ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #6 : Love Gray :: Chapter 5 Old actor

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 291
      5
      18 พ.ค. 59



    Chapter 5 – Old actor

     

    .

    .

     

    ลู่หานยืนแข็งทื่ออยู่หน้าบ้านของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นอัมพาตไม่สามารถเดินไปไหนได้ แขนของเขาถูกมือของใครคนหนึ่งรวบไว้กับตัวโดยที่คนรวบตัวเขาไว้กำลังร้องไห้อย่างหนักจนเสื้อของเขาเริ่มเปียก

     

    “ฮือ....”

     

    เสียงร้องไห้ยังดังต่อเนื่อง ลู่หานไม่รู้ว่าเขายืนโง่อยู่หน้าบ้านตัวเองให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มากอดทำไม แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาต้องทำแบบนั้นเพื่อให้คนที่กอดเขาไว้รู้สึกดีขึ้น แต่พอมาคิดอีกที ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยนะ

     

    “คุณ..ครับ...” ลู่หานพูดขึ้น

     

    เสียงร้องไห้เริ่มจะหายไปแล้ว แต่เสียงสะอื้นยังมีอยู่ แขนที่กอดเขาไว้ค่อย ๆ คลายออก ลู่หานรู้สึกถึงอิสระอีกครั้ง เขาหันไปมองคนที่กอดเขาเมื่อครู่ ตอนนี้เขากำลังก้มลงเก็บกล่องนั้นขึ้นมา

     

    “ผมขอโทษนะครับ... ฮึก... ที่ทำให้คุณลำบาก ผมขอบคุณนะครับ... ที่ช่วยยืนปลอบใจผม... ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ”

     

    เขาพูดโดยที่ก้มหน้า เขาคงไม่อยากให้ลู่หานเห็นใบหน้าที่กำลังร้องไห้สินะ ผู้ชายมักจะเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ชอบให้ใครเห็นน้ำตา ว่าแล้วเขาก็ค่อย ๆ เดินจากไป ลู่หานมองแล้วรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

     

    “นี่คุณ...” ลู่หานตัดสินใจเรียกเอาไว้

     

    “ครับ...” เขาค่อย ๆ หันมา สายตาที่สบกันอย่างจัง ทำให้ต่างฝ่ายต่างตกใจ

     

    “คุณ!” ลู่หานเห็นชัดเจนแม้ว่าดวงตาจะบวมขนาดนี้

     

    มินซอกรีบหันหน้าหนี แล้วเดินหนีทันที ลู่หานแอบขำเล็กน้อยที่เห็นหมอหนุ่มปากร้ายในสภาพนี้ ก่อนจะเดินตามไปคว้ามือเอาไว้

     

    “เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าคุณไม่อยากให้เพื่อนของคุณเห็นว่าคุณร้องไห้ก็มาเอาน้ำแข็งที่บ้านผมไปประคบตาก่อนไหม” ลู่หานถาม

     

    “ไม่จำเป็น! ผมจะกลับบ้านทั้งอย่างนี้ล่ะ” มินซอกสะบัดมือออกแล้วเดินจากไปทันที แต่ลู่หานก็ยังไม่ยอมแพ้

     

    “เอาน่า ถือว่าผมได้ตอบแทนคุณบ้างไง มากับผมเถอะ” ลู่หานถือวิสาสะลากมินซอกเข้าบ้านทันที

     

    “นี่คุณ!! ปล่อยผมนะ ผมบอกให้ปล่อยไง” มินซอกโวยวาย

     

    ลู่หานลากมินซอกเข้าบ้านมาจนได้ ก่อนจะจัดการให้คนตัวเล็กกว่านั่งลงที่โซฟาและเดินไปหยิบผ้าใส่ก้อนน้ำแข็งยื่นให้ มินซอกที่นั่งหงุดหงิดอยู่ก็รับมาก่อนจะเอามันประคบไว้ที่ตา หมอหนุ่มที่กำลังเสียใจทำให้เขาไม่สามารถที่จะต่อสู้กับอะไรต่าง ๆ ได้ เขาเลยต้องยอมอย่างว่าง่าย

     

    “ขอบคุณนะ” มินซอกบอก ทั้งที่หลับตาอยู่

    “เรื่องนี้หรอ ไม่เป็นไรหรอก คนกันเองนี่ ใช่ไหม”

     

    “ไม่ใช่... เรื่องที่คุณให้ผมกอดน่ะ มันทำให้ผมรู้สึกดีมากจริง ๆ” มินซอกบอก

     

    ลู่หานหันมามองหน้ามินซอกที่ตอนนี้มีผ้าบังหน้าเขาไว้เกือบหมด จะมีผู้ชายสักกี่คนที่เวลาร้องไห้แล้วจะไม่ทนกับการที่มีคนมากอดและปลอบเขาเอาไว้ เขาก็เป็นผู้ชายอีกคนที่เวลาร้องไห้ เขาก็ต้องการกอดของใครสักคนไว้ปลอบตัวเองเหมือนกัน

     

    “ไม่เป็นไร พอดีว่าผมเป็นคนดี” ลู่หานบอก

     

    “อ๋อ... ครับ.. ดีมากเลย” มินซอกบอก ลู่หานหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาอะไรกิน

     

    “คุณอยู่คนเดียวหรอ” อยู่ ๆ ก็มินซอกถามขึ้น

     

    “ใช่ ผมอยู่คนเดียว จงอินมันก็อยู่บ้านมัน ผมไม่อยากให้มันทะเลาะกับคนในครอบครัวมันอีก นาน ๆ ทีมันก็มานอนกับผมบ้าง เออ... รู้สึกว่าผมจะพูดมากไป ผมลืมไปว่าคุณไม่รู้จักจงอิน”

     

    “นั่นสิ พูดเหมือนเรารู้จักกันแล้วงั้น” มินซอกบอก ลู่หานรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้จะอะไรนักหนา เขาไปเหยียบเงาหัวเมื่อชาติปางก่อนหรือ ถึงได้พูดจาอะไรไม่เข้าหูเขาเลยจริง ๆ

     

    “งั้นคุณก็บอกชื่อคุณมาสิ ผมจะได้รู้จัก” ลู่หานบอก

     

    “ไม่จำเป็นไง ผมก็บอกคุณไปแล้วนี่ ว่าเราไม่ต้องรู้จักกันหรอก” มินซอกบอก

     

    “ทำไมคุณถึงกลัวการรู้จักกับคนแปลกหน้านะ เราก็เจอกันมากกว่าสองครั้งแล้วนะ นี่ครั้งที่สาม คุณยังไม่อยากให้ผมรู้ชื่อคุณอีกหรอ”

     

    “แล้วคุณจะอยากรู้จักผมไปทำไม คุณป่วยหรอ ผมเป็นหมออายุรกรรม ถ้าคุณป่วย ก็มาหาหมอที่โรงพยาบาลได้เลยแล้วกัน อ่อ! แต่เดาให้มันถูกด้วยนะครับ ว่าผมอยู่โรงพยาบาลไหน” มินซอกบอก

     

    ลู่หานอยากย้อนเวลากลับไปแล้วจะไม่พูดชวนมินซอกเข้าบ้านเด็ดขาด ลู่หานดื่มน้ำจนหมดแก้วหลังจากเทมันเมื่อสักครู่ ก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาข้าง ๆ มินซอกแล้วเปิดทีวีดู

     

    “คุณเพิ่งเลิกงานหรือไง” มินซอกถามอีก

     

    “ถามทำไม” ลู่หานตอบ

     

    “ก็ไม่อะไร คุณก็ดูมีงานทำนี่ ทำไมข่าวออกมาว่าคุณโดนปลดจากละครที่เพิ่งถ่ายทำอยู่ล่ะ” มินซอกถาม ลู่หานอยากตะโกนใส่หน้าผู้ชายคนนี้ว่า อย่ามาเสือก จริง ๆ แต่ถ้าพูดแบบนี้ ภาพพจน์ที่อุตส่าห์คิดว่ามันน่าจะดีของเขานั้นคงหมดไป ลู่หานพยายามกลั้นอารมณ์ไว้แล้วตอบ ก่อนจะคิดอะไรได้

     

    “ถามผมแบบนี้ สนใจผมล่ะสิ” เมื่อมินซอกได้ยินประโยคนี้ก็รีบหันมามองด้วยความหงุดหงิด

     

    “สนใจกับผีน่ะสิ หลงตัวเองไม่เข้าเรื่อง” พูดจบ ลู่หานก็อมยิ้มเล็ก ๆ

     

    “พอดีว่าผู้กำกับเขาเป็นคนคิดอะไรไวน่ะ อยากทำอะไรก็ทำ ผมเลยปฏิเสธไม่ได้ที่เขาผมบอกว่า เขาอยากได้นักแสดงหน้าใหม่แทน ” ลู่หานบอกด้วยสีหน้าของคนที่มีความสุข

     

    “อ๋อ งั้นก็จริงอย่างที่ชานยอลบอกด้วย คุณตกอับแล้วสินะ” พูดจบ ลู่หานหันมามองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ถ้าว่ากันขนาดนี้ เอามีดมาแทงอกเลยไหม ลู่หานถาม!

     

    “พอแล้วล่ะ เดี๋ยวเดินไปเรื่อย ๆ ตาคงจะค่อย ๆ หายบวมเอง ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม ถ้ายังไง คุณป่วยก็มาให้ผมรักษาได้นะ หรืออยากให้ผมวินิจฉัยโรคก็บอกได้ ผมจะไม่คิดเงิน ผมลาล่ะ” มินซอกวางผ้าลงที่โต๊ะรับแขก ก่อนจะเดินออกไป

     

    ลู่หานมองตามอย่างหงุดหงิด ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำให้เขาหงุดหงิดขนาดนี้นะ ทำไม!!!

     

    ด้านมินซอกที่เดินออกมา เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี ทำไมเขาถึงอารมณ์ดีหลังจากที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นทำหน้าไม่พอใจ มินซอกนั่งรถเมล์กลับมาที่บ้าน ก่อนจะเข้าบ้าน เขาส่องกระจกที่กระจกข้างของรถคันหนึ่งที่จอดไว้ใกล้ ๆ บ้านของเขาเพื่อดูความบวมของดวงตา ก่อนจะเดินเข้ามา ภายในบ้านมืด อย่างน้อยก็ไม่มีคนถามเขาเรื่องตาบวมแล้วล่ะ

     

    “อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่นอนร้องไห้เหมือนทุกทีแหะ”

     

    .

    .

     

    เช้าวันทำงานของชานยอล เขามาตามนัดของเด็กม.ปลายคนนั้นที่บอกไว้เมื่อคืน เขาลงทุนลางานเพื่อที่จะได้จัดการกับเด็กคนนั้นได้ เมื่อยืนรอสักพัก เด็กเจ้าปัญหาคนนั้นก็ยืนถือกล่องขนมที่ให้เขามาเมื่อคืนด้วย เมื่อคยองซูเห็นชานยอลที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็โบกมือให้และยิ้ม ชานยอลอยากจับเด็กคนนี้มาแล้วผลักตกตึกสิบชั้นน่าจะดีเผื่อจะได้หายแค้นเรื่องเมื่อคืน

     

    “ผมเอาขนมร้านนี้มากินด้วยระหว่างทาง พี่รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” คยองซูบอกแล้วจับมือชานยอล ชานยอลสะบัดมือออก ก่อนจะพูด

     

    “นายคิดว่าฉันจะไปกับนายหรอ ห๊ะ! เอามือถือนายมาเลย ลบคลิปที่นายถ่ายเมื่อคืนทิ้งซะ” พูดจบ คยองซูก็ทำหน้าเศร้า

     

    “อะไรอ่ะ... นี่พี่จะไม่ไปกับผมจริง ๆ หรอ...” ก่อนจะเบ้ปากใส่ ชานยอลเห็นแล้วหงุดหงิด เขาไม่ชอบเด็กขี้แยแบบนี้เลย

     

    “อย่าร้องไห้ ห้ามร้องไห้!!

     

    “ฮึก! พี่ชานยอล... ฮึก! ผมอุตส่าห์ตั้งใจไว้อย่างดี”

     

    “ไม่ต้องพูดมาก ลบคลิปนั้นทิ้งซะ!!

     

    “ที่แท้พี่ก็เป็นคนไม่รักษาคำพูดแบบนี้นี่เอง”

     

    “นาย! ก็ได้ ๆ ฉันจะไปกับนายก็ได้ แต่นาย! ต้องลบคลิปนั้นทิ้งซะ เข้าใจไหม!” ชานยอลบอกด้วยเสียงดุ คยองซูเลิกเบ้ปากใส่ ก่อนจะยิ้มและเกาะแขนชานยอล

     

    “พี่ชานยอลใจดีที่สุดเลย...” คยองซูเอาหัวมาถูแขนชานยอล ชานยอลรีบแกะมือและผลักหัวคยองซูออก

     

    “อย่ามาเกาะแขนฉันแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ!!” ชานยอลบอก

     

    “อะไรอ่ะ พี่ไม่ชอบหรอ ไม่เป็นไร ผมทำแบบนี้ก็ได้” พูดจบคยองซูก็จับชานยอลล็อคคอ ชานยอลแทบล้มทั้งยืน

     

    “อ๊อก! ไอ้.. เด็ก... ปล่อยกูนะเว้ย กูจะไม่ทนแล้วนะ” ชานยอลบอก คยองซูยอมปล่อย

     

    “อ้าว! นี่ผมอุตส่าห์เอาใจพี่ขนาดนี้เลยนะ แบบนั้นก็ไม่ชอบ แบบนี้ก็ไม่ชอบ แล้วพี่ชอบแบบไหนอ่ะ ผมจะได้เป็นให้”

     

    “ แค่ก! แค่ก! กูไม่ชอบแบบไหนทั้งนั้น มึงจะไปไหนก็ไปเลยนะ ไป!! ” ชานยอลโมโหมากจนไม่สามารถที่รักษาคำพูดแบบสุภาพเอาไว้ได้แล้ว เขาเดินหนีคยองซูไปทันที คยองซูตกใจรีบวิ่งตาม

    “พี่ชานยอล!! ผมขอโทษ ผมไม่แกล้งพี่แล้วก็ได้ พี่ไปดูการแข่งขันกับผมเถอะนะ นะ!!” คยองซูบอก ชานยอลไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ

     

    “โอ๊ะ!!

     

    ปึก!! บรื้นนนน....

     

    “โอ๊ย!!!

     

    เสียงคยองซูดังขึ้น ชานยอลรีบหันไปตามเสียง ก่อนจะเห็นว่าคยองซูนอนกลิ้งอยู่พื้นอีกฝั่งของถนน ตัวเขาเดินข้ามถนนมาแล้ว แต่คยองซูคงไม่ทันมองรถเลยถูกรถชนเอาแน่ ๆ แต่ว่ารถคันนั้นก็แล่นหายไปเลย ไม่ได้กลับมาดูเหตุการณ์ว่า เขาทำอะไรลงไป ชานยอลรีบวิ่งมาดูคยองซู ก่อนจะเห็นว่า ไม่เป็นอะไรมาก

     

    “ทำไมมึงไม่ดูรถบ้างวะ อยากตายหรอ” ชานยอลบอก

     

    “ก็ผมไม่อยากให้พี่หนีผมไปแบบนี้อ่ะ ผมอยากไปดูการแข่งจริง ๆ นะ พี่ไปดูกับผมเถอะนะ นะครับ โอ๊ย...” คยองซูบอกพร้อมกