คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Love Gray :: Chapter 8 New neighbor
Chapter 8 – New neighbor
.
.
กริ๊งงงงง.......
ลู่หานกดกริ่งเรียกคนในบ้านอย่างรีบร้อน เสียงฝีเท้าที่วิ่งดังใกล้เข้ามา
แล้วประตูก็เปิดออก คนตรงหน้ามองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าของบ้านถาม
“ผมขอโทษที่ผมมารบกวนคุณตอนนี้นะครับ แต่ผมต้องการเช่าห้องในบ้านของคุณน่ะครับ
เห็นคุณประกาศไว้ในเว็บไซน์” ลู่หานบอก
“อ๋อ... ใช่ครับ
บ้านเช่าผมเหลืออยู่อีกห้องหนึ่งน่ะครับ ที่จริงผมติดประกาศไปนานมากแล้วล่ะ
แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีใครติดต่อมาสักที แต่ว่า... คุณไม่น่ารีบร้อนมากันตอนนี้เลยนะครับ”
“ไม่ได้หรอกครับ พวกเราไม่มีที่จะไปจริง ๆ พวกเราขอเข้าพักวันนี้เลยได้ไหมครับ”
“เออ... ผมเกรงว่า...”
“ผมจะจ่ายค่ามัดจำและค่าห้องล่วงหน้าอีกสามเดือนเลยนะครับ
ส่วนเรื่องสัญญา เดี๋ยวผมจะเข้ามาคุยกับคุณ แต่ตอนนี้ ผมต้องการให้เพื่อนผมเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณก่อนได้ไหมครับ”
จงอินบอกเจ้าของบ้านแทนลู่หาน
“เออ... คือห้องนั้นไม่มีคนอยู่มานานมาแล้วนะครับ
เกรงว่าฝุ่นมันจะ...”
“ขอร้องล่ะครับ
ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตาดำด้วยนะครับ”
“เออ... ก็ได้ครับ”
เมื่อเจ้าของบ้านตกลง
เขาก็เดินนำลู่หานและจงอินมาที่บ้านพักทันที ลู่หานรู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ เขาเดินตามเจ้าของบ้านมาเรื่อย
ๆ จนถึงหน้าบ้าน ไฟสว่างจ้าทั้งบ้าน ทำให้รู้ว่ามีคนอยู่ เจ้าของบ้านเดินนำเข้าไปในบ้านทันที
“ทำไมล่ะ ฉันรักนายนะ ฉันรักนาย ฉันรักนายมากด้วย
ม๊วฟ ๆ ๆ ๆ”
เสียงพูดคุยที่ดังออกมาจากบริเวณห้องรับแขกของบ้าน
ทำให้ทุกคนหันไปสนใจ ภาพของชายหนุ่มสองคนกำลังกอดกันอยู่ที่โซฟา
ลู่หานตกใจเล็กน้อยที่เขาเห็นว่าคนที่เขาคิดว่าน่าจะรู้จักอยู่ตรงนั้น
“พวกเขาสองคนเป็นเกย์หรอ”
เป็นจงอินที่พูดขึ้นมา
ทั้งสองคนได้ยินเสียงจงอินก็รีบหันมามอง ก่อนจะรีบผละออกจากกันอย่างตกใจ
“นายพาใครมาน่ะจงแด” ชานยอลเอ่ยถามอย่างสงสัย
เมื่อเขาเห็นผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ จงแด คนหนึ่งผิวเข้มมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
อีกคนก็ใส่แว่นดำและผ้าปิดปากจนแทบมองไม่เห็นใบหน้า
“เขามาขออยู่ห้องว่างนี้กะทันหันน่ะ
เขาบอกว่ามีเหตุจำเป็นต้องรีบย้ายเข้ามาทันที เออ... คราวหลังจะทำอะไรกันก็...
ในห้องนะ..”
