ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #8 : Love Gray :: Chapter 7 The past

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 209
      4
      18 พ.ค. 59




    Chapter 7 – The past

     

    .

    .

     

    มินซอกรู้สึกร้อน เขาค่อย ๆ ถอดเสื้อยืดสีฟ้าที่เขาสวมอยู่ออก ก่อนจะถอดกางเกงเหลือแต่บ๊อกเซอร์ใส่กันเปลือย มินซอกไม่เคยรู้สึกร้อนลุ่มอะไรแบบนี้มาก่อน คงจะเพราะฤทธิ์เหล้าที่เขาดื่มเข้าไปรวดเดียวนั้น มันเป็นเหล้าที่มีดีกรีแรงกว่าปกติที่เขาดื่ม และการที่เขาไม่ได้กินอะไรมาด้วย ทำให้มินซอกเมาเร็วขึ้น มินซอกรู้สึกถึงการยวบลงของเตียงด้านซ้าย เขาคิดว่าชานยอลคงจะเอาอะไรเย็น ๆ มาลูบหน้าเขาแน่ ๆ ตอนนี้มินซอกไม่รู้สึกถึงความอายที่เขามีสิ่งปกคลุมร่างกายเพียงน้อยชิ้นแล้ว ชานยอลก็เหมือนน้องชายที่รักของเขา เขาคงจะมาเช็ดตัวให้แล้วก็กลับห้องเหมือนเคย

     

    “ฉันคิดถึงนายนะ มินซอก”

     

    เสียงที่ฟังแล้วตกใจ เสียงที่เขาเคยรู้สึกดีเมื่อหลายปีก่อน เสียงนี้มันทำให้เขา คิดถึงใครบางคนที่เขาต้องการอยากให้กลับมาเหลือเกิน

     

    “ชางมิน...”

     

    มินซอกลืมตาขึ้นมา เขาเห็นชางมินอยู่ตรงหน้า แม้ว่าความเลอะเลือนของสมองและตาจะทำให้เขาเห็นภาพอะไรที่จินตนาการขึ้นมาเองได้ แต่เขาคงไม่สามารถจับต้องมันได้ ถ้าเกิดไม่มีใครอยู่ตรงนี้จริง ๆ

     

    “มินซอก ฉันยังรักนายเหมือนเดิมนะมินซอก ฉันคิดถึงนายตลอดเลย ฉันขอโทษที่ฉันบอกกับนายแบบนั้นไป”

     

    เสียงชางมินดังชัดเจนจนมินซอกแยกไม่ออกว่า นี่ความฝัน การจินตนาการของเขา หรือคามจริงที่กำลังเกิดขึ้น

     

    “ชางมิน... ฉัน... ก็ยังรักนายไม่เปลี่ยนนะ...” มินซอกพูดออกไป เขาห้ามปากตัวเองไว้ไม่ได้ ร่างกายมันเริ่มควบคุมไม่ได้ มินซอกโถมเข้าหาชางมินและกอดเขาไว้อย่างคิดถึง

     

    “ฉันอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีนาย ชางมิน ฉันรักนายนะ”

     

    สิ้นเสียงมินซอก ปากของเขาก็ถูกอีกคนครอบครอง มินซอกไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกนอกจากความต้องการของตัวเองที่พุ่งสูงจนควบคุมไม่ได้ ชางมินจูบมินซอกอย่างโหยหา ทั้งสองคนปล่อยให้ความต้องการของตัวเองควบคุมไปเรื่อย ๆ นาทีนี้ เขาแค่อยากทำอะไรตามใจตัวเอง โดยที่ไม่มีความรู้สึกถึงผิดชอบชั่วดีมากำหนด ขอแค่ตอนนี้ ที่พวกเขาจะสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้

     

    .

    .

     

    ช่วงสายของวันนี้ ลู่หานได้รับบทจากผู้กำกับลี ฮยอกแจ คนที่เคยกำกับเรื่องรักใส ๆ หัวใจชายสี่ ที่เป็นเรื่องแรกของเขา ลู่หานนั่งอ่านบทที่บ้านอย่างมีความสุข เขากำลังจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งแล้วสินะ

     

    “นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลยมึง” จงอินบอก แล้วยื่นแก้วกาแฟให้ลู่หาน

     

    “ก็กูมีความสุขนี่วะ ไม่มีเรื่องไหนที่เหมาะกับกูเท่าเรื่องนี้ล่ะ” ลู่หานบอก

     

    “แต่บทมึงก็เล่นตอนแก่ด้วยนะ มึงรับได้หรอ”

     

    “ได้ไม่ได้ กูก็ดังจากบทนี้นี่วะ คราวนี้ทุกคนจะได้เห็นฝีมือการแสดงขั้นเทพของลู่หานบ้างล่ะ กูจะเอาให้นักวิจารณ์หนังอึ้งไปเลย คอยดูนะ”

     

    ลู่หานนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุข จงอินมองลู่หานแล้วก็ยิ้มตามที่ลู่หานกลับมาเป็นลู่หานที่ยิ้มง่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น

     

    “ครับ... สวัสดีครับ... อ๋อ... ครับ ๆ ๆ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปเลยครับ”

     

    “มีอะไรหรอ” ลู่หานมองอย่างสงสัย เมื่อจงอินวางสาย

     

    “มีโฆษณาติดต่อมาเว้ย เขาอยากให้มึงเป็นพรีเซนเตอร์วะ”

     

    “จริงอ่ะ โฆษณาอะไรวะ”

     

    “ครีมลดรอยตีนกาวะ”

     

    ลู่หานนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะรีบวิ่งไปส่องกระจกที่ห้องน้ำ นี่เขาแก่จนต้องถ่ายโฆษณาครีมลดรอยตีนกาแล้วหรอวะ

     

    .

    .

     

    มินซอกค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง เมื่อคืนเขาจำได้ว่า เขาชวนชานยอลไปดื่มที่ร้านเหล้าใกล้ ๆ บ้าน ก่อนจะไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย เขาคงดื่มมากเกินไป จนทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้ แต่เมื่อคืนเขาฝันถึงชางมินด้วย และในฝันมันดีมากจริง ๆ แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ที่ยังคงคิดถึงชางมินอยู่

     

    มินซอกขยับตัวได้นิดเดียว ความรู้สึกเจ็บก็แล่นเข้ามาที่สะโพก เมื่อคืนเขาจำได้เลือนรางว่าตกเก้าอี้ที่ร้านเหล้าระหว่างที่ดื่มเหล้าและฟังชานยอลพูดไปด้วย มินซอกสะบัดหัวไล่ความเจ็บเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าร่างกายของเขาไม่มีเสื้อผ้าอยู่เลย มินซอกเลยเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแต่เมื่อส่องกระจก มินซอกเห็นรอยแดง ๆ ตามร่างกาย รอยพวกนี้คืออะไร ชานยอลทำหรอ

     

    “ไอ้เด็กเปรต! วันนี้มึงไม่ได้ตายดีแน่” มินซอกคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำมาแต่แล้วเขาก็สะดุดตากับกระดาษโพสอิทสีเหลืองแผ่นหนึ่งบนโต๊ะทำงานของเขา มินซอกจำได้ว่า เขาไม่ได้ใช้โพสอิทสีเหลืองมานานมากแล้ว และคนที่ชอบใช้ ก็ไม่ใช่เขาแต่เป็น..

     

    “ชางมิน...”

     

    พอตื่นมานายคงตกใจที่เห็นสภาพตัวเองแบบนั้น ฉันอยากให้นายรู้ว่าเมื่อคืนฉันมีตัวตน ร่องรอยที่ฉันทำบนตัวนาย มันคงจะติดอีกหลายวัน เมื่อคืนฉันมีความสุขมากนะ มินซอก

    -ชางมิน-

     

    มินซอกปล่อยกระดาษแผ่นร่วงหลุดมือ เขารู้สึกแย่ที่ตัวเองยังไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เขายังติดอยู่กับที่ เขายังติดอยู่กับชางมิน มินซอกกลั้นน้ำตาเอาไว้ เขาไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตามันคงบอกให้เขาปล่อยมันออกมา มินซอกเกลียดที่เขายังรักชางมินอยู่แบบนี้

     

    ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!

