ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #8 : (Short Fic) Count on me [ 4 ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.02K
      315
      27 ก.พ. 62


     Count on me 

    Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

    AU Fic : Fantasy | Short Fic | R

     

    [ 4 ]




    _______________________________________________



    สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ในตอนนี้ คงจะมีอะไรน่าหงุดหงิดไปกว่าเรื่องสองเรื่องที่เขากำลังเจอในตอนนี้

     

    แฮร์รี่ขอจัดให้มันเป็นเรื่องน่ารำคาญใจและกวนใจที่สุดตั้งแต่เกิดมา 18 ปีเลย

     

    หากได้เห็นว่าคนที่เรารอคอยมาตลอดกลับมา ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องดีใจ แน่นอนว่าเราก็จะต้องหาทางที่จะเข้าหาเขาให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

     

    แต่สิ่งที่แฮร์รี่เจอตอนนี้มันคือการที่เดรโก มัลฟอยคอยหลบหน้าเขา!!

     

    แม้แต่เฮอร์ไมโอนี่หรือรอนเองก็ยังมองออกว่านายน้อยตระกูลผู้ดีคนนั้นที่ปกติมักจะเข้ามาวอแวหาเรื่องเพื่อนของตนก็ดูแปลกออกไป ไม่เข้ามาพูดเยาะเย้ย ไม่ลากแก๊งเพื่อนมาจดๆ จ้องๆ แล้วพูดแซวให้ชวนอารมณ์เสีย หรือส่งของอะไรสักอย่างบินมาโดนหัวโดนตัวบ้าง

     

    ไม่มี ไม่มีเลย

     

    ดวงตาสีซีดคู่นั้นมักจะเฉหลบดวงตาสีเขียวกลมโตที่จ้องมองไปอยู่ก่อนทุกครั้ง หรือถ้าจะมองตอบ ก็แสนจะเย็นชาและนิ่งงัน

     

    “อย่ามามองกันด้วยสายตาแบบนั้นนะโว้ย!

     

    เด็กหนุ่มผมดำสบถคำนี้ออกมาตอนมื้อกลางวันมื้อหนึ่งจนคนรอบๆ โต๊ะพากันหันมามองที่โต๊ะของแฮร์รี่เป็นตาเดียว แน่นอนว่าแม้แต่โต๊ะที่อยู่ห่างออกไปพอสมควรอย่างโต๊ะของเดรโกก็พากันหันมามอง แต่ตัวต้นเรื่องอารมณ์ฉุนเฉียวของแฮร์รี่เพียงก้มหน้าทานมื้อกลางวันตัวเองต่อหน้าตาเฉย

     

    เป็นเช่นนี้มาร่วมอาทิตย์ตั้งแต่ที่เดรโกกลับมา

     

    ส่วนเรื่องหยุมหยิมใจอีกเรื่องที่แฮร์รี่นึกรำคาญไม่ต่างกันนักก็คือรุ่นพี่ที่เข้ามาเรียนใหม่ที่แฮร์รี่จำใจต้องรู้จักไปเมื่อไม่นานมานี้

     

    ราวกับว่าพอเขาไม่มีเดรโกมาคอยวอแว ก็มีทอม ริดเดิ้ลเข้ามารับตำแหน่งต่อเสียอย่างนั้น

     

    ความรู้สึกก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่แฮร์รี่โดนเดรโกแกล้งตอนแรกๆ เลยสักนิด แต่ติดที่ว่าครั้งนี้แฮร์รี่ไม่ได้โดนทอมแกล้ง แต่มันก็น่าหงุดหงิดรำคาญใจเช่นเดียวกัน

     

    แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมดเท่าไหร่ เพราะถ้าเมื่อวันไหนที่แฮร์รี่พยายามจะเข้าหาเดรโกแล้วก็ต้องล้มเหลวจนตัวเองรู้สึกหงุดหงิด วันนั้นก็จะได้ทอมที่มานั่งพูดคุยเรื่อยเปื่อยเป็นเพื่อน จนกระทั่งแฮร์รี่ก็ลืมเรื่องที่อารมณ์เสียก่อนหน้านั้นไป

     

    ตัดเรื่องที่คอยเกาะติดเกือบตลอดเวลาที่เจอ แฮร์รี่คิดว่าทอมก็เป็นคนหนึ่ง...ล่ะมั้งนะ

     

    แต่อย่าให้ได้เจอกับเซดริกโดยเด็ดขาด!

     

    เหมือนแฮร์รี่ได้มองเห็นเงาของตัวและเดรโกอย่างไรอย่างนั้น มีครั้งหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ เธอบอกว่ามองแล้วก็เหมือนกับตอนที่แฮร์รี่กำลังจะตีกับเดรโกดี

     

    ดวงตาหลังกรอบแว่นเบิกขึ้นเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วสูงเมื่อมองดูคู่รุ่นพี่ที่วางมวยกันอยู่ตรงหน้า จากมุมมองของแฮร์รี่ตอนนี้คือมันตลกเอามากๆ มาหวนนึกถึงว่าเป็นตัวเองกับเดรโกแล้วก็อดจะรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที

     

    ตกเย็นหลังจากเลิกเรียน แฮร์รี่ตัดสินใจพาตัวเองเข้าห้องสมุด ใกล้จะสอบอยู่แล้วและเขาไม่อยากจะสอบตกจนต้องตามมาสอบแก้สักเท่าไหร่ ความเงียบของห้องสมุดตรงมุมโปรดของแฮร์รี่ก็ช่วยให้เขามีสมาธิกับการอ่านหนังสือได้ดี หรือถ้าจะไม่อ่าน อย่างน้อยก็เป็นมุมสงบที่จะไม่มีใครมารบกวนกับการนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยของเขาได้

     

    “ไง พอตเตอร์ มาอ่านหนังสือเหรอ”

     

    เมอร์ลินเถอะ! แฮร์รี่อยากจะยกมือทึ้งหัว

     

    เด็กหนุ่มตวัดใบหน้ามองไปทางต้นเสียงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขายกยิ้มแห้งๆ ให้กับคนทักแล้วยืดตัวขึ้นนั่งดีๆ “ครับ อ่านหนังสือ”

     

    “ขอนั่งด้วยคนนะ”

     

    ทอมไม่รอให้คนที่นั่งอยู่ก่อนได้ตอบตกลง เขาจัดการวางหนังสือสองเล่มที่ถือไว้ในมือลงบนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับแฮร์รี่ เด็กหนุ่มยิ้มแหะออกมาแล้วก้มหน้ากลอกตากับตัวเองเงียบๆ แฮร์รี่ยื่นมือออกมาเพื่อจะหยิบหนังสือที่ตนเปิดกางทิ้งไว้มาอ่านต่อ แต่ก็ถูกฝ่ามือของอีกคนจับเอาไว้เสียก่อน

     

    แฮร์รี่เงยหน้ามองด้วยสายตาดุๆ ทันที แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้มองไปที่ใบหน้าของแฮร์รี่ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเอาแต่จดจ้องที่แหวนบนนิ้วแฮร์รี่ไม่วางตา นัยน์ตานั้นดูมีแววดุร้ายและกระหายอะไรบางอย่างฉายออกมาอย่างไม่มีการปิดบัง แฮร์รี่ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

     

    นิ้วโป้งของทอมเกลี่ยเบาๆ ที่หัวแหวนสีเขียว เด็กหนุ่มเบิกตากว้างแล้วรีบชักมือกลับทันทีแบบไม่กลัวว่าตัวเองจะเสียมารยาทกับอีกฝ่ายสักนิด แฮร์รี่กำมือตัวเองแน่นแล้วจ้องไปยังคนมาใหม่เขม็ง

     

    “คิดจะทำอะไรครับ” แม้น้ำเสียงจะบ่งบอกว่าหงุดหงิดอยู่ในที แต่ก็ยังรักษาท่าทางให้นิ่งที่สุด

     

    “...” คนเป็นพี่ไม่ตอบ มุมปากเหยียดยิ้มขึ้นเพียงเสี้ยววิก่อนจะเป็นรอยยิ้มนุ่มๆ อย่างทุกที “เห็นมันสวยดี เหมือน..เคยเห็นที่ไหนน่ะ คุ้นตามากๆ”

     

    แฮร์รี่ยังคงรักษาท่าทีไว้ให้นิ่งดังเดิม แสร้งกระชับหนังสือในมือแล้วก้มหน้าอ่าน ทอมไม่ได้ว่าอะไรกับท่าทีนิ่งเฉยนั้น แต่เขากลับยกยิ้มออกมาอีกครั้งราวกับพึงพอใจอะไรบางอย่างในตัวเด็กตรงหน้าของเขา

     

    “ถามได้ไหม ว่าใครให้มางั้นเหรอ ...แฟน?”

