คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Coincidental Love #3
“คุ๊ณณณ ผมขอโทษษษ”
เป็นเสียงจงอินที่พร่ำกรอกใส่หูคยองซู จนคยองซูต้องขึ้นเสียงห้ามไม่ให้จงอินพูดอีก เพราะตอนนี้คนอื่นในร้านเริ่มหันมามองแล้ว
“ก็ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไรไงงง”
“คุณโกรธผมแน่ๆเลย ผมขอโทษษษนะ TT ขอโทษจริงๆ”
จงอินพนมมือไหว้ประหงกๆ เล่นเอาคยองซูถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ ผมจะโกรธคุณจริงๆก็เพราะคุณยังไม่หยุดพูดเนี่ยล่ะ”
ได้ยินดังนั้นจงอินก็เลยรีบรูดซิปปากทันที
“ดีมาก! เออ แต่ที่จริงคุณไม่ต้องมาเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะ”
“เฮ้ย ไม่ได้หรอก แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่ ตื่นสายจนสุดท้ายคุณต้องนั่งแท็กซี่มาทำงาน ทั้งๆที่เป็นคนออกปากดิบดีว่าให้คุณทิ้งรถไว้ที่ออฟฟิศแล้วค่อยมาทำงานด้วยกัน นี้ยังไม่นับว่าคุณมีประชุมเช้าที่ต้องรีบมาให้ทันอีก โอ้ย โคตรรู้สึกผิดอ่ะคุณ ให้ผมเลี้ยงข้าวตอบแทนไป 1 สัปดาห์ก็ยังได้เลย”
“เฮ้ย นั้นก็มากไปคุณ แค่มื้อนี้คุณก็เสียหายหลายร้อยแล้ว ผมบอกแล้วว่ากินข้าวแกงข้างทางก็ได้ ไม่ต้องพามากินบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างขนาดนี้หรอก”
คยองซูพูดไปด้วยปิ้งเนื้อแล้วคีบใส่จานจงอินไปด้วย
“และผมจะพูดอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายนะ ว่าผมไม่ได้โกรธคุณจริงๆ ผมเองต่างหากที่เกรงใจ พอโทรไปแล้วคุณไม่รับ ผมก็ไม่กล้าไปปลุกคุณ เลยตัดสินใจชิ่งคุณขึ้นแท็กซี่มาทำงานก่อน ผมยังแอบกลัวว่าคุณจะว่าผมรึป่าวนะที่ไม่รอคุณ”
คยองซูหมายความตามที่พูดไปจริงๆ เมื่อเช้าเขาก็ชั่งใจอยู่นาน ว่าหรือจะบุกขึ้นไปปลุกจงอินเองเลยดีนะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะดีหรอ สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันวันเดียวแบบนี้ พอคิดว่าจะชิ่งไปทำงานก่อน ก็กลัวว่าจงอินจะโกรธรึป่าวที่ไม่รอ แต่สุดท้ายเพราะว่ามีประชุมตอนเช้าที่ต้องเข้าให้ตรงเวลา เขาเลยตัดสินใจส่งข้อความไปบอกแล้วก็ขึ้นแท็กซี่มาทำงานแทน
พอเขาประชุมได้สักพักก็เห็นข้อความของจงอินที่ส่งรูปอีโมร้องไห้มาเป็นโหลๆ แถมด้วยคำขอโทษยาวเป็นกระบุงๆ เขาเกือบหลุดหัวเราะในที่ประชุมซะแล้ว ลงท้ายพวกเขา 2 คนก็ตอบโต้กันไปมาผ่านทางข้อความในโทรศัพท์มือถือ เพราะวันนี้เขาต้องประชุมทั้งวัน ตอนพักกลางวันก็ต้องพาลูกค้าไปทานข้าวข้างนอกอีก สุดท้ายจงอินเลยบอกว่าจะเป็นเจ้ามือพาไปเลี้ยงมื้อเย็นเป็นการไถ่โทษแทน
“แต่เจ้านี้อร่อยดีนะ ไม่ยักกะรู้ว่ามีร้านเนื้อย่างเกาหลีอร่อยๆแถวที่ทำงานเราด้วย”
“อร่อยใช่มะ ดีจังที่คุณชอบ นี้เป็นร้านที่พวกผมชอบมากันมากๆเลยล่ะ เออ คุณรู้จักไหม พี่จุนมยอนอ่ะ คนที่นั่งข้างผม ผู้ชายตัวขาวๆเหมือนอาบกลูต้ามาทั้งชีวิต กับอีกคนพี่รหัสผมเอง พี่แบคฮยอนอ่ะ ที่เป็น...”
“นี้คุณเป็นน้องรหัสแบคฮยอนหรอเนี่ย”
ข้อเท็จจริงข้อนี้ของจงอินทำให้เขาแปลกใจมาก ก็แบคฮยอนคนนี้เนี่ยล่ะ ที่เป็นคนแนะนำให้เขาเข้ามาสมัครงานที่บริษัทนี้ เขากับแบคฮยอนรู้จักกันเพราะว่าเคยทำงานที่เดียวกันมาก่อน แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่เดือนก็ตาม เพราะว่าแบคฮยอนได้งานใหม่ที่นี้ เลยทำให้ยังไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนักตอนอยู่ที่ทำงานเก่า แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวขำๆฮาๆของน้องรหัสจากปากของแบคฮยอนอยู่บ่อยๆ
พอคยองซูเล่าให้จงอินฟัง จงอินก็ถึงกับกุมขมับ เขาเริ่มเครียด ไม่รู้ว่าไอ้คุณพี่รหัสสูงน้อยของเขาไปเผาอะไรเขาไว้กับคยองซูบ้าง
“ยิ่งรู้อย่างนี้แล้วก็ นะ มันเหมือนว่าผมเคยรู้จักคุณมาก่อนอย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะ คุณคิม จงอิน”
คยองซูพูดทิ้งท้ายขำๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกัน คยองซูนั้นต้องไปรับน้องสาว จงอินเลยต้องมุ่งหน้ากลับคอนโดไปเพียงลำพัง
. . . . . . . . . . . .
วันนี้ช่างเป็นลาภปากของคิม จงอินจริงๆ ก็คุณพี่แบคฮยอนพี่รหัสสุดที่รักของเขานะสิ ได้ส่วนลดร้านอาหารมา เลยชวนเขามากินด้วย ตอนแรกก็ว่าจะไม่มาหรอก อยู่ในช่วงกินแกลบ สิ้นเดือนก็เหมือนสิ้นใจ ตามประสาพนักงานกินเงินเดือน(น้อย)ไปวันวันแบบเขา แต่เจ้าคุณพี่ก็ยังยืนกราน สุดท้ายก็เลยออกปากว่าจะเลี้ยงนั้นแหละ เขาเลยยอมมาเป็นเพื่อนให้ก็ได้
เขามาถึงร้านก่อนที่เจ้ามือจะมา แต่ปรากฏว่าคนมากินร้านนี้กันเนืองแน่นมาก เขาเลยต้องยืนรอโต๊ะว่างอยู่ประมาณ 15 นาทีได้ เขาหลุดยิ้มออกมาเมื่อบริกรพาเขามายังโต๊ะที่เยื้องๆกับห้องน้ำ
มันทำให้เขาอดย้อนนึกถึงวันวาเลนไทน์เมื่อเดือนที่แล้วไม่ได้
ระหว่างที่เขานั่งรอ เขาก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น ใครจะไปคิดว่าการที่เขาได้ช่วยผู้ชายที่ซุ่มซ่ามคนหนึงไม่ให้หน้าแตก มันจะทำให้เขาได้พี่ชายนอกไส้เพิ่มมาอีกหนึ่งคน แถมเป็นคนที่คุยกันได้ทุกเรื่องและรู้สึกสนิทกันอย่างรวดเร็ว จะว่าไปเขากับคยองซูก็เรียกได้ว่าคุยกันแทบทุกวัน จะด้วยเหตุผลที่เขาทั้งคู่ทั้งทำงานที่เดียวกันหรืออยู่คอนโดเดียวกันก็ตาม แต่มันก็น่าแปลกไม่ใช่หรอ แทนที่ว่ายิ่งรู้จักกันยิ่งคุยกันมันจะทำให้หมดเรื่องคุย แต่มันไม่ใช่เลย ตรงกันข้ามซะอีก ยิ่งคุยก็ยิ่งมีเรื่องให้คุยต่อไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ตอนที่เขารู้ว่าคยองซูแก่กว่าเขา เขาก็แอบช็อกไปเล็กๆเหมือนกันนะ ก็เล่นหน้าเด็ก ตัวเล็ก ซะขนาดนั้นล่ะก็
“เออ นี่ คุณ คุณน่ะเป็นน้องรหัสแบคฮยอน แสดงว่าผมก็เป็นพี่คุณนะ”
ในขณะที่รถติดไฟแดงมากว่า 15 นาที ณ ค่ำคืนหนึ่งย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้วที่คยองซูชวนจงอินกลับบ้านด้วยกันและให้จงอินทิ้งรถไว้ที่ทำงาน จู่ๆคยองซูก็พูดประโยคนั้นขึ้นมา เล่นเอาจงอินที่เคลิ้มๆจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ต้องขยับตัวสะบัดความง่วงแล้วขอฟังคำถามอีกครั้ง
“ห่ะ อะไรนะ จริงอ่ะ”
“อืม ใช่ ฉันนะรุ่นเดียวกับแบคฮยอน นายนะปืนเกลียวมานานเลยนะคิม จงอิน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เล่นเอาจงอินหน้าเหวอ เฮ้ย แล้วมันใช่ความผิดเขาซะที่ไหน ก็เขาไม่รู้นิ
“เฮ้ย ก็คุณไม่เคยบอก”
“ก็นายไม่เคยถาม”
“ก็ผมไม่เห็นความจำเป็นนิหน่า”
“มันก็ไม่จำเป็นหรอก แต่ มันเริ่มรู้สึกแปลกๆแหะ เป็นผม เนี่ย เห็นมะ มันรู้สึกคันๆปากอ่ะ เพราะว่าฉันก็รู้อยู่เต็มอกว่าฉันเป็นพี่นาย แต่จะมาแอ็บเด็กแอ๊บเรียบร้อยแอ๊บสุภาพเหมือนแรกๆที่รู้จักกัน เรียกแทนตัวเองว่าผม เรียกนายว่าคุณ มันก็แอบกระดากๆนิดๆอ่ะนะ เฮ้ย แต่นี้ไม่เป็นไรนะ คือพอดีฉันมานั่งคิดๆดูว่า เออ เราก็รู้จักกันมาสักพัก ทำงานก็ที่เดียวกัน น่าจะเรียกกันแบบสนิทขึ้นอ่ะ แบบ เออ จงอิน นายเข้าใจป่ะ”
คยองซูหันมามองหน้าขอความคิดเห็นจากจงอิน จงอินพยักหน้าเห็นด้วยตอบกลับไป
“อันที่จริง เอ่อ ทีนี้ผม เอ้ย คือ เดี๋ยวนะ งี้ผมก็ยังต้องแทนตัวว่า ผม อยู่ดีป่ะ ก็ผมเด็กกว่าอ่ะ ยังไงก็ต้องสุภาพกับรุ่นพี่อยู่ดี คือจะบอกว่า ผมก็แอบคิดเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงอ่ะ คือถ้าคยองซูเคยสังเกตก็คงรู้เนอะ ว่าพวกที่ผมสนิทมากๆ ผมก็ขึ้นมึงกูด้วยเลยอ่ะ แต่นี้ พอความจริงกระจ่างแล้ว ผมก็เสียเปรียบอยู่ดีดิ ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆ เออ ก็จริงๆเนอะ นายก็ต้องเรียกแทนตัวเองว่า ผม เรียกฉันว่า พี่ อยู่ดี ฮ่าๆๆ ขอโทษด้วยนะจงอิน”
เขาทั้งคู่หัวเราะเสียงดัง ก็จริงของคยองซูนะ คนที่ได้ผลประโยชน์เรื่องนี้ที่สุดก็คงเป็นคยองซู คุยกันถึงตรงนี้ ไฟก็เขียวพอดี
“แต่ถ้านายไม่สะดวกใจ ก็เรียกเหมือนเดิมก็ได้นะ เพราะฉันก็ยอมรับว่าฉันหน้าเด็ก ฮิฮิ”
มันไม่ใช่แค่ความหน้าเด็กอย่างเดียวหรอกนะที่มันทำให้เขาไม่ได้มองว่าคยองซูเป็นพี่ แต่ก็…ไม่พูดออกไปน่าจะดีกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไงก็ได้อ่ะ งั้นก็ พี่คยองซูคร้าบบบ ไม่คิดจะเลี้ยงข้าวน้องนุ่งหน่อยหรอคร้าบบบ”
จงอินถือโอกาส ใช้ความเป็นน้องนี้แหละ ขอกินฟรีซะเลย มุกนี้เขาชอบใช้กับแบคฮยอนบ่อยๆ แล้วก็มักจะได้ผลด้วยซิ ไม่ใช่อะไร คำว่าพี่รหัสที่ต้องดูแลน้องรหัสมันค้ำคอน่ะ แต่ไม่รู้ว่ามุกนี้จะได้ผลกับคยองซูพี่ชายคนใหม่ของเขารึป่าวนะ
“ว่าแล้ววว ว่านายต้องมามุกนี้ โอเคๆ เดี๋ยวข้าวกลางวันพรุ่งนี้พี่คยองซูผู้หล่อระเบิดคนนี้จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงคุณน้องจงอินผู้น่ารักเองนะครับ”
คยองซูเก็กเสียงหล่อพูดติดตลก เล่นเอาจงอินขำไปส่ายหัวไป อยากจะบอกว่า ใช้คำคุณศัพท์สลับที่กันแล้ว จริงๆมันต้อง พี่คยองซูผู้น่ารักกับน้องจงอินผู้หล่อระเบิดต่างหาก แต่เอาเถอะ ยอมพี่แกก็ได้ ไหนๆก็จะได้กินฟรีล่ะ
. . . . .
“เฮ้ย รอนานไหมว่ะจงอิน”
แบคฮยอนรีบนั่งลงฝั่งตรงข้ามจงอินอย่างกระหืดกระหอบ วางถุงต่างๆที่เขาหิ้วมาลงบนเก้าอี้ข้างตัว
“ไม่หรอกพี่ ประมาณชาติเศษเอง”
จงอินส่งสีหน้ากวนส้นให้รุ่นพี่ตัวเล็กของตัวเอง เล่นเอาโดนเขกหัวไป 1 ทีด้วยความไวแสง
“โอ้ยยยย”
“ไอ้นี้! ไม่เจอกันนานหน่อย กล้ากวนติงพี่เลยหรอว่ะครับไอ้น้อง! ของฝงของฝากจากอังกฤษคงไม่อยากได้แล้วสินะ”
แบคฮยอนจัดการคว้าถุงของฝากที่เพิ่งวางลงบนโต๊ะเก็บลงข้างลำตัวแต่โดนคนน้องมือไวคว้าไว้ได้ก่อน
“โอ๋ๆ คุณพี่ขอรับ กระผมนายจงอินคนนี้แค่อยากล้อเล่นต้อนรับการกลับมาของคุณพี่แบคฮยอนสุดที่รักก็เท่านั้นเองขอรับ กระผมไม่กล้าล่วงเกินคุณพี่หรอกขอรับ ให้อภัยกระผมด้วยนะขอรับ”
“เออ คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะครับไอ้คุณน้องรหัส”
แบคฮยอนหัวเราะให้กับคำพูดสุภาพหลุดยุคของจงอิน แล้วก็ยื่นถุงของฝากให้ จงอินรับมากล่าวขอบคุณแล้วก็รีบเปิดถุงดูเป็นการใหญ่ ดูจากท่าทางแล้วของฝากน่าจะถูกใจเจ้าตัวอยู่ไม่ใช่น้อย
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ พี่น้องต่างสายเลือดรีบลงมือฟาดของกินตรงหน้าเข้ากระเพราะกันจนเรียบเตียน แต่จู่ๆ แบคฮยอนก็ทำสีหน้าขึงขังใส่จงอิน
“จงอิน ถามจริง นี้กูตกข่าวอะไรไปรึป่าว”
เล่นเอาจงอินเกือบจะสำลักน้ำ
“เฮ้ย! ข่าวอะไรพี่?”
“มึงมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกกูรึป่าวล่ะ”
จงอินถึงกับงง เดาทางพี่รหัสเขาไม่ถูกเลย ตะกี้ยังคุยเล่นกันสนุกสนาน แต่ไหงจู่ๆถึงได้เหมือนจะถูกลากเข้าเรื่องดราม่าอะไรก็ไม่รู้ล่ะเนี่ย
“อะไรอ่ะพี่ ผมงงไปหมดแล้ว”
“โอเค ไม่เป็นไร ถ้ามึงไม่อยากบอกกู กูไม่อยากรู้ก็ได้ กูก็แค่พี่รหัส คงไม่สำคัญอะไรกับมึงนักหรอก”
อ้าวเวร ดราม่าจริงอะไรจริง งงไปหมดแล้วเนี่ย จงอินอยากจะกู่ร้องบอกฟ้า ล่ะดูพี่รหัสของเขาทำหน้าเข้า หมาหงอยดีๆนี้เอง เล่นเอาเขารู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ แต่ประเด็นคือ ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดกับเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคือเรื่องอะไรด้วยล่ะเนี่ย
“เฮ้ยพี่ พี่ก็รู้ว่าผมไม่เคยปิดบังอะไรพี่เลยนะ ขนาดท้องผูก ขี้ไม่ออกยังบอกพี่เลย”
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ถ้ามึงไม่อยากเล่าเรื่องมึงกับคยองซู ก็เป็นสิทธิของมึง กูจะไปว่าอะไรมึงได้ล่ะ”
แบคฮยอนทำหน้าหงอยๆ ก้มดูดน้ำ แล้วเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง
ส่วนจงอินนะหรอ งงเป็นไก่ตาแตกเข้าไปใหญ่ แบบว่า ห่ะ? อะไรนะ? คยองซู?
“เอ่อ พี่แบค เดี๋ยวนะ ผมกับพี่คยองซู? นี้พี่ไปได้ยินอะไรมา!!!!!!!!!!!!”
จงอินหน้าตาตื่น ทำเอาแบคฮยอนปล่อยขำก๊ากกกกกกกกกกกเสียงดังลั่นร้าน เล่นเอาจงอินเหวอ
แล้วเขาก็มาถึงบางอ้อ... ที่ไหนได้ เขาโดนพี่รหัสตัวเองแกล้งนี้เอง ให้ตายเถอะ พี่แบคนี้ฟอร์มดีไม่มีตกจริงๆ ไม่เสียแรงที่คว้าบทพระรองประจำละครเวทีของคณะมาได้ถึง 4 ปีซ้อน
“ฮ่าๆๆ เป็นไง กูตีบทแตกไหม ฮ่าๆๆ เออ กูไม่ได้ยินอะไรมาทั้งนั้นแหละ กูแค่เห็นเฉยๆ แหม่ ล่ะมึงทำไมต้องทำหน้าซีเรียสตามกูซะขนาดนั้นวะห่ะไอ้จงอิน ทำไม? นี้อย่าบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างมึงกับคยองซูนี้มันเกินธรรมดาไปแล้ว มึงถึงได้ดูร้อนตัวกับคำถามกูจัง”
“โฮ้ย ก็พี่นั้นแหละที่ทำหน้าตาซีเรียสแถมดราม่ามาเต็มใส่ผมซะขนาดนั้นอ่ะ ล่ะนี้แกล้งผมเนี่ย สนุกมากสินะครับคุณพี่แบคฮยอน”
“ฮ่าๆๆ ใช่เซ่ แกล้งมึงสนุกที่สุดแล้วล่ะว่ะ อ่ะ ล่ะสรุป อะไรยังไง นี้กูติดใจเรื่องมึงกับคยองซูจริงๆนะ แหน่ะ ไม่ต้องมาทำหน้าเบะ นี้กูไม่ได้แกล้งมึงแล้ว ก็กูเห็นมึงกับคยองซูดูสนิทกัน กูว่าก่อนที่กูจะบินไปอังกฤษตอนนั้นมึงยังไม่รู้จักคยองซูเลยนะ”
จงอินพยักหน้า
“เห็นมะ ไม่ผิดใช่ไหมล่ะที่กูจะสงสัยว่าอยู่ดีๆมึงไปสนิทกับคยองซูตอนไหน ล่ะประเด็นคือ ก็ไม่มีคิดจะเล่าให้พี่รหัสผู้แสนดีคนนี้ฟังกันบ้างเลยหรอกนะ มันก็น่าน้อยใจจริงๆอยู่หรอกใช่ไหมล่ะ หึ!”
“อ้าว นี้ผมต้องรายงานพี่ด้วยหรอเนี่ย เพิ่งรู้”
จงอินหยักไล่ ทำหน้ากวนตีน เล่นเอาเกือบโดนแบคฮยอนเขกหัวเป็นรอบที่ 2 ของวัน
“ไอ้นี้! อย่ามากวนส้นติงรอบ 2 เดี๋ยวกูจะยึดของฝากคืนจริงๆซะเลย”
“ฮ่าๆๆ แหม่ ผมก็แค่แกล้งพี่เล่น ก็แกล้งพี่แบคมันสนุกดีนิหว่า ฮ่าๆๆ”
“ไอ้นี้!!! เฮ้ย พอล่ะ เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้ มึงรีบๆเล่ามาอย่างย่อแต่ขอละเอียด ว่าสรุปมึงกับคยองซูนี้ยังไงครับ”
แล้วจงอินก็เล่าให้แบคฮยอนฟัง แบคฮยอนฟังไปก็ถามเจาะลึกรายละเอียดไป พี่รหัสของจงอินคนนี้ทำเหมือนว่ากำลังสอบสวนสืบพยานเจาะใจนักโทษอะไรประมาณนั้นเลยทีเดียว
“เฮ้ย เรื่องของมึงกับคยองซูนี้แม่งโคตรของโคตรบังเอิญ ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกันจริงๆ”
จงอินขำให้กับสำนวน(?)ประหลาดๆของพี่รหัสเขา
“ถึงว่าตั้งแต่กูกลับมา กูถึงได้เห็นมึงเดินมาฝั่งกูบ่อยๆ กูก็งงว่าพวกมึงไปรู้จักกันตอนไหน เออ แต่กุก็ไม่ค่อยได้อยู่บริษัทเองด้วยสินะ เฮ้อ”
“ใช่มะล่ะะะะ เนี่ย ล่ะจะมาโทษผมว่าผมไม่เล่าให้พี่ฟังได้ไง ก็พี่เล่นอยู่บริษัทให้ผมเล่าซะที่ไหนล่ะ”
แบคฮยอนหัวเราะ ใช่แล้วล่ะ ไม่รู้ปีนี้เขาจะชีพจรลงเท้าไปไหน ปีนี้ไปต่างประเทศมากี่ครั้งแล้วเนี่ย ขี้เกียจจะนับ
“หายไปทีก็หายไปอย่างนาน ดีนะว่าผมมีพี่คยองซูมาช่วยดามใจ พี่นะไม่รู้หรอกว่าพอพี่ไม่อยู่ผมเหงาแค่ไหน”
แบคฮยอนแทบจะขย้อนอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา
“ขอกระโถนให้กูหน่อยเถอะครับ! โฮ้ย เล่นเอากูขนลุกเลย ดู!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“คยองซูแม่งโชคร้ายจริงๆที่มารู้จักมึงเนี่ย”
“โชคดีต่างหากล่ะพี่ เหมือนพี่แบคไง ฮ่าๆๆ”
“มึงต่างหากล่ะที่โชคดีที่ได้รู้จักกูกับคยองซูน่ะ ฮ่าๆๆ”
สุดท้ายจงอินก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ ในใจเขาก็แอบคิดอย่างนั้นจริงๆ ถือเป็นโชคดีของเขาจริงๆอย่างที่แบคฮยอนว่านั้นแหละ ที่เขาได้รู้จักแต่คนดีๆ
“เฮ้อ ล่ะมึงดู กูเพิ่งกลับมาเหยียบแผ่นดินแม่ได้ไม่กี่วัน วันนี้บอสเดินมาบอกกูว่าเดือนหน้ากูแจ็กพ็อตได้ไปสัมนาที่ UK อีกแล้ว แม่ง ภาษาอังกฤษกูก็ใช่ว่าจะดีเด่”
“โฮ้ย พี่อย่าบ่นเลย รู้ป่าวว่ามีแต่คนเขาอิจฉาพี่กันเถอะ หยั่มมา”
“หยั่มมา? ศัพท์อะไรของเมิงเนี่ย”
“ศัพท์วัยรุ่นไงพี่ พี่ไม่วัยรุ่นแล้วก็เงี้ย”
“ไอ้จงอิน...มึงจะแดกไหมของฟรีเนี่ย”
“แดกพี่แดก ขอโทษคร้าบบบ”
“เออ แล้วพี่จุนมยอนล่ะ บอกให้ชวนมาด้วย ว่าจะเลี้ยงซะหน่อย”
“อ่ออ รายนั้นอ่ะ เดิมๆพี่ โดนแฟนตามตัวด่วนเหมือนเดิม”
แบคฮยอนส่งเสียงอ่อยาว เป็นอันว่ารู้กัน อย่างที่พวกเขาเคยแซวพี่จุนมยอนไว้จริงๆ ว่าถ้ามีรางวัลแฟนดีเด่นแห่งปี พี่จุนมยอนคงชนะเลิศได้รางวัลนั้นไปครอบครองแน่ๆ
“พี่แบค แต่เดี๋ยวแบบดีเกินไป จะโดนทิ้งอีกป่าวอ่ะ ตามสูตรอ่ะ”
“เฮ้ย ไม่มั้งว่ะ แต่เดี๋ยวก่อน มึงอย่าเพิ่งพากุออกนอกประเด็น กลับเข้าเรื่องมึงต่อก่อนเลยจงอิน สรุปอะไรยังไง มึงกับคยองซู”
“อ้าว ก็เล่าไปแล้วไงพี่”
“แหน่ะ! แต่กุว่ามันไม่น่าจะแค่นั้นน้า”
แบคฮยอนส่งสายตาแซว
“ไม่แค่นั้น ยังไงพี่?”
“มึงบอกกุมาตามตรงเถอะ มึงจีบคยองซูป่ะว่ะ”
จงอินถึงกับสำลักน้ำอย่างจริงจัง
“นั้นไง มีพิรุธนะ”
“เฮ้ยยย บ้าแล้วพี่ ผมแมนทั้งแท่ง”
“เออ มันก็แมนทั้งแท่งด้วยกันทุกคนแหละว่ะ แล้วไง แท่งกับแท่ง แม่งก็ได้กันอยู่ดี”
แบคฮยอนพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่ยี่หระกับอะไรใดๆทั้งสิ้น เล่นเอาจงอินกุมขมับ
“พี่แม่งทะลึ่งว่ะ”
“แหม่ มึงอย่ามาทำเป็นไร้เดียงสากุขอออ มึงช่วยดูพี่จุนมยอนเป็น case study นิดนึง เป็นไง แมน แมนทั้งแท่ง แล้วสุดท้าย ก็ได้แท่งเป็นคู่ป่ะ ฮ่าๆๆ”
“ฮ่าๆๆ เอออ นั้นก็จริง เฮ้ย แต่พี่จุนมยอนก็ส่วนพี่จุนมยอนดิพี่ ผมก็ส่วนผม เชื่อผมเด่ ไม่มีอะไรจริงๆ ผมกับพี่คยองซูก็แค่สนิทกันเฉยๆ เท่านั้นอ่ะ”
แบคฮยอนหรี่ตาที่เล็กอยู่แล้วจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาคนตรงหน้าอย่างจับผิด
“จริงอ่ะ”
จงอินเองก็ไม่ยอมแพ้จ้องตาสู้
“เอออ จิงดิพี่ เหมือนผมกับพี่นี้ไง”
แบคฮยอนรีบส่งเสียงหราตอบลากยาวเป็นการประชดประชัน
“เอออ ก็พี่แม่งอยู่ให้ผมคุยดัวยป่ะล่ะ แหม่”
“อ้าว สรุปกุผิด? โอเคอ่ะ โว๊ะ ไม่มันส์เลย รู้งี้ชวนคยองซูมาด้วยดีกว่า น่าจะแกล้งสนุกกว่าหลายเท่านัก”
“โฮ้ย พี่แม่งแย่ว่ะพี่แบค เด๋วผมจะรีบไปเตือนพี่คยองซูให้ระวังตัว”
“แหม่ๆๆๆ ห่วงกันจ๊างงง”
“ก็แน่ ผมรักของผม”
“อัยย่ะ เมิงสารภาพมาแล้วนะ”
“แต่ผมรักพี่ที่สุดนะครับ พี่แบคฮยอนยอดรักกก”
“กุจะอ้วกกกกกกก มึงไปรักคยองซูแหละดีแล้ววว”
จงอินขำกับทำท่าทางพี่รหัวตัวเองสุดฤทธิ์ วันนี้ได้ต่อปากต่อคำกับพี่รหัสของเขาในแบบที่ไม่ได้ทำมานาน รู้สึกสนุกมากจริงๆ เอาจริงเวลาที่แบคฮยอนต้องถูกโดนให้ไปทำงานที่นู้น เทรนด์ที่นี้ สัมมนาที่นั้น ดูงานที่โน้น มันก็ทำให้ทั้งเขาและพี่จุนมยอนเหงาปากเหมือนกันนะ จะหาใครช่างพูดช่างกวนได้เหมือนพี่แบคล่ะ และจะให้ไปพึ่งพาพี่จุนมยอนนะหรอ รายนั้นนี้ตัดทิ้งไปได้เลย ให้เฮียแกเอาตัวเองให้รอดจากแฟนแกให้ได้ก่อนดีกว่า อ่า แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้จงอินจะไม่ยุ่ง
“เออ วันหลังมึงชวนคยองซูมากินข้าวด้วยกันนะ ขอทำความรู้จักว่าที่น้องเขยให้ดีกว่านี้หน่อย”
“น้องเขยบ้าอะไรพี่ น้องสะไภ้ดิ”
“กุว่าคยองซูมันแมนกว่ามึงนะจงอิน”
“โฮ้ยย ไม่มีอ่ะจะเข้าข้างน้องรหัสตัวเอง ไม่มีอ่ะ!”
“เออ เมิงก็รู้ตัวนิ ฮ่าๆๆๆ”
จงอินส่ายหน้าระอาใจ
“เอาเป็นเสาร์นี้เลยไหมพี่ ผมนัดกับคยองซูว่าจะไปกินข้าวกันแถวร้านตรงคอนโดอยู่แล้วพอดี”
“อุแหม่ มีนัดเดทกันด้วยเฟ้ย นี้เจอหน้ากันทุกวันไม่เบื่ออีกหรอคร้าบคุ๊ณ”
“ยังไม่เบื่อ ยังช่วงโปรโมชั่นอยู่นะพี่”
“แหม่ๆ ปากดี เด๋วอย่าให้ถึงวันเสาร์ กุจะเผามึงให้ราบเป็นหน้ากลองเลยคอยดู”
“ฮ่าๆๆ เค ผมจะรอดู”
⊙ x ⊙
ตอนนี้ก็ บทสนทนาตรึม! แหะๆ เห็นคนกด favorite เพิ่มแล้วก็ใจชื้นขึ้น+ดีใจจริงๆค่ะ อ่า แต่ถ้าได้อ่านคอมเม้นอีกนิด ขีดความดีใจก็จะเพิ่มขึ้นกว่านี้ แหะๆ -//-
สุดท้ายนี้หวังว่าตอนนี้คงจะพอทำให้คนที่แวะหรือเผลอมาอ่านอมยิ้มได้ หัวเราะนิดๆ มีความสุขกันบ้างพอประมาณนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ ^^
*ปูลู ถ้าเม้าท์ถึงฟิคเล็กๆเรื่อยๆเฉื่อยๆเรื่องนี้ ก็ฝากติด tag #รักบังเอิญ ใน twitter บ้างนะคะ
ขอบคุณค่ะ (._.)/
ความคิดเห็น