     

    เสียงเคาะประตูที่รุนแรงของมินซอกที่ห้องชานยอล ชานยอลเดินออกมางัวเงียก่อนจะตกใจที่มินซอกพันแค่ผ้าขนหนูไว้ที่เอวและรอยแดง ๆ เต็มตัว

     

    “พะ... พี่ชางมินเขา...”

     

    “นายพาชางมินมาที่นี่ทำไม ห๊า!!!!” มินซอกผลักชานยอลอย่างโมโหเข้าไปในห้อง ชานยอลตกใจที่มินซอกดูรุนแรงกว่าทุกที

     

    “ใจเย็นก่อนสิพี่ ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้ด้วย”

     

    “นายจงใจพาชางมินมาหาฉันใช่ไหม”

     

    “แล้วทำไมล่ะ พี่ก็เรียกร้องหาเขาอยู่ตลอดแล้วนี่ ผมพามาก็น่าจะขอบใจนะ ไม่ใช่มายืนตะโกนด่าแบบนี้” ชานยอลขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิดที่เขาทำดีแต่กลับได้รับสิ่งตอบแทนเป็นแบบนี้

     

    “นี่นาย! ที่ฉันยังเป็นแบบนี้ นายก็รู้นี่ว่าเพราะอะไร แล้วทำไมยังพาเขามา”

     

    “แล้วจะให้ผมทำยังไงกับพี่ล่ะ!! ทุกสิ่งทุกอย่าง มันอยู่ที่ตัวพี่ทั้งนั้น พี่ยังรักพี่ชางมินอยู่!! พี่ยอมรับตัวเองซะเถอะ ว่าพี่ต้องการเขามากแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้พี่ไม่สามารถดึงเขากลับมาได้ ก็เพราะว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว และพี่ก็ไม่มีวันรักผู้หญิงด้วย พี่เลิกหลอกคุณกาฮีด้วยนะ ผมไม่อยากให้ผู้หญิงดี ๆ ต้องมาเสียใจเพราะการกระทำที่แย่ ๆ ของพี่แบบนี้” ชานยอลบอก เขามองหน้ามินซอกอย่างไม่ยอมลดละเหมือนกัน

     

    “ปาร์ค ชานยอล!! โธ่เว้ย!!

     

    มินซอกผลักอกชานยอลเดินออกจากห้องไป ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด มินซอกก็ยังเป็นมินซอกอยู่วันยังค่ำ ไม่มีใครรับมือเขาได้เลย นอกจากชางมิน

     

    “เกิดอะไรขึ้นหรอ” อี้ฟานยืนมองชานยอลอยู่ที่หน้าประตูอย่างสงสัย ก่อนจะมองไปที่ห้องของมินซอก

     

    “เขาก็แค่... คนเอาแต่ใจตัวเองคนหนึ่งเท่านั้นแหละ” ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

     

    มินซอกนั่งอยู่บนเตียงด้วยความวุ่นวายและสับสนภายในใจ เขาเกลียดตัวเองในสภาพนี้ที่สุด มินซอกไม่อยากเจอหน้าใครในตอนนี้ เขาเกลียดทุกสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ชานยอลพูดถูก เขาต้องการชางมินอยู่ตลอดเวลา ที่เขาไม่ยอมเปลี่ยนเบอร์เพราะชางมิน และที่เขาโกหกภรรยาของชางมิน ก็เพื่อที่ชางมินยังสามารถโทรมาหาเขาได้ มินซอกต้องจัดการตัวเองขั้นเด็ดขาด เขาไม่อยากเดินอยู่กับที่แบบนี้

     

    “พอกันที ฮึก! ชางมิน... ฮึก! ฉันต้องเลิกรักนายให้ได้ ฮึก!

     

    .

    .