“จะบ้าหรอไงจงแด!! ฉันกับชานยอลแค่แหย่กันเล่นน่ะ ...ห้องนั้นมันไม่ได้ใช้มานาน
ฝุ่นคงเยอะ ถ้าพวกคุณแค่จะมานอน ก็นอนที่โซฟาก่อนดีกว่า
เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกกันเปล่า ๆ” มินซอกบอกอย่างเขินอาย เขาแค่รู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่มองมาของผู้ชายผิวเข้ม
“พวกคุณว่ายังไงล่ะครับ
ถ้าพวกคุณมาพรุ่งนี้มันจะสะดวกกว่านี้นะ แต่ถ้าจะนอนคืนนี้เลย
คุณก็นอนที่โซฟาก่อนนะครับ”
“ผมยังไงก็ได้ครับ ขอแค่มีที่นอน”
ผู้ชายที่สวมผ้าปิดปากบอก
“โอเค งั้นตกลงตามนี้นะครับ เชิญคุณไปคุยกับผมเรื่องสัญญานิดหน่อย
เมื่อกี้คุณบอกว่าจะคุยกับผมเรื่องนี้” จงแดหันมาบอกผู้ชายผิวเข้ม
“ครับ”
จงแดเดินออกไปกับผู้ชายผิวเข้ม
ตอนนี้ผู้ชายที่ปกปิดใบหน้าของเขากำลังเดินถือกระเป๋าลากมาที่โซฟา
ก่อนจะถอดทุกอย่างออกจากหัว
“ลู่หาน!!” มินซอกเผลออุทานออกมาแปลกใจ
คนถูกเรียกหันมามองหน้ามินซอกด้วยสายตาเรียบ ๆ ก่อนจะจัดการตัวเองต่อไป
“ทำไมคุณลู่หานถึงย้ายมาที่นี่กะทันหันแบบนี้ล่ะครับ”
ชานยอลถามลู่หาน เขามองหน้าชานยอลแล้วยิ้มให้
“พอดีว่าผมเจอพวกซาแซงดักรออยู่ที่หน้าบ้านหลังกลับจากคุยเรื่องถ่ายโฆษณาน่ะครับ
จงอินเลยไม่อยากให้ผมโดนทำร้ายอีกซ้ำสอง
เขาเลยพาผมมาที่นี่เพราะเขาเห็นประกาศในเว็บไซน์” ลู่หานบอกชานยอล
ก่อนจะปรายตามองมินซอกเล็กน้อย ก่อนจะเดินลากกระเป๋ามาใกล้ ๆ
ตอนนี้มินซอกมองลู่หานด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาอยู่ใต้ชายค้าเดียวกับเขาเลย มินซอกมองหน้าชานยอล
ก่อนจะส่งซิกให้หันกลับมากระซิบกัน
“เดี๋ยวนายเอาผ้าห่มในห้องนั้นมาให้เขาก่อนแล้วกัน
ฉันไม่อยากพูดมากกับหมอนี่เท่าไหร่” มินซอกบอก
“อ้าว ทำไมล่ะ เขาเป็นดาราดังเลยนะ ไม่อยากรู้จักเป็นการส่วนตัวบ้างหรอ”
ชานยอลแกล้งพูดออกมาเสียงดัง ๆ ให้ลู่หานได้ยิน
“รู้จักไปคนเดียวเหอะ ฉันไปล่ะ” พูดจบ
มินซอกก็เดินขึ้นไปข้างบนทันที จนลู่หานเรียกตามไม่ทัน
“ดะ.. เดี๋ยว..สิ” ลู่หานยืนมองเก้อ
ก่อนจะเห็นว่าชานยอลยืนมองเขานิ่ง ๆ
“เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาผ้าห่มมาให้คุณแล้วกันนะครับ
ถ้านอนไม่สบาย คุณจะนอนที่พรมก็ได้นะ ผมเพิ่งส่งซักไปเมื่อวาน
วันนี้ก็คงไม่สกปรกมากหรอก” ชานยอลบอกแล้วชี้ไปที่พรมข้างล่างที่ลู่หานยืนอยู่
ลู่หานมองตามก่อนจะยิ้มให้ชานยอล
“โอเคเลยครับ ขอบคุณนะครับ” ลู่หานบอก
ชานยอลเดินขึ้นไปข้างบนแล้วเอาผ้าห่มลงมาให้ลู่หานแล้วเดินขึ้นไปข้างบน
ลู่หานยืนคว้างกลางบ้านอย่างงุนงง ไม่คิดจะบอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหนบ้างหรอกหรอ
ลู่หานเดินวนรอบ ๆ ตัวบ้านก่อนจะเจอห้องน้ำชั้นล่างอยู่ใกล้ ๆ
กับห้องเก็บข้างชั้นใต้บันได ลู่หานจัดการตัวเองในห้องน้ำแล้วเดินมานอนที่โซฟา และเอาบทหนังมาอ่าน
