ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #14 : (Short Fic) After Story [ 1 ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.31K
      257
      15 เม.ย. 62


    ☪︎ After Story ϟ

    Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

    Short Fic | Romantic | Drama

    [ 1 ]




    ⊗ เนื้อหาภายในฟิคเรื่องนี้มีทั้งที่อิงตามเนื้อหาภาพยนตร์จริงและเรื่องที่เสริมเติมแต่งขึ้นเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านคับจ้าาา


    ____________________________________



    การเรียนวิชาปรุงยาไม่ได้น่าปลื้มใจอีกซักเท่าไหร่สำหรับเด็กบ้านสลิธีริน เมื่อศาสตราจารย์คนเดิมได้จากพวกเขาไปแล้วในสงครามเวทมนตร์ที่ผ่านมา แม้ศาสตราจารย์ประจำวิชาคนปัจจุบันจะเป็นศาสตราจารย์ประจำบ้านของตนอยู่ดีก็ตาม

     

    นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเด็กๆ บ้านนี้เลยก็ว่าได้

     

    ซลักฮอร์นผายมือต้อนรับเด็กๆ จากบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งทยอยเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี เหล่าเด็กบ้านสลิธีรินบางคนที่ร่วมชั้นเรียนด้วยถึงกับพากันเบะปากออกมา แม้สงครามจะจบไป แต่เหมือนรอยขัดแย้งระหว่างสองบ้านนี้ก็ยังไม่สมานกันเสียที

     

    โชคร้ายขึ้นอีกนิดหน่อยเมื่อคนที่คิดว่าไม่สมควรจะมาจับคู่กันได้ กลับกำลังต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกันในการเรียนครั้งนี้

     

    แฮร์รี่กำลังหั่นสมุนไพรในส่วนของตัวเองอย่างเงียบๆ ข้างคนที่เป็นคู่ของตนซึ่งกำลังหยิบจับส่วนผสมที่ถูกเตรียมไว้ให้เรียบร้อยลงหม้อ อีกฝ่ายเองก็ดูจะไม่ได้พอใจเท่าใดนักกับการจับคู่ในครั้งนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งเพราะไม่อยากขัดใจอาจารย์และนอกจากแพนซี่กับเบลสแล้ว เจ้าตัวก็อดยอมรับไมได้เลยว่าแฮร์รี่คือคนที่เขามีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากกว่าเด็กร่วมบ้านตนคนอื่นๆ

     

    แม้จะเป็นปฏิสัมพันธ์ในด้านลบก็ตาม

     

    เดรโกค่อยๆ ใช้แท่งแก้วคนน้ำยาในหม้อตามวิธีในหนังสือ หางตาเหลือบมองคนข้างกายที่เหมือนว่าจะจัดการกับรากเดซี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

     

    ทำได้ดูดีกว่าปีก่อนๆ ขึ้นเยอะ

     

    ดีแล้วที่มีชีวิตรอดกลับมาได้

     

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเผลอนึกอะไรไร้สาระขึ้นมาจนต้องสะบัดหน้ากลับไปมองของเหลวซึ่งกำลังเดือดปุดในหม้อ ดวงตาสีซีดเบิกโพลงก่อนจะสบถออกมาเมื่อพบว่าเขาเผลอหยุดมือที่กำลังคนแบบทวนเข็มนาฬิกาไปตอนไหนไม่ทราบ และตอนนี้สีน้ำยาในหม้อก็เหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีเสียแล้ว

     

    แฮร์รี่เงยหน้ามองคนข้างๆ ด้วยความงุนงง เดรโกกำลังพยายามหยิบจับอะไรก็ตามแต่ที่มีอยู่บนโต๊ะใส่ลงไปในหม้อแบบที่แทบไม่ได้ดู เขาเริ่มจะเข้าใจได้ในทันทีว่าคุณชายผู้เพียบพร้อมทำพลาดเขาเสียแล้ว

     

    “มัลฟอย หยุด”

     

    มือที่กำลังจะหยิบผงรากเดซี่ใส่ลงไปชะงักกึกเมื่อถูกอีกมือเอื้อมมาจับไว้ สติที่กระเจิงไปก่อนหน้าเหมือนจะถูกดึงกลับมาด้วยฝ่ามืออุ่นๆ เดรโกยังคงจ้องเข้าไปในหม้อยาของตัวเองที่เริ่มส่งกลิ่นตุๆ ออกมาจนเขาต้องผงะถอย

     

    ผิดกับแฮร์รี่ที่เหมือนจะไม่ได้มีท่าทางอะไรไปมากกว่าชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อนิ่งๆ เหมือนจะชินเสียมากกว่าที่เห็นว่าน้ำยาในหม้อไม่ได้เป็นไปตามที่คาด เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซลักฮอร์นเดินมาถึงโต๊ะของพวกเขาทั้งคู่พอดี

     

    “ว่าไงคุณพอตเตอร์ คุณมัลฟอย มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

     

    แฮร์รี่ยิ้มเผล่ให้ศาสตราจารย์ตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองไปยังคนที่ยืนเยื้องด้านหลังตนเล็กน้อย

     

    “เหมือนผมจะใส่ส่วนผสมผิด มัน..พังไปซะแล้วครับ”

     

    ซลักฮอร์นหรี่ตามองแฮร์รี่เล็กน้อย แล้วตวัดมองไปยังเด็กหนุ่มบ้านในการควบคุมของตัวเองที่ยืนตาหลุบต่ำด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์อยู่เนืองๆ แต่เด็กหนุ่มสวมแว่นยังคงยิ้มเผล่อยู่ต่อหน้าเขาดังเดิม

     

    “งั้นถือว่าคู่ของคุณทำน้ำยาไม่สำเร็จ คะแนนก็จะต้องถูกหักลงไปในส่วนนี้ อย่าลืมทำรายงานมาส่งให้ดีๆ ทบคะแนนส่วนที่หายไปล่ะ”

     

    เป็นแฮร์รี่ที่พยักหน้ารับศาสตราจารย์ต่างบ้านแต่โดยดี ซลักฮอร์นส่งยิ้มตามแบบฉบับของตน วางมือเหี่ยวย่นลงที่บ่าของแฮร์รี่และออกแรงตบเบาๆ สองสามทีก่อนจะผละออกไปเพื่อไปดูยังคู่อื่นๆ

     

    เมื่อซลักฮอร์นลับสายตาไปพอควร เดรโกก็เริ่มขยับตัวทันที ดวงตาสีซีดเงยมองคนที่กำลังร่ายมนตร์ในการจัดการกับวัสดุอุปกรณ์ปรุงยาตรงหน้าอย่างคล่องแคล่วก่อนจะพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาหลังสงบสติอารมณ์ได้

     

    “ฉันจัดการเอง”

     