     

    ช่วงชีวิตวัยเด็กของคยองซู เขาเป็นแค่เด็กที่อยู่กับพ่อมาตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่ง แม่ของเขาหย่าขาดจากพ่อเพื่อไปใช้ชีวิตที่สุขสบายกว่า โดยทิ้งให้คยองซูอยู่กับพ่อและใช้ชีวิตตามยถากรรม บางทีคยองซูรู้สึกเกลียดแม่ตัวเองที่ทิ้งเขาไปและปล่อยให้เขาอยู่กับพ่อสองคนแต่เมื่อคิดกลับมาอีกที พ่อเขาก็ดูแลเขาดีมาตลอดอาจจะมีบ้างที่เงินขาดมือจนต้องอดข้าวกลางวันเพราะอาชีพของพ่อ คือ คนขับแท็กซี่ธรรมดา และพ่อของเขาก็ไม่ใช่พ่อดีเด่นอะไรเลย แต่คยองซูก็รักพ่อของเขาและดูแลมาตลอด

     

     “เบื่ออ่ะ...”

     

    เสียงของเพื่อนสมัยม.ต้นที่ตามมาเรียนม.ปลายที่เดียวกันอย่าง บยอน แบคฮยอน พูดขึ้น เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเขายังนั่งอยู่ในร้านขายไก่ทอดที่คยองซูทำงานอยู่ แต่ตอนนี้เป็นเวลาพักของคยองซู เขาก็เห็นแบคฮยอนมานั่งอยู่ที่ห้องพักพนักงานแล้ว

     

    “ใครใช้ให้มึงมาเฝ้ากูตอนทำพาร์ทไมท์ล่ะ”

     

    “ก็กูมีมึงเป็นเพื่อนสมัยม.ต้นอยู่คนเดียวที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันนี่”

     

    “แล้วมีธุระอะไรหรอ”

     

    “มึงจะสอบเข้าคณะอะไรอ่ะ”

     

    “มาเฝ้ากูเพื่อถามเรื่องนี้เนี่ยนะ ไลน์มาถามก็ได้นี่”

     

    “ก็กูเบื่อ ๆ ด้วย อยากออกมาข้างนอกบ้าง แต่หม่อมแม่ไม่เข้าใจ เลยใช้มึงเป็นข้ออ้างว่า มึงมีปัญหากับพ่อนิดหน่อยเลยอยากจะชวนมาระบาย”

     

    “อย่าใช้มันเป็นข้ออ้างอีกเป็นครั้งที่สองนะ”

     

    “น่าจะครั้งที่ห้าได้แล้วล่ะ”

     

    “บยอน แบคฮยอน!

     

    “ล้อเล่นน่าคยองซู แล้วตกลงมึงจะเข้าคณะอะไรว่ะ”

     

    “คณะวิศวะอ่ะ กะว่าทำพาร์ทไทม์ถึงสิ้นเดือนนี้แล้วจะลาออกไปอ่านหนังสืออย่างจริงจังล่ะ”

     

    “จริงหรอ กูก็อยากเข้าวิศวะว่ะ แต่หม่อมแม่กูก็ไม่เข้าใจอีกแล้ว”

     

    “แล้วแม่มึงอยากให้เข้าคณะอะไรหรอ”

     

    “คณะบัญชีนะสิ บอกว่าจะให้มาทำงานที่บริษัทที่แม่ทำงานอยู่ ให้ตายเถอะ ผู้ชายแมน ๆ ที่ไหนเรียนบัญชีว่ะ”

     

    “นั่นสิ สงสัยคนนั้นจะเป็นมึงแล้วล่ะ”

     

    “นี่มึงช่วยเป็นเพื่อนดีเด่นให้กูสักวันหนึ่งได้ไหมเนี่ย”

     

    “วันนี้ไม่ได้ว่ะ กูต้องไปทำงาน หมดเวลาพักกูแล้ว มึงก็กลับบ้านไปบอกแม่มึงดี ๆ ด้วยนะ ว่าอยากเรียนอะไร แล้วห้ามอ้างชื่อกูด้วย เข้าใจไหม”

     

    “ทำไมวันนี้มาสายโหดจังว่ะ”

     

    “อยากเรียนวิศวะ ก็ต้องหัดจริงจังบ้างสิว่ะ จะสอบซูนึง*อยู่แล้วยังมาเถลไถลวันนี้แยกย้ายได้”

     

    พูดจบคยองซูก็เดินอกจากห้องพักพนักงานไปทันที ทิ้งให้แบคฮยอนเพื่อนสนิทยืนมองอย่างุนงง

     

    “อะไรของมันว่ะ หรือเจอไอดอลโหมดโหดว่ะเนี่ย”

     

    หลังจากคยองซูเลิกงานแล้ว พอได้ปั่นจักรยานสมองของเขาก็โล่งขึ้น ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องการเงินที่บ้านและการสอบซูนึงที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เขาก็ปั่นจักรยานมายังที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งเมื่อได้ปั่นจักรยานคันนี้ทีไหร่ ก็ทำให้นึกถึงเขาเสมอ

     

    “ไคย่า ฉันกลับมาแล้วนะ”

     

    เสียงทักทายของเจ้านายกับสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนในบ้านหลังใหญ่ ชานยอลเดินเข้าบ้านไปแล้ว แต่คยองซูยังยืนมองอยู่จากนอกบ้าน คยองซูไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปคุยกับชานยอลยังไง เขาแค่อยากมีใครสักคนไว้พูดคุยกับเขาเมื่อตอนที่เขามีปัญหาเท่านั้น

     

    “กลับดีกว่า เดี๋ยวพ่อบ่นอีก” คยองซูออกปั่นจักรยานเพื่อกลับบ้าน

     

    ไว้วันหลังค่อยมาหาเรื่องคุยก็ได้

     

    .

    .

     

    ช่วงเวลาบ่าย อี้ฟานออกเดินมาตามทางฟุตบาทจากที่บ้านพักมาเรื่อย ๆ เขายังไม่มีเนื้อเพลงหรือแนวเพลงอยู่ในสมองเลย อาการตันเกี่ยวกับการแต่งเพลงของเขาเริ่มเมื่อเขาทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศจีนจบ อี้ฟานใช้ชีวิตอยู่ประเทศจีนเกือบเดือน จึงตัดสินใจออกเดินทางมาที่ประเทศเกาหลีใต้ เพราะคิดถึงแฟนเก่าของเขาขึ้นมา ใช่ แฟนเก่าที่เป็นรักแรกของเขา รักครั้งแรก มักจะเป็นที่จดจำและลืมยากเสมอ ยิ่งเรื่องราวที่ได้รู้จักและความผูกพันที่ร่วมกันสร้างขึ้นมามีมากมายถ้านับเวลาที่คบกันเกือบ 4 ปี ตอนเรียนอยู่ที่แวนคูเวอร์ เขาเป็นผู้ชายที่หลายคนอิจฉา ส่วนเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาเช่นกัน

     

    “สวัสดีครับ คุณอี้ฟาน!

     

    เสียงทักทายดังจากข้างหลังของชายหนุ่มที่กำลังคิดอะไรเพลิน เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้ยินเสียง

     

    “คุณจุนมยอน...”

     

    “มาทำอะไรแถวนี้หรอครับ”

     

    “เออ...” อี้ฟานมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างสงสัยว่า เขาเดินมาถึงที่ไหนแล้ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า มนุษย์ไฟฟ้าของเขานั่น เคยบอกว่าเขาอยู่ย่านกังนัม

     

    “ผมมาเดินเล่นน่ะ นี่ถึงกังนัมแล้วหรอครับ”

     

    “คุณจะเดินเล่นคุณก็ควรศึกษาเส้นทางบ้างนะครับ นี่ยังอยู่โซลทาวเวอร์นะครับ”

     

    “อ้าว หรอครับ ผมนึกว่าผมเดินมาถึงกังนัมแล้ว”

     