เสียงเครื่องดนตรีประเภทสายดังขึ้น ลู่หานสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้เขาอยู่คนเดียว
ลู่หานนิ่งแล้วฟัง ก่อนจะรู้ว่ามันไม่ใช่เสียงที่ไม่มีคนเล่นจริง ๆ
แล้วประตูห้องที่อยู่ใกล้ ๆ บันไดตรงชั้นสองก็เปิดออก
เขาเห็นเพื่อนชาวจีนที่เจอกันในวันนั้นเดินออกมา เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นลู่หานมานอนที่โซฟา
“ทำไมคุณมานอนที่นี่ล่ะ” อี้ฟานถาม
ลู่หานลุกขึ้นนั่งแล้วเกาหัวเล็กน้อย
“พอดีว่าโดนแฟนคลับตามน่ะ ผมเลยหาที่นอนใหม่
แล้วก็เจอที่นี่ ห้องข้างบนยังมีห้องว่างใช่ไหมครับ”
“ว่างนะ แต่ถ้าจะเข้าไปนอนเลย
มันคงจะเหม็นกลิ่นอับหน้าดู พรุ่งนี้ถ้าทำความสะอาดก็คงจะเข้าไปนอนได้”
“มันกะทันหันไปหน่อยนะ ผมเลยโดนไล่มานอนที่นี่”
“มินซอกไล่มาสินะ”
“ครับ? ผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนั้น ชื่อ..
มินซอกหรอครับ”
“ใช่ คิม มินซอก เขาก็เป็นแบบนี้ล่ะ” อี้ฟานบอก
ลู่หานพยักหน้าอย่างรู้สึกดี
ตอนนี้เขารู้ชื่อของผู้ชายคนนั้นแล้วสินะ ชื่อ คิม มินซอก
อี้ฟานมองลู่หานที่ยิ้มอยู่คนเดียวอย่างแปลกใจ
ก่อนจะเดินไปที่ครัวเพื่อหาน้ำกินแก้กระหายแล้วเดินมาหาลู่หาน
“ถ้าหิวคุณก็หาอะไรในตู้เย็นกินได้นะครับ
แต่อย่าลืมซื้อมาใส่ด้วยล่ะ เดี๋ยวมินซอกจะบ่น”
พูดจบอี้ฟานก็ก้มหัวให้ลู่หานเล็กน้อย แล้วเดินขึ้นห้องไป
“คิม – มิน – ซอก เรารู้จักกันแล้วสินะ”
.
.
อี้ฟานเดินเข้าห้องนอนอย่างเบื่อหน่าย
วันนี้เขาก็ยังคิดอะไรไม่ค่อยออกอยู่ดี แรงบันดาลใจที่ว่านี้มันอยู่ที่ไหนนะ
เขาเคยคิดว่าถ้าได้เดินทางมาที่ประเทศเกาหลีแบบนี้ เขาคงจะแต่งเพลงอะไรออกได้บ้าง
เพราะมันเป็นประเทศที่แฟนเก่าของเขาเคยอยู่ ใช่แฟนเก่าของเขาที่ชื่อ จอง ซูยอน...
ปี๊บ...
เสียงข้อความจากคอมพิวเตอร์ที่ดังขึ้นมา
ทำให้อี้ฟานหันไปมองที่หน้าจออย่างสนใจ เขาเดินมากดดูข้อความแชทที่เปิดค้างไว้
‘อย่าลืมมางานแต่งงานของฉันนะ’
อี้ฟานนั่งนิ่งมองข้อความนั้น
เป็นการ์ดงานแต่งงานที่มีรูปแบบสวยหรูตามสไตล์ของจอง ซูยอน
ผู้ชายที่ยืนคู่กับเธอเป็นชาวต่างชาติที่ชื่อเดวิด
เขาเคยเจอครั้งเดียวที่ฝรั่งเศสตอนที่เขาไปเล่นดนตรีสดให้งานแต่งของเพื่อนเขาและการเจอกันโดยบังเอิญครั้งนั้น
ทำให้ความรู้สึกที่ยังมีแต่เธอถูกดึงขึ้นมาจากก้นบึง เขาไม่เคยลืมเธอไปจากใจได้
แม้จะผ่านมาห้าปีแล้ว มีแค่คำทักทายและรอยยิ้มจากเธอเท่านั้น
อี้ฟานเลยทำได้แค่พยายามพูดให้เป็นปกติ
‘ฉันกำลังจะแต่งงานล่ะ
อยากให้นายมานะ’
มันให้ความรู้สึกที่เรียกว่าเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาที่อกข้างซ้ายทันที
การฝืนยิ้มครั้งนั้นทำให้อี้ฟานไม่สามารถยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุขอีกเลย เขากุมอกข้างซ้ายไว้แล้วยิ้มออกมา
มันคงถึงเวลาที่เขาต้องเปิดประตูหัวใจรับใครเข้ามาได้แล้วสินะ
“ฉันจะไปนะ”
.