    หม้อยาที่กำลังจะถูกแฮร์รี่ยกลงถูกเดรโกใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคนที่มีท่าทางเก้ๆ กังๆ ให้ออกไป ก่อนที่หม้อยาจะถูกเดรโกนำไปจัดการต่อแทน

     

    แฮร์รี่มองตามหลังคนที่เดินผละไปเล็กน้อยก่อนจะเก็บของที่โต๊ะต่อ แต่แรงสะกิดเบาๆ ที่ไหล่ทำให้เขาจำใจต้องหันไปมองต้นทางแทน

     

    เส้นผมสีน้ำตาลฟูๆ สะดุดสายตาของแฮร์รี่ก่อน เขาฉีกยิ้มออกมาเมื่อพบว่าเป็นใคร “ไม่น่าเชื่อนะว่าเขาจะปรุงยาพลาดได้น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงเบาเผื่อว่าคู่ของแฮร์รี่จะเดินมาเสียก่อน

     

    “ไม่รู้สิ คนเราก็ต้องมีพลาดบ้างล่ะมั้ง ตอนปี 6 ฉันยังทำได้ดีกว่าเขาเลย”

     

    “นั่นมันเพราะบันทึกของศาสตราจารย์สเนปไงล่ะ”

     

    เฮอร์ไมโอนี่จัดการกระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องของแฮร์รี่จนคนโดนคู้ตัวเข้าหากันด้วยความจุก ทั้งสองหัวเราะไปมาอยู่ซักพักก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อมีบุคคลที่สามกลับเข้ามา

     

    “เกะกะน่ะเกรนเจอร์”

     

    เด็กบ้านสิงห์สองคนเงียบเสียงลงทันที เดรโกยังคงตีหน้าถมึงทึงไม่ชวนเสวนาด้วยดังเดิม แฮร์รี่จึงพยักพเยิดหน้าให้เฮอร์ไมโอนี่กลับไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อที่เขาจะได้จัดการกับข้าวของบนโต๊ะต่อ

     

    “มีเรื่องอะไรอย่างอื่นให้คิดตอนที่นายกำลังปรุงยาด้วยเหรอ”

     

    เป็นฝ่ายแฮร์รี่เริ่มประโยคสนทนา เดรโกตกใจระคนเกร็งขึ้นมานิดๆ เมื่อถูกถามเช่นนี้ ดวงตาหลุกหลิกหลบไปมาแม้จะกำลังหยิบหนังสือลงกระเป๋าอยู่ก็ตาม

     

    ท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้นแฮร์รี่สังเกตได้ ในเมื่อเดรโกยังคงนิ่งเงียบไม่คิดจะตอบ เขาจึงไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรต่อ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะระเบิดโมโหใส่เขาไปเสียก่อน

     

    “เรื่องรายงานไว้นายนัดฉันมาแล้วกัน”

     

    แฮร์รี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบพลางปิดกระเป๋าของตนเอง เขาเหลือบมองเดรโกที่ดูจะนิ่งไปเล็กน้อยอย่างกังวล แอบจะอดคิดไม่ได้เลยว่าเดรโกที่ไม่ได้เอ่ยคำพูดเหน็บแนมและจิกกัดเขาดังทุกทีมันช่างไม่ชินเอาเสียเลย

     

    นี่เขาโรคจิตหรือเปล่านะ?

     

    กระเป๋าถูกพาดขึ้นกับไหล่ แฮร์รี่หันไปมองคุณชายบ้านงูอีกครั้ง เจ้าตัวยังคงยืนนิ่งแม้ว่าจะเก็บของลงกระเป๋าหมดแล้ว ท่าทางที่ราวกับจมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียลึกเกินหยั่งยิ่งทำให้แฮร์รี่สงสัยว่าเดรโกกำลังนึกถึงอะไรอยู่

     

     

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์... ตายแล้ว!!

     

     

    เดรโกเงยหน้าขึ้นอย่างว่องไว เรียวแขนรีบเอื้อมไปด้านหลังพุ่งเข้าจับข้อมือของแฮร์รี่ทันทีเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นในหัว คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถลาเข้าชนกับคนที่ดึงข้อมือของตัวเองอย่างจังจนใบหน้าฝังอยู่แถวบริเวณหัวไหล่ของเดรโก

     

    “นาย..ยังไม่ตาย..ใช่ไหม”

     

    แฮร์รี่ขมวดคิ้วเข้าหากัน แม้ความเจ็บที่ปลายจมูกจะยังไม่หาย แต่ประโยคคำถามแสนแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เขาต้องเพิกเฉยต่อความเจ็บลง แฮร์รี่เงยหน้ามองคนที่ยังจับข้อมือของเขาแน่นด้วยแววตาสงสัย

     

    มันทั้งสั่นและเย็นชืด – มือของเดรโก

     

    พ่วงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

     

    มือหนาจับแน่นมากชนิดที่ว่าหากผ่อนแรงลงกว่านี้แล้วร่างตรงหน้าตรงหน้าจะหายไป

     

    เดรโกเหมือนคนสติหลุดไปนิดๆ เจ้าตัวดูจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังใกล้ชิดกับเด็กชายผู้รอดชีวิตมากขนาดไหน รวมถึงเหตุการณ์อันรวดเร็วที่เดรโกดึงแฮร์รี่เข้าหาตัวนั้นก็เรียกความสนใจจากเด็กคนอื่นๆ ในห้องได้เป็นอย่างดี ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างตกเป็นเป้าสายตาจากคนอื่นๆ รวมถึงศาสตราจารย์ประจำบ้านสลิธีรินด้วย

     

    เด็กชายผู้รอดชีวิตค่อยๆ วางมืออีกข้างที่ยังว่างลงที่ท่อนแขนของเดรโกอย่างลังเล แฮร์รี่ลอบสังเกตปฏิกิริยาของเดรโก เมื่อเจ้าตัวดูจะยังไม่คิดจะสะบัดเขาทิ้ง แฮร์รี่จึงออกแรงลูบเบาๆ ลงที่ท่อนแขน

     

    “ฉันยังมีชีวิต มัลฟอย”

     

    ..................

     

    มื้ออาหารเที่ยงในโถงใหญ่ยังคงบรรยากาศเดิมๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เหล่าเด็กปีหนึ่งดูจะตื่นเต้นกับอาหารพวกนี้กันอยู่ พวกปีสูงบางคนก็ดูจะตื่นตาตื่นใจอยู่พอสมควร อาจจะเพราะช่วงเหตุการณ์นั้น เมื่อปีที่ผ่านมา ที่ทำให้พวกเขาคงจะไม่ค่อยได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารมากนัก แฮร์รี่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าฮอกวอตส์ในตอนที่เขาและเพื่อนอีกสองคนต้องหนีพวกผู้เสพความตาย โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ลำพังแค่ได้มาเห็นเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งต้องรวมอยู่ในห้องเดียวกันก็นับว่าเป็นเรื่องที่บีบใจเขาไม่น้อยแล้ว

     

    บางทีคำกล่าวที่ว่าอาหารจะเยียวยาทุกสิ่งอย่างที่มักเกิ้ลเคยว่าไว้ก็อาจจะจริง เพราะในเวลานี้ทุกคนดูจะมีความสุขกับอาหารเลิศรสตรงหน้าไม่น้อย อย่างน้อยก็เพื่อนสนิทผมแดงของเขา

     

    แฮร์รี่หยิบน่องไก่งวงมาหนึ่ง ซุบข้าวโพดอีกถ้วย ทาร์ตน้ำตาลข้นของโปรด รวมถึงพายฟักทองอีกสองชิ้นวางลงในจานของตนเอง และไม่ลืมน้ำฟักทองเย็นๆ อีกสักแก้ว เมื่อลิ้นได้สัมผัสรสชาติของไก่งวงย่างยามเข้าปาก แฮร์รี่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมาที่บ้านจริงๆ ช่วงก่อนหน้านั้นเรียกว่ากินเพื่ออยู่ อาหารดีๆ แบบที่กำลังละลานตาเต็มโต๊ะขนาดนี้เป็นเพียงภาพจำในอดีตไปเลย แต่ตอนนี้ที่แฮร์รี่กำลังละเลงอาหารดีๆ อยู่เป็นเรื่องจริง

     

    “หมอนั่นมันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”

     

    เสียงรอนดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้าม ทั้งที่ในปากเจ้าตัวยังมีเนื้อไก่ทอดที่เพิ่งกัดเข้าไปคำโตค้างอยู่ แฮร์รี่ช้อนตามองลอดแว่นด้วยไม่แน่ใจว่าได้ยินสิ่งที่รอนพูดถูกหรือไม่ แล้วเด็กผมแดงที่พูดทั้งที่อาหารเต็มปากจึงถูกแฟนสาวของตัวเองจัดการบิดเนื้อที่ต้นแขนเป็นการลงโทษไปที

     

    “นายว่าอะไรนะรอน” แฮร์รี่ถามพลางยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม

     

    รอนรีบกลืนอาหารลงคอ “อื้ม.. ฉัน..บอกว่า ไอ้หมอนั่นมันต้องเพี้ยนแน่ๆ”

     

    “หมอนั่น? หมอไหน”

     

    “โถ่แฮร์รี่! แกล้งโง่รึไงเนี่ย มัลฟอยไง มัลฟอย”

     

    ท้ายประโยคที่มีการพาดพิงถึงคนอื่นรอนก็เบาเสียงลง เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาเล็กน้อยกับแฟนของเธอแต่ก็เลือกที่จะกลับไปสนใจขนมปังตรงหน้าเธอต่อ แต่คนรอฟังอย่างแฮร์รี่กลับมีท่าทีที่ตรงกันข้ามออกไป เขารู้สึกขยับตัวลำบากขึ้นมาทันที เพราะเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ใกล้กันอย่างเนวิลล์ ดีน และเชมัสต่างเริ่มหันมาให้ความสนใจเขามากขึ้นด้วย

     

    “ทำไมเขาถึงทำกับนายแบบนั้นล่ะแฮร์รี่”

     

    คนถูกถามเข้าใจได้ทันทีว่าทำแบบนั้นที่ว่า มันคือแบบไหน

     

    เจ้าของดวงตาสีเขียวส่ายหน้า “ไม่รู้สิเนวิลล์”

     

    แฮร์รี่ก็ตอบไปตามที่เขารู้สึกจริงๆ ใช่ เขาไม่รู้เลยว่าทำไมเดรโกถึงทำแบบนั้น เพื่อนๆ ที่รอคำตอบต่างทำหน้าผิดหวังกันออกมา แฮร์รี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนส่งไปให้อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เขาก็ไม่อาจหาคำตอบให้พวกเขารวมถึงตัวเองได้

     

    นัยน์ตาสีเทาซีดที่สั่นระริก ฝ่ามือเย็นชืด ใบหน้าซีดเผือด และริมฝีปากที่เอื้อนเอ่ยถามออกมานั้นทุกอย่างล้วนดูสมจริง ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด แฮร์รี่สัมผัสได้ ว่าเดรโกดูหวั่นวิตกและหวาดกลัวจากใจจริง

     

    นั่นอาจเป็นสิ่งที่กวนใจคุณชายบ้านสลิธีรินจนทำให้คาบวิชาปรุงยาวันนี้ของเจ้าตัวผิดพลาดทั้งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้

     

    ฝ่ามือขาวยกขึ้นคลึงอกตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าหัวใจของตนกำลังเต้นไปในจังหวะที่ต่างออกไปเพียงเพราะนึกว่าพ่อมดผมบลอนด์คนนั้นกำลังคิดถึงเรื่องของตัวเอง 

     

    คาบบ่ายแฮร์รี่ไม่มีเรียนแล้ว พ่อมดหนุ่มปลีกตัวลาจากเพื่อนสนิททั้งสองเมื่อทั้งคู่กำลังจะไปเรียนวิชาอะไรสักอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่เลือกลงโดยที่รอนก็เลือกเรียนตามไปด้วย

     

    ใจหนึ่งเขาก็อยากจะเข้าห้องสมุดไปหาข้อมูลเตรียมเขียนรายงานวิชาปรุงยาให้เรียบร้อย แต่ก็ติดที่ว่าเขาไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้ดีมากนัก ครั้นจะตามหาคู่ทำงานของตัวเองในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ก็ดูจะยากเย็นเสียเหลือเกิน สถานที่เดียวที่แฮร์รี่พอจะนึกออกอีกที่ก็คือทะเลสาบที่ประจำ แต่เขาก็ไม่ได้อยากไปตอนนี้

     

    หอดูดาว

     

    ดวงตาสีเขียวหลุบลงเมื่อชื่อสถานที่ที่สองที่เขานึกได้ดันเป็นที่แห่งนั้น

     

    มันไม่ค่อยน่าจดจำเท่าใดนักสำหรับแฮร์รี่ แม้มันจะเป็นสถานที่ที่สามารถมองออกไปยังนอกระเบียงแล้วมองไปได้ไกลสุดสายตา ได้เห็นแม่น้ำที่ตัดผ่าน ความร่มรื่นของแมกไม้มากมายเบื้องล่าง และท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง

     

    เขาเคยชอบที่นั่น และไปกับเพื่อนสนิทอย่างรอนและเฮอร์ไมโอนี่บ่อยๆ

     

    แต่ในปีที่หกนั้น...