     

    คนถูกถามไม่รู้เลยว่าเผลอทำสีหน้ายังไงออกมาตอนที่คำว่า แฟน ถูกถามออกมาจากทอม แม้ดวงตาจะกำลังจดจ้องหน้าหนังสือ แต่เขาไม่ได้อ่านมันเข้าหัวเลยสักนิด ดวงตากวาดมองที่บรรทัดเดิม วรรคประโยคเดิมประมาณห้ารอบได้ พลางเม้มปากเบาๆ

     

    “ไม่ใช่แฟนครับ ผมยังไม่มี”

     

    เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาจากคนนั่งฝั่งตรงข้าม คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกหงุดหงิดหรือเขินกันแน่กับเสียงหัวเราะนั่น ก่อนจะเปิดปากพูดต่อ

     

     “รู้ไหม เจ้าของแหวน..แบบคล้ายกันนี่ที่ฉันเคยรู้จักน่ะ เขาบอกว่ามันมีพลังแปลกๆ อยู่ด้วยล่ะ” ทอมว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ลำตัวโน้มมาด้านหน้ามากขึ้นเพื่อจับจ้องคนตรงข้ามที่ยังก้มหน้าอยู่ “ไม่ใช่แค่แหวนธรรมดาใส่ประดับหรอกนะ ทั้งไว้เก็บพลัง ไว้เพรียกหา อืม.. มันเป็นมากกว่าแหวนเก่าราคาแพง”

     

    เด็กหนุ่มตบหน้าหนังสือเข้าด้วยกันจนได้ยินเสียงดังปั๊บลั่นบริเวณ ดีที่แถวนี้ห่างไกลคนพอสมควร รวมถึงบรรณารักษ์เองก็ไม่ได้มาเดินตรวจ แฮร์รี่ที่ปิดหนังสือจนเกิดเสียงขนาดนั้นจึงไม่มีใครมาตำหนิ

     

    ดวงตาสองคู่จดจ้องกันพักหนึ่งก่อนที่แฮร์รี่จะเป็นฝ่ายละสายตาออกแทนในจังหวะที่เข้าเห็นเหมือนนัยน์ตาคู่นั้นของทอมหรี่เล็กลงจนเหมือนดุร้ายอย่างสัตว์ป่า บริเวณนิ้วกลางข้างซ้ายซึ่งสวมแหวนไว้อยู่พลันอุ่นวาบขึ้นมาชอบกลทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้จนเผลอกระตุกไปเล็กน้อย

     

    แม้ร่างสูงของอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไร แต่ในแววตาที่จดจ้องมองมาแฮร์รี่ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันและความพยายามคาดคั้นในสายตานั้น ราวกับทอมต้องการรู้ให้ได้ว่า แหวนบนนิ้วของเขาเป็นของใครกันแน่

     

    “ผมขอตัว”

     

    แฮร์รี่ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจัดการรวบหนังสือและของข้าวมากอดไว้แนบอกแบบลวกๆ ไม่สนแล้วว่ามันจะเสียมารยาทขนาดไหนกับการกระทำเช่นนี้ เขาแค่ต้องการพาตัวเองออกจากสถานการณ์อึดอัดตรงหน้านี้เสียที พร้อมกับคาดโทษในใจว่าคราวหน้าเขาจะเปลี่ยนมุมอ่านหนังสือ!

     

    เหมือนยิ่งแฮร์รี่ร้อนรนและไม่สบายใจเท่าไหร่ แหวนที่นิ้วก็เหมือนจะร้อนขึ้นทุกทีๆ

     

    “ไม่ว่าอะไรที่นายกำลังยุ่งอยู่ด้วยตอนนี้ รีบถอนตัวออกจะดีกว่านะ” เสียงเรียบนิ่งของหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งยังนั่งที่เดิมเอ่ยขึ้นจนแฮร์รี่สะดุด เขาไมได้หันกลับไปมอง เพียงยืนนิ่งรอฟัง “ใช้ชีวิตอย่างปกติ ที่มนุษย์เขาทำจะดีกว่า อย่าพาตัวเอง...ไปเสี่ยง”

     

    ร่างผอมบางรีบรุดเดินหนีออกไปจากจุดที่ยืน ดวงตาเรียวคมมองตามร่างที่ก้าวฉับหนีไปด้วยรอยยิ้มพราวระยับ

     

    เขาเตือนแล้ว แต่ถ้ายังดื้อ ก็มีแต่ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด

     

     

     

    เมื่อเดินออกมาจากห้องสมุดได้ไกลพอสมควรความร้อนบนแหวนของรอบนิ้วของแฮร์รี่ก็เบาบางลง มือบางสะบัดไปมาเล็กน้อยคล้ายไล่ความร้อนออกก่อนจะก้มมองอัญมณีสีเขียวประกายด้วยความไม่เข้าใจ แฮร์รี่ใส่มันมาร่วมเดือนแล้ว แต่มันไม่เคยมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อน มันก็เหมือนแหวนธรรมดาเท่านั้น

     

     แต่เมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆ ของทอมเข้าพร้อมปฏิกิริยาน่ากลัวจากฝ่ายนั้น จู่ๆ แหวนนี่ก็เกิดผิดปกติขึ้นมาเสียได้

     

    เดรโกบอกเพียงว่าอยากให้เขาใส่ไว้และห้ามถอดมันเด็ดขาด

     

    ยังไม่ทันที่แฮร์รี่จะได้สงสัยมากความอะไรไปมากกว่านี้ จู่ๆ ความหนาวเย็นชวนขนลุกก็พัดวนรอบกาย เส้นผมสีดำปลิวขยับไปมาเมื่อเจ้าของร่างหันซ้ายขวาและหมุนตัวไปมาราวกับจะหาต้นตอของความหนาวที่เขารู้สึกคุ้นเคยดี แต่ไม่ทันที่จะได้มองเห็นตัวต้นเหตุ สัมผัสหนักๆ ก็โถมใส่ร่างกายพร้อมแรงคล้ายกับการถูกฉุดกระชากดูดดึงไปอย่างแรงจนแฮร์รี่มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นเส้น

     

    ชั่วอึดใจไม่กี่วินาที ร่างของแฮร์รี่หยุดอยู่บริเวณใกล้หอพักของเขาแล้ว หลังจากตั้งสติให้กับการเคลื่อนไหวที่ไม่คุ้นจนรู้สึกถึงคลื่นเหียนจางๆ ได้สำเร็จ ลืมตาขึ้นมาก็เจอเข้ากับใบหน้าเครียดขึงและแววตาร้อนรนจากเดรโก

     

    “มัล...”

     

    “ทำไมแหวนถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น”

     

    แฮร์รี่หุบปากที่กำลังจะเรียกชื่ออีกฝ่ายทันที ดวงตาสีเขียวฉายแววงุนงง ก่อนจะก้มมองแหวนบนนิ้วของตัวเอง ตอนนี้มันกลับมาปกติดังเดิม ไม่ร้อน ไม่มีอะไรซักอย่าง

     

    “แบบนั้นที่นายว่า..คือแบบไหน ช่วยอธิบายชัดๆ ได้ไหม” เด็กหนุ่มผมดำพยายามถามด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน สีหน้าตึงเครียดของเดรโกทำให้เขาไม่กล้าก่อกวนมากนัก

     

    “ก็แบบที่ปกติมันไม่เป็นไง” คนถามกุมมือข้างซ้ายของแฮร์รี่ไว้แล้วจัดการลูบที่หลังแหวนเบาๆ แฮร์รี่สัมผัสได้ถึงความเย็นเข้ามาขณะหนึ่ง คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วมองหน้าคนที่ยังก้มดูแหวนของตัวเองอยู่

     

    “ตอนนี้มันเย็น เย็นเหมือนนาย”

     

    “ใช่ แต่ก่อนหน้านั้น...”

     

    “ที่มันร้อนน่ะเหรอ?”

     

    “ใช่!

     

    เดรโกตอบกลับด้วยเสียงไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างขึ้นและขยับชิดคนตัวเล็กกว่าจนดันไปติดกับผนังตึกด้านหลัง แฮร์รี่สูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วรีบเบือนหน้าหนีไปด้านข้างทันที

     

    สัมผัสนิ่มหยุ่นและอุ่นวาบทาบลงที่ข้างแก้มของแฮร์รี่ในวินาทีถัดมาจนร่างเล็กสะดุ้ง เดรโกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจพลางยื่นริมฝีปากของตัวเองมาอีกรอบหมายจะฉกชิงพวงแก้มขาวที่กำลังขึ้นสีเรื่อจางอีกครั้ง แต่แฮร์รี่ก็รีบยกมือขึ้นดันปลายคางเสี้ยมแหลมนั่นได้ทันเสียก่อน

     

    เมื่อกี้ไม่น่าหันหน้าหนีให้เลย!

     

    “ไม่ได้จะให้นายหอมแก้มฉันไหมห๊า!?”

     

    “อ้าว ก็นึกว่าคิดถึง ...แต่ฉันคิดถึงนายนะ”

     

    คนฟังเบะปากกลอกตา แต่แก้มกลับมีสีเลือดฝาด สองมือดันอกแกร่งตรงหน้าให้ขยับถอยห่างออกไป แต่เหมือนเดรโกจะมีเรี่ยวแรงมากกว่าร่างกายผอมโปร่งที่เห็นไปมากโข แฮร์รี่ล้มเลิกความตั้งใจแล้วตัดสินใจยืนชิดแทบสิงผนังเพื่อรักษาระยะห่างแทน

     

    “มันร้อน แหวนนี่น่ะ.. ตอนที่ฉันกลัวเมื่อกี้ จู่ๆ มันก็ร้อนขึ้นมา”

     

    แฮร์รี่ตัดสินใจบอกสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นที่อีกฝ่ายต้องการจะรู้ และเป็นไปตามคาด รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของคุณชายแวมไพร์ทันที เขาก้มมองที่แหวนสีเขียวบนนิ้วของแฮร์รี่แวบหนึ่งก่อนจะเงยหน้ากลับมามองคนสวมต่อ

     

    “นายกลัวอะไร”

     

    “ก็..แค่คนที่ไม่ถูกชะตาด้วยคนหนึ่งน่ะ เขาดูสนใจแหวนนี่มาตั้งนานแล้ว เหมือนจะรู้จักมันด้วยแล้วก็พูดแปลกๆ” เด็กหนุ่มตอบตามที่ตัวเองคิด “นี่ บอกฉันมาได้ไหมว่าแหวนนี่มันอะไรกันแน่ นายแค่บอกให้ฉันใส่ไว้ เป็นของสำคัญ โอเคฉันใส่ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วว่ามันไม่ใช่แค่เครื่องประดับธรรมดา ใช่ไหม”

     

    ร่างสูงหายใจสะดุดไปชั่วขณะ เขาเบนสายตาหลบคนตรงหน้าคล้ายคนมีอะไรปิดบัง แฮร์รี่หรี่ตาลงมากขึ้นเพื่อจับผิดอีกฝ่าย แม้จะยังไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับอีกคนมากนัก แต่อาการอย่างการหลบสายตาคู่สนทนาแบบนี้ มันเป็นอะไรที่พื้นฐานมากสำหรับคนที่คิดจะโกหกหรือปิดบังอะไร

     

    “เดรโก”

     

    เจ้าของชื่อพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยอย่างจำยอม เขาหันซ้ายขวามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวงก่อนจะหันมาสบตาคนตรงหน้า

     

    “ห้องนายฉันขึ้นไปได้รึเปล่า”

     

    หอชายไม่ได้มีกฎเยอะเท่ากับหอหญิง แฮร์รี่สามารถพาเดรโกขึ้นมายังห้องของเขาได้อย่างสบาย โชคดีที่รอนเหมือนจะอยู่ในห้องของเจ้าตัว เพราะถ้าหากเจ้าตัวอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแทนคาดว่าจะได้ห้องแตกกันพอดีเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่พาใครเข้ามาในห้องด้วย

     

    “ว่ามาได้แล้ว”

     

    คนใจร้อนว่าอย่างฉุนๆ เล็กน้อย เขาจัดการล็อคประตูห้อง เดินไปปิดม่านหน้าต่างให้เรียบร้อย ตอนนี้ในห้องของเขาจึงมืดครึ้มลงไปพอสมควร – เขารู้ว่าเดรโกชอบห้องมืดๆ แบบนี้

     

    แฮร์รี่ทิ้งตัวนั่งลงข้างคนที่นั่งกุมมืออยู่บนเตียง เดรโกมีสีหน้าลำบากใจ แต่เหมือนเขาก็พร้อมที่จะเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้ว

     

    “แหวนนี่ คือแหวนประจำตัวของแวมไพร์แต่ละคน แวมไพร์ยุคหลังอย่างเราจำเป็นต้องมีมันเพื่อกักเก็บพลังส่วนเกินเอาไว้”

     

    คนฟังเบิกตากว้าง ดวงตาเหลือบมองดูแหวนบนนิ้วของตัวเองซึ่งกำลังถูกกอบกุมโดยเจ้าของที่แท้จริงอยู่

     

    “ล แล้วนายเอามาให้ฉันใส่ทำไมเนี่ย!” แฮร์รี่แหวออกมาเสียงดังอย่างลืมตัวจนต้องยกมือปิดปาก

     

    เดรโกมีสีหน้าเรียบเฉย เจ้าตัวกุมมือทั้งมือของแฮร์รี่เอาไว้

     

    “ก็อยากให้ส่วนหนึ่งของฉัน เป็นของนาย”

     

    ความร้อนเกาะกุมขึ้นมาตามข้างแก้ม ลำคอลามไปถึงใบหูของแฮร์รี่อย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาสีเขียวเบิกโตกว่าเดิมจนดูน่าขัน เดรโกหยัดยิ้มที่มุมปากกับท่าทางของคยตรงหน้า ริมฝีปากอิ่มพะงาบไปมา แต่เดรโกไม่เปิดโอกาสให้แฮร์รี่ได้พูด

     

    “ไม่ว่าไอ้หมอนั่นเป็นใคร อย่าเข้าใกล้มันอีกได้ไหม” ท่าทางของเดรโกเปลี่ยนมาจริงจังมากขึ้นทันที “ที่นายรู้สึกกังวลแล้วส่งมาถึงแหวนน่ะ เพราะเราเชื่อมกันด้วยเลือดแล้ว รายละเอียดกว่านั้นไว้ฉันจะบอกทีหลัง แต่ไม่ใช่แค่นายที่รู้สึกแย่แล้วส่งไปถึงแหวน แหวนก็ส่งความรู้สึกนั้นมาถึงฉัน”

     

    “ทุกอย่าง..เลยเหรอ?” แฮร์รี่ถามหน้าตาตื่น

     

    เดรโกหัวเราะ เขารู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้ามากขึ้น “ไม่หรอก มันไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้น ต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ น่ะ”

     

    แฮร์รี่พยักหน้ารับอย่างโล่งใจ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าหากเดรโกจะรับรู้ทุกความรู้สึกของเขา วันหนึ่งเขามั่นใจตัวเองค่อนข้างหลายอารมณ์ หยุมหยิมใจจะตายไป

     

    “เก็บมันไว้ดีๆ ล่ะ”

     

    “แต่..ถ้ามันเก็บพลังของนายด้วย ก็หมายความว่าถ้ามันพัง...”

     

    “ฉันเชื่อว่านายปกป้องมันได้” ว่าพลางกุมมือที่เย็นลงของแฮร์รี่ให้แน่นขึ้น

     

    คนตัวเล็กยังมีสีหน้ากังวล ดวงตาที่มีสีเขียวกันกับอัญมณีด้านบนแหวนฉายแวววิตกอย่างเห็นได้ชัด เดรโกขยับเข้าชิดแล้วดึงร่างตรงหน้าให้ซบลงกับอกของตัวเอง

     

    แฮร์รี่หลับตาลงขยับตัวหามุมพิงที่ดีที่สุด ถ้าเดรโกเชื่อว่าเขาจะสามารถดูแลมันได้ เขาก็จะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาก็จะปกป้องมัน

     

    ..............

     

    สี่ห้าวันให้หลังเดรโกก็ยังคงไม่เข้าใกล้แฮร์รี่เท่าที่ควร ทั้งยังหายหน้าหายตาไปจากโรงเรียนในบางช่วงเวลา ข่าวเรื่องคนถูกทำร้ายยังคงมีมาเรื่อยๆ และน่ากังวลเมื่อสี่ห้าวันมานี้มันกลับมารุนแรงอีกครั้ง

     

    สิ่งที่แฮร์รี่กังวลกลับไม่ใช่เรื่องที่เดรโกเมินเขาหรือหายตัวหรือข่าวการถูกทำร้ายนั่น เพราะเขาไม่ได้ออกไปจากหอเลยหลังจากเลิกเรียนตามคำขอร้องที่เดรโกว่าไว้ แต่สิ่งที่มันรบกวนใจเขาก็คือ เขารู้สึกเหมือนมีสายตาคอยจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา

     

    ไม่ใช่สายตาแบบที่มาอย่างเป็นมิตรด้วย

     

    มันไม่เหมือนตอนอย่างที่เดรโกเคยตามติดเขาในช่วงก่อน ครั้งนี้มันดูเต็มไปด้วยความรู้สึกแย่งชิงและน่าสะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก

     

    เหมือนตอนที่ทอม ริดเดิ้ลเคยมองเขาครั้งหนึ่ง

     

    เย็นวันนี้สามหน่อนั่งกันที่ใต้ตึกเรียนเช่นเคย รอนสมาธอจดจ่อกับการ์ตูนในมือ เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งทำการบ้านของเธอต่อไป ส่วนแฮร์รี่นั้นกำลังนั่งกวาดตาไปรอบๆ

     

    ที่โต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนของเดรโกนั่งอยู่กลับไร้เงาของเจ้าของเส้นผมสีบลอนด์คนนั้น แฮร์รี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็อาจะเล็ดรอดหูของเพื่อนสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามได้ ใบหน้าสวยเงยขึ้นจากงาน เธอหันไปตามสายตาของแฮร์รี่จนพบกับโต๊ะของเด็กข้างห้องซึ่งมีพาร์กินสันและซาบินีนั่งอยู่

     

    “แฮร์รี่ มีอะไรรึเปล่า ฉันเห็นเธอมองไปทางนั้นนานแล้วนะ”

     

    เด็กหนุ่มผมดำสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาหลังกรอบแว่นกลอกซ้ายขวาไปมาอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ไม่” ก่อนที่จะรีบก้มหน้าหลบลงทำทีสนใจงานในมือแทนทั้งที่ไม่ได้มีสมาธิจดจ่อกับมันเท่าไหร่เลย

     

    แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เชื่อคำพูดนั้น เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สมุดการบ้านถูกปิดลงและดันไปข้างๆ แทน แฮร์รี่เหลือบมองมันทีหนึ่งก่อนจะช้อนสายตามองเพื่อนสาวตรงหน้าที่กำลังมีสีหน้าจริงจังจ้องมาทางเขา

     

    “เราเป็นเพื่อนกันนะแฮร์รี่” น้ำเสียงตึงเครียดของเธอเรียกให้รอนที่เอาแต่อ่านการ์ตูนข้างๆ ถึงกับต้องลดมันลงแล้วหันมามองคนข้างกายสลับกับเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

     

    แฮร์รี่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีกับคำพูดนี้ของเฮอร์ไมโอนี่ เขาเข้าใจดีและรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของเพื่อนสาว แต่เขาก็ยังไม่พูดมัน มันทั้งเป็นเรื่องของความลับปนเปไปกับความน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าคนตรงหน้าเขาจะเชื่อในเรื่องของแวมไพร์ก็เถอะ

     

    “ฉัน...ไม่รู้ว่าควรพูดไหม” แฮร์รี่อ้ำอึ้ง เขากำปากกาในมือแน่นแล้วก้มหน้าลง “จริงๆ นะ มันพูดยากน่ะ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง แปลก”

     

    “ไม่ไว้ใจพวกเรา?”

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! ต แต่..มันเป็นเรื่องของมัลฟอยด้วย”

     

    “โอ้ตายล่ะ”

     

    “ห๊า เกี่ยวไรกับหัวซีดนั่นอะ”

     

    แฮร์รี่ตวัดตาดุๆ มองไปยังรอนทันที เด็กผมแดงเสียวสันหลังวาบขึ้นมาก่อนจะรีบหลบสายตาจากเพื่อนตัวเองไปอีกทาง

     

    “เอางี้นะแฮร์รี่ ฉันเห็นเธอไม่สบายใจมานานแล้ว จริงๆ ฉันสังเกตเห็นมานานแล้วนะกับมัลฟอยน่ะ พวกเธอ...ไมได้ทะเลาะกันแบบทุกที สายตาเธอตอนมองเขาไม่เหมือนเดิม แม้แต่เขาเองก็ด้วย”

     

    รอนทำท่าจะแย้งขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นๆ ของเจ้าตัว แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็หันไปตวัดตามองจนรอนต้องจำยอมปิดปากเงียบอย่างช่วยไมได้

     

    “ไม่ได้จะใช้ความเป็นเพื่อนบังคับให้เธอพูดนะ แต่เพื่อนสนิทอย่างเราก็มีไว้เพื่อปรึกษาเรื่องทุกข์ใจกันไม่ใช่เหรอ เห็นเธอเครียดแบบนี้เราก็ไม่สบายใจ”

     

    เพื่อนอีกคนพยักหน้าหงึกคล้ายเห็นด้วยกับเด็กสาวข้างกาย แฮร์รี่ผ่อนลมหายใจช้าๆ อย่างจำยอม เขาหลุบตาลงเล็กน้อย แม้จะยังลังเลอยู่บ้างก็ตามทีแต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากเล่าโดยระวังไม่ให้คนอื่นได้ยินให้มากที่สุด

     

    หลังจากฟังเรื่องราวจากปากของแฮร์รี่จบ ปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสองไม่ได้ต่างไปจากที่แฮร์รี่คาดไว้มากนัก โดยเฉพาะรอนที่ลืมตาอ้าปากค้างตัวแข็งไปแต่แรกแล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องราวหลังจากนั้นจะพอได้ฟังหรือไม่ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าตกใจในตอนแรกที่ได้ทราบเรื่องก่อนจะกลับมาเรียบนิ่งและตั้งใจจนจบ และแฮร์รี่สังเกตเห็นด้วยว่าเฮอร์ไมโอนี่ดูมีแววตาของความตื่นเต้นแฝงอยู่ในนั้นด้วย

     

    หลังจากเงียบกันไปอยู่นาน เฮอร์ไมโอนี่ก็เปิดปากเอ่ยก่อน “แล้วนี่ จะเอายังไงต่อ?”

     

    แฮรี่เองก็ตอบไม่ได้ว่าเขาควรทำยังไงต่อ เพราะเดรโกไม่ได้บอกอะไรเขามากนอกจากให้ระวังตัวและอยู่ให้ห่างจากคนที่ทำให้ไม่สบายใจมากที่สุด นัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองไปยังโต๊ะที่ห่างไปไม่ไกลนัก ก่อนจะพบว่าเด็กสาวเพียงหนึ่งในกลุ่มนั้นกำลังมองมาทางเขาก่อน เธอพยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วหันไปคุยกับเพื่อนต่อ

     

    พาร์กินสันก็เป็นแวมไพร์อีกคนนีนะ

     

    เด็กหนุ่มผมดำแยกตัวจากเพื่อนเพื่อไปหาหนังสือยืมเพิ่มและคืนเล่มเดิมที่ห้องสมุด แต่เมื่อออกมาจากห้องสมุดก็พบว่ามืดแล้ว แต่ในรั้วโรงเรียนของเขาเองแบบนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลอยู่แล้ว แฮร์รี่คิดดังนั้นแล้วเดินทอดน่องไปตามทางกลับหอ

     

    ในเส้นทางที่เขาคิดว่าจะปลอดภัย จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นสีดำพร้อมกับสติที่ดับวูบลง

     

    ...........

     

    เด็กหนุ่มผมแดงกำลังหัวเสียอย่างหนัก เขาเดินงุ่นง่านอยู่หน้าห้องเรียนห้องหนึ่งอยู่ร่วมสิบนาทีแล้ว ใกล้ๆ กันนั้นมีเด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูอีกคนยืนทำหน้าหวั่นวิตกอยู่ใกล้ๆ กัน

     

    เสียงเซ็งแซ่จากในห้องที่เขาเดินวนอยู่ดังขึ้น ดึงความสนใจของรอนให้สนใจไปที่ประตูห้องทันที แล้วเมื่อครูเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง เขาก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องเรียนนั้นทันทีแบบที่เฮอร์ไมโอนี่ก็คว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน

     

    “มัลฟอย!!!

     

    เสียงแข็งกร้าวของวีสลีย์ดึงความสนใจเด็กทั้งห้อง ทุกสายตาหลายสิบคู่ต่างหันมาพรึบเดียว รอนไม่ได้สนใจมากนัก เขากวาดมองไปทั่วห้องหวังจะเจอสาตาหยามเหยียดและท่าทางรำคาญใจที่เดรโก มัลฟอยมักชอบจะทำใส่เขา – แต่กลับไม่เจอ

     

    “มัลฟอยอยู่ไหน”

     

    “ใจเย็นก่อนรอน”

     

    เด็กสาวผมฟูรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนของเพื่อนสนิททันทีเมื่อเขากำลังพุ่งตัวเข้าไปประชิดเด็กสาวอีกคนที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล – แพนซี่ พาร์กินสัน รอนหยุดชะงักตามแรงดึงจากเฮอร์ไมโอนี่ แต่แววตาของเขายังคงไม่ละออกจากใบหน้าเรียบนิ่งของพาร์กินสัน ดวงตาฉายแววกรุ่นโกรธและแผ่รังสีหาเรื่องจนคนที่อยู่ใกล้ๆ พากันถอยออก

     

    “มีธุระอะไรวีสลีย์” เป็นชายร่างสูงผิวเข้มที่เดินเข้ามาขวางระหว่างรอนและโต๊ะของแพนซี่

     

    “มี! สำคัญมากด้วย โดยเฉพาะที่คนอย่างเธอต้องรับรู้ไว้ด้วย!

     

    แพนซี่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินรอนพูดดังนั้น คำพูดที่รอนเน้นย้ำเมื่อครู่มีบางอย่างสะกิดใจเธออยู่ไม่น้อย แล้วยิ่งบวกกับที่อีกฝ่ายตะโกนถามหาเดรโกอย่างเดือดดาลนั่นอีก

     

    “ตามมา” แพนซี่ว่าเท่านั้นแล้วรีบลุกขึ้นเดินนำออกไปทันที

     

    รอน เฮอร์ไมโอนี่และเบลสพากันเดินตามแพนซี่มาจนถึงริมสุดของตึกซึ่งไม่มีใครเดินผ่านมา เด็กสาวผมดำกอดอกเชิดคางขึ้นจ้องเขม็งไปยังคนที่ทำให้เธอต้องถ่อออกมาถึงตรงนี้

     

    “มีอะไรก็รีบพูดมาวีสลีย์ ฉันมีเวลาไม่มาก”

     

    บรรยากาศโดยรอยตึงเครียดขึ้นมาทันที เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าจับแขนของรอนไว้แน่น เธอไม่รู้ว่าต้องเริ่มพูดอย่างไร แล้วเธอก็ไม่ค่อยอยากจะเสวนากับแพนซี่มากอีกด้วย

     

    รอนจ้องตอบเด็กสาวที่ยืนเชิดหน้ามากขึ้น เบลสเองก็ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นด้วยกลัวว่ารอนจะทำอะไรเพื่อนของเขาเช่นกัน รอนมองอย่างกรุ่นๆ แล้วเปิดปากเสียงกร้าว

     

    “หึ เธอได้เสียเวลาทั้งชีวิตของเธอต่อจากนี้แน่ถ้าเกิดว่าเธอไม่คิดจะช่วยเพื่อนฉันที่หายตัวไปให้กลับมา!

     

    ...........

     

    ร่างสูงในเสื้อผ้าสีหม่นกำลังจ้องมองร่างหนึ่งซึ่งถูกมัดตึงแขวนไว้กับเสาด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น

     

    หญิงสาวเส้นผมสีดำฟูหยักศกซึ่งยืนเยื้องหลังเล็กน้อยกำลังสอดส่องสายตามองไปยังร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกแขวนอย่างสนอกสนใจ เธอจีบปากจีบคอไปมาคล้ายอยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่ก็ตัดสินใจไม่พูดอยู่นาน จนกระทั่งร่างสูงเอ่ยปากขึ้นมาแทน

     

    “มีปัญหาอะไร”

     

    เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วขยับไปใกล้ชายตรงหน้ามากขึ้น ดวงตาของเธอยังคงมองสำรวจไปทั่วร่างกายตรงหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างลังเล

     

    “เราจับตัว..เด็กนี่มาทำไม”

     

    ทอมกลอกตา เขาตวัดตาสีน้ำตาลเข้มไปที่เธอจนหญิงสาวสะดุ้ง เธอยู่ปากม่อยหน้าลงหลบสายตาดุๆ นั่นแล้วบิดตัวไปมา

     

    “ไม่เคยได้ยินเหรอ อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือน่ะ” ทอมว่าเสียงเรียบนิ่ง “แต่ครั้งนี้เราไม่ได้อยากได้ลูกเสือ แต่เป็นตัวเสือเลยต่างหาก”

     

    “เดาว่าเด็กนี่คือลูกเสือที่เอาไว้ล่อ?”

     

    เสียงหัวเราะในลำคอของทอมคือคำตอบแทน เขาขยับเข้าไปใกล้ร่างที่ซีดขาวลงกว่าเดิมด้วยพลังการสะกดจากเขาเอง ก่อนจะเหลือบสายตาไปยังมือข้างซ้ายของเด็กตรงหน้าที่มีสิ่งที่เขาต้องการสวมใส่ไว้อยู่

     

    “กลิ่นนี่มัน..”

     

    “ใช่ พลังส่วนหนึ่งของทายาทแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์”

     

    หญิงผมฟูยิ้มสยองออกมา แววตาดูระริกระรี่ขึ้นมาทันตา เธออ้อมตัวไปยืนตรงหน้าช่วงแขนซ้ายของแฮร์รี่ แสงสีเขียวจางๆ จากแหวนรวมถึงกลิ่นที่เธอสัมผัสได้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น

     

    “เราจะทำลายมัน! แล้วมันก็จะไม่มีพลัง!!

     

    ทอมยกยิ้มอย่างคนมีชัย สองแขนยกขึ้นกอดอกแล้วตวัดตามองร่างที่ยังสลบแน่นิ่ง สงสารก็สงสารอยู่หรอก แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาเคยเตือนแฮร์รี่ไปแล้วว่าให้เลิกยุ่งเสียแต่แรก แต่ในเมื่อยังดื้อดึงที่จะเดินหน้ามันไปต่อ ลูกเสือที่ยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ดีพอก็ต้องถูกรังแกเป็นธรรมดา

     

    หมาป่าอย่างเขาชักอยากจะรู้เสียแล้วว่าเสือตัวเต็มวัยนั่นจะทำอย่างไร

     

    ...........

     

    “นี่มันบ้าชัดๆ เลยนะ”

     

    เสียงแหลมเล็กดังขึ้นอย่างหวาดระแวง ใบหน้าสวยใต้เส้นผมที่ถูกมัดรวบตึงบนศีรษะกำลังมองไปรอบๆ เพื่อคอยสอดส่องระวังว่าจะมีใครเห็นพวกเขาหรือไม่

     

    “ก็เจ้าหนูมัลฟอยยังไม่รู้ไม่ใช่รึไง”

     

    “ฉันถึงบอกไงว่าให้บอกเขา”

     

    “เธออย่าลืมสิว่าที่พวกมันทำแบบนี้ก็เพื่ออะไร พาร์กินสัน”

     

    แพนซี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาของเธอฉายแววไม่พอใจเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินตามเฝ้าหลังของเซดริกไว้ ในขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆ ย่องไปด้านหน้าด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา

     

    เซดริกพึมพำเบาๆ ว่าเขาเริ่มได้กลิ่นของแฮร์รี่ ทั้งคู่ขยับชิดกันมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเริ่มเข้าใกล้พื้นที่ของพวกมนุษย์หมาป่ามากขึ้น

     

    “พวกนั้นมันก็จมูกดีเหมือนกัน คิดว่ามันจะไม่ได้กลิ่นเราก่อนรึไง”

     

    “ใส่นี่”

     

    เด็กสาวรับเสื้อขนสัตว์ดูฟูนุ่มมาถือไว้ในมือ ขนสัตว์ที่ว่าเหมือนจะเป็นขนหมาป่า แพนซี่ทำหน้าแหยงขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าเธอจะต้องใส่อะไรที่มีวัตถุดิบของพวกมนุษย์หมาป่าที่เธอแสนรังเกียจแบบนี้ และเหมือนว่าเซดริกจะรู้ถึงความคับข้องใจของเด็กข้างกายเขาจึงหันไปกำชับหนักแน่นอีกรอบจนแพนซี่ต้องจำยอม

     

    แฮร์รี่ที่ซึ่งยังถูกแขวนอยู่ข้างในปรือตามองไปยังคนที่จับตัวเขามาด้วยสายตาขุ่นเคือง ต้องบอกว่าสามวันมานี้ที่เขาถูกขึงอยู่กับเสาบ้าๆ แฮร์รี่ก็จะทำสายตาแบบนี้อยู่เสมอ แต่คนที่ได้รับสายตานี้จากแฮร์รี่กลับไม่ได้สะทกสะท้านเท่าไหร่ เขาเดินวนเวียนไปมาโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากแหวนที่นิ้วกลางซ้ายของแฮร์รี่สักนิด

     

    “ฉันว่านายเลิกทรมานตัวเองดีกว่าแฮร์รี่ ก่อนจะเจ็บตัวไปมากกว่านี้”

     

    “อย่ามาเรียกชื่อฉัน!

     

    เด็กหนุ่มเค้นฟันตวาดออกไปแม้จะรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งอกซ้ายแล้วก็ตาม

     

    ทอมพยายามที่จะถอดแหวนออกจากนิ้วเขามาตลอดสามวันแล้ว แต่มันก็ล้มเหลว ไม่รู้ว่าเดรโกใช้เวทมนตร์อะไรในการที่จะทำให้แหวนถูกถอดออกไปจากนิ้วของแฮร์รี่ไม่ได้ถ้าหากแฮร์รี่ไม่ยินยอม

     

    ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าถูกจับมาเพราะเหตุผลอะไรก็แทบจะสติแตกเมื่อคิดว่าตัวเขาที่ถูกจับมัดแบบนี้จะไปขัดขืนอะไรได้ และคิดว่าแหวนคงถูกถอดออกในไม่ช้า แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นดังที่ทอมหวังนักเมื่อเจอกับการป้องกันที่เดรโกวางไว้ แฮร์รี่ยิ้มเยาะเย้ยทันที

     

    แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้แฮร์รี่ต้องโดนพวกหมาป่าทั้งหลายเข้ามาสร้างบาดแผลตามตัว ตอนนี้ช่วงไหล่ซ้ายถึงหน้าอกของแฮร์รี่เป็นแผลทางยาวของการโดนเล็บของหมาป่าข่วนลงมาลึกถึงชั้นเนื้อ

     

    ความรู้สึกเหมือนแขนซ้ายของเขากำลังจะหลุดออกไปอย่างไรอย่างนั้น แต่แฮร์รี่ก็ไม่คิดที่จะตัดใจยอมยกแหวนให้เด็ดขาด

     

    “ดื้อด้านจริงๆ” ทอมกดสายตามองคนที่หอบหายใจอยู่บนเสาด้วยสายตาเรียบเฉย เขาเดินเข้าไปประชิดตัวของแฮร์รี่มากยิ่งขึ้น ใบหน้าราบเรียบเริ่มแปรเปลี่ยนไปจนแฮร์รี่อดถลึงตามองไม่ได้

     

    ตัวยังเป็นปกติดังเดิม แต่ส่วนใบหน้าค่อยๆ แหลมยาวออก ใบหูที่เคยอยู่ข้างศีรษะพลันปรากฏขึ้นบนศีรษะแทน มือทั้งสองข้างของทอมยื่นยาวออกจนกลายเป็นอุ้งมือของสุนัขหมาป่า ขนาดของมือใหญ่กว่าหน้าแฮร์รี่ไปพอสมควร ทั้งยังเล็บที่ดูแหลมคม แฮร์รี่มองการเปลี่ยนแปลงนั่นพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน

     

    “อ๊ะ!!

     

    ไม่ทันให้แฮร์รี่ได้เตรียมใจว่าทอมคิดจะทำอะไรกับเขา ฝ่ามือใหญ่ๆ ของทอมพลันบีบเข้าที่ลำคอของแฮร์รี่อย่างแรงจนใบหน้าขาวที่ซีดลงของแฮร์รี่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะเริ่มซีดจางลงจนจะเขียวเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ

     

    “อึก! อือ...”

     

    “ส่งแหวนมาสิ”

     

    “ฝัน..เหอะ”

     

    แฮร์รี่เค้นลมหายใจที่พอมีเล็กน้อยตอบออกไป ดวงตาหลังกรอบแว่นมองหมาป่าตรงหน้าด้วยสายหยามเหยียด แฮร์รี่กำมือซ้ายตัวเองแน่นคล้ายจะยืนยันในคำพูดของตัวเองว่าจะไม่มียกแหวนให้

     

    เขาสัญญาแล้วว่าจะดูแลแหวนนี่อย่างดี และถ้าในเมื่อนี่มันคือแผนที่ตั้งใจจะล่อและทำลายเดรโกของคนตรงหน้า แฮร์รี่ไม่มีทางที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายทำได้สำเร็จแน่นอน

     

    “ฉันว่า ฉันหมดความอดทนกับเธอแล้วล่ะ”

     

    ทอมว่าเสียงเย็นเยียบ แฮร์รี่รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที เลือดในกายเดือดพล่านด้วยความกลัว ใช่ เขากลัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดที่จะยอมยกแหวนให้อย่างง่ายดายแน่นอน เขาไม่มีวันยอมให้หมาป่าตรงหน้าไปทำอะไรเดรโกได้เด็ดขาด!

     

    เสียงหัวเราะจากผู้หญิงที่ยืนเยื้องหลังทอมไปสร้างความรำคาญใจให้แฮร์รี่ไม่น้อย เขาเกลียดยัยผมดำฟูตรงหน้ามากถึงมากที่สุด เพราะหล่อนคือหนึ่งในคนที่ชอบมาทรมานเขาด้วยการฝากฝังรอยเล็บทั้งหลายไว้บนร่างกายของเขา ราวกับพวกโรคจิตที่ชื่นชอบการทรมานร่างกายคนอื่น

     

    มือข้างที่กำคอของแฮร์รี่คลายออก เด็กหนุ่มไอโครกออกมา แต่ไม่ทันที่เขาจะได้โกยอากาศเข้าปอด ความรู้สึกเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีดกระชากให้ขาดก็เข้าไปมาแทรกในทุกอณูเส้นประสาท

     

    “อ๊ากกกก!

     

    แฮร์รี่อ้าปากร้องลั่นทันที เมื่อเล็บคมทั้งห้าของทอมตวัดลงบนร่างกายของเขา ซ้ำรอยเดิมที่ช่วงไหล่ซ้ายลามลงไปถึงหน้าท้องอย่างแรง เขารู้สึกเหมือนว่าไหล่หรือแขนของเขาพร้อมจะหลุดออกไปจากร่างกายแล้ว ร่างกายของแฮร์รี่กระตุกเกร็งอย่างแรงพร้อมกับหยาดเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาจาตามแรงข่วนจนเปรอะเข้าที่ใบหน้าของหมาป่าฝั่งตรงข้าม

     

    ทอมตวัดลิ้นของเขาขึ้นเลียหยดเลือดของแฮร์รี่ที่เปื้อนตรงมุมปากตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มออกมา

     

    “มิน่า เดรโกมันถึงได้ติดใจแก”

     

    คำพูดของทอมแทบไม่ได้เข้าไปหูของแฮร์รี่อีกแล้ว ความเจ็บปวดกำลังแล่นไปทั่วร่างเขาจนแทบขาดสติ ยิ่งรวมกับเลือดที่เสียไปจากรอยแผลเขาก็ยิ่งมึนเบลอจนแทบประคองสติไม่อยู่

     

    “รีบทำให้มันจบเถอะ”

     

    เสียงปรบมือและเสียงหวีดร้องยินดีจากหมาป่าตัวอื่นๆ พากันดังลั่นออกมา

     

    ดวงตาสีเขียวกัดฟันและจ้องหมาป่าตรงหน้าเขม็ง มือยังพยายามกำแน่นให้มากที่สุดจนทอมที่เห็นดังนั้นเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเก่า

     

    ใบหน้าของหมาป่าพุ่งเข้ามาอย่างเร็วโดยที่แฮร์รี่ไม่ทันตั้งตัว เขี้ยวแหลมหลายซี่ฝังลงที่ไหล่ซ้ายของเขา ทอมกัดลงไปอย่างแรงและออกแรงดึงกระชากเหมือนจะทำให้ไหล่นั้นหลุดออกมาเสียให้ได้

     

    น้ำตาที่แฮร์รี่พยายามกลั้นไว้ไหลทะลักออกมา ความเจ็บมหาศาลแล่นไปทั่วจนเขาร้องไม่ออก ในหัวของเขานึกถึงร่างสูงผมบลอนด์ที่ตอนนี้อาจจะกำลังจัดการกับหมาป่าตัวอื่นที่ไหนสักแห่งในโลกนี้ ลึกๆ ในใจแม้จะหวังว่าคนที่มาช่วยเขาจะเป็นเดรโกแต่อีกใจก็ภาวนาว่าอย่ามาจะดีเสียกว่า

     

    เสียงประตูหลุดดังโครมครามจากด้านนอกเรียกให้ทอมถอนฟันและใบหน้าออกจากไหล่ของแฮร์รี่ทันที เมื่อสิ่งที่เคยขบกัดลงมาบนร่างหลุดออกไป เลือดมากมายก็พากันไหลซึมออกมาจากปากแผลทันที

     

    “บ้าอะระ..”

     

    ไม่ทันที่ทอมจะได้เอ่ยถามจนจบ วัตถุสีเงินยวงพลันบินเฉี่ยวโฉบผ่านหน้าของทอมไป ทิ้งไว้เพียงรอยแผลทางยาวที่ข้างเขาเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้มนุษย์หมาป่าอย่างเขาสะดุ้งโหยง เบิกตาโพลง และนิ่งค้างไปชั่วครู่เมื่อแค่แผลเล็กๆ นั่นกำลังส่งเสียงฉ่าออกมาเบาๆ พร้อมกับควันจางๆ และแผลที่เริ่มกว้างกว่าทีแรก

     

    “มีดเงิน!

     

    หญิงสาวผมดำฟูตะโกนแหวออกมาเมื่อเห็นแผลที่ใบหน้าของทอม เธอตวัดมองไปยังจุดที่มีดบินปักอยู่ก่อนจะพบว่าด้านหลังร่างของแฮร์รี่ พอตเตอร์มีร่างของเซดริก ดิกกอรี่ แวมไพร์ลูกผสมกำลังถอนมัดออกจากข้อมือของแฮร์รี่ได้เรียบร้อยแล้วและเขากำลังส่งยิ้มเย้ยหยันให้กับเธอ

     

    “แก! ไอ้แวมไพร์หน้าโง่!!

     

    เบลาทริกซ์ตวาดออกมาพลางรีบกระโจนตัวจะพุ่งไปยังเสาที่มีร่างของเซดิกและแฮร์รี่อยู่ แต่ก้าวขาไปได้เพียงหนึ่งก้าว เธอก็ต้องชะงักและทรุดลงไปกับพื้นอย่างแรง เมื่อมีอะไรบางอย่างบินเข้ามาปักที่ต้นขาด้านหลังของเธอได้อย่างพอดี

     

    เสียงหวีดร้องของหล่อนดึงความสนใจจากทอมที่กำลังมองเหยื่อของเขากำลังจะหลุดมือไป มีดบินเงินแท้อีกเล่มปักอยู่ที่ต้นขาของเบลาทริกซ์ เธอกรีดร้องให้กับความทรมานที่ได้รับ มีดเงินกำลังทำลายเนื้อหนังของเธอจนพุพอง

     

    เขาไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ เมื่อหันไปทางเสาที่เคยมีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกมัดตรึงไว้ หายไปเสียแล้ว

     

    เบลาทริกซ์กระชากมีดที่ปักตรงต้นขาของเธอออกอย่างแรง เสียงสุกไหม้ของเนื้อดังทั่วบริเวณ เธอยังคงกรีดร้องด้วยความทรมานและพยายามจะกุมแผลไปด้วย

     

    “ขอบคุณ แต่ขอรับคืนไปก่อนล่ะ”

     

    เสียงทุ้มต่ำแสนน่าโมโหที่ทอมคุ้นเคยดีดังขึ้นใกล้ๆ เขาเห็นเงาดำไวๆ ขยับมาโฉบใกล้ตัว ก่อนที่มีดบินซึ่งตกอยู่ไม่ไกลบนพื้นจะหายวับไปทันที

     

    “แก.. เซดริก!! เวรเอ๊ย!!!

     

    ทอมได้แต่ส่งเสียงเกรี้ยวกราด พลังของเขาระเบิดออกมาส่วนหนึ่งจนของภายในห้องพากันแตกกระจายระเบิดออก หญิงสาวที่นั่งทรมานกับบาดแผลจากมีดเงินพลันเงียบปากลงไปทันทีกับความน่ากลัวของคนตรงหน้า แม้จะเจ็บแผลแค่ไหน ก็ทำได้เพียงกัดปากตัวเองเพื่อบรรเทาไปเท่านั้น

     

    .

    .

    ไกลออกจากจุดรวมตัวของพวกมนุษย์หมาป่ามาถึงจุดนัดพบ แวมไพร์สาวค่อยๆ ชะลอความเร็วในการเคลื่อนที่ของตัวเอง เธอจัดการประคองร่างของชายที่เธอพามาด้วยไว้ในแขนของเธอ ใบหน้าขอแฮร์รี่บิดเบี้ยวและซีดลงไปมากโขทั้งเพราะการบาดเจ็บและเสียเลือดจำนวนมาก

     

    แพนซี่ส่ายหน้าไปมาอย่างคนคิดไม่ตก เธอเงยหน้ามองไปทางที่จากมาเพื่อหวังว่าใครอีกคนที่ยังไม่กลับมาจะรีบตามมาโดยเร็ว

     

    “แหวน..”