.
เช้าวันใหม่กับบ้านหลังใหม่ของลู่หาน ลู่หานตื่นเช้ากว่าปกติเพราะแสงแดดที่ส่องลงมาแยงตาเขา
ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ และการนอนที่โซฟามันทำให้เขาปวดหลัง
เขาเลยต้องลากสังขารตัวเองมานอนที่พรมตอนตีหนึ่งเศษได้
เสียงเดินลงบันไดพร้อมกับเสียงหาวของใครบางคน ลู่หานขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะ
“โอ๊ย!”
“อ๊ะ!”
เท้านั้นเดินมาเหยียบที่ขาของลู่หานอย่างจัง
ลู่หานตาสว่างขึ้นมาทันทีแล้วเงยหน้าขึ้นมาดูว่าใครกันที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้
“ทำไมคุณมานอนที่พรมแบบนี้ล่ะ
แถมยังนอนขวางทางเดินอีก” มินซอกบ่น ก่อนจะเดินไปที่ครัวหน้าตาเฉย
ลู่หานเกาหัวและมองตามอย่างอารมณ์เสีย
นี่เขากลายเป็นคนผิดทั้งที่โดนมินซอกเหยียบขาไป ลู่หานลุกขึ้นแล้วเดินตามมินซอกไป
“คุณเป็นพวกไร้มารยาทแบบนี้ตั้งแต่เด็กหรอ”
ลู่หานเท้าคางที่โต๊ะแล้วถาม มินซอกปรายตามองมาอย่างหงุดหงิด
“อยากได้คำขอโทษ แต่ทำตัวไม่น่าให้ขอโทษเลยนะ”
มินซอกบอกแล้วดื่มนมที่ถืออยู่จนเกือบหมดแก้ว
“บางทีคำขอโทษมันก็ควรจะออกมาจากปากทันทีที่ทำผิดนะครับ
คุณหมอมินซอก” พูดจบ มินซอกสำลักนมออกมาทันที ลู่หานแอบขำที่เขาทำให้หมอหนุ่มสำลักนมจนพูดไม่ออกได้
“นี่คุณ! ใครบอกชื่อผมให้คุณ”
มินซอกหันมาชี้หน้าใส่ลู่หาน ลู่หานไม่สนใจ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทันที
“อย่าคิดว่ารู้จักชื่อแล้วจะยอมพูดดีด้วยเลย
ไอ้ตอไม้!” มินซอกแอบบ่นตามหลัง
ไม่นานชานยอลก็เดินลงมาที่ครัวเพื่อทำอาหาร
วันนี้ชานยอลดูหาวบ่อยเกินไป จนมินซอกอดสงสัยไม่ได้ว่า
เมื่อคืนหลังจากที่เข้าห้องแต่ละคนไปชานยอลมันทำอะไรอยู่ หรือว่าจะเป็น...