     

    แม้ใจจะยังรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ในวันนั้นและเหมือนหัวสมองจะสั่งว่าไม่ต้องการให้มาที่นี่ แต่เหมือนร่างกายจะไม่ฟัง แฮร์รี่หยุดอยู่ที่ตีนบันไดบริเวณหอดูดาวเสียแล้ว นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆ ความเงียบสนิทของที่นี่ด้วยจิตใจที่วูบโหวง ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงย้อนมาในหัวเขาเวลานอนอยู่บ่อยครั้ง

     

    แสงสีเขียวบ้าๆ นั่น

     

    หลอกหลอนเขามาแต่ไหนแต่ไร

     

    ที่แห่งนี้ซึ่งควรจะเป็นที่ที่มีแต่ความสงบ กลับเต็มไปด้วยความอลหม่านในวันนั้น พวกผู้เสพความตายมากมายต่างพากันวิ่งโร่มาที่นี่ รวมถึง...

     

    แฮร์รี่ชะงักไปเมื่อเขาเดินตามบันไดขึ้นมาครึ่งทาง และพบว่าที่ยอดหอคอย ตรงตำแหน่งนั้น มีใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่

     

    พ่อมดผมบลอนด์ที่แฮร์รี่คุ้นเคยดีกำลังยืนมองพื้นในตำแหน่งที่ที่อดีตอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์เคยยืนอยู่ในวันที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตของเขาและเหล่านักเรียนในฮอกวอตส์

     

    ราวกับภาพวันนั้นถูกฉายซ้ำในหัวของแฮร์รี่จนเขารู้สึกแย่ขึ้นมาเล็กน้อย เขายอมรับเลยว่าวินาทีนั้นเขาโกรธเดรโก มัลฟอยมาก มากเสียจนอยากจะพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนไปเสกคาถาแรงๆ สักหนึ่งบทใส่เจ้าตัว – แต่เขาก็ทำไม่ได้ ดัมเบิลดอร์จ้องมองลงมายังเขา พร้อมคำสั่งทางสายตาที่ทำให้แฮร์รี่จำต้องยืนสงบอยู่ที่เดิม

     

    รอคอยดูภาพเหตุการณ์ที่แม้แต่เขาเองก็รู้ดีว่าจะเกิดขึ้น หลังจากที่ศาสตราจารย์อีกคนได้ก้าวขึ้นมา

     

    แต่จะมีประโยชน์อะไรอีกในตอนนี้ ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงก็ถูกแฮร์รี่จัดการไปแล้ว คงจะงี่เง่าไม่น้อยถ้าหากเขาจะนึกโทษโกรธเดรโกต่อไปแล้วคิดจะหาทางแก้แค้นแบบเด็กๆ ที่ถ้าหากทำเราเจ็บ อีกฝ่ายต้องเจ็บกว่า แม้ลึกๆ ในใจจะยังมีเศษเสี้ยวหนึ่งที่แฮร์รี่ก็ยังยอมรับว่าเขาไม่พอใจเดรโกอยู่มากก็ตาม

     

    ทุกคนล้วนเติบโตขึ้นจากความเจ็บปวดในอดีต และเขาเชื่อว่าเดรโกคงจะได้เรียนรู้จากมัน

     

    เสียงบันไดขั้นสุดท้ายไม่เป็นใจให้กับแฮร์รี่นักเมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับมัน เดรโกสะดุ้งและหันมาชี้ไม้กายสิทธิ์ใส่คนที่มาใหม่ทันที แฮร์รี่ยกมือทั้งสองขึ้นข้างลำตัว เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ทั้งที่คิดว่าจะขึ้นมาแบบเงียบๆ แล้วแท้ๆ

     

    “พอตเตอร์”

     

    เดรโกดูตระหนกไม่น้อยเมื่อพบว่าใครมาเยือน แม้ไม้กายสิทธิ์ในมือจะถูกลดลงแล้ว แต่สายตาของเดรโกยังคงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจนเจ้าตัวถอยห่างออกไปพอสมควรจากระยะเดิมที่ยืนอยู่ ท่าทางของเดรโกไม่ได้ต่างอะไรกับครั้งเมื่อแฮร์รี่เจอเจ้าตัวในห้องน้ำนั่นสักนิด

     

    ปีหกอีกแล้ว..

     

    “นายจะอยู่ที่นี่สินะ งั้นฉันขอตัว”

     

    “เดี๋ยวสิมัลฟอย”

     

    ร่างกายแฮร์รี่ขยับตามการเคลื่อนไหวของเดรโกทันทีเมื่ออีกฝ่ายคิดจะพุ่งลงจากบันได ฝ่ามือบางรีบพุ่งจับที่ข้อมือของเดรโกเอาไว้หลวมๆ จนอีกคนหันมามองอย่างตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้สะบัดทิ้งแต่อย่างใด แฮร์รี่ผุดยิ้มออกมาจางๆ เมื่อเห็นว่าเดรโกไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงอย่างไวเมื่อเจอสายตามองเขม่นหนักตอบมา

     

    “โทษที”

     

    แฮร์รี่ว่าพลางรีบปล่อยมือออกจากข้อมือของเดรโก ทั้งคู่เหลือบตามองกันเล็กน้อยแล้วพากันขยับห่างออกไปยังคนละมุมของหอคอย

     

    คนที่รั้งเขาไว้ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะพูดอะไร จุดประสงค์ที่เขาต้องการตามหาอีกฝ่ายในทีแรกคืออยากจะชวนไปทำงาน เชื่อเถอะ ว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้มีสมาธิที่จะตั้งใจทำงานนักหรอกรวมถึงอีกฝ่ายเองก็ด้วย แต่ถ้าจะให้ถามเหตุการณ์ในคาบวิชาปรุงยา...

     

    ร่างเล็กเม้มปากเบาๆ เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นมา จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนที่แก้มขึ้นมาจนไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่ยืนกอดอกหน้านิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    แย่เสียหน่อยที่เดรโกกำลังทำให้แฮร์รี่ตายใจด้วยการไม่เร่งเร้าถามว่าที่รั้งเจ้าตัวไว้เพื่ออะไร เหมือนว่าเจ้าตัวจะพอใจกับการที่ยังได้ยืนอยู่บนนี้เงียบๆ โดยที่ไม่ถูกรบกวน จะมีก็เพียงสายตาที่คอยจดๆ จ้องๆ จากแฮร์รี่เท่านั้นที่อาจจะกำลังสร้างความรำคาญให้ได้

     

    ในที่สุดความอดทนของเดรโกก็เหมือนจะหมดลง เขาหันใบหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เป็นจังหวะเดียวกับที่แฮร์รี่เองก็แหงนหน้ามองอยู่ก่อน ทอดมองมายังเขาด้วยสายตาที่แฝงความเห็นใจ ปนเปไปกับความอ่อนโยนแปลกๆ

     

