ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #16 : (Short Fic) After Story [ 2 ]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.65K
      219
      8 พ.ค. 62


    ☪︎ After Story ϟ

    Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

    Short Fic | Romantic | Drama

    [ 2 ]




    ___________________



    สี่วันมาแล้วหลังเหตุการณ์ในโรงนกฮูกวันนั้นแต่เหมือนว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์จะยังไม่คงที่มากนัก แม้อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ เขาจะยังแสดงท่าทางปกติและพูดคุยได้เป็นกันเองเช่นทุกที แต่ทุกครั้งที่ปล่อยให้เจ้าตัวได้อยู่กับตัวเอง แฮร์รี่ก็จะจมอยู่กับความคิดตัวเองไปทันที

     

    เฮอร์ไมโอนี่และรอนตัดสินใจไม่เซ้าซี้ให้มากนักหลังจากโดนแฮร์รี่ปฏิเสธว่าเขาสบายดีตั้งแต่สองวันก่อน แฮร์รี่ก็ยังคงเป็นแฮร์รี่ที่ไม่ยอมบอกอะไรถ้าหากเจ้าตัวไม่เต็มใจ และเพื่อนสนิททั้งสองก็ทำได้เพียงปล่อยเพื่อนของตัวเองไว้เช่นเดิม

     

    แสงแดดยามบ่ายไม่ได้เป็นปัญหานักสำหรับแฮร์รี่ เด็กหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทางหลังโรงเรียนเรื่อยๆ จนมาถึงในสถานที่คุ้นตา สถานที่เป็นที่พักใจและช่วยให้แฮร์รี่ไม่ต้องกดดัน ทั้งยังมีเพื่อนไว้พูดคุยอีกด้วย

     

    “สวัสดีฮะแฮกริด”

     

    แฮร์รี่เอ่ยทักชายร่างใหญ่อย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มแต้มตามเรียวปากอิ่ม ขาเรียวขยับพาร่างของตัวเองเข้าไปใกล้แฮกริดมากขึ้นพลางชะโงกมองดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่

     

    คิ้วหนายับยู่เข้าหากันพลางย่นปลายจมูกเมื่อกลิ่นของมันเริ่มเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเขาขยับเข้าไปใกล้ แฮกริดหัวเราะร่าออกมาตอนที่เห็นปฏิกิริยาของแฮร์รี่ ฝ่ามือขาวที่โผล่พ้นชายเสื้อคลุมยกขึ้นมาปัดๆ บริเวณปลายจมูกหวังไล่กลิ่นที่ยังวนเวียนอยู่แม้เขาจะผละหนีออกมาแล้ว

     

    “ไปรอในบ้านก่อนก็ได้นะ เสร็จตรงนี้แล้วเดี๋ยวฉันจะตามเข้าไป ชงชาตามสบาย”

     

    “ฮะ แฮกริด”

     

    หนุ่มผมดำตอบแบบติดพะอืดพะอมเล็กน้อยแล้วรีบผละตัวออกจากสวนหน้าบ้านของแฮกริดและพุ่งตัวเข้าไปในกระท่อมทันที นิ้วเรียวยกขึ้นคลึงขมับตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเริ่มกวาดสายตามองไปรอบบ้านที่เขาคุ้นเคยดี

     

    มันดูใหม่เอี่ยมขึ้น เพราะได้รับการสร้างใหม่หลังจากที่มันถูกเผาจนวอดไปเมื่อปีก่อน

     

    รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปช้าๆ เมื่อแฮร์รี่นึกถึงเหตุการณ์ในคืนวันนั้น เขาที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างและมองดูกระท่อมหลังนี้ถูกเผารวมถึงแฮกริดที่ถูกจับไป

     

    ตัวเขาที่พยายามจะเสกคาถาหนึ่งที่เจอมา แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาที่โดนเล่นงานเอง โดยเจ้าของคาถาที่แท้จริง

     

    ในความทรงจำเลวร้ายนั้น...มีใครอีกคนที่แฮร์รี่เองก็ยังคงจำได้ดี

     

    ฉากหลังที่เป็นเปลวเพลิงของกระท่อมหินคุ้นตา ตรงหน้าแฮร์รี่คือเจ้าของสายตาที่ไม่เคยมีความมั่นใจใดๆ เลย กำลังจ้องมองมาที่เขา

     

    ลมหายใจถูกผ่อนออกอย่างเชื่องช้าเพื่อปรับอารมณ์ของตนเองให้ปกติ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเล็กน้อย แฮร์รี่สลัดหัวไล่ความคิดไร้สาระพวกนั้นออกไป ไม่มีประโยชน์นักที่เขาจะต้องเอาเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาเก็บคิดให้บั่นทอนตัวเอง

     

    แต่อย่างน้อย ก็ยังจำสายตาสับสนของใครอีกคนได้อยู่ดี

     

    เสียงตีปีกพรึบพรับดังขึ้นเรียกความสนใจจากแฮร์รี่ได้ทันที เด็กหนุ่มหันมองไปตามต้นเสียง ก่อนจะปะทะสายตาเข้ากับเจ้านกฮูกตัวใหญ่สีน้ำตาล หน้าดุที่กำลังซุกตัวกับเบาะเก่าๆ บนโซฟาขนาดใหญ่ มันพยายามกางปีกออกขยับไปมา แต่เหมือนจะยังทำได้ไม่เต็มที่นักเมื่อยังมีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันไว้ที่โคนปีก

     

    “นกของมัลฟอย...ใช่ไหมเนี่ย”

     

    แฮร์รี่พึมพำกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปหาเจ้านกฮูกเหยี่ยวอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้มันตกใจเขาเสียก่อน ฝ่ามือขาวยื่นออกไปด้านหน้าอย่างระมัดระวังเมื่อเจ้าตาดุที่โซฟาหันมาจ้องทางเขาเขม็ง แฮร์รี่ยังไม่ค่อยคุ้นกับนกฮูกพันธุ์ดุเช่นนี้ นกฮูกของเขาก็เป็นพันธุ์หิมะใจดี ไหนจะยังตัวจิ๋วของรอนอีก

     

    นกสีน้ำตาลตรงหน้าเอียงคอเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือของแฮร์รี่หยุดอยู่ใกล้ๆ กับหัวของมัน เหมือนกับว่ามันก็รอที่จะให้แฮร์รี่สัมผัสลงมา จนท้ายที่สุดเจ้านกฮูกตรงหน้าก็ตัดสินใจยืดคอของมันขึ้นแล้วดุนมือของแฮร์รี่แทน

     

    “ดูมันจะชอบนายนะ”

     

    เสียงทุ้มปริศนาดังขึ้นจากด้านหลังจนแฮร์รี่สะดุ้งโหยงปล่อยมือออกจากหัวเจ้าสัตว์มีปีกตรงหน้า แม้แต่เจ้านกฮูกเองก็เหมือนจะตกใจเบาๆ มันอ้าปากส่งเสียงร้องออกมาแล้วพยายามกางปีกใหญ่โตของมันออกแต่แล้วก็พับลงไปตามเดิม

     

    “มัลฟอย...”