“อุบาศก์!” มินซอกเผลอพูดออกมา
จนชานยอลหันมามอง
“พี่ว่าใคร”
สายตาที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ได้อยู่ในโหมดร่าเริงนั้น
มินซอกถึงกับต้องส่ายหน้ารัว ๆ ให้ชานยอล
“เปล่า ๆ ฉันว่าตัวเองอ่ะ อุบาศก์ ที่วันนั้นไปจิ้มไข่หลานมันเล่นน่ะ”
มินซอกบอก
“แน่ใจ... ไม่ได้คิดอะไรอุบาศก์กับผมนะ”
ชานยอลยังคงขมวดคิ้วถามมินซอกอยู่
“แน่ใจสิ เอ... หลายเดือนแล้วนะที่ไม่ได้กลับบ้านไปหาหลาน
ป่านนี้ไอ้หมาน้อยมันจะโตขนาดไหนแล้วนะ” พูดจบ
มินซอกก็แกล้งเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ชานยอลมองมินซอกสักครู่แล้วหันไปสนใจอาหารที่เขากำลังทำค้างไว้ต่อ
ลู่หานเดินออกมาจากห้องน้ำ
พร้อมกับอี้ฟานที่เดินลงบันไดมาพอดี ทั้งสองคนยิ้มให้กัน
ก่อนที่อี้ฟานจะเดินมาหยิบขวดน้ำในตู้เย็นไปดื่ม
ลู่หานเช็ดหน้าของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารบ้าง เขาเห็นมินซอกยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านจนแทบไม่เห็นตัว
ลู่หานมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่า วันนี้เขาคงต้องรีบอีกสักนิดแล้ว
“ให้ผมช่วยไหมครับ” ลู่หานเดินมาถามชานยอล
มินซอกที่สนใจหนังสือพิมพ์อยู่กับลดระดับหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองมาที่ลู่หาน
“ก็ดีนะครับ ถ้าคุณรีบ” ชานยอลบอก ใบหน้าของเขายังคงไม่ดีนัก
หนังตาที่เหมือนจะปิดตลอดเวลานั้น ทำให้ลู่หานนึกถึงตัวการ์ตูนที่ชื่อการ์ฟิลล์จริง
ๆ
“ดีนี่ เป็นเด็กใหม่ต้องหัดช่วยเหลือกันบ้าง”
มินซอกบอก แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์
ลู่หานรู้สึกว่า
เขากับมินซอกต้องเคยมีอดีตที่ไม่ดีต่อกันแน่ ๆ
เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรมินซอกก็ดูจะขัดขาเขาอยู่ตลอดเวลา
“พอดีว่าเป็นคนมีมารยาท ที่บ้านสอนมาดีครับ”
ลู่หานบอก มินซอกหันขวับไปมองลู่หานที่เป็นลูกมือช่วยชานยอลอยู่ เขาจึงทำได้แต่สบถเบา
ๆ เพราะยังคิดคำพูดมาตอกกลับลู่หานไม่ออก
“อี้ฟาน.. คุณเป็นคนเมืองไหนหรอ” อยู่ ๆ
ลู่หานก็เบนความสนใจไปที่เพื่อนชาวจีนของเขา อี้ฟานเลิกคิ้วมองลู่หานก่อนจะตอบ
“กวางโจวน่ะครับ คุณล่ะ”
“ปักกิ่งน่ะ” ลู่หานตอบแล้วหันไปจัดจานช่วยชานยอลต่อ
บทสนทนาภาษาจีนก็ตามหลังมาเรื่อย ๆ จนชานยอลที่ทำอาหารอยู่ข้าง
ๆ มองมาที่มินซอกก่อนจะทำหน้าเอือมให้กัน ตอนนี้บรรยากาศเหมือนกับไปเที่ยวเมืองนอกและเจอกับประโยคที่ไม่คุ้นหู
สองคนนั้นยังคงพูดภาษาจีนใส่กันอย่างเมามันส์จนชานยอลทำอาหารเสร็จ
ถ้ามินซอกฟังออกและหมอนั่นพูดถึงเขาไม่ดีแล้วละก็ พ่อจะโบกให้สักสิบทีเลย
“ไม่อร่อยหรอ” ชานยอลสะกิดแขนมินซอกถามเมื่อเห็นว่ามินซอกกำลังเขี่ยข้าวในจานเล่น
เขาคงรู้สึกว่าควรมีอะไรพูดบ้างก่อนจะได้กลายเป็นคนใบ้
“ฉันไม่หิวเท่าไหร่น่ะ ฝากเก็บจานด้วยนะ”
พูดจบมินซอกก็ลุกไปทันที เพราะเขาขี้เกียจที่จะนั่งฟังสองหนุ่มชาวจีนเม้าท์กัน