    เดรโกเบิกตาค้างกว้าง ภาพทับซ้อนบางอย่างกำลังแล่นเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง แฮร์รี่ในตำแหน่งนั้น ตำแหน่งเดิมกับที่ดัมเบิลดอร์เคยยืนอยู่ ด้านหลังที่เป็นฉากกว้างของท้องฟ้าและผืนป่าเคว้งคว้าง ต่างเสียหน่อยที่เวลานี้เป็นเวลากลางวัน ไม่ได้ดำมืดสนิทเฉกเช่นใจเขาในวันนั้น

     

    มือข้างที่กำไม้กายสิทธิ์ของเดรโกถูกกำไว้แน่นขึ้น แฮร์รี่ลดสายตาลงมองตามเล็กน้อยไปยังมือสั่นเทานั่น สีหน้าของเดรโกดูไม่ดีเท่าไหร่ แฮร์รี่จึงตั้งใจก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่เดรโกกลับยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจ่อที่หน้าของแฮร์รี่อีกครั้งจนร่างเล็กต้องผงะถอยไป

     

    ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ยังคงอยู่ในกระเป๋าเสื้อ

     

    ไม้.. ที่ไม่ใช่ของเขาแต่แรก

     

    “คนพวกนั้น..เอาแต่พูด ฉัน..ไม่ได้..อยากทำซักหน่อย!

     

    คล้ายเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า แฮร์รี่เลิกคิ้วมองอีกคนที่ดูเหมือนจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้งอย่างเป็นห่วง วันนี้ตอนพักเที่ยง หัวข้อสนทนาของเด็กส่วนใหญ่ยังคงไม่พ้นเรื่องเดรโกเป็นเรื่องหลักในการพูดคุย แววตาที่ฉายชัดถึงการกีดกันและไม่ต้อนรับคอยส่งไปให้เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินไม่ขาดจนเจ้าตัวหนีหลบออกมาอย่างรวดเร็ว

     

    “นายกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” เดรโกแค่นยิ้มออกมา มือยังคงยกไม้กายสิทธิ์ค้างไว้ตำแหน่งเดิม จนแฮร์รี่ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเพิ่งมีใครขึ้นมาที่นี้ในเวลานี้เลย

     

    “เปล่า..”

     

    “โกหก!! ก็รู้อยู่ว่าทั้งโลกตอนนี้ใครๆ ก็เกลียดฉัน! แล้วคนที่น่าจะดีใจที่สุดที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ก็ต้องเป็นนายแน่!

     

    “อย่ามารู้ดีกว่าตัวฉันจะได้ไหม”

     

    “หึ งั้นจะบอกว่านายเห็นใจฉันงั้นเหรอ!!

     

    แฮร์รี่ไม่ได้ตอบไปในทันที เขาหลุบตาต่ำหลบดวงตาคู่คมที่ฉายแววแข็งกร้าวออกมา เดรโกขยับเข้ามาชิดเขามากขึ้นทั้งที่ไม้กายสิทธิ์ยังคงจ่อมาที่หน้าเขาดังเดิม แฮร์รี่จำต้องร่นถอยหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่รู้ ว่าตอนนี้ในจิตใจของเดรโกจะดำมืดหรือขาวสว่างขนาดไหน เจ้าตัวจะกล้าพอที่จะร่ายเวทใส่คนที่ไม่ได้ถือไม้กายสิทธิ์อย่างในวันวานอีกหรือไม่ ไม่มั่นใจเลย

     

    ดวงตาทั้งสองสบมองกัน นัยน์ตาสีซีดยังคงสั่นระริกไปมาอย่างคนที่ลังเล

     

    “เดรโก..” แฮร์รี่เปรยขึ้นเบาๆ “นายไม่ใช่ฆาตกร”

     

    คล้ายคำพูดของแฮร์รี่ไปกดโดนสวิตซ์บางอย่างในตัวเดรโกเข้า ร่างสูงสะดุ้งวาบ มองแฮร์รี่ตกตะลึง เดรโกลดไม้ลงแต่พุ่งเข้าประชิดร่างแฮร์รี่ทันทีจนพ่อมดบ้านสิงห์ไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือหนาคว้าหมับจับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของแฮร์รี่ไว้แน่น บีบอย่างแรงจนแฮร์รี่เริ่มมีสีหน้าเหยเก

     

    “นาย! ทำไมนาย..พูดเหมือนเขา!?”

     

    “วันนั้น..ฉันก็อยู่ที่นี่ ข้างล่างนั่น” แฮร์รี่ค่อยๆ ละล่ำละลักตอบเสียงสั่นพลางเหลือบดวงตามองไปยังที่ๆ ตัวเองเคยยืนอยู่

     

    เดรโกดูสับสนขึ้นมาทันที ใบหน้าขาวซีดแดงจัดขึ้นมาด้วยความโกรธ สองมือยังคงบีบไหล่แฮร์รี่แน่นขึ้นจนเล็บแทบจะจิกลงในเนื้อ แต่แฮร์รี่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา ร่างสูงหอบแผ่ว ริมฝีปากสั่นเทา เขาสั่นศีรษะมองไปรอบๆ แบบคนเริ่มทำอะไรไม่ถูก – ไม่ต่างอะไรกับตอนนั้นเลยซักนิด

     

    “ฉันไม่ได้อยากทำ.. ถ้าไม่ทำ พวกมันจะฆ่าฉัน”

     

    “รู้ ฉันรู้ ตั้งสติหน่อยสิ นี่ มัลฟอย”

     

    แฮร์รี่ยกทั้งสองข้างกุมข้างแก้มตอบของเดรโกพลางออกแรงตบเบาๆ เพื่อเรียกสติ ดวงตาเรียวยังคงคอยเสหลบไปมาไม่จ้องคนที่อยู่ตรงหน้าจนแฮร์รี่ต้องล็อคใบหน้าขาวซีดตรงหน้าให้แน่นขึ้นและบังคับให้จ้องตอบตัวเอง  

     

      “มัลฟอย! ที่นี่ ตรงนี้ มีแค่นายกับฉัน ตั้งสติ จะไม่มีใครมาคอยควบคุมนาย ไม่มีใครจะมาฆ่านายอีก ได้ยินไหม” แฮร์รี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ตอนนี้มีแค่เรา”

     

    หากการต้องตื่นมาแล้วพบเจอว่าต้องคอยพะวงว่าจะมีใครตามฆ่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา มันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าพิสมัยในการใช้ชีวิตแม้แต่น้อย และแฮร์รี่เข้าใจความรู้สึกนั้นอย่างดีมาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา และเขาตระหนักมันได้อย่างดีตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาเรียน

     