     

    กว่าที่แฮร์รี่จะคลำหาเสียงของตัวเองเจอ ก็เป็นตอนที่เดรโกเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขาแล้ว แฮร์รี่สะบัดหน้าก้มลงไม่มองไปยังอีกฝ่ายที่ก้มมองมาทางเขาด้วยหางตา ก่อนที่ร่างสูงจะย่อตัวนั่งลงให้ตัวเองอยู่เสมอกับรังนอนชั่วคราวของนกฮูกตรงหน้า

     

    ดวงตาคมกวาดมองเศษซากอาหารที่นกของตัวเองกินเหลือไว้ เรียวปากบางหยัดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่งนิ้วไปจิ้มที่หัวของมันเบาๆ

     

    “มีนกสาวเอาของกินมาให้อีกแล้วน่ะสิแก”

     

    แฮร์รี่หรี่ตามองคนที่เหมือนจะกำลังใช้เสียงอีกประเภทหนึ่งคุยกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เป็นโทนเสียงที่แฮร์รี่คิดว่าไม่ว่าจะชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติไหนเขาก็คงจะไม่มีทางได้รับมันหรอก

     

    เดี๋ยว แล้วทำไมเขาจะต้องอยากได้โทนเสียงแบบนี้จากเดรโกล่ะ?

     

    “นายพอจะรู้ไหมว่านกฮูกสีขาวตัวเมียเป็นนกใคร”

     

    เสียงของเดรโกดังขึ้นอีกครั้งในโทนปกติ แต่แฮร์รี่ที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งใจฟังอีกฝ่ายให้ดี

     

    “อะไรนะ?”

     

    เดรโกเอี้ยวหน้าขึ้นมามองสีหน้างุนงงของแฮร์รี่แล้วถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะกลับไปป้อนอาหารให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองต่อ แม้จะทิ้งช่วงไปซักพักใหญ่แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากถามประโยคเดิมออกมาอยู่ดี

     

    คนถูกถามพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่ได้ตอบไปทันที เขาพยายามจะนึกถึงนกฮูกที่มีอยู่ในโรงเลี้ยง ว่ามีตัวไหนบ้างที่เป็นสีขาว แต่นอกจากนกฮูกของตัวเองแล้ว แฮร์รี่ก็นึกไม่ออกอีกอยู่ดีว่าใครที่มีนกฮูกหิมะตัวเมียเช่นเดียวกับเขา

     

    “นอกจากเฮ็ดลี่ของฉัน ก็นึกไม่ออกแล้วว่ามีใครใช้พันธุ์เดียวกันอีก”

     

    แฮร์รี่ตอบตามที่ตัวเองคิด ดวงตาหลังกรอบแว่นยังคงมีแววครุ่นคิด จนไม่ทันสังเกตเลยว่าคนที่นั่งอยู่กับพื้นซึ่งทีแรกกำลังยื่นหน้าคุยกับนกฮูกของตัวเองได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าตัวที่ดูกำลังตั้งใจใช้ความคิด

     

    ไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มออกมาแบบไหนด้วย

     

    “เหรอ”

     

    เดรโกครางตอบรับแค่นั้นแล้วปัดมือไปมาเพื่อเอาเศษอาหารออก เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูงเมื่อสำรวจมองดูนกฮูกของตัวเองจนพอใจ

     

    ใบหน้าเสี้ยมแหลมกดมองคนข้างกายที่เขยิบถอยห่างจากเขาไปเล็กน้อย แฮร์รี่เบนสายตาหลบคล้ายว่าไม่อยากจะมองหน้าเขา – มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน เดรโกคงจะรู้สึกสนุกถ้าหากว่าจะลองแกล้งอีกฝ่ายด้วยการพยายามก่อกวนให้เจ้าตัวหันมามองหรือเดินเข้าไปในสายตาอีกฝ่ายเพื่อกวนประสาท

     

    แต่ตอนนี้.. มันก็ดีแล้วที่พวกเขาไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันให้มาก ยังไงเสียพวกเขาก็คือคู่อริตลอดกาลที่พูดคุยกันดีๆ ไม่เคยได้เกินห้าประโยค

     

    “ดูท่าว่าเจ้าอัลเลนของฉันจะชอบเจ้านกฮูกสีขาวนั่นน่าดู”

     

    คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อฉุกคิดได้ว่าตัวเองเอ่ยเรื่องนี้ออกไปทำไม เขากำลังชวนคนอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์พูดคุยปกติหรือยังไงกัน

     

    เดรโกตัดสินใจเงียบปากลงก่อนจะขยับออกจากกระท่อมหลังโตทันที เขายังคงมีท่าทางหงุดหงิดกับการที่จะต้องเหยียบย่ำในบ้านหลังนี้ที่ตัวเองไม่ชอบมันมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อร่างสูงโปร่งห่างออกไป แฮร์รี่ถอนหายใจโล่งอกหลังเดรโกเดินพ้นกรอบประตู จนเขาต้องยกมือทาบอกตาม แม้จะสงสัยนิดหน่อยกับประโยคทิ้งท้ายเมื่อครู่

     

    “อ้าว เจ้าหนูมัลฟอยไปแล้วเหรอ”

     

    “ฮะ..!

     

    แฮร์รี่ติดจะเหวออีกครั้งเมื่อจู่ๆ แฮกริดก็เข้ามาพร้อมเอ่ยทักเสียงใหญ่ หนุ่มผมดำเลี่ยงตัวไปอีกทางเมื่อแฮกริดพยายามเดินเข้ามาหาเจ้านกสีน้ำตาลบนเบาะ เขาอุ้มมันขึ้นมากอดอย่างเบามือพลางลูบเบาๆ ไปตามเส้นขนสีน้ำตาลนุ่มของมัน

     

    “มันแข็งแรงมากขึ้นแล้วล่ะ ดีแล้วนะที่เจ้าหนูมัลฟอยนั่นพามันมาหาฉันทันน่ะ ไม่งั้นปีกเจ้าหนูอัลเลนแย่แน่ๆ”

     

    คนฟังทำหน้าที่ยืนฟังเงียบๆ บั้นท้ายของเขาพิงเข้ากับขอบเคาน์เตอร์ด้านหลังพลางมองนกฮูกตัวใหญ่ไม่วางตา

     

    “สงสารเนาะ” แฮกริดเปรยขึ้น แฮร์รี่คิดว่าคงหมายถึงฮูกเหยี่ยวในมือแฮกริด

     

    “ฮะ”

     

    “มัลฟอยน่ะ”

     

    ประกายฉงนฉายในดวงตาสีมรกตพลางเสมองไปด้านข้างครู่หนึ่งก่อนจะเบือนกลับมามองที่ตำแหน่งเดิม รู้สึกลมหายใจของตัวเองสะดุดชอบกลเวลาที่มีใครพูดถึงชื่อนั้นให้ได้ยิน และแฮร์รี่ไม่ตอบอะไรต่อ ยืนนิ่งเงียบรอฟังว่าแฮกริดจะพูดอะไรเสริม

     

    “มานึกดู เจ้าหนูนั่นก็คงไม่ได้อยากทำอะไรอย่างที่เคยทำไป” แฮกริดว่าพลางลูบขนสีน้ำตาลของอัลเลนไปด้วย “แถมเพื่อนตัวเองก็ยังตายในห้องต้องประสงค์อีกใช่ไหม”

     

    “ก็ถ้าเขามองว่านั่นเป็นเพื่อนล่ะนะครับ” แฮร์รี่ตอบกลับไปตามที่คิดจริงๆ เขาเองก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเดรโกมองแครบกับกอยล์เป็นเพื่อนหรือลูกน้องกันแน่ “อีกอย่างไฟนั่น..กอยล์ก็เป็นคนเสกเอง”

     

    ภาพเหตุการณ์เฉียดตายในห้องต้องประสงค์ยังคงติดอยู่ในหัวของแฮร์รี่ไม่สร่าง ความรู้สึกร้อนๆ ที่ปลายขนอ่อนตามร่างกายเหมือนจะตอกย้ำให้เขาจำและนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้ชัดยิ่งขึ้น แม้แต่วินาทีที่เขาเกือบจะโดนรอนกินหัวเพราะวกกลับไปช่วยคนบางคน

