ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #9 : Love Gray :: Chapter 8 New neighbor

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 59




     


    Chapter 8 – New neighbor

     

    .

    .

     

    กริ๊งงงงง.......

     

    ลู่หานกดกริ่งเรียกคนในบ้านอย่างรีบร้อน เสียงฝีเท้าที่วิ่งดังใกล้เข้ามา แล้วประตูก็เปิดออก คนตรงหน้ามองเขาอย่างสงสัย

     

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าของบ้านถาม

     

    “ผมขอโทษที่ผมมารบกวนคุณตอนนี้นะครับ แต่ผมต้องการเช่าห้องในบ้านของคุณน่ะครับ เห็นคุณประกาศไว้ในเว็บไซน์” ลู่หานบอก

     

    “อ๋อ... ใช่ครับ บ้านเช่าผมเหลืออยู่อีกห้องหนึ่งน่ะครับ ที่จริงผมติดประกาศไปนานมากแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีใครติดต่อมาสักที แต่ว่า... คุณไม่น่ารีบร้อนมากันตอนนี้เลยนะครับ”

     

    “ไม่ได้หรอกครับ พวกเราไม่มีที่จะไปจริง ๆ พวกเราขอเข้าพักวันนี้เลยได้ไหมครับ”

     

    “เออ... ผมเกรงว่า...”

     

    “ผมจะจ่ายค่ามัดจำและค่าห้องล่วงหน้าอีกสามเดือนเลยนะครับ ส่วนเรื่องสัญญา เดี๋ยวผมจะเข้ามาคุยกับคุณ แต่ตอนนี้ ผมต้องการให้เพื่อนผมเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณก่อนได้ไหมครับ” จงอินบอกเจ้าของบ้านแทนลู่หาน

     

    “เออ... คือห้องนั้นไม่มีคนอยู่มานานมาแล้วนะครับ เกรงว่าฝุ่นมันจะ...”

     

    “ขอร้องล่ะครับ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตาดำด้วยนะครับ”

     

    “เออ... ก็ได้ครับ”

     

    เมื่อเจ้าของบ้านตกลง เขาก็เดินนำลู่หานและจงอินมาที่บ้านพักทันที ลู่หานรู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ เขาเดินตามเจ้าของบ้านมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าบ้าน ไฟสว่างจ้าทั้งบ้าน ทำให้รู้ว่ามีคนอยู่ เจ้าของบ้านเดินนำเข้าไปในบ้านทันที

     

    “ทำไมล่ะ ฉันรักนายนะ ฉันรักนาย ฉันรักนายมากด้วย ม๊วฟ ๆ ๆ ๆ”

     

    เสียงพูดคุยที่ดังออกมาจากบริเวณห้องรับแขกของบ้าน ทำให้ทุกคนหันไปสนใจ ภาพของชายหนุ่มสองคนกำลังกอดกันอยู่ที่โซฟา ลู่หานตกใจเล็กน้อยที่เขาเห็นว่าคนที่เขาคิดว่าน่าจะรู้จักอยู่ตรงนั้น

     

    “พวกเขาสองคนเป็นเกย์หรอ”

     

    เป็นจงอินที่พูดขึ้นมา ทั้งสองคนได้ยินเสียงจงอินก็รีบหันมามอง ก่อนจะรีบผละออกจากกันอย่างตกใจ

     

    “นายพาใครมาน่ะจงแด” ชานยอลเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเขาเห็นผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ จงแด คนหนึ่งผิวเข้มมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ อีกคนก็ใส่แว่นดำและผ้าปิดปากจนแทบมองไม่เห็นใบหน้า

     

    “เขามาขออยู่ห้องว่างนี้กะทันหันน่ะ เขาบอกว่ามีเหตุจำเป็นต้องรีบย้ายเข้ามาทันที เออ... คราวหลังจะทำอะไรกันก็... ในห้องนะ..”