     

    “แหวนยังอยู่ดีพอตเตอร์ ใจเย็นๆ”

     

    เธอสังเกตเห็นในเสี้ยววินาทีว่าคนในวงแขนของเธอกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะกลับไปมีสีหน้าทรมานต่อ แพนซี่ควานหาผ้าขนหนูในกระเป๋าของเธอออกมาก่อนจะกดมันลงปากแผลใหญ่ของแฮร์รี่ที่เลือดยังออกมาไม่หยุดเพื่อที่จะห้ามเลือด

     

    ในไม่ช้าร่างของเซดริกก็ถลาพุ่งเข้ามาจากทิศทางก่อนหน้านี้และหยุดลงข้างแพนซี่แบบพอดิบพอดี ดวงตาสีเทาเข้มกวาดมองสภาพของรุ่นน้องที่นอนหายใจหอบแรงด้วยความกังวล แล้วการปฐมพยาบาลก็เริ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    ทั้งสองคาดไว้พอสมควรว่าตัวเองจะต้องมาช้าเกินไปสำหรับการที่แฮร์รี่จะต้องถูกทรมานจนมีแผล แต่พวกเขายังมาได้ทันเวลาก่อนที่แฮร์รี่จะต้องเสียแหวนให้หมาป่านั่นไป

     

    “โอเคแล้วล่ะ” เซดริกว่าพลางปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดมาตามใบหน้าและลำคอเมื่อจัดการกับบาดแผลฉกรรจ์เรียบร้อย

     

    ใบหน้าของแฮร์รี่ดูดีขึ้นเล็กน้อยเพราะเลือดที่หยุดไหล แต่ไม่ได้จัดว่าดีมาก อีกฝ่ายหลับไปแล้วเพราะอาการเพลียจากการเสียเลือดมาก และบาดแผลที่ยังไม่ได้รับการรักษาที่ดีนัก ไหล่ของแฮร์รี่เกือบอวสานจากตัวอยู่แล้วถ้าพวกเขาไปช้ากว่านี้ก็ไม่อยากจะนึกเลยสักนิด

     

    “ฉันต้องโดนเดรกบีบคอแน่ๆ” แพนซี่ว่าอย่างหวาดๆ ในขณะที่มองตามร่างของแฮร์รี่ที่ถูกเซดริกอุ้มขึ้น

     

    “แล้วเจ้าหนูนั่นไปไหน แหวนนี่ไม่ได้ส่งความรู้สึกไปรึยังไง”

     

    เด็กสาวคิดตามคำพูดของรุ่นพี่ที่เริ่มออกเดินช้าๆ คิ้วเรียวมุ่นเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องไปที่แหวนเงียบๆ

     

    “เป็นไปได้ไหมว่าพอตเตอร์จะปิดกั้นความรู้สึกตัวเองไว้”

     

    “....” เซดริกก้มมองคนที่หลับอยู่ “เขาทำงั้นได้ไง?”

     

    แพนซี่ยักไหล่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธอเองก็ไม่เคยลองใช้แหวนของเธอเองกับใครมาก่อน จึงไม่ได้รู้กลไกที่ซับซ้อนไปมากกว่าการฝากพลังของตัวเองไว้กับแหวน ทั้งสองเลิกถกปัญหานี้และรีบพากันเดินทางไปยังที่พักที่ใกล้ที่สุดเพื่อให้แฮร์รี่ได้พักเสียที

     

    ...........

     

    “เดรโก....”

     

    เสียงของแฮร์รี่ดังขึ้นอีกครั้งในหัวของแวมไพร์เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ขณะที่เขากำลังรีบรุดหน้าไปยังหอพักของเจ้าของเสียงในหัว ตอนนี้เดรโกกระวนกระวายใจไปหมด คิ้วเรียวขมวดยุ่ง สีหน้าดูกังวล ไร้มาดขรึมที่แสนเย็นชาดังทุกที

     

    สองสามวันมานี้เดรโกรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เขารู้สึกว่าพลังในตัวมันวูบไหวและอ่อนไหวแปลกๆ แต่เพราะภารกิจสำคัญที่เขาต้องกลับไปทำที่คฤหาสน์บังคับให้เขาต้องมีสมาธิกับมันให้มากที่สุด จนเดรโกต้องปัดความรู้สึกนั้นออกจากหัว

     

    มันค่อนข้างลำบากพอสมควร แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมันมาได้ แต่แทนที่เสร็จภารกิจของครอบครัวแล้วเขาจะได้รีบรุดหน้ากลับมาที่โลกมนุษย์ดีๆ กลับกลายเป็นว่ามีฝูงมนุษย์หมาป่าหลายสิบตัวเข้าจู่โจมคฤหาสน์ของเขาอย่างพร้อมเพรียง

     

    พวกมันดูงุนงงที่เดรโกดูปกติดี และแน่นอนว่าหมาป่าที่น่าสงสารทั้งหลายสิบตัวก็ถูกแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์คนนี้จัดการราบคาบในเวลาไม่ถึง 15 นาที

     

    ร่างสูงโปร่งพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าหอพักที่แสนคุ้นตาได้เป็นอันสำเร็จ ในขณะที่กำลังคิดว่าจะแอบเนียนขึ้นไปตามคนที่เดินขึ้นไปหรือจะใช้พลังแล้วแอบขึ้นไป สายตาก็สะดุดกลุ่มเส้นผมสีแดงที่พุ่งมาทางเขาไวๆ ด้านหลังกันนั้นก็มีกลุ่มผมสีน้ำตาลยุ่งฟูตามมาด้วย

     

    หมัดจากคู่กัดที่มักปะทะฝีปากกันของรอนลอยหวืดผ่านหน้าเขาไปฉิวเฉียด ดีที่พลังของเขาช่วยเอาไว้ทำให้ไม่ต้องรับหมัดนั่น รอนดูมีท่าทางรำคาญใจพอสมควรและกำลังจะพุ่งตัวมาใส่หมัดที่หน้าเขาอีกรอบ

     

    “รอนพอน่ะ! ต่อยเขาไปก็ไม่ได้ประโยชน์!!

     

    “มันสะใจ! อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้แหกหน้าไอ้หมอนี่หน่อยเหอะ!! กล้าดียังไงเอาแฮร์รี่ไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น แล้วตอนนี้ยังไง แทนที่มันควรจะไปช่วยเพื่อนเรา ทำไมมันยังเสนอหน้ามานี่ได้!!

     

    รอนว่าอย่างเหลืออด ดวงตาเต็มไปด้วยแววโกรธจัด เขาทำท่าจะพุ่งเข้าใส่เดรโกที่มีสีหน้าอึ้งไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเพื่อนสาวอีกคนรั้งแขนอีกข้างไว้สุดแรง

     

    “แฮร์รี่เป็นอะไร” เดรโกรีบเอ่ยถามทันที

     

    “เออ! นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากรู้จากนายเหมือนกัน! แฮร์รี่หายตัวไป ไอ้โง่หัวซีดเอ๊ย!!

     

    สิ้นประโยคของรอน เดรโกเบิกตาเพียงครู่เดียว แล้วทั้งรอนและเฮอร์ไม่โอนี่ก็ต้องพากันหลับตาปี๋ เมื่อกระแสลมเกิดพัดแรงขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งจนอากาศโดยรอบฟุ้งไปหมด

     

    เมื่อลืมตาขึ้นพบเพียงความว่างเปล่าว ไม่พบร่างของเดรโก มัลฟอยเสียแล้ว

     

    “มาให้ฉันต่อยนายก่อนเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ไอ้หน้าแหลมมัลฟอย!!


    _____________________________________________________________


    TALK !!


    ไปหวีดกันได้ที่ดีที่เดิมฮ้าบบบบบบ #WizDMHP

    แย้กกกกกกกก!! เข็นตอนนี้มาได้สักทีๆๆๆๆ ค่ะ ฮรื่อออออ จะลงตั้งแต่วันเกิดตัวเอง(20 กพ.) ซักหน่อยแต่เกิดอาการแลคในตัวเองจนเขียนไม่ออกเลยค่ะ ฮื่ออ ลากยาวมาจนถึงวันนี้ และวันนี้เขียนออกแล้วค่ะ! ฮืออออ

    ตอนนี้ว่าจะไคลแมกซ์ตามที่บอกไว้ในท้ายตอนก่อนไหม.. ก็รู้สึกว่าไม่นี่หว่า แค่พี่ทอมของเราแผลงฤทธิ์แล้วนะคะ และน้องก็ได้ถูกพี่ทอมเขากัดซะด้วยสินะ แค่กๆ ก็แบบว่าชายเดรกหายเข้ากลีบเมฆไปเลยย แต่อย่าเพิ่งด่าคุณชายเลยนะคะ เขามีหน้าที่ของเขาที่บ้านอยู่

    ตอนหน้าก็จะจบแล้วววว! ทับใจ!! ฝากติดตามด้วยนะคะ แงงง ชอบก็ไลค์ รักก็คอมเมนต์มานะคะ ทุกฟีดแบคมีค่าสำหรับเราค่ะ เม้าส์มาค่ะะ กรี๊ดมาค่ะะ จัดเต็มเลย


    น้องตอนหงุงๆ ตอบคำถามแม่เฮิร์มม

    ปล.ยังไม่ได้พรูฟคำผิดนะงับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×