     

    ชายลูกครึ่งยักษ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ฝ่ามือใหญ่โตค่อยๆ วางก้อนขนในอ้อมแขนลงกับเบาะอีกครั้งอย่างทะนุถนอม แฮร์รี่มองตามการกระทำพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม อัลเลนดูดีกว่าวันที่เขาพบในโรงนกฮูกวันนั้นพอสมควร อย่างน้อยก็สามารถกางปีกของมันได้ด้วยตัวเองแล้ว

     

    “อีกนานไหมครับกว่ามันจะหาย”

     

    “ฮะๆๆ ไม่หรอก มียาดีนี่”

     

    แฮกริดว่าอย่างอารมณ์ดี พลางทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวใกล้ๆ กันพลางยกแก้วชาที่เย็นชืดแล้วขึ้นมาจิบ แฮร์รี่เอียงคอสงสัยเล็กน้อย

     

    เสียงร้องของนกฮูกดังแทรกเข้ามา แขกในกระท่อมหลังโตหมุนตัวซ้ายขวาเพื่อหาที่มาของเสียง ไม่นานนักที่ขอบหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างของสิ่งมีชีวิตมีปีกดวงตากลมโต ขนสีขาวสะอาดแต้มลายน้ำตาลบินโฉบมาเกาะ

     

    แฮร์รี่คล้ายชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าเจ้านกฮูกสีขาวที่ว่า คือนกฮูกของตัวเอง

     

    “ยัยหนูของเธอมาอีกแล้วนะแฮร์รี่ รู้ไหม มันมาหาเจ้าหนุ่มนี่ทุกวันเลยตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน”

     

    คนฟังได้แต่เบิกตาค้างและยิ้มแห้งออกมา เฮ็ดลี่โผบินมาเกาะที่แขนของแฮร์รี่ มันใช้หัวดุนเข้าที่แก้มเจ้านายของมันเล็กน้อยก่อนจะบินโฉบไปหาสิ่งมีชีวิตคล้ายคลึงกันพลางวางซากหนูที่มันคาบมาด้วยลงไปตรงหน้านกฮูกเหยี่ยวตัวใหญ่

     

    “เนี่ยแหละ สิ่งที่ทำให้เจ้าอัลเลนไม่เหงา” ชายหนวดเฟิ้มว่าเสียงสดใส “บางทีแค่มีเพื่อนที่รู้ใจก็คงเป็นยาดีในชีวิตแล้วล่ะ”

     

    เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ยิ้มรับขื่นๆ พลางมองตามไปยังนกฮูกของตัวเองที่กำลังหยอกล้อกับนกฮูกตัวใหญ่ ดูแล้วก็ไม่ค่อยจะเข้ากันซักนิด ทั้งไหนจะเพราะสายพันธุ์ที่ต่างกัน ขนาดตัวที่ต่างกัน ไม่น่าเข้าขากันได้เลยซักนิดเดียว แต่จะให้แฮร์รี่ออกปากห้ามนกมันก็คงไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่

     

    “อ่อๆๆ แฮร์รี่”

     

    เจ้าของชื่อครางรับในคอเล็กน้อย เพราะตายังคงเอาแต่จดจ้องมองไปที่นกทั้งสองตัว

     

    “เจ้าหนูมัลฟอยรออยู่ข้างนอกแน่ะ”

     

    แล้วแฮร์รี่ก็รีบพาตัวเองออกจากกระท่อมของแฮกริดทันที

     

     

    ฝีเท้าของแฮร์รี่ค่อยๆ ผ่อนลงเมื่อพ้นออกมาจากตัวกระท่อม ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าใครที่เขากำลังตามหาอยู่กำลังนั่งยองกับพื้นพลางให้อาหารฝูงนกอยู่ ออกจะเป็นภาพแปลกตาไม่น้อยในความคิดของแฮร์รี่ที่ได้เห็นเดรโกในมุมนี้ มุมที่เจ้าตัวดูจะมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตอื่นและเอาตัวเองมาเปื้อนดินแบบนี้

     

    แฮร์รี่ไม่ได้เร่งรีบนัก เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตกใจวิ่งหนีไปเสียก่อน เด็กหนุ่มหยุดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคนที่ยังนั่งกับพื้นมากนักพลางทำทีมองไปรอบๆ และไม่ได้ว่าอะไร

     

    แล้วก็เป็นความเงียบเช่นนั้นอยู่ซักพักจนเป็นฝ่ายแฮร์รี่เองที่อึดอัด เขาไม่ค่อยจะชอบบรรยากาศที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ยิ่งในสถานการณ์ที่คนตรงหน้าเขาคือคู่อริตลอดกาลของการร่ำเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์

     

    “ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอพอตเตอร์”

     

    น้ำเสียงติดหยันเล็กน้อยดังมาจากคนที่เตรียมลุกขึ้น แฮร์รี่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามมองเมินน้ำเสียงเย้ยอันเป็นปกติของเดรโก

     

    “แฮกริดบอกว่านายนั่นแหละที่รอฉันอยู่”

     

    เดรโกไม่ตอบอะไร เจ้าตัวปัดมือไล่เศษอาหารให้หลุดออกแบบเดียวกับที่ทำในกระท่อม เหล่านกตัวเล็กทั้งหลายพากันบินหนีไปเมื่อพวกมันอิ่มท้อง ร่างสูงเงยหน้ามองฝูงนกที่กำลังพากันกางบินโผบินหนีออกจากเขาไปไกล ดวงตาสีเทาหม่นคู่นั้นคล้ายมีแววอาลัยบางอย่างหลงเหลืออยู่จนแฮร์รี่ที่ยืนเยื้องด้านข้างยังสังเกตเห็น

     

    คล้อยหลังนกตัวสุดท้ายบินลับตาไป เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินก็หันกายกลับมามองคนด้านข้างที่ยืนนิ่งเงียบเฉตามองซ้ายขวา เจ้าตัวถอนหายใจเล็กน้อยคล้ายคนกำลังปลงไม่ตกกับความคิดตัวเอง และใช่ เดรโกกำลังสับสนอะไรบางอย่างอยู่ในหัวของตัวเอง เหมือนตีกับตัวเองตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนๆ นี้

     

    ริมฝีปากเปิดออกเล็กน้อย และส่งเสียงตามออกมา

     

    “ขอโทษ”

     

    แว่วเสียงเบาที่เหมือนพร้อมจะเลือนหายไปกับสายลมได้ทุกวินาทีนั้นทำให้แฮร์รี่เบิกตากว้าง

     

    เขาไม่คิดว่าตัวเองหูฝาด เพราะที่ตรงนี้มีเพียงเขาและเดรโกสองคนเท่านั้น รอบข้างก็เงียบมากพอที่จะทำให้แฮร์รี่สามารถได้ยินสิ่งที่เดรโกเอ่ยได้อย่างถนัดแม้ว่าเจ้าตัวจะเอ่ยออกมาเสียงเบาคล้ายกระซิบกับตัวเองก็ตาม

     

    แต่ก็แค่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่านั้น

     

    แฮร์รี่ยืนนิ่งไม่กล่าวอะไรออกมา เดรโกจึงถือว่าอีกฝ่ายกำลังให้โอกาสเขาในการพูดต่อไป

     

    “สำหรับ...เรื่องเมื่อวันนั้น ที่โรงนกฮูก”

     

    คนฟังคล้อยพยักหน้าตาม ท่าทางแบบที่เขามักจะทำยามลังเลไปไม่ถูกอย่างการขบริมฝีปากและช้อนตามองคนตรงหน้าไวๆ ถูกงัดมาใช้ ตอนนี้แฮร์รี่ไม่รู้ว่าตัวเองควรเอามือหรือสายตาวางไว้ตรงไหนที่จะทำให้รู้สึกไม่ระเกะระกะกับร่างกายไปมากกว่านี้

     

    ดวงตาคมปลาบของเดรโกตวัดมองทางแฮร์รี่เล็กน้อย เพียงเสี้ยววินาทีที่แฮร์รี่ยังทันสังเกตเห็นรอยยิ้มบนเรียวปากบาง เป็นยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มร้ายอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนมาจากใจลึกๆ ของเดรโกเอง นานขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้ที่แฮร์รี่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเดรโก อาจจะตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือสองปีก่อนเลยก็ได้ ใจของเขากระตุกเล็กน้อย แต่มันก็ไวเสียจนแฮร์รี่อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเพียงแค่ตาฝาดไป

     

    เดรโกพยักหน้ากับตัวเองคล้ายกับว่าได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้เรียบร้อยแล้ว แผ่นหลังกว้างถูกส่งมาให้แฮร์รี่ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมและค่อยๆ ไกลออกไป

     

    แต่ก้าวไปได้ไม่ไกลเท่าใดนัก เดรโกก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง แฮร์รี่เองก็แทบจะหยุดหายใจไปตามเมื่ออีกฝ่ายค่อยๆ หันหลังกลับมาทางตนเอง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความลังเลสับสนของเดรโกทำให้ภาพในอดีตที่เคยพบเจอมาเกือบตลอดแล่นเข้ามาในหัวของแฮร์รี่เป็นฉากๆ

     

    คนตรงหน้าเคยมีความมั่นใจอะไรบ้างไหมนะ? แม้แต่ตอนที่ได้รับคำสั่งให้ฆ่าดัมเบิลดอร์เจ้าตัวที่ชี้ไม้กายสิทธิ์จ่อหน้าแล้วก็ยังลังเล ตอนที่ต้องตอบคำถามเรื่องใบหน้าของแฮร์รี่ในคฤหาสน์กับป้าก็ยังลังเล ตอนที่ตั้งใจจะเข้ามาเอาไม้กายสิทธิ์ของตัวเองคืนจากเขาก็ยังลังเลเลย

     

    สิ่งเดียวที่เจ้าตัวมั่นใจและภูมิใจที่สุด เห็นทีก็คงจะมีแต่สายเลือดบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของตัวเองนั่นล่ะ

     

    ไม่รู้ว่าเซลล์สมองส่วนไหนของแฮร์รี่สั่งการให้เขาขยับขาก้าวเดินไปด้านหน้าเมื่อยังเห็นว่าร่างของเดรโกยังคงยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิม แต่แล้วก็เหมือนมีประกายไฟบางอย่างแล่นเข้ามาแทรกระหว่างทั้งคู่ให้ต้องห่างจากกัน เดรโกเบี่ยงตัวหลบหลีกออกมาเล็กน้อยจนพวกเขาขยับห่างออกไปกันคนละก้าว

     

    ระยะห่างเกือบสองช่วงแขนนี้พอจะทำให้พวกเขาหายใจสะดวกขึ้น แม้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจมันจะรู้สึกขัดแย้งว่าอยากจะเข้าใกล้กันให้มากกว่านี้ก็ตามแต่

     

    แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ระยะปลอดภัยของพวกเขามันควรจะอยู่ที่แค่นี้ ไม่ควรใกล้ไปมากกว่านี้

     

    “มีอะไรอีก...รึเปล่า” แฮร์รี่ถามพลางเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง ปลายนิ้วดันแว่นของตนเองขึ้นให้เข้าที่

     

    เดรโกยังคงหลุบตาต่ำ ความรู้สึกอึดอัดโอบล้อมพวกเขาทั้งคู่ไว้จนแฮร์รี่รู้สึกหายใจลำบาก เหมือนมีก้อนน้ำลายเหนียวๆ ขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอจนยากที่จะเปล่งเสียงหรือแม้แต่หายใจเข้าไปในปอด แววสีมรกตเหลือบมองคนด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะเสมองไปทางอื่น อย่างน้อย ถ้าไม่ส่งสายตามองไปตรงๆ เดรโกอาจจะรู้สึกกดดันน้อยลงก็ได้

     

    “นายผ่านมันมาได้ยังไง” ในที่สุดเสียงของเดรโกก็ดังขึ้น ไม่รู้ทำไมแต่คนฟังกลับต้องสูดหายใจเข้าแรงขึ้นเสียอย่างนั้น “ทุกอย่างเลย ที่ผ่านมา”

     

    คนถูกถามหันหน้าไปมองคนถาม คิ้วหนามุ่นเข้าหากัน จะว่าเขาไม่เข้าใจคำถามก็ใช่ เพราะแฮร์รี่ไม่รู้ว่าเรื่องที่เดรโกหมายถึงคือเรื่องไหน ยิ่งเจ้าตัวพูดปลายเปิดว่าทุกอย่างแบบนี้ แฮร์รี่ก็ยิ่งคิดทบทวนเข้าไปใหญ่ว่าตกลงมันคือเรื่องไหนกันแน่

     

    แม้มานึกดีๆ แล้วช่วงชีวิตที่ผ่านมาของแฮร์รี่จะระทมทุกข์ด้วยเรื่องไม่กี่เรื่องก็ตามแต่

     

    “เรื่องไหนล่ะ พ่อแม่ตาย? โดนตามฆ่า? บางครั้งก็โดนคนในโรงเรียนไม่ต้อนรับ? หรืออะไร” เด็กหนุ่มพยายามนึกทวนความทรงจำแย่ๆ ในชีวิตที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็น่าจะพอรู้เห็นบ้าง เรื่องครอบครัวในโลกมักเกิ้ลคงจะตัดไปได้ อย่างน้อยเดรโกก็คงไม่รู้เรื่องบ้านเดอร์สลีย์แน่นอน

     

    “ก็ทุกอย่าง...” เดรโกยังคงยืนยันคำเดิมด้วยเสียงแผ่ว ใจของแฮร์รี่รู้สึกหล่นวูบเล็กน้อยกับกระแสเศร้าสร้อยที่ได้ยิน

     

    “ขอโทษด้วยที่วันนั้น.. พูดแบบนั้นกับนาย”

     

    คนฟังเลิกคิ้วประหลาดใจในหัวนึกทวนไปถึงวันนั้นที่ว่า คิดว่าก็คงไม่พ้นเหตุการณ์ในโรงนกฮูกเหมือนเดิม วันที่แฮร์รี่ตัดสินใจเอ่ยความในใจที่เก็บซ่อนไว้ส่วนหนึ่งของตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้ ทั้งที่แม้แต่เฮอร์ไมโอนี่และรอนเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ยิน

     

    แฮร์รี่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้คนที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อย เดรโกเหมือนตกจมเข้าไปในห้วงภวังค์ของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาสีเทาซีดคู่เดิมฉายแววเศร้าหมองสลับกับกรุ่นโกรธอยู่ในที แฮร์รี่ชะงักและหยุดฝีเท้าที่กำลังจะเข้าใกล้ไปมากกว่านี้เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนั้น เขาไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องทะเลาะกับอีกฝ่ายอีก

     

    ไม่รู้หรอกว่าช่วงก่อนเปิดเทอมเดรโกต้องพบเจอกับอะไรมา อารมณ์ถึงได้ไม่คงที่ขนาดนี้

     

    เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แฮร์รี่ไม่ได้เข้าใจเลยสักนิด

     

    “นายโอเคไหม?” แฮร์รี่ตัดสินใจส่งเสียงถามออกไป นึกขอบคุณว่าเดรโกยังคงมีสติกลับมาดีๆ อยู่

     

    เด็กหนุ่มผมบลอนด์ไมได้ตอบคำถาม เพียงตวัดสายตามองมาที่แฮร์รี่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบสับฝีเท้าเดินจากไปทางปราสาท แฮร์รี่มองตามแผ่นหลังที่ดูเล็กลงนั่นด้วยความรู้สึกประหลาดที่ก่อขึ้นในใจ ลาดไหล่กว้างที่เคยดูสง่าผ่าเผยตามแบบคุณชายตระกูลผู้ดี บัดนี้กลับลู่ต่ำดูไม่องอาจอีกต่อไป ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนเจ้าตัวก็จะดูภูมิฐานอยู่เสมอ

     

    สงครามเปลี่ยนคนไปได้ขนาดนั้นจริงๆ และเหมือนว่าจะกระทบกับจิตใจของเดรโกไม่น้อยด้วย

     

    ..................

     

    บรรยากาศมาคุโรยตัวรอบห้องโถงใหญ่ในช่วงมื้อเย็น เหล่าเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ยังคงนั่งรับประทานอาหารกันอยู่เริ่มพากันทานไม่ลง แต่ก็ไม่สามารถลุกออกไปไหนได้เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะขยับตัว เพราะเป็นเวลาที่ใกล้หมดมื้ออาหาร เหล่าอาจารย์ทั้งหลายจึงไม่อยู่ในห้องนี้ และมันก็เป็นการดีเสียเหลือเกินกับการที่เด็กเกเรจำนวนหนึ่งจะเริ่มหาเรื่องคนอื่น

     

    “ดูสิ ไอ้คนที่พ่อแม่มันเป็นคนทรยศน่ะ”

     

    “เขาเองก็นิสัยไม่ดีพอกัน”

     

    “สิ่งที่ทำกับครอบครัวฉันไว้น่ะ ฉันไม่มีทางลืมมันแน่!

     

    เสียงด่าทอมากมายดังขึ้นมาเรื่อยๆ จนระงมห้องโถง สามสหายบ้านกริฟฟินดอร์ที่เพิ่งพากันออกมาจากหอถึงกับสะดุดฝีเท้าตัวเองที่หน้าห้องโถงเมื่อรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ

     

    แฮร์รี่กวาดตามองไปยังจุดต้นเหตุทันที ก่อนจะเห็นว่าที่โต๊ะฝั่งบ้านสลิธีรินค่อนข้างจะเละเทะไปซักหน่อย กลุ่มเสื้อคลุมจากบ้านอีกสามหลังพากันไปยืนล้อมบริเวณหนึ่งของโต๊ะบ้านสลิธีริน รวมทั้งหนึ่งในนั้นก็ยังมีเด็กบ้านเดียวกันที่เข้าไปผสมโรงด้วย

     

    เด็กหนุ่มผมดำพยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่พอจะได้ยินมาลางๆ คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเขาเริ่มประติดประต่อเรื่องราวที่ได้ยินเข้าด้วยกัน ความรู้สึกร้อนใจก่อขึ้นในอกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาหลังกรอบแว่นเพ่งมองพยายามมองให้ทะลุไปถึงใจกลางวงล้อมนั้น และเมื่อสังเกตเห็นคนที่คาดว่าจะอยู่ในวงล้อมแฮร์รี่ก็พุ่งตัวเข้าไปทันที

     

    “เฮ้! แฮร์รี่ จะไปไหนของนายน่ะ” เป็นรอนที่ตะโกนเรียกขึ้นมาเมื่อจู่ๆ เพื่อนที่อยู่ข้างกายก็หุนหันพุ่งตัวออกไป

     

    แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเสียงเรียกของเพื่อน เข้าพุ่งไปที่ข้างโต๊ะสลิธีรินทันที

     

    “พวกนายทำให้พ่อแม่ฉันตายมัลฟอย!

     

    เสียงตวาดแหวจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาสะกดทุกลมหายใจของคนที่ได้ยินในบริเวณนั้นทั้งหมด ฝ่ามือเล็กที่กำไม้กายสิทธิ์อยู่จ่อไปยังคนที่นั่งนิ่งตรงเก้าอี้ไม่ไหวติง คล้ายกับตัวเองได้กลายเป็นรูปปั้นสลักหินก้อนโตไปเสียแล้ว

     

    ได้แต่คิดว่าถ้าเด็กคนนี้พอใจที่จะร่ายคาถาใส่เขาแล้วให้เรื่องราวมันจบไป เดรโกก็จะยอมให้เธอร่ายใส่สักครั้งก็แล้วกัน

     

    แต่ไม่ทันที่จะมีคาถาไหนหลุดออกมาก็มีฝ่ามือหนึ่งเข้ามาคว้าไว้ได้ทัน

     

    ทุกคนพากันเลื่อนสายตาเปลี่ยนจุดโฟกัสทันที แม้แต่รอนและเฮอร์ไมโอนี่เองก็ยังมีท่าทางตกใจไม่น้อย แฮร์รี่บีบข้อมือของเด็กสาวตรงหน้าแน่นก่อนจะกดสายตามองเธอให้เด็กสาวอดจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับแววตาคมไม่ได้ รวมถึงคนอื่นๆ ก็พลันหายใจสะดุดกันไปด้วย

     

    “สาปเขาไป พ่อแม่เธอก็ไม่กลับมา” แฮร์รี่ว่าด้วยโทนเสียงเนิบนาบ คนที่นั่งนิ่งอยู่นานรีบเบนสายตามองมาตามต้นเสียงทันที ใครจะคาดว่าคนที่เข้ามาช่วย คือ แฮร์รี่

     

    “คนต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็ตายไปแล้ว เธอจะมาตบตีกับคนที่เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในกระดานที่ถูกลบออกจากเกมไปแล้วน่ะ ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”

     

    แฮร์รี่ยังคงว่าต่อด้วยน้ำเสียงติดตำหนิและสายตาเอาเรื่องอยู่เช่นเดิม จนเด็กสาวตรงหน้านึกหวั่น เธอปรายสายตามองคนที่นั่งเบิกตาค้างเล็กๆ มองไปยังแฮร์รี่ เธอกำมือเข้าหันหลวมๆ ก่อนจะยอมลดมือที่กำไม้กายสิทธิ์ลง แฮร์รี่จึงปล่อยมือออกจากข้อมือของเธอ

     

    คนอื่นๆ พากันขยับถอยออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายว่าจะไม่ยอมจบลงด้วยดี จากสายตาไม่พอใจที่แฮร์รี่ยังคงสัมผัสได้

     

    แต่เดิมคุณชายบ้านมัลฟอยก็ดูจะเป็นที่น่าหมั่นไส้เป็นทุนอยู่แล้ว และจากสงครามฮอกวอตส์ที่ผ่านมาก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่คนอื่นๆ จะพาลกันเกลียดเดรโกเข้าไปใหญ่ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าครอบครัวนี้จงรักภักดีกับจอมมารขนาดไหน แม้มัลฟอยคนพ่อจะออกมาบอกว่าเขาถูกคาถาสะกดใจ แต่คนส่วนใหญ่ก็ต่างมองว่าเขาโกหกทั้งนั้น

     

    กับลูเซียส แฮร์รี่ไม่ได้นึกสนใจเท่าใด เขาค่อนข้างจะมั่นใจดีด้วยซ้ำว่านั่นคือเรื่องโกหกเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวมีชีวิตรอดปลอดภัยจริง แต่กับมัลฟอยคนลูก ทุกอย่างเกิดจากจำใจทำทั้งนั้น

     

    หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ แต่คนที่ดูพร้อมจะมีเรื่องยังไม่ถอย แฮร์รี่จึงค่อยๆ เปิดปากอีกครั้ง “ถ้าพวกนายไม่รู้จักใครสักคนดีพอก็อย่าตัดสินเขาเพียงแค่มีใครมาบอกให้ฟังหรือคิดไปเองว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นโดยที่ไม่ได้รู้เหตุผลในการกระทำของเขาจริงๆ” แฮร์รี่ว่าพลางกวาดตามองกลุ่มคนด้วยสายตาเรียบนิ่ง “บางที..การยกคนมาเป็นสิบขนาดนี้เพื่อรุมคนๆ เดียว ก็คงไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ด้วย จริงไหม? หรือแม้แต่ลอบทำร้าย”

     

    ทุกคนพากันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แม้แฮร์รี่จะเปลี่ยนโทนเสียงขึงขังน่ากลัวในทีแรกให้เป็นกันเองมากขึ้น แต่คำพูดเหน็บแนมเนิบช้าพร้อมด้วยแววตาแฝงความดุดัน หลายๆ คนก็พากันลงความเห็นว่า อย่าคิดมีเรื่องกับพ่อมดผู้พิชิตจอมมารจะดีกว่า    

     

    ไม่เคยมีครั้งไหนที่แฮร์รี่รู้สึกจะถูกใจกับตำแหน่งนี้ของตัวเองได้เท่าครั้งนี้

     

    รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่ม แฮร์รี่ขยับเข้าไปใกล้เดรโกที่ยังคงจ้องเขาไม่วางตาก่อนจะคว้าต้นแขนของอีกฝ่ายไว้และออกแรงดึงให้เดรโกลุกออกจากโต๊ะและเดินตามตัวเองมา หลายคนมองตามด้วยสายตาประหลาดใจระคนตกใจ ใครบ้างในรั้วโรงเรียนนี้ที่จะไม่รู้ว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเดรโก มัลฟอยไม่ถูกกัน ลำพังแค่แฮร์รี่เข้ามาช่วยเดรโกจากสถานการณ์คับขันเมื่อครู่ก็ถือว่าแปลกพอตัว แต่ในขณะนี้ทั้งสองกำลังเดินออกจากโถงไปด้วยกันเสียอย่างนั้น

     

    รอนมองตามเพื่อนของตนที่เดินลิ่วออกจากโถงใหญ่ไปพร้อมคู่อริด้วยความงุนงง ดวงตาสีน้ำตาลหันมองแฟนสาวของตัวเองอย่างต้องการคำตอบ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าให้รอนเป็นคำตอบเท่านั้น

     

    หลังจากหลบออกมาจากความวุ่นวายได้เด็กหนุ่มทั้งสองก็เดินเคียงกันไปเงียบๆ ตามระเบียงทางเดินที่มีแสงจากคบเพลิงจางส่องลงมา เมื่อหามุมที่คิดว่าพอดีได้แล้ว แฮร์รี่ก็ปลีกตัวไปพิงที่บริเวณหน้าต่างแทน ส่วนเดรโกเลือกที่จะพิงผนังด้านในแทน ทั้งสองต่างมีทางเดินเป็นตัวคั่นกลางเอาไว้อยู่

     

    ความอบอุ่นจากฝ่ามือของแฮร์รี่ยังคงเด่นชัดอยู่บนต้นแขนของเดรโก รบกวนความรู้สึกในใจจนน่ารำคาญ

     

    ใบหน้าของคนผมบลอนด์เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เจ้าตัวยังคงหันหน้าและมองออกไปนอกปราสาทเท่านั้น แต่คนที่ถูกช่วยเหลือเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่ตามลำพังและยังเป็นใครที่ช่วยเขาออกมาจากสถานการณ์บ้าบอเมื่อครู่ก็เอาแต่ใช้สายตาคมปลาบของตัวเองจ้องไปยังซีกหน้าของแฮร์รี่

     

    “ช่วยฉันทำไม” เดรโกว่าติดน้ำเสียงหงุดหงิด “จะสมเพชฉันอีกล่ะสิ เอาเลย ตอนนี้นายได้สิทธิ์นั้นเต็มที่แล้วพอตเตอร์”

     

    คนฟังถึงกับเม้มปากแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตนเอง จะมีสักครั้งไหมที่ผู้ชายตรงหน้าจะมองความช่วยเหลือของคนอื่นในแง่ดีจริงๆ ที่ไม่ใช่การแดกดันหรือมองว่าเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง แฮร์รี่จึงเงียบไม่ตอบอะไรออกไปด้วยไม่อยากจะทะเลาะกับอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ แต่เหมือนความเงียบของเขาก็ยังไปกระตุ้นต่อมความไม่พอใจของเดรโกเข้าอยู่ดี

     

    “ฉันไม่ขอบคุณนายหรอกนะ ยุ่งเอง”

     

    ดวงตากลมกลอกอย่างเหนื่อยหน่าย แฮร์รี่หันหน้ากลับมามองคนที่มองเขาอยู่ก่อนด้วยแววตากรุ่นพอกัน

     

    “ถ้าจะไม่ขอบคุณก็ไม่ต้องพูดจาปากหมาแบบนี้ก็ได้ ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้รับขอบคุณจากคนอย่างนายเหมือนกัน”

     

    “คนอย่างฉันมันทำไม”

     

    “ก็อย่างนี้ไงมัลฟอย นายที่ไม่เคยมองใครให้ลึกซึ้งและก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนอื่นเขาจริงๆ นายก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเด็กที่ฉันเพิ่งว่าไปเมื่อกี้เหมือนกัน”

     

    แฮร์รี่ว่าอย่างเดือดๆ อีกครั้ง ท่าทางอย่างที่ไม่ยอมลดลงให้กับใครง่ายๆ โดยเฉพาะคนตรงหน้าถูกนำมาใช้อีกรอบ เดรโกจ้องตอบดวงตาถมึงทึงคู่ตรงหน้า และลึกๆ เขารู้ได้ว่าตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับสายตาคู่นี้ แพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ว่ากับเรื่องไหนๆ จนเขาหงุดหงิด

     

    “งั้นขอถามหน่อยว่านายเข้าใจอะไรในตัวฉันบ้างพอตเตอร์ ที่ผ่านมา ที่ฉันเจอ มันก็ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะทำมัน” แม้จะไม่ได้ตวาดกร้าวออกมาแต่ในน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจเต็มที่ “นายเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไล่บี้ให้ฉันต้องทำอะไรบ้าๆ พวกนั้นเหมือนกัน”

     

     นึกย้อนไปแล้วเดรโกก็เจ็บแปลบในอก หลายๆ อย่างที่เขาทำไปมันทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองไม่น้อยในตอนนี้ แม้ในตอนนั้นจะมีความรู้สึกว่าภาคภูมิใจที่ได้ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมสำเร็จ แต่ ณ วินาทีนี้ที่เขาต้องมายืนพูดต่อหน้าสายตาของแฮร์รี่ เดรโกกลับรู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดไปเสียทุกอย่าง

     

    แฮร์รี่เลือกที่จะเงียบต่อไปแม้ว่าเขาเองก็จะรู้หน่วงในอกตอนที่เดรโกพาดพิงถึงตัวเอง ดวงหน้าเรียบนิ่งคอยว่าอีกฝ่ายว่าจะพูดอะไรต่อไปอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้คงเป็นเวลาที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะได้มีโอกาสรับรู้ความในใจของเดรโกได้ แม้จะไม่ทั้งหมด แต่สักเล็กน้อยให้เข้าใจได้มากขึ้นก็ยังดี

     

    คนที่ดูจะยังอารมณ์ร้อนอยู่เปิดปากออกอีกรอบ “ฉันไม่ได้อยากเห็นใครมาตายต่อหน้าต่อตา ฉันไม่ได้อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้ใครต้องมาตาย ฉันไม่ได้ดีใจหรือสะใจอะไรด้วยซ้ำเวลาที่ต้องเจออะไรแบบนั้น ครอบครัวฉันเสียอะไรไปหลายอย่าง นายเข้าใจฉันไหมพอตเตอร์!