    แฮร์รี่ลดมือลงจากใบหน้าของเดรโกและลูบเบาๆ ที่แขนทั้งสองข้างของคนตรงหน้าแทนพลางบีบเป็นพักๆ อย่างคนที่ต้องการให้กำลังใจ แม้จะไม่รู้ว่าจะส่งไปถึงคนที่เขาต้องการให้รับหรือไม่ แต่เขาก็ยังหวัง ว่าสักเล็กน้อยก็ยังดี

     

    เดรโกค่อยๆ สงบลงบ้างแล้ว แรงลูบที่แขนรู้สึกทำให้เขาผ่อนคลายอย่างประหลาด แม้ใบหน้าจะยังคงเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และใจที่ยังรู้สึกหนักหน่วง ร่างสูงหายใจหอบเบาๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง เปลือกตาบางหลับลงเพียงครู่ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีดวงตาสีมรกตที่มองมาอยู่ก่อน

     

    ทั้งดูสงบ ดูอบอุ่น และใจดี

     

    ร่างสูงเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาเพิ่งจะเคยจ้องและมองเข้าไปในดวงตาคู่นี้ได้ชัดมากกว่าตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ และมันดูดีมากกว่าที่คาดไว้เสียอีก

     

    ต่างคนต่างจ้องตากันอยู่เช่นนั้นซักพัก จนแฮร์รี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคันยิบๆ ในใจ เขาจึงเริ่มขยับตัวผละออกจากคนตรงหน้า มือทั้งสองข้างของแฮร์รี่ยกค้างปัดป่ายในอากาศไปมาเพราะไม่รู้ว่าควรจะวางไว้ตรงไหนขึ้นมาเสียดื้อๆ มันคงเป็นท่าทางที่ตลกพอควร เพราะไม่อย่างนั้นพ่อมดบ้านสลิธีรินตรงหน้าคงจะไม่เริ่มเผยรอยยิ้มเยาะออกมา

     

    “ทำบ้าอะไรของนายน่ะพอตเตอร์” เดรโกว่าเย็นเยียบพร้อมกับเก็บไม้กายสิทธิ์ของตัวเองเข้าที่กระเป๋าเสื้อ

     

    แฮร์รี่มองตามมือข้างนั้นอย่างลืมตัว มือของเขาเองก็เผลอล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อคลำหาไม้กายสิทธิ์ที่วางอย่างสงบอยู่ในนั้น

     

    เดรโกจะยังอยากได้มันคืนไหม?

     

    “ทำให้นายหายเครียดมั้ง”

     

    …..

     

    เงียบกันไปสักครู่ ดวงตาสีซีดปรายมองคนตรงหน้าอีกครั้ง เขายกมือปาดเหงื่อบนหน้าเล็กน้อยก่อนจะรีบปลีกตัวเดินไปทางบันไดและก้าวลงไปทันที แฮร์รี่มองตามคนที่เดินลิ่วลงไปแล้วนิ่งๆ ดีแล้วที่ปากเขาไม่เอ่ยรั้งอีกฝ่ายไว้อีกเพราะแฮร์รี่ก็คงไม่รู้แล้วว่าตัวเองจะรั้งอีกฝ่ายไว้ทำไม

     

    แต่ตอนนี้อย่างน้อยแฮร์รี่ก็ได้รู้ชัดแล้วว่า เดรโก มัลฟอยยังคงรู้สึกผิดและเสียใจกับเรื่องราวเมื่อครั้งนั้นมากขนาดไหน ไม่อย่างนั้น สีหน้าและอาการแบบที่เขาได้เห็นไปเมื่อครู่คงจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

     

     

    เดรโกไม่ได้เลือกทางผิด

     

    แต่ไม่มีทางให้เลือกแต่แรกต่างหาก

     

    ..................

     

    อากาศตอนเช้าที่ยังเย็นๆ อยู่บ้างทำให้แฮร์รี่ต้องสีมือเข้าหากันเบาๆ วันนี้เขาได้รับของเล่นชิ้นใหม่ที่สั่งมาจากจอร์จพอดี เขาจึงจะส่งมันให้กับลูกทูนหัวของเขาอย่างเท็ดดี้ต่อ แฮร์รี่จึงปลีกตัวมาที่โรงนกฮูกในเช้าวันนี้เพื่อมาหาเจ้านกฮูกของเขา

     

    แฮร์รี่ผิวปากเบาๆ ก็มีนกฮูกตัวสีขาวลวดลายสีน้ำตาลบินโผมาเกาะบนแขนของเขา ดวงตาหลังกรอบแว่นทอดมองสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วยสายตาเอ็นดูปนคิดถึง – เขาคิดถึงเฮดวิก เจ้าตัวนี้แม้จะคล้ายกับเฮดวิกอยู่บ้างแต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ตัวเดียวกัน

     

    เขาส่ายหัวให้กับตัวเองเมื่อเผลอนึกไปถึงอดีตอีกครั้ง ถ้าเจ้านกฮูกตัวนี้มันเกิดเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่มันคงจะน้อยใจไม่น้อยที่แฮร์รี่เอามันไปเปรียบกับเจ้านกฮูกตัวเดิม แฮร์รี่ยกมือขึ้นลูบเส้นสีขาวนุ่มของมัน ยังไงเสีย ตอนนี้มันก็คือเพื่อนตัวใหม่ของแฮร์รี่แล้ว และเขาสัญญาว่าเขาก็จะปกป้องดูแลมันอย่างดี เหมือนที่เฮดวิกเคยปกป้องเขา

     

    นิ้วเรียวยกขึ้นสอดเข้าใต้แว่นตาของตัวเองพลางปาดหยดน้ำที่ซึมออกมาจางๆ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมเพื่อหยิบเอากล่องของขวัญกล่องเล็กออกมา

     

    เจ้านกฮูกคล้ายรู้หน้าที่ดี มันบินออกจากแขนไปเกาะอยู่ที่เสาต้นหนึ่งเพื่อรอให้แฮร์รี่เอาของขวัญมาผูกไว้กับขาของมัน หลังจากแฮร์รี่จัดการมัดกล่องของขวัญไว้เรียบร้อยดีแล้วแต่ยังไม่ทันที่เจ้านายของมันจะได้ให้รางวัลด้วยขนมอย่างทุกที แฮร์รี่พลันได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากมุมหนึ่งภายในห้องนี้แทน

     

    แฮร์รี่หันหลังกลับ กวาดสายตามองไปรอบๆ เสียงกุกกักที่ว่ายังคงดังอยู่เรื่อยๆ เขาแหงนหน้ามองไปรอบๆ ว่ามีนกฮูกตัวไหนที่กำลังขูดหรือเคาะกำแพงหรือไม่ แต่ทุกอย่างก็ดูปกติ แต่เสียงที่ว่าก็ยังไม่หายไป

     

    “รอนี่ก่อนนะ” แฮร์รี่หันไปบอกกับนกฮูกของเขาแล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบโรงนกฮูก

     

    ที่มุมหนึ่งด้านในโรงนกฮูกมีกองถังไม้ แผ่นไม้กองหนึ่งทับถมอยู่ และมันกำลังขยับเขยื้อนไปมาเหมือนมีอะไรอยู่ด้านใต้นั้น แฮร์รี่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าควรเข้าไปเลยดีไหม สัญชาตญาณร้องบอกให้เขาล้วงมือเข้าไปกระเป๋าเสื้อและดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแทน รักษาระยะห่างเล็กน้อยก่อนจะเสกให้กองไม้ทั้งหลายกระจายออกไป

     

    ดวงตาคู่สีมรกตเบิกค้างเมื่อพบสิ่งที่อยู่ใต้กองไม้พวกนั้น เป็นนกฮูกสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่กำลังถูกมัดเอาไว้ ถ้าแฮร์รี่จำไม่ผิดมันคือนกฮูกเหยี่ยว พันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าตัวใหญ่และค่อนข้างดุร้าย เป็นพันธุ์ที่หาไม่ได้ในอังกฤษเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าเจ้าของจะต้องเป็นคนที่มีอันจะกินพอสมควรเท่านั้น

     

    นกฮูกตัวใกล้เคียงพากันกระพือปีกบินหนีไปเมื่อเจ้านกฮูกตัวใหญ่ที่อยู่กับพื้นเริ่มดิ้นและส่งเสียงไปมา แฮร์รี่กวาดตามองผ่านๆ รอบหนึ่งก็พบว่ามันบาดเจ็บอยู่ด้วย ไหนจะยังเชือกเส้นหนาที่ใช้มัดตัวมันไว้กำลังเสียดสีสร้างรอยแผลไปตามร่างกายของมัน

     

    แฮร์รี่นั่งลงข้างมันอย่างใจเย็น ฝ่ามือบางค่อยๆ วางลงบนหัวของนกฮูกตรงหน้าและลูบเบาๆ  เพื่อให้มันเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้าย

     

    มนตร์บทง่ายถูกร่ายขึ้นเพื่อปลดเชือกที่มัดนกฮูกเอาไว้ มันร้องออกมาเบาๆ เมื่อเป็นอิสระ ปีกขนาดใหญ่ทั้งสองข้างพยายามกางออกเพื่อโผบิน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำได้ด้วยบาดแผลที่โคนปีกของมัน แฮร์รี่ขยับเข้าไปใกล้นกฮูกเหยี่ยวตรงหน้าอีกครั้งและช้อนอุ้มมันเข้ามาอ้อมแขน

     

    คนที่จะช่วยได้ ก็คงเป็นแฮกริดคนเดียว

     

    แฮร์รี่ยิ้มดีใจนิดๆ เมื่อเจ้านกที่ขึ้นชื่อว่าจะดุตรงหน้าไม่คิดจะทำร้ายเขา ทั้งยังให้ยอมอุ้มแต่โดยดี จะเพราะเจ็บหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่เขารู้สึกว่านกตัวนี้ไม่ได้ดุร้ายน่ากลัวอย่างที่ใครกลัวกัน แม้แต่นกฮูกของแฮร์รี่ที่ทีแรกเกาะอยู่อีกเสา ตอนนี้กลับโฉบบินมาเกาะที่ไหล่ของแฮร์รี่ด้วยเพื่อดูเพื่อนร่วมโรงนอนของมันที่อยู่ในแขนของแฮร์รี่

     

    “เพื่อนนายต้องได้คนรักษา ตอนนี้ไปส่งของให้เท็ดดี้ก่อนเถอะ กลับมาแล้วจะเอารางวัลให้”

     

    นกสีขาวอ้วนใช้หัวของมันดุนที่ข้างขมับของแฮร์รี่หนึ่งทีก่อนจะบินออกไปจากไหล่ของเขา แฮร์รี่ยิ้มจางๆ ออกมาก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูทางออกเพื่อส่งตัวนกฮูกในอ้อมแขนไปให้แฮกริด

     

    “อัล... พอตเตอร์! นายทำอะไรกับนกฮูกของฉัน!

     

    เจ้าของชื่อนิ่งค้างชะงักฝีเท้าลงเมื่อมีเสียงตวาดออกมาเสียงดังจากด้านหน้าและเมื่อเขาเงยหน้ามองก็พบว่าคนๆ นั้นคือเดรโก มัลฟอย

     

    “นกนาย?” แฮร์รี่เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่านกฮูกพันธุ์ดีแบบนี้ใครคือเจ้าของ

     

    “ใช่ นายทำอะไรกับมัน!!

     

    “นี่ ใจเย็นก่อนได้ไหม”

     

    “จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง ...ดูสภาพมันสิ! นายทำกับฉันไม่ได้ก็เลยคิดจะลงกับนกของฉันใช่ไหม!!

     

    แฮร์รี่รู้สึกเลือดลมขึ้นมากองที่หน้าทันที ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะประเคนหมัดสักยกให้คนตรงหน้าได้มีสตินึกคิดอีกซักนิดแต่ก็ติดที่ว่าเขายังอุ้มเจ้าตัวขนสีน้ำตาลไว้อยู่ นกฮูกตัวอื่นในโรงเลี้ยงก็เริ่มพากันแตกตื่นเพราะเสียงตวาดกร้าวของเดรโก รวมถึงเจ้าตัวในแขนของแฮร์รี่ด้วย

     

    “นายอย่าเพิ่งไร้สาระได้ไหม”

     

    “เอามานี่!

     

    เหมือนเดรโกจะไม่ได้ฟังในสิ่งที่แฮร์รี่เอ่ยสักนิด เจ้าตัวรีบพุ่งเข้ามาเพื่อจะคว้าเอานกฮูกของตนไปอุ้มไว้เอง แต่คนใจร้อนก็แทบจะไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่านกของตัวเองกำลังบาดเจ็บอย่างไรอยู่ ทันทีที่ฝ่ามือหนาเอื้อมไปสัมผัสเข้า เจ้านกฮูกก็ร้องและพยายามซุกแฮร์รี่หนีมือของเดรโกทันที

     

    “มันบาดเจ็บอยู่นะ! อย่าทำรุนแรงจะได้ไหม มีสติหน่อยมัลฟอย!

     

    “งั้นก็ปล่อยนกของฉันมาได้แล้วพอตเตอร์!

