คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 จะโกรธยุ่งมั้ย?
“ไอ้ยุ่ง ไปเลือกของขวัญให้แฟนกูเป็นเพื่อนหน่อยซิวะ” แม็ค เพื่อนสนิทของยุ่งตั้งแต่เข้าม.ปลายพูดขึ้น
“มึงก็ไปชวนเพื่อนผู้หญิงซิวะ ชวนทำไมกูล่ะ”
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวแฟนกูรู้ มันจะหึง ไปหากับมึงดีกว่า เพื่อนผู้ชายปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น” ยุ่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เจ๊ดาวแฟนมันตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยปี 1 และขี้หึง ขี้หวงแม็คแบบสุด แต่ยุ่งก็ยังคงคิดว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันดี คงต้องเป็นผู้หญิงแบบนั้นถึงเอาชนะผู้ชายขี้หลีแบบนี้ได้
“แล้วทำไมต้องกูวะ เพื่อนแม่งเยอะแยะ”
“ก็มึงมันเหมือนผู้หญิงนี่หว่า น่าจะมีความคิดอะไรดีๆ”
“กูเหมือนผู้หญิงตรงไหนวะ”
“มึงไปส่อวกระจกป่ะ กูว่า ง่ายกว่าให้กูอธิบายนะ” มันบอก
เออหว่ะ..
ยุ่งก็คิดได้แบบเซ็งๆ ด้วยหน้าตาที่ดูหวานมากเกินกว่าจะเป็นบุรุษเพศ ทำให้มีคนเข้าใจผิดมาตลอด อีกทั้งคนที่เข้ามาจีบก็มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงด้วย
เพื่อนผู้หญิงเคยบอกยุ่งว่า คบกับยุ่งเป็นเพื่อนน่ะสนุก แต่คบเป็นแฟนน่ะไม่รอด เพราะว่าหน้ายุ่งหวานไป ผู้หญิงเห็นแล้วอาย..
‘เออ กูผิดเอง’
“เออ ๆ กูไปกับมึงก็ได้ เลี้ยงข้าวกูนะ”
“เออ ไอ้งกเอ้ย”
หลังเลิกเรียนโงกุนก็ซ้อนมอเตอร์ไซด์แม็คมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เชียงใหม่มีห้างใหญ่อยู่ไม่กี่ห้างเท่านั้น และเป็นแหล่งรวมตัวของทุกเพศทุกวัย ยุ่งได้ข่าวมาว่าตอนนี้เขามีโครงการจะสร้างห้างใหญ่ๆ อีก 3 ห้างด้วยกัน
“มึงว่ากุซื้ออะไรดีอ่ะ”
“แล้วแต่มึงดี ตุ๊กตา สร้อย แหวน นาฬิกา ได้หมด”
“สัด ถ้ามึงบอกกูงั้น กูจะเอามึงมาด้วยทำไมวะ”
“เฮ้อ” ยุ่งถอนหายใจ ก่อนจะไปตบหลังเพื่อนสนิทเบาๆ “ของที่มาจากคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันก็มีค่าและน่าดีใจทั้งนั้นแหละ”
แม็คหันมามองอย่างตกใจ ที่นานๆ ทีเพื่อนเขาจะพูดจาดูดีมีเหตุผล “มึงพูดเหมือนคนมีความรักเลยหว่ะ”
ยุ่งยิ้มรับ แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“เฮ้ย ไอ้ยุ่ง นั่นพี่ชายข้างบ้านนายป่ะวะ” แม็คพูดขึ้น ทำให้ยุ่งหันไปมองตามทิศทางทีชี้ ภาพที่เห็นทำให้ร่างบางยิ้มกว้าง เมื่อคนตัวโตของเขากำลังกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญอยู่ แต่ก็ต้องยิ้มค้าง เมื่อเห็นชายคนบ้างๆ กำลังลูบหัวเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นอย่างเอ็นดู ยุ่งจึงเดินเข้าไปหาทันที
“พี่โงงงงงงงง..” ยุ่งเรียกเสียงดัง ก่อนจะวิ่งเข้าไปเกาะเอวโงกุนอย่างแรง ทำให้โงกุนต้องปล่อยตุ๊กตาหมีพลางตั้งท่ารับแรงกระแทกจากร่างเล็กทันที
“เบาๆ หน่อยเจ้ายุ่ง ถ้าพี่รับไม่ทัน หงายกันทั้งคู่นะ” โงกุนดุร่างบางเบาๆ แต่เหมือนยุ่งจะไม่สนใจ ดวงตาโตทั้งสองคู่ยังคงมองไปที่ชายแปลกนน้า
“พี่โงกุนสวัสดีคร๊าบบบบบบ” แม๊คลากเสียงยาวพลางยกมือขึ้นไหว้
“มาเที่ยวเหมือนกันรึ เราสองคนน่ะ”
“ผมชวนไอ้ยุ่งมาช่วยเลือกซื้อของขวัญให้แฟนผมครับ” แม็คบอก “แล้วพี่มากับใครครับ สวยจัง”
แม็คทักขึ้น ซึ่งยุ่งเองก็เห็นด้วยอย่างพูดไม่ออก ดวงตาที่กลมโต แม้จะไม่ได้โตเว่ออย่างยุ่ง แต่มันก็ดูสวยแฝงรอยเศร้าๆ ตลอดเวลา จมูกโด่งกับริมฝีปากบาง นี่คงเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่ามาดราชินิ ผู้ชายที่ไหนเห็นก็คงอยากจะสยบแทบเท้า สิ่งที่ขัดอย่างเดียวคือชุดนักศึกษาชาย
“เออสกาย นี่น้องชายข้างบ้านพี่ ไอ้ยุ่ง กับเพื่อนมัน ไอ้แม็ค เด็กๆ นี่น้องรหัสพี่ ชื่อสกาย พวกพี่มาซื้อของให้พี่อ้อน พี่รหัสพี่น่ะ” โงกุนแนะนำ ก่อนหันไปมองคนตรงหน้า แววตาวาวระยับนั่นทำให้ยุ่งรู้สึกหายใจไม่ออก
ไม่เคยเลย..
พี่โงของยุ่งไม่เคยมองใครแบบนี้ แม้ผู้หญิงซักคนก็ไม่เคย
เว้นคนตรงหน้านี้
สัญชาติญาณในตัวยุ่งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง ว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป
พี่สกายหันมายิ้มให้เรานิดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
“ผมว่าเอาตัวนี้แหละให้พี่อ้อน พี่แกคงชอบ” เขาคนนั้นหันไปพูดกับผู้ชายข้างตัว โงกุนก็ยิ้มอย่างเอาใจ
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่ไปจ่ายเงิน แล้วบอกเขาส่งไปให้ที่ร้านตอนเลี้ยงแล้วกัน” โงกุนตอบก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน ทิ้งให้คนที่เหลืออยู่ด้วยกัน
“พี่สกายเป็นน้องรหัสพี่โงกุนเหรอครับ” ไอ้แม็คชวนคุย
“ใช่ครับ” เขาตอบ “เรียกพี่ว่ากายเฉยๆ ก็ได้ครับ”
แม้คนตรงหน้าจะไม่ได้หน้าบึ้ง หรือไร้มนุษยสัมพันธ์ขนาดนั้น แต่ยุ่งก็รู้สึกได้ถึงเส้นบางอย่างที่ถูกขีดเอาไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้กว่านี้ ไม่ใช่ความหยิ่งหรืออะไร แต่มันเป็นความระมัดระวังตัว ความระแวง และแน่นอนว่าดูเหมือนโงกุนเองก็ยังข้ามเส้นนี้ไปไม่ได้
“เสร็จแล้วล่ะ เจ้าตัวยุ่ง ฝากบอกที่บ้านด้วยนะว่าจะกลับบ้านพรุ่งนี้สายๆ เย็นนี้มีกินเลี้ยงวันเกิดพี่อ้อนน่ะ”
“พี่โงไม่กลับเย็นนี้เหรอ ยุ่งไม่เจอพี่โงตั้งนานแล้วนะ” ตัวเล็กเริ่มงอแง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้วไง เจ้ายุ่ง”
“แต่ยุ่งอยากอยู่กับพี่โงนานๆ นี่นา” ยุ่งพูดขึ้น ก่อนจะเกาะแขนหนานั่นเอาไว้
‘ยุ่งไม่อยากงอแง แต่ยุ่งไม่อยากให้พี่โงอยู่กับเขา’
“ยุ่ง อย่าเพิ่งเอาแต่ใจได้มั้ย พี่ไม่ว่าง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะซื้อเค้กไปให้นะ แต่ตอนนี้พี่ต้องไปแล้ว” โงกุนแกะแขนเรียวที่พยายามรั้งเอาไว้ออก ก่อนจะเดินไปหาสกายที่มองมาอย่างไร้อารมณ์ และเดินเคียงคู่กันออกไป
ทั้งสองดูสมกันมาก เสียแต่ว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่..
แต่ที่แน่ๆ.. บางทียุ่งน่าจะได้คำตอบแล้วถึงอาการเหม่ของโงกุนช่วงนี้มีสาเหตุเกิดจากอะไร
โงกุนก็ไม่แน่ใจนักว่าทำไม ชายตรงหน้าถึงได้มีอิทธิพลต่อตัวเขาเองขนาดนี้
ครั้งแรกที่โงกุนเจอใบหน้าสวยนั่น คือวันรับน้อง โงกุนรับบทบาทเป็นพี่ปกครอง หรือพี่ว๊าก นั่นทำให้เขามีโอกาสที่จะได้เจอหน้าน้องปี 1 มากกว่าคนอื่นๆ เพราะต้องทำกิจกรรมร่วมกัน แถมน้องต้องคอยมาขอลายเซ็นพี่ด้วย ทันทีที่ได้เห็นคนตรงหน้าสะกดสายตาเขาไว้ทันทีด้วยใบหน้าสวย แต่ใส่ชุดผู้ชาย..
เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีผู้ชายที่หน้าสวยได้ขนาดนี้
และยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อชายคนนั้นกลายมาเป็นน้องรหัสเขา
“สวัสดีครับ ผมโงกุนนะครับ พี่รหัสคุณ” โงกุนทักทายผู้ที่มาเป็นน้องรหัส ในเมื่อเป็นสายรหัสกัน จะให้โหดใส่ก็ใช่ที่
“ครับ” คนตรงหน้าทักทายตอบ.. แค่นั้น สกายสร้างกำแพงบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ แม้สกายจะทำตามคำสั่งของรุ่นพี่ได้ดีไม่มีอิดออด โดนด่าหรือตะคอกแค่ไหนก็ทนได้ ไม่มียอกย้อน หรือเถียงกลับ รวมทั้งพูดคุยกับเพื่อนๆ ได้อย่างเป็นปกติ แต่โงกุนก็เชื่อว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้สึกเหมือนกันคือ ไม่มีใครได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของสกายคนนี้
คนเดียวที่โงกุนเห็นว่าเข้าใกล้สกายได้มากที่สุดคือศรุตรุ่นน้องคณะอีกคนที่เป็นรูมเมทสกาย แต่รุตก็เป็นคนปากหนัก ไม่ขายเพื่อน แถมกวนตีนสุดๆ ก็เลยไม่ได้ข้อมูลของคนหน้าสวยจากมันนัก
หมายความว่าถ้าเขาอยากสนิทกับสกาย เขาคงต้องหาทางเอาเองซินะ..
แต่โงกุนไม่รู้เลยว่าความพยายามของเขา กำลังจะทำร้ายใครบางคนอย่างเลือดเย็น
ชีวิตเจ้าตัวยุ่งยังดำเนินไปอย่างปกติ นอน กิน เรียน เที่ยว แต่มีบางอย่างที่หายไปคือเสียงทุ้มและร่างหน้าของใครบางคน ที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะบอกว่ารับน้องหนัก เรียนหนัก กิจกรรมเยอะ
‘แต่มันเยอะขนาดที่พี่โงกุนไม่ว่างกลับบ้านเลยเหรอฮะ’
ร่างบางเคยโทรศัพท์ไปหาโงกุน คำกล่าวอ้างก็เหมือนเดิม เมื่อยุ่งเริ่มงอแง ก็มีคำปลอบคำสองคำแล้วก็ตัดสายไป
สิ่งที่ยุ่งกลัวคือการทำให้โงกุนโกรธ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขากลัวยิ่งกว่าคือการที่โงกุนเบื่อเขาแล้ว
‘ถ้ายุ่งงอแงมากๆ อยากเจอพี่โงกุนมากๆ พี่โงกุนจะรำคาญและเบื่อยุ่งมั้ย?’
คำถาม ที่ยุ่งกลัวที่จะได้คำตอบ
กลัวว่าจะกลายเป็นคำว่า ‘พี่เบื่อพี่จะง้อยุ่งแล้ว’
“ยุ่ง มานี่หน่อยลูก” เสียงผู้เป็นแม่ดังขึ้น ทำให้ร่างบางที่กำลังเดินลงบันไดมา เดินตามเสียงเข้ามาในครัว
“ทำไมฮะแม่”
“ไปบ้านนู้นแล้วตามตาโงกุนมาทานข้าวหน่อย บ้านนั้นวันนี้ไม่มีคนอยู่ ตาโงกุนอยู่คนเดียวคงจะเหงา”
“พี่โงกลับมาแล้วเหรอครับ!” ยุ่งถามเสียงดัง
“อ้าว ไม่รู้เหรอ เมื่อวานคงหลับเร็วซินะ เลยไม่ทันเห็นรถพี่เขาเข้ามาน่ะ ไปตามซิ ไม่ได้เจอมาเดือนสองเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ” คุณวัลย์บอกยิ้มๆ ยุ่งพยักหน้าก่อนจะวิ่งไปยังจุดหมาย
“พี่โงงงงงงงงงงงงงงง” ยุ่งเรียกพลางเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างคุ้นเคย เมื่อเห็นกองผ้าขดตัวอยู่บนที่นอน จึงโถมตัวเข้าไปหา “พี่โง ตื่น ไปทานข้าว”
ร่างบางตะโกนใส่ส่วนที่น่าจะเป็นหูของโงกุน แต่อยู่ๆ คนข้างล่างก็ตวัดแขนมาโอบกอดคนตรงหน้าก่อนจะดึงเข้าหาตัว
“พะ..พะ..พะ..พี่ พี่โง พี่โงกุน..” ยุ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่นอนผงาบๆอยู่ภายในอ้อมกอดร่างแกร่ง “พี่โง ปละ ปละ ปล่อยยุ่งนะ”
“อืม...” โงกุนคราง ก่อนจะกระชับคนในอ้อมแขนเข้าหาตัว พลางกดจมูกลงไปสูดกลิ่นหอม เป็นกลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่รู้สึกสดชื่น นี่คนในฝันเขามาพร้อมกลิ่นเลยเหรอ “อืม.. กาย..”
กาย..
ชื่อคน ที่ไม่ใช่ของเขา.. ไม่ใช่ยุ่ง..
ร่างบางชะงักทันที ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าของคนที่ซุกหน้าเข้าซอกคอ อ้อมกอดที่กอดเขา แต่กำลังคิดถึงคนอื่น..
ยุ่งพยายามเชิดหน้าขึ้นเพื่อกันไม่ให้น้ำตาที่คลออยู่ไหลลงมา หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตะโกนสุดเสียง
“พี่โงงงงงงงงงงงงงงง!!”
เสียงดังทำให้คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นสะดุ้งและคลายอ้อมกอดออกทันที ยุ่งจึงถือโอกาสสลัดอ้อมแขนนั้นออก
“ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ สายแล้ว กินข้าว ถ้าพี่ไม่กิน ยุ่งจะทิ้งพี่ไว้ให้หิวคนเดียว” ยุ่งตะโกนโดยไม่ได้มองหน้าคงที่นอนอยู่
‘กลับเข้าไปซิเจ้าน้ำตา เดี๋ยวเขาจะเห็นนะ’
“ฮ้าววววว เราเองเหรอตัวยุ่ง” เสียงงัวเงียดังขึ้น ร่างหนาค่อยๆยันกายขึ้นมาแล้วหาว แล้วคนในอ้อมกอด กับกลิ่นกายหอมๆ เมื่อกี้คืออะไรนะ หรือเขาจะคิดถึงเจ้านั่นมากไปเลยเอามาฝัน
“ลุกได้แล้ว ไปทานข้าว คนที่บ้านรออยู่” ยุ่งบอกพร้อมกับดันตัวลุกออกจากเตียง แต่ยังไม่ทันที่เท้าจะถึงพื้น มือหนาก็ฉุดแขนเรียวให้ลงไปปะทะอกกว้าง
“อย่าเพิ่งไปดิ”
“มีไร” ยุ่งถามอย่างไม่มองหน้ามัน ความเสียใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ยังอยู่ แต่ตอนนี้แผ่นหลังที่พิงอยู่กับอกกว้าง สัมผัสที่ส่งผลให้หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
“มีเรื่องอยากปรึกษา”
“เรื่องอะไร”
“เรื่อง...” เมื่อโงกุนทำท่าอ้ำอึ้ง แต่ยุ่งเองก็พอจะเดาคำตอบได้
“เรื่อง..พี่กาย ใช่มั้ย” ยุ่งพูดเสียงเบา โงกุนเบิกตาโต ก่อนจะหันร่างบางเข้าไปหามัน
“รู้ได้ไงน่ะ” โงกุนถามอย่างสงสัย
‘ยุ่งไม่ได้อยากรู้หรอก.. ยุ่งไม่อยากรู้เลยซักนิด’
“โธ่พี่ นี่ใคร ตัวยุ่งนะ เรื่องแค่นี้ทำไมยุ่งจะไม่รู้” ยุ่งพูดขึ้น “มา ว่ามา เดี๋ยวท่านยุ่งผู้นี้จะไขปัญหาหัวใจให้ท่านพี่เอง”
“เราไม่รู้สึกแปลกๆ ใช่มั้ย ที่พี่ก็ผู้ชาย แล้วยังรู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้ชายอีก”
“ไม่หรอก” ยุ่งตอบพลางมองหน้าโงกุนนิ่งๆ ได้แต่คาดหวังว่าสีหน้าตนเองไม่แสดงอะไรแปลกๆออกไป “ขึ้นชื่อว่าเป็นความรักน่ะ มันไกลเกินกว่าคำว่าเพศจะมาเป็นข้อจำกัดนะ ขอแค่รัก.. เท่านั้นเอง”
ปลายเสียงแผว ทำให้โงกุนหันไปมอง เห็นสายตาเจ้าตัวเล็กของเขาที่กำลังเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังคิดถึงใครบางคน
“แล้วทำไมเหรอฮะ หรือพี่สกายเขาไม่เล่นด้วย” ยุ่งหันมาถามพลางปรับน้ำเสียงให้ร่าเริงเหมือนเดิม
“ก็ไม่เชิง” โงกุนบอก “พี่ก็ได้ข่าวมานะว่ากายเขาจะผู้ชายก็ได้ ไม่รังเกียจ แต่ทำยังไงก็เข้าไม่ถึงเขาอยู่ดี”
“เพราะบรรยากาศของพี่เขาใช่มะ”
“รู้สึกด้วยเหรอ”
“อื้ม ก็พอรู้สึกได้นะ”
“พี่รู้ว่า พี่เข้าใกล้กายมากที่สุด มากกว่าคนอื่นแล้ว แต่กำแพงก็ยังไม่หายไปซักที”
“งั้นพี่ก็พอซิฮะ..” ยุ่งพูดเสียงเบา ทำให้โงกุนฟังไม่ทัน
“ยุ่งว่าอะไรนะ”
“เปล่าฮะ” ยุ่งตอบ “พี่โงกุนก็อย่าเพิ่งไปอะไรกับพี่กายมากซิฮะ ค่อยๆ ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าพี่กายเค้าตั้งกำแพงขนาดนั้น คนอื่นก็ผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
‘แล้วพี่โงเองก็คงผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน’ ยุ่งต่อประโยคของตัวเองในใจ โงกุนทำหน้าคิดตามก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ปรึกษาน้องชายคนนี้ ไว้พี่จะปรึกษาอีกนะ”
“ฮะ”...
‘ถ้าพี่โงรู้ ว่าทุกคำที่ยุ่งพูด คือการพยายามขัดขวางไม่ให้พี่สมหวัง ถ้าพี่โงรู้.. พี่โงจะเกลียดยุ่งมั้ย’
=================================================
สารภาพว่าแต่งดราม่าไม่เก่ง
แต่เรื่องที่คิดมันดราม่านะ ขอย้ำ มันดราม่า
ฮ่าๆ
ความคิดเห็น