     

    เสียงของเดรโกสั่นพร่า ไม่ต่างอะไรกับร่างกายผอมสูงของเขาที่กำลังสั่นเทาไม่แพ้กัน ดวงตาสองข้างก็สั่นระริกอย่างปิดความอ่อนแอของตัวเองไม่อยู่ ใต้เงาสลัวยามค่ำคืนที่มีแสงไฟจากคบเพลิงไกลออกไป เดรโกที่เลือกใช้มุมอับแสงที่สุดบดบังใบหน้าตัวเองไว้ ทำให้แฮร์รี่ไม่อาจสังเกตเห็นได้ชัดว่าเดรโกกำลังปั้นหน้าแบบไหน

     

    แต่คนฟังก็เม้มปากพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที

     

    เข้าใจว่าอีกฝ่ายเปราะบางขนาดไหน

     

    และก็แปลกใจที่ตัวเองกลับใจเย็นได้ขนาดนี้

     

    แต่คำถามของเดรโกค่อนข้างจะสร้างความขันให้แฮร์รี่อยู่ไม่น้อยจนเขาต้องเผลอหลุดยิ้มออกมา คนที่ยืนอยู่ในแสงสว่างอย่างแฮร์รี่จึงไม่อาจปกปิดสีหน้าที่แสดงออกมาได้ เดรโกขมวดคิ้วยุ่งและเกือบจะเป็นการตวาดกลับมา

     

    “หัวเราะบ้าอะไรของนาย ขำมากใช่ไหม!

     

    เสียงหัวเราะในลำคอหึเดียวดังออกมาจากลำคอของแฮร์รี่ ดวงตาสีเขียวหรี่ลงและจ้องใบหน้าใต้เงามืด เสียงแปร่งปร่าเอ่ยออกมา “นายลืมอะไรไปรึเปล่ามัลฟอย ว่าตอนปี 4 ฉันออกมาจากเขาวงกตในการประลองเวทไตรภาคีกับใครในสภาพไหน”

     

    คนที่ถูกตอบด้วยคำถามกลับถึงกับเปลี่ยนสีหน้า ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเหมือนจะเพิ่งเด่นชัดเข้ามาในสมองของเดรโกเมื่อแฮร์รี่จุดประกายขึ้นมา เขาสังเกตเห็นแววเศร้าสร้อยในดวงตากลมโต นั่นทำให้เขาตัดสินใจรอฟังต่อ

     

    “ตอนปี 5 ป้าของนายเสกคาถาพิฆาตใส่พ่อทูนหัวฉัน เราจากกันโดยที่ไม่ทันได้พูดคำลาอะไรเลย คิดดูสิ ว่าฉันเจอคนตายเพราะคาถาบ้าบอนี่ต่อหน้าถึงสองครั้ง” แฮร์รี่เงียบไปครู่ เอนศีรษะพิงเข้ากับกรอบหน้าต่างดวงตาจับจ้องไปยังทิวทัศน์ด้านนอก ราวกับหวังว่าภาพของใครที่เขาคิดถึงจะปรากฏตรงนั้น

     

    “หลังจากนั้น... ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ แมดด์อาย ด็อบบี้ เฟร็ด หลายๆ คนที่ฉันรักมากมายตายจากไปเพราะปกป้องฉัน ถามหน่อยเถอะ คิดว่าฉันอยากให้มันเป็นอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่ได้เรียกร้องให้ใครมาปกป้องฉันด้วยซ้ำ แต่ฉันก็เลือกอะไรไม่ได้เหมือนที่นายเองก็เลือกไม่ได้”

     

    อาการกรุ่นโกรธของคนผมบลอนด์เลือนหายไปพร้อมๆ น้ำเสียงของแฮร์รี่ที่ดังออกมาในแต่ละคำ เดรโกพลันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวกว่าเก่าทันที เรื่องของเขามันดูเล็กลงไปเลยในความคิด ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้รับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังใดๆ ของแฮร์รี่มาก่อนเลย ที่ผ่านมาก็เอาแต่เฝ้ามองคนที่พาตัวเองมายืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างที่มีแต่ผู้คนเชิดชูด้วยว่าตนเป็นผู้พิชิตจอมมารด้วยความรู้สึกที่ฝังใจเดรโกมาตลอดว่าเขาจะต้องก้าวข้ามผ่านคนๆ นี้ไปให้ได้

     

    แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นเสมือนฝันร้ายสำหรับครอบครัวมัลฟอยและตัวเขา  

     

    ดวงตาของแฮร์รี่แดงก่ำเมื่อเอ่ยปากเล่าไปด้วย แม้อีกฝ่ายจะยังไม่มีน้ำตาซักหยดไหลออกมา แต่ใจของเดรโกก็กระตุกวูบอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็นนัก

     

    “ตอนนั้นไม่เห็นมีใครให้ฉันถามบ้างเลยว่าจะมีใครเข้าใจฉันไหม” แฮร์รี่ไหวไหล่ว่าอย่างไม่จริงจังนัก

     

    “พอตเตอร์..” เดรโกเรียกเสียงแผ่ว

     

    “วันหลังเลิกถามได้แล้วนะว่าฉันจะเข้าใจนายรึเปล่า บางทีฉันอาจเป็นคนเดียวที่เข้าใจนายได้ดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ได้”

     

    คนฟังถึงกับชะงักไปทันที ดวงตาคมเลี่ยงหลบนัยน์สีเขียวที่มองยิ้มๆ กลับมา สองแขนยกขึ้นกอดอกตัวเองไว้หลวมๆ คำพูดของแฮร์รี่ในห้องโถงก้องวนอยู่ในโสตของเดรโกอีกครั้ง ถ้านี่คือความรู้สึกจริงๆ ที่คนตรงหน้าต้องการจะปกป้องเขาแล้วล่ะก็ จู่ๆ ใจของเดรโกก็รู้สึกพองฟูขึ้นมา แม้ว่าริมฝีปากจะยังเรียบตรง แต่แววตานั้นไม่อาจหลบซ่อนได้เลยว่าเขากำลังดีใจ

     

    เมื่อต่างคนต่างได้พูดความในใจของตัวเองออกมาก็ราวกับยกภูเขาออกจากอกของตัวเอง เมฆหมอกคลุมเครือแห่งความไม่เข้าใจต่างๆ ก็เหมือนจะถูกปัดเป่าให้หายตามไปด้วย ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่เดรโกขยับตัวออกมาจากเงามืดและหยุดยืนอยู่ใกล้แฮร์รี่แล้ว ดวงตาต่างสีมองสบกันเล็กน้อย

     

    เราจะไม่มีทางเข้าใจคนอื่นได้เลยถ้าหากว่าเราไม่ได้พบเจอกับเหตุการณ์อะไรเช่นนั้นด้วยตัวเอง

     

