ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #7 : Love Gray :: Chapter 6 Revive

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 206
      5
      18 พ.ค. 59


    Chapter 6 – Revive

     

    .

    .

     

    ชานยอลและคยองซูมาถึงสถานที่จัดการแข่งขันจักรยานฟิคเกียร์ที่จังหวัดคังวอน ระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ ชานยอลถามคยองซูว่า ทำไมถึงมางานนี้ได้ เขาได้ขออนุญาตโรงเรียนหรือเปล่า คยองซูบอกว่า เขาโทรไปลาป่วยกับอาจารย์ประจำชั้นแล้ว ชานยอลเลยแอบอึ้งในความบ้าฟิคเกียร์ของคยองซูที่ยอมลงทุนขาดเรียน เหมือนกับเขาที่ยอมลงทุนเพื่อมาดูการแข่งฟิคเกียร์กับคยองซู ที่จริงชานยอลต้องการเจรจาให้คยองซูลบคลิปนั้นทิ้งเลยยอมลา แต่สุดท้ายเขาก็แพ้เด็กม.ปลายและยอมนั่งรถมาดูการแข่งขันจักรยานฟิคเกียร์ถึงที่นี่

     

    ทั้งสองคนเดินหาทางเข้ากันสักพักก่อนจะเจอทางเข้าไป คยองซูถือกล่องขนมแล้วแกะมันกิน ก่อนจะส่งให้ชานยอล ชานยอลที่หิวเป็นทุนเดิมก็รีบคว้ามากินอย่างรวดเร็ว

     

    “นายซื้อที่ไหนเนี่ย” ชานยอลถาม

     

    “ก็คอฟฟี่ช๊อปใกล้ ๆ บ้านพี่นั่นล่ะ เห็นว่ามันอร่อย เลยซื้อมาให้” คยองซูบอก

     

    “ร้านนั้นหรอ มันแพงมากนะ”

     

    “ก็มันอร่อยนี่ ของดี ๆ ก็ต้องแพงเป็นธรรมดาครับ” คยองซูบอกแล้วยิ้ม

     

    ชานยอลพยักหน้าเออออตาม ก่อนจะเห็นผู้คนเริ่มยืนขึ้น การแข่งขันจักรยานฟิคเกียร์ที่จัดที่คังวอนนี้ พิธีกรในงานบอกว่าเป็นครั้งแรกที่มาจัดที่นี้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการจัดที่ชอลลาใต้ ครั้งนี้นักปั่นทั้งหลายที่ร่วมลงการแข่งขันต่างพากันปั่นโชว์ความสามารถและวาดลวดลายการปั่นฟิคเกียร์ที่มีเอกลักษณ์ รถฟิคเกียร์แต่ละประเภทถูกปั่นออกมาโชว์ ผู้คนส่งเสียงเรียกด้วยความสนใจ

     

    “พี่รู้ไหม ฟิคเกียร์ที่นิยมน่ะ มีกี่ประเภท” จู่ ๆ คยองซูก็ดึงไหล่ชานยอลและพูดที่ข้างหู

     

    “ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่” ชานยอลบอก

     

    “มันมีอยู่ 5 ประเภท เดี๋ยวพี่รอดูหลังเลิกงานแล้วกัน ผมจะบอก เผื่อว่าพี่ดูจบแล้วจะอยากได้บ้าง” คยองซูบอก ก่อนจะหันไปสนใจการแข่งขันต่อ

     

    เมื่อการแข่งขันดำเนินไปเรื่อย ๆ ชานยอลเริ่มสนใจจักรยานฟิคเกียร์ว่ามันก็สนุกดี บางทีถ้ามีเวลาว่างเขาอาจจะชวนอี้ฟานที่นั่งดีดเชลโลไปวัน ๆ มาเล่นเป็นเพื่อนก็ได้

     

    “เป็นยังไงบ้างล่ะพี่ เริ่มสนใจฟิคเกียร์หรือยัง” คยองซูถาม หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากที่จัดงาน

     

    “ก็น่าสนนะ แต่ละคันราคาก็คงจะแพงน่าดู” ชานยอลบอก

     

    “โห ระดับพี่น่ะ มีเงินเดือนตั้งเกือบล้านวอน เก็บเงินไม่กี่เดือนก็ได้แล้ว นี่ผมเก็บมาตั้งหลายปี เพิ่งจะซื้อได้เลยนะ”

     

    “งั้นหรอ นายคงชอบมันมากสินะ”

     

    “มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีความสุขได้ ความสุขทั้งหมดของผม... อยู่ที่สิ่งนี้แหละ”

     

    คยองซูบอก สายตาของเขามองไปข้างหน้า ใบหน้าที่ป้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเริ่มจางหาย ชานยอลมองคยองซูแล้วก็คิดว่า ทำไมหมอนี่ต้องทำหน้าเหมือนไม่มีความสุขถ้าไม่มีสิ่งนี้นะ

     

    “เสร็จจากนี้แล้วไปไหนต่ออ่ะ” ชานยอลถาม

     

    “คงกลับบ้านมั้ง จะกลับไปฝึกขี่แม็กนั่มมัน”

     

    “แม็กนั่ม? คืออะไร”

     

    “ฟิคเกียร์ของผมไง มันเริ่มจะเก่งแล้วนะ ผมสอนมันทุกวัน ตอนนี้มันทำให้ผมปั่นถอยหลังเป็นวงกลมได้แล้วนะ” คยองซูบอก รอยยิ้มของเขากลับมาอยู่บนใบหน้าอีกครั้ง ชานยอลยิ้มตามคยองซู

     

    “งั้นหรอ งั้นก็ฝึกมันทุกวันล่ะ สักวันนายคงจะได้ลงแข่งแบบนั้นบ้าง” ชานยอลบอกก่อนจะขยี้หัวคยองซูอย่างหมั่นเขี้ยว คยองซูยิ้มตาหยีแล้วก็วิ่งหนีไป

     

    เดี๋ยวนะ ชานยอลหมั่นเขี้ยวไอ้เด็กนั่นหรอ...

     

    “เราเอ็นดูมันเหมือนเจ้าไคต่างหาก ใช่...” ชานยอลบอกกับตัวเองอย่างขัดใจ เขากำลังเอ็นดูบุคคลมุ้งมิ้งที่เขาเกลียดอยู่ มันต้อง.. เป็นไปไม่ได้

     

    “พี่ชานยอลรีบเดินมาสิ!! เดี๋ยวก็พลาดรถเที่ยวต่อไปหรอก!!

     

    เสียงตะโกนของคยองซู ทำให้ชานยอลหงุดหงิด เด็กมุ้งมิ้งกล้าออกคำสั่งเขาหรอ วันนี้มันได้โดนเขาถีบสักสิบรอบแน่ ให้หายแค้นเรื่องคลิปเลย

     

    .

    .

     

    ลู่หานชวนจงอินออกมาข้างนอกเพราะเบื่อที่ต้องนั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้านคนเดียว จงอินคุยโทรศัพท์ติดต่องานเกือบจะสองชั่วโมงได้ ทันทีที่พวกเขาเข้ามานั่งในร้านกาแฟสุดโปรด ลู่หานรู้สึกเบื่อกว่าตอนที่เขาอยู่บ้านคนเดียวซะอีก คุยอะไรขนาดนั้นนะ รายละเอียดมันเยอะมากเลยหรือไง

     

    “ครับ โอเคครับ... ครับ... เดี๋ยวผมจะบอกลู่หานให้เตรียมตัวนะครับ... ครับ... สวัสดีครับ” พูดจบ จงอินก็ยิ้มให้ลู่หานหน้าบานทันที

     

    “งานมันเป็นยังไงอ่ะ ทำไมคุยนานจังวะ” ลู่หานถาม

     

    “ก็งานหนังอ่ะ มึงจะได้เล่นหนังแล้วนะ” จงอินบอก

     

    “จริงหรอ! เรื่องอะไรอ่ะ”

     

    “เรื่องรักใส ๆ ฉบับวัยกลางคนอ่ะ ตอนนี้เขาจะเอาธีมเรื่องเป็นหลังจากที่พระเอกนางเอกแต่งงานกันแล้วและมีลูกด้วย งานนี้นะ เขากำลังรวบรวมทีมนักแสดงเก่าอยู่ เขาเห็นโฆษณาที่ผู้กำกับชินเอาไปให้เขาดู เขาก็เลยปิ๊งไอเดียว่า อยากจะทำภาคต่อเรื่องนี้ เพราะตอนนี้นะ ช่องที่เคยฉายเรื่องนี้เขาเอามารีรันให้คนดูกัน เห็นบอกว่าเรตติ้งดีเหมือนตอนที่ออกฉายใหม่ ๆ เลยนะ”

     

    “จริงหรอวะ”

     

    ลู่หานแทบไม่อยากเชื่อว่าละครเรื่องแรกของเขาที่เขาโดนพวกนักวิจารณ์นักแสดงยำเละถึงเรื่องที่เขาเล่นว่า มันดูแข็งไปหมดเหมือนกับดูสารคดีเกี่ยวกับป่าไม้เลย เขาแทบจะระเบิดตัวเองตายซะ ก็เพิ่งจะได้เล่นละครแล้วเล่นบทนำเลย เขาก็เกร็งไปหมด แถมได้ประกบกับนักแสดงในดวงใจอย่างคุณยู แจซอกด้วยแล้ว ลู่หานก็แทบจะแข็งตัวเป็นเนื้อหมูในช่องฟรีซเลยล่ะ

     

    “ว้าว!!! นั่นลู่หานที่เล่นเรื่องรักใส ๆ หัวใจชายสี่นี่ เขายังดูหนุ่มเหมือนตอนนั้นเลยอ่ะแก”

     

    “หล่อจังเลยอ่ะ เขามีลูกมีเมียหรือยังอ่ะ เสียดายที่ฉันแต่งงานแล้วอ่ะแก”

     

    “นี่คุณย่าที่บ้านฉันน่ะ ท่านชอบลู่หานมากเลยนะ แต่เสียดายอ่ะ สามปีที่เขาหายไป เพื่อนฉันเลิกชอบไปเลยอ่ะ เพราะไม่มีอะไรมาให้ฟินอีก”

     

    “สงสัยจะเป็นช่วงขาลงด้วยล่ะแก จะสามสิบแล้วนี่ แต่นับถือนะ หน้ายังเด็กอยู่เลย”

     

    “ไปฉีดโบท็อกซ์มาหรือเปล่า ข่าวตอนนั้นบอกเหมือนกันนะ ว่าเขาอาจเสียโฉมด้วย”

     

    เสียงซุบซิบนินทาที่ลอยเข้าหูลู่หานมา เขารู้สึกแปลก ๆ ที่มีคำพูดทั้งดีและไม่ดีลอยมาพร้อม ๆ กัน เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ไม่ให้รู้สึกแย่ เพราะคำชมก็ยังพอได้ยินให้รู้สึกดีอยู่

     

    “ไอ้ห่าน มีคนโพสรูปถ่ายกับมึงเยอะเลยอ่ะ สมัยเมื่อสามสี่ปีก่อน” จงอินพูดขึ้นและยื่นไอโฟนให้ลู่หานดู

     

    รูปบรรดาแฟนหนังแฟนละครของเขาไหลเข้ามาเรื่อย ๆ มันรูปที่พวกเขาได้ถ่ายคู่กับลู่หาน ใบหน้าของลู่หานยิ้มให้กล้องอย่างสดใส ช่วงนั้นเขารู้สึกถึงความรักที่เขาได้รับจากแฟนคลับมากมายจนยิ้มแทบไม่หุบ เขายิ้มออกมา เมื่อมีข้อความหนึ่งเขียนเรื่องราวประทับใจเกี่ยวกับเขา

     

    คุณลู่หาน ฉันคิดถึงคุณจังเลย คุณย่าของฉันท่านชอบคุณมากเลยนะ คุณอยู่ที่ไหนคะ คุณยังจำรูปนี้ได้ไหมที่คุณหอมแก้มคุณย่าของฉัน ท่านชอบมันมาก ๆ ที่จริงท่านป่วยมานานมากแล้ว แต่พอท่านได้เจอหน้าคุณ ท่านกลับมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณย่าของฉันรอคุณอยู่นะคะ ถ้าคุณเห็นข้อความนี้ ขอให้คุณรู้ไว้ว่า พวกเรายังรักและรอคุณอยู่เสมอคะ

     

    ลู่หานมองรูปแล้วแทบจำไม่ได้ว่าเขาไปหาคุณย่าท่านนี้เมื่อไหร่ แต่คงจะเป็นช่วงที่เขาว่างจากงานและมีคนส่งจดหมายมาให้เขาว่า มีคุณย่าท่านหนึ่งป่วยแล้วอยากเจอเขามาก เขาเลยไปหา และพูดคุยกับท่านนิดหน่อย ลู่หานรู้สึกดีมากกว่าแย่ ที่อย่างน้อย เขาก็ทำให้คน ๆ หนึ่งมีอายุยืนขึ้นไปอีกหลายปีได้

     

    “กูเริ่มอยากแสดงหนังเรื่องนี้แล้วสิ เคลียร์คิวและนัดวันฟิตติ้งให้กูด้วยนะ จงอิน”

     

    .