    “เพราะคุณเจอผมหรอ คุณจำได้หรอว่าผมอยู่ที่ไหน” แววตาที่เป็นประกายจากจุนมยอน ทำให้อี้ฟานรู้สึกขนลุกเบา ๆ แต่ก็ปั้นยิ้มให้เขาไป

     

    “คนแบบคุณน่ะ ใคร ๆ ก็จำได้ครับ”

     

    “ขอบคุณที่จำได้นะครับ วันนี้ผมลองมาสมัครงานที่บริษัท ไพม์เดย์ ครับ เพิ่งออกมาจากห้องสัมภาษณ์เลย กลัวว่าจะไม่ผ่าน เพราะมีแต่คนเก่ง ๆ จบจากมหาลัยดัง ๆ ทั้งนั้นเลย” พูดไปสีหน้าก็เศร้าไป อี้ฟานรู้สึกว่าเขาควรจะต้องปลอบใจผู้ชายคนนี้สินะ

     

    “เอาเถอะครับ ไม่ได้บริษัทนี้ บริษัทอื่นก็มีนะครับ สู้ ๆ ครับ อ๊าก!

     

    เพราะลืมตัวไปชั่วขณะ อี้ฟานเลยเอามือไปตบบ่าจุนมยอนอย่างไม่ได้ตั้งใจ กระแสไฟที่แล่นผ่านมือเข้ามาที่ประสาทสัมผัสของเขานั้น ทำให้เขารีบชักมือออกทันที จุนมยอนตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มเหมือนถูกไฟช๊อต ทั้งที่เขาไม่ได้พกอะไรที่ทำให้ไฟดูดได้เลย อีกอย่าง เขาก็ไม่โดนไฟช๊อตด้วย

     

    “ทำไมคุณอี้ฟาน ถึงเหมือนโดนไฟช๊อตอย่างนั้นล่ะครับ”

     

    “ไม่รู้สิครับ ทำไมผมถึงโดนตัวคุณไม่ได้เลย”

     

    ตึก!ตัก! ตึก!ตัก!

     

    เสียงหัวใจที่ดังเข้าหูของจุนมยอน ทำให้เขารู้สึกว่า ตัวเองจะเป็นคนที่ตื่นเต้นง่ายเกินไปกับเรื่องถูกเนื้อต้องตัวพวกนี้ หรือเพราะว่า อี้ฟานที่ยืนอยู่ตรงนี้ที่ทำให้เขาใจเต้นแรงกันแน่นะ

     

    “ถ้าผมได้งานแล้ว ผมชวนคุณมาฉลองด้วยได้ไหมครับ”

     

    .

    .

     

    มินซอกเดินออกจากห้องมา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว เขาเห็นชานยอลนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาจากชั้นสอง เรื่องเมื่อตอนเช้า เขารู้สึกว่าตัวเองก็ทำเกินไป ชานยอลแค่อยากให้เขารู้สึกดี มินซอกค่อย ๆ เดินลงบันไดมา ชานยอลมองหน้ามินซอกสักครู่แล้วหันไปดูทีวีต่อ ความอึดอัดถูกส่งมาที่มินซอกทันที มินซอกเดินไปหาน้ำกินที่ครัว ก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ ชานยอล เขาไม่ได้ทำท่าทีอะไรมากนัก มินซอกเลยเอาหัวพิงที่ไหล่ของชานยอล

     

    “ฉันขอโทษนะ...” มินซอกบอก

     

    “....” ชานยอลยังเงียบอยู่ แต่ก็ไม่ยอมลุกไปไหน

     

    “ฉันมันบ้าเองที่โทษนายแบบนั้น นายพูดถูก ฉันไม่ยอมเลิกราเอง ฉันมันก็แค่คนที่... เห็นแก่ตัว ฉันไม่อยากเดินย่ำอยู่กับที่อีกแล้ว ฉันจะตัดใจจากชางมินจริง ๆ แล้วล่ะชานยอล ฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ซะ ฉันจะไม่เจอเขาอีก ฉันจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อลืมเขา” มินซอกบอก

     