    หรือไม่ ถ้าเราไม่พูดมันออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้เสียก่อน ก็คงยากที่เขาจะเข้าใจ

     

    เสี้ยวหน้าขาวจัดกระทบกับแสงจันทร์ด้านนอก เผยให้เห็นแววผ่อนคลายเล็กน้อยจนแฮร์รี่โล่งใจ ไม่เคยนึกฝันเช่นกันว่าจะมีวันที่เขาเล่าความในใจออกมาหมดเปลือก แถมคนที่รับฟังยังเป็นคนที่ไม่น่าเชื่ออย่างเดรโกเสียด้วย คนที่แฮร์รี่เคยไม่ใคร่จะเสวนาด้วยที่สุดในชีวิตแล้ว

     

    บางทีแฮร์รี่ก็นึกอยากได้คุณชายบ้านงูจอมแก่นคนเดิมกลับมา คนที่มักคอยหาเรื่องเขาด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน ไม่ใช่คนที่เอาแต่ทำหน้าอมทุกข์เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียวแบบนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา

     

    เดรโกเงยหน้าจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยตรงหน้า ลูกแก้วสีเทาหม่นหรี่ลงก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้แฮร์รี่มากขึ้น เดรโกพบว่าตัวเองสามารถปล่อยเวลาทิ้งแล้วจ้องมองดวงตาคู่นี้ได้เป็นนาน

     

    “รู้ไหม ว่าฉันโคตรกลัวเลยว่านายจะตายจริง”

     

    คนพูดไม่ว่าเปล่าแต่เดินหน้ามากขึ้นจนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจำต้องก้าวถอยหลัง แม้ว่าแผ่นหลังเล็กจะสัมผัสเข้ากับขอบระเบียง แต่เดรโกยังคงขยับชิดมากขึ้นจนพวกเขาห่างกันเพียงคืบเท่านั้น

     

    ข้อมือของแฮร์รี่ไม่อาจเป็นอิสระเมื่อถูกคว้าไปกุมด้วยฝ่ามือใหญ่ ด้วยระยะที่ใกล้กันเสียจนชวนให้ใจหายไหนจะยังสัมผัสอุ่นรอบข้อมือ แฮร์รี่กลัวเหลือเกินว่าอีกคนจะจับได้ว่าเขากำลังมีชีพจรที่เต้นรัวเกินไป สองข้างแก้มเห่อร้อนนิดหน่อย เขาพยายามควบคุมไม่ให้มันออกสีไปมากกว่านี้

     

    “เสียงเขามันหลอนฉันในหัวซ้ำๆ ที่บอกว่านาย..ตายแล้ว” เดรโกบีบข้อมือของแฮร์รี่แน่นขึ้น เสียงยังคงสั่นเช่นเดิม ความรู้สึกที่เดรโกไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่กำลังเด่นชัดมากขึ้น ยิ่งพวกเขากำลังพูดคุยกันและเริ่มที่เข้าใจปมหลังของกันมากขึ้น มันก็ยิ่งชัดเจนเสียจนเดรโกกลัวหัวใจตัวเอง

     

    “บ้าชะมัดที่ให้มาเห็นฉันที่เป็นแบบนี้”

     

    เสียงของเดรโกเปลี่ยนมาเป็นบ่นห้วนๆ อย่างไม่สบอารมณ์แทน มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นเสยเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้นลวกๆ แต่ยังคงไม่ปล่อยมือที่จับข้อมือของแฮร์รี่ไว้ เด็กหนุ่มผมดำหันหน้าขวับหลบแววตาที่แสร้งทำเป็นกรุ่นโกรธของเดรโกอย่างขำๆ

     

    แฮร์รี่ไหวข้อมือตัวเองเล็กน้อยก่อนจะช้อนตามองคนสูงกว่าและเอ่ยออกมา

     

    “รู้ไหม บางทีคนเราก็แค่ต้องการคนที่จะรับเราได้ในเวลาที่เป็นอีกคน” จ้องเข้าไปในดวงตาสีควันบุหรี่ให้ลึกลงไปมากขึ้น “มันไม่ได้น่าอายหรอกนะที่เราจะแสดงมุมอ่อนแอออกมาบ้าง คนเรามีช่วงที่อ่อนแอ ไม่เป็นตัวของตัวเองกันได้ทั้งนั้น”

     

    “ปรัชญาชะมัด”

     

    ทั้งคู่ขำออกมาเล็กน้อย

     

    “แต่ก็..คงเป็นงั้น” คนผมบลอนด์ว่าแฝงรอยยิ้ม

     

    เดรโกค่อยๆ ปล่อยมือที่จับข้อมือของแฮร์รี่อยู่ออก สองมือกลับไปล้วงในกระเป๋าเสื้อคลุมของตัวเองแบบวางมาดคุณชายของตัวเอง

     

    “ขอบคุณ พอตเตอร์”

     

    คิ้วหนาเหนือดวงตากลมโตเลิกขึ้นเมื่อคนฟังรู้สึกประหม่า เจ้าตัวหันไปมองวิวนอกระเบียงอีกครั้งเพื่อหลบสายตาที่อ่านไม่ออกของเดรโก แต่แค่ได้เห็นท่าทางที่เหมือนจะปล่อยวางลงได้บ้างของคนตรงหน้าแฮร์รี่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ลดความรู้สึกผิดที่มีต่ออีกฝ่ายลงไปบ้างเช่นกัน

     

    แม้จะยังไม่ทั้งหมดขนาดที่ว่าให้อภัยกันหมดทั้งใจ

     

    ก็ยอมรับอยู่ลึกๆ เช่นกัน ว่าตัวเองก็พอจะมีส่วนที่ทำให้เดรโกต้องทะเยอทะยานไปในทิศทางที่เลวร้ายแบบนี้

     

    ไม่ใช่เพียงเดรโกเท่านั้นที่มีทิฐิเป็นของตัวเอง แฮร์รี่ก็มีเรื่องที่อยากจะขอบคุณและขอโทษอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน

     

    แต่... ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกปากหนักเกินกว่าที่จะกล้าพูดออกไปก็เท่านั้น

     

    ถ้าไม่มากเกินไป เขาก็อยากจะขอเวลาอีกสักหน่อย ให้ตัวเองได้เตรียมใจที่จะเผยมันออกไปสักวัน




    TBC

    ___________________



    TALK !!

    หวีดและปาขวดได้กันที่ดีที่เดิมค่ะ #WizDMHP

    มาเสิร์ฟตอนที่สองแล้วค่ะ นานเลยกว่าจะเข็นออกมาได้ ขออภัยสำหรับความนานนี้นะคะ พยายามจะเข็นออกมานานแล้วแต่มันติดขัดมากจริงๆ TwT

    ตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้พูดคุยกันมากขึ้นแล้วว ของแบบนี้ถ้าไม่คุยกันก็คงไม่เข้าใจกันหรอก มาคิดแทนกันมันก็มีแต่คิดเข้าข้างตัวเอง เพราะงั้นหันหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่องแบบนี้ล่ะดีแล้ว และจากตอนนี้คงพอได้รู้กันนะคะว่าตาพี่คิดไงกับแฮร์รี่ไปแล้ว

    ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ที่เมนต์มากันนะคะ เรื่องนี้หม่นๆ หน่อย ขออภัยอีกรอบถ้าหากว่ายังไม่มีซีนหวานให้ชื่นใจกันเลย แงงง แต่เดี๋ยวจะตามมาแน่นอนค่ะ ฮึบๆ คิดเห็นยังไงเมนต์ได้เหมือนเดิมงับบ กำลังใจฟูๆ ของวิสสส

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×