     

    “จะบ้าหรอไงจงแด!! ฉันกับชานยอลแค่แหย่กันเล่นน่ะ ...ห้องนั้นมันไม่ได้ใช้มานาน ฝุ่นคงเยอะ ถ้าพวกคุณแค่จะมานอน ก็นอนที่โซฟาก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกกันเปล่า ๆ” มินซอกบอกอย่างเขินอาย เขาแค่รู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่มองมาของผู้ชายผิวเข้ม

     

    “พวกคุณว่ายังไงล่ะครับ ถ้าพวกคุณมาพรุ่งนี้มันจะสะดวกกว่านี้นะ แต่ถ้าจะนอนคืนนี้เลย คุณก็นอนที่โซฟาก่อนนะครับ”

     

    “ผมยังไงก็ได้ครับ ขอแค่มีที่นอน” ผู้ชายที่สวมผ้าปิดปากบอก

     

    “โอเค งั้นตกลงตามนี้นะครับ เชิญคุณไปคุยกับผมเรื่องสัญญานิดหน่อย เมื่อกี้คุณบอกว่าจะคุยกับผมเรื่องนี้” จงแดหันมาบอกผู้ชายผิวเข้ม

     

    “ครับ”

     

    จงแดเดินออกไปกับผู้ชายผิวเข้ม ตอนนี้ผู้ชายที่ปกปิดใบหน้าของเขากำลังเดินถือกระเป๋าลากมาที่โซฟา ก่อนจะถอดทุกอย่างออกจากหัว

     

    “ลู่หาน!!” มินซอกเผลออุทานออกมาแปลกใจ คนถูกเรียกหันมามองหน้ามินซอกด้วยสายตาเรียบ ๆ ก่อนจะจัดการตัวเองต่อไป

     

    “ทำไมคุณลู่หานถึงย้ายมาที่นี่กะทันหันแบบนี้ล่ะครับ” ชานยอลถามลู่หาน เขามองหน้าชานยอลแล้วยิ้มให้

     

    “พอดีว่าผมเจอพวกซาแซงดักรออยู่ที่หน้าบ้านหลังกลับจากคุยเรื่องถ่ายโฆษณาน่ะครับ จงอินเลยไม่อยากให้ผมโดนทำร้ายอีกซ้ำสอง เขาเลยพาผมมาที่นี่เพราะเขาเห็นประกาศในเว็บไซน์” ลู่หานบอกชานยอล ก่อนจะปรายตามองมินซอกเล็กน้อย ก่อนจะเดินลากกระเป๋ามาใกล้ ๆ

     

    ตอนนี้มินซอกมองลู่หานด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาอยู่ใต้ชายค้าเดียวกับเขาเลย มินซอกมองหน้าชานยอล ก่อนจะส่งซิกให้หันกลับมากระซิบกัน

     

    “เดี๋ยวนายเอาผ้าห่มในห้องนั้นมาให้เขาก่อนแล้วกัน ฉันไม่อยากพูดมากกับหมอนี่เท่าไหร่” มินซอกบอก

     

    “อ้าว ทำไมล่ะ เขาเป็นดาราดังเลยนะ ไม่อยากรู้จักเป็นการส่วนตัวบ้างหรอ” ชานยอลแกล้งพูดออกมาเสียงดัง ๆ ให้ลู่หานได้ยิน

     

    “รู้จักไปคนเดียวเหอะ ฉันไปล่ะ” พูดจบ มินซอกก็เดินขึ้นไปข้างบนทันที จนลู่หานเรียกตามไม่ทัน

     

    “ดะ.. เดี๋ยว..สิ” ลู่หานยืนมองเก้อ ก่อนจะเห็นว่าชานยอลยืนมองเขานิ่ง ๆ

     

    “เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาผ้าห่มมาให้คุณแล้วกันนะครับ ถ้านอนไม่สบาย คุณจะนอนที่พรมก็ได้นะ ผมเพิ่งส่งซักไปเมื่อวาน วันนี้ก็คงไม่สกปรกมากหรอก” ชานยอลบอกแล้วชี้ไปที่พรมข้างล่างที่ลู่หานยืนอยู่ ลู่หานมองตามก่อนจะยิ้มให้ชานยอล

     

    “โอเคเลยครับ ขอบคุณนะครับ” ลู่หานบอก

     

    ชานยอลเดินขึ้นไปข้างบนแล้วเอาผ้าห่มลงมาให้ลู่หานแล้วเดินขึ้นไปข้างบน ลู่หานยืนคว้างกลางบ้านอย่างงุนงง ไม่คิดจะบอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหนบ้างหรอกหรอ ลู่หานเดินวนรอบ ๆ ตัวบ้านก่อนจะเจอห้องน้ำชั้นล่างอยู่ใกล้ ๆ กับห้องเก็บข้างชั้นใต้บันได ลู่หานจัดการตัวเองในห้องน้ำแล้วเดินมานอนที่โซฟา และเอาบทหนังมาอ่าน เสียงเครื่องดนตรีประเภทสายดังขึ้น ลู่หานสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้เขาอยู่คนเดียว ลู่หานนิ่งแล้วฟัง ก่อนจะรู้ว่ามันไม่ใช่เสียงที่ไม่มีคนเล่นจริง ๆ แล้วประตูห้องที่อยู่ใกล้ ๆ บันไดตรงชั้นสองก็เปิดออก เขาเห็นเพื่อนชาวจีนที่เจอกันในวันนั้นเดินออกมา เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นลู่หานมานอนที่โซฟา

     

    “ทำไมคุณมานอนที่นี่ล่ะ” อี้ฟานถาม ลู่หานลุกขึ้นนั่งแล้วเกาหัวเล็กน้อย

     

    “พอดีว่าโดนแฟนคลับตามน่ะ ผมเลยหาที่นอนใหม่ แล้วก็เจอที่นี่ ห้องข้างบนยังมีห้องว่างใช่ไหมครับ”

     

    “ว่างนะ แต่ถ้าจะเข้าไปนอนเลย มันคงจะเหม็นกลิ่นอับหน้าดู พรุ่งนี้ถ้าทำความสะอาดก็คงจะเข้าไปนอนได้”

     

    “มันกะทันหันไปหน่อยนะ ผมเลยโดนไล่มานอนที่นี่”

     

    “มินซอกไล่มาสินะ”

     

    “ครับ? ผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนั้น ชื่อ.. มินซอกหรอครับ”

     

    “ใช่ คิม มินซอก เขาก็เป็นแบบนี้ล่ะ” อี้ฟานบอก

     

    ลู่หานพยักหน้าอย่างรู้สึกดี ตอนนี้เขารู้ชื่อของผู้ชายคนนั้นแล้วสินะ ชื่อ คิม มินซอก อี้ฟานมองลู่หานที่ยิ้มอยู่คนเดียวอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินไปที่ครัวเพื่อหาน้ำกินแก้กระหายแล้วเดินมาหาลู่หาน

     

    “ถ้าหิวคุณก็หาอะไรในตู้เย็นกินได้นะครับ แต่อย่าลืมซื้อมาใส่ด้วยล่ะ เดี๋ยวมินซอกจะบ่น” พูดจบอี้ฟานก็ก้มหัวให้ลู่หานเล็กน้อย แล้วเดินขึ้นห้องไป

     

    “คิม – มิน – ซอก เรารู้จักกันแล้วสินะ”

     

    .

    .

     

    อี้ฟานเดินเข้าห้องนอนอย่างเบื่อหน่าย วันนี้เขาก็ยังคิดอะไรไม่ค่อยออกอยู่ดี แรงบันดาลใจที่ว่านี้มันอยู่ที่ไหนนะ เขาเคยคิดว่าถ้าได้เดินทางมาที่ประเทศเกาหลีแบบนี้ เขาคงจะแต่งเพลงอะไรออกได้บ้าง เพราะมันเป็นประเทศที่แฟนเก่าของเขาเคยอยู่ ใช่แฟนเก่าของเขาที่ชื่อ จอง ซูยอน...

     

    ปี๊บ...

     

    เสียงข้อความจากคอมพิวเตอร์ที่ดังขึ้นมา ทำให้อี้ฟานหันไปมองที่หน้าจออย่างสนใจ เขาเดินมากดดูข้อความแชทที่เปิดค้างไว้

     

    อย่าลืมมางานแต่งงานของฉันนะ

     

    อี้ฟานนั่งนิ่งมองข้อความนั้น เป็นการ์ดงานแต่งงานที่มีรูปแบบสวยหรูตามสไตล์ของจอง ซูยอน ผู้ชายที่ยืนคู่กับเธอเป็นชาวต่างชาติที่ชื่อเดวิด เขาเคยเจอครั้งเดียวที่ฝรั่งเศสตอนที่เขาไปเล่นดนตรีสดให้งานแต่งของเพื่อนเขาและการเจอกันโดยบังเอิญครั้งนั้น ทำให้ความรู้สึกที่ยังมีแต่เธอถูกดึงขึ้นมาจากก้นบึง เขาไม่เคยลืมเธอไปจากใจได้ แม้จะผ่านมาห้าปีแล้ว มีแค่คำทักทายและรอยยิ้มจากเธอเท่านั้น อี้ฟานเลยทำได้แค่พยายามพูดให้เป็นปกติ

     

    ฉันกำลังจะแต่งงานล่ะ อยากให้นายมานะ

     

    มันให้ความรู้สึกที่เรียกว่าเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาที่อกข้างซ้ายทันที การฝืนยิ้มครั้งนั้นทำให้อี้ฟานไม่สามารถยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุขอีกเลย เขากุมอกข้างซ้ายไว้แล้วยิ้มออกมา มันคงถึงเวลาที่เขาต้องเปิดประตูหัวใจรับใครเข้ามาได้แล้วสินะ

     

    “ฉันจะไปนะ”

     

    .

    .

     

    เช้าวันใหม่กับบ้านหลังใหม่ของลู่หาน ลู่หานตื่นเช้ากว่าปกติเพราะแสงแดดที่ส่องลงมาแยงตาเขา ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ และการนอนที่โซฟามันทำให้เขาปวดหลัง เขาเลยต้องลากสังขารตัวเองมานอนที่พรมตอนตีหนึ่งเศษได้ เสียงเดินลงบันไดพร้อมกับเสียงหาวของใครบางคน ลู่หานขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะ

     

    “โอ๊ย!

     

    “อ๊ะ!

     

    เท้านั้นเดินมาเหยียบที่ขาของลู่หานอย่างจัง ลู่หานตาสว่างขึ้นมาทันทีแล้วเงยหน้าขึ้นมาดูว่าใครกันที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้

     

    “ทำไมคุณมานอนที่พรมแบบนี้ล่ะ แถมยังนอนขวางทางเดินอีก” มินซอกบ่น ก่อนจะเดินไปที่ครัวหน้าตาเฉย

     

    ลู่หานเกาหัวและมองตามอย่างอารมณ์เสีย นี่เขากลายเป็นคนผิดทั้งที่โดนมินซอกเหยียบขาไป ลู่หานลุกขึ้นแล้วเดินตามมินซอกไป

     

    “คุณเป็นพวกไร้มารยาทแบบนี้ตั้งแต่เด็กหรอ” ลู่หานเท้าคางที่โต๊ะแล้วถาม มินซอกปรายตามองมาอย่างหงุดหงิด

     

    “อยากได้คำขอโทษ แต่ทำตัวไม่น่าให้ขอโทษเลยนะ” มินซอกบอกแล้วดื่มนมที่ถืออยู่จนเกือบหมดแก้ว

     

    “บางทีคำขอโทษมันก็ควรจะออกมาจากปากทันทีที่ทำผิดนะครับ คุณหมอมินซอก” พูดจบ มินซอกสำลักนมออกมาทันที ลู่หานแอบขำที่เขาทำให้หมอหนุ่มสำลักนมจนพูดไม่ออกได้

     

    “นี่คุณ! ใครบอกชื่อผมให้คุณ” มินซอกหันมาชี้หน้าใส่ลู่หาน ลู่หานไม่สนใจ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทันที

     

    “อย่าคิดว่ารู้จักชื่อแล้วจะยอมพูดดีด้วยเลย ไอ้ตอไม้!” มินซอกแอบบ่นตามหลัง

     

    ไม่นานชานยอลก็เดินลงมาที่ครัวเพื่อทำอาหาร วันนี้ชานยอลดูหาวบ่อยเกินไป จนมินซอกอดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อคืนหลังจากที่เข้าห้องแต่ละคนไปชานยอลมันทำอะไรอยู่ หรือว่าจะเป็น...

     

    “อุบาศก์!” มินซอกเผลอพูดออกมา จนชานยอลหันมามอง

     

    “พี่ว่าใคร” สายตาที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ได้อยู่ในโหมดร่าเริงนั้น มินซอกถึงกับต้องส่ายหน้ารัว ๆ ให้ชานยอล

     

    “เปล่า ๆ ฉันว่าตัวเองอ่ะ อุบาศก์ ที่วันนั้นไปจิ้มไข่หลานมันเล่นน่ะ” มินซอกบอก

     

    “แน่ใจ... ไม่ได้คิดอะไรอุบาศก์กับผมนะ” ชานยอลยังคงขมวดคิ้วถามมินซอกอยู่

     

    “แน่ใจสิ เอ... หลายเดือนแล้วนะที่ไม่ได้กลับบ้านไปหาหลาน ป่านนี้ไอ้หมาน้อยมันจะโตขนาดไหนแล้วนะ” พูดจบ มินซอกก็แกล้งเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ชานยอลมองมินซอกสักครู่แล้วหันไปสนใจอาหารที่เขากำลังทำค้างไว้ต่อ

     

    ลู่หานเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับอี้ฟานที่เดินลงบันไดมาพอดี ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่อี้ฟานจะเดินมาหยิบขวดน้ำในตู้เย็นไปดื่ม ลู่หานเช็ดหน้าของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารบ้าง เขาเห็นมินซอกยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านจนแทบไม่เห็นตัว ลู่หานมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่า วันนี้เขาคงต้องรีบอีกสักนิดแล้ว

     

    “ให้ผมช่วยไหมครับ” ลู่หานเดินมาถามชานยอล มินซอกที่สนใจหนังสือพิมพ์อยู่กับลดระดับหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองมาที่ลู่หาน

     

    “ก็ดีนะครับ ถ้าคุณรีบ” ชานยอลบอก ใบหน้าของเขายังคงไม่ดีนัก หนังตาที่เหมือนจะปิดตลอดเวลานั้น ทำให้ลู่หานนึกถึงตัวการ์ตูนที่ชื่อการ์ฟิลล์จริง ๆ

     

    “ดีนี่ เป็นเด็กใหม่ต้องหัดช่วยเหลือกันบ้าง” มินซอกบอก แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์

     

    ลู่หานรู้สึกว่า เขากับมินซอกต้องเคยมีอดีตที่ไม่ดีต่อกันแน่ ๆ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรมินซอกก็ดูจะขัดขาเขาอยู่ตลอดเวลา

     

    “พอดีว่าเป็นคนมีมารยาท ที่บ้านสอนมาดีครับ” ลู่หานบอก มินซอกหันขวับไปมองลู่หานที่เป็นลูกมือช่วยชานยอลอยู่ เขาจึงทำได้แต่สบถเบา ๆ เพราะยังคิดคำพูดมาตอกกลับลู่หานไม่ออก

     

    “อี้ฟาน.. คุณเป็นคนเมืองไหนหรอ” อยู่ ๆ ลู่หานก็เบนความสนใจไปที่เพื่อนชาวจีนของเขา อี้ฟานเลิกคิ้วมองลู่หานก่อนจะตอบ

     

    “กวางโจวน่ะครับ คุณล่ะ”

     

    “ปักกิ่งน่ะ” ลู่หานตอบแล้วหันไปจัดจานช่วยชานยอลต่อ

     

    บทสนทนาภาษาจีนก็ตามหลังมาเรื่อย ๆ จนชานยอลที่ทำอาหารอยู่ข้าง ๆ มองมาที่มินซอกก่อนจะทำหน้าเอือมให้กัน ตอนนี้บรรยากาศเหมือนกับไปเที่ยวเมืองนอกและเจอกับประโยคที่ไม่คุ้นหู สองคนนั้นยังคงพูดภาษาจีนใส่กันอย่างเมามันส์จนชานยอลทำอาหารเสร็จ ถ้ามินซอกฟังออกและหมอนั่นพูดถึงเขาไม่ดีแล้วละก็ พ่อจะโบกให้สักสิบทีเลย

     

    “ไม่อร่อยหรอ” ชานยอลสะกิดแขนมินซอกถามเมื่อเห็นว่ามินซอกกำลังเขี่ยข้าวในจานเล่น เขาคงรู้สึกว่าควรมีอะไรพูดบ้างก่อนจะได้กลายเป็นคนใบ้

     

    “ฉันไม่หิวเท่าไหร่น่ะ ฝากเก็บจานด้วยนะ” พูดจบมินซอกก็ลุกไปทันที เพราะเขาขี้เกียจที่จะนั่งฟังสองหนุ่มชาวจีนเม้าท์กัน ชานยอลมองตามอย่างเอือม ๆ

     

