ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #20 : (Short Fic) After Story [ 3 ]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      205
      20 มิ.ย. 62


    ☪︎ After Story ϟ

    Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

    Short Fic | Romantic | Drama

    [ 3 ]




    ____________________________



    สุดสัปดาห์นี้แฮร์รี่เลือกที่จะมาห้องสมุด หมกตัวทำรายงานวิชาปรุงยาที่เขาและคู่ทำพลาดในคาบ แต่ติดที่ว่าตอนนี้มีแฮร์รี่เพียงคนเดียวโดยไร้เงาคู่ของเจ้าตัวอย่างที่ควรจะเป็น แฮร์รี่ส่งจดหมายไปบอกแล้วแต่ก็ไม่ได้รับจดหมายตอบกลับมาแต่อย่างใด คิดว่านกฮูกของเขาไม่น่าพลาดเรื่องการส่งจดหมาย ก็คงเป็นนิสัยอีกฝ่ายเองเสียล่ะมั้งที่ไม่ส่งจดหมายตอบ

     

    แฮร์รี่พยายามตั้งสติกับตัวเองให้มากที่สุด ในหัวนึกไปถึงเนื้อหาที่เรียนในคาบนั้นเมื่อห้าวันก่อน เขาจะต้องตั้งใจทำ มองหาหนังสือที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากที่สุด เขาไม่ต้องการให้คู่ของเขามาโวยวายทีหลังว่าทำให้คะแนนวิชาโปรดของเจ้าตัวโดนหัก

     

    ที่ชั้นเกือบบนสุดปรากฏชื่อหนังสือบนสันเล่มหนาที่แฮร์รี่ต้องการพอดี แต่มันก็อยู่สูงเกินกว่าที่ขาจะเอื้อมคว้าหยิบได้ปกติ ไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าเสื้อเตรียมถูกหยิบออกมาใช้ แต่แผ่นหลังกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแปลกๆ ที่เข้ามาทาบทับ พร้อมกับเหนือหัวของเขาปรากฏเรียวมือขาวจัดที่โผล่พ้นชายเสื้อคลุมเหลือบเขียวออกมา

     

    เด็กบ้านสลิธีริน

     

    “ตัวเล็กไปนะนาย”

     

    น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ แฮร์รี่สะดุ้งและหายใจขัดไปครู่หนึ่ง มือเรียวที่เตรียมจะล้วงเอาไม้กายสิทธิ์ออกมารีบหดกลับเข้าไปทันที หนังสือเล่มที่เขาต้องการจากชั้นถูกหยิบออกมาจากชั้นได้อย่างง่ายดายโดยคนด้านหลังและมันถูกหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

     

    “เก่งนี่ เลือกเล่มได้ถูก นึกว่านายจะโง่จนไม่รู้ว่าควรเลือกเล่มไหน”

     

    “มัลฟอย”

     

    แฮร์รี่เรียกเสียงกดต่ำจนดูเยือกเย็น แต่คนด้านหลังเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงนั้น เขายกยิ้มขบขันกับตัวเองก่อนจะรับเอาหนังสือไปถือไว้เอง

     

    “ทำงานกัน”

     

    เมื่อกลับมาที่โต๊ะแฮร์รี่ก็พบว่ามีหนังสือวางอยู่แล้วสามสี่เล่ม บวกกับเล่มที่เดรโกกับเขาเพิ่งจะไปนำมาก็เป็นเล่มที่ห้าพอดี เห็นแค่นี้แฮร์รี่ก็อดถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกหดหู่กับชีวิตตัวเองไม่ได้ เขากับการเขียนรายงานยาวๆ หลายสิบฟุต วิเคราะห์ตัวหนังสือจากหนังสือเล่มหนาหลายร้อยหน้าให้ออกมาเพียงแค่ไม่กี่บรรทัดมันช่างยากเย็นยิ่งกว่าขี่ไม้กวาดให้ไล่ตามลูกสนิชครึ่งวันเสียอีก

     

    มีหรือที่คนอย่างเดรโกจะไม่รู้ว่าพ่อมดคนเก่งผู้ปราบจอมมารได้อย่างแฮร์รี่ไม่ชอบการเขียนรายงานและการเรียนแบบทฤษฎีทุกอย่าง เขายิ้มมุมปาก นั่งลงฝั่งตรงข้ามเด็กผมดำที่เหมือนจะพยายามปั้นหน้าปกติสุขออกมาเมื่อเจอหนังสือเล่มโต

     

    เดรโกเลือกหนังสือสองเล่มที่มีปริมาณหน้าไม่หนามากไปยังคนตรงหน้า เขาจัดการเอาสามเล่มที่ค่อนข้างเรียกได้ว่าฟาดหัวใครสักคนคงสลบไว้กับตัวเองพลางเริ่มเปิดทั้งสามเล่มไปพร้อมกัน

     

    “นายดูสองเล่มนั้นไป เล่มแรกอยู่ที่หน้าสิบห้าถึงสามสิบสอง อีกเล่มอยู่ที่หน้าสี่สิบสี่ถึงห้าสิบเอ็ด” ว่าจบก็เงยหน้าขึ้นมามองคนตรงข้ามที่กำลังพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม จริงๆ อ่านหน้าก่อนที่ฉันบอกไว้ก่อนก็ได้ มันจะช่วยให้นายเข้าใจขึ้น”

     

    แฮร์รี่ยิ้มแห้งออกมาแล้วยกหนังสือขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้ เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าขมขื่น เดรโกในโหมดตั้งใจเรียนแบบนี้เป็นสิ่งที่แฮร์รี่ไม่ค่อยชิน แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายเรียนเก่งขนาดไหนก็ตาม แต่มันทำให้แฮร์รี่อดนึกถึงเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้จนพาลรู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลกๆ

     

    ทั้งคู่เริ่มนั่งถกกันเมื่อหาข้อมูลได้ แผ่นกระดาษถูกผลัดเปลี่ยนกันเขียนไปตามข้อมูลที่ต่างฝ่ายเริ่มตกลงกันได้ ในระหว่างที่แฮร์รี่กำลังตั้งใจเขียนด้วยลายมือที่คิดว่าน่าจะบรรจงสุด คนตรงข้ามก็หยุกหยิกตัวไปมา ด้วยอากาศช่วงฤดูร้อนทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เสื้อคลุมสลิธีรินถูกถอดออกพาดไว้กับเก้าอี้ตัวข้างๆ เนคไทถูกปลดออกเล็กน้อย พร้อมกับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่กำลังถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก

     

    แฮร์รี่มองตามการกระทำพวกนั้นไม่วางตา ให้เมอร์ลินเป็นพยานได้เลยว่าเขาตาไม่ฝาด และไม่ได้กำลังฝันกลางวันไปใช่หรือไม่

     

    คนอย่างเดรโก มัลฟอย ลูกคุณหนูผู้อยู่ในกฎระเบียบเคร่งครัด คนที่แฮร์รี่มีภาพจำติดตามาตลอด 7 ปีด้วยลุคคุณหนูสุดแสนจะเพอร์เฟ็คคนั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะอยู่ในชุดที่สุภาพและเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว

     

    ในเวลานี้กำลังถกแขนเสื้อขึ้นและยังปลดไท แฮร์รี่อยากจะยกมือตบหน้าตัวเองแรงๆ

     

    คนที่ทำคนอื่นตาแตกตื่นตะลึงเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้อง ตาคมเหลือบมองคนด้านหน้า เขาเห็นแฮร์รี่นั่งหน้าเหวอจ้องมาทางตนจนต้องเผลอขมวดคิ้วตาม

     

    “อะไรของนาย จ้องงั้นหมายความว่าไง เสียมารยาทจริง”

     

    คนถูกทักสะดุ้งเฮือก ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเดรโก เขาวางปากกาขนนกลง ดวงตาหรี่มองแฝงแววคาดคั้น เลิกคิ้วมองไปยังเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ที่กำลังมีท่าทางอึกอักพูดไม่ออกอยู่เพื่อรอคำตอบ

     

    แฮร์รี่เหมือนน้ำท่วมปากขึ้นมา เขาอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียจริง “เอ่อ เปล่า ก็คือแบบว่า” ดวงตากลมเสมองคนตรงหน้าที่หรี่ตาเขม็งรอคำตอบ “เอ่อ แค่แปลกตาน่ะ ไม่มีอะไร”

     

    เดรโกเลิกคิ้วขึ้นอีกรอบ เขาก้มมองตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ แน่นอนว่าเขาเคยทำตัวแบบนี้อยู่บ้าง แต่ก็ตอนอยู่ที่หอสลิธีรินเท่านั้น แต่ภาพลักษณ์ของเขาต่อหน้าทุกคนในฮอกวอตส์ก็เป็นอย่างที่คุ้นเคยกันดี

     

    “นายจะไม่ชินก็ไม่แปลก ปกติฉันไม่ค่อยทำแบบนี้ให้ใครเห็นนอกจากคนในหอ”

     

    เขาตอบตามจริงและหยิบปากกาขนนกมาลงมือจดอะไรบางอย่างในสมุดของตัวเองต่อ แฮร์รี่ยังคงมองคนตรงหน้าไม่วางตาพลางเม้มปากเบาๆ ในหัวพยายามนึกตามคำพูดของเดรโกอย่างหนักว่ามันจะมีความหมายใดพิเศษหรือไม่

     

    คนในหอ เด็กบ้านสลิธีริน ก็คือคนที่เดรโกรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยเมื่ออยู่ร่วมด้วย?

     

    แฮร์รี่ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่ ริมฝีปากล่างถูกกัดแรงๆ เพื่อข่มความคิดแปลกๆ ลงและสั่งตัวเองให้มีสมาธิกับรายงานต่ออย่ายากเย็น ปากกาขนนกขยับอีกครั้ง แม้ว่ามันจะช้าลงกว่าเมื่อครู่ไปมากโขก็ตาม

     

    ผ่านไปหลายชั่วโมงหลังจากประโยคสนทนาที่ผ่านมาก็แทบไม่มีใครชวนคุยอะไรออกมาอีกนอกจากเปลี่ยนกันเขียนรายงาน แฮร์รี่ที่รับเอาต้นฉบับของเดรโกมาเขียนต่อก็ตั้งหน้าตั้งตาเขียนไปแบบไม่ได้สนใจรอบข้างเท่าใด จนตัวเองที่เริ่มรู้สึกว่ารอบข้างชักจะเงียบเกินไปจึงเงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่เขียนผ่านไปหลายฟุตอย่างช่วยไม่ได้

     

    คิ้วเรียวสวยมุ่นเข้าหากันเมื่อพบว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดกำลังนั่งหลับอยู่ แขนซ้ายของเจ้าตัวถูกยกขึ้นมาเท้าไว้ที่ใต้แก้ม ไม่รู้ว่าหลับลึกขนาดไหน แต่ก็ดูสงบอย่างที่น้อยครั้งแฮร์รี่จะมีโอกาสได้เห็น

     

    หลับแล้วก็ดูไม่มีพิษภัย ปากก็ไม่เสียอย่างทุกทีด้วย

     

    ปากกาขนนกถูกเสียบไว้กับขวดหมึกที่อยู่ใกล้กัน แฮร์รี่ยกสองมือขึ้นรองคางตัวเองไว้ก่อนจะจ้องมองไปยังคนที่นั่งหลับตรงหน้า แม้เวลาหลับก็ยังดูดีและมีมาดของลูกผู้ดีอยู่จนแฮร์รี่นึกหมั่นไส้ แต่ในความดูดีนั้นก็แฝงความเครียดอยู่ในที ใบหน้าที่ควรจะผ่อนคลายตามแบบฉบับคนที่เข้าสู่ห้วงนิทรา กลับกำลังขมวดคิ้วเข้าหากัน เหมือนมีเรื่องให้เครียดแม้แต่ในฝัน

     

    แฮร์รี่หุบยิ้มลง เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดี จากคนที่ฝันร้ายเวลานอนมาตลอด 6-7 ปี เขาไม่อาจว่าเดรโกได้เต็มปากหรอกว่าคนเราจะมาเครียดอะไรตอนนอน เพราะแม้แต่เขาเองยังหาช่วงเวลาที่จะนอนได้อย่างเต็มที่ยังแทบไม่มี

     

     ในระหว่างที่กำลังจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอีกรอบ สายตาดันเผลอเหลือบมองไปยังแขนของคนที่ยังหลับอยู่เสียก่อน

     

    เชิ้ตขาวที่แขนเสื้อถูกถกขึ้นจนถึงศอก ทำให้แฮร์รี่สามารถมองเห็นท่อนแขนอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน สายตาเจ้ากรรมเบนมองไปยังท้องแขนของอีกฝ่ายที่ปกติแทบไม่มีโอกาสได้เห็นอีกครั้ง แต่ในวันนั้น – ครั้งแรกที่ได้เห็น วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทุกอย่างบนหอคอยดูดาว เขาที่ยืนอยู่ข้างล่างและแหงนมองดูเหตุการณ์ทุกอย่าง

     

    ตรามารบนท้องแขนซ้าย ที่เจ้าตัวเปิดมันให้ดัมเบิลดอร์ดู

     

    ใจของแฮร์รี่คล้ายหล่นวูบไป ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็งไปยังท้องแขนที่บัดนี้ขาวเนียนไม่มีร่องรอยใดๆ อีก แฮร์รี่ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า เขาสังเกตไปที่ท้องแขนของเดรโกอีกครั้งราวจะมองมันให้ทะลุ เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่ารอยสัญลักษณ์บ้าๆ นั่นมันจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก

     

    มันหายไปเมื่อคนๆ นั้นสลายไป และแน่นอนว่ามันจะไม่มีวันกลับมาอีกครั้ง  แต่ยิ่งมองลึกเข้าไป แฮร์รี่กลับไม่ได้รู้สึกสงบใจเท่าที่ควร

     

    แวววิตกกังวลแสดงออกมาผ่านแววตาและสีหน้าอย่างปิดไม่มิด แฮร์รี่เริ่มคิดไม่ตกกับความไม่สบายใจของตัวเองที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้น ทิ้งดิ่งตัวเองไปกับความรู้สึกแย่ๆ ที่ก่อตัวขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้จนไม่ทันสังเกตว่าใครอีกคนที่หลับไปกำลังลืมตาขึ้นช้าๆ และจ้องเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยสายตาเรียบนิ่ง

     

    “...เตอร์ พอต..เตอร์? พอตเตอร์!

     

    “ห๊ะ?!

     

    แฮร์รี่สะดุ้งเฮือกส่งเสียงตกใจออกมาเสียงดังจนเดรโกต้องทาบนิ้วกับริมฝีปากตัวเองเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายลดเสียงลง ร่างสูงเบนสายตาไปรอบๆ ยังดีที่ว่าตรงนี้ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เจ้าของชื่อเมื่อครู่เม้มปากฉับแล้วกลอกดวงตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง แต่เมื่อไม่พบใครเข้ามาก็พากันถอนหายใจออกมาทั้งคู่

     

    “เหม่ออะไร เรียกตั้งนาน” เดรโกเอ่ยถามเสียงยานคางพร้อมยืดตัวขึ้น สองแขนที่ยังวางบนโต๊ะก็ออกแรงเหยียดตามไปด้วย

     

    เด็กผมดำเหมือนจะยังไม่มีสมาธิอยู่กับตัวเท่าใด ดวงตาหลังเลนส์แว่นคู่นั้นจับจ้องมองไปยังท้องแขนของเดรโกอีกครั้ง แม้จะเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ดวงตาจะเสมองไปทางอื่นและทำท่าคิดไม่ตกต่อ แต่เดรโกที่มองดูอยู่ตลอดตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็จับสังเกตได้

     

    ตาคมเหลือบมองลงที่แขนของตัวเองบ้าง ความทรงจำแย่ๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เขาอยากจะฝังมันให้มิด

     

    แขนซ้ายที่เคยมีรอยสัญลักษณ์ที่เขานึกเกลียดมันเสียเหลือเกิน

     

    สุดท้ายร่องรอยความเลวร้ายนั่นมันก็หายไปในที่สุด ในวันนั้น วันที่ฮอกวอตส์เละเทะและเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ของใครหลายๆ คน

     

    แม้แต่ตัวเขาเองก็เช่นกัน ตอนแรกนึกว่าตัวเองคงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความหวังของพ่อมดแม่มดฝ่ายดีทุกคนต้องพังทลายลง

     

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตายแล้ว!

     

    เดรโกหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่พลางยกมือขึ้นลูบปลายคางตัวเองเมื่อเสียงของเขาคนนั้นเวียนเข้ามาในหัวอีกครั้ง ในอกรู้สึกวูบโหวงและเสียดแทงเข้าที่ช่วงอกจนลมหายใจติดขัดเหมือนจะหายใจไม่ออกเสียดื้อๆ

     

    ก่อนจะจ้องมองไปยังคนที่ยังนั่งทำหน้าเคร่งเครียดตรงหน้า

     

    แฮร์รี่ พอตเตอร์ยังอยู่ตรงนี้ ยังนั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้

     

    พ่อมดบ้านสลิธีรินพยายามตั้งสติกับตัวเองยามที่มองไปยังคนที่นั่งตรงข้าม เขาลอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังอยู่ดี ดวงตาหลังกรอบแว่นคู่นั้นกำลังค่อยๆ หันมาทางเขา จนกระทั่งตาต่างสีสองคู่สบมองกันพอดี คล้ายมีประกายไฟแล่นปราดผ่านพวกเขาทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายต่างเบิกตามองกันและกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนสายตาออกกันไปช้าๆ

     

    มันไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมากนัก

     

    “นายโอเคนะ?” เป็นฝ่ายคนผมบลอนด์ที่ชิงพูดขึ้นมาก่อน แฮร์รี่ที่ทำท่าว่าจะเอ่ยขึ้นมาจึงเงียบลง “เห็นทำหน้าเครียด รายงานไม่เข้าใจ?”

     

    “ไม่ใช่เรื่องรายงานซักหน่อย”

     

    แฮร์รี่บ่นอุบอิบออกมา ดวงตาหลังกรอบแว่นช้อนมองคนตรงข้ามนิดๆ ก่อนจะเบนมองไปยังแขนของเดรโกอีกครั้ง และเขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาทันทีที่สายตาดันเอาแต่มองไปตรงนั้น

     

    ก็ใช่ว่าเดรโกจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองไปยังตรงไหนของร่างกายตัวเอง ไหนจะสีหน้าแบบนั้นอีก เขาก็แค่ลองถามอ้อมโลกไปอย่างนั้น

     

    สุดท้ายก็ทนต่อความอึดอัดในสถานการณ์ไม่ได้ เดรโกลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะอ้อมไปนั่งข้างคนที่ยังปั้นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แฮร์รี่ปรายมองอย่างประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

     

    รู้อยู่หรอกว่าไม่สามารถปิดบังอะไรคนข้างๆ ได้

     

    “อยากคุยอะไรกันหน่อยไหม” เดรโกว่าด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนมากนัก อย่างน้อยการได้มานั่งข้างๆ แฮร์รี่แบบนี้เดรโกก็รู้สึกว่าลดอาการวิตกจริตของเขาเมื่อครู่ได้พอควร

     

    เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังมาจากพ่อมดคนดัง ครั้งนี้แฮร์รี่เหลือบมองเข้าที่แขนของเดรโกอย่างไม่มีปิดบัง เจ้าของแขนเองส่งยิ้มจางๆ ออกมาก่อนจะยกแขนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้ทั้งตัวเองและอีกคนได้มองดูชัดๆ

     

    “มันไม่มีแล้วล่ะ” เดรโกว่ายิ้มๆ พลางหมุนแขนของตัวเองไปมา แฮร์รี่มองตามนิ่งๆ ไม่พูดอะไรต่อ “คงต้อง..ขอบคุณนายล่ะนะ”

     

    คนถูกขอบคุณกรายๆ ยกยิ้มเฝื่อนกับตัวเอง ภายในใจยังรู้สึกลังเลกับความรู้สึกไม่ดีที่ก่อขึ้น แฮร์รี่ภาวนาขอให้ตัวเองเพียงแค่คิดมากไปเท่านั้น แต่ท่าทางคิดไม่ตกตลอดเวลาของแฮร์รี่ก็อยู่ในสายตาของเดรโกอยู่ดี เจ้าของร่างขาวซีดเอียงตัวเล็กน้อยพลางยกมือเท้าคางมองคนข้างกาย

     

    “นายเองก็ชอบเก็บเรื่องไว้คิดคนเดียวดีนะ ทั้งที่หน้าแสดงออกชัดว่ามีอะไรอยู่แท้ๆ แต่ก็ทำเป็นเก่งว่าไม่มีอะไร ไม่รำคาญตัวเองบ้างหรือไง”

     

    คนผมดำมุ่นคิ้วยู่หน้ามองคนที่ยกยิ้มก่อกวน เดรโกขำในลำคอเล็กน้อยก่อนจะหยิบเอาปากกาขนนกของแฮร์รี่มาหมุนเล่นแล้วเริ่มสานต่อรายงานที่ยังคั่งค้างหน้าตาเฉย แฮร์รี่ถอนใจมองคนกวนประสาทที่เหมือนจะทำทีไม่สนใจเขาแล้ว แต่จริงๆ ก็กำลังตั้งใจรอฟัง

     

    “มันก็แค่ความรู้สึกของฉัน” เดรโกเหลือบหางตามองแต่มือยังคงเขียนต่อ “คงเพราะไวกับอะไรพวกนี้มาตลอด 7 ปี ตอนนี้เลยยัง...รู้สึกไม่สบายใจ”

     

    เดรโกชะงักมือที่กำลังเขียนอยู่ทันที ใบหน้าเสี้ยมแหลมหันมามองแฮร์รี่อย่างตื่นๆ อยู่ซักพักก่อนจะเบือนหน้าหนีกลับไปที่รายงานตรงหน้า เรียกความสงสัยจากคนข้างๆ ได้ไม่น้อย

     

    “มีอะไร?”

     

    เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ไม่ได้ตอบออกมา เขาส่ายหัวช้าๆ ใบหน้ากลับมาเรียบตึงอย่างทุกทีราวไม่มีอะไร ทำทีจ้องกระดาษในมือเขม็ง คิ้วเรียวขมวดฉงน พลางชี้ปลายขนนกเข้าที่หน้ากระดาษที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของการเขียนรายงาน และจุดนั้นก็คือจุดที่แฮร์รี่เขียน มันคือลายมือขยุกขยุยที่ชวนให้อ่านไม่ออกและยิ่งเมื่ออ่านดีๆ ก็พบว่ามันผิดไปจากที่เขาเคยเขียนไว้

     

    “พอตเตอร์! ไอ้งี่เง่า ให้ลอกเขียนลงไปยังผิดอีก ง่วงนักก็นอนไหม”

     

    คนที่จู่ๆ ก็ถูกด่าถึงกับตึงหน้าขึ้นมา เจ้าตัวรีบชะโงกหน้ามองไปยังพื้นที่ที่ยังถูกชี้ก่อนจะยิ้มแหยออกมา เดรโกจัดการเคาะปากกาลงกลางหัวของแฮร์รี่ทีหนึ่งแล้วสงครามเล็กๆ ก็เกิดขึ้นในส่วนลึกของห้องสมุดโดยที่ไม่มีใครรู้

     

    ภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คือฉากหน้าของการปิดบังความกังวลเท่านั้น

     

    ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดไหน ก็ต้องทำทีทุกอย่างปกติ จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดถ้าหากว่าเขาไม่ต้องการให้รู้

     

    เดรโกขอบคุณเหลือเกินที่แฮร์รี่ไม่สังเกตเขาให้ดีกว่านี้

     

    ..................

     

    คาบวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเป็นวิชาที่เดรโกไม่ค่อยพึงใจเท่าไหร่ในช่วงนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการฝึกปฏิบัติจริงหรือยังฝักใฝ่ในศาสตร์มืด แต่เพราะการปฏิบัติจริงกำลังสร้างปัญหาให้กับเขาอยู่พอควร อาจจะค่อนไปทางหนักใจสุดๆ เลยด้วยซ้ำ

     

    เบลส ซาบินี่กำลังยืนปั้นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้าคุณชายของบ้านสลิธีรินเพื่อนสนิทของเขาอย่างเดรโก มัลฟอยที่ก็ยืนทำหน้าตาลำบากใจอยู่เนืองๆ ที่ฝั่งตรงข้ามไม่ต่าง ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างลังเล ตามใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดเล็กน้อย ท่าทางลุกลี้ลุกลนดูไม่มั่นใจจนเพื่อนรอบข้างเริ่มพากันหลุดขำ

     

    “เฮ้เดรก ถ้าไม่มั่นใจ จะพักไว้ก่อนก็ได้นะ” เบลสว่าเสียงสั่น ไม้กายสิทธิ์โบกไปมาตรงหน้าแต่ตาจ้องมองไปยังคนตรงข้ามที่ยืนทำหน้าเครียดไม่วางตา

     

    “อะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันไม่มั่นใจ” เดรโกว่าเสียงเขียว

     

    “นายอาจจะมั่นใจนะ แต่ไม้กายสิทธิ์นายนั่นแหละทำฉันไม่มั่นใจเฟ้ย!” คนผิวเข้มตอบกลับเสียงเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน ไม้กายสิทธิ์ในมือยกชี้ไปทางเดรโกเตรียมพร้อมรับคาถาที่จะเสกมาจากเจ้าตัว เขาพร้อมจะปัดเป่าคาถาบ้าบออะไรก็ตามที่เดรโกเสกมาแล้วไม่เป็นไปตามคาด

     

    เดรโกเอียงคอขัดใจ เขายกไม้กายสิทธิ์ขึ้นชี้ไปทางเบลส “ถ้านายปัดคาถาทิ้งไม่ทัน นั่นมันก็ความโง่ของนายเองแล้วเบลส”

     

    “เวรเหอะ มัลฟอย!

     

    เบลสถลึงตากว้าง สองขากางออกเล็กน้อย ไหล่กว้างแข็งตึง ตั้งท่าเตรียมรับคาถาที่เดรโกกำลังจะเสกออกมาท่ามกลางความสนใจจากบรรดาเด็กนักเรียนร่วมห้องคนอื่นๆ ที่เหมือนจะยืนลุ้นอยู่ไม่ห่างตั้งแต่ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ รวมถึงศาสตราจารย์ประจำวิชาเองก็ยังพลอยลุ้นไปด้วย

     

    “เดี๋ยวก่อน”

     

    ริมฝีปากบางได้รูปปิดฉับ เสียงที่เตรียมจะเปล่งออกมาของเดรโกกลืนหายไปในลำคอตามเมื่อมีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา นักเรียนค่อนห้องหันไปมองตามต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อปลายสายตาของเขาคือนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์สองคนที่กลุ่มเพื่อนพากันแหวกตัวออกจนเห็นทั้งสองได้ชัดเจน

     

    แฮร์รี่ พอตเตอร์และรอน วีสลีย์

     

    เด็กบ้านสลิธีรินสองคนหันหน้ามองกันด้วยความงุนงง

     

    “ผมจะจับคู่กับมัลฟอยเอง” แฮร์รี่เอ่ยออกมาเสียงดัง คนที่ถูกพูดถึงอีกคนเบิกตาตกใจ “ซาบินี่ก็ให้คู่กับรอนแทน ได้ใช่ไหมครับศาสตราจารย์”

     

    ศาสตราจารย์ร่างเล็กหมุนตัวมองสลับไปมาระหว่างเด็กต่างบ้านทั้งสองอย่างที่มักทำทุกทีเวลาลังเล ดวงตาเพ่งมองไปที่แฮร์รี่คล้ายว่าต้องการคำยืนยันที่แน่ชัดอีกครั้ง และแฮร์รี่ก็พยักหน้าตอบกลับอย่างมั่นใจ

     

    นักเรียนสี่คนสลับคู่กันเรียบร้อย เดรโกกอดอกหรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาหยุดอยู่แทนที่เพื่อนสนิทของตัวเอง บนปากมีรอยยิ้มประดับอยู่จางๆ มือขวากำไม้กายสิทธิ์ของตัวเองแน่นพลางจ้องคนตรงหน้าเขม็ง

     

    “คิดอะไรของนายอยู่?” เดรโกถามติดน้ำเสียงยียวน

     

    “คิดช่วยเพื่อนนายไม่ให้กลายเป็นคนพิการไปก่อน” แฮร์รี่ยียวนกลับไปบ้าง

     

    “แล้วอะไรที่ทำให้นายคิดว่าจะชนะฉัน”

     

    คนผมดำไม่ได้ตอบในทันที ร่างโปร่งบางยืดอกและผายไหล่เล็กน้อย ดวงตาหลังกรอบแว่นเพ่งมองคนตรงหน้าอย่างไม่ยี่หระ รอยยิ้มน้อยๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เรียบตึงมานาน จนใครอีกคนนึกใจเสียไปเล็กน้อย

     

    “ฉันเคยชนะนายมาได้ครั้งนึง”

     

    เดรโกขมวดคิ้วทันที สัญชาตญาณสั่งให้เขาระวังตัวมากขึ้นยามจ้องไปยังร่างตรงข้ามที่ยังไม่แม้แต่จะชักไม้กายสิทธิ์ออกมา นัยน์ตาสีเทามีแวววาวโรจน์ขึ้นมาเล็กน้อย หัวสมองนึกถึงคาถาที่ศาสตราจารย์เพิ่งสอนไปเมื่อครู่ และเขาคิดว่ามันไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่นัก

     

    สำหรับไม้กายสิทธิ์ในมือที่มันช่างไม่เข้ามือเขาเสียเลย

     

    ชั้นปีที่สูงขึ้น คาถาที่ร่ายก็ยิ่งมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น เกี่ยวพันถึงจิตใจ สมาธิและสติของผู้ร่าย ยิ่งเป็นคาถาที่ใช้สำหรับการต่อสู้โดยตรง หากลังเล ก็มีแต่จะยิ่งทำให้เกิดอันตรายกับผู้ร่ายเอง

     

    Expul--*”

     

    Petrificus Totalus**”

     

    คนทั้งห้องพากันหวีดร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเดรโกเริ่มเปล่งเสียง แต่ยังไม่ทันที่เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์จะร่ายคาถาได้จบดี เสียงนุ่มทุ้มอีกเสียงก็ดังแทรกด้วยเวลาอันรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นไวจนมองตามแทบไม่ทัน แสงสีขาวจางๆ พุ่งออกมาจากข้างตัวของแฮร์รี่และร่างของเดรโกก็แข็งทื่อในวินาทีต่อมา ร่างทั้งร่างค่อยๆ แหงนหงายไปด้านหลังจนล้มลงไปกับพื้นเกิดเสียงตึงลั่น

     

    “ช้าไปนะครับ คุณมัลฟอย”

     

    แฮร์รี่ว่าขำๆ พลางมองคนที่นอนตัวแข็งบนพื้น เบลสที่ยืนอยู่ไม่ไกลยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะที่จะหลุดออกมาจนใบหน้าบิดเบี้ยว เดรโกผู้น่าสงสารทำได้เพียงกลอกตามองไปรอบๆ อย่างคาดโทษทั้งเพื่อนตัวเองและคนที่ยังยืนอยู่ปลายเท้าเขาพร้อมรอยยิ้มกวนประสาทในความคิดของเขา

     

    ฝากไว้ก่อนเถอะพอตเตอร์!

     

     

     

    หลังจากคาบวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดจบลงทุกคนก็พากันแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง ยกเว้นเสียแต่ผู้เคราะห์ร้ายจากฝีมือพ่อมดผู้ปราบจอมมารที่ถูกเสกคาถาเข้าใส่เต็มๆ กำลังนั่งคลายกล้ามเนื้อตัวเองอยู่พักใหญ่ภายในห้องเช่นเดิม

     

    ข้างกันนั้นมีร่างของใครอีกคนนั่งเป็นเพื่อนด้วย แต่เจ้าตัวกลับเอาแต่ทำสีหน้าล้อเลียนมาตลอดตั้งแต่ที่คนเต็มห้องเรียน จนตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาแค่สองคน

     

    ก็เจ้าของคาถาที่เสกให้เดรโกตัวแข็งนั่นล่ะ

     

    “ยัง ยังจะขำ ไอ้บ้านี่” เดรโกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด

     

    คนฟังไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของต้นเสียง กำปั้นเล็กๆ ส่งไปทุบเข้าที่ไหล่กว้างเสียทีจนคนโดนทุบครางโอยออกมา เมื่อทั้งสองสบตากัน แฮร์รี่ก็ยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างคนเหนือกว่าจนคนมองรู้สึกหมั่นไส้ แต่สุดท้ายก็จำใจถอนสายตาออก

     

    แต่เขาจะทำอะไรอีกฝ่ายได้กัน? เห็นได้ชัดแล้วว่ายังไงเขาก็ดูเหมือนจะเป็นรองอีกฝ่ายในเรื่องการใช้คาถาอยู่วันยันค่ำ ไม่ว่าจะตั้งแต่ตอนไหนก็ตาม มิหนำซ้ำในเวลานี้ที่อะไรๆ ก็เหมือนจะไม่เป็นใจนักโดยเฉพาะของคู่ใจพ่อมดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างถึงที่สุดอย่างไม้กายสิทธิ์ยังไม่ค่อยจะภักดีกับเขาเลย ลำพังใช้ไม้เดิมก็ยังสู้ไม่ได้...

     

    พูดถึงไม้กายสิทธิ์เดิม

     

    ใบหน้าของเดรโกหมองลงในทันทีเมื่อนึกถึงไม้กายสิทธิ์อันเดิมของตัวเอง เขารู้ว่ามันอยู่ที่ใคร แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นมันด้วยซ้ำ รวมถึงวันนี้ที่เขามีโอกาสได้ประมือกับเจ้าของคนใหม่ของมัน เขายังไม่ทันได้เห็นว่าอีกฝ่ายหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาเลย

     

    ก็สมควรกับตำแหน่งผู้ปราบจอมมารจริงๆ

     

    เสียงสวบสาบของผืนผ้าเสียดสีกันจากคนข้างกายเรียกความสนใจจากเดรโกได้เล็กน้อย แต่เขาเลือกที่จะนั่งมองไปด้านหน้าเงียบๆ พลางนั่งนวดคลายความเมื่อยตึงที่แขนตัวเอง แต่แล้วสิ่งที่กำลังมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาเบิกตามอง รู้สึกลมหายใจสะดุดขึ้นมาดื้อๆ

     

    ปลายไม้สีน้ำตาล ด้ามจับสีดำขลับ แท่งไม้แบบเรียบง่ายยาว 10 นิ้ว ขนาดดูพอดีมือ อันคุ้นเคย

     

    ไม้ฮอว์ทอร์น แกนกลางขนหางยูนิคอร์น ยาว 10 นิ้ว

     

    อดีตไม้กายสิทธิ์ของเดรโก

     

    “พอตเตอร์..?” นัยน์ตาสีเทามองค้าง เสียงที่หลุดออกมาเหมือนเป็นเพียงเสียงครางเบาเท่านั้น

     

    “ฉันไม่ได้ทิ้งมันไปหรอกนะ” แฮร์รี่กล่าวด้วยรอยยิ้มยามที่คนข้างกายเงยหน้ามองมายังเขาด้วยสายตายากจะเหลือเชื่อ “ก็ตอนนี้มันเป็นไม้ของฉันนี่..ใช่ไหม” เอ่ยต่ออย่างลังเล พลางขยับมือไปมาให้ไม้ฮอว์ทอร์นกลิ้งไปมาบนมือของตัวเอง

     

    เดรโกก้มมองไม้กายสิทธิ์ที่เคยเป็นของเขาด้วยความคิดถึง ร่องรอยมันดูสึกหรอลงนิดหน่อยจากที่เห็นมันครั้งสุดท้าย รอยยิ้มแต่งแต้มบนเรียวปากโดยไม่รู้ตัว เขาเงยหน้ามองเจ้าของไม้ฮอว์ทอร์นอีกครั้ง

     

    “แล้วยังไงต่อ เอาออกมาให้ดูทำไม”

     

    “นาย..ไม่อยากได้คืน?”

     

    คนฟังมีท่าทางชะงักไปทันที ดวงตาสีเทาเหลือบมองเจ้าไม้ขนาด 10 นิ้วด้วยจิตใจพองฟู ได้เห็นมันอีกครั้งเดรโกก็อดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาดีใจแค่ไหน ถ้าเป็นตัวเขาเมื่อตอนในห้องต้องประสงค์วันนั้นก็คงจะพุ่งตะครุบมันกลับเข้ามาไว้ในมือแล้วเรียบร้อย แต่ในเวลานี้เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ และความรู้สึกมันไม่ใช่แบบเดิมอีกต่อไป

     

    “เมื่อกี้ ตอนใช้คาถานั่น นายก็ใช้ไม้นี่?” เดรโกยืดตัวขึ้น จ้องมองแฮร์รี่

     

    “ก็ใช่” คนถูกจ้องประหม่าเล็กน้อย

     

    “งั้นมันควรเป็นของนายน่ะถูกต้องแล้ว”

     

    แฮร์รี่มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าตัวเองไม่เข้าใจในสิ่งที่เดรโกพูด เขาก้มมองไม้ที่หยุดกลิ้งบนมือของตัวเองสลับกับเดรโกไปมา อีกคนก็ทำเพียงแค่ส่งรอยยิ้มจางมาให้ อย่างคนที่ปลดปลงไปแล้ว ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของอีกฝ่ายทำให้แฮร์รี่เดาอารมณ์ไม่ถูก และไม่รู้ด้วยว่าควรจะพูดอะไรตอบ

     

    เดรโกหลุบมองไม้สีน้ำตาลดำในมือเล็กด้วยแววตานิ่งเฉย เขาในตอนนี้ไม่มีความกล้ามากพอที่จะใช้ไม้กายสิทธิ์ในมือตัวเองร่ายคาถาปลดไม้กายสิทธิ์ออกจากมือของแฮร์รี่ หรือแม้แต่จะคว้ามันเอามาเป็นของตัวเองโดยง่ายอย่างที่มีโอกาสในตอนนี้

     

    เขาสัมผัสได้ เขารู้ดี ว่าตอนนี้ไม้ฮอว์ทอร์นของเขา – เคยเป็นของเขามาก่อน ได้เปลี่ยนไปภักดีกับเจ้าของคนใหม่อย่างเต็มตัว เขารับรู้มันได้เมื่อครู่ ตอนที่โดนคาถาอัดใส่ตัว มันมีทั้งความแข็งแกร่ง แน่วแน่ และเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้ร่ายคาถากับไม้กายสิทธิ์

     

    ไม้ฮอว์ทอร์นนั่นได้เจ้าของใหม่ที่ดีแล้ว

     

    ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องช่วงชิงมันมาจากอีกฝ่ายอีก

     

    แม้จะยังเสียดายและโหยหาสิ่งที่เคยอยู่กับตัวมาตลอด 7 ปี แต่แค่ได้เห็นว่ามันยังอยู่ดีภายใต้การดูแลของใคร เดรโกก็อุ่นใจ

     

    ว่าความพยายามของเขาในวันที่คิดแปรพรรค มันไม่ได้สูญเปล่า

     

    แฮร์รี่ที่นิ่งเงียบมานานพอกันจ้องคนข้างกายด้วยสายตาที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากำลังมองอีกฝ่ายแบไหน จะว่าสงสารก็ไม่ใช่ – เดรโกไม่ได้ทำท่าทางให้น่าสงสารขนาดนั้น  หรือกำลังขอโทษ.. ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ความพยายามจะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันและเลวร้ายเมื่อวันนั้นในคฤหาสน์มัลฟอยทำให้เขาจำเป็นต้องชิงสิ่งนี้มา

     

    มานั่งนึกทีหลังก็ยังสงสัยตัวเองว่าทำไมต้องไม้ฮอว์ทอร์นของเดรโก

     

    อาจจะเพราะ..มันง่ายที่จะชิงมาในเวลานั้น?

     

    “คิดอะไรอยู่” เสียงทุ้มแหบว่าพร้อมแรงถองศอกเบาๆ เข้าที่สีข้างของแฮร์รี่ คนตัวเล็กมองขวางให้ทีแล้วถอนหายใจพรืดออกมา

     

    “แน่ใจนะ?”

     

    รอยยิ้มน่ารำคาญตาฉาบบนใบหน้าของคุณชายบ้านงู เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบไม้กายสิทธิ์อันชั่วคราวของตัวเองออกมาเพ่งดู

     

    เจ้าของไม้ฮอว์ทอร์นคนปัจจุบันมองตามด้วยความกังวล ด้วยไม้ที่ไม่เข้ามือกับผู้ถือแน่นอนว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด วิชาคาถาหรือวิชาอื่นๆ ที่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ เหตุการณ์ตลกๆ ที่แฮร์รี่พอจะนึกออกก็นึกไปถึงไม้กายสิทธิ์ของรอนที่มันเคยหักครึ่งจนต้องพันเทปไว้ และแน่นอนว่ามันสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว

     

    “ไม่คิดจะใช้อันนี้ยันจบใช่ไหม” เสียงหวานโพล่งถามออกมาอย่างคิดไม่ตก เขาเริ่มคิดแล้วจริงๆ ว่าสีหน้าที่แสดงออกถึงความปลงโลกของคนข้างกายจะทำให้เจ้าตัวเลือกใช้เจ้าไม้นี่ไปตลอดจริง

     

    เดรโกคิดตามแล้วปั้นหน้าเหยเกทันที เขาส่ายหน้าเล็กน้อย “ถ้าใช้มัน ฉันว่าวิชาป้องกันตัวกับคาถาคงคะแนนติดลบ”

     

    เกิดความเงียบชั่วอึดใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนทั้งคู่ แฮร์รี่พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้น และมีหรือที่คนอย่างเดรโกจะยอมคะแนนตกเพราะไม้กายสิทธิ์

     

    “งั้นไว้ไปแวะที่ร้านคุณโอลิแวนเดอร์” แฮร์รี่เสนอความเห็น

     

    “อยากรับผิดชอบไหมพอตเตอร์?”

     

    เดรโกถาม เขาหันมาจ้องแฮร์รี่เต็มสายตา และเขาสังเกตเห็นความสับสนเต็มดวงตาคู่สีเขียวสวยตรงหน้า เขานึกขำเล็กน้อยกับการไม่เก็บอาการใดๆ ของคนตรงหน้า กี่ครั้งแล้วที่เหมือนว่าคิดอะไรก็แสดงมันออกมาหมดทางสีหน้าและแววตา

     

    “เสาร์ที่จะถึงนี้ไปกับฉันสิ”

     

    ไม่ปล่อยให้คนหัวช้าคิดตามไม่ทันอีกต่อไป เดรโกเฉลยแผนของเขาให้อีกฝ่ายรับรู้ และปฏิกิริยาตอบกลับของแฮร์รี่ก็ไม่เกินไปจากที่เดรโกคาดการณ์ไว้เท่าใด ดวงตากลมๆ ตรงหน้าเบิกกว้างอย่างคนตะลึง ใช่ แฮร์รี่ตกใจไปไกลแล้ว คาดไม่ถึงว่าคนอย่างเดรโกจะชวนเขาไปซื้อไม้กายสิทธิ์ด้วย

     

    เขาน่ะนะ?

     

    “นิ่งเงียบแบบนี้คือตกลง” ยังไม่ทันให้อีกคนได้โต้ตอบใดๆ เดรโกก็สรุปกับตัวเอง

     

    ร่างสูงโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางบิดขี้เกียจไปมา แฮร์รี่ที่สติเพิ่งจะกลับมาเข้าตัวก็นึกชะงักไปว่าเขาไม่ได้เป็นคนตกลงด้วยตัวเอง

     

    “เฮ้ อย่ามามัดมือชกสิ ไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยซักหน่อย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นตามคนข้างกายที่กำลังปัดฝุ่นตามเสื้อคลุมตัวใหญ่

     

    เดรโกหันหน้ามาหาเชิงว่า แล้วยังไง? เขาไม่สนใจแล้วว่าแฮร์รี่จะตกลงหรือไม่ตกลง เต็มใจหรือไม่ แต่เมื่อครู่เขาสรุปเรียบร้อยแล้วเพราะฉะนั้นยังไงซะแฮร์รี่ก็ต้องไปกับเขาอยู่ดี

     

    ท่าทางที่ทำให้แฮร์รี่แค่นหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมเสียง หึเดียวอย่างคร้านจะเถียงกับคุณหนูเอาแต่ใจตรงหน้า ยังไงซะเสาร์ที่ว่า เขาก็ว่างพอดี แล้วถ้าตามที่อีกคนพูด..

     

    อยากรับผิดชอบไหม?

     

    ก็ดีเหมือนกัน แฮร์รี่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างกับอีกคนอีก

     

    รอยยิ้มร้ายๆ ปรากฏบนใบหน้าเสี้ยมแหลม เดรโกหมุนตัวเตรียมออกจากห้องไปก่อน ปล่อยให้แฮร์รี่ยืนมองตามแผ่นหลังกว้างเงียบๆ ในเวลานี้ แผ่นหลังที่เหมือนเคยแบกรับโลกของความขมขื่นและความหวังในด้านมืดของมัลฟอยเอาไว้ของเจ้าตัวเหมือนจะจางหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปมากน้อยแค่ไหน แต่ความเป็นมัลฟอยในแบบที่แฮร์รี่เคยรับรู้และคิดว่าเป็นมาตลอดเหมือนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากเดรโกทีละน้อย

     

    และเขาที่ดีใจที่มันเป็นเช่นนั้น

     

    เสียงตึงตังจากด้านนอกห้องเรียกสติของแฮร์รี่ให้กลับมาในโลกปัจจุบันอีกครั้ง เขารีบกึ่งเดินกิ่งวิ่งออกไปยังหน้าห้องเรียน ก่อนจะพบว่าไม่ไกลจากประตูห้องนั้นเขาพบเดรโกกำลังยืนนิ่งอยู่ที่กลางทางเดิน แผ่นหลังกว้างยังคงตั้งตรงดูผึ่งผายในแบบของเจ้าตัว แฮร์รี่รีบสาวเท้าตามไปทันที

     

    “เกิดอะไร...” พูดไม่ทันจบดีเสียงของแฮร์รี่ก็หายเข้าไปในท้องเมื่อพบว่าอะไรอยู่ตรงข้ามหน้าเดรโกไปไม่ไกล “นายทำอะไรเขา”

     

    “ฉันยังไม่ทันได้หยิบไม้กายสิทธิ์เลยนะเจ้าทึ่ม”

     

    แฮร์รี่กวาดตามองไปที่คนข้างกายไวๆ และใช่ มือทั้งสองของเดรโกว่างเปล่าไม่มีอาวุธใดๆ แต่เด็กนักเรียนไม่ทราบปีสองคนกลับนอนดิ้นไปมาบนพื้น

     

    “คาถาสะท้อนกลับ?” คนตัวเล็กแหงนหน้ามองคนข้างกาย “Protego***?”

     

    เดรโกยักไหล่อย่างไม่แยแส ดวงตาสีหม่นมองคนสองคนที่ยังคงนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยสายตาว่างเปล่า ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ก็ป้องกันตัว”

     

    หลังจากแจ้งศาสตราจารย์ให้ทราบเรื่องและพาเด็กสองคนนั้นเข้าห้องพยาบาลไปเรียบร้อย ทั้งแฮร์รี่และเดรโกก็พากันเดินไปเรื่อยตามทางเดินทอดยาว อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะถึงเวลามื้อค่ำแล้ว ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงห้องโถงใหญ่เพื่อให้ทันเวลามื้อค่ำพอดี

     

    นานอยู่ทีเดียวที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกหลังจากออกมาจากห้องพยาบาล และคำให้การสุดท้ายของเดรโกว่า เจ้าตัวเพียงเสกคาถาเกราะวิเศษเพื่อป้องกันคาถาจากเด็กสองคนนั้นที่หุนหันพุ่งเข้ามาจะเสกคาถาใส่หน้า

     

    โดยที่เขาไม่แม้แต่จะดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

     

    เดรโกไม่ใช่คนไม่เก่งหรือไม่มีความสามารถด้านคาถาขนาดนั้น แฮร์รี่ทราบดี บางทีเรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เจอ ถ้าหากไม่คับขันหรือจวนตัวจริงๆ บางทีคนเราก็คงไม่มีแรงกระตุ้น แรงผลักดันที่จะทำให้มันสำเร็จได้ ดังเช่นเมื่อครู่ คงเป็นอีกหนึ่งวินาทีเฉียดตาย ความสามารถที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวพ่อมดสายเลือดบริสุทธิ์คนนี้จึงถูกงัดออกมา

     

    ลืมไปได้อย่างไร ว่าเดรโก มัลฟอยคือพ่อมดสายเลือดบริสุทธิ์ ความเก่งกาจของเขาต้องมีอยู่แล้ว แต่แค่ถูกใช้ในทางที่ผิด ที่ผ่านมามันจึงมีผลออกมาในแบบที่ไม่ดีเท่าที่ควร

     

    “พอตเตอร์”

     

    คล้ายคนฟังพร้อมรออยู่ก่อนแล้ว เส้นผมสีดำขยับเล็กน้อยเมื่อเจ้าของพยักหน้ารับเสียงเรียกของคนที่เดินข้างกัน

     

    “คาถาในห้องน้ำตอนนั้น นายไปเอามาจากไหน”

     

    เหมือนมีน้ำเย็นจัดพร้อมด้วยน้ำแข็งก้อนเล็กก้อนน้อยสาดโถมเข้าใส่เต็มใบหน้าของแฮร์รี่จนเขารู้สึกชาไปทั้งใบหน้า เผลอๆ มันยังจะลามไปตามร่างกายของเขาด้วย ฝ่ามือทั้งสองข้างรู้สึกเย็นชื้นขึ้นมาจนเขาเผลอกำมันเข้าหากันแน่น ดวงตาทั้งสองหลุกหลิกไปมา ในหัวเริ่มคิดประมวลหาคำตอบ

     

    “ไม่ต้องมาโกหกฉันด้วย ตอบมา”

     

    ราวกับโดนอ่านใจได้ แฮร์รี่พ้นลมหายใจฝืดๆ ของตัวเองออกมา พลางเงยหน้ามองคนข้างกายที่กดสายตามองมาอยู่ก่อน เดรโกในเวลาดูนิ่งและน่ากลัวกว่าครั้งไหนที่แฮร์รี่เคยเจอ เหมือนไม่ใช่คุณชายมัลฟอยจอมเหยาะแหยะที่เขาเคยรู้จัก

     

    ความลับไม่มีในโลก แฮร์รี่ปลอบใจตัวเอง

     

    “ศาสตราจารย์สเนป”

     

    ร่างสูงนิ่งกว่าที่แฮร์รี่คิด ตากลมช้อนมองคนถามอีกครั้ง และมันก็นิ่งอย่างที่แฮร์รี่สัมผัสได้ ไม่ได้มีแววตกใจ แปลกใจ หรือไม่พอใจใดๆ ในแววตาคู่สีหม่น มันนิ่งเกินจนแฮร์รี่นึกหวั่น

     

    หรือจะกำลังโกรธเขาอยู่

     

    คิดได้ดังนั้น ปากของแฮร์รี่ก็ไวกว่าสมองทันที

     

    “ขอโทษนะ”

     

    ลืมหมดแล้วทั้งทิฐิและความปากหนักของตัวเอง

     

    และครั้งนี้เดรโกมีปฏิกิริยาทันที

     

    “ขอโทษ? เรื่องอะไร?” เกือบขึ้นเสียงสูงด้วยความตกใจแล้ว แต่ยังดีที่เขายั้งตัวได้ทัน

     

    แฮร์รี่มีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก จะหัวเราะก็ทำได้ไม่สุดเสียง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน “ตอนปี 6 ในห้องน้ำ คือ..” แฮร์รี่เสียงสั่นอย่างคนที่กำลังจะร้องไห้ เดรโกขยับชิดอีกฝ่ายทันที “ขอโทษที่ทำไปแบบนั้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าผลของเวทมนตร์คืออะไรแต่ก็ดึงดันใช้ออกไป ถ้ามันไม่ใช่แค่...”

     

    “พอได้แล้วพอตเตอร์”

     

    เสียงสั่นๆ ของแฮร์รี่หยุดกึกลงทันทีเมื่อโทนเสียงนุ่มๆ ของเดรโกมาพร้อมกับฝ่ามือหนักๆ ที่วางลงบนกลุ่มผมสีดำอย่างเบามือ ดวงตาสีเขียวที่เริ่มคลอด้วยหยดน้ำเบิกกว้างด้วยไม่อยากจะเชื่อกับสัมผัสอ่อนโยนจากคนตรงหน้า และแฮร์รี่รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดอย่างมากที่เงยหน้ามองเดรโกในเวลานี้

     

    ครั้งแรกเลยหรือเปล่านะ ที่แฮร์รี่ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นชวนให้ใจสั่นจากเดรโก

     

    เดรโกในเวลานี้เหมือนชายผู้แสนดีคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดโทษโกรธใดๆ คนตรงหน้าแม้แต่น้อย ดูเป็นเดรโก ในแบบที่ไม่ใช่เดรโกเท่าใด เหมือนไม่ใช่คนเดิมที่ผ่านมา แต่ลึกๆ ก็สัมผัสได้เต็มหัวใจว่ายังไงคนนี้ก็คือเดรโก มัลฟอยคนเดิม

     

    แฮร์รี่เริ่มคิดแล้วว่าสมองของตัวเองมันเพี้ยนไปแล้ว

     

    ฝ่ามือหนาเคลื่อนออกจากกลุ่มผมนุ่มมือ เสียงถอนหายใจเบาอย่างคนผ่อนคลายทำให้แฮร์รี่โอนอ่อนสบายใจตาม แม้จะยังรู้สึกผิดอยู่จนแสดงออกมาทางสีหน้าได้อย่างชัดเจนจนเดรโกนึกเอ็นดูปนขำ

     

    “รู้อะไรไหมพอตเตอร์” เดรโกเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ดวงตาเรียวคมเพ่งมองไปนอกระเบียงที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน  “ตั้งแต่ได้เปิดใจคุยกับนายหลายๆ อย่าง ก็รู้สึกนะ ว่าเรามันคล้ายกัน”

     

    ร่างเล็กยืนนิ่งเงียบรอฟังในสิ่งที่เดรโกจะพูดต่ออย่างใจเย็น

     

    “ต่างกันหน่อย ที่นายอาจจะโทษตัวเอง ฉันดันโทษคนอื่น แต่ว่านะ..” ร่างสูงหันกลับมาประจันหน้ากับใครอีกคนอีกครั้ง เงียบเสียงไปเมื่อได้สบสายตากัน แม้เพียงครู่แต่ก็รู้สึกสั่นไหวไปทั้งหัวใจ

     

    เป็นความรู้สึกดีๆ อย่างน่าประหลาด

     

    เทียบกันแล้วในชีวิต ครั้งนี้คงเป็นอะไรที่ท้าทายเดรโกรองลงมาจากการพยายามจะฆ่าดัมเบิลดอร์ ลำพังแค่การจะได้พูดคุยดีๆ กับผู้ที่ครองฉายาคู่อริตลอดกาลของเขาก็ดูเป็นเรื่องเพ้อฝันจินตนาการไกลเกินเอื้อม แต่เรื่องที่ว่ากลับกำลังเป็นจริงแล้วในเวลานี้

     

    และเขาที่กำลังจะเอ่ยเตือนใจอีกฝ่าย จากที่เป็นฝ่ายได้รับมาโดยตลอด ก็ทำให้หนักใจไม่น้อย

     

    “นายทำให้ฉันรู้นะ ว่าเราทุกคนจะโตขึ้นจากความผิดพลาดของตัวเองหรือแม้แต่ของคนอื่น และมันก็จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นด้วย” นิ้วเรียวยาวของเดรโกสะกิดลงเบาๆ กลางรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าของแฮร์รี่ พ่วงด้วยรอยยิ้มอันตรายที่ทำให้แฮร์รี่ได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

     

    “และนายก็พิสูจน์ให้ฉันเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นด้วย เลิกโทษตัวเอง และฉันไม่เป็นไร ฉันยังอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่ตรงหน้านายนี่แหละ”

     

    ความอึดอัดใจและความรู้สึกผิดมากมายที่มันท่วมท้นในอกของแฮร์รี่มานานได้รับการปลดปล่อยเสียที เป็นความรู้สึกสบายใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก ใจดวงน้อยในอกเต้นกระหน่ำด้วยความลิงโลด มันไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นและยินดีขนาดนี้มาก่อน ก่อเป็นความรู้สึกแปลกๆ อย่างหนึ่งที่แฮร์รี่คงต้องใช้เวลาในการหาคำตอบมันอีกซักพัก

     

    แล้วก็หวังเหมือนกันว่าในดวงตาที่กำลังทอประกายอ่อนโยนตรงหน้าจะคิดเหมือนกันกับเขา

     

    “ขอบคุณนะ มัลฟอย”

     

     ____________________________


    *Expulso คาถาทำให้วัตถุระเบิด

    **คาถาสาปให้ร่างติดกัน (แขนขาติดกับลำตัว)

    ***คาถาเกราะวิเศษ


    TALK !

    #WizDMHP มาหวีดตรงนี้ด้วยก็ได้นะคะ ><

    เยะ ได้ฤกษ์มาอัพค่ะ หลังจากเงียบหายไปนาน ไม่ได้ไปไหน แค่เรื่องรวมเล่มที่เคยถามไป ได้ข้อสรุปว่าทำนะคะ! ช่วงที่ผ่านมาเลยหนีไปจัดการเรื่องรวมเล่ม แต่ทำไปทำมามันเครียดมากๆๆๆ เลยต้องหาอย่างอื่นมาเขียนแทน 55555

    ไม่ค่อยเครียดแล้วสำหรับตอนนี้ มันแบบงุ้งงิ้งกันนิดนึง เราเครียดได้ไม่นานหรอกค่ะ 5555 อยากห็นเขาเต๊าะกัน แค่กๆ

    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและการติดตามนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดด้วยค่ะ เราจะตั้งใจเขียนต่อไปแม้ลึกๆ แล้วเราจะแอบนอยด์จนอยากเลิกเขียนไปแล้วก็ตาม T^T แต่ตอนนี้ฮึบก่อนค่ะ กัปตันเรียกตัวกลับเรืออ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×