    ชานยอลยังคงเงียบอยู่สักครู่ ก่อนจะยกแขนขึ้นมาโอบไหล่มินซอกเอาไว้ มินซอกยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะหันหน้าไปมองชานยอล

     

    “นายไม่โกรธฉันแล้วนะ” มินซอกถาม

     

    “ใครว่าผมโกรธพี่ล่ะ” ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากทีวี

     

    “ก็นายไม่พูดอะไรกับฉันนี่”

     

    “ผมก็ไม่อยากพูด เวลาพูดกับพี่น่ะ ผมได้รับคำตอบดี ๆ มาสักกี่ประโยคเชียว” ชานยอลพูดจบ มินซอกก็หอมแก้มชานยอลแล้วกอดเอวเอาไว้ ชานยอลนั่งอึ้งด้วยความตกใจ

     

    “รู้ไหม นายเป็นน้องชายที่ฉันรักมากที่สุดเลยนะ ฉันไม่อยากให้นายเกลียดฉัน ฉันไม่รู้ว่า ถ้าชีวิตนี้ฉันไม่มีนาย มันจะเป็นยังไงน่ะ” มินซอกซบอกชานยอลอย่างดีใจ

     

    “พี่ปล่อยผมเถอะ ผมจะอ้วก ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขึ้นผื่นอย่างนั้นล่ะ ขนลุกมาเชียว ปล่อยผมนะ!!” ชานยอลดันหัวมินซอกออก มินซอกยังแกล้งกอดชานยอลไม่ปล่อย

     

    “ทำไมล่ะ ฉันรักนายนะ ฉันรักนาย ฉันรักนายมากด้วย ม๊วฟ ๆ ๆ ๆ”

     

    เสียงของสองคนนี้ดังออกไปข้างนอกจนทำให้คนที่มาใหม่ถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นชานยอลและมินซอกกำลังปล้ำกอดกันอยู่ที่โซฟา

     

    “พวกเขาสองคนเป็นเกย์หรอ”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค :  ใครมาใหม่น่ะ เดามาสิจ๊ะ รีดเดอร์จ๋า ตอนนี้ความสัมพันธ์คืบหน้านิดหน่อย มาไกลถึง 7 ตอนแต่ยังไม่ถึงไหน เอาเถอะ เราคงจะแต่งยาวอีกแล้ว จะพยายามไม่ให้ยาวมากนะ สำหรับการสอบแอดมิชชั่นของเด็กม.ปลายเกาหลีเขาเรียกว่า ซูนึง [수능] สอบครั้งเดียวจบ ไม่มีสอบเก็บคะแนนเหมือนของไทยเราเลยจ๊ะ โหดมาก ข้อตกลงเราเหมือนเดิม เม้นให้กำลังใจคนแต่งด้วย คนละหนึ่งคอมเม้นเองนะ แท็ก #ficlovegray นี่เราจะเปลี่ยนเป็น love gay ดีไหมเนี่ย 555555

               

     

    หมายเหตุ : เนื่องจากว่ามีคนท้วงติงเรื่องค่าเงินวอนตอนที่คยองซูบ่นกับตัวเองมา เราขอโทษนะคะ ที่เขียนมาแล้วทำให้รู้สึกตะหงิด ๆ และขอบคุณที่ท้วงติงมากนะคะ คือเราแค่อยากจะเขียนประมาณว่า คยองซูแค่ขอเงินพ่อไปซื้อของไร้สาระ ซึ่งคยองก็ไม่ได้บอกพ่อตรง ๆ น่ะคะว่าเอาเงินไปซื้ออะไร เพราะตอนก่อนหน้า น้องคยองก็บอกชานยอลแล้วว่าน้องไม่กล้าบอกพ่อว่าเอาเงินไปซื้อจักรยาน เหมือนกับว่าน้องขอเงินพ่อแค่นั้น พ่อยังบ่น ๆ ๆ ๆ ไม่หยุดอีกประมาณนี้น่ะคะ เดี๋ยวอ่านกันต่อไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะบอกสภาพครอบครัวของน้องคยองให้นะคะ

     

    ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้ เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^

     

     
       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×