    “แปลงเพศเถอะ.. ถ้ายังเอาใจยากแบบนี้นะ” ชานยอลบ่นออกมาอย่างขัดใจ

     

    “ผมว่า.. เขาควรจะหาใครสักคนคุยด้วยนะครับ” อี้ฟานหันมาบอกชานยอลด้วยภาษาที่เขาเข้าใจแล้ว ชานยอลหันมามองอี้ฟานด้วยสายตาที่แบบว่า พวกลื้อเพิ่งเห็นหัวอั๊วหรือวะ

     

    “พี่อี้ฟานก็หาให้สิ พี่มินซอกเขาจะได้หมดยุคโลกมืดสักที” ชานยอลบอกแบบปัด ๆ

     

    “เขาชอบคนแบบล่ะ เดี๋ยวผมจะลองหาให้” ลู่หานบอกอย่างไม่ใส่ใจ

     

    แต่มันทำให้ชานยอลถึงกับตาสว่างเลย เพราะเขาพอจะดูออกว่าลู่หานมีแววที่จะต่อกรกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของมินซอกได้ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว มินซอกจะชอบพูดกับชางมินตอนที่เขายังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่หลังจากที่เลิกกับชางมินไป มินซอกก็กลายเป็นคนที่คิดอะไรก็พูด พูดไม่รักษาน้ำใจคนอื่น ทำให้ชานยอลรับมือแทบไม่ทัน ตอนที่มินซอกบอกเขาให้ไปตายซะ ความอ่อนโยนของมินซอกถูกทิ้งและหายไปกับรักครั้งนั้น ทุกวันนี้มินซอกก็เลยกลายเป็นคนที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้เพราะคำพูดที่เหมือนกรรไกรอันแหลมคมของเขานั่นเอง

     

    “คุณก็ลองจีบพี่มินซอกดูสิ ผมว่าคุณสู้เขาได้อยู่นะ” ชานยอลหันมาบอกเล่น ๆ ปนขำขัน

     

    ลู่หานสำลักข้าวเล็กน้อย ก่อนจะดื่มน้ำเข้าไปเพื่อให้หาย แล้วค่อย ๆ หันมามองหน้าชานยอลอย่างแปลกใจ ที่เขาได้ยินข้อเสนอที่ดูจะขนลุกตั้งแต่หัวไปจนถึงหน้าแข้ง อี้ฟานเองก็มองมาเหมือนกัน เขาอยากรู้ว่าลู่หานจะตอบรับไหม

     

    “เขาไม่ชอบผู้หญิงหรอ”

     

    “ใช่ พี่เขาไม่ชอบผู้หญิง” ชานยอลบอกแล้วตักข้าวกินต่อไป

     

    ลู่หานนิ่งไปสักครู่เพื่อชั่งใจกับเรื่องนี้ อี้ฟานที่นิ่งไปก็แอบฟังคำตอบของเขาอยู่เหมือนกัน ความเงียบเกิดขึ้นประมาณหนึ่งนาทีได้

     

    “ถ้าผมจีบเขาได้ จะมีการตบรางวัลให้อย่างงามไหม”

     

    .

    .

     

    คยองซูปั่นจักรยานมาที่โรงเรียนในตอนเช้า เขาเห็นชานยอลกำลังเดินไปทำงานอยู่ คยองซูเลยยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา เขายังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการเข้าเรียน ชานยอลเดินเสียบหูฟังมาตามทางเรื่อย ๆ จึงไม่ได้ยินเสียงเดินตามของคยองซูที่เขากำลังจูงจักรยานเดินตามมา ชานยอลเดินเลี้ยวเข้าอู่รถอย่างไม่รู้สึกตัว คยองซูเดินเลยอู่ไปนิดหน่อย ก่อนจะหันหน้ามองเข้าไปข้างในอู่รถ เขาเห็นชานยอลใส่ชุดหมีสีเทาของช่างซ่อมรถเดินแบกอุปกรณ์มาที่รถตู้คนหนึ่ง เขากำลังเช็กสภาพรถอยู่ คยองซูยืนมองชานยอลแล้วยิ้มออกมา สักวันเขาต้องได้ทำงานแบบนี้เหมือนชานยอลบ้าง

     

    “เห้ย ชานยอลขอปะแจเบอร์เก้าหน่อยสิวะ อยู่ที่มึงป่ะ”