     

    แฮร์รี่ก็ชักจะเหลืออดกับคนตรงหน้า เขาก้มมองเจ้านกสีน้ำตาลในอ้อมแขนที่ยังซุกเขาแน่นสลับกับเงยหน้ามองเดรโกที่กำลังฉายแววโกรธจัดอยู่อย่างลังเล เขาคิดว่ามันคงไม่จบง่ายๆ แน่ถ้าหากเขาไม่คิดจะส่งนกให้กับเดรโกไป แต่ก็ติดที่ว่าเหมือนเจ้าฮูกตัวนี้จะไม่อยากออกไปจากอ้อมแขนเขา

     

    “อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรล่ะ”

     

    เดรโกว่าเสียงเนิบๆ ออกมาพลางขยับเข้าใกล้คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว

     

    “นายไม่มีเพื่อนคนสุดท้ายในชีวิตที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องดูแลเหมือนที่ฉันเหลือแต่เจ้านี่.. ส่งมันมาได้แล้ว!

     

    เส้นอารมณ์ของแฮร์รี่คล้ายขาดผึงขึ้นมา ดวงตาสีเขียววาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ เขาขยับเข้าใกล้เดรโกขึ้นอีกก้าวก่อนจะรีบยื่นวางนกฮูกเหยี่ยวตัวโตไว้ในอ้อมแขนของเดรโก มันส่งเสียงขัดใจเมื่อออกมาพ้นวงแขนของแฮร์รี่ แต่หนุ่มแว่นก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาจ้องกลับเดรโกเขม็งแล้วเริ่มปริปาก

     

    “ใช่ ฉันไม่เหลือเพื่อนคนสุดท้าย แต่ฉันเหลือทุกคน! ทุกชีวิตที่ฉันต้องดูแล ต้องรับผิดชอบ มาตลอด 7 ปี! นายเข้าใจฉันบ้างไหมล่ะว่าตลอด 7 ปีนับตั้งแต่ที่ฉันก้าวเข้ามาในโลกเวทมนตร์ฉันต้องแบกความหวังและหน้าที่บ้าๆ ในการจัดการเจ้านายของนายทั้งที่ฉันก็แทบไม่รู้จักเขาเท่าที่ฉันก็แทบไม่รู้จักตัวเองเลย!

     

    แฮร์รี่ร่ายยาวออกมาอย่างเหลืออด เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจตนเองเท่าไหร่ว่าทำไมจะต้องพูดเรื่องนี้ออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาและยังอารมณ์เสียกับคนไม่ฟังอะไรเลยตรงหน้าจนอดจะระเบิดคำพูดออกมาไม่ได้

     

    เด็กหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่และมองค้อนคนที่เหมือนจะนิ่งค้างไปกับประโยคยืดยาวของเขา เดรโกเองก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่น้อยเพราะเขาก็ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ คนตรงหน้าก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาขนาดนี้ แต่ที่ไม่คาดฝันกว่านั้นก็คือดวงตาของคนตรงหน้าที่แดงก่ำคล้ายคนจะร้องไห้

     

    เดรโกไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับการเจอแฮร์รี่ พอตเตอร์ร้องไห้เลยสักนิด

     

    “อย่าคิดว่ามีแต่ตัวเองที่น่าสงสารและโลกมองข้ามเลย ที่ฉันถูกจับตามองก็เพราะฉันที่ฆ่าโวลเดอมอร์ได้ตั้งแต่ยังไม่ขวบ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้มีใครรู้จักและเห็นใจฉันจริงๆ อย่างที่นายเองก็กำลังเจอนี่เหมือนกัน”

     

    พ่อมดผมดำเอ่ยเสียงสั่นพลางสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เขาเช็ดน้ำตาที่หยดลงหนึ่งหยดลวกๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวให้พ้นจากคนที่ยังยืนขวางบริเวณประตูเพื่อจะออกจากโรงนกฮูก แต่เดินไปยังไม่ทันพ้นจากกรอบประตูดี แว่วเสียงจากคนที่เดินออกไปก็ดังขึ้นมาอีกรอบ

     

    “พานกของนายไปหาแฮกริด อย่าคิดที่จะรักษามันด้วยตัวเองถ้านายไม่รู้วิธี แฮกริดจะช่วยนายได้”

     

    เสียงฝีเท้าของแฮร์รี่ห่างไกลออกไปแล้ว เดรโกก้มมองนกฮูกเหยี่ยวของตัวเองซึ่งกำลังดิ้นขลุกขลักเล็กน้อยในอ้อมแขนของเขา ดวงตาสีซีดหม่นแสงลงอย่างรู้สึกผิด เขารู้สึกเช่นนั้นจากใจจริง

     

    นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้รับรู้ความอัดอั้นของพ่อมดผู้พิชิตจอมมาร และคงจะมีอีกหลายเรื่อง หลายความรู้สึกที่เขายังไม่ได้รับรู้ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดเลยว่าแฮร์รี่จะรู้สึกและเป็นอย่างไร เขากลับรู้สึกอิจฉาด้วยซ้ำที่สายเลือดผสมอย่างแฮร์รี่กลับเป็นที่โด่งดัง

     

    จนมันน่ารำคาญ

     

    จำความได้ พ่อของเขาก็เอาแต่พูดถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์คนดังผู้พิชิตจอมมาร

     

    เขาที่ได้ยินเรื่องราวของแฮร์รี่มาตั้งแต่ยังเด็ก ได้รู้จักเจ้าตัวก่อนที่เจ้าตัวจะรู้จักตัวเองเสียอีก

     

    แต่ในตอนนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่า เขาไม่ได้รู้จักแฮร์รี่เลยสักนิด

     

    ไม่เลย




    TBC...


                                                           ____________________________________



    TALK !

              หวีดได้ที่เดิมเจ้าค่ะ #WizDMHP

              มาเจิมตอนแรกแล้วค่าาาาาาาาาา แอบเขียนยากนิดหน่อย ซีนอารมณ์มันค่อนข้างหนักหน่วงจริง เรื่องนี้จะเน้นไปที่ความรู้สึกค่อนข้างเยอะค่ะ โดยเฉพาะของชายเดรก แต่ของน้องก็จะมีระเบิดให้ตาพี่ได้เข้าใจด้วยค่ะ เป็น After Story หลักที่เราอยากให้ทั้งคู่เข้าใจกันและกันมากขึ้นค่ะ ฮุกก

              ตอนนี้ยังไม่มีไรกุ๊กกิ๊กกัน อย่าตกใจไปค่ะ พวกเขาจะค่อยๆ เข้าใจกันค่ะ จบดีแน่นอนค่ะ งุ่มๆ

              ชอบไม่ชอบอย่างไร คิดเห็นยังไง เมนต์และร่วมหวีดให้เราได้รู้ฟีดแบคทีนะคะ จะได้นำไปปรับปรุงด้วยเน้ออ

              ปล. นกฮูกของน้องมีใครจะช่วยคิดชื่อไหมคะ 5555 ส่วนนกฮูกของตาพี่มีเปรยๆ มาแล้วว่า "อัล..." แต่อะไรต่อท้ายดี 5555555 มาร่วมส่งชื่อประกวดได้นะคะ เอิ้กกก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×