ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter : DM/HP Drarry] (รวม OS fic)

    ลำดับตอนที่ #17 : (Short Fic) Time Verse

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.18K
      303
      13 พ.ค. 62


    TIME VERSE

    Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

    Blue Mood | Drama 





    ▽ ผมเกลียดเขา และทุกๆ ความเกลียด มันทำให้ชีวิตผมสั้นลง

    ▽ ได้โปรด เลิกยุ่งกับฉันสักที

     

    △ เกลียดโชคชะตาบ้าบอที่ทำให้ผมมาติดบ่วงบ้าๆ นี่ มันไม่ตลกซักนิด

    △ ฉันไม่ต้องการเขา... ไม่.. อย่าไป

    100>1 | 1>100


    ⊗ เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่เขียนไว้จากฟิคเทรดในทวิต และนำมาลงเลย วิสจึงยังไม่ได้ตรวจดูพวกคำผิดนะคะ ⊗ 


    _________________________________


              เป็นดั่งฝันร้ายที่โชคชะตาเล่นตลกกับเขาเมื่อครั้งได้ย่างกรายเข้ามาภายในรั้วโรงเรียนเวทมนตร์ที่แสนใหญ่โต

              ไม่ว่าใครที่ต่างก็มีตัวเลขบ่งบอกถึงเวลาชีวิตของตนติดมาแต่กำเนิด ต่างเฝ้ารอคอยให้วันที่ตัวเลขพวกนั้นจะหยุดอยู่ที่กึ่งกลางพอดี

              ปรารถนาให้ใครสักคนที่จะเข้ามาเป็นอีกครึ่งของชีวิต

              ทุกคนเฝ้ารอคอยเช่นนั้น และมักจะดีใจเสียทุกครั้งเมื่อเจอใครอีกคนที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องด่วนจากโลกนี้ไป

              แต่ไม่ใช่กับคนคู่หนึ่ง

              ชีวิตของนักเรียนปี 3 แห่งฮอกวอตส์ก็ไม่ได้ราบรื่นมากนัก การเรียนการสอนที่เข้มงวดขึ้นทำให้เหล่านักเรียนพากันโอดครวญและร่ำร้องขอให้ศาสตราจารย์ลดการบ้านบ้าง แต่เหมือนจะไร้ผล

              แฮร์รี่ พอตเตอร์เหลือบตามองน้อยๆ ไปยังกลุ่มเพื่อนของเขาที่กำลังทำสีหน้าซังกะตายพร้อมริมฝีปากที่บ่นขมุบขมิบไปมา

              ในขณะที่กำลังจะคว้ากระเป๋าสะพายเพื่อออกจากห้อง เขาก็ถูกฝ่ามือปริศายื่นพุ่งเข้ามาคว้ากระเป๋าสะพายของเขาไว้จากด้านหลัง แฮร์รี่ซึ่งกำลังจะเดินไปด้านหน้า จึงเซถลาหงายหลังมาทันที

              “ทำบ้าอะไรของนาย!” แฮร์รี่ตวาดแหวเมื่อเขาทรงตัวได้อีกครั้ง

              เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากกลุ่มคนสามคน คนหน้าสุดกำลังยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าตากวนประสาทส่งมา

              เขาเกลียดเดรโก มัลฟอยที่สุด!

              “เฮ้!”

              เดรโกนิ่วหน้า ความปวดหนึบเล็กๆที่ช่วงต้นแขนทำให้เขาจ้องแฮร์รี่เขม็งมากยิ่งขึ้น แฮร์รี่มองเมินสายตานั้นรวมถึงความปวดหนึบที่ข้อมือของตนเองเช่นกัน

              “ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัว”

              “นี่ เดี๋ยว!”

              เด็กผมดำสะบัดข้อมือขวาซึ่งถูกคว้าไว้หลวมๆ ออกทันที แฮร์รี่รีบก้าวฉับออกจากห้องเรียนไป ไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่าง..อ่านไม่ออกของเดรโก เขารู้แค่ว่าเขาไม่ต้องการจะอยู่ใกล้เดรโกไปมากกว่านี้ เขาไม่อยากแม้แต่จะหายใจร่วมในระยะสามเมตรกับไอ้หมอนั่น!

              ความปวดหนึบที่ข้อมือขวาของแฮร์รี่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาทำได้เพียงกัดฟันอดทน

              แฮร์รี่สาวเท้าตึงตังกลับมายังหอพัก ช่วงเวลานี้ยังเป็นเวลาเรียนของหลายคน เพราะฉะนั้นในห้องโถงจึงไม่มีใคร

              แฮร์รี่เอนหลังพิงกับโซฟา หลับตาลงอย่างระเหี่ยใจ เขาต้องการพัก.. ทั้งร่างกายของเขา และหัวใจ

              หลับตาไปได้ซักพัก หอนอนก็เริ่มมีคนเดินเข้ามาแล้วเมื่อเห็นว่ามีใครกำลังพิงโซฟาหลับตาอยู่คนที่เดินเข้ามาก็พากันเงียบเสียงลงด้วยความเกรงใจ

              พลันที่ไหล่ของแฮร์รี่ก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่วางทับลงมาแผ่วเบา เขาครางรับมนลำคอแผ่วๆ แล้วเปิดเปลือกตาขึ้นเชื่องช้า

              “เลิกเรียนแล้วเหรอ” เขาหันไปถามเด็กสาวผมฟูข้างกาย

              เธอยักไหล่เป็นคำตอบ ดวงตาจ้องมองเพื่อนของเธอที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ ก่อนที่จะเหลือบไปยังบริเวณข้อมือของแฮร์รี่ซึ่งโผล่พ้นแขนเสื้อออกมา

              “แฮร์รี่.. โอ้ไม่นะ มันลดลงอีกแล้วเหรอ!?”

              เฮอร์ไมโอนี่คว้าข้อมือของแฮร์รี่มาสำรวจใกล้ๆ เขาตกใจนิดหน่อยกับการกระทำอันรวดเร็วของเธอ เหลือบตามองที่ข้อมือเจ้าปัญหานั่นก่อนจะเบือนหนี

              “ช่างมันเถอะ”

              “จะช่างมันได้ไง! นี่มัน.. 42 แล้วนะแฮร์รี่!”

              คนฟังแสร้งหูทวนลม

              “งั้นแบบนี้ ของมัลฟอยก็ต้อง 58 แล้วน่ะสิ?”

              “ใครจะสนล่ะ”

              แฮร์รี่สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที เมื่อท่อนแขนของขาถูกเพื่อนสาวฟาดลงอย่างแรง ใบหน้าแฮร์รี่เหรอหราไปมาแล้วรีบชักแขนกลับมาลูบ เฮอร์ไมโอนี่ปั้นหน้าดุแล้วเริ่มเอ่ยปาก

              “ฟังนะแฮร์รี่ เธอจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เธอก็รู้ว่ามันจะมีผลเสียยังไงกับตัวเธอบ้าง” เธอคว้าข้อมือของแฮร์รี่มาลูบอีกครั้ง “ถามจริงๆ เหอะ ถ้าขืนความสัมพันธ์ของเธอกับมัลฟอยไม่คืบหน้าไปเลยแบบนี้ จนเลขของมันลดลงจนเหลือหนึ่ง...”

              “ก็ตายไง”

              “แฮร์รี่!”

              “คนเราใครก็ต้องตายกันทั้งนั้น เฮิร์ม” แฮร์รี่ถอนหายใจ “แต่ฉันก็แค่ตายไวขึ้น จะให้ไปผูกมิตรกับไอ้คนปากไม่มีหูรูดแล้วก็นิสัยเสียนั่นงั้นเหรอ ฝันไปเหอะ”

              เป็นฝ่ายเด็กสาวถอนหายใจบ้าง เธอก้มมองดูตัวเลขสีจางตรงข้อมือของแฮร์รี่ก่อนจะลูบเบาๆ แม้ตั้งแต่ปีหนึ่งมาจนถึงตอนนี้ซึ่งกำลังอยู่ปี 3 ตัวเลขจะลดลงไปที่ 42 เหมือนไม่มาก แต่ก็ไม่ได้ดีนัก เพราะทุกครั้งที่เลขลดลง ร่างกายของแฮร์รี่ก็จะแย่ไปด้วย

              และที่สำคัญคือไม่ว่าเลขของแฮร์รี่จะลดหรือเลขของมัลฟอยจะเพิ่มอย่างไร พวกเขาก็ไม่คิดที่จะทำให้มันกลับมาที่ 50 เหมือนเดิมเหมือนคนคู่อื่นๆ

              หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็ไม่วายที่จะต้องด่วนตายจากโลกไปสักวันแน่นอน

              โชคชะตาก็ช่างเล่นตลกเสียเหลือเกิน ที่ให้คู่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์คือเดรโก มัลฟอยคนนั้น คนที่ไม่ถูกกันแต่แรก

              แฮร์รี่เคยลองลดอคติของตัวเองด้วยการยอมเข้าไปคุยดีๆ กับมัลฟอยเมื่อครั้งที่เลขของเขาลดลงไปสองตัว อย่างน้อยไม่ต้องรักกัน ขอแค่ให้เลขอยู่ที่ 50 แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติให้ได้ก็พอ

              แต่เขาก็ถูกมัลฟอยปฏิเสธมา ถูกกล่าวว่าด้วยถ้อยคำที่ไม่ได้น่าฟังเลยสักนิด

              วันนั้นตัวเลขของแฮร์รี่ลดไปอีกหนึ่งทันที

              จากนั้นแฮร์รี่ก็ล้มเลิกที่จะสงบศึกกับมัลฟอย แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยเช่นกัน ในเมื่อเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้ เขาเลือกที่จะมองอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุเอง

              แม้ว่าอีกคนเหมือนจะไม่ได้มองเขาในแบบเดียวกันก็ตาม

              “แฮร์รี่ ไปพักหน่อยไหม หน้าเธอดูซีดมากเลย”

              เด็กชายยิ้มเฝื่อนให้เพื่อนสาว เขายอมลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าหอนอนของตัวเอง

              เขาทิ้งตัวลงบนเตียงสี่เสาของตัวเอง แขนขวาถูกยกขึ้น ข้อมืออยู่ตำแหน่งเดียวกับดวงตาพอดี ดวงตาสีเขียวกะพริบเชื่องช้า จ้องมองดูตัวเลข 42 ตรงข้อมือด้วยจิตใจวูบโหวงและสายตาที่สลดลง

              เขาพยายามที่จะทำให้เลขไม่ขยับ เขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้ตัวเองแย่ลงหรือแม้แต่ตัวมัลฟอยเอง แม้อีกฝ่ายดูจะไม่ได้อ่อนแรงหรือเป็นอะไรสักนิดยามที่เขาพบเห็นก็ตาม

              แฮร์รี่มักจะสังเกตมัลฟอยเสมอ รู้ตัวอีกที สายตาของเขาก็มักจะมองหาเด็กชายผมบลอนด์คนนั้นทุกครั้งที่มีโอกาส

              เขาเองก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงต้องคอยมองไอ้บ้านั่นหรือห่วงว่าตัวเลขจะขยับ

              สิ่งที่เขามักจะตอบกับตัวเองที่บ่อยที่สุด คือแค่ไม่ต้องการให้ตัวเลขมันขยับโดยไม่มีสาเหตุ จนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ไม่อย่างนั้น คุณชายบ้านงูนั่นคงไม่วายมาหาเรื่องทะเลาะกับเขาอีกจนได้

              ใช่ เตือนตัวเองไว้แบบนี้ เก็บเหตุผลจริงๆ ไว้ลึกให้สุดในหัวใจของเขาเอง

              เหตุผลที่แท้จริง...

     

              เหตุผลที่แฮร์รี่ ชอบเดรโก มัลฟอย


     _________________________________


              แฮร์รี่ทะเลาะกับเดรโกอีกครั้งในคาบเรียนสัตว์วิเศษกับแฮกริด แม้จะไม่ใช่การทะเลาะที่จริงจังมากนักจนทำให้ตัวเลขขยับไปอีก แต่มันก็ทำให้แฮร์รี่รู้สึกหัวเสียไม่น้อย แต่เขาพยายามที่จะนับหนึ่งถึงสิบในใจจนปัดผ่านความขุ่นข้องในใจออกไป

              เขาไม่ได้อยากทำตัวงอแง เอะอะๆ นิดๆ หน่อยๆ เลขขยับ เลขลดเลขเพิ่มหรอกนะ

              เพราะถ้าเกิดเป็นเช่นนั้น เลขเขาคงลดเหลือน้อยไปมากกว่านี้

              เด็กผมดำมองตามร่างของเดรโกที่ถูกแฮกริดอุ้มออกไปจากป่า

              สมน้ำหน้า ก็ใครใช้ให้ไปทำท่าทางอวดดีแบบนั้นใส่บัคบีคกันล่ะ น่าจะโดนตบให้หัวหลุดไปเลย

              ครั้นเลิกเรียนในวันนั้น แฮร์รี่ก็แอบย่องมาที่ห้องพยาบาล

              เขาเกาะขอบประตู ค่อยๆ ชะโงกหน้ามองเข้าไปในห้องพยาบาล กลิ่นในห้องนี้ไม่ได้ทำให้เขาชะงักเท่าไหร่ เพราะช่วง 2 ปีก่อน แฮร์รี่ก็มักจะได้เข้ามาบ่อยๆ

              ร่างของเดรโกนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกลางห้อง

              แฮร์รี่ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เดรโกดูไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงเฝือกที่ใส่อยู่ที่แขนขวา แค่นี้แฮร์รี่ก็เบาใจแล้ว

              “พอตเตอร์”

              ร่างเล็กที่กำลังจะย่องออกจากกรอบประตูพลันสะดุ้งขึ้นมา เมื่อคนที่นั่งเฝ้าข้างเตียงเดรโกอย่างแพนซี่ พาร์กินสันเรียกเขาเสียงเบา

              เด็กหนุ่มกลอกดวงตาเลิ่กลั่กไปมา ในหัวคิดว่าควรโผล่หน้าไปดีหรือเปล่า

              “เข้ามาเถอะ ฉันจะไปพอดี” เธอว่าแบบนั้นแล้วลุกขึ้น

              ดวงตากลมหลังกรอบแว่นเบิกมองเด็กสาวที่เดินหยุดอยู่ข้างเขา แฮร์รี่เบนสายตาหลบแล้วผงกหัวให้เธอเล็กน้อย แพนซี่ไม่ได้ผงกหัวหรือยิ้มตอบ เธอพูดเสียงเอื่อย

              “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

              คนฟังเลิกคิ้ว อย่างแพนซี่ที่ไม่ชอบขี้หน้าเขาน่ะนะกำลังบอกให้เขาดูแลตัวเอง? แฮร์รี่ยืนงุนงงอยู่ที่เดิมซักพักแม้แพนซี่จะจากไปแล้ว ก่อนตัวเองจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่

              แฮร์รี่เดินเข้าไปในห้องพยาบาล หยุดลงข้างเตียงที่มีคนป่วยนอนหลับสนิทอยู่

              ดวงตาสีเขียวกวาดมองไปที่เฝือกตรงแขนขวาซึ่งวางอยู่บนหน้าท้องของเจ้าตัว

              แฮร์รี่ยื่นมือไปลูบอย่างระมัดระวังเพื่อกันคนบนเตียงไม่ให้ตื่นขึ้นมาเสียก่อน

    ใบหน้าของเดรโกยังคงดูดีเหมือนเดิม ไม่ได้ดูซีดเซียวแบบคนไม่สบายแม้เจ้าตัวจะผิวขาวเท่าใดก็ตาม มันยังเป็นผิวขาวที่ดูสุขภาพดี

              แฮร์รี่ยิ้ม

              เขาทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมที่แพนซี่เคยนั่งเมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายหลับสนิทเพราะลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ มือเล็กวางลงข้างๆ มือซ้ายของเดรโกที่วางอยู่ข้างตัว เขาจ้องมัน

              จับมันได้ไหมนะ? สัมผัสคนตรงหน้าได้รึเปล่า?

              ไวกว่าความคิด ปลายนิ้วของแฮร์รี่ค่อยๆ ขยับเกี่ยวกับปลายนิ้วของเดรโก

              ขาใจเต้นนิดหน่อย นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้สัมผัสร่างกายของคนตรงหน้า

              เมื่อลอบสังเกตแล้วว่าเดรโกจะไม่ตื่นขึ้นมาโวยวายใส่เขา แฮร์รี่ก็ขยับมือเข้าไปประสานกับมือขาวมากขึ้น

              แล้วใจของแฮร์รี่ก็รู้สึกฟูฟ่องขึ้นมามากขึ้นเมื่อจู่ๆ มือของเดรโกก็เหมือนจะบีบประสานมือของแฮร์รี่ตอบ

              ร่างบนเตียงบิดตัวไปมาเล็กน้อย เขาขยับมือตัวเองที่มีมือของแฮร์รี่ประสานไว้หลวมๆ ให้แน่นขึ้น แล้วแฮร์รี่ก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อเดรโกดึงมือขึ้นไปแนบแก้มตัวเอง

              42>43 | 58>57

              แก้มของแฮร์รี่ร้อนผ่าว เขานั่งนิ่งตัวแข็งค้างทันทีเมื่อมือถูกดึงขึ้นไปในตำแหน่งแก้มของคนที่นอนอยู่

              ใจของแฮร์รี่เต้นแรงด้วยความดีใจ

              เท่านี้ก็พอแล้ว.. เด็กหนุ่มมองตัวเลขที่ขยับกลับขึ้นมาหนึ่งเลขด้วยจิตใจที่พองฟู

    .....

              เดรโกตื่นขึ้นมาตอนหัวค่ำเมื่อเพื่อนของเขาเข้ามาตาม

              มาดามพรอมฟรีย์บอกว่าเดรโกสามารถกลับไปพักที่หอของตัวเองได้ เขาไม่อิดออดอะไร ออกจะดีเสียอีกที่ได้นอนบนเตียงนุ่มสบายที่หอตัวเอง

              ร่างสูงบิดตัวเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองมือซ้ายของตัวเอง

              ความรู้สึกอุ่นวาบยังคงติดอยู่กับฝ่ามือ และไม่รู้ทำไม เดรโกรู้สึกเสียดายที่มันไม่มีอยู่แล้ว เขารู้สึกต้องการมันอีก

              เมื่อกลับมาถึงหอพัก เดรโกเดินลิ่วเข้าห้องของตัวเอง จัดการถอดเสื้อผ้าเพื่อที่จะอาบน้ำ ดวงตาคมเบิกมองไปยังต้นแขนข้างซ้ายของตัวเอง ตำแหน่งซึ่งมีตัวเลขสีจางติดอยู่

              เขาจำได้ วันก่อนที่เขาหาเรื่องก่อกวนแฮร์รี่ เลขของเขาขยับเพิ่มจากเลขเดิมไปถึงสองเลข และมันหยุดที่58 แต่ในตอนนี้มันกลับอยู่ที่ 57 — มันลดลง

              ความรู้สึกอุ้นร้อนพลันจุดขึ้นในหัวใจ สัมผัสผะแผ่วที่ติดจางอยู่ที่ปลายนิ้ว ทำให้เดรโกมั่นใจได้ทันที

              เดรโกยิ้ม

              แล้วค่ำวันนั้นในหัวของเดรโกก็มีแต่เรื่องของคนๆ หนึ่งอยู่ในหัว และเขาก็อมยิ้มไปตลอดทั้งคืน

              เช้าถัดมา แฮร์รี่เองก็ยังคงทำตัวปกติ เขามองเมินคนผมบลอนด์ที่ทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหา รีบเลี้ยวที่หัวมุมระเบียงแล้วไปยังห้องเรียนของตัวเองที่เรียนร่วมกับเด็กฮัฟเฟิลพัฟ

              เดรโกรู้สึกงุ่นง่านนิดหน่อย วันนี้ทั้งวันสลิธีรินกับกริฟฟินดอร์ไม่มีคาบเรียนร่วมกัน นั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสเจอแฮร์รี่เลยยกเว้นเวลามื้ออาหาร

              โถงใหญ่ช่วงมื้อเย็น แฮร์รี่และสหายอีกสองกำลังนั่งกินอาหารกันอย่างทุกทีจวนจะอิ่ม แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง จนเจ้าของชื่อต้องหันกลับไป

              “อะไร?” แฮร์รี่เหลือบหางตามองอย่างนิ่งเฉย

              “เย็นชาจังนะ เมื่อวานไม่เป็นงี้นี่ ใช่มะ” เดรโกยักคิ้วเสริม มุมปากยกยิ้มคล้ายจะเยาะเย้ย

              คิ้วหนาได้รูปขมวดเข้าหากัน เขาเริ่มหมดอารมณ์อยากอาหารแล้ว

              แฮร์รี่ตัดสินใจรวบช้อนส้อมและจานตรงหน้า แม้ว่าของหวานจะยังไม่ถูกเสิร์ฟ เขาบอกลาเพื่อนทั้งสองห้วนๆ แล้วลุกหนีออกจากโต๊ะอาหารไปทันที

              คล้ายได้จังหวะเหมาะของคุณชายบ้านงู ร่างสูงรีบลุกขึ้นแล้วปรี่เดินตามคนตัวเล็กไปติดๆ

              “จะไปไหนล่ะพอตเตอร์”

              “กลับห้อง”

              “จะรีบหนีไปไหนล่ะ ไม่มาทำให้เลขมันขยับไปในทางที่ดีหน่อยเหรอ?”

              แฮร์รี่ขมวดคิ้วฉับ เขาหันมาตีหน้ายุ่งใส่คนที่หยุดยืนด้านหลัง

              มุมปากของเดรโกกระตุกขึ้นอย่างเวลาที่เจ้าตัวนึกแผนจะแกล้งใครออก แฮร์รี่รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที เขาถอยร่นไปเรื่อยๆ เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามา เมื่อแฮร์รี่ตัดสินใจจะออกตัววิ่ง เขาก็โดนคว้าแขนไว้

              แล้วสิ่งที่แฮร์รี่ไม่คาดคิดไว้ก็เกิดขึ้น

              ริมฝีปากของเขาถูกเดรโกครอบครองอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาทั้งสองเบิดกโพลงด้วยอารามตกใจ สองมือพยายามดันอกอีกคนออกแต่เดรโกกลับแรงเยอะกว่าที่เห็น

              แฮร์รี่ดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ถูกเดรโกรัดตัวแน่นขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มลุกล้ำมากขึ้น

              มันไม่ได้รู้สึกดีสักนิด!

              ใช้เวลาซักพัก แฮร์รี่ก็สามารถสลัดตัวหลุดออกจากวงแขนของเดรโกออกได้ เขาสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่และจัดการตวัดหมัดลงบนใบหน้าของเดรโกอย่างแรง

              “ไอ้บ้าเอ๊ย! ฉันเกลียดนาย! มัลฟอย!!”

              พร้อมกับตัวเลขที่ลดลงไปอีกสอง


     _________________________________


              วันหยุดคริสต์มาสปีนี้แฮร์รี่เลือกที่จะไม่กลับไปยังบ้านเดอร์สลีย์อย่างเคย เข้าลงชื่ออยู่ที่ฮอกวอตส์แบบไม่ต้องคิด แต่ต่อให้แฮร์รี่อยากจะกลับ คาดว่าปีนี้เขาคงกลับไม่ได้

              เด็กหนุ่มผมดำนอนอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียนด้วยใบหน้าซีดเซียว เฮอร์ไมโอนี่เองก็ตัดสินใจที่จะไม่กลับบ้านเช่นกันเพราะต้องการอยู่ดูแฮร์รี่แม้ว่าเขาจะบอกปฏิเสธให้เธอกลับไปก็ตาม

              ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีใครตัดสินใจกลับบ้านซักคน

              แฮร์รี่ขอโทษทั้งสองที่ทำให้พวกเขาอดใช้ชีวิตในวันหยุดกับครอบครัว

              ส่วนเหตุผลที่แฮร์รี่ต้องมานอนในห้องพยาบาลแบบนี้ก็เพราะตัวเลขตรงข้อมือที่ลดลงไป — 41

              แม้จะเป็นตัวเลขที่เท่าเดิมกับคราวก่อน หลังจากที่เขาโดนจูบ — อย่างไม่เต็มใจ แต่มันก็ส่งผลให้ร่างกายของแฮร์รี่อ่อนแอลงเรื่อยๆ มาดามพรอมฟรีย์ค่อนข้างจะลำบากใจไม่น้อยกับตัวเลขนี้ ไม่เคยมีนักเรียนคนไหนที่เลขลดหรือเพิ่มมากไปกว่า 5 เลขเลย

              “อยากกินอะไรหน่อยไหม”

              เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เธอลูบหลังของแฮร์รี่อย่างแผ่วเบา รอนเองก็ทำท่าพร้อมจะวิ่งไปที่ห้องครัวได้ทุกเมื่อหากแฮร์รี่บอกว่าเขาต้องการพายฟักทอง

              แต่คนป่วยกลับส่ายหน้าและยิ้มจางๆ เท่านั้น

              เพื่อนสนิทอีกสองยิ้มเฝื่อนให้กัน พวกเขาเงียบและมองดูแฮร์รี่หลับตาลง ไม่นานนัก คนบนเตียงก็เข้าสู่นิทรา

              รอนและเฮอร์ไมโอนี่พากันเดินออกจากห้องพยาบาลเมื่อแฮร์รี่หลับสนิท ทั้งสองคนตีหน้าขรึมเมื่อเดินไกลออกมาพอสมควร

              “ไอ้เฟอเร็ทงี่เง่านั่นมันชักจะเกินไปแล้วนะ! 3 ปี ลดไปแล้ว 9 เลข ยันจบปี 7แฮร์รี่จะมีเลขเหลือซักเท่าไหร่กันเอง!”

              เด็กสาวเพียงหนึ่งพยักหน้ารับ เธอเองก็กังวลไม่แพ้รอนเลย และก็ไม่เห็นหนทางที่แฮร์รี่และมัลฟอยจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีได้เลย ลำพังแค่แฮร์รี่ตั้งใจที่จะอยู่เฉยๆ เพื่อให้เลขคงที่ แต่สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายก่อกวน

              มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าหากว่าใครอีกคนรู้สึกแย่ไปตามๆ กัน

              น่าสงสัยไม่น้อยว่าทำไมมัลฟอยถึงได้ดูไม่เป็นอะไรเลย

              สองสหายพากันเดินไปทางห้องพักอาจารย์ ศาสตราจารย์มักกอนากัลต้องมีคำตอบสำหรับคำถามนี้อย่างแน่นอน

              “คำถามนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” ศาตราจารย์วัยชราว่าด้วยน้ำเสียงเครียด “แต่จากการสันนิฐานของฉัน..ฉันคิดว่าเพราะคุณพอตเตอร์...น่าจะมีความรู้สึกไปในทางที่ดีกับคุณมัลฟอยมากกว่า”

              มักกอนากัลตอบอย่างไม่มั่นใจ เธอเองก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เคยเจอคู่ไหนที่ประจวบเหมาะกับการเป็นศัตรูกันพอดีแล้วยังมีคนหนึ่งที่ดูอาการแย่แบบนี้ นับได้ว่าแฮร์รี่ถือเป็นเคสที่แปลกพอตัว

              “ตามที่ศาสตราจารย์มักกอนากัลว่า” เสียงทุ้มต่ำของอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ดังแทรกขึ้นมา เขาส่งยิ้มละมุนให้เด็กนักเรียนที่คุ้นหน้าทั้งสองก่อนจะหันไปยิ้มให้ศาตราจารย์หญิง “นั่นเพราะว่าคุณพอตเตอร์ไม่ได้คิดว่าคุณมัลฟอยเป็นศัตรูจริงๆ ยังไงล่ะและไม่ได้มองว่าเป็นเพื่อนเฉยๆ ด้วย”

              “มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับศาตราจารย์” รอนแย้งหน้าเหวอขึ้นมาทันที เขาคิดว่าเขาเข้าใจแต่กำลังภาวนาในใจว่าขอให้เขาคิดผิดและไม่เป็นจริงอยู่

              ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เฮอร์ไมโอนี่ที่คิดตามได้แต่แรกมีสีหน้ากังวล ไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

              “มีทางแก้ไขไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยอย่างมีความหวัง

              ศาตราจารย์สองคนสบตากัน ทั้งคู่จับปลายคางครุ่นคิด มักกอนากัลเดินไปที่ชั้นหนังสือภายในห้องและหยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่ม

              เฮอร์ไมโอนี่มองด้วยความสนใจทันที เธอขยับเข้าไปใกล้ศาตราจารย์ประจำบ้านและยื่นหน้าเข้าไปดู

              “เวทมนตร์เก่าแก่งั้นเหรอคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

              “ใช่แล้วคุณเกรนเจอร์” เธอพลิกหน้าหนังสือไปด้วย “ฉันคิดว่าฉันเคยอ่านเจอนะ เรื่องที่จะลบตัวเลขนี่ออกน่ะ แต่เงื่อนไขมัน... จริงๆ ฉันก็ไม่อยากแนะนำให้ทำอยู่ดี”

              “เงื่อนไขคืออะไรงั้นเหรอครับ?”

              เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าคล้ายเห็นด้วยกับรอน เธอจ้องศาตราจารย์มักกอนากัลเขม็ง

              หญิงชราเม้มปากแน่น เธอเหลือบตามองอาจารย์ใหญ่ข้างกาย และดัมเบิลดอร์ก็พยักหน้าตอบกลับ

              “เพราะมันเป็นเวทมนตร์เก่าแก่ ต้องเป็นพ่อมดแม่มดที่อายุมากจริงๆ ถึงจะมีโอกาสทำสำเร็จ เพราะหากไม่สำเร็จ..มันเสี่ยงถึงชีวิตคุณพอตเตอร์”

              เด็กหนุ่มสาวบ้านสิงห์พากันเดินกลับมาที่ห้องพยาบาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว พวกเจาอยากช่วยเพื่อน แต่ลำพังศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ทีาเป็นถึงพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่อาจใช้เวทมนตร์เก่าแก่นั่นได้อย่าง 100% แล้วจะนับประสาอะไรกับพวกเขากัน

              เรื่องนี้อย่างน้อยก็ต้องลองถามความเห็นจากแฮร์รี่ดู ดัมเบิลดอร์บอกว่าเขาจะลองพยายามดู แต่ต้องได้รับการยินยอมจากแฮร์รี่เสียก่อน

              ทั้งสองหยุดลงที่หน้าห้องพยาบาล ดวงตาสองคู่เบิกค้างเมื่อเห็นว่ามีใครนั่งอยู่ข้างเตียงของแฮร์รี่

              รอนรู้สึกเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันที เขาเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปในห้องพยาบาลอยู่แล้วแต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคว้าทัน

              เดรโกดึงมือของแฮร์รี่มากุมไว้หลวมๆ เขาจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของคนที่นอนอยู่บนเตียงแน่นิ่ง บอกไม่ถูกนักว่าเขารู้สึกอย่างไร

              เขายังคงไม่ชอบพอตเตอร์และอิจฉาเด็กคนนี้เหมือนเดิม เขายังมองว่าพอตเตอร์เป็นศัตรูและคนที่จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ตลอด

              เกลียดโชคชะตาบ้าบออะไรก็ตามที่ทำให้เขาต้องมาผูกพันธะแห่งเวลากับคนๆ นี้ เป็นตลกร้ายและฝันร้ายชัดๆ

              เขาชอบใครไม่ได้ รักใครคนอื่นไม่ได้ก็เพราะพันธะบ้าๆ นี่

              แฮร์รี่ขยับตัวนิดๆ มือเล็กกุมมือเขาตอบ เสียงครางแผ่วคล้ายแมวทำให้เดรโกหลุดยิ้มออกมา

              ร่างสูงขยับตัวเปลี่ยนที่นั่ง เขาปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างคนที่กำลังนอนอยู่

              แฮร์รี่ขยับตัวเข้าหาความอบอุ่นนั้นโดยไม่รู้ตัว ถ้าแขนขวาของเดรโกไม่ใส่เฝือกอยู่เขาก็อยากจะลองลูบเส้นผมนุ่มนั่นดู

              เดรโกเหลือบมองที่ข้อมือของแฮร์รี่ — เลข 41 จางๆ นั่น

              ทุกครั้งที่เลขมีการขยับไปในทางที่ไม่ดีนักทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากเขา เขารู้ตัวดี มันก็ค่อนข้างจะน่ารำคาญใจไม่น้อย ตอนนี้เขาก็กำลังปรึกษากับพ่อเรื่องการลบพันธะ

              อีกไม่นาน ทั้งเขาและพอตเตอร์ก็จะได้จบบ่วงที่ไม่น่าพิสมัยนี่เสียที ตัดขาดและเลิกราจากกันอย่างถาวร และเขาก็จะสามารถค่อนแขวะอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลอีก

              ร่างสูงปล่อยมือ ลงจากเตียง เขายืนหน้านิ่งจ้องคนที่ยังนอนไม่รู้เรื่อง

              จู่ๆ ในใจก็รู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาเมื่อคิดว่าจะไม่ต้องผูกพันธะกับพอตเตอร์อีก ดวงตาสีเทาซีดหลุกหลิกไปมา ใช่ เขาไม่ต้องการพอตเตอร์ ไม่หรอก เขาเกลียดพอตเตอร์

              41>40 | 59>60

              “อึก!!”

              คนที่ลอบสังเกตการณ์ที่หน้าห้องพยาบาลพากันสะดุ้งตกใจ ทั้งร่างของแฮร์รี่ที่นอนบนเตียงจู่ๆ ก็กระตุกเกร็งขึ้นมาก่อนจะดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย

              ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงก็ทรุดนั่งลงไปกับพื้นข้างเตียงทันที

              “แฮร์รี่! / มัลฟอย”

              รอนรีบพุ่งเข้าไปดูแฮร์รี่ที่ยังดิ้นบนเตียงไปมาแม้ว่าจะยังหลับตา ส่วนเฮอร์ไมโอนี่เธอก็เลือกเข้าไปช่วยมัลฟอยอย่างช่วยไม่ได้

              “เฮ้ย! 40!!” รอนร้องแหวออกมาอย่างตกใจเมื่อเหลือบมองไปยังข้อมือของแฮร์รี่

              เดรโกขึ้นมองร่างบนเตียงอย่างเหลือเชื่อก่อนจะรีบหลบตาหนี

              “ไอ้เฟอเร็ท!! ไอ้สารเลวนี่!!”

              “ไม่เอาน่ะรอน! รีบไปเรียกมาดามพรอมฟรีย์มาก่อน แฮร์รี่ดูแย่แล้ว”

              รอนที่กำลังจะพุ่งเข้ามาประเคนหมัดจำต้องชะงักเพราะคำสั่งของเฮอร์ไมโอนี่

              คนผมบลอนด์เงยหน้ามองยังคนบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าที่ซีดลงกว่าเดิมของแฮร์รี่ทำให้เดรโกยิ่งรู้สึกเจ็บที่หน้าอกมากขึ้น ทั้งยังรู้สึกหายใจไม่สะดวก

              ยิ่งผนวกกับหยดน้ำใสๆ ที่ไหลจากหางตาของคนป่วย เดรโกก็รู้สึกราวกับตัวเองถูกสาป

              นี่เป็นความเจ็บปวดครั้งแรกของเดรโก ทุกทีเขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่ามันปวดหนึบที่ต้นแขนของเขาและหน่วงในอกเป็นพักๆ เท่านั้น แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเมื่อเลขของเขาขยับมากขึ้นไปถึงสิบแล้ว

              เป็นความรู้สึกที่พอตเตอร์รู้สึกมาตลอดเลยรึเปล่า?

              จ้าของผมบลอนด์ยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เขาไม่ต้องการให้อาจารย์ห้องพยาบาลรักษา ตอนนี้คนที่เขานึกถึงคือพ่อทูนหัวของเขาเท่านั้น

              เดรโกรีบผละออกจากการเกาะกุมของเด็กสาวบ้านสิงห์ มือขวายกกุมหน้าอกตัวเองไว้แล้วรีบเซออกจากห้องพยาบาลไป

    แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะพ้นขอบประตู เสียงทุ้มหวานจากคนที่ยังนอนขยับด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวก็พึมพำชื่อของเขาออกมาจนเขาชะงักไปทันที

              “มัล..ฟอย..”

              เขาเหลือบหางตามองเข้าไปในห้อง มือของแฮร์รี่ปัดไปมาควานหาอะไรบางอย่าง เฮอร์ไมโอนี่กุมเอาไว้ แต่เหมือนนั่นไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการ — เดรโกกัดปากตัวเองแน่น

              “มัลฟอย..ได้โปรด อย่างน้อย ขอแค่ให้เลขขยับขึ้นมาหนึ่งตัวก็ยังดี” เฮอร์ไมโอนี่ว่าเสียงอ่อนอย่างอ้อนวอน

              ร่างสูงจ้องตอบเด็กสาว เขาเชิดคางขึ้นและยกคิ้ว ด้วยท่าทางอวดดีอย่างทุกที ทำไมเขาจะต้องแคร์ด้วยว่าพอตเตอร์จะเป็นยังไง เขาไม่ควรแคร์ ไม่ควรสนใจอะไรทั้งสิ้น

              “เดี๋ยวมันก็หาย”

              เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง เธอมองร่างของเด็กบ้านสลิธีรินที่หมุนตัวจากไปโดยที่พูดอะไรไม่ออก


    _________________________________


              เดรโกมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพยาบาลอีกครั้ง พร้อมกับพ่อทูนหัวของเขาด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนักเมื่อต้องกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง

              ดวงตาสีเทาซีดมองเข้าไปในห้อง บนเตียงนั่น ร่างของเด็กผมดำนิ่งสนิทแล้ว ไม่ได้มีท่าทางทรมานเหมือนตอนที่เขาจากไป แต่ติดที่ว่าเขานี่สิ ที่ยังมีอาการเจ็บแปลบในอกอยู่ แม้จะทุเลาลงไปจากยาของสเน็ปก็ตาม

              “ผมพาเด็กของผมมาแล้ว ศาสตราจารย์มักกอนากัล”

              “มานี่สิคุณมัลฟอย”

              เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อกลอกตาปั้นหน้าเซ็ง ข้างเตียงนั่นมีทั้งเพื่อนสนิทของเด็กผมดำทั้งสอง ศาสตราจารย์หญิงบ้านกริฟฟินดอร์ มาดามพรอมฟรีย์ และยังพ่วงด้วยอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์อีกด้วย

              เหอะ กับอีแค่อาการของตัวเลขลด ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

              ใบหน้าของแฮร์รี่ยังคงซีดเซียวแม้จะไม่มีเค้าความทรมานเหลืออยู่ เดรโกปรายตามองเพียงครู่ก่อนจะหันไปสบตากับอาจารย์หญิงที่จ้องเขาอยู่ก่อน

              “ตัวเลขระหว่างเธอและคุณพอตเตอร์.. มันค่อนข้างดำเนินไปในทางที่แย่ ทราบใช่ไหม”

              “ครับ ทราบดี”

              “แล้วเธอมีอาการยังไงบ้างคุณมัลฟอย”

              “ผมสบายดี”

              “แต่เมื่อครู่เหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นนะคุณมัลฟอย” เสียงเย็นเยียบจากอาจารย์ชายผมดำขลับเอ่ยขึ้น เดรโกสะดุ้งเล็กน้อย ก้มหน้าหลบตาเหล่าบรรดาคนในห้อง

              “ใช่ค่ะ ตอนเลขหายไปครบสิบตัว มัลฟอยเองก็ทรุดลงไป”

              “หุบปากเธอไปน่ะยัยเกรนเจอร์”

              “อย่าว่าเธอนะ!”

              “เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน”

              อาจารย์หญิงเอ่ยขึ้นพลางแทรกตัวระหว่างเด็กทั้งสามออกจากกัน เธอดันเด็กในความดูแลทั้งสองออกไปเล็กน้อย ก่อนจะจ้องเด็กผมซีดตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง

              “จริงๆ เรามีวิธีที่น่าจะช่วยพวกเธอทั้งคู่ได้”

              “จริงเหรอครับ!?” เขาถามอย่างตื่นเต้น

              “ใช่ แต่ปัญหาคือเราไม่มีผู้เชี่ยวชาญมากพอ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยังไม่มั่นใจ แต่เขาบอกจะลองดู”

              “ผมยินดี ไม่ว่าจะด้วยอะไร”

              เฮอร์ไมโอนี่มองท่าทางตื่นเต้นของมัลฟอยแล้วพลันหมองลงในทันที เธอเลื่อนมือไปกุมมือเพื่อนของเธอที่ยังหลับอยู่บนเตียง บีบเล็กน้อยคล้ายให้กำลังใจแม้คนที่นอนอยู่จะไม่รับรู้ก็ตาม

              “เราต้องรอความยินยอมจากคุณพอตเตอร์ด้วย รอเขาฟื้น แล้วเราจะมาพูดคุยกันอีกที”

              “หึ จริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พอตเตอร์จะไม่ยอมนะครับ เขาเองก็คงไม่อยากมีพันธะนี่เหมือนกัน”

              รอนทำท่าคล้ายจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ถูกเฮอร์ไมโอนี่คว้าไว้ทันก่อนจะส่ายหน้าให้เขาเบาๆ

              เดรโกไม่ทันสังเกตเห็น แต่ไม่อาจหลุดสายตาของอาจารย์ใหญ่ได้แม้แต่น้อย

    .....

              บ่ายวันถัดมา เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์มีท่าทางหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากที่ถูกเรียกตัวให้ไปพบดัมเบิลดอร์ เขากระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ข้างกันนั้นมีเพื่อนสาวของเขาอยู่

              ไม่มีบทสนทนาใดๆ เพื่อนบ้านสลิธีรินพากันเงียบกริบเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเดรโก — พวกเขาเข้าใจได้ในทันที

              “ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนั่น! คิดบ้าอะไรอยู่กันแน่!” คิ้วเรียวขมวดแน่น เขาหันไปคว้าแก้วน้ำฟักทองมากระดกดื่มรวดเดียวก่อนจะกระแทกแก้วลงกลางโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด

              “คิดในแง่ดี มันก็เสี่ยงกับชีวิตไม่ใช่เหรอ” เด็กสาวเอ่ยแทรก ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจจากเดรโก

              ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่อจากนั้น เดรโกยกมือขึ้นลูบต้นแขนข้างซ้ายของตน — ตรงตำแหน่งที่มีเลขนั่นติดอยู่ ตั้งแต่ที่เลขของเขามันเพิ่มขึ้นมาจน 60 เขาก็เริ่มมีอาการกว่าปกติ แม้ไม่มากเท่าไหร่จนทรมาน แต่มันก็ค่อนข้างกวนใจเขาในแต่ละวัน

              วันทั้งวันเขาจะต้องเผลอยกมือขึ้นลูบมันแบบนี้ และคอยห่วงหน้าพะวงหลัง ว่าเลขมันจะขยับหรือไม่

              หลังจากเปิดเทอมในภาคเรียนที่สอง นอกจากคาบเรียนที่มีตรงกันสองครั้งต่อสัปดาห์ เดรโกก็แทบจะไม่เจอเจ้าของเส้นผมสีดำสนิทคนนั้นเลยสักนิด

              ต้องเรียกว่าเขาแทบไม่ได้เข้าใกล้ในระยะ 20 เมตรเลยด้วยซ้ำ คาบเรียนวิชาปรุงยาที่เดรโกคิดว่ามีโอกาสมากที่สุดนั้นยังต้องตัดทิ้งไป เพราะแฮร์รี่จับคู่กับเฮอร์ไมโอนี่

              เหล่าเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ทั้งหลายเหมือนเป็นกำแพงมนุษย์ชั้นเยี่ยม อย่างที่บอกว่าระยะ 20 เมตรนั่นไม่ใช่เรื่องโอเวอร์เลยซักนิด ราวกับว่าเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ทุกคน ย้ำว่า ทุกคน! คอยเป็นหูเป็นตาและกันท่าทุกอย่าง

              หงุดหงิด หงุดหงิดที่สุด!

              เดรโกเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมเขาจะต้องหงุดหงิดและไม่พอใจที่ไม่ได้เข้าใกล้แฮร์รี่ขนาดนี้ มันควรจะเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะทุกครั้งที่พวกเขาคุยได้ มันก็จะจบที่การทะเลาะกัน และตัวเลขก็เคลื่อนทุกที

              มันควรจะดีมากๆ แต่เขาก็ไม่พอใจทุกครั้งเวลาถูกมองด้วยสายตาเคลือบแคลงและจ้องจับผิดจากเด็กบ้านสิงห์

              เหมือนเขาเป็นตัวอันตรายอะไรทำนองนั้น

              ก็ไม่รู้ว่าพวกกริฟฟินดอร์มีวิธีอะไร ขนาดเวลาทานอาหารในโถงใหญ่ เดรโกยังไม่มีโอกาสเจอแฮร์รี่สักครั้ง

              เป็นความรู้สึกหยุมหยิมที่กวนใจเขาไปตลอดเทอม

              วันสุดท้ายของการเรียนในปี 3 นั้นก็ยังคงบรรยากาศเดิมๆ ทุกคนดูตื่นเต้นกับการจะได้กลับบ้าน มื้อเช้าวันนี้จึงดูครึกครื้นกว่าทุกที

              ที่สถานีฮอกมีดส์ต่างคับคั่งไปด้วยเด็กทุกชั้นปีที่กำลังพยายามจะแทรกตัวเอากระเป๋าขึ้นรถไฟ เดรโกมองความวุ่นวายพวกนั้นแล้วเลือกเดินเลี่ยงรอจนกว่าคนจะซา

              พลันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นกลุ่มไหมสีดำอันคุ้นตาซึ่งกำลังพยายามแบกกระเป๋าใบเขื่องของตัวเองขึ้นรถ แต่เหมือนว่าร่างกายตัวเองจะไม่อำนวยเท่าใดนัก หน้าอกของเดรโกกระตุกหน่วงขึ้นมาเล็กน้อย เขายังมองตามกลุ่มผมนั่นไม่วางตา ก่อนที่จะทันได้คิดและมองรอบๆ ไปมากกว่านี้ เขาก็ก้าวฉับเข้าไปหาร่างเล็กนั่นเสียแล้ว

              “มานี่”

              “ขอบ— เฮ้ยนาย!”

              “หนวกหู”

              เดรโกกดสายตามองอีกฝ่ายที่ทำท่าว่าจะคว้ากระเป๋าตัวเองกลับจนแฮร์รี่ต้องยอมปล่อยมือแล้วก้มหน้าหลบสายตาคมนั่น เดรโกกระชับกระเป๋าในมือก่อนจะเเินนำเข้าไปในรถไฟ

              “ยืนบื้ออะไร ขึ้นมาสิ” ว่าจบก็เอี้ยวตัวลงเล็กน้อยแล้วคว้าข้อมือของแฮร์รี่มาจับ เด็กบ้านกริฟฟินดอร์สะดุ้งตกใจจนจะสะบัดแขนออก แต่ก็ถูกกระชากตัวจนเข้าไปชิดกับอีกฝ่ายและเบียดเข้ามาในรถไฟเสียก่อน

              ปากอิ่มเม้มแน่นพยายามก้มมองแต่พื้นเบื้องหน้าที่มีฝ่าเท้าของใครอีกคนเดินนำอยู่ เป็นเรื่องที่แปลกไม่น้อยที่ว่าในรถไฟที่เบียดเสียดเช่นนี้แต่แฮร์รี่กลับเดินได้อย่างสบายโดยไม่โดนเบียด

              เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าใครก็ตามที่เคยยืนขวางทางเดิน เมื่อหันมาเห็นว่าเดรโกกำลังเดินมา พวกเขาก็พากันหลีกทางทันที

              เดรโกกระชับมือที่จับข้อมือเล็กของแฮร์รี่มากขึ้นเมื่อตรงหน้าเขาคือกลุ่มเด็กปี 1 ที่ยังวิ่งเล่นไปมาแม้ตรงนี้จะเป็นทางเดิน เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังแทรกขึ้นจากด้านหลัง เดรโกหันขวับไปมองตามต้นเสียงก่อนจะรีบดึงตัวแฮร์รี่เข้ามาในวงแขน

              ปึก!

              ขาเรียวยาวนั่นยกขึ้นถีบไปยังผนังอีกฝั่งจนปิดกั้นทางเดิน เด็กปี 1 สามคนที่วิ่งกรูมาอย่างเร็วในทีแรกพากันเบรกเพื่อไม่ให้ต้องชนขารุ่นพี่ จนตัวเองล้มลงไปกองกับพื้น

              ดวงตาสีซีดปรายมองกลุ่มเด็กที่พื้นแล้วเอ่ยเสียงเยียบเย็น “นี่มันทางเดิน หัดมีมารยาทซะบ้างนะ ไม่ใช่สนามหญ้าหน้าบ้านที่พวกนายจะมาวิ่งเล่นได้”

              ว่าไว้แค่นั้นก่อนจะลดขาลงแล้วรีบกระชับมือที่ยังกอดไหล่แฮร์รี่พร้อมมืออีกข้างที่ยังถือกระเป๋า มุ่งตรงไปยังตู้โดยสารที่หมายสักที

              แฮร์รี่เหลือบมองคนที่จัดการยกกระเป๋าของเขาเก็บไว้ ก่อนจะเบียดเข้ามุมห้องในสุด

              “ว่าไง ไม่เจอกันนานเลย สีหน้าดูดีขึ้นแล้วนี่”

              คนฟังพยักหน้ารับ เขาเลือกที่จะไม่พูด อย่างน้อยก็เลี่ยงโอกาสที่จะทะเลาะกัน

              คนตัวสูงซึ่งยังไม่ออกไปไหนยืนล้วงกระเป๋า เอียงคอมองคนตรงหน้าที่ยังนั่งก้มหน้าหลบตา เขาขยับเข้าชิดอีกฝ่ายมากขึ้นจนแฮร์รี่แทบจะสิงชิดมุมห้อง

              “ยังรู้สึกแย่อยู่ไหม”

              “ไม่ ฉันสบายดี ดีมากๆ ด้วย”

              คนผมบลอนด์เอียงศีรษะไปมา เขาโน้มหน้าลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกันกับแฮร์รี่ และก็เป็นเด็กผมดำที่ดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อใบหน้านั่นหยุดอยู่ใกล้รวมถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดปลายจมูกของเขา

              “จากนี้จะไม่ได้เจอกันอีกนานเลยนะ” เดรโกว่าด้วยเสียงแหบๆ ปลายจมูกโด่งขยับเข้าคลอเคลียกับปลายจมูกรั้น

              “ก็ดีแล้วนี่ นายเกลี—”

              ไม่ทันที่แฮร์รี่จะพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ถูกช่วงชิงไปเสียก่อน แฮร์รี่เบิกตาค้างกว้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะยกมือดันอีกคนออก ก็ถูกมือหนาคว้าไว้ทัน

              ไม่ได้มีการรุกล้ำก้าวก่ายไปมากกว่านี้ เพียงแค่ริมฝีปากคู่นั้นที่ทาบทับลงมา เม้มเบาๆ ที่ปากล่างก่อนจะผละออก

              “อย่าลืมสิ ว่าเวลานายพูดแบบนั้นแล้วเลขมันลด”

              เดรโกยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย สองมืดสอดเข้าที่กระเป๋ากางเกงก่อนจะผละออกจากตู้โดยสาร ปล่อยให้แฮร์รี่มองตามแผ่นหลังกว้างนั่นห่างออกไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว

              40>41 | 60>59


     _________________________________


              เทอมใหม่ในปีการศึกษาที่ 4 ยังคงสร้างความกังวลใจให้กับแฮร์รี่ไม่น้อย ตัวเลขที่ไม่ได้ขยับไปจากเดิมเลยก็คล้ายว่าจะดี แต่ความรู้สึกปวดหน่วงในใจและเจ็บแปลบเป็นบางครั้งเมื่อเขาอยู่ที่บ้านมันช่างกวนใจ

              เด็กใหม่และเพื่อนเก่าทั้งหลายยังคงคึกคักเสมอในห้องโถง แฮร์รี่กวาดตามองไปรอบๆ และหยุดลงที่โต๊ะของบ้านสลิธีริน

              ที่ตรงนั้น ยังไม่มีเขา

              แฮร์รี่เบนสายตาออกและเข้าไปร่วมวงกับเพื่อนร่วมบ้านของตัวเองแทน

              15 นาทีผ่านไป ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในโถงมากขึ้น แฮร์รี่ยิ้มกว้างกับเพื่อนๆ และตักอาหารที่เขาคิดถึงมาตลอดปิดเทอมเข้าปากอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วเสียงจ้อกแจ้กในห้องพลันเงียบลงเมื่อประตูโถงถูกเปิดออก

              กลุ่มเด็กบ้านกริฟฟินดอร์พากันหันมองไปตามต้นเหตุความเงียบ ก่อนที่คนที่มีสีหน้าแย่ที่สุดจะกลายเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์แทน

              เด็กบ้านสิงห์แทบไม่มีใครพูดหรือหัวเราะออกมา ผิดกับบ้านงูที่อยู่โต๊ะข้างๆ ถัดไปที่พากันผิวปากโห่แซวอย่างอารมณ์ดี

              เดรโก มัลฟอย คุณชายประจำบ้านสลิธีรินคนนั้นกำลังควงสาวสวยบ้านเดียวกับตัวเองเข้ามา

              ความรู้สึกอยากอาหารของแฮร์รี่หมดลงทันที เขาก้มหน้างุดหอบหายใจ และเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง ความทรมานกำลังกัดกินเขาอีกรอบ

              เขาพยายามไม่นึกคิดถึงอีกฝ่าย จะไม่โกรธ จะไม่ไม่พอใจ จะไม่รู้สึกใดๆ กับอีกฝ่ายไปมากกว่านี้อีกแล้ว — เพื่อที่ตัวเลขจะได้ไม่ต้องขยับไปมากกว่านี้ทั้งสองฝ่าย

              เด็กบ้านงูยังคงเอ่ยแซวเสียงดังออกมาเป็นระยะ เอ่ยชมเด็กสาวเลือดบริสุทธิ์ที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างเดรโกไม่ขาดปาก แต่เด็กบ้านสิงห์พากันเงียบขรึม และจดจ้องมาที่แฮร์รี่เป็นตาเดียว

              “เขาหน้าซีดมากเกินไปแล้วพวก” เชมัสเอ่ยลนๆ ด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมากไปนัก

              ผิดกับคนผมบลอนด์อีกบ้านที่ยังดูไม่ทุกข์ร้อนใดๆ

              เฮอร์ไมโอนี่และรอนพากันจับมือและแขนของแฮร์รี่ไว้แน่น เด็กสาวพลิกข้อมือของแฮร์รี่เพื่อจะดูเลข — มันกำลังกะพริบ เปลี่ยนไปมาระหว่างเลข 1 และ 0 เธอขมวดคิ้วจ้องเพื่อนเขม็ง

              “มันหมายความว่าไง”

              “พาเขาไปหามาดามพรอมฟรีย์ เร็วเข้า” เนวิลล์เอ่ยเตือน แล้วเด็กบ้านสิงห์ปี 4 เกือบสิบชีวิตก็รีบพากันออกจากโถง

              เดรโกมองตามกลุ่มก้อนความวุ่นวายที่พากันวิ่งออกไป คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้เด็กบ้านกริฟฟินดอร์พากันแห่ออกไปแบบนั้นคืออะไร

              เขาเอื้อมมือลูบที่บริเวณต้นแขนต้นเอง มันยังปกติ และเมื่อลองถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อตรวจดู มันก็ยัง 59 เหมือนเดิม

    .....

              “ทำไมมัลฟอยถึงยังรักคนอื่นได้ล่ะครับ แถมมันยังดูไม่เป็นอะไรอีกได้ยังไง” รอนเอ่ยถามดัมเบิลดอร์ทันทีที่ชายชราเดินเข้ามาในห้องพยาบาล เด็กๆ ทั้งหลายในห้องเองก็ดูสนอกสนใจขึ้นมาทันที

              ดัมเบิลดอร์ครุ่นคิด เขาเหลือบดวงตาหลังกรอบแว่นมองดูเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาเอ็นดู เขาขยับชิดแฮร์รี่และกุมมือแฮร์รี่ไว้หลวมๆ

              “นั่นก็เพราะพวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกที่ไปทางเดียวกันแต่แรกยังไงล่ะ” เขาอธิบายเสียงเศร้า “บางทีถ้าพวกเขาไม่ใช่ผู้วิเศษ มันอาจไม่มีกรณีนี้เกิดขึ้นก็ได้”

              “ยังไงคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามบ้าง

              “แย่หน่อยนะแฮร์รี่ ที่งานนี้คนที่รู้สึกมากไป..จะต้องเจ็บกว่า”

              คนฟังไม่ได้มีท่าทีตกใจเท่าไหร่ เขายิ้มอ่อนล้าให้กับอาจารย์ใหญ่ แต่เหล่าเพื่อนๆ ที่ได้ฟังกลับหน้าเจื่อนลง

              “แบบนี้จะแย่กับคุณพอตเตอร์นะคะ” มักกอนากัลเอ่ยแทรก “บางทีมนตร์เก่าแก่นั่นเราคงจะต้องลองกันแล้ว”

              เด็กหนุ่มหลุบตาลง ความรู้สึกเจ็บในอกยังคงกัดกินเขาไม่หยุด รู้สึกหายใจยากไปทุกที ดวงตาสีเขียวเหลือบมองข้อมือของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย

    .....

              แฮร์รี่พาตัวเองมานั่งที่ริมทะเลสาบหลังจากวันนี้ไม่มีคาบเรียนอีก เขานั่งลูบข้อมือตัวเองอย่างเหม่อลอย ตัวเลขยังคงติดอยู่เหมือนเดิม — 40

              เสียงย่ำหญ้าดังเข้ามาในโสตประสาท แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ คงเป็นเด็กสักกลุ่มที่อยากจะมานั่งรับลมที่ริมทะเลสาบบ้าง

              “ไงพอตเตอร์เพื่อนทิ้งเหรอถึงมาอยู่คนเดียวเนี่ย” เสียงเย้ยหยันที่แฮร์รี่รู้สึกคุ้นเคยดีดังขึ้นเหนือหัว ดวงตาหลังกรอบแว่นเงยมองคนที่ยืนล้วงกระเป๋าใกล้ๆ แล้วหันหน้ากลับไปมองทะเลสาบ

              คนผมบลอนด์ขมวดคิ้วจนยุ่ง ใบหน้าคมหันสลับไปมาอย่างต้องการคำตอบกับแครบและกอยล์ แต่ทั้งสองยักไหล่บ่งบอกไม่รู้ มัลฟอยขยับเข้าไปใกล้แฮร์รี่และใช้หลังเท้าเขี่ยขาแฮร์รี่ไปที

              “นี่ไอ้หัวแผลเป็น ฉันคุยด้วยแล้วทำไมไม่พูด”

              “ฉันไม่คิดว่านั่นคือการชวนคุย” แฮร์รี่เงยหน้ามองตอบแบบเคืองๆ

              “โฮ่ สายตาเอาเรื่องนี่ เดี๋ยวนี้ดูแข็งแรงแล้วนี่ ไม่เห็นทำท่าปางจะตายแบบเมื่อก่อน” เดรโกว่าขำๆ

              แฮร์รี่ขมวดคิ้ว ดวงตาหรี่ลง ไม่ใช่ท่าทางแบบคนไม่พอใจ แต่เหมือนคนไม่เข้าใจมากกว่า

              “อะไรพอตเตอร์ ทำไมทำหน้างั้น” จู่ๆ ในอกของเดรโกก็รู้สึกลนลานขึ้นมา เหมือนหัวใจเกิดเต้นผิดจังหวะยังไงไม่ทราบ แต่เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้

              “นายน่าจะเลิกกวนประสาทฉันและไปหาคนของนายได้แล้ว” แฮร์รี่ว่าเรียบๆ เขายันตัวขึ้นจากพื้น เตรียมตัวเดินออกจากริมทะเลสาบแสนรัก

              “พอตเตอร์! อย่ามาเดินหนีฉันนะ!”

              “แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราต้องคุยกัน ฉันไม่อยากคุยกับนาย ไม่เลยซักนิด” แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วเตรียมเดินหนีออกไป

              “นี่นาย! อย่ามาหนีฉันนะ!” เดรโกพุ่งตัวเข้าไปจับแขนของแฮร์รี่ไว้แน่น จนเด็กผมดำนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เขาหันกลับมามองตาขวางใส่คนด้านหลัง

              “ปล่อยมัลฟอย ฉันเจ็บ”

              “เจ็บไป จะได้รู้ว่านายไม่ควรทำตัวเสียมารยาทกับฉัน”

              “นายมันโง่งี่เง่ามัลฟอย! ฉันเกลียดนาย!!”

              เป็นดั่งคำต้องห้ามอะไรบางอย่างที่ฟาดลงมาที่กลางใจของเดรโก เขาเบิกตากว้างใจหายวาบทันทีหลังสิ้นเสียงนั้นตวาดใส่หน้า

              แต่สิ่งที่เขาคาดว่าจะเกิดมันกลับเปลี่ยนไป แฮร์รี่ไม่ได้มีท่าทางทรมานดังเช่นแต่ก่อน หลังพูดคำนั้น แฮร์รี่ยังคงยืนทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ จ้องเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรดังเดิม

              ไม่เป็นอะไรเลย

              เดรโกถือวิสาสะกระชากแฮร์รี่เข้าหาตัว เขาถกแขนเสื้อของแฮร์รี่ขึ้นเล็กน้อยจนมองเห็นหมายเลขที่ข้อมือ

              40 เขาพยายามมองว่ามันคือ 40 เพราะมันจางมากๆ จนเหมือนว่าแทบจะไม่เคยมีอยู่

              “อะไรของนายเนี่ย! อย่ามารุ่มร่ามกับฉันได้ไหม”

              “เป็นไปได้ยังไง..”

              เสียงของเดรโกเบาหวิวจนเหมือนจะหายไปกับอากาศ เขาเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่สะบัดข้อมือตัวเองให้หลุดออกจากการเกาะกุมของเดรโกได้แล้วรีบก้าวฉับหนีเข้าปราสาทไปด้วยความไม่เข้าใจ

              ความงุนงง สับสน กำลังโถมเข้ามาในหัวของเดรโกอย่างรุนแรง และยังมีความรู้สึกปวดหน่วงลึกในหัวใจที่กำลังกดดันใส่เขาอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย

              แม้ใบหน้าของเดรโกจะเรียบนิ่ง มองตามแผ่นหลังเล็กหายไปในตัวปราสาท แต่ความรู้สึกที่หมุนวนในตัวเขามันช่างรุนแรงเหมือนคลื่นใต้น้ำที่รอการปะทุออกมา

              ท่าทางงุนงงของแฮร์รี่ที่เขาพูดถึงเรื่องความทรมานของเจ้าตัว

              ตัวเลขที่จืดจางจนมองแทบไม่เห็น

              และความไม่สัมพันธ์กันของตัวเลขระหว่างเขาสองคน

              มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? แฮร์รี่ 40 แล้วเขาจะยัง 59 ได้อย่างไร


    _________________________________

              

              ในห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีริน คุณชายบ้านงูกำลังนั่งลูบต้นแขนตนเองด้วยท่าทางเหม่อลอย

              เพื่อนสนิทที่สุดอย่างเบลสและแพนซี่พากันมองอยู่ห่างๆ อย่างไม่รู้ว่าจะเอ่ยปลอบเจ้าตัวอย่างไร ส่วนหนึ่งคือพวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปด้วย เพราะแม้แต่เด็กสาวที่เดรโกพามาเปิดตัวว่าเป็นแฟนสาวยังถูกไล่ตะเพิดออกไป

              ก็นะ เธอไม่ใช่แฟนจริงๆ ของเขานี่ ก็แค่แกล้งละครตบตา

              เดรโกรู้สึกหงุดหงิด เพราะแม้แต่ศาสตราจารย์สเนปก็ไม่อาจให้คำตอบเขาได้

              ตอนนี้พอตเตอร์จะเป็นอย่างไรบ้าง เดรโกเฝ้าถามตัวเองเช่นนี้มาตลอดวัน

              ในห้องโถงใหญ่มื้อเย็น เด็กชายผมดำคนนั้นก็ไม่โผล่มา

              แม้คนๆ นั้นจะไม่อยู่ แต่เขาที่ซึ่งมองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์บ่อยๆ ก็จะได้รับสายตาไม่เป็นมิตรจากเด็กบ้านนั้นมา

              เขารอคอยวันพรุ่งนี้ โอกาสของเดรโกในการจะได้เข้าใกล้แฮร์รี่ ในคาบวิชาปรุงยา

    .....

              คล้ายว่าศาตราจารย์วิชาปรุงยารับรู้ความคับข้องใจของลูกทูนหัวตัวเองดี เดรโกได้มีโอกาสจับคู่กับแฮร์รี่ท่ามกลางเสียงไม่พอใจของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ แต่ค่อนข้างผิดไปกับเด็กบ้านสลิธีรินที่เหมือนภาวนาอยากให้คุณชายของบ้านได้คู่กับอีกฝ่าย

              แฮร์รี่ไม่ได้มีท่าทางทุกข์ร้อนอะไร เขาปรายตามองไปทางเดรโกเล็กน้อย ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าไปที่โต๊ะปรุงยาของพวกเขา

              ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองในการปรุงยา เดรโกบอกให้แฮร์รี่หยิบนั่น หั่นนี่และตัวเองเป็นฝ่ายปรุงยาเอง และแฮร์รี่ไม่ปฏิเสธ

              ทุกอย่างเหมือนจะดีที่สองคนนี้ไม่มีการเถียงกัน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นเท่าไหร่ คู่ที่อยู่ใกล้เคียงพากันมีสีหน้ากระอักกระอ่วนกับบรรยากาศเย็นๆ ทึมๆ และกดดันที่ปล่อยออกมาจากโต๊ะของแฮร์รี่และเดรโก

              คนที่ควรจะมีท่าทางไม่พอใจและหงุดหงิดอยู่ตลอดควรเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์เพราะมักจะถูกอีกฝ่ายกวน

              แต่ครั้งนี้เขากลับนิ่ง นิ่งทั้งหน้า ทั้งการกระทำ

              แต่คนผมบลอนด์ที่ปกติมันจะคอยหยอกล้อและหาเรื่องอีกฝ่าย กลับเอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา

              ดูลุกลี้ลุกลน ไม่มีสมาธิ และหงุดหงิดไปด้วย

              เสียงตะโกนนามสกุลพอตเตอร์ดังลั่นมาจากเด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินที่เป็นคู่เจ้าตัวจนคนทั้งห้องพากันสะดุ้ง แฮร์รี่ครางรับในลำคอ มือก็ยังเขียนรายงานการปรุงยาตัวล่าสุด

              แบบที่ไม่ได้เงยหน้ามองคนข้างๆ ซักนิด

              “นายคิดจะกวนประสาทฉันใช่ไหม!”

              แฮร์รี่เงยหน้ามองคนข้างกาย เขาถอนหายใจเล็กน้อย

              “อะไรที่ทำให้นายคิดอย่างนั้น ฉันก็อยู่เฉยๆ ของฉัน”

              เดรโกสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สีเขียวตรงหน้า — ดวงตาที่เคยมองเขาด้วยแววตาที่แฝงอะไรบางอย่างไว้ลึกซึ้งกว่าทุกที

              แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า

              จู่ๆ ในอกเดรโกก็รู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาอย่างแรง มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมบริเวณอกตัวเองไว้ในขณะที่อีกข้างรีบยันตัวไว้กับโต๊ะก่อนที่เขาจะทรุดลงไป

              แฮร์รี่มีปฏิกิริยากับท่าทางนั้นทันที เด็กหนุ่มรีบโผเข้าไปประคองอีกฝ่ายไว้ เดรโกหายใจหอบแรง แต่แฮร์รี่ยังปกติดีทุกอย่าง

              เหล่าบรรดาเด็กบ้านสลิธีรินแตกตื่นทันที เขารีบจะรุดเข้าหาคุณชายของบ้าน แต่เดรโกรีบยกมือปรามไว้ สายตาของเขาจดจ้องมองที่ใบหน้าที่ดูร้อนรนน้อยๆ ของแฮร์รี่เงียบงัน

              “ไปกับฉันที..” กว่าจะเค้นคำพูดนี้ได้ เดรโกก็หายใจสะดุดไปหลายรอบ

              เด็กผมดำไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปเก็บของของตัวเองและเดรโกลงกระเป๋า พร้อมกับจะเดินออกจากห้องเรียน

              “แฮร์รี่ นายจะไปกับหมอนี่เหรอ” รอนแทรกขึ้นมา

              คนถูกพูดถึงทั้งสองหันมามองหน้ากัน เดรโกส่งสายตาอ้อนวอนออกมา แฮร์รี่ขมวดคิ้วมองแววตานั้นเล็กน้อยแต่ก็เบือนกลับไปมองเพื่อนของตัวเอง

              “ไม่เป็นไร จะรีบไปรีบมา เจอกันที่ห้องนั่งเล่นนะ”

              เดรโกยังดูอาการไม่ดีเท่าไหร่ แฮร์รี่ไม่ได้เข้าไปประคอง เขาเพียงเดินนำหน้าแต่ก็ไม่ได้ไกลนัก หางตาคอยเหลือบมองคนทีเดินหน้าซีดตามมา ดวงตาสีซีดคู่นั้นก็จ้องเขม็งมาทางเขาจนแฮร์รี่อึดอัดเล็กน้อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร

              เมื่อมาถึงที่บางตาคนพอสมควร เดรโกก็ดึงข้อมือของแฮร์รี่เข้ามาประชิดตัว แฮร์รี่ตกใจเล็กน้อยกับการกระทำฉุกละหุกนั้น ดวงตาหลังกรอบแว่นถลึงมองคนตรงหน้า

              “ปล่อยฉันมัลฟอย ฉันไม่ได้รีบออกจากห้องมาเพราะจะมาทะเลาะกับนายหรอกนะ” แฮร์รี่กระชากข้อมือกลับโดยที่ไม่ได้สนใจมองมัน แต่คนที่คว้าข้อมือเขาไปทีแรกกลับมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

              “มันเป็นไปได้ยังไงพอตเตอร์”

              “อะไร?”

              คนผมบลอนด์เงยหน้าขวับมองคนตรงหน้าแล้วเริ่มตีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที ความรู้สึกเจ็บราวในอกยังคงเล่นงานเขาเรื่อยๆ เจ็บจนอยากควักหัวใจทิ้งออกไปด้วยซ้ำ

              เดรโกถอยหลังไปเล็กน้อย เขาถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นจนสุด แฮร์รี่เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าด้วยความงุนงง และเขาเห็นเลขที่ต้นแขนของอีกฝ่าย — 59

              “บ้า.. บ้าไปแล้วแน่ๆ”

              “ใช่ นายน่ะบ้า เป็นบ้าอะไรมัลฟอย”

              คนตัวสูงขยับชิดตัวแฮร์รี่อีกครั้งด้วยใบหน้าที่น่ากลัวกว่าเดิม เขาคว้าข้อมือของแฮร์รี่มาบีบแรงๆ ก่อนจะชูขึ้นให้อยู่ตรงหน้าของเจ้าของร่าง แฮร์รี่นิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ข้อมือ

              “นายต่างหากที่บ้า ทำไม ทำไมเลขของนายมันถึงจางลงแล้วก็ไม่สัมพันธ์กับของฉัน!?”

              “สัมพันธ์กับของนาย?”

              เดรโกชะงักทันทีเมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปและไม่เข้าใจของแฮร์รี่

              คล้ายว่าอีกฝ่ายได้ลืมไปแล้ว

              “เกิดอะไรขึ้น..กับนายกันแน่ พอตเตอร์”

              น้ำเสียงอ่อนแรงดังมาแผ่วๆ จากริมฝีปากและใบหน้าที่ดูซีดลง แฮร์รี่ยังคงดูไม่เข้าใจเช่นเดิม ใบหน้าหวานเอียงคอมอง ท่าทีที่จู่ๆ ก็อ่อนลงของเดรโกทำให้แฮร์รี่สับสน

              แม้มันจะจางมากแต่เดรโกยังสังเกตเห็นมันได้อย่างดี -- ตัวเลขของแฮร์รี่ที่มันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

              แถมในตอนนี้มันยังน้อยลงกว่าของเมื่อวันที่เขาเห็นตอนที่อยู่ริมทะเลสาบไปอีกหนึ่งเลข

              แต่ร่างตรงหน้ากลับไม่ได้มีปฏิกิริยาว่าเจ็บปวดหรือทรมานใดๆ เลย

              “นาย..โอเค?” แฮร์รี่หรี่ตาลงอย่างลังเล

              คนถูกถามหลุบตาลง “ไม่ ไม่ซักนิด” แผ่วชนิดที่มีเพียงตัวเขาที่ได้ยิน

              แรงบีบที่ข้อมือเล็กหายไปแล้ว เดรโกผละตัวออกจากคนตรงหน้า ดวงตาสีซีดฉายแววรวดร้าวออกมา ความเจ็บที่อกยังคงทำร้ายเขาอยู่ มันส่งผลให้ร่างกายเขาแทบจะล้มทั้งยืน

              สุดท้ายก็ยอมฝืนเดินออกมาจากตรงนั้น ท่ามกลางสายตาที่มองอย่างไม่เข้าใจจากเด็กผมดำที่ยังยืนนิ่งที่เดิม

              ด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ รู้สึกได้ว่าบางอย่างในตัวเหมือนหายไป ความรู้สึกโหวงๆ ที่แฮร์รี่สัมผัสได้ตอนนี้ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่เหมือนมันจะเด่นชัดเมื่อได้มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเดรโก

              แฮร์รี่ลูบข้อมือของตัวเองอย่างลืมตัว เหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่เขาทำมันเป็นประจำ

              ทั้งที่จำไม่เห็นได้ซักนิดว่าเขามักจะทำมัน

    .....

              เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าแปลกใจแต่ก็ดีในเวลาเดียวกัน เมื่อคู่กัดประจำอย่างเด็กผมบลอน์บ้านงูกับเด็กผมดำบ้านสิงห์ ไม่หาเรื่องกันอีกแล้ว

              ตั้งแต่วันที่เดรโกลากแฮร์รี่ออกจากห้องปรุงยาในวันนั้นก็ไม่มีใครเห็นว่าทั้งสองทะเลาะกันอีกเป็นเวลาร่วมสองสามเดือนแล้ว

              ไม่เพียงแค่บรรยากาศระหว่างสองคนนี้ที่ต่างกันออกไป แต่ยังเป็นตัวเด็กบ้านสลิธีรินเองที่เปลี่ยนไปเช่นกัน

              แพนซี่ทิ้งตัวลงนั่งลงข้างเดรโกในห้องนั่งเล่นสลิธีริน คนข้างเธอเอาแต่จดจ้องไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย ถามคำก็ตอบคำเท่านั้น

              “เดรโก ฉันว่านายควรจะบอกเราได้แล้วนะว่านายเป็นอะไร ให้ตายเถอะ เห็นนายสภาพนี้แล้วฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”

              คนฟังเหลือบตามองแล้วแค่นยิ้มออกมา

              วันๆ หนึ่งของเดรโกเหมือนถูกรังควานด้วยภาพของเด็กผมดำผู้สวมแว่นคนนั้นอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องให้ความสนใจอีกฝ่ายมากขนาดนั้นในเวลานี้

              เขาควรจะดีใจ ที่พวกเขาเหมือนจะไม่ได้มีพันธะอะไรต่อกันอีก แต่กลับ..ไม่เลย

              เดรโกนึกไปถึงมนตร์เก่าแก่ที่เขาเคยตกลงจะยอมรับมันหากแต่อีกคนกลับปฏิเสธ แต่เหมือนว่าตอนนี้แฮร์รี่จะยอมรับที่จะใช้มนตร์เก่าแก่นั่นเสียแล้ว

              ทุกอย่างมีผลข้างเคียงเสมอ

              และมนตร์ก็ไม่ได้ถูกใช้ได้อย่างสมบูรณ์ มันจึงส่งผลกระทบแก่พวกเขาทั้งคู่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน

              เหมือนเขาไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุขอีกต่อไป

              ความเจ็บปวดรวดร้าวที่รู้สึกได้อยู่เกือบตลอดกำลังกัดกินเขา แต่ก็ทำได้เพียงแสดงสีหน้าเรียบเฉย และบอกทุกคนออกไปว่า ‘ไม่เป็นไร’ อยู่เช่นนั้น

              แสร้งทำว่าไม่เป็นอะไร ทั้งที่ในใจรู้สึกปวดเจียนตาย

              เขาพยายามข่มความรู้สึกเจ็บปวดพวกนี้ลง เฝ้ามองใบหน้าของอดีตคู่พันธะของเขาในระยะไกลซึ่งกำลังมีรอยยิ้ม

              ทุกครั้งที่แฮร์รี่เลขลดลงหรือคิดเรื่องของเขา เจ้าตัวต้องรู้สึกทรมานมากขนาดนี้ตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ?

              เขาไม่เคยต้องรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้ แม้แต่ในตอนที่เลขของเขาเพิ่มขึ้นไปที่ 60 ก็ตาม

              หากในตอนนี้ที่แฮร์รี่มีความสุขโดยที่เหมือนจะไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดและข้อผูกพันธะบ้าบอนั่นอีกแล้ว

              ลืมทุกเรื่องราวของพันธะระหว่างพวกเขาจนหมดแล้ว

              แต่หากครั้งใดที่เดรโก มัลฟอยรู้สึกไม่ดีกับเด็กคนนั้นอีกเมื่อไหร่ แม้เขาจะเจ็บปวดเจียนตาย แต่ความตายกลับคืบคลานเข้าหาใครอีกคนแทน — อย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

              ตอนนี้ตัวเลขของแฮร์รี่ จะยังเป็น 39 เหมือนวันที่คุยกันครั้งสุดท้ายในวันนั้นไหม?

              แม้ตอนนี้จะรู้สึกมากขนาดไหนก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว

              ทำได้เพียงทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม เพื่อคงตัวเลขนั้นไว้ให้นานที่สุด

              เกลียด

              เกลียดแสนเกลียด

              เกลียดความยุ่งวุ่นวาย ความใจดีที่ยอมแลกแม้แต่ชีวิตของตัวเองของแฮร์รี่ พอตเตอร์

     

              เกลียดตัวเอง...

     

              ...

              ที่รักความใจดีนั่นเข้าเสียแล้ว


    _________________________________


              นอกจากวิชาคาถา ก็คงเป็นการบินได้อย่างอิสระบนไม้กวาดคู่ใจของแฮร์รี่ที่เจ้าตัวคงจะถนัดที่สุด

              เสียงเฮโห่ร้องเรียกชื่อบ้านสองบ้านดังระงมทั่วบริเวณสนามควิดดิช ธงสีเขียวและแดงถูกชูสะบัดโบกไปมาอย่างคึกคัก

              ซีกเกอร์สลิธีรินกำลังควบไม้กวาดอยู่บนอากาศนิ่งๆ มองดูเพื่อนร่วมทีมกำลังพากันหวดลูกบลัดเจอร์หรือขว้างลูกควัฟเฟิลอย่างเต็มกำลัง ไม่ต่างอะไรกันกับอีกบ้านหนึ่ง

              แย่เสียหน่อยที่ซีกเกอร์อย่างเดรโกกลับไม่ได้กำลังมองหาลูกสีทองที่จะนำมาซึ่งชัยชนะ

              สุดสายตาของเขาคือเด็กผมดำในชุดสีแดงเลือดหมูซึ่งกำลังทยานตัวไปมาในอากาศอย่างคล่องแคล่ว

              ดูแข็งแรงดี

              คิดได้เท่านั้นรอยยิ้มก็จุดขึ้นที่มุมปากของซีกเกอร์แห่งสลิธีริน

              “เดรโก! อย่ามัวแต่นิ่ง! ตามหาลูกสนิชได้แล้วเว้ย!”

              เจ้าของชื่อเบะปากอย่างรำคาญใจ แต่ก็ยอมบังคับไม้กวาดไปในอากาศเพื่อเริ่มหาลูกสีทอง

              เหมือนโชคจะเข้าข้างเขานิดหน่อยเมื่อลูกสนิชบินมาโผล่ในรัศมี2เมตรจากเขา เดรโกรีบจับไม้กวาดและบินตามมันไปทันที

              หางตาพลันเหลือบเห็นว่ามีใครกำลังบินมาทางตน เดรโกจับไม้กวาดไว้มั่นขึ้น สายตายังคงจับจ้องลูกสนิชตรงหน้าไม่วางตา แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยเข้ามากระทบจมูกทำให้เขาจำใจต้องหันไปมองคนที่บินมาประชิดตัว

              แฮร์รี่ พอตเตอร์

              เด็กผมดำไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรไปมากกว่านี้ ใบหน้าเรียบนิ่งและจ้องไปยังลูกสนิชเขม็ง

              เสียงพากย์การแข่งขันและเสียงเชียร์ดังขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อพบว่าซีกเกอร์จากสองบ้านกำลังปะทะกัน

              เดรโกหันมามีสมาธิจดจ่อกับลูกสนิชบ้าง มันบินอยู่ตรงหน้าเขามากกว่าที่จะบินไปทางแฮร์รี่ ทั้งสองหันมาจ้องหน้ากันพักหนึ่งก่อนจะเบี่ยงวิถีไม้กวาดออกจากกันเมื่อมีลูกบลัดเจอร์บินแทรกกลางมา

              แฮร์รี่เข้าใกล้ลูกสนิชมากกว่าบ้างแล้ว อีกเพียงไม่ถึงเอื้อมแฮร์รี่ก็จะคว้าไว้ได้

              “พอตเตอร์ระวัง!”

              เสียงเดรโกดังก้องหูแฮร์รี่จนเขารู้สึกมึนตึง

              ไม่รู้ว่าเดรโกขยับมาอยู่ทางขวาของแฮร์รี่ตอนไหน อะไรบางอย่างที่รวดเร็วพอกันพุ่งกระทบเข้าใส่ร่างของเดรโกแทนจนได้ยินเสียงดังเหมือนกระดูกหัก

              เสียงกรีดร้องดังระงมทั่วสนามอีกครั้ง

              แฮร์รี่ชะงักมือที่กำลังจะคว้าลูกสนิชอย่างไม่คิด ร่างของเดรโกกำลังร่วงหล่นจากไม้กวาด แฮร์รี่พุ่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตามร่างนั้นไป — อย่างที่ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก

              เพียงปลายนิ้วสัมผัสกัน เหมือนมีประกายไฟบางอย่างจุดขึ้นในตัวแฮร์รี่อย่างประหลาด ไม้กวาดรุ่นดีออกแรงพุ่งไปมากขึ้นจนเจ้าของสามารถคว้าสิ่งที่ปรารถนาได้

              แฮร์รี่ดึงร่างที่กำลังจะหล่นโหม่งพื้นเข้ามาหาตัว เดรโก กระตุกอย่างแรงเพราะความเจ็บในจุดที่โดนลูกบลัดเจอร์กระทบเมื่อครู่ แฮร์รี่ดีดตัวออกจากไม้กวาดเมื่อมันต่ำลงพอควร แล้วซีกเกอร์ทั้งสองบ้านก็ร่วงหล่นลงกับพื้น

              แว่นตาของแฮร์รี่กระเด็นไปทางไหนเจ้าของไม่ได้สนใจนัก ดวงตาที่พร่ามัวกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาร่างของคนที่เขาช่วยไว้ และช่วยเขาไว้ด้วยเช่นกัน

              “มัลฟอย” แฮร์รี่คลานไปยังตำแหน่งที่คิดว่าเดรโกนอนอยู่ทันที

              เด็กบ้านสลิธีรินเริ่มลงมาจากอัฒจรรย์ คนในทีมอื่นๆ ก็พากันร่อนลงมาจากฟ้า

              แฮร์รี่ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองเช่นไร

              ฝ่ามือเล็กคว้าจับมือคนที่นอนคู้ตัวกับพื้น ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ความรู้สึกที่กำลังโถมเข้าใส่แฮร์รี่ตอนนี้ เขาคิดว่ามันคือความเป็นห่วง

              เดรโกปรือตามองคนที่เข้ามาจับมือเขาไว้ด้วยมือสั่นๆ ใบหน้าไร้กรอบแว่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะได้เห็นเป็นปกติ

              “ตานาย... สวยดีนะ”

              “ใช่เรื่องที่จะมาพูดตอนนี้ไหมฮะ!”

              คนถูกเอ็ดแค่นหัวเราะ แต่ก็ต้องเหยเกในเวลาต่อมาเมื่อความเจ็บแล่นไปทั่วร่าง พร้อมสติที่เลือนลางลง

              ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่ซักพัก พร้อมฝ่ามือของเดรโกที่ไม่ได้ผ่อนแรงบีบลงเลย อย่างต้องการที่จะจับมันไว้เช่นนี้

              “ขอโทษนะ.. พอตเตอร์...”

              ด้วยเสียงที่แผ่วเบาของเดรโกบวกกับเสียงเอ็ดโวยวายจากคนที่เข้ามามุงดูทำให้แฮร์รี่ได้ยินไม่ถนัด เขาเอียงหัวและส่งสายตางุนงง แต่คนตรงหน้าก็สลบลงไปเสียแล้ว

    .....

              แฮร์รี่ไม่อาจสงบใจได้เลยสักนิดตั้งแต่ที่เดรโกถูกพาตัวเข้าห้องพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย เขาพาตัวเองมานั่งริมทะเลสาบ ที่ๆ จะทำให้เขาสามารถใช้ความคิดกับตัวเองได้มากที่สุด

              คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน พร่ำนึกถึงความรู้สึกที่ก่อขึ้นในตัว

              มีบางอย่างที่เดรโก มัลฟอยแปลกไปจากทุกที

              เหมือนอะไรบางอย่างมันหายไปจากความจำของเขาเอง

              ความรู้สึกวูบวาบและหน่วงๆ ในบางครั้งที่มองเข้าไปในดวงตาของเดรโกมันคืออะไร แฮร์รี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก

              ไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนนี้ รู้สึกทุกอย่างมันผิดแปลกไป

    .....

              สองสามวันหลังจากนั้นคุณชายบ้านงูก็ได้ออกจากห้องพยาบาล ห้องโถงใหญ่โต๊ะของบ้านสลิธีรินดูคึกคักขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ

              แฮร์รี่หันไปมองตามเสียงดีใจเหล่านั้นแล้วก็อมยิ้มออกมา

              “แฮร์รี่..” เป็นเฮอร์ไมโอนี่ที่เรียกและวางมือบนหลังมือของเขา “ได้ขอบคุณมัลฟอยรึยัง?”

              “ต้องขอบคุณด้วยเหรอมันหาเรื่อ— โอ๊ย! เจ็บนะเธอ!”

              “ดี จะได้จำว่าไม่ควรพูดแบบนี้นะโรนัลด์”

              แฮร์รี่ยิ้มให้กับภาพที่เพื่อนสองคนหันไปเถียงกันเอง เขาหันไปทางโต๊ะสลิธีรินอีกครั้ง ก่อนจะเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนที่ช่วยเขาไว้ก็หันหลังกลับมาพอดี

              ทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเสหลบกันไปคนละทางก่อนจะรีบหมุนตัวกลับมาจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ

              เมื่ออาหารตรงหน้าถูกจัดการลงไปพอสมควรแล้ว แฮร์รี่ก็รีบขอตัวออกมาก่อน เรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่พูดค้างไว้ก่อนหน้านี้มันก็น่าเก็บมาคิด และเขาควรไปขอบคุณใครคนนั้นจริงๆ

              หลังจากเลี้ยวออกมาจากห้องโถงได้แฮร์รี่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อคนที่เขาตั้งใจจะไปบอกขอบคุณกลับยืนพิงกำแพงพอดี แฮร์รี่ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ว่าอีกฝ่ายมารอเขา แต่แฮร์รี่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา

              “เอ่อ มัลฟอย”

              เจ้าของชื่อสะบัดหน้ามองมาอย่างรวดเร็วจนแฮร์รี่สะดุ้ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครหยุดอยู่ข้างๆ

              “คือ..ฉันอยากขอบคุณ” แฮร์รี่เอ่ยเข้าประเด็นทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา คนฟังหยัดยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วยืดตัวเข้าหาคนข้างๆ

              “มากับฉันได้ไหม”

              ทั้งคู่มาหยุดในมุมค่อนข้างลับตาคน เดรโกยังคงยืนนำหน้าแฮร์รี่โดยไม่หันกลับมา แฮร์รี่จ้องมองแผ่นหลังกว้างแต่กลับดูเล็กลงในความคิดเขาอย่างอดไม่ได้

              เดรโกหมุนตัวกลับมาช้าๆ ในดวงตาของเจ้าตัวไม่ได้แจ่มใสเท่าที่ควร อย่างน้อยก็ในความคิดของแฮร์รี่

              ร่างสูงขยับเข้าชิดคนตัวเล็กกว่าช้าๆ แฮร์รี่เลิกคิ้วและถอยหลังโดยอัตโนมัติ กว่าจะรู้ตัว แผ่นหลังของแฮร์รี่ก็สัมผัสกับความเย็นของผนังเข้าเสียแล้ว

              “พอตเตอร์...” ดวงตาคู่คมก้มมองลงมา นัยน์ตาคู่สีเขียวแสดงแววประหลาดใจออกมา เมื่อดวงตาอีกคู่กำลังฉายแววเจ็บปวดอยู่

              ทำไมล่ะ? ทำไมต้องทำสายตาแบบนั้นกับเขา?

              หนจะน้ำเสียงที่ดูอ่อนแรงและเหมือนอ้อนวอนนั่น...?

              เดรโกขยับเข้าชิดร่างของแฮร์รี่มากขึ้น

              นิ้วเรียวเกลี่ยเบาๆ เข้าที่ข้างแก้มของแฮร์รี่

              แม้จะแผ่วเบา แต่แฮร์รี่กลับรู้สึกว่าสัมผัสนั้นช่างหนักหน่วง และมันกำลังเหนี่ยวรั้งความรู้สึกลึกๆ ของเขาเอาไว้

              เหมือนรอให้เปิดออก

              แต่..เหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังร้องเตือนเขาว่าไม่ควรเปิดมัน

              เหมือนเป็นกล่องแพนดอร่าสำหรับหัวใจของเขาเอง

              เขาไม่ควรจะแกว่งและไขว้เขวไปกับสายตาและน้ำเสียงของเดรโก มัลฟอย

              แต่คำถามที่ออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น กำลังทำให้เขาลังเล

              แฮร์รี่ไม่เข้าใจมันสักนิด

     

              “สักเสี้ยวหนึ่งในใจของนาย ...ยังมีฉันเหลืออยู่รึเปล่า”


    _________________________________


              วันหยุดคริสต์มาสในปี4ไม่มีใครกลับบ้านอย่างที่ควรจะเป็นในทุกปี เพราะปีนี้ฮอกวอตส์รับเป็นเจ้าภาพสำหรับงานแข่งขันเวทมนตร์ไตรภาคี และในวันคริสต์มาสนั่นเองที่มีงานเต้นรำรออยู่

              แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเขาจะต้องชวนใครไปงานเต้นรำ จริงๆ ต้องพูดว่าเขาแทบไม่มีโอกาสได้หาใครและใครก็คงไม่มอบโอกาสให้เขาเท่าที่ควร

              เหมือนว่าแต่ละคนจะเจอคู่ของตัวเองอย่างง่ายดาย

              เจ้าของเส้นผมสีดำสนิทนั่งมองเพื่อนของเขาที่ออกไปเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ เขายกมือที่ถือแก้วแชมเปญค้างไว้ขึ้นเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้เพื่อนของเขาว่าเขายังโอเคแล้วก็นั่งดื่มต่อเงียบๆ

              พร้อมกับหวนนึกถึงประโยคคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวเขามานานนับเดือน

              เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นหินดังมาจากประตูทางเข้า แฮร์รี่ไม่ได้สนใจเท่าใด แม้เวลานี้คนจะบางลงเกินครึ่งแต่ก็ยังมีคนเข้าออกเพื่อเต้นรำอยู่ไม่น้อย

              ดวงตาที่หลุบมองของเหลวสีจางในแก้วพลันเหลือบเห็นปลายรองเท้าสีดำมันขลับหยุดอยู่ตรงหน้า แฮร์รี่เคลื่อนสายตามองตามอย่างอดไม่ได้ตั้งแต่ปลายเท้าจรดหัว

              ร่างสูงสมส่วนของเดรโกปรากฏแก่สายตา เดรโกเอียงคอมองคนที่นั่งอยู่แน่นิ่งก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ แฮร์รี่

              “ไม่ไปเต้น?” แฮร์รี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว เขารู้สึกว่าเดรโกดูดีมากในวันนี้จนอดใจเต้นแปลกๆ ไม่ได้

              ดวงตาสีซีดเพ่งมองไปยังฟลอร์เต้นรำด้วยความว่างเปล่า สองแขนยกขึ้นกอดอก ท่าทางที่เหมือนไม่ได้มีอารมณ์อยากจะเสวนาเท่าไหร่ทำให้แฮร์รี่ไม่คิดจะถามต่อ แต่คนที่เอาแต่นั่งเงียบมานานกลับเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

              “ก็คู่ของฉันเขาไม่เต้น ฉันจะออกไปเต้นกับใครได้ยังไง”

              สิ้นประโยคนั้น ดวงตาแฝงแววเย็นชาในทีแรกก็หันกลับมามองคนข้างกาย แฮร์รี่ใจกระตุกวูบเล็กน้อยกับแววตาที่ดูเหมือนจะแฝงอะไรบางอย่างของคนตรงหน้า

              ไม่มีใครเปล่งเสียงใดๆ ออกมาอีก มีเพียงดนตรีจังหวะวอลซ์เนิบช้าที่ดังคลอในโถงกว้างเท่านั้น

              ท่ามกลางหมู่คนที่กำลังเคลื่อนกายให้เข้ากับจังหวะเพลง มีคนสองคนแม้ร่างกายจะไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย แต่หัวใจกำลังเต้นไปในจังหวะเดียวกัน

    .....

              สวนในปราสาทฮอกวอตส์ยามบ่ายคล้อยคือสถานที่ที่เดรโกตัดสินใจจะมานั่งหายใจทิ้งหลังจากตรากตรำกับการเรียนมาทั้งวันจนล้า

              แต่สถานที่ที่ควรจะเป็นพื้นที่สบายใจของเขา กลับพบว่ามีเด็กผมดำที่เดรโกรู้จักดีกำลังนั่งอยู่กับเด็กหนุ่มรุ่นพี่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ ทั้งคู่คุยกันดูสนุกสนานและเข้ากันได้ดี

              รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าน่ารัก ริ้วแดงจางพาดผ่านแก้มขาว

              เสียงหัวเราะร่าดังออกมา ท่าทางดูมีความสุขไม่น้อย

              ร่างทั้งร่างคล้ายว่าถูกความสดใสนั้นสะกดไว้

              ทั้งสะกดให้เดรโกหลงใหล และสะกดให้เขาจมอยู่ในวังวนแห่งความรู้สึกผิดและเจ็บปวดไม่จบสิ้น

              ทั้งหมดนั่น สิ่งที่เดรโกไม่มีสิทธิ์ได้รับมันแม้แต่น้อย

              ทั้งที่แต่ก่อนมันเป็นควรจะเป็นของเขาทั้งหมด

              เดรโกพยายามกลืนความรู้สึกขมขื่นที่กำลังเอ่อล้นขึ้นในอก ความเจ็บร้าว เสียใจกำลังกัดกินเขาจนทรมานอีกครั้ง

              ไม่รู้ว่าเดินแทรกผ่านและชนผู้คนไปเท่าไหร่ เดรโกจะไม่มีวันปล่อยให้สภาพน่าสมเพชของตัวเองฉายให้ผู้อื่นได้เห็น

              เมื่อถึงทางลงคุกใต้ดินที่เวลานี้ไร้ผู้คน เดรโกก็ทรุดลงกุมอกตัวเองแน่น รู้สึกปอดหายใจไม่สะดวก หัวใจบีบรัดอย่างแรงจนเจ็บไปทั้งทรวงอก

              ป่านนี้เลขจางๆ บนข้อมือของแฮร์รี่อาจจะลดลงอีกแล้ว

     

              ขอโทษ

     

              โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รับรู้สักนิด

              ไม่ได้รับรู้ว่าตัวเองเข้าใกล้ความตายเร็วขึ้น

              ไม่ได้รับรู้ว่ามีใครอีกคนที่กำลังเจ็บปวดอยู่

     

              ... ไม่ต้องรับรู้ก็ดีแล้ว

    .....

              เดรโกกำลังเดินให้วุ่นในห้องสมุดของคฤหาสน์เขาเอง หนังสือหลายเล่มถูกเสกให้ออกมาจากชั้นและวางกองบนโต๊ะจนเกลื่อน เอลฟ์ตัวน้อยพยายามเปิดหาเนื้อหาในส่วนที่นายน้อยต้องการ แต่จนแล้วจนรอดที่ขลุกอยู่ในห้องสมุดนี้มาหลายวันก็ยังไร้วี่แวว

              สัมผัสหนักวางลงบนไหล่กว้าง เดรโกตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อพบว่าเป็นใครที่เข้ามาหาเขาเดรโกจึงส่งยิ้มจางๆ ให้

              “แม่เห็นลูกหาเข้ามาที่นี่ตั้งแต่ปิดเทอม” นาซิสซาร์บีบไหล่ลูกชายของเธอเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้กัน “บอกแม่ได้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ลูกต้องจริงจังขนาดนี้หืม?”

              “แม่กับพ่อรักกันยังไงครับ”

              คนเป็นแม่เลิกคิ้วฉงน เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะจับมือลูกชายคนเดียวของเธอไว้หลวมๆ

              “เราค่อยๆ ทำความรู้จักกัน พูดคุยกันด้วยเหตุผลและความรู้สึกจริงๆ ลูกก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าหากเราใช้อารมณ์ ตัวเลขของเราจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่” มือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบต้นแขนของลูกชายผ่านเนื้อผ้าก่อนจะถอนหายใจแผ่วออกมา “แต่กรณีของลูกกับพอตเตอร์คงลำบากแล้วสินะ”

              เดรโกพับหนังสือลง เขาไม่มีสมาธิจะอ่านมันมากพอ ขอบตาร้อนผ่าว ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงในอกที่กำลังเล่นงานเขาราวเข็มนับพันที่พากันทิ่มลงมา

              “ผม..ต้องการเขา..คืนมา” เดรโกว่าเสียงสะอื้นหนักอย่างที่ไม่เคยเป็น นาซิสซาร์มองลูกชายของเธออย่างกังวลก่อนจะดึงตัวลูกชายเข้ามากอด

              เธอไม่เคยเห็นลูกชายของตัวเองอ่อนแอเท่านี้มาก่อน

              “ตลอดเวลาที่ผ่านมา..ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน แต่ปีที่ผ่านมา..ผมรู้ซึ้งเลยว่ามันเจ็บขนาดไหน..” เดรโกซบหน้ากับไหล่ของแม่ “ผมต้องเข้มแข็ง.. เข้มแข็งและทนเห็นว่าพอตเตอร์กำลังมีความสุขกับใครคนอื่น ผมใช้ความรู้สึกจริงไม่ได้.. ไม่งั้นพอตเตอร์..”

              นาซิสซาร์กระชับกอดมากขึ้น เธอหลับตาลงอย่างรวดร้าวพอกันเมื่อพบว่าลูกชายของเธอกำลังเจ็บปวดและเสียใจขนาดไหน ฝ่ามือกร้านยกขึ้นลูบเส้นผมสีบลอนด์เบามืออย่างปลอบประโลม

              จากเด็กที่นึกถึงแต่ตัวเองมา เวลานี้กำลังคิดถึงคนอื่น

              “มนตร์นี้น่ะ” นาซิสซาร์เปรยเสียงเบา เดรโกหยุดสะอื้นและเริ่มตั้งใจฟัง “หากคนที่เสกเป็นพ่อมดเก่าแก่ในยุคก่อน เขาจะสามารถลบพันธะพวกนี้ออกได้โดยมีผลข้างเคียงคือความทรงจำบางส่วนหายไปจากคนทั้งคู่ แต่กรณีของลูกกับพอตเตอร์.. พอตเตอร์เป็นผู้ตัดสินใจคนเดียว”

              “จะมี..ทางไหนไหมครับ ที่จะทำให้พันธะกลับมา” เดรโกผละตัวออกมาจ้องหน้าแม่ตนอย่างมีความหวัง

              “ไม่มีมนตร์บทใดที่จะทำให้คนเรารักกันได้จีรังหรอกนะลูก” เธอยกมือเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของลูกชาย “จะนำ้ยาลุ่มหลง ยาเสนาห์หรืออะไรก็ตาม ไม่มีวันทำให้พันธะกลับมาได้ ทั้งหมดมันอยู่ตรงนี้”

              หล่อนว่าพลางทาบฝ่ามือลงกับอกของเดรโก คนฟังเบิกตาเล็กน้อยและก้มมองฝ่ามือที่แนบอยู่บนอกนิ่งงัน

              เขาคิดไม่ออกเลยสักนิด ว่าจะทำให้พอตเตอร์กลับมารักเขาได้อย่างไรในเวลานี้

              หนทางมืดมนเสียยิ่งกว่ารัตติกาลที่ไร้พระจันทร์เสียอีก

    .....

              เทอมใหม่ในปีที่ 5 เริ่มขึ้นมาได้ซักพักแล้ว เดรโกมักจะปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนบ่อยๆ เพื่อคอยเฝ้ามองใครคนหนึ่งทุกครั้งหากมีโอกาส

              แพนซี่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นักกับการหนีหายของเขา เพราะเดรโกดูซูบผอมและดูไร้เรี่ยวแรงลงกว่าเดิมมาก

              บางทีเดรโกก็คิดว่าคนที่จะตายเร็วอาจไม่ใช่พอตเตอร์ แต่อาจเป็นเขาเองก็ได้

              นานวันอาการเจ็บร้าวในอกก็ยิ่งรุนแรง เหมือนหัวใจของเขาถูกกรีดแทงลงไปทุกๆ วัน และมันทำให้เขารู้สึกอยากเข้าใกล้แฮร์รี่มากขึ้นทุกขณะ

              ดวงตาหลังกรอบแว่นคู่นั้นหากได้บังเอิญสบกันเมื่อไหร่ มันยังคงสามารถทำให้เดรโกใจเต้นแรงได้ทุกครั้ง

    แม้ว่ามันจะว่างเปล่าและเรียบนิ่งแบบคนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน

              เพราะอีกคนคงลืมหมดแล้ว

              ผิดกับเขาที่สวนทางทุกอย่าง

              เหมือนว่าหากอีกคนยิ่งลืมเลือนไปเท่าไหร่ แต่สำหรับเขามันจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นๆ ไปอีก

              ตอกย้ำลึกลงไปในใจว่าเมื่อก่อนเขาทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายแค่ไหน

              เจ้าของดวงตามรกตเดินจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงตะกอนความรู้สึกหนักหน่วงในใจของเดรโก

              เขาผิดเองที่รู้สึกช้าไป

              เป็นเขาเองทั้งหมด

              อยากจะบอกขอโทษอีกสักครั้ง แต่เหมือนคนฟังจะไม่ได้เข้าใจเลยสักนิด

              แววตาฉงนของแฮร์รี่ในวันที่เดรโกเอ่ยขอโทษในสนาม  ควิดดิชวันนั้นเดรโกยังคงจำได้ดี

              อีกฝ่ายไม่หลงเหลือความทรงจำใดๆ สำหรับเขาอีกแล้ว

     

              ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานอีกสักเท่าไหร่

              เธอยังเป็นคนดี คนเดียวในใจที่ฉันยังมี

              เธอยังคงงดงาม ฉันยังคงรักเธอ

              แม้รู้ว่าเธอจะไม่มีทางกลับมา

              ... เธอยังคงชัดเจน เวลาไม่ช่วยให้ลืมเหมือนใครบอกไว้

              ฉันรู้จากนี้มันไม่มีเธอต่อไป...


    _________________________________


              ปลายนิ้วเหี่ยวย่นไล้ไปตามด้ามไม้กายสิทธิ์ ดวงตาหลังกรอบแว่นเพ่งมองตามแผ่นหลังกว้างของเด็กหนุ่มซึ่งเพิ่งก้าวพ้นประตูห้องของตนออกไป

              ในหัวของอาจารย์ผู้ชราวัยยังคงขบคิดถึงสิ่งที่เขาได้สนทนาไปกับเด็กคนนั้น ก่อนจะหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ไกลกว่านั้นเมื่อช่วงเปิดปีการศึกษาของปีที่แล้ว

              เขาเริ่มคิดแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองยอมตัดสินใจทำตามเด็กอีกคนไปเป็นสิ่งที่ถูกหรือไม่ — สับสนอย่างหนักเลยทีเดียว

              “ผมรักเขา และผมต้องการเขาคืนมาครับ”

              เสียงติดแหบเปล่งผ่านริมฝีปากสีซีด ใบหน้าขาวจัดที่มักจะดูดีอยู่เสมอด้วยคราบคุณชายแห่งตระกูลพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ซูบตอบลงจนแทบหมดมาด

              ดวงตาสีซีดคู่นั้นไร้ประกายแห่งความซุกซนและสดใส

              เหมือน...กับดวงตาคู่สีเขียวที่เขาพบเมื่อปีก่อน

              “ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าเธอรู้สึกอย่างนั้นจริง คุณมัลฟอย”

              หลังจากนั่งจ้องลูกศิษย์ตัวเองอยู่พักใหญ่ดัมเบิลดอร์ก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา มือทั้งสองยกประสานกันไว้ใต้คาง

              เดรโกหลุบตาเล็กน้อย ก่อนจะสบกลับดวงตาเรียวเล็กของคนเป็นอาจารย์ใหญ่

              “เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้แค่ต้องการให้อาการผลข้างเคียงของคุณหาย เพื่อตัวคุณเอง”

              แววตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าดูวาวโรจน์ขึ้นมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับเข้าใกล้โต๊ะตรงหน้า

              “งั้นศาตราจารย์ก็น่าจะรู้นะครับ ว่าผลข้างเคียงของผมไม่ได้มีผลให้ร่างกายผมเข้าใกล้ความตายน่ะ”

              เดรโกเท้ามือทั้งสองข้างกับโต๊ะไม้ตรงหน้า ดวงตาจ้องตอบอย่างแข็งกร้าว

              “แม้ผมจะทรมาน แต่คนที่เข้าใกล้กลับเป็นเขาแทน ผมยอมไม่ได้หรอกนะที่เขาจะต้องมาตายแทนผมแบบนี้โดยที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวแบบนี้” เดรโกกลืนน้ำลายลงเล็กน้อย “ไม่.. มันไม่ควรมีใครตายทั้งนั้น”

              “คลายมนตร์เพื่อให้คุณกลับไปทำร้ายคุณพอตเตอร์อีกอย่างนั้นเหรอ?”

              “ไม่! ผมจะไม่ทำอีก!!”

              “....”

              ร่างสูงโปร่งหอบเล็กน้อย เขาเสตาหลบดวงตาที่มองอย่างคาดคั้นจากดัมเบิลดอร์ก่อนจะหันกลับมามองตอบอย่างแน่วแน่

              “แม้จะรู้สึกตัวช้า แต่ตอนนี้...ผมรักพอตเตอร์จริงๆ”

              ดัมเบิลดอร์มองบานประตูที่ปิดสนิทไปแล้วแน่นิ่ง ชายชราถอนหายใจเล็กน้อย วางไม้กายสิทธิ์ในมือลงบนโต๊ะและพึมพำกับตัวเองเสียงเบา

              “ก็หวังว่าคุณจะทำได้นะ คุณมัลฟอย”

    .....

              “ไม่ไปฮอกมีดส์จริงเหรอแฮร์รี่?” เฮอร์ไมโอนี่กระชับโค้ทของเธอ พลางมองเพื่อนผมดำที่ยืนยิ้มบางส่งให้

              “ไม่ล่ะ เธอไปกับรอนเถอะ ฉันอยากเดินเรื่อยเปื่อยแถวนี้มากกว่า” แฮร์รี่ยักไหล่สำทับคำตอบของตัวเอง

              “ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น”

              “แล้วเราจะซื้อขนมมาฝาก”

              แฮร์รี่ส่งยิ้มให้เพื่อนทั้งสองอีกครั้ง หลังมองส่งเพื่อนจนลับตา เขายกมือขึ้นทาบที่อกตัวเอง ความรู้สึกอุ่นวาบแปลกๆ กำลังโอบล้อมหัวใจของเขา เป็นเช่นนี้มาได้พักใหญ่แล้วนับตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มา เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก

              เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้กวนใจเท่าไหร่ แต่ค่อนไปทางรู้สึกดีมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

              น่าแปลกที่มันบางครั้งมันเด่นชัดเมื่อเขาได้เข้าใกล้ร่างสูงโปร่งขาวซีดของคุณชายบ้านสลิธีริน

              ร่างเล็กส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับความคิดตัวเอง เขาหมุนตัวเตรียมกลับเข้าปราสาท แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีกลุ่มคนสามคนพากันเดินออกมา

              ดวงตาสีเขียวเบิกเล็กน้อยแล้วรีบหลบตา ก้อนเนื้อในอกเหมือนเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย — ใครจะคาดว่าคนที่เพิ่งนึกถึงไปเมื่อครู่จะโผล่มาทันที

              แพนซี่และเบลสพากันมองไปทางเดรโกที่เหมือนจะชะงักมองไปยังเจ้าของเส้นผมสีดำที่ยังยืนตรงหน้า ทั้งคู่พยักหน้าให้กันก่อนจะบีบแขนเดรโกเบาๆ และเดินเลี่ยงไป

              ความอบอุ่นแล่นพล่านไปทั่วอกของคนทั้งคู่

              ความหนาวเย็นจากหิมะด้านนอกคล้ายไม่มีผลกับคนทั้งคู่

              “อยากไปฮอกมีดส์ด้วยกันไหม?”

              และแฮร์รี่ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมเขาจะต้องตอบตกลงมัลฟอยออกไปแบบไม่ทันคิดด้วย

              ผ้าคลุมล่องหนคือสิ่งที่แฮร์รี่เลือกพกมาด้วย เขาไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่หรือรอนพบเขานัก

              เดรโกขำเล็กน้อยกับร่างที่เดินชนเขาเป็นระยะๆ ใต้ผ้าคลุมนั้น แม้พวกเขาจะจับมือกันอยู่ก็ตาม เขาไม่ได้เห็นสีหน้าของคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุม แต่คงจะลุกลี้ลุกลนเพราะแอบหนีเพื่อนออกมาอยู่แน่ๆ

              ร้านฮันนี่ดุกส์คือร้านที่แฮร์รี่ลากเดรโกเข้าไป คนผมบลอนด์มีท่าทางแปลกๆ ไปนิดแต่ก็ยอมเดินตามเข้าไปหยิบขนมนั่นนี่ถามที่แฮร์รี่บอกอย่างดิบดี เรียกสายตาฉงนจากคนในร้านได้ไม่น้อย

              แฮร์รี่ก้มมองมือของเขาที่ถูกมือของเดรโกกุมไว้ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ไหนจะยังมืออีกข้างของเดรโกที่ถือของทุกอย่างที่ซื้อมาไว้ด้วยตนเอง เขารู้สึกว่ามันเต้นแรงและดังจนน่าหนวกหู กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

              ขอบคุณผ้าคลุมล่องหนที่ทำให้เดรโกไม่สามารถมองเห็นได้ว่าแฮร์รี่กำลังทำหน้าตาอย่างไรอยู่ ไม่เช่นนั้นเดรโกคงได้เห็นว่าแฮร์รี่หน้าแดงขนาดไหน

              ไม่ใช่เพียงแค่แฮร์รี่ เดรโกเองก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดที่เขาเคยสัมผัสรับรู้มาตลอดปีในเวลานี้ช่างเบาบางเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น สัมผัสอุ่นที่ฝ่ามือแผ่มาถึงกลางใจของเขาจนรู้สึกสงบและดีไปหมด

              ทั้งคู่พากันเดินเรื่อยๆ จนออกมาจากที่คนพลุกพล่านโดยที่ไม่รู้ตัว อาจเพราะความสงบที่โอบล้อม ทำให้พวกเขาไม่ทันได้นึกคิดอะไรมาก แฮร์รี่ค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อยเมื่อพวกเขาไม่มีแม้แต่ปากเสียงกัน

              จริงๆ มันแปลกตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาเที่ยวด้วยกันแล้ว

              แฮร์รี่ทิ้งตัวนั่งลงบนโขดหินก้อนใหญ่ ไกลจากสายตาไปเล็กน้อยคือเพลิงโหยหวน เดรโกวางของลงข้างๆ หินที่แฮร์รี่นั่งพลางยืนล้วงกระเป๋ามองไปด้านหน้าเงียบๆ

              คนนั่งอยู่เกิดทำตัวไม่ถูกขึ้นมา เขาเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างใต้โค้ทดำยาวดูดี แค่มองจากด้านหลังก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเสียแล้ว

              เดรโกค่อยๆ หมุนตัวกลับมา เขาเหลือบมองพื้นที่เกล็ดหิมะพากันกระจายตัวไปมา บ่งบอกว่าใครอีกคนยังคงนั่งอยู่ใกล้ๆ เขา

              เดรโกยกยิ้ม เขาย่อตัวนั่งลงหน้าโขดหินใหญ่ ฝ่ามือเอื้อมไปเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง

              สัมผัสลื่นมือคือสิ่งที่เดรโกรู้สึกได้ เขาค่อยๆ ดึงผ้าคลุมที่คลุมตัวแฮร์รี่ออกอย่างเชื่องช้า ค่อนข้างดีใจเมื่อแฮร์รี่ไม่ปฏิเสธหรือปัดมือเขาทิ้ง

              ทั้งสองจ้องตากันซักพัก เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างระหว่างพวกเขาทั้งที่ไม่ควรเป็น แฮร์รี่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเองรู้สึกเอนเอียงไปในทางที่ดีกับความรู้สึกนั้น

              เดรโกยืดตัวขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองยันค้ำไว้กับโขดหิน จังหวะเดียวกันที่แฮร์รี่โน้มใบหน้าลงมา

              จากเพียงริมฝีปากแตะกัน ก็ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้น

              มันดูผิดไปหมดในเมื่อพวกเขาเป็นศัตรูกันแท้ๆ

              เป็นรสจูบที่ไม่ได้หวานฉ่ำนักในความคิดของเดรโก มันหวานปนขมและหนักหน่วงในใจ

              “แฮร์รี่ ช่วยรอฉันหน่อยนะ”

     

              I have died everyday waiting for you

              Darling don't be afraid I have loved you


    _________________________________


              กล่องความรู้สึกที่เป็นดั่งกล่องแพนดอร่านั้น.. เขาจะลองเปิดมันได้ไหมนะ?

              แฮร์รี่เฝ้าครุ่นคิดกับตัวเองมาตลอดนับตั้งแต่วันที่ได้ไปเที่ยวฮอกมีดส์กับเดรโก มีบางอย่างที่มันแปลกไปในสายตาและคำพูดนั้นของมัลฟอย

              ตัวเลข แฮร์รี่สังเกตเห็นได้ตามร่างกายเพื่อนร่วมห้องของเขา — จริงๆ ก็เห็นมานานตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เขากลับไม่เห็นของตัวเอง

              ความรู้สึกบางอย่าง รวมถึงสัมผัสที่ผุดขึ้นมาในบางครั้ง เขารู้สึกชอบที่จะคลำข้อมือของตัวเอง

              รวมถึงเดรโกเอง ก็ดูจะเคยคว้าข้อมือเขาไปดูและมีสีหน้าไม่สู้ดีอยู่ครั้งหนึ่ง

              “เธอหนีความรู้สึกของตัวเองไม่ได้หรอกนะ แม้ว่าเธอจะพยายามตัดมันก็ตาม ลึกๆ แล้ว... พวกเธอต่างก็เป็นของกันและกัน และคู่ของเธอ เขารอเธออยู่นะแฮร์รี่”

              หลังจากเตร็ดเตร่ไปตามระเบียงในช่วงวันหยุดอยู่นาน แฮร์รี่ก็พบกับลูน่าที่เหมือนจะหอบของอะไรไม่รู้มากมายจะไปที่ไหนสักที่ พวกเขาหยุดคุยกันในเรื่องที่แฮร์รี่ไม่ค่อยเข้าใจนัก

              “เขาเหมือนจะพร้อมกลับตัวกลับใจแล้ว เธอล่ะ? จะเปิดโอกาสให้เขาไหม”

              ให้โอกาส.. ใครล่ะ ใครคือคู่ของเขากันล่ะ?

              แฮร์รี่ใช้เวลาของช่วงวันหยุดคริสต์มาสในปี 5 ไปกับการหมกตัวในห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลในสิ่งที่เขาสงสัย

              พันธะแห่งเวลา

              เด็กหนุ่มพยายามมองหาตัวเลขของตัวเอง แต่เหมือนเขาก็จนปัญญาที่จะมองหา เหมือนมีอะไรบังตาไว้ แต่เขาค่อนข้างมั่นใจ ว่ามันจะอยู่ที่ข้อมือ

              หนังสือในห้องสมุดก็บอกข้อมูลของพันธะแบบที่เป็นพื้นฐานทั่วไป ก่อนจะโยงไปถึงเรื่องเล่าอันเป็นตำนานรักสวยหรูในอดีต ไม่รู้จะจริงหรือเท็จแค่ไหนกัน

              ไม่ได้เอ่ยถึงการตัดพันธะ การตัดพันธะที่เหมือนเขาจะเป็นคนตัดสินใจทำ

              แฮร์รี่ฟุบหน้ากับหนังสือที่ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วก็เหมือนจะต้องตามหาด้วยตัวเอง

              แล้วคู่ของเขาคือใครกัน ใครคือคนที่รอเขาอยู่?

              คนๆ นั้นที่ใจร้ายจนทำให้เขาตัดสินใจที่จะตัดพันธะออกจากกัน

              เดรโก มัลฟอย

              ชื่อนี้ผุดเข้ามาในหัวของแฮร์รี่ทันที เป็นชื่อแรก ชื่อเดียว

              ดวงตากลมกะพริบปริบเมื่อนึกถึงใบหน้ารวดร้าว และสายตาอาวรณ์ของเดรโกตลอดปีที่ผ่านมา ไหนจะยังท่าทาง การกระทำแปลกๆ มากมายที่เขาได้รับจากอีกฝ่าย สิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับมัน

              แต่ถ้าเป็นคนๆ นั้น เจ้าตัวควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่พวกเขาไม่ต้องผูกพันธะกัน?

              ร่างกายสั่งการให้แฮร์รี่รีบเก็บของทุกอย่างบนโต๊ะและออกไปจากห้องสมุดทันที

              หรือจะเป็นตัวเขาเองที่ใจร้ายกันนะ

              จนแล้วจนรอดแฮร์รี่ก็ไม่พบตัวคนที่เขาตามหา อากาศเย็นเยียบไม่ค่อยมีผลกับแฮร์รี่ในตอนนี้นักเพราะตัวเขาที่วิ่งวนไปมาเกือบทั่วปราสาทกำลังเหงื่อท่วมใบหน้า

              “คุณพอตเตอร์”

              เสียงที่แฮร์รี่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เด็กหนุ่มหันไปส่งยิ้มแห้งให้ศาสตราจารย์ประจำบ้านของตน

              “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอนิดหน่อย ตามมาสิ”

              แฮร์รี่ลนลานเล็กน้อยคล้ายอยากจะปฏิเสธ แต่อาจารย์ของเขากลับเดินนำลิ่วไปแล้วอย่างไม่ต้องการให้เด็กหนุ่มปฏิเสธ แฮร์รี่จึงจำใจต้องสับเท้าก้าวตามไปเสียไม่ได้ ก็หวังว่าเธอจะมีเรื่องสำคัญจริง

              เมื่อมาถึงห้องพักอาจารย์แฮร์รี่พลันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเล็กน้อย ดวงตากลมโตสอดส่องมองไปรอบห้องหญิงชราก่อนจะหยุดสายตาลงที่หนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะของเธอ

              แฮร์รี่ย่างสามขุมชิดโต๊ะทำงาน เขาจ้องมองไปยังหน้าปกที่ดูเลือนลางอย่างสนใจ แม้จะดูไม่ออกว่ามันคือหนังสืออะไร แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดเขาจนอยากจะหยิบมันขึ้นมาอ่าน

              “ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง คุณพอตเตอร์”

              “ครับ?”

              “ฉันเชื่อว่าลึกๆ แล้วคุณยังรู้สึกถึงมัน ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็คงตัดไม่ขาดทั้งหมดหรอก”

              “ศาสตราจารย์..ทราบเหรอครับ?” แฮร์รี่จ้องหญิงตรงหน้าด้วยความหวัง

              “ทราบสิ ฉันทราบดี เพราะฉันกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เป็นคนช่วยคุณเอง”

              เด็กหนุ่มกริฟฟินดอร์เบิกตากว้าง เขาจ้องอาจารย์ประจำบ้านตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน

              เขาไม่รู้ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ

              “ฉันขอถามคำถามเดิมนะคุณพอตเตอร์”

              เจ้าของชื่อเงยหน้ามองคนถาม มักกอนากัลจ้องหน้าลูกศิษย์ของเธอด้วยสายตาคาดคั้นเล็กน้อย จนแฮร์รี่รู้สึกว่าลำคอของตนมันแห้งผากจนรู้สึกแสบนิดๆ ยามที่กลืนน้ำลายลงไป

              “คุณยืนยันที่จะตัดพันธะอยู่ไหม?”

    .....

              แฮร์รี่หยุดยืนอยู่หน้าห้องพยาบาลด้วยใจเต้นรัว ข้างกายเขามีมักกอนากัลยืนอยู่ข้างๆ หญิงชรามอบรอยยิ้มบางๆ ให้เขา เธอจับมือลูกศิษย์แน่นพลางกระตุกเบาๆ ให้เข้ามาในห้องพยาบาลด้วยกัน

              ในวันหยุดคริสต์มาสเช่นนี้ที่ที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากอาจารย์พยาบาลคนเดิม แต่ที่เตียงหนึ่งกลับมีร่างคุ้นตานอนอยู่

              เด็กหนุ่มบ้านสิงห์อ้าปากค้างเล็กน้อย เขารีบปล่อยมือออกจากมือของมักกอนากัล เรียวขารีบก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนไปหยุดอยู่ข้างเตียงในสุดที่มีร่างของเดรโกนอนอยู่

              “เขามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปิดเทอม เหมือนอาการเขาจะแย่ขึ้น” มาดามพรอมฟรีย์เอ่ยเสียงเรียบ “ตัวเลขของคุณล่ะคุณพอตเตอร์?”

              “ตัวเลขของผม?”

              มักกอนากัลถอนหายใจเล็กน้อย เธอคว้าข้อมือขวาของแฮร์รี่มาไว้ในมือ ท่องคาถาในใจอยู่ซักพัก ไม่นานนัก ตัวเลขสีดำพลันผุดชัดขึ้นที่ข้อมือของแฮร์รี่

              ดวงตาสีเขียวจ้องมองอย่างตกตะลึง หัวใจของเขาพลันเต้นแรงขึ้นมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย คนที่นอนอยู่บนเตียงเองเหมือนจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นกุมอกตัวเองด้วยท่าทางทรมาน

              แฮร์รี่ละความสนใจจากตัวเลข 32 ของเขาก่อนจะคว้ามือของเดรโกมาจับเอาไว้ ไม่รู้ว่าตัวเลขของเดรโกจะหยุดที่เท่าไหร่ แต่สำหรับเลขของเขาที่ลดจาก 50 อยู่พอสมควรกลับไม่ได้รู้สึกใดๆ เลยสักนิดอย่างที่ไม่ควรเป็น มันคงเป็นผลข้างเคียงของเวทมนตร์ที่เขาใช้ และคนที่ทรมานกลับเป็นเดรโกเสียเอง

              ความอบอุ่นแล่นวาบไล่ไปตามปลายนิ้ว แม้แต่แฮร์รี่เองยังรู้สึกได้ คนที่นอนพ่วงด้วยอาการทรมานคล้ายจะคลายอาการลงบ้าง เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดออก จ้องมองมายังคนที่ขยับนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ เขาพร้อมสายตาที่มองอยู่อย่างเป็นห่วง

              เดรโกกำลังคิดว่าเขาฝันไป ดวงตาสีซีดปรือมองคนตรงหน้าด้วยความสับสน

              แฮร์รี่ พอตเตอร์จะมานั่งจับมือเขาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

              ถ้าเป็นฝัน ก็คงเป็นฝันที่ดีมากเลยทีเดียวในตอนนี้

              แต่น้ำเสียงที่เล็ดลอดเข้าสู่โสตประสาท เรียกให้เดรโกต้องนึกเสียใหม่ว่ามันคงไม่ใช่แค่ความฝัน

              “ฉันรอนายอยู่นะ รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”


    _________________________________


              เป็นภาพที่แปลกตาไม่น้อยสำหรับนักเรียนฮอกวอตส์หลังจากเปิดเทอมใหม่หลังปิดฤดูหนาว

    โดยเฉพาะเด็กบ้านกริฟฟินดอร์และสลิธีริน

              เสียงซุบซิบพ่วงด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ดังไปตลอดระเบียงทางเดินตั้งแต่ห้องสมุดเรื่อยมาจนถึงหน้าห้องโถงใหญ่ เด็กหนุ่มจากบ้านต่างกันจัดการจักแบ่งหนังสือที่อยู่ในมือของตัวเองให้อีกฝ่ายก่อนที่ทั้งสองจะจ้องหน้ากันเล็กน้อย

              “เจอกันคาบปรุงยา มัลฟอย”

              “ไว้เจอกัน พอตเตอร์”

              คนในห้องโถงต่างมองตามสองร่างที่ยืนตระหง่านหน้าประตูก่อนจะแยกกันไปที่โต๊ะประจำบ้านแต่ละคน พวกเขาค่อนข้างที่จะแปลกใจเอามากๆ ที่ได้เห็นแฮร์รี่เดินเคียงมากับเดรโก

              มีคำถามมากมาย แต่ใครที่จะกล้าถาม

              แฮร์รี่ทิ้งตัวนั่งลงข้างเฮอร์ไมโอนี่ที่เว้นที่ว่างไว้ให้ และแน่นอนว่าแค่บั้นท้ายของเขายังสัมผัสเก้าอี้ได้ไม่ถึงสองวินาทีดี เสียงของรอนก็แหวแหวกอากาศมาก่อนทันที

              “แฮร์รี่! เมอร์ลินเป็นพยาน! นายไปห้องสมุดกับหัวซีด!?”

              คนถูกเป็นประเด็นยักไหล่ ดวงตาหลังกรอบแว่นกลอกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก เพราะเขากำลังถูกจับจ้องทั้งจากเพื่อนบ้านเดียวกันรวมถึงเพื่อนต่างบ้านในรัศมีใกล้เคียงด้วย

              “ปิดเทอมที่ผ่านมา มีอะไรดีใช่ไหม”

              เป็นเพื่อนสาวของแฮร์รี่ที่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยินดีลึกๆ เธอคว้าข้อมือของแฮร์รี่มาพลิกดู เธออมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตัวเลขที่เคยจางจนแทบมองไม่เห็นในทีแรกกำลังกลับมามีสีขึ้นอีกครั้ง

              แฮร์รี่ก้มมองตามสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

              “ทำไมครั้งก่อนที่มัลฟอยพลิกข้อมือฉันดู เขาถึงทำท่าเหมือนเห็นมันชัดล่ะ ทั้งที่ฉันไม่เห็น?”

              “เพราะเขาเป็นคู่ของเธอยังไงล่ะ ไม่มีอะไรที่จะบดบังความเป็นคู่กันของพวกเธอได้หรอก”

              แฮร์รี่ยิ้มแหยให้เฮอร์ไมโอนี่ เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลกๆ ยิ่งนึกได้ว่าพวกเขาทะเลาะและเกลียดกันมาขนาดไหนตั้งแต่ปี 1 พอได้ยินอะไรแบบนี้ก็อดจะชวนให้ขนแขนพากันลุกไม่ได้ ส่วนรอนเองก็เหมือนจะอาการหนักกว่าแฮร์รี่ไปแล้ว

              “อีกอย่างนะแฮร์รี่” เด็กสาวผมสีน้ำตาลขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเจ้าของชื่อ “เธอน่ะ..รักมัลฟอยมากนะ”

              เด็กสาวไม่ได้ว่าอะไรกับปฏิกิริยาของเพื่อนผมดำที่ดูจะช็อคค้างไปแล้ว เธอบีบมือของแฮร์รี่เพื่อให้กำลังใจก่อนจะหันไปจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ

              แม้จะยังไม่รู้ว่าตัวเองเคยรักมัลฟอยมากขนาดไหน แต่ความรู้สึกดีที่ค่อยๆ ก่อตัวทีละน้อยในหัวใจ มันช่วยให้ความรู้สึกที่เคยขาดหายกลับมาทีละน้อยอีกครั้งเช่นกัน กว่าจะรู้ตัว แฮร์รี่ก็ใช้เวลาส่วนหนึ่งในการมองหาเดรโกเข้าเสียแล้ว

    .....

              ที่โต๊ะฝั่งสลิธีรินเองก็ดูจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับการที่ทุกคนต่างเห็นว่าคุณชายของบ้านเดินเข้าห้องโถงมากับใคร เบลสมีท่าทางสนอกสนใจจนถามออกมาไม่ขาดปากแต่เดรโกก็เลือกตอบบ้างไม่ตอบบ้าง

              เมื่ออาหารตรงหน้าพร่องลงไปบ้าง เด็กสาวที่นั่งเงียบมานานก็เริ่มขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ เธอเท้าคางมองคนข้างกายที่ดูจะมีสีหน้าดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เธอเจอก่อนปิดเทอม จนกระทั่งเดรโกเริ่มรู้สึกตัวว่าโดนมองเขาจึงหันไปหาเธอ

              “มีอะไร?”

              “หึ ดูดีขึ้นกว่าตอนแรกน่าดูเลยนะ คืนดีกันแล้วเหรอ”

              เดรโกเลิกคิ้วพลางจิ้มของหวานเข้าปากเงียบๆ ใบหน้าคมมีแววครุ่นคิดเล็กน้อย

              “ยังไม่เชิง แต่พอตเตอร์รู้แล้ว... เรื่องพันธะ”

              “ก็ดีเลยสิ”

              คนฟังยิ้มเจื่อน เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะดีจริงไหม แต่ตอนนี้แค่พอตเตอร์ยอมให้เขาได้เข้าใกล้และพวกเขาได้พูดคุยกันอย่างปกติอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนก็นับว่าดีมากแล้ว

              “แต่ก็ยังจำไม่ได้ทั้งหมดหรอก” เดรโกว่าเสียงแผ่ว

              “แสดงว่าผลของมนตร์บล้างยังอยู่สินะ วิธีเรียกคืนคือเธอต้องทำให้พอตเตอร์กลับมารู้สึกเหมือนเดิมสินะ?”

              “รู้ได้ไง” เดรโกจ้องอย่างสงสัย

              แพนซี่ยักไหล่ ยกยิ้มมุมปาก “พยายามเข้าล่ะคุณ ถึงพวกเราจะมียาเสน่ห์หรือยาลุ่มหลง แต่ก็คงไม่ช่วยให้พันธะกลับคืนมาได้”

              “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าคิดจะใช้ของพรรค์นั้นกับพอตเตอร์”

              “ดีจังนะ ได้เห็นนายน้อยมัลฟอยพยายามทำอะไรด้วยตัวเอง” แพนซี่ยิ้มขำพลางมองเด็กหนุ่มตรงหน้าตาวาว

              เดรโกตวัดตามองขวางเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจสิ่งที่เด็กสาวผมดำสนิทข้างกายเอ่ยแซวต่อ เขาเงยหน้าเล็กน้อยแล้วมองไปทางเด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่โต๊ะยาวถัดไป

              แม้จะยังรู้สึกเจ็บที่หน้าอกเป็นพักๆ แต่หลังจากที่แฮร์รี่รู้สถานะระหว่างพวกเขาและความสัมพันธ์เริ่มจะไปในทิศทางที่ดีอาการของเขาก็ทุเลามากขึ้น ที่เหลือ..ก็คือตัวเขาเองที่ต้องพยายามมากขึ้นในการที่จะพาแฮร์รี่กลับมาดังเดิม

    .....

              ภาพของเด็กหนุ่มผมบลอนด์บ้านสลิธีรินคอยตามติดเด็กหนุ่มผมดำบ้านกริฟฟินดอร์เริ่มกลายเป็นภาพที่ชินหูชินตาภายในรั้วโรงเรียนไปเสียแล้ว แม้สองคนที่ว่าจะยังมีเหน็บแนมและเอ่ยกัดกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงดังเช่นหลายปีที่ผ่านมา

              เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน แฮร์รี่ก็ชอบที่จะมนั่งริมทะเลสาบ หลายครั้งที่เขามักจะใช้เวลาที่นี่คนเดียว แต่ฤดูร้อนปีนี้ต่างออกไป เพราะมักจะมีใครอีกคนตามมาด้วยเสมอ แม้แฮร์รี่จะคอยบ่นคนที่ติดสอยห้อยตามมาว่ารำคาญบ้าง บอกไม่ต้องให้ตามมา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจซักนิด

              ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมีคนสองคนนั่งพิงข้างกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งหนังอ่านหนังสือเงียบๆ พร้อมกับอีกคนที่นั่งมองออกไปยังทะเลสาบกว้าง แต่ข้อมือขวาของเขากลับไม่ได้เป็นอิสระเท่าไหร่เพราะคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่คว้าไปจับอยู่ตลอด

              “นายจะจับข้อมือฉันอีกนานไหมมัลฟอย” แฮร์รี่ว่าพลางใช้มืออีกข้างที่ยังว่างปาก้อนหินเล็กๆ ลงน้ำ

              “นายเถอะ จะทำให้ทะเลสาบตื้นไปอีกนานไหม”

              “เรื่องของฉันน่า”

              แฮร์รี่บ่นอุบ แต่เขาก็ยอมหยุดปาหินลงทะเลสาบ ดวงตากลมโตเหลือบมองข้อมือของเขาที่โดนนิ้วเรียวของคนข้างกายลูบไปมาเบาๆ บนตำแหน่งเดียวกับตัวเลข ซึ่งชัดขึ้นกว่าเก่า แต่ตัวเลขยังคงอยู่ที่ 32 ดังเดิม

              อีกไม่นานก็จะปิดเทอมสำหรับปีที่ 5 ของพวกเขา เกือบสามเดือนที่ผ่านมาแฮร์รี่รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเดรโกมันเดินหน้าไปได้มากกว่าที่คิด -- อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้าเมื่อหลายปีตัวเขาต้องเจ็บปวดและเสียใจกับอีกฝ่ายขนาดไหน มาในตอนนี้มันราวกับฝันชัดๆ

              “ฉันดีใจนะ” เดรโกเงียบไปพักหนึ่งพลางเงยหน้าออกจากหนังสือ “ที่เห็นตัวเลขของนายกลับมาชัดเหมือนเดิมแบบนี้”

              ร่างเล็กยิ้มน้อยๆ เขาไม่ได้ว่าอะไรต่อ แผ่นหลังเล็กเอนพิงกับต้นไม้พลางทอดสายตามองไปด้านหน้าต่อ

              “ถามจริงๆ นะมัลฟอย” คนฟังนั่งนิ่งรอฟังอย่างตั้งใจ “นายรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหรอ หรือแค่ไม่อยากเจ็บปวด”

              เดรโกมองคนตรงหน้านิ่งงัน ดวงตาสีเทาซีดประกายวาบขึ้นมา แฮร์รี่จ้องตอบดวงตาคู่นั้นที่กำลังมองมาแปลกๆ ไม่รู้ว่าใช้เวลาจ้องหน้ากันไปนานเท่าไหร่ แต่กว่าที่ต่างฝ่ายจะรู้ตัวกันอีกที ลมหายใจของพวกเขาก็ประสานเข้าด้วยกันเสียแล้ว

              ภาพตรงหน้าค่อยๆ มืดสนิทลง เมื่อสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาต่างเห็นคือดวงตาของกันและกัน ริมฝีปากอิ่มถูกหยอกเอินด้วยคมเขี้ยวที่ขบกัดลงมา ก่อนจะถูกดูดดึงเบาๆ และเม้มอีกเล็กน้อยจนแฮร์รี่เริ่มจะลืมตัวด้วยรสจูบแสนอ่อนโยนจากเดรโก

              เด็กบ้านงูจำใจผละริมฝีปากออกเมื่อคนตรงหน้าเริ่มจะมีท่าทางประท้วง แต่ไม่วายที่จะส่งริมฝีปากไปขบเบาๆ ที่ปลายจมูกแดงรั้นให้หายมันเขี้ยวกับคนถามคำถามไม่เข้าหูก่อนหน้า

              เดรโกยังคงกักคนตรงหน้าไว้กับต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง แม้จะได้สายตาคาดโทษกลับมาแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดในความคิดของเขา

              เหมือนนานมาแล้วที่ไม่ได้รับสายตาแง่งอนแบบนี้

              เดรโกคิดถึงทุกอย่างของแฮร์รี่คนเดิม

              “คิดว่าไงครับคุณพอตเตอร์ จูบแบบนี้..พอจะบอกอะไรได้ไหม”

              คนถูกถามเม้มริมฝีปากเข้าหากันพลางหลุบดวงตาหนีไปทางอื่น คนขี้แกล้งตรงหน้าอมยิ้มเล็กน้อยกับแก้มกลมที่ขึ้นสีออกมา ก่อนที่ดวงตาทั้งสองคู่จะสะดุดเข้าที่ข้อมือขาวเนียนที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมา

              ด้วยหัวใจสองดวงที่เต้นระทึกพร้อมกัน

              32 —> 34


    _________________________________


              การสอบตัวสุดท้ายในภาคเรียนนี้สิ้นสุดลงในที่สุด วันพรุ่งนี้เหล่านักเรียนฮอกวอตส์ทั้งหลาย เกือบจะ 90% คงจะกลับบ้านกันหมด เว้นก็เสียแต่คนๆ หนึ่งที่มองว่า    ฮอกวอตส์คือบ้านของเจ้าตัวจนจะไม่กลับบ้านจริงๆ ที่โลกมักเกิ้ล

              “พอตเตอร์ จะไม่กลับจริงเหรอ?”

              เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามพลางจิ้มสเต็กเนื้อเข้าปากด้วยท่าทางสบายใจ แม้ว่ารอบข้างเขาตอนนี้จะมีสายตาของเด็กต่างบ้านหลายสิบคู่กำลังมองมาก็ตาม

              “จริง ที่นั่นไม่ได้น่าอยู่แบบที่นี่ ฮอกวอตส์คือบ้านของฉัน”

              แฮร์รี่ตอบเนิบๆ พลางวางแก้วน้ำฟักทองไว้ข้างๆ คนที่กำลังหั่นเนื้ออีกคำเข้าปากก่อนจะหันไปหยิบพายฟักทองของตัวเองมากัดบ้าง

              เดรโกไม่ตอบอะไร เขานั่งทางอาหารต่อหน้าตาเฉยแม้จะยังได้รับสายตาเมียงมองด้วยความไม่พอใจมาอยู่เนืองๆ แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะแคร์สายตาคนอื่น? เขาสนเฉพาะคนที่เขาแคร์เท่านั้น

              “ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม”

              “ไม่เอา ตอนหยุดฤดูหนาวนายก็ไม่ได้กลับ แม่นายคงเป็นห่วงแล้ว”

              ต่างฝ่ายต่างนั่งทานอาหารกันต่อไป ไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่ก็สะกิดเข้าที่แขนของแฮร์รี่ เธอขยับชิดเพื่อนสนิทพลางลอบมองไปยังคงที่นั่งอีกฝั่งข้างแฮร์รี่อย่างระวังพลางเริ่มกระซิบ

              “เธอกับเขา ตกลงคบกันแล้ว?”

              แฮร์รี่หรี่ตากดต่ำมองเพื่อนสาวของเขาพลางส่ายหน้า

              “ฉันยังจำอะไรทั้งหมดไม่ได้เลย” เขาตอบเสียงเบา “แต่มันก็ดีขึ้นมาก มัลฟอยก็พยายามทำให้ฉันเห็นว่าเขากำลังจริงจังและพยายาม ตอนนี้ตัวเลขมันก็..ขยับขึ้นแล้ว”

              เด็กหนุ่มผู้สวมแว่นว่าพลางถกแขนเสื้อคลุมเล็กน้อย เผยให้เห็นตัวเลขที่อยู่ที่เลข 35 ของตัวเอง

              แต่เหมือนว่าเพื่อนสาวของเขาจะยังมีท่าทางกังวล เธอเหลือบมองข้ามไหล่แฮร์รี่ไปอีกครั้งก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งจนแฮร์รี่เลิกคิ้วสงสัย

              “มัลฟอยเป็นยังไงบ้างช่วงนี้” แฮร์รี่สงสัยหนักกว่าเก่า ดวงตากะพริบถี่พลางใช้ความคิด “ก็ปกตินะ”

              “แต่เลขของเธอกับเขายังไม่สัมพันธ์กัน! ที่สำคัญ มนตร์นั่นน่ะยังไม่สิ้นผล ตัวเลขที่ยังต่ำกว่าปกติของเธอมันน่าจะสร้างความทรมานให้มัลฟอยอยู่” เฮอร์ไมโอนี่ว่าเสียงเขียวแม้จะเป็นการกระซิบก็ตาม ดวงตาสีน้ำตาลแดงของเธอเบิกกว้างอย่างคนตระหนก จนแฮร์รี่เริ่มกังวลตาม

              พักหลังมานี้แฮร์รี่ไม่เห็นว่ามัลฟอยจะเป็นอะไรจริงๆ ทุกครั้งที่เจอกัน อีกฝ่ายยังคงปกติเสมอ ไม่มีท่าทางทรมานหรือเจ็บปวดให้ได้เห็นสักครั้ง

              จนคิดไปเองว่ามันคงไม่มีอะไรและไม่เป็นอะไร

    .....

              เสียงฝีเท้าสับหนักๆ ลั่นไปตามระเบียงทางเดินอย่างไม่สนใจว่าจะถูกอาจารย์คนไหนพบและเรียกไปตักเตือน ไม่สนแม้แต่ว่าจะวิ่งฝ่าผู้คนไปกี่สิบชีวิตและชนคนไปเท่าไหร่

              แฮร์รี่รู้แค่ว่าเขาต้องไปที่ห้องพยาบาลให้ไวที่สุด

              เมื่อมาถึงที่หมาย แฮร์รี่ก็วิ่งเลี้ยวเข้ามาในห้องพยาบาลต่อทันที ดวงหน้าขาวขึ้นสีจัดจากความเหนื่อยที่วิ่งมาตลอดทางเดิน ร่างเล็กหยุดตัวที่ข้างเตียงพลางคว้ามือคนที่นอนอยู่กุมไว้แม้ตัวเองจะยังหอบหนักก็ตาม

              “วิ่งหน้าตาตื่น..ไปได้ ฉันยัง..ไม่ตาย”

              “เงียบไปเลย มัลฟอย!”

              แฮร์รี่ถลึงตามองคนพูดไม่เข้าหู ร่างกายหอบหนักทั้งเพราะยังไม่หายเหนื่อยทั้งเพราะคนพูดจาไม่ดีตรงหน้า

              “เกิดอะไรขึ้น”

              “ก็แค่อย่างทุกที อาการกำเริบจากพันธะ” แพนซี่ตอบเรียบๆ

              “ทุกที?” แฮร์รี่ทวนคำ

              “ใช่ เพราะตัวเลขที่ยังต่ำไปของเธอ ทำให้เดรกยังต้องเป็นแบบนี้”

              “แพนซี่.. เงียบไปน่ะ” เดรโกว่าติดหอบพลางส่งสายตาดุ

              แต่คนที่ยืนฟังกลับตวัดใบหน้ามองคนบนเตียงเขม็งพลางส่งสายตาดุให้แทนจนเดรโกทำได้เพียงยิ้มแหย

              “ทำไมนายไม่บอกฉัน”

              “มันไม่สำคัญ..”

              “ไม่สำคัญอะไรกัน! นี่มันชีวิตนายเลยนะ!”

              “พอตเตอร์...คนที่จะตายจากมนตร์นี้คือนาย ไม่ใช่ฉัน..”

              “แต่นายก็ทรมานไม่ใช่รึไง!”

              แฮร์รี่ยังคงมีท่าทางโกรธ เขาบีบมือที่กำมือของเดรโกแน่นจนเจ็บ แต่เดรโกก็ไม่ได้ปัดฝ่ามือขาวออก ด้วยเข้าใจว่าอีกคนคงจะเป็นห่วงตัวเองจริงๆ

              ความเจ็บและแรงบีบรัดที่อกเริ่มคลายลงเมื่อสัมผัสได้ว่าคู่พันธะของเขาห่วงใยและเป็นกังวล สีหน้าเดรโกดูดีขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สร้างความสบายใจให้นัก

              “พาร์กินสัน เธอรู้ไหมว่าต้องทำยังไง” แฮร์รี่ละสายตาจากใบหน้าซีดเผือด เขาจ้องเด็กสาวผมดำนิ่ง

              “มาดามพรอมฟรีย์ก็บอกไว้อยู่” เธอเหลือบมองเดรโกที่ดูจะไม่ได้ใส่ใจฟังเล็กน้อย “อย่างน้อยก็ต้องทำให้ตัวเลขของเธอ กลับมาพอๆ กับเลขของเดรก อืม.. ต้องเป็น 41 สินะของเธอ”

              แฮร์รี่ก้มมองดูตัวเลขของเขาที่ยังอยู่ที่ 35 ด้วยความท้อใจ ดวงตากลมเบนมองคนบนเตียงที่ไม่มีท่าทางทุกข์ร้อนใดๆ ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

              แล้ว.. การจะทำให้เลขขยับไปเท่ากัน มันต้องทำยังไง?

              “เดรกน่าจะรู้นะว่าต้องทำยังไง” แพนซี่เสนอ “จริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็รู้ พอตเตอร์”

              “ในหนังสือที่นายเคยอ่านมันไม่ได้บอก?” คนที่นอนเงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้าง

              “ก็บอก..แต่ก็ไม่ได้มากมาย” แฮร์รี่ตอบอ้อมแอ้มออกไป เดรโกกระตุกยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำอะไรต่อ เขายังรู้สึกเจ็บร้าวที่อกและทั่วร่างจนยากจะขยับตัว

              “ฉันคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะ กลับไปที่หอเราดีกว่า”

              “ทำไมต้องหอเธอ” แฮร์รี่แย้ง

              แพนซี่ปั้นหน้าหน่าย “เพราะหอกริฟฟินดอร์ผ่านคนเยอะแยะกว่าจะถึง หอฉันส่วนใหญ่ทุกคนกลับบ้านเกือบหมดแล้ว อีกอย่างนะ ถ้าเดรกไปหอเธอ กลัวใจจะออกมาแบบเป็นศพ”

              คนถูกพาดพิงคิ้วกระตุกจนตวัดสายตามองเพื่อนสาวของตัวเอง แพนซี่ไม่สะทกสะท้านใดๆ เธอยักคิ้วตอบกวนๆ

              เมื่อตกลงกันได้ คนสามคนก็พากันกลับมาที่หอนอนของสลิธีริน แฮร์รี่รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าควรมองหรือไม่มองอะไรในหอนี้ แม้จะอยู่ใต้ทะเลสาบแต่ก็กว้างขวางไม่น้อย ที่สำคัญคือมันเย็นกว่าหอกริฟฟินดอร์ของเขาอยู่มาก

              ผู้ร่วมหอนอนของเดรโกเหมือนจะเก็บของกลับไปหมดแล้วและทันทีที่เด็กหนุ่มเจ้าของห้องมาถึง เดรโกก็จัดการทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันที คิ้วเรียวยังคงขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่ายังเจ็บปวดอยู่

              แฮร์รี่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่นอนฟุบหน้าบนเตียง ฝ่ามือเรียวเอื้อมปัดปอยผมสีจางของคนนอนอยู่ จนกระทั่งเดรโกลืมตาขึ้นมาแฮร์รี่จึงจะชักมือกลับ

              “เดี๋ยวสิ” เดรโกรีบตะครุบมือของแฮร์รี่เอาไว้ “ไว้แบบนี้แหละ” เดรโกจัดการวางมือของแฮร์รี่ให้วางไว้บนหัวของเขาดังเดิมแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออก

              ดวงตาเทาซีดจ้องมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มือที่ยังจับกันอยู่ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงจนอยู่ในระดับริมฝีปาก แฮร์รี่ใจกระตุกวูบเมื่อริมฝีปากของเดรโกกำลังพรมจูบลงบนหลังมือของเขา และมันเลวร้ายกับใจเขามากกว่านั้นเมื่อเดรโกบังคับให้นิ้วหนึ่งสอดเข้าไปในปากเจ้าตัว

              “ม..มัลฟอย”

              ความรู้สึกเสียววาบแปลกๆ กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างของแฮร์รี่ เป็นความรู้สึกประหลาดที่เหมือนไม่ได้สัมผัสมานาน แต่เขา...ต้องการมัน

              ดวงตาของเดรโกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับงูที่กำลังเจอเหยื่อของตัวเอง

              ร่างสูงดึงร่างที่นั่งอยู่ให้นอนลงก่อนที่เขาจะขยับตัวขึ้นคร่อมตาม แฮร์รี่ค่อนข้างจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือผลักไสคนด้านบนออก ทำเพียงจ้องหน้าเดรโกนิ่งๆ

              “ขอโทษนะ” เสียงทุ้มแหบว่าออกมา “สำหรับทุกอย่าง ตลอด 3 ปีที่ทำร้ายนาย..แล้วก็เรา ขอโทษที่ไล่นายแล้วก็ไม่เคยเห็นนายในสายตา ถ้าฉันไม่งี่เง่า ไม่ทำนิสัยแย่ๆ แบบนั้นในตอนนั้น..ตอนนี้เราคงมีความสุขกันไปแล้ว”

              แฮร์รี่กะพริบตาถี่มองคนที่กำลังเอ่ยความในใจออกมา สำหรับแฮร์รี่ นี่ค่อนข้างน่าแปลกใจ ไม่อยากจะเชื่อนักว่าคนอย่างเดรโกจะเอ่ยปากขอโทษก่อน

              ถ้าใครมาเล่าให้ฟัง ก็คงยากที่จะเชื่อ แต่ในตอนนี้ แฮร์รี่กำลังเป็นคนรับความรู้สึกและสายตาทอแววอ่อนโยนนั้นโดยตรง ต่อให้ใครจะบอกว่าเขาโกหก แฮร์รี่ก็คงไม่สน

              “มาพูดเอาตอนนี้..ขี้โกงชัดๆ เลยนะ” แฮร์รี่ว่าแล้วยิ้ม

              เดรโกยักไหล่น้อยๆ เขายกมือเกลี่ยเส้นผมสีดำนุ่มมือ “ก็นิสัยเด็กบ้านสลิธีริน”

              เด็กผมดำหลุดขำเบาๆ ในใจรู้สึกฟูฟ่องและเบาลงอย่างประหลาด ยิ่งได้อยู่ใกล้เดรโกในระยะนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกอุ่นใจ แม้แต่เดรโกเอง ความเจ็บที่เผชิญมาตลอดวันก็เริ่มทุเลาลงบ้าง แค่การได้พูดคุยอย่างปกติพร้อมด้วยรอยยิ้มจากคนตรงหน้า อาการผิดปกติก็แทบจะหายไปทั้งหมด

              ถ้ารู้ว่ามันจะดีแบบนี้ เขาคงจะหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายแต่แรก

              ไม่ต้องมีใครต้องทนเจ็บปวด ทรมาน หรือเศร้าเสียใจ

              ดัมเบิลดอร์ได้บอกกับเดรโกในวันนั้นไปแล้ว การจะลบล้างมนตร์นี้ลงได้ มีแต่ต้องใช้ใจสองดวงที่เคยตัดขาดจากกัน ให้กลับมาเชื่อมกันอีกครั้ง ในโลกแห่งนี้ ไม่มีมนตร์วิเศษใด ที่จะทำให้คนรักกันได้จีรัง

              ฝ่ามือบางยกขึ้นลูบใบหน้าซูบผอมของคุณชายบ้านงู เป็นภาพหายากอยู่เหมือนกันที่จะได้เห็นคุณชายผู้ผิวพรรณดีอยู่ตลอดดูโทรมเช่นนี้

              “ฉันก็ขอโทษ” แฮร์รี่เองก็คิดว่าตัวเองผิด ที่ทำทุกอย่างลงไปโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย “ถ้าเราหันหน้าคุยกันมากกว่านี้..ก็คงไม่เป็นแบบนี้”

              เดรโกยิ้มจาง “ฉันเข้าใจนายนะ ตอนนั้นฉันก็นิสัยไม่ดี”

              “เห ฮอกวอตส์หิมะไม่ตกแน่ปีนี้” แฮร์รี่หยอกขำๆ และเขาก็ได้รับการเขกที่หน้าผากเบาๆ เป็นการลงโทษ

              ทั้งสองจ้องตากันพักใหญ่ ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นภายในใจ เป็นความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก แต่เหมือนมีบางอย่างที่พวกเขารู้สึกว่าหัวใจกำลังสื่อกันได้ดี

              ความเจ็บปวดลึกๆ ที่เดรโกได้สัมผัส ตอนนี้เหมือนแฮร์รี่ก็เริ่มที่จะรู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาบ้าง แต่ก็มีความอบอุ่นและความสบายใจจากแฮร์รี่ที่ค่อยโอบล้อมให้อาการนั้นบางเบาลง

              บางที..ปิดเทอมใหญ่ครั้งนี้ แฮร์รี่อาจไม่ต้องอยู่ที่ฮอกวอตส์คนเดียวแล้ว และเดรโกเองก็อาจจะไม่ต้องกลับคฤหาสน์ไปเพียงคนเดียวเช่นกัน

              แต่คงจะได้กลับอย่างเร็วพรุ่งนี้ ไม่ก็มะรืน

    .....

              บ่ายแก่ในวันถัดมาเด็กหนุ่มสองคนจากต่างบ้านเดินจับมือกันออกมาจากประตูโรงเรียนด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าของเดรโกดูดีขึ้นมากจากหลายวันหลายเดือนที่ผ่านมา แต่คนข้างกายดูเหมือนจะยังง่วงอยู่หน่อยๆ

              “ก็บอกว่ากลับพรุ่งนี้ก็ได้”

              “ก็บอกว่าแม่นายรออยู่”

              “ดื้อชะมัดพอตเตอร์”

              “นายก็รั้นเหมือนกันแหละ”

              ทั้งคู่หันมาจ้องตาเขียวใส่กันก่อนจะพากันหลุดขำออกมาเบาๆ ฝ่ามือทั้งสองกระชับเข้าหากันแน่นพลางเดินเคียงกันไปยังสถานีรถไฟฮอกมีดส์

     

              อย่างน้อยตอนนี้ตัวเลขของพวกเขาก็กลับมาตรงกันแล้ว

              ตรงกันในความหมายที่ว่าอย่างน้อยแฮร์รี่ก็หยุดที่ 45 และเดรโกหยุดที่ 55

              ถ้าจะทำให้ 50 ตรงกัน เดรโกก็เชื่อว่าเมื่อคืนเขาสามารถทำมันได้ แต่ติดที่ว่าคู่พันธะของเขาปฏิเสธไม่ยอมเสียแล้ว

              พอความจำเจ้าตัวดีกลับคืนมา แฮร์รี่จอมปั่นประสาทของเดรโกก็กลับคืนมาแล้ว

              เดรโกไม่ได้คิดอะไรมาก อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ดีมากแล้วสำหรับขั้นแรกของพวกเขา แฮร์รี่เองก็ดูจะพอใจและไม่อึดอัดจนเกินไป

              จากนี้พวกเขาจะคุยกันให้มากขึ้น

              แม้ว่าเรื่องราวเลวร้ายที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้กำลังจะจบลง แต่เวลาระหว่างกันและกันเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

              เวลาทุกวินาทีหลังจากนี้พวกเขาจะคว้ามันไว้และทำให้ดีที่สุด ต่อให้จะมีเวลาเหลืออีกมากมายเท่าไหร่แต่พวกเขาจะไม่ปล่อยมันให้สูญเปล่าและเสียไปดังเช่น 5 ปีที่ผ่านมา

              ตัวเลขอีกห้าตัวที่เหลือ ขอแค่เพียงจับมือประคับประคองกันไป เชื่อว่าด้วยจำนวนแค่นี้ ไม่นานนักหรอกที่จะกลับมาที่ 50 ดังเดิม

              และก็หวังว่าไม่ว่าครั้งใดที่ตัวเลขเปลี่ยนไปอีก มันก็จะกลับมาที่ 50 อีกครั้งด้วยหัวใจสองดวงที่ยังเชื่อมกันอยู่

     

              “พอตเตอร์ อยู่เป็นเลข 50 ของฉันไปนานๆ นะ”

              “อื้อ ฝากด้วยนะ อีกครึ่งชีวิตของฉัน”

     

     

    FIN


    _________________________________

     

    เย้! เอามาลงได้แล้วค่ะ สำหรับใครที่เคยติดตามในทวิต แล้วขี้เกียจเปิดอ่านเป็นรูปๆ ที่แคปไปลง วิสมาอำนวยฟามสะดวกตรงนี้แย้วน้าาาา ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ! เป็นฟิคสั้น..ที่ก็แอบไม่สั้นนะคะ 5555

    ถ้าหากใครงงๆ ว่ามันห้วนสั้นตัดตอนไป เพราะนี่คือฟิคเทรดที่ลงทวิตค่ะ เลยไม่ได้เขียนให้ยืดยาวมากแต่อย่างใด

    และ แจ้งข่าวอีกสักนิดค่ะว่า วิสอาจจะ ย้ำ อาจจะ เน้น อาจจะ มีการรวมเล่ม(ไหม)นะคะ โดยเนื้อหาที่จะเอาลงคาดว่ามีแน่ๆ คือ Count on me และ Time verse นี้ค่ะ โดยไทม์วิสจะเสริมเติมแต่งเพิ่มเติม ทั้งเพิ่มบรรยายในหลายส่วน และฉากอื่นๆ ถ้าได้รวม (ย้ำ ได้รวม) คงเขียนเพิ่มค่ะ และก็คงมีตอนพิเศษ หรือตอนเดียวจบอื่นๆ มาเสริมอีกค่ะ จะมีใครสนใจไหมคะถ้าวิสจะรวมเล่ม? แฮ่

    ฝากติดตามต่อไปในภายภาคหน้านะคะะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×