     

    เสียงตะโกนจากเพื่อนร่วมงานของชานยอลถาม คยองซูเห็นชานยอลนั่งลงค้นหาของในกล่องเครื่องมือก่อนจะเดินไปให้เพื่อนที่ซ่อมรถอยู่อีกฝั่ง การทำงานในอู่ซ่อมรถดูน่าสนุก คยองซูยืนสักครู่แล้วควบจักรยานเพื่อปั่นไปยังโรงเรียนของเขาที่ตอนนี้เวลานี้ประตูโรงเรียนกำลังจะปิดแล้ว

     

    “รอก่อนครับ!!

     

    คยองซูตะโกนบอกภารโรงที่กำลังจะปิดประตู ก่อนจะเร่งฝีเท้าปั่นผ่านเข้าประตูโรงเรียนมาได้อย่างหวุดหวิด

     

    “ใครใช้ให้นายมาโรงเรียนสายแบบนี้ โด คยองซู” อาจารย์เวรเฝ้าประตูวันนี้ถาม

     

    “เออ... พอดีว่าผมท้องเสียนิดหน่อยน่ะครับ เลยเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย อาจารย์ฮีชอลคงไม่ว่าใช่ไหมครับ” คยองซูแกล้งทำหน้าปวดท้องละกุมท้องไว้

     

    “ไม่สบาย ทำไมไม่หยุดล่ะ แล้วค่อยมาเขียนใบลาก็ได้ ท้องเสียแน่นะ”

     

    “แน่สิครับ แต่ตอนนี้ผมกินยาหยุดไปแล้ว แต่ก็อาจจะมีปวดท้องบ้าง” คยองซูบอก

     

    อาจารย์ฮีชอลถามอีกไม่กี่อย่างก็ปล่อยให้คยองซูเดินไปเข้าห้องเรียนได้ เพราะใกล้เวลาโฮมรูมของโรงเรียนแล้ว คยองซูแอบยิ้มอย่างดีใจที่อาจารย์ไม่ลงโทษเขา วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่า เขาจะตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบซูนึงให้ได้คะแนนเยอะ เขาจะต้องเข้าคณะวิศวะให้ได้

     

    .

    .

     

    อี้ฟานออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะยออีโด* ที่อยู่ตรงข้ามรัฐสภา เขาค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซลจากอินเตอร์เน็ต ก่อนจะเห็นที่นี่ใกล้และน่าสนใจที่สุด อี้ฟานหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายภาพมุมต่าง ๆ ของสวนไว้ ก่อนจะเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตามาก ถึงแม้ว่าเขาจะเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตาม

     

    “จุนมยอน?”

     

    อี้ฟานมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจนอีกครั้ง ก่อนจะเห็นจุนมยอนวิ่งมาหาเขาอย่างดีใจ จุนมยอนวิ่งมาหยุดตรงหน้าอี้ฟาน ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้

     

    “แฮ่ก! ผมตามคุณเกือบไม่ทันน่ะ แฮ่ก! นึกว่าคุณจะเดินไปไกลกว่านี้ซะแล้ว” เขาบอก

     

    อี้ฟานมองจุนมยอนอย่างแปลกใจ ที่เขาเจอเกือบทุกที่ที่ออกมาข้างนอก อี้ฟานรับขวดน้ำมาก่อนจะถ่ายรูปจุนมยอนที่อยู่ในสภาพมีเหงื่อเม็ดโตเกาะอยู่บนใบหน้ายืนหายใจหอบอยู่ อี้ฟานถ่ายภาพเอาไว้ก่อนจะดูภาพและถ่ายอีกครั้งเพื่อให้ภาพออกมาดูสวย

     

    “คุณเป็นช่างภาพด้วยหรอครับ” จุนมยอนถามหลังจากที่เขาเริ่มหายใจเป็นปกติ อี้ฟานยิ้มให้แทนคำตอบ ทำให้จุนมยอนไม่เข้าใจความหมายของคำตอบนั้น อี้ฟานเดินออกไปตามทางเท้า จุนมยอนเลยรีบเดินตามอี้ฟาน วันนี้เขาดูแปลก ไม่เห็นถามหรือรำคาญอะไร เอาแต่ถ่ายรูป แล้วอย่างนี้จุนมยอนจะทำอะไรดีล่ะ