ชานยอลมองตามอย่างเอือม ๆ
“แปลงเพศเถอะ.. ถ้ายังเอาใจยากแบบนี้นะ”
ชานยอลบ่นออกมาอย่างขัดใจ
“ผมว่า.. เขาควรจะหาใครสักคนคุยด้วยนะครับ”
อี้ฟานหันมาบอกชานยอลด้วยภาษาที่เขาเข้าใจแล้ว
ชานยอลหันมามองอี้ฟานด้วยสายตาที่แบบว่า พวกลื้อเพิ่งเห็นหัวอั๊วหรือวะ
“พี่อี้ฟานก็หาให้สิ พี่มินซอกเขาจะได้หมดยุคโลกมืดสักที”
ชานยอลบอกแบบปัด ๆ
“เขาชอบคนแบบล่ะ เดี๋ยวผมจะลองหาให้”
ลู่หานบอกอย่างไม่ใส่ใจ
แต่มันทำให้ชานยอลถึงกับตาสว่างเลย เพราะเขาพอจะดูออกว่าลู่หานมีแววที่จะต่อกรกับอารมณ์ขึ้น
ๆ ลง ๆ ของมินซอกได้ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว มินซอกจะชอบพูดกับชางมินตอนที่เขายังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้
แต่หลังจากที่เลิกกับชางมินไป มินซอกก็กลายเป็นคนที่คิดอะไรก็พูด
พูดไม่รักษาน้ำใจคนอื่น ทำให้ชานยอลรับมือแทบไม่ทัน ตอนที่มินซอกบอกเขาให้ไปตายซะ
ความอ่อนโยนของมินซอกถูกทิ้งและหายไปกับรักครั้งนั้น ทุกวันนี้มินซอกก็เลยกลายเป็นคนที่ใคร
ๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้เพราะคำพูดที่เหมือนกรรไกรอันแหลมคมของเขานั่นเอง
“คุณก็ลองจีบพี่มินซอกดูสิ ผมว่าคุณสู้เขาได้อยู่นะ”
ชานยอลหันมาบอกเล่น ๆ ปนขำขัน
ลู่หานสำลักข้าวเล็กน้อย
ก่อนจะดื่มน้ำเข้าไปเพื่อให้หาย แล้วค่อย ๆ หันมามองหน้าชานยอลอย่างแปลกใจ
ที่เขาได้ยินข้อเสนอที่ดูจะขนลุกตั้งแต่หัวไปจนถึงหน้าแข้ง อี้ฟานเองก็มองมาเหมือนกัน
เขาอยากรู้ว่าลู่หานจะตอบรับไหม
“เขาไม่ชอบผู้หญิงหรอ”
“ใช่ พี่เขาไม่ชอบผู้หญิง”
ชานยอลบอกแล้วตักข้าวกินต่อไป
ลู่หานนิ่งไปสักครู่เพื่อชั่งใจกับเรื่องนี้
อี้ฟานที่นิ่งไปก็แอบฟังคำตอบของเขาอยู่เหมือนกัน
ความเงียบเกิดขึ้นประมาณหนึ่งนาทีได้
“ถ้าผมจีบเขาได้ จะมีการตบรางวัลให้อย่างงามไหม”
.
.
คยองซูปั่นจักรยานมาที่โรงเรียนในตอนเช้า
เขาเห็นชานยอลกำลังเดินไปทำงานอยู่ คยองซูเลยยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา เขายังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการเข้าเรียน
ชานยอลเดินเสียบหูฟังมาตามทางเรื่อย ๆ
จึงไม่ได้ยินเสียงเดินตามของคยองซูที่เขากำลังจูงจักรยานเดินตามมา
ชานยอลเดินเลี้ยวเข้าอู่รถอย่างไม่รู้สึกตัว คยองซูเดินเลยอู่ไปนิดหน่อย ก่อนจะหันหน้ามองเข้าไปข้างในอู่รถ
เขาเห็นชานยอลใส่ชุดหมีสีเทาของช่างซ่อมรถเดินแบกอุปกรณ์มาที่รถตู้คนหนึ่ง
เขากำลังเช็กสภาพรถอยู่ คยองซูยืนมองชานยอลแล้วยิ้มออกมา
สักวันเขาต้องได้ทำงานแบบนี้เหมือนชานยอลบ้าง
“เห้ย ชานยอลขอปะแจเบอร์เก้าหน่อยสิวะ
อยู่ที่มึงป่ะ”
เสียงตะโกนจากเพื่อนร่วมงานของชานยอลถาม คยองซูเห็นชานยอลนั่งลงค้นหาของในกล่องเครื่องมือก่อนจะเดินไปให้เพื่อนที่ซ่อมรถอยู่อีกฝั่ง
การทำงานในอู่ซ่อมรถดูน่าสนุก
คยองซูยืนสักครู่แล้วควบจักรยานเพื่อปั่นไปยังโรงเรียนของเขาที่ตอนนี้เวลานี้ประตูโรงเรียนกำลังจะปิดแล้ว
“รอก่อนครับ!!”
คยองซูตะโกนบอกภารโรงที่กำลังจะปิดประตู
ก่อนจะเร่งฝีเท้าปั่นผ่านเข้าประตูโรงเรียนมาได้อย่างหวุดหวิด
“ใครใช้ให้นายมาโรงเรียนสายแบบนี้ โด คยองซู”
อาจารย์เวรเฝ้าประตูวันนี้ถาม
“เออ... พอดีว่าผมท้องเสียนิดหน่อยน่ะครับ
เลยเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย อาจารย์ฮีชอลคงไม่ว่าใช่ไหมครับ” คยองซูแกล้งทำหน้าปวดท้องละกุมท้องไว้
“ไม่สบาย ทำไมไม่หยุดล่ะ แล้วค่อยมาเขียนใบลาก็ได้
ท้องเสียแน่นะ”
“แน่สิครับ แต่ตอนนี้ผมกินยาหยุดไปแล้ว
แต่ก็อาจจะมีปวดท้องบ้าง” คยองซูบอก
อาจารย์ฮีชอลถามอีกไม่กี่อย่างก็ปล่อยให้คยองซูเดินไปเข้าห้องเรียนได้
เพราะใกล้เวลาโฮมรูมของโรงเรียนแล้ว คยองซูแอบยิ้มอย่างดีใจที่อาจารย์ไม่ลงโทษเขา วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่า
เขาจะตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบซูนึงให้ได้คะแนนเยอะ เขาจะต้องเข้าคณะวิศวะให้ได้
.
.
อี้ฟานออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะยออีโด*
ที่อยู่ตรงข้ามรัฐสภา เขาค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซลจากอินเตอร์เน็ต ก่อนจะเห็นที่นี่ใกล้และน่าสนใจที่สุด
อี้ฟานหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายภาพมุมต่าง ๆ ของสวนไว้
ก่อนจะเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตามาก ถึงแม้ว่าเขาจะเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตาม
“จุนมยอน?”
อี้ฟานมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจนอีกครั้ง
ก่อนจะเห็นจุนมยอนวิ่งมาหาเขาอย่างดีใจ จุนมยอนวิ่งมาหยุดตรงหน้าอี้ฟาน
ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้
“แฮ่ก! ผมตามคุณเกือบไม่ทันน่ะ แฮ่ก!
นึกว่าคุณจะเดินไปไกลกว่านี้ซะแล้ว” เขาบอก
อี้ฟานมองจุนมยอนอย่างแปลกใจ ที่เขาเจอเกือบทุกที่ที่ออกมาข้างนอก
อี้ฟานรับขวดน้ำมาก่อนจะถ่ายรูปจุนมยอนที่อยู่ในสภาพมีเหงื่อเม็ดโตเกาะอยู่บนใบหน้ายืนหายใจหอบอยู่
อี้ฟานถ่ายภาพเอาไว้ก่อนจะดูภาพและถ่ายอีกครั้งเพื่อให้ภาพออกมาดูสวย
“คุณเป็นช่างภาพด้วยหรอครับ”
จุนมยอนถามหลังจากที่เขาเริ่มหายใจเป็นปกติ อี้ฟานยิ้มให้แทนคำตอบ ทำให้จุนมยอนไม่เข้าใจความหมายของคำตอบนั้น
อี้ฟานเดินออกไปตามทางเท้า จุนมยอนเลยรีบเดินตามอี้ฟาน วันนี้เขาดูแปลก
ไม่เห็นถามหรือรำคาญอะไร เอาแต่ถ่ายรูป แล้วอย่างนี้จุนมยอนจะทำอะไรดีล่ะ
“พอดีว่าผมกำลังไปหาคุณที่บ้าน แต่ผมเห็นคุณที่สถานีรถไฟพอดี
ผมเลยตามคุณมาน่ะ” จุนมยอนไม่รู้ว่าเขาจะบอกทำไมว่ากำลังตามอี้ฟานมา
อี้ฟานยังคงสนใจถ่ายรูปต่อไปเรื่อย ๆ จุนมยอนรู้สึกอัดอึดนิดหน่อยที่อี้ฟานไม่พูดอะไรแล้วเอาแต่ถ่ายรูป
“ถ้าคุณรำคาญ คุณบอกผมก็ได้นะ แล้วผมจะไปทันที”
จุนมยอนบอก เขาก้มหน้าลงเพราะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่เขาอึดอัดแบบนี้
“ทำไมคุณคิดอย่างนั้นล่ะ” อี้ฟานถาม
จุนมยอนเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นอี้ฟานยิ้ม
“คุณไม่ได้รำคาญผมหรอ”
“ผมจะรำคาญเพื่อนที่หวังดีกับผมทำไมล่ะ
คุณมาที่นี่ เพราะกลัวผมเหงาใช่ไหม” อี้ฟานถาม จุนมยอนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่อี้ฟานไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
จุนมยอนพยักหน้าให้อี้ฟาน
“หรือว่าไม่ใช่”
“ใช่ครับ ๆ คือผมกลัวคุณเหงา และผมเองก็...
เหงาด้วย”
“งั้นก็มาถ่ายรูปที่นี่กันเถอะ
คุณชอบถ่ายรูปไม่ใช่หรอ” อี้ฟานบอก ก่อนจะถ่ายรูปจุนมยอนที่กำลังยิ้มเอาไว้
“ก็... ผมชอบถ่ายรูป แต่ผมก็ทำมันได้ไม่ดีเท่าไหร่”
จุนมยอนหลุบตาลงด้วยความอายที่คิดถึงฝีมือการถ่ายรูปของตัวเองที่ดูเหมือนเด็ก ๆ
ถ่ายกันทั่วไป
“การถ่ายรูปของคนแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันหรอกครับ
มันอยู่ที่มุมมอง คุณก็มีมุมมองของคุณ ผมก็มีมุมมองของผม เพราะฉะนั้น ใช้สิ่งเหล่านั้นมาวัดกันไม่ได้หรอก
คุณถ่ายรูปไปเถอะ ถ่ายไปจนกว่าคุณจะเห็นมุมมองของตัวเองที่คุณคิดว่าดีและทำให้คนอื่นมองมันว่าดีด้วย”
อี้ฟานบอก จุนมยอนทึ่งในความคิดของอี้ฟาน ที่ทำเอาเขาเปิดโลกของตัวเองมากขึ้น
จุนมยอนหยิบกล้องของเขาออกมา ก่อนจะถ่ายรูปอี้ฟานที่กำลังยกกล้องขึ้นและเล็งถ่าย
แชะ!
มันเป็นภาพถ่ายที่ไม่รู้ตัวของอี้ฟานอีกรูปที่จุนมยอนประทับใจ
ผู้ชายคนนี้ มีอะไรให้เขาค้นหามากกว่ารูปร่างและหาตาเยอะ
“คุณถ่ายรูปผมตอนเผลออีกแล้วนะ”
TBC…
ไรท์ทอล์ค : พี่ลู่เข้ามาอยู่ในบ้านล่ะ
น้องคยองก็แอบเป็นสโตกเกอร์เบา ๆ อิอิ ส่วนพี่ฟานก็หล่อไปเถอะ เราอยากให้หล่อ 5555555
ฟิคเรื่องนี้มันค่อนข้างจะเรื่อย ๆ นะ เพราะเราอยากให้มันสบาย ๆ
ตอนหน้าก็เดินเรื่องไปสู่ความคืบหน้าของลู่หมินกันเต็ม ๆ เลย พี่จัดเต็มล่ะ
พี่ลู่จะจีบพี่หมินยังไง รออ่านเลยจ้า อ่านแล้วคอมเม้นให้กันบ้างนะ เป็นกำลังใจให้กันไง
ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้
เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด
รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^
ความคิดเห็น