    .

     

    มินซอกนั่งมองไอโฟนตัวเองที่เปิดแอพลิเคชั่นโซเชี่ยลต่าง ๆ ดู มีแต่คนพูดถึงลู่หานที่กำลังโด่งดังหลังจากที่เขาหายไปสามปี เพราะละครเรื่องแรกของเขานำกลับมาฉายซ้ำในช่องโทรทัศน์ที่เคยออกอากาศไป บรรดาแม่บ้านที่ติ่งนักแสดงจีนคนนี้ก็ต่างนั่งดูกันจนเรตติ้งเรื่องนี้พุ่งทลายเกือบแตะขอบฟ้าเลยทีเดียว

     

    “คุณหมอมินซอกคะ เปิดดูละครเรื่องนั้นอยู่หรอคะ”

     

    เสียงทักทายจากผู้มาเยือน มินซอกวางโทรศัพท์ของเขาลงอย่างตกใจแล้วรีบลุกขึ้น รอยยิ้มที่แสนหวานนั้น มันทำให้มินซอกรู้สึกถึงลางร้ายที่กำลังจะมาเยือน

     

    “สวัสดีครับ ศาสตราจารย์ปาร์ค กาฮี” มินซอกพูดทักทายด้วยใบหน้าที่เกินจะควบคุมว่าเขาประหม่าแค่ไหนที่ได้เจอ

     

    “แหม ทำหน้าอย่างกับว่าฉันจะฆ่าคุณหมออย่างนั้นล่ะคะ” ศาสตราจารย์สาวพูด เธอเดินมานั่งที่เก้าอี้สำหรับแขกของมินซอก มินซอกนั่งลง ก่อนจะพยายามยิ้มให้เธอ

     

    “ศาสตราจารย์มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” มินซอกถาม

     

    ศาสตราจารย์กาฮียิ้มให้มินซอกอย่างสบาย ๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอก รอยยิ้มของค่อย ๆ หุบลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูดุดันขึ้นมา

     

    “คุณคงรู้ตัวนะ ว่าคุณทำให้ฉันขายหน้ามากแค่ไหน” เสียงที่ดังจนมินซอกต้องสะดุ้งนั้น เธอแทบไม่ตะโกนออกมาเลย

     

    “ผ... ผมขอโทษครับ” มินซอกพยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ผมไม่กล้าสู้หน้าอีกคนเพราะเรื่องที่เขาทำนั้น มันค่อนข้างที่จะเลวร้ายสำหรับผู้หญิงเลย

     

    “คุณพูดได้อยู่คำเดียวหรือไง คุณอธิบายมาสิ ว่าทำไมคุณถึงยกเลิกนัดฉัน” เธอถาม

     

    “คือว่า....” มินซอกไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาแก้ตัวดี เรื่องในวันนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

     

    “ทำไมไม่พูดล่ะ ฉันรอฟังอยู่นะ”

     

    “ผมขอโทษจริง ๆ ที่ผมไปตามนัดคุณที่บ้านไม่ได้ ผมมีงานเร่งด่วนน่ะครับ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะพาคุณช๊อปปิ้งนะครับ” มินซอกบอก เขาไม่กล้าสบตากาฮีเลย เขารู้สึกแย่ที่เขาต้องทำอะไรแบบนี้

     

    “ก็ได้ พรุ่งนี้คุณต้องมารับฉันที่บ้านนะคะ ฉันจะรอคุณแล้วกัน ตั้งใจทำงานนะคะ แล้วก็....” กาฮีโน้มตัวมาใกล้ ๆ มินซอกแล้วกระซิบที่ข้างหู

     

    “ถ้าเบี้ยวนัดอีก ฉันหนีไปหาพ่อพระเอกที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้แน่” พูดจบ กาฮีก็เดินออกไป

     

    มินซอกรู้สึกโล่งที่เธอไม่อาละวาดและป่าวประกาศกับคนทั่วโรงพยาบาลว่า พวกเขาสองคนกำลังเดทกัน ใช่มินซอกกำลังเดทกับผู้หญิงที่เป็นถึงศาสตราจารย์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ ศาสตราจารย์ปาร์ค กาฮี เธอทั้งสวยและฉลาด แต่เธอโสด เพราะนิสัยของเธอนั้นอาจจะดูเป็นคนที่ชอบกุมอำนาจอยู่ตลอดเวลาก็เป็นได้ แต่วันนั้นที่มินซอกกำลังจะกลับบ้าน เขาเห็นเธอวิ่งออกมาจากลานจอดรถในโรงพยาบาล เขาเลยวิ่งเข้าไปถามเธอเพราะกลัวว่าเธอจะโดนคนร้ายวิ่งตาม แต่เปล่ารถของเธอสตาร์ทไม่ติด ด้วยความที่มินซอกอยู่กับชานยอลบ่อย ๆ เขาเลยอยากรู้วิธีซ่อมรถบ้าง ชานยอลเคยสอนให้เขา มินซอกเลยใช้ความรู้ที่ได้มาจัดการดูรถให้เธอจนสตาร์ทติด แววตาที่เธอมองหลับมาที่มินซอก ทำให้เขารู้สึกว่าเธอประทับใจมินซอกไม่น้อย เธอเลยมอบจูบเล็ก ๆ ให้มินซอกพร้อมเบอร์โทร มันอาจจะดูเร็วเกินไป แต่สำหรับผู้หญิงในวัยที่เลยเลขสามมา มินซอกเข้าใจว่าถ้ามีโอกาสก็คงจะคว้าไว้ เขาเลยลองโทรไปหาเธอดู ทำให้มินซอกได้เห็นอะไรในตัวเธอหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างออกไป เธอนัดมินซอกมากินข้าวที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง มินซอกมาตามนัดแต่กลับพบว่า เธออยู่กับเพื่อน ๆ ของเธออีกหลายคนเลย มินซอกไม่แน่ใจว่าเขาควรจะไปตอนนี้ไหม และแล้วเขาก็เข้าใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนในกลุ่มเพื่อนของเธอโผล่เข้าไป เพื่อน ๆ ของเธอต่างพากันถามอย่างหนัก จนผู้ชายคนนั้นเดินหนีออกมา มินซอกเลยตัดสินใจว่า เขาไม่น่าจะเข้าไป และวันนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสิบวันแล้ว ที่เขาไม่ได้คุยกับเธอ นอกเหนือจากเรื่องงาน

     

    “อยากหนีไปหาไอ้ตอไม้นั่น ก็ไปเลย ไม่น่าคิดสั้นนัดเดทกับสาววัยนี้เลยเรา”

     

    .

    .

     

    ชานยอลและคยองซูกลับมาที่โซลในตอนใกล้ค่ำ คยองซูแยกตัวออกไปทันทีเมื่อถึงป้ายรถเมล์ใกล้ ๆ บ้านของเขา ชานยอลเดินกลับบ้าน ก่อนจะเห็นเจ้าไคนอนอยู่ที่หน้าประตูบ้านเพื่อรอต้อนรับเจ้านายของมัน

     

    “ไคย่า มารอฉันหรอ” ชานยอลลูบหัวเจ้าไค ก่อนจะอุ้มมันเข้าบ้านไป แต่ต้องสะดุดกับขาของมินซอกที่ยื่นออกมาเพื่อเรียกความสนใจจากเขา

     

    “พี่มินซอก! ทำไมไม่เรียกกันดี ๆ ล่ะ หัวฟาดพื้นไม่ใช่เรื่องตลกนะ” ชานยอลโวยวายเมื่อเห็นว่าอีกคนยังนิ่งอยู่

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่าพี่มินซอก”

     

    “ฉันเครียดว่ะชานยอล ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

     

    พูดจบ ชานยอลเลยปล่อยเจ้าไคให้เดินเข้าบ้านไป ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเงินในบ้านและออกมาหามินซอกที่รออยู่ข้างนอก อี้ฟานถามชานยอลว่าจะไปที่ไหนกัน เขาตอบเพียงแค่ร้านเหล้า อี้ฟานก็เข้าใจ ชานยอลค่อนข้างเป็นห่วงมินซอก ซึ่งเขาไม่ได้แตะของพวกนี้มานานแล้ว เพราะมันทำให้เขาดูเสื่อมโทรม ยกเว้นว่าเขาจะคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ ถึงต้องพึ่งเหล้า และถือว่าโชคดีที่มินซอกไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ป่านนี้เขาคงเห็นมินซอกนั่งดูดบุหรี่อยู่หน้าบ้านแน่ ๆ

     

    “อยากระบายก็เต็มที่เลยนะครับ ผมพร้อมล่ะ” ชานยอลเปิดประเด็นทันที มินซอกกระดกเหล้าเข้าปากก่อนจะเล่า

     

    “กูไม่อยากฝืนตัวเองวะ” มินซอกเริ่มใช้คำหยาบเมื่อเขาเมา ชานยอลได้ยินก็ไม่แปลกใจเพราะตอนที่มินซอกเลิกกับชางมินคราวนั้น ชานยอลก็ได้ยินคำเรียกตัวเองเป็นอย่างอื่นตลอด

     

    “ฝืนอะไรหรอ”

     

    “เรื่องความรัก กูทำใจรักผู้หญิงไม่ได้วะ แต่กูก็ไม่อยากรักใครตอนนี้ กูยังทำใจไม่ได้เลยอ่ะ กูต้องทำยังไงวะ มึงกูบอกมาหน่อยดิ ไอ้โย่ง” มินซอกบอก ก่อนจะยกเหล้าเพียว ๆ เข้าปากอีกครั้ง ชานยอลมองแล้วส่ายหน้า

     

    “พี่ก็เลิกคิดมากสักทีเถอะ พี่ชางมินเขาได้ดีไปแล้ว พี่จะไปตามราวีเขาก็ใช่เรื่อง พี่ทำใจเถอะ แต่ถ้าพี่รักผู้หญิงไม่ได้ พี่ก็ควรจะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนได้แล้วนะ คนที่จะทำให้พี่ลืมเรื่องพี่ชางมินน่ะ”

     

    “กูรู้เว้ย ว่าชางมินเขากลับมาเป็นของกูไม่ได้แล้ว แต่กูก็ยังทำใจให้รักคนอื่นไม่ได้ กูต้องทำยังไงดีวะ” มินซอกถาม ตอนนี้ตาของเขาเริ่มจะปรือและมองหน้าชานยอลไม่ค่อยชัดแล้ว ชานยอลขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก จะให้เขาเสนอตัวมาดามใจมินซอกก็ใช่เรื่อง เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้น หรือจะหาแฟนมาให้มินซอก ก็กลัวว่าจะไม่ถูกใจ เอายังไงดีว่ะ

     

    “งั้นพี่ลองจีบพี่อี้ฟานดูสิ เผื่อว่าเขาจะคิดแบบเดียวกับพี่”

     

    ป๊าบ!!

     

    เสียงฝ่ามือกระทบกับหัวของชานยอลเสียงดัง ชานยอลลูบหัวปอย ๆ แล้วมองหน้ามินซอก เขาเห็นมินซอกมองด้วยสายตาที่ไม่ดีเท่าไหร่ ชานยอลเลยได้แต่ลูบหัวกับความคิดที่ไม่จะเข้าท่าของเขา

     

    “มึงคิดว่า... จะให้กูไปอ่อยไอ้คนจีนนั่นหรอ มึงคงไม่รู้สินะ ว่ามันมีเด็กของมัน กูไม่ใช่คนเลว ๆ ที่ชอบแย่งของ ๆ ใครนะเว้ย”

     

    “งั้นก็ไปจีบเด็กพี่สิ ไอ้หมอเซฮุนอะไรนั่นอ่ะ ที่ชอบมาส่งพี่บ่อย ๆ อ่ะ อย่าคิดว่าผมไม่เห็นนะ”

     

    “มึงรู้จักเซฮุนดีแล้วหรอถึงบอกให้กูไปเอาไอ้เด็กนั่น มันทั้งเจ้าชู้แล้วก็น่ากลัว กูไม่เอาอ่ะ”

     

    “แล้วพี่จะเอายังไง ผมคิดให้แล้วพี่ก็ไม่เอา ผมก็จนปัญญาแล้วนะ”

     

    “กูก็ไม่รู้อ่ะ แต่พรุ่งนี้กูจะไปเดทกับกาฮี”

     

    “ห๊า?! เมื่อกี้พี่บอกว่าเดทกับใครนะ”

     

    “ศาสตราจารย์หญิงของโรงบาลกูอ่ะ ปาร์ค กาฮีอ่ะ มึงก็เคยเจอนี่ ตอนที่มึงไปพาเพื่อนไปมึงไปผ่าตัดไส้ติ่ง กูว่ากูบอกมึงแล้วนะ ว่าหล่อนเป็นใคร”

     

    ชานยอลมองมินซอกตาค้าง ศาสตราจารย์ปาร์ค กาฮี คนนั้นที่ชานยอลเคยเจอตอนมาหามินซอกครั้งนั้นเมื่อนานมาแล้ว เธอดูสวยและสง่ามาก จนชานยอลตกหลุมรัก เขาเลยถามมินซอกว่าเธอคือใคร จากนั้นมาชานยอลก็จะมาแอบมองเธอเป็นบางครั้งที่คิดถึง เขาไม่กล้าที่จะเจอหน้าเธอเลย เพราะการศึกษาและเงินเดือนที่ดูด้อยกว่า ทำให้ชานยอลไม่กล้าที่จะสู้หน้าเธอได้เลย

     

    “พี่... กับคุณกาฮี... ไปถึงไหนแล้วอ่ะ” ชานยอลถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลง

     

    “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก... หล่อนนัดกูไปกินข้าว แต่กูเบี้ยวนัด กูเลยบอกว่าพรุ่งนี้ฉันพาเธอไปเดทชดเชย ที่จริงเราเพิ่งเดทกันจริง ๆ จัง ๆ นี่ล่ะ เอิ๊ก!

     

    มินซอกเริ่มคุมสติไม่อยู่ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะทิ้งตัวได้แล้ว เขาใช้โต๊ะในการค้ำตัวเองไม่ให้ล้มไปกองอยู่กับพื้น สภาพที่เขามองไปรอบ ๆ ตัวตอนนี้ เหมือนเขากำลังยืนอยู่บนเรือที่โคลงเคลงมาก ๆ

     

    “เธอเป็นคนที่สวยนะ พี่ก็อย่าทำให้เธอผิดหวัง อ้าว... พี่มินซอก!

     

    สิ้นเสียงชานยอล มินซอกก็ลงไปกองกับพื้นแล้วเรียบร้อย ชานยอลรีบดึงมินซอกขึ้นมา แต่ดูเหมือนมินซอกจะชอบแรงโน้มถ่วงมากจนไม่ยอมลุก ชานยอลต้องรีบงัดแงะมินซอกไม่ได้ติดพื้นไปมากกว่านี้

     

    “ผมว่าเรากลับดีกว่า เหล้ายังเหลืออีกเยอะเลย เอาไว้กินที่บ้านนะ” ชานยอลบอก ก่อนจะรีบพยุงมินซอกออกมาจากร้านเหล้า ชานยอลเดินชนกับใครคนหนึ่งก่อนจะตกใจที่เห็นว่าเขาเป็นคนคุ้นเคย

     

    “พี่ชางมิน...” ชานยอลเอ่ยออกมา ชางมินดูตกใจที่เห็นมินซอกคอพับแบบนี้

     

    “ทำไมมินซอกเป็นแบบนี้ล่ะ”

     

    “คือว่า...”

     

    “พาเขาไปที่รถพี่เลย” ยังไม่ทันตอบ ชางมินเข้ามาช่วยชานยอลพยุงร่างมินซอกไม่ได้สติไปแล้วมาที่รถของเขา

     

    ชางมินขับรถพาทั้งสองคนที่บ้าน ชางมินยืนมองบ้านที่เขาเคยอยู่แล้วรู้สึกคิดถึง ก่อนจะช่วยชานยอลพยุงร่างของมินซอกขึ้นมาที่ห้อง

     

    “มินซอกดื่มหนักขนาดนี้เลยหรอครับ” อี้ฟานถามทันที ที่เห็นชานยอลกับชางมินพยุงร่างมินซอกเข้ามา ชานยอลพยักหน้าเป็นคำตอบให้ ก่อนที่อี้ฟานจะเดินไปเปิดประตูห้องของมินซอกให้ โดยเอากุญแจห้องจากชานยอลไป

     

    “ตอนนี้เราคงต้องปล่อยให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันหน่อยนะ” ชานยอลกระซิบบอกอี้ฟานเบา ๆ เพื่อไม่ให้ชางมินได้ยิน หลังจากที่พาร่างของมินซอกวางไว้บนเตียงแล้ว

     

    “ทำไมล่ะครับ”

     

    “คนที่มากับพวกเรา เขาคือแฟนเก่าพี่มินซอกน่ะ”

     

    “อ๋อ..”อี้ฟานพยักหน้าอย่างเข้าใจ

     

    ชางมินห่มผ้าให้มินซอก ก่อนจะนั่งมองมินซอกสักครู่ ความรู้สึกเดิม ๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันหวนกลับมา ชางมินไม่เคยลืมมินซอก และเขาก็รู้ว่ามินซอกก็ไม่เคยลืมชางมิน เพราะไม่อย่างนั้น มินซอกก็ต้องเปลี่ยนเบอร์มือถือและย้ายที่อยู่ไปที่อื่นแล้ว ถึงที่ทำงานอาจจะเปลี่ยนได้ยาก แต่เขาก็ยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปไหนมาสามปีแล้ว ชางมินลูบหัวมินซอกก่อนจะเดินออกมา

     

    “ฝากมินซอกด้วยนะชานยอล แล้วก็...” ชางมินเว้นวรรคก่อนจะมองหน้าอี้ฟาน

     

    “สวัสดีครับ ผมอู๋ อี้ฟาน พักอยู่ห้องฝั่งโน่นครับ” อี้ฟานแนะนำ

     

    “สวัสดีครับ ผมชเวกัง ชางมิน ผมเป็นเพื่อนกับมินซอกเขาน่ะครับ พอดีเจอกันเลยช่วยชานยอลเขา ถ้ายังไงแล้ว ผมขอตัวเลยแล้วกัน”

     

    “เดี๋ยวก่อนสิพี่ชางมิน” ชานยอลเรียกเอาไว้

     

    “มีอะไรหรอ”

     

    “พี่อยู่ดูพี่มินซอกได้ไหม ช่วงนี้เขาเครียดมากเลย ถึงกับต้องดื่มเหล้า พี่ก็รู้ว่า เวลาพี่มินซอกเครียดมาก เขาเป็นยังไง” ชานยอลบอก

     

    “อืม... ที่จริง ฉันคิดว่าคืนนี้คงจะไม่กลับบ้านเหมือนกัน”

     

    “ดีเลย พี่อยู่ดูแลพี่มินซอกแทนผมด้วยนะ ผมทำอะไรไม่ค่อยถูกใจพี่เขาเท่าไหร่เวลาเมา พี่ก็เห็นว่าตอนนั้นผมโดนอะไรบ้าง” ชานยอลบอกด้วยสายตาจริงจัง ชางมินหัวเราะ

     

    “โอเค ๆ เดี๋ยวคืนนี้ฉันเฝ้ามินซอกให้ก็ได้ แต่อย่าบอกเขานะ ว่าฉันมา เดี๋ยวเขาจะอาละวาดซะเปล่า ๆ”

     

    “โอเคครับ งั้นพวกเราขอตัวเลยนะ”

     

    พูดจบชานยอลก็ผลักอี้ฟานกลับเข้าห้องและพาตัวเองเดินเข้าห้องไป ชางมินมองที่ประตูบานนั้นอย่างรู้สึกในใจ เขาอยากเจอมินซอกนาน ๆ แบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : มาอัพวันเกิดน้องโด้ของเรา สุขสันต์วันเกิดนะคะคยองซูของเอ็กโซแอล ^^ ตอนนี้เอาแล้วไง ชางมินจะทำอะไรมินซอกน่ะ ไม่บอก รออ่านสิจ๊ะ เหมือนพี่ลู่หานของเรากำลังจะกลับมาดังแล้ว งานมาแล้ว แล้วเมื่อไหร่ลู่หมินจะรักกัน รอไปก่อนเถอะนะ อีกนาน 555555 เหมือนเดิม สนุกไม่สนุกยังไงบอกกันด้วยนะ ไรท์แต่งกาก ก็บอกได้ ฟิคเรื่องนี้ยังหาความลงตัวไม่ค่อยได้เลย ช่วยเม้นกัน บอกกันได้เลยนะ ติดแท็ก #ficlovegray กันได้ ให้กำลังใจไรท์ เดี๋ยวไรท์แต่งไม่จบนะ 5555 มีขู่ ๆ

     

    ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้ เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^

       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×