     

    “พอดีว่าผมกำลังไปหาคุณที่บ้าน แต่ผมเห็นคุณที่สถานีรถไฟพอดี ผมเลยตามคุณมาน่ะ” จุนมยอนไม่รู้ว่าเขาจะบอกทำไมว่ากำลังตามอี้ฟานมา อี้ฟานยังคงสนใจถ่ายรูปต่อไปเรื่อย ๆ จุนมยอนรู้สึกอัดอึดนิดหน่อยที่อี้ฟานไม่พูดอะไรแล้วเอาแต่ถ่ายรูป

     

    “ถ้าคุณรำคาญ คุณบอกผมก็ได้นะ แล้วผมจะไปทันที” จุนมยอนบอก เขาก้มหน้าลงเพราะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่เขาอึดอัดแบบนี้

     

    “ทำไมคุณคิดอย่างนั้นล่ะ” อี้ฟานถาม จุนมยอนเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นอี้ฟานยิ้ม

     

    “คุณไม่ได้รำคาญผมหรอ”

     

    “ผมจะรำคาญเพื่อนที่หวังดีกับผมทำไมล่ะ คุณมาที่นี่ เพราะกลัวผมเหงาใช่ไหม” อี้ฟานถาม จุนมยอนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่อี้ฟานไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด จุนมยอนพยักหน้าให้อี้ฟาน

     

    “หรือว่าไม่ใช่”

     

    “ใช่ครับ ๆ คือผมกลัวคุณเหงา และผมเองก็... เหงาด้วย”

     

    “งั้นก็มาถ่ายรูปที่นี่กันเถอะ คุณชอบถ่ายรูปไม่ใช่หรอ” อี้ฟานบอก ก่อนจะถ่ายรูปจุนมยอนที่กำลังยิ้มเอาไว้

     

    “ก็... ผมชอบถ่ายรูป แต่ผมก็ทำมันได้ไม่ดีเท่าไหร่” จุนมยอนหลุบตาลงด้วยความอายที่คิดถึงฝีมือการถ่ายรูปของตัวเองที่ดูเหมือนเด็ก ๆ ถ่ายกันทั่วไป

     

    “การถ่ายรูปของคนแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันหรอกครับ มันอยู่ที่มุมมอง คุณก็มีมุมมองของคุณ ผมก็มีมุมมองของผม เพราะฉะนั้น ใช้สิ่งเหล่านั้นมาวัดกันไม่ได้หรอก คุณถ่ายรูปไปเถอะ ถ่ายไปจนกว่าคุณจะเห็นมุมมองของตัวเองที่คุณคิดว่าดีและทำให้คนอื่นมองมันว่าดีด้วย” อี้ฟานบอก จุนมยอนทึ่งในความคิดของอี้ฟาน ที่ทำเอาเขาเปิดโลกของตัวเองมากขึ้น จุนมยอนหยิบกล้องของเขาออกมา ก่อนจะถ่ายรูปอี้ฟานที่กำลังยกกล้องขึ้นและเล็งถ่าย

     

    แชะ!

     

    มันเป็นภาพถ่ายที่ไม่รู้ตัวของอี้ฟานอีกรูปที่จุนมยอนประทับใจ ผู้ชายคนนี้ มีอะไรให้เขาค้นหามากกว่ารูปร่างและหาตาเยอะ

     

    “คุณถ่ายรูปผมตอนเผลออีกแล้วนะ”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : พี่ลู่เข้ามาอยู่ในบ้านล่ะ น้องคยองก็แอบเป็นสโตกเกอร์เบา ๆ อิอิ ส่วนพี่ฟานก็หล่อไปเถอะ เราอยากให้หล่อ 5555555 ฟิคเรื่องนี้มันค่อนข้างจะเรื่อย ๆ นะ เพราะเราอยากให้มันสบาย ๆ ตอนหน้าก็เดินเรื่องไปสู่ความคืบหน้าของลู่หมินกันเต็ม ๆ เลย พี่จัดเต็มล่ะ พี่ลู่จะจีบพี่หมินยังไง รออ่านเลยจ้า อ่านแล้วคอมเม้นให้กันบ้างนะ เป็นกำลังใจให้กันไง

     

    ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้ เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^

     

     
       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×