพความตายที่ขวางอยู่ไปให้พ้นทางหนี
เดรโกคอยเสกคาถาป้องกันเป็นระยะและมันค่อนข้างได้ผลดีกว่าคาถาต่อสู้อยู่พอควรตามความรู้สึกของเดรโก
น่ากลัวที่ว่าพวกผู้เสพความตายมีมากกว่าที่คิด
ฝีเท้าที่กำลังจะหยุดเริ่มขยับต่อทันที
เดรโกขยับไปดันหลังของแฮร์รี่ให้วิ่งไปด้านหน้าในขณะที่ตัวเองยืนกันให้จากด้านหลัง
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมากขึ้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายสามารถปัดป้องคาถาจากเขาได้หมดซึ่งต่างจากคนอื่นๆ
จนส่วนหนึ่งของคาถาสะท้อนมาโดนแขนของเดรโกเข้าจนกลายเป็นแผลใหญ่จนต้องหยุดการเคลื่อนไหว
“มัลฟอย!?”
“ไม่เป็นไร..”
เดรโกพยายามกำไม้กายสิทธิ์ไว้มั่น
แต่ความเจ็บปวดมหาศาลและเลือดที่เริ่มไหลซึมออกมากลับเป็นอุปสรรคไม่น้อยจนเดรโกไม่สามารถยกแขนขึ้นมาได้
“หนีไปพอตเตอร์”
“ยังจะพูดแบบนี้อีกรึไง!”
แรงเฮือกสุดท้ายถูกงัดออกมาใช้ทันที
ต้นแสงสีเขียวนั่นกำลังถูกสาดออกมา
เดรโกออกแรงตวัดแขนรอบตัวแฮร์รี่เข้ามาในวงแขนหมุนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ตัวเองกันร่างของแฮร์รี่ได้หมด
คนตัวเล็กเบิกตาค้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เดรโกในเวลานี้ช่างดูแตกต่างจากทุกครั้งที่แฮร์รี่เคยรู้จักหรือสัมผัสมา
เสียสละ
ทำเพื่อคนอื่น และปกป้อง..
“ฉันชอบนายนะ”
ใครเขามาสารภาพความรู้สึกของตัวเองในเวลาแบบนี้!
แฮร์รี่สบถในใจให้กับรอยยิ้มโง่ๆ
ของเดรโก แสงสีเขียวที่แฮร์รี่นึกรังเกียจมาตลอดกำลังสว่างวาบพุ่งมาจากด้านหลังร่างสูง แต่เพราะร่างของเขาที่ถูกเดรโกรวบกอดไว้แน่นทั้งหมดทำให้ยากต่อการขยับตัว
“ไม่! เดรโก!”
คนตัวเล็กกำแขนเสื้อของเดรโกแน่น
แฮร์รี่มองเลยไหล่กว้างไปทางผู้เสพความตายที่กำลังจ่อไม้กายสิทธิ์มาจากด้านหลัง
แฮร์รี่บีบมือของเดรโกแน่นขึ้นอึดใจหนึ่งก่อนจะส่งยิ้มจางๆ ให้
เดรโกขยับหัวคิ้วเข้าหากันกับท่าทางนั้นของแฮร์รี่ แต่กว่าจะทันได้ขยับตัว
ร่างของเดรโกก็ถูกแฮร์รี่ตวัดอย่างแรงให้ไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมที่เจ้าตัวเคยยืนแทนเสียแล้ว
“ฉันไม่กลัวตายหรอกนะ
เพราะฉันเคยผ่านมันมาแล้ว”
ตาสีเทาเบิกกว้างขึ้นทันที
ใจของเดรโกหล่นวูบจนรู้สึกเหมือนจะยืนไม่อยู่
แฮร์รี่หลับตาลงคล้ายคนที่รอรับชะตากรรม เดรโกส่ายหน้าหวือกับตัวเอง
เสียงท่องคาถาอันคุ้นหูดีในช่วงก่อนกำลังปั่นประสาทของเดรโกจนว้าวุ่น
แค่นึกว่าแฮร์รี่จะต้องโดนคาถานี้อีกรอบ เดรโกก็แทบจะทนไม่ได้อีกต่อไป
หวัง..
ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้วทุกอย่าง
“Avada Kedavra!!”
เกิดความเงียบชั่วอึดใจเมื่อเสียงนั้นเงียบลง
พร้อมกับแสงสีเขียวทีแรกก็ดับหายไป ใจของเดรโกราวกับถูกกระชากออกไปจากอก
เขายังคงจับร่างของเดรโกไว้มั่นที่สุดเท่าที่จะมั่นได้
แต่เหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง..
แฮร์รี่เงยหน้ามองคนที่ยังกอดเขาแน่นด้วยความสงสัย
เดรโกเองก็กำลังก้มมองมายังแฮร์รี่เช่นกัน
ทั้งคู่จ้องตากันอยู่สักพักก่อนจะรีบมองไปยังด้านหลังของแฮร์รี่ทันที
คนผมบลอนด์นิ่งค้างไปทันทีกับภาพที่เห็น
ในอกรู้สึกปวดหน่วงจนพูดไม่ออก ดวงตาสีซีดก้มมองร่างที่เหมือนจะไร้ลมหายใจไปแล้วตรงหน้าอย่างคนเลื่อนลอย
แฮร์รี่มองไปยังทางที่ผู้เสพความตายคนเมื่อครู่ยืนอยู่ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้วเช่นกัน
แต่จะเป็นหรือตายแฮร์รี่ก็ไม่อาจให้คำตอบได้ คนที่เรียกสติกลับมาได้ก่อนเหมือนจะเป็นแฮร์รี่เอง
เมื่อหูได้ยินเสียงหวีดร้องแสนคุ้นเคยกำลังเคลื่อนมาใกล้
“เดรโก!”
คนตัวเล็กเอื้อมไปจับแขนของเดรโกที่พุ่งตัวไปคว้าสิ่งมีชีวิตที่นอนไร้ชีวิตกับพื้นมาไว้ในอ้อมกอด
พร้อมกับมืออีกข้างที่ยื่นไปหาเจ้านกสีขาวอ้วนที่บินโฉบมาเกาะที่แขนของแฮร์รี่เข้าพอดี
ก่อนจะใช้คาถาหายตัวพาพวกเขาทั้งหมดหนีออกมาจากตรอกไดแอกอนไปอย่างรวดเร็ว
ที่ที่ทั้งสองปรากฏตัวอีกครั้งคล้ายจะเป็นป่าโปร่งที่ดูห่างไกลจากเมืองพอสมควร
แฮร์รี่หมุนตัวมองไปรอบๆ เพื่อตรวจดูว่ามีใครบริเวณนี้หรือไม่ เมื่อเดินดูจนแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยพอจึงมองหาใครอีกคนที่มาด้วยกัน
ฝีเท้าของแฮร์รี่ชะงักลงในทันทีเมื่อพบว่าเดรโกกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
ก้มหน้านิ่งเงียบอยู่แบบนั้นไม่ไหวติง ไม่มีคำพูดใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอีก
แฮร์รี่จ้องมองดูแผ่นหลังที่ดูเล็กลงไปถนัดตาด้วยจิตใจห่อเหี่ยวไม่แพ้กัน
แต่ก็คงไม่อาจเทียบได้กับคนที่เพิ่งจะสูญเสียอย่างเดรโก
นกฮูกเหยี่ยวสีน้ำตาลตัวใหญ่
นอนหลับตาอย่างสงบอยู่ในอ้อมแขนของเดรโก
นายของนกฮูกเหยี่ยวรู้สึกเหมือนพังทลายลงไม่น้อย
ดวงตาสีซีดจ้องมองอัลเลนอย่างเศร้าสร้อย สิ่งมีชีวิตที่เขามองว่าเป็นเพื่อนที่ดีร่วมกันมาตลอด
7 ปีได้จากไปต่อหน้า โดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้สักอย่าง
เหมือนกลับไปเป็นเดรโกคนก่อนที่ทำอะไรก็ไม่เคยได้ดีอีกครั้ง
แฮร์รี่กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บเมื่อนึกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้อัลเลนต้องตายก็คงจะไม่พ้นตัวเอง
เป็นเพราะเขา
เขาอีกครั้ง..
เดรโกค่อยๆ
ผุดลุกขึ้นยืนจากพื้น แขนทั้งสองยังคงตระกองกอดนกฮูกของตนไว้อย่างหวงแหน
แฮร์รี่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาคมตรงหน้าหรือมองแม้แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ชีวิตเสียแล้วในเวลานี้
เป็นเขาเองอีกแล้วที่พรากสิ่งสำคัญทุกอย่างไปจากเดรโก
“สัตว์เลี้ยงก็เหมือนเจ้าของว่าไหม
อัลเลนก็อยู่กับฉันมานานตั้งแต่เข้าฮอกวอสต์ มันรู้..ในสิ่งที่ฉันเองก็รู้”
ดวงตาสีเทาหม่นลงเล็กน้อย แต่แววตา โทนเสียงที่ใช้ทอดมองและพูดออกมาไปยังคนฟังกลับดูอ่อนโยนและอ้อนวอนอยู่ในที
แม้อีกฝ่ายจะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองตอบก็ตาม “มันรู้ ว่าฉันรักใคร...”
คำพูดนั้นทำเอาคนฟังรู้สึกหายใจสะดุด
เหมือนถูกทุบด้วยไม้หนาๆ จนหน้าชาไปหมด แฮร์รี่เงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาที่มองมาอย่างไม่ลดละของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกวูบไหว
“มันจะรักคนนั้นและอยากปกป้องเขา
เหมือนกับฉัน” เดรโกยังคงว่าต่อด้วยท่าทีเรียบนิ่ง
ในสถานการณ์นี้
ควรจะตอบอะไรออกไป?
ขอบตาทั้งสองข้างของแฮร์รี่รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
ความรู้สึกหนักอึ้งโถมเข้าสู่ใจของเขาจนไม่อาจทนสู้สายตาที่มองมาได้อีก ก้มหลบ
ไม่กล้ามองอีกครั้ง
ไม่ได้รังเกียจ
แต่..แค่ไม่มีความมั่นใจใดๆ เลย
ชีวิตวัยรุ่นในรั้วฮอกวอตส์ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกและประสบการณ์เช่นนี้
อาจจะเพราะผ่านมันมาพอสมควรเสียด้วยซ้ำ
แฮร์รี่จึงเข้าใจในคำพูดของเดรโกได้ในแทบทันที
ยิ่งรวมกับสายตาที่มองมาก็ทำให้รู้ว่าเขาคิดไม่ผิดแน่
แต่ในความไม่มั่นใจที่ว่า
คือหมายถึงตัวแฮร์รี่เอง
เขาคู่ควรอย่างนั้นหรือ?
ไม่อยากยอมรับความรู้สึกที่ว่า..ด้วยความกลัว
“อย่ารักฉันเลย
เดรโก”
ปากไวกว่าหัวใจเข้าจนได้
แฮร์รี่ตอบออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา
แต่สำหรับคนฟังมันกลับดังก้องและวนอยู่เช่นนั้นซ้ำๆ หลังสิ้นประโยคนี้ก็ไม่มีเสียงใดตอบรับมาอีก
มีเพียงความเงียบระหว่างทั้งคู่ เสียงใบไม้โดยรอบเสียดสีกันฟังดูชัดขึ้นมา
แฮร์รี่ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองปฏิกิริยาคนฟัง
และเขาก็หวังให้อีกฝ่ายจะเข้าใจและปล่อยตัวเองไป
ร่างของเดรโกมีการขยับ
แต่แฮร์รี่ก็ไม่กล้าที่จะยอมมอง เดรโกเดินเฉียดผ่านแฮร์รี่ไปอย่างนิ่งงัน
โดยไม่มีคำพูดใด
หางตาของแฮร์รี่เห็นเจ้าสิ่งที่เคยมีชีวิตขนสีน้ำตาลตัวใหญ่ในอ้อมแขนของเดรโกผ่านตัวไปเงียบๆ
ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหนักๆ และโดดเดี่ยวให้กับแฮร์รี่จนเจ็บไปทั่วอก
ไม่รู้ทำไม
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่หัวใจของแฮร์รี่กลับรู้สึกเจ็บเจียนตายขึ้นมา แค่จินตนาการว่าหากความจริงแล้ว
ไม่ใช่เจ้าอัลเลนที่ต้องรับเคราะห์แทน
แต่เป็นเจ้านายของมัน
ที่แน่นิ่ง ไร้ลมหายใจ หลับอย่างสงบอยู่ในอ้อมแขนของเขาแทน
ทุกอย่างมันคงจะเลวร้ายกว่านี้
ลำพังแค่คิด
แฮร์รี่ก็เหมือนพาตัวเองไปยืนอยู่บนปากเหวเวิ้งว้างไร้สิ่งมีชีวิตอื่นใด
ทั้งหนาวเหน็บและเปล่าเปลี่ยวจับขั้วหัวใจ..อีกครั้ง
อีกครั้งที่แฮร์รี่ต้องสูญเสียสิ่งสำคัญ
เพื่อปกป้องตัวเขาที่ก็ไม่ได้อยากได้รับการปกป้องแม้แต่นิด
ถ้าเดรโกต้องเป็นอะไรไปอีก
เขาก็คงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาด
สำหรับคนต้องสาปอย่างแฮร์รี่
เขาภาวนาให้อย่าได้มีใครที่อาจเอื้อมมามอบความรักแก่เขาอีก ทุกคนที่รัก
พากันจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ไม่อาจฝืนทนต่อความเจ็บปวดที่ต้องพบกับการสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อีก
เขาไม่ต้องการเสียใครอีก ไม่ต้องการให้คนที่รักต้องมาจากไปเพราะตัวเอง
เพราะฉะนั้น
การปฏิเสธความรู้สึกจากเดรโก มันคงถูกแล้ว
แม้ลึกๆ
จะรู้ว่าหัวใจตัวเองไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม
ความรู้สึกเคว้งคว้างไร้ที่ยืนดั่งพายุที่พัดโหมใส่ตัวจนรู้สึกแทบยืนไม่อยู่
หล่อรวมเป็นหยดน้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอด ทิ้งตัวเป็นสายออกมาจากดวงตา เงียบเชียบ
ไร้เสียงสะอื้น แต่บาดลึกและทำร้ายหัวใจจนเป็นแผลใหญ่อีกครั้ง
เขาคนนั้นไม่ได้ทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นบ้าๆ
บนหน้าผากหรือชื่อเสียงที่แม้แต่แฮร์รี่เองก็ไม่ได้ต้องการ
แต่เหมือนยังทิ้งคำสาปที่ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์รักใครได้อย่างบริสุทธิ์ใจอีก
ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิดที่ท้วมท้นล้นอก
จนไม่ทันรู้ตัวว่ามีใครที่ขยับเข้ามาประชิด
ข้อมือของแฮร์รี่ถูกกระชากเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเดรโกอย่างรวดเร็ว
แฮร์รี่เบิกตาเล็กน้อย แต่ไม่คิดจะปฏิเสธคนตรงหน้าอีกต่อไป
สองมือยกขึ้นกอดตอบคนที่โอบกอดตัวเขาเอาไว้แน่น ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเลือนหาย
ฝ่ามือหนาค่อยๆ
ยกขึ้นลูบเส้นผมอ่อนนุ่มตรงหน้าก่อนจะฝังปลายจมูกลงกลางศีรษะอย่างอ่อนโยน
เสียงพร่ำขอโทษดังออกมาจากคนที่ฝังใบหน้ากับไหล่กว้างจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง
แต่เดรโกก็ไม่ได้นึกตำหนิอีกคนแม้แต่น้อย
เสียงทุ้มเอ่ยปลอบว่าไม่เป็นไรตอบไปเรื่อยๆ จนแฮร์รี่เริ่มใจเย็นลง
“เป็นฉันเองที่อ่อนแอจนปกป้องนายไม่ได้พอตเตอร์
การตายของอัลเลน..เป็นหลักฐานความอ่อนแอของฉันเองต่างหาก”
เดรโกเปรยเสียงแผ่ว
พลางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแฮร์รี่ออกแรงกำแขนของเขาแน่นขึ้น
เดรโกแทบลืมไปแล้วว่าตัวเองโดนคาถาเล่นงานใส่ตัวจนได้แผลใหญ่มา
แฮร์รี่ก็คล้ายจะเพิ่งนึกออกรีบผละตัวออกจากเดรโก
แต่ก็ไปได้ไม่ไกลเพราะแขนอีกข้างที่ยังรั้งเอวเอาไว้
“มัลฟอย
นายต้องทำแผล..” แฮร์รี่ว่าติดเสียงสะอื้นเบา เดรโกส่ายหน้าตอบ
“มาด้วยกันก่อนได้ไหม”
พ่อมดทั้งสองเดินกันเชื่องช้าไปยังที่ดินว่างโล่งมุมหนึ่งในป่าที่เหมือนจะมีการขุดและกลบลงไปเรียบร้อย
พร้อมกันนั้นที่หน้าหลุม มีเจ้าเฮ็ดลี่ นกฮูกหิมะสีขาวของแฮร์รี่ยืนนิ่งๆ
อยู่ตรงนั้น
เมื่อเจ้านกมองเห็นเจ้านายของมันเดินมา
มันก็โฉบบินมาเกาะที่ไหล่ของแฮร์รี่ ดวงตาหลังกรอบแว่นคล้ายจะแดงขึ้นมาอีกเมื่อเห็นนกฮูกของตัวเอง
– มันดูเศร้าๆ เหงาๆ แฮร์รี่สัมผัสได้
“ขอโทษนะเฮ็ดลี่”
แฮร์รี่เม้มปากแน่น ก้มหน้างุดจนคางชิดอก เฮ็ดลี่ครางรับแผ่วเบาก่อนจะใช้ศีรษะของตัวเองเข้ามาดุนที่ข้างแก้มของแฮร์รี่อย่างทุกที
เดรโกกุมมือของแฮร์รี่แน่นขึ้นพลางออกแรงกระตุกเล็กน้อยให้นั่งลงตาม
ทั้งสองนั่งมองหลุมดินที่มีป้ายหินเรียบๆ พร้อมดอกไม้วางอยู่สองสามดอกอย่างเงียบเชียบ
ไม่ว่าใครต่างก็โทษตัวเองในเวลานี้ เดรโกเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบแฮร์รี่อย่างไร
เขาเองก็อ่อนแอกว่าจะยอมรับว่าเข้มแข็งดีพอกับการเสียเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปี
แต่ในเวลานี้
ถ้าจะให้ล้มกันหมดโดยไม่มีใครเป็นหลัก ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“ไม่มีการสูญเสียครั้งไหนที่เกิดขึ้นแล้วไม่มีใครเสียใจ..
ฉันเข้าใจดี”
ร่างสูงก้มมองคนข้างตัวที่จู่ๆ
ก็เอ่ยขึ้นมา น้ำตาของแฮร์รี่แห้งไปบ้างแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงคราบจางๆ
ให้เห็นเล็กน้อย เดรโกยิ้มตอบเศร้าๆ พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
“ที่นายบอกว่า
ถ้านายตายคงมีคนดีใจ”
แฮร์รี่หลุบตาต่ำลงเล็กน้อยก่อนจะจ้องตอบเข้าไปในแววตาที่เหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่
ผิดที่ว่าครั้งนี้ แฮร์รี่สามารถมองทะลุเข้าไปได้แล้ว “ฉันคนหนึ่ง ที่คงไม่ดีใจ
แล้วก็คงเสียใจสุดๆ ด้วย”
เดรโกส่ายหน้ารอบหนึ่ง
พยายามส่งยิ้มที่คิดว่ากว้างและดูดีที่สุดออกมาแม้จะยากเย็นมากก็ตามในเวลานี้
จนกระทั่งที่ตักของเขามีนกสีขาวบริสุทธิ์หน้าตาคุ้นเคยโผบินมาขดตัวอยู่ด้วยความออดอ้อน
เดรโกก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้อีกต่อไป รวมถึงใครอีกคนที่นั่งมองอยู่
“ถ้านายเป็นอะไรไป
ฉันก็คงไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกัน”
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องเจอกับอะไรอีกก็ตาม
ต้องสูญเสียอะไรอีก
แต่ไม้กายสิทธิ์ในมือจะถูกกำแน่นและต่อสู้ต่อไป
เหมือนกันกับมือที่จับกันแน่นในตอนนี้
TBC...
_____________________
* Incendio คาถาจุดไฟ ที่โหมกระพือในอากาศ
ขอบคุณข้อมูลไม้กายสิทธิ์จาก Muggle-v ด้วยค่ะ เราพยายามหาไม้ที่น่าจะเหมาะกับเดรโกในเรื่องนี้สุดแล้ว ให้คนช่วยคัดอีกเหมือนกัน หวยเลยลงที่ไม้โรวันนะคะ หากใครอยากลองหาอ่านดูไม้ชนิดอื่นๆ เพิ่มเติม ไปที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ >> click <<
TALK!!
ตอนนี้ช่างหนักหน่วงกว่าที่คิดมากค่ะ รับรองว่าไม่ออกทะเล ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ค่ะ และ ขอไว้อาลัยให้กับน้องอัลเลนของพี่นะคะ //หลบทุกคาถาที่สาดใส่เรา หากเรารู้สึกว่าเดรโกไม่ค่อยได้สูญเสียเท่าแฮร์รี่ (ไม่ใช่ไม่เสียนะ) ก็เลยต้องพาน้องนกมาสู่จุดนี้ T^T หวังว่าน้องเฮ็ดลี่จะไม่บินมาว๊ากใส่เราอีกเช่นกัน
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ที่ให้กำลังใจกันอย่างดีเสมอมานะคะ หากอยากพูดคุย หวีด แลกเปลี่ยนกันก็ไปได้ที่แท็กในทวิตนาจ้าาา #WizDMHP
ความคิดเห็น