คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 ยุ่งกับวัยเฟรชชี่
ตอนนี้ยุ่งอยู่ในสถานะนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แน่นอนว่าเป็นมหาลัยเดียวกับโงกุน ทันทีที่ป๊ากับม๊ายุ่งรู้ว่าไอ้ตัวยุ่งของครอบครัวสอบติดเข้าในมหาลัยได้ ก็ดีใจกันยกใหญ่ แม้มหาลัยจะมีระบบหอใน แต่เพื่อความสบายใจ บุพการีทั้งสองก็พร้อมกันถีบส่งลูกชายคนเล็กให้ไปอยู่คอนโดเดียวกับลูกชายของคนข้างบ้านทันที
คอนโดนี้เป็นห้องสูท แยกห้องนั่งเล่นออกจากห้องนอน แม้จะไม่ใหญ่และหรูหราเหมือนคอนโดในกรุงเทพ แต่ก็ดูอบอุ่นน่ารักมากทีเดียว หลังจากที่ทั้งสองช่วยกันขนของ จัดห้องเสร็จ ก็อาบน้ำเพื่อให้สบายตัว
“มันมีเตียงเดียวนะ พี่ไม่ได้ซื้อเตียงมาเพิ่ม”
“ไม่เป็นไร ยุ่งนอนกับพี่โงได้อยู่แล้ว” ร่างบางบอก พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจภายใน มีห้องครัวเล็กๆ พอให้ทำกินเองได้ด้วย แต่แค่มองก็รู้ว่าโงกุนแทบไม่เคยแตะส่วนนี้เลย
“ป่านี้พี่โงยังไม่ยอมทำอาหารทานเองอีกเหรอเนี่ย” ยุ่งพูดแซวๆ พลางเข้าไปกอดคอโงกุนจากด้านหลังที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา
“ก็ซื้อมาทำทานคนเดียวมันไม่คุ้มนี่นา พี่ขี้เกียจด้วย แค่โทรศัพท์ไปกริ้งเดียว ป้าใต้คอนโดก็เอาอาหารมาส่งแล้ว จะทำคนเดียวทำไมให้ลำบาก”
“งั้นเอาไว้ยุ่งไปเรียนทำอาหาร แล้วเอามาทำให้พี่โงทานดีมะ”
“เหอะๆ อย่างเราเนี่ยนะจะทำอาหาร พี่ไม่อยากให้ครัวพี่ไหม้หรอกนะเจ้ายุ่ง”
“พี่โงง่ะ ดูถูก เห็นแบบนี้ ยุ่งก็อยากดูเป็นแม่ศรีเรือนเหมือนกันนะ” ยุ่งย่นจมูกใส่คนตัวโต โงกุนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะดึงแขนร่างบาง ทำให้หัวขมำลงไปบนโซฟา
“เฮ้ย..” ผมอุทาน ก่อนจะปลิ้นซ้าย ปลิ้นขวามานั่งได้ “ถ้าคอยุ่งหักพี่โงต้องรับผิดชอบนะ”
“คร๊าบบบ” พี่โงตอบรับแบบลากเสียงยาว ก่อนจะอ้างขาออก และตบเบาะระหว่างขาของตน “มานี่ซิ เดี๋ยวพี่เช็ดผมให้”
ยุ่งเดินเข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย นานหลายปีแล้วที่โงกุนไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ให้เขา
ยุ่งนั่งดูทีวี ก่อนจะค่อยๆ เอาหลังพิงอกแกร่งไว้อย่างสบายตัว ดวงตาค่อยๆ ปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน โงกุนรับรู้ถึงน้ำหนักของคนตัวเล็กที่พิงมาทันที และคอที่ไม่ตั้งตรงอีกต่อไป
‘หลับง่ายเหลือเกินนะ เจ้าตัวยุ่ง’ โงกุนคิด และรีบเช็ดหัวให้คนตรงหน้า
“ยุ่ง... เจ้าตัวยุ่ง” เสียงเรียกเบาๆ ทำให้เจ้าของเสียงเรียกค่อยๆ ลืมตามอง แต่คิ้วยังคงขมวดเข้าหากัน
“งึมมม.. อย่ามายุ่งนะ ยุ่งจะนอน” เจ้าตัวเล็กตอบก่อนจะหันหน้าเข้าหาพนักพิงโซฟา
“ถ้าจะนอนก็ไปนอนบนเตียง ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ” โงกุนเริ่มทำเสียงเข้มขึ้น เมื่อร่างบางตรงหน้าเริ่มดื้อ
“ชิ.. งึมมม.. โง อุ้ม” ยุ่งบอก พลางยื่นแขนสองข้างมาหาคนตัวโต โงกุนส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ว่าจะกี่ปี เจ้าตัวเล็กตรงหน้าเขานี้ก็ยังขี้อ้อนไม่เปลี่ยน เขาก้มลงพลางช้อนร่างเล็กขึ้น ก่อนจะเอาไปวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา
“เดี๋ยวข้าวเย็น พี่มาปลุกนะครับ” โงกุนพูด ยุ่งพนักหน้า ก่อนจะหันหน้าเข้าหมอนและหลับต่อทันที โงกุนลูบหัวทุยอย่างเอ็นดู
ถ้าการรับน้องของวิศวะโหดเป็นตัวพ่อ ของรัฐศาสตร์ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่ ช่วงอาทิตย์แรกของการเป็นนักศึกษา ถูกเรียกว่าสัปดาห์ฮาเฮ มีทั้งกิจกรรมกลุ่ม สันทนาการ เลือกชมรม เปิดสายรหัส พี่ๆ ทุกคนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่ยุ่งก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นแน่ เสื้อสิงห์สีกรม (มีสถานะคล้ายเสื้อช๊อปวิศวะ พี่ๆจะใส่ทุกครั้งเวลามีกิจกรรม) กำลังบอกนัยยะสำคัญที่พวกปี 1 จะต้องเจอเมื่อเปิดเทอม
หลักจากนั้นความคิดของยุ่งก็ไม่ผิดหวัง ความน่ากลัวที่แท้จริงก็มาเยือน พี่ๆ ปกครองทุกชั้นปีใส่เสื้อสิงห์ยืนล้อมเราปีหนึ่งเอาไว้ และพูดด้วยเสียงอันดัง ขอย้ำว่าเสียงอันดังเฉยๆ ไม่มีคำไม่สุภาพ หรือการแตะเนื้อต้องตัวน้องเลยแม้แต่คนเดียว แต่ใช้คำพูดนี่แหละเชือดเฉือน ให้วิ่ง ให้ทำนั่นทำนี่ และใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบ
รูปแบบชุดนักศึกษาของแต่ละคณะไม่เหมือนกัน สำหรับรัฐศาสตร์ ชุดของผู้ชายห้ามเข้ารูป ห้ามเดฟ ใส่ไทด์สีกรมของคณะ เปลี่ยนจี้จากสัญลักษณ์มหาลัยเป็นสิงห์ รองเท้าหนังและต้องใส่ถุงเท้า ส่วนของผู้หญิง ยุ่งคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักดี ในขณะที่นักศึกษาหญิงสมัยนี้เน้นรัด สั้นเข้าไว้ แต่ของผู้หญิงรัฐศาสตร์ จะเป็นเสื้อตัวใหญ่ ปลายแขนถึงข้อศอก กระโปรงเลยเข่า และต้องไม่รัดรูป แถมด้วยถุงเท้าขาวรองเท้านันยาง
ยุ่งเคยสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องแต่งตัวแบบนี้ ทั้งๆที่มีป้ายชื่อบอกความเป็นคณะอยู่แล้ว จนมีพี่คนนึงบอกว่า เพราะน้องปี 1 แต่งตัวแบบนี้ ต่อให้เห็นแค่ชายแขนเสื้อ พี่ก็จำได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้น พี่จะเข้าไปช่วยในทันที
คณะนี้เน้นคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของรุ่น ความพูกพันของรุ่นพี่รุ่นน้อง และความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชาย ที่ต้องค่อยช่วยและประคองเพื่อนผู้หญิงที่มีจำนวนพอๆ กันไปสู่จุดหมายร่วมกัน พวกเขาต้องตื่นเช้าไปรับเพื่อนผู้หญิงตามหอ ต้องซื้อข้าวให้เวลาที่หอหญิงปิด ไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหนผู้หญิงจะต้องได้น้ำและข้าวก่อน ซึ่งยุ่งก็เห็นด้วย เพราะอย่างไรเพศหญิงก็อ่อนแอกว่าเพศชาย แม้ว่ายุ่งจะทราบว่าผู้หญิงรัดสาดถึกแค่ไหนก็ตาม
“วันนี้พี่จะให้น้องๆ เสนอชื่อเพื่อนมาประกวดเดือนคณะนะคะ” พี่ผ้าฝ้าย ประธานสวัสดิ์พูดขึ้น ที่คณะรัฐศาสตร์ ใครที่มีชื่อเล่นซ้ำกัน รุ่นพี่จะมีการประชุม และเปลี่ยนชื่อให้น้อง เพื่อให้สะดวกต่อการจำชื่อ เช่นมีพี่ฝ้ายสามคนก็จะกลายเป็น ผ้าฝ้าย ปั่นฝ้าย ไหมฝ้าย เป็นต้น และจะต้องไม่ซ้ำกันสำหรับศิษย์ปัจจุบัน ฉะนั้นบางทีก็จะมีชื่อแปลกๆ ให้น้องและพี่ได้ตกใจกัน
“หนูขอเสนอโอมค่ะ” เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น และได้รับการสนับสนุนจากคนอื่นทันที ยุ่งเห็นเจ้าของชื่อขยับตัวอย่างอึดอัด แม้จะไม่ได้สนิทกันมากนัก และยุ่งก็พอรู้ว่าเจ้าของหน้าคม คุณชายจากภาคใต้ไม่ชอบเป็นเบื้องหน้าเท่าไหร่นัก แต่ทำไงได้ล่ะ ก็หน้ามันหล่อขนาดนั้น
“งั้นเชิญน้องโอมด้านหน้าหน่อยจ้า”
“ผมไม่ลงแข่งได้มั้ยพี่” โอมถามขึ้น
“ไม่ได้จ๊ะ ไม่ได้ เป็นหน้าเป็นตาคณะนะ” พี่ผ้าฝ้ายตอบ ทำให้เจ้าของหน้าคมบูดเป็นตูดลิงเลย
หลังจากนั้นการเสนอชื่อก็ดำเนินต่อไป
“ยุ่ง เราจะเสนอชื่อยุ่งนะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งข้างๆ หันมาบอกเขา แล้วหันไปยกมือทันที
“หนูเสนอยุ่งค่ะ”
“เฮ้ย” ยุ่งอุทานทันที ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรอกนะ แต่ขี้เกียจมากกว่า
“มึงได้แน่ ถ้าเขาประกวดหนุ่มหน้าสวยน่ะ” แม็ค เพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายที่ติดสอยห้อยตามมาเรียนคณะนี้ด้วยกระซิบบอก ยุ่งหันไปถลึงตาใส่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น ไปยืนข้างๆ โอม
“พี่คะ หนูว่าเราได้ดาวกับเดือนแล้วค่ะ” เพื่อนผู้หญิงคนนึงแซวขึ้น แล้วเพื่อนก็หันมามองคนทั้งสองอย่างเห็นด้วย โอมมีสีหน้าเบื่อหน่าย ส่วนยุ่งเองก็วางตัวไม่ถูก
เมื่อตกลงคนชิงตำแหน่งดาวเดือนคณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ หลายๆ คนก็แยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เดินไปทางหลังคณะ เพื่อประชุมเตรียมความพร้อมคนจะไปค่ายกับชมรมอาสา ทั้งยุ่งและแม็คก็มาร่วมประชุมด้วย ยุ่งก็มองเห็นมาโอมก็มาด้วยเช่นกัน
“นายไปค่ายด้วยเหรอ” โอมถามออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นร่างเล็กที่ถูกล้อพร้อมเขาเมื่อซักครู่
“อื้ม อยากรู้ อยากลองง่ะ นายล่ะ” ยุ่งตอบ
“พวกพี่มันบังคับ” โอมทำหน้าเซ็ง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆยุ่ง ตามมาด้วยเพื่อนของโอมอีกสามคน ยุ่งมองคนกลุ่มนี้ด้วยความอิจฉา
‘มันแดกอะไรกันมาถึงสูงกันนักนะ ม๊าทำร้ายยุ่งใช่มั้ย ทำให้ยุ่งหยุดโตตั้งแต่เด็กแบบนี้’
“แล้วนายไม่กลัวลำบากเหรอ นายดูเป็นลูกคุณหนูนะ” โอมถาม ด้วยน้ำเสียงสงสัยจริงๆ ไม่ใช่การถากถาง ทำให้ยุ่งตอบไปตรงๆ
“ก็ใช่อ่ะ เรารักความสบาย แต่สอบติดคณะนี้ทั้งทีนี่นา ลองลำบากบ้างจะเป็นไรไป คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้” ยุ่งตอบอย่างที่ใจคิด เขารู้ว่าโลกภายนอกยังมีคนที่ลำบากกว่าเขามากนัก แต่ถ้าเราไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส เราจะเข้าใจเขาได้ยังไงล่ะ
“นี่ว่าที่ดาวเดือนปีหนึ่งตรงนั้นน่ะ อย่าสวีทกันให้มันมากนัก” พี่คนที่ถือไมค์อยู่หน้าห้อง แซวขึ้น เรียกความสนใจของว่าที่ลูกค่ายทั้งสี่ชั้นปีได้
“โด่พี่ อิจฉาก็บอก” โอมตะโกนกลับ เรียกเสียงแซวของพี่ๆ ได้มากขึ้นอีก
“นายดูสนิทกับพวกพี่ๆจัง กล้าต่อปากต่อคำกับพวกพี่ปกครองด้วย” ยุ่งถามมาอย่างสงสัย แม้คณะนี้จะเน้นความกลมเกลียวเป็นเพื่อนพี่น้อง แต่พี่ๆ ปกครองก็ยังคงน่ากลัวสำหรับน้องๆ เสมอ
“ก็โดนพวกพี่มันลากไปกินเหล้าทุกวันอ่ะ ก็เลยสนิท ความจริงพี่พวกนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก ทำโหดไปงั้นแหละ”
“อ่ะแฮ่ม พวกพี่ได้ยินนะครับน้องโอม มึงอยากโดนซ่อมรึไง” พี่คนที่ถือไมค์พูดขึ้นมาอีก นี่พี่หูหมารึไงวะ ยังอุตส่าห์ได้ยิน
“โห่พี่ ผมกลัวแล้ว อย่าซ่อมผมเลย” โอมโอดครวญ ซึ่งพวกพี่ๆ ก็ไม่ได้ขู่ต่อ เพราะแต่ต้องการแซวเล่นเท่านั้น
การที่ได้คุยกับโอมทำให้ยุ่งรู้ว่าความจริงแล้วโอมไม่ใช่คนหยิ่งอะไร แต่ที่ชอบทำหน้านิ่งๆ แลดูเบื่อหน่าย เพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร ไม่ชอบความวุ่นวาย และรำคาญคนง่ายเท่านั้นเอง
ยุ่งมารู้ภายหลังว่าโอมนั้นออกไปดื่มกับรุ่นพี่บ่อย เลยเป็นที่ถูกอกถูกใจ และท่าทางที่เบื่อหน่าย ไม่สนใจโลกน่ะ จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาอยู่กับคนไม่สนิทเท่านั้น โอมบอกว่าบรรยากาศของยุ่งคล้ายๆ กับรูมเมทเขา ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ม.ปลาย เลยกล้าที่จะชวนคุยก่อน
“นี่ เดี๋ยวเลิกประชุมแล้วไปหาอะไรกินกันป่ะ” ผู้ชายที่นั่งข้างโอมพูดขึ้น “นะแบล๊คนะ ไม่รีบกลับใช่มั้ย”
คนที่เอ่ยชวนขึ้นมาชื่อกันต์ เป็นชายหนุ่มร่างบาง ผอมสูง 180 นิดๆ หน้าตาที่ดูกวนตีนนิดๆ มีเค้าความหวานอยู่ แต่ทุกคนพร้อมจะมองข้ามด้วยปากมันที่ชอบระรานและกวนตีนคนอื่นไปทั่ว คนที่ปราบไอ้นี่อยู่คือไอ้แบล็คที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม และมาสนิทกับโอมเพราะอยู่ชมรมฟุตบอลเหมือนกัน
“อืม ไม่รีบ” แบล็คตอบ
“ไปป่ะโอม หรือจะไปหาเพื่อนที่วิศวะ” กันต์ถาม
“ไปกินก็ได้ มึงจะไปป่ะ” โอมหันมาถามคนหน้าหวานที่นั่งข้างๆ
“ไอ้แม็คไปป่ะ เมียมึงจะว่าอะไรป่าว” ยุ่งหันไปถามเพื่อน
“ไปก็ได้ วันนี้คณะเมียกูมีกิจกรรม” แม็คตอบ ยุ่งจึงหันไปพยักหน้าตกลงกับโอมและเพื่อนอีกสองคน
“งั้นแสดงว่ามึงอยู่คอนโดกับพี่ข้างบ้านมึงอ่ะดิ ไอ้ยุ่ง” กันต์พูดขึ้น “ปลอดภัยเหรอวะ หน้ามึงหวานขนาดนี้ ถ้าพี่เขาเมาจะมะ..”
ตุบ!
“โอ้ย ไอ้แบล็ค ตบหัวกูทำไมวะ” กันต์หันไปโวยชายคนข้างๆ ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“มึงไม่ต้องไปเสือกเรื่องของคนอื่นเลยนะ เขาเป็นเพื่อนบ้านกันก็ต้องสนิท และไว้ใจกันอยู่แล้วดิ” แบล็คบอก
ยุ่งได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่ตอบโต้อะไร
‘แต่พูดจริงๆ นะ กูไม่ค่อยไว้ใจตัวเองเลยหว่ะ’
ครืดดด ครืดดด
ระบบสั่นโทรศัพท์ชองแบล็คดังขึ้น
“ว่าไงครับน้ำ เรียนเสร็จแล้วเหรอ” เสียงแบล็คที่พูดกรอกไปในโทรศัพท์ สร้างรอยไหววูบในดวงตาของกันต์ได้ แม้จะเพียงนิดเดียว แต่ด้วยความช่างสังเกต ทำให้ยุ่งเห็นได้ไม่ยาก แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป ในเมื่อกันต์เองก็พยายามปกปิดความรู้สึกนั้นอยู่
ไม่นานแบล็คก็วางสายลง กันต์จึงออกปากแซวทันที
“ภาคพิเค้าเรียนเสร็จแล้วเหรอมึง งั้นเดี๋ยวมึงก็ต้องรีบไปรับแล้วอ่ะดิ น่าอิจฉาจริงๆ เว่ย” น้ำแฟนของแบล็คนั้นเรียนอยู่คณะเดียวกัน แต่เป็นภาคพิเศษ จึงเลิกช้ากว่าภาคปกติ
“มึงก็หาแฟนซิวะ เอาแต่ทำตัวติดกูอยู่ได้ มึงจะหาได้มั้ยล่ะ”
“ก็เพราะกูอยู่กับมึงนั่นแหละ กูถึงไม่มี มึงคาบไปแดกหมด” กันต์พูด แบล็คเป็นผู้ชายหน้าตาอินเทรน เพราะขาว ตี๋ ดูเกาหลีมากๆ รวมถึงการแต่งกาย ท่าทางดูสะอาดสะอ้าน ล้วนถูกใจผู้หญิงหลายๆคน
“เลิกเถียงกันเถอะพวกมึงน่ะ กูปวดหัว” โอมบ่นเบาๆ แต่ก็ทำให้สองคนนั้นหยุดกัดกัน
“โอม มึงว่าไปค่ายรอบนี้ พี่เค้าจะเล่นเรารึเปล่าวะ” ยุ่งถามขึ้น ค่ายเฟรชชี่ ซึ่งเป็นค่ายที่ชมรมอาสาจัด จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้า พี่ๆ ชมรมล้วนแต่พยายามหลอกล่อให้เด็กปี 1 ไปค่าย แต่ก็ไม่ได้มากนัก เพราะค่ายจัดในช่วงวันหยุดยาว หลายๆ คนจึงเลือกที่จะกลับบ้าน แต่สำหรับกลุ่มของยุ่ง ทุกคนล้วนมีภูมิลำเนาในจังหวัดทั้งนั้น จึงไม่มีปัญหา
“ก็คงมีบ้างแหละ พี่เขาบอกกูว่า ค่ายจะทำให้น้องลืมไม่ลง” โอมตอบ พลางยักไหล่อย่างไม่ซีเรียส
ครืด ครืด
คราวนี้เป็นโทรศัพท์ของยุ่ง ซึ่งร่างบางยิ้มร่าทันทีเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา
“พี่โงงงงงงง” ยุ่งลากเสียงอย่างออดอ้อน
“อยู่ไหนครับ ทานข้าวรึยัง เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“กำลังทานเสร็จเลยฮะ อยู่หน้าม. กับเพื่อนในคณะ พี่โงเลิกแล้วเหรอ”
“เลิกแล้ว งั้นเดี๋ยวออกมารอพี่ตรงถนนแล้วกันนะ”
“ฮะ” หลังจากวางสาย ใบหน้าหวานก็เจือไปด้วยรอยยิ้ม
“ครับ” คราวนี้เป็นเสียงโอมที่รับโทรศัพท์ “คืนนี้อีกแล้วเหรอพี่ พี่ไม่คิดจะให้พวกผมได้นอนเร็วๆ บ้างหรือไง”
“อะไรวะไอ้โอม คืนนี้อีกแล้วเหรอ” กันต์ถาม โอมหันมาพยักหน้าให้เพื่อน
“ก็อยู่กับกันต์ แบล็คเหมือนเดิมแหละพี่ มีไอ้ยุ่ง กับไอ้แม็คด้วย... เอ่อ คนนั้นแหละพี่ ที่หน้าหวานๆน่ะ มันไปค่ายด้วย...ครับ..ครับ”
“เฮ้ย ยุ่ง ไปดื่มเหล้ากันมั้ย พี่เขาบอกให้เอามึงไปด้วย” โอมหันมาถาม
“กูกินไม่เป็นนะมึง” ร่างบางตอบ
“เออน่า ถ้ามึงคิดจะไปค่าย ยังไงก็ได้กิน ถือว่าซ้อมคอก่อนแล้วกัน”
“เอาไว้ครั้งหน้าได้ป่ะ กูบอกพี่กูมารับแล้วน่ะ” ยุ่งตอบไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากลอง เพราะทั้งยักษ์ และโงกุน ต่างไม่ยอมให้น้องเล็กของบ้านดื่มแอลกอฮอล์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนดื่มได้ประหนึ่งน้ำเปล่า ทำให้ยุ่งอยากลองมากๆ แต่ถ้าโทรไปบอกโงกุนตอนนี้คงเป็นเรื่องแน่
“พี่ ไอ้ยุ่งมันบอกว่าขอเป็นครั้งหน้า..ครับ..ครับ ผมรับผิดชอบแทนมันเอง.. ครับ สามทุ่มนะครับ” โอมตกลงกับรุ่นพี่ ก่อนจะวางสายไป
“มึงรับผิดชอบอะไรแทนกูวะ กูทำให้มึงลำบากรึเปล่า” ยุ่งถามเมื่อได้ยินบทสนทนา
“ไม่เป็นไรหรอก”
“จริงง่ะ” ยุ่งถามอย่างไม่อยากเชื่อ กันต์จึงหันมาตอบแทน
“เอ่อ มึงอาจไม่รู้เพราะมึงไม่ค่อยได้มาเข้าสังคมกับพวกกู แต่เดี๋ยวถ้ามึงผ่านค่ายและอะไรหลายๆ อย่างมึงจะรู้ ว่าพี่เขาไม่ใช่แค่ชวนเราดื่มเหล้าโง่ๆ นะเว่ย ในวงเหล้ามันโคตรจริงใจ พี่เขาสอนการเข้าสังคม เล่าประสบการณ์ให้เราฟัง พวกกูไม่เคยเสียเงินซักบาท เพราะพี่เขาถือเราเป็นน้อง ต่อให้พวกกูเมา อาระวาด ปากหมากับพี่เขา หรือหาเรื่องคนอื่น เขาก็ดูแลเราอย่างดีเว่ย”
“ปัญหาอย่างเดียวคือ มึงต้องดื่มสิ่งที่พี่เราสั่งให้หมด” แบล็คพูดเสริม นี่ซินะ ปัญหาที่แท้จริงน่ะ = =
=======================================
จะบอกว่า ไม่ฉากหน้า ก็ฉากถัดไปเป็น NC
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
เป็นความชอบส่วนบุคคล
ความจริงอยากให้มีเร็วกว่านี้ แต่เอาลงไม่ถูก
ตอนนี้กำลังนั่งเทียนปั่นอยู่
คนมันไม่เคยทำ ก็เลยต้องมโนอยู่นาน = =
ปล. ใครติดถามอยู่ตอนนี้ จะบอกว่า การ์ตูน Y ตอนใหม่น่าจะลงคืนนี้
ถ้าแปลเสร็จล่ะก็นะ
ถ้าไม่ก็วันพรุ่งนี้แน่น้อนนนนนนนน
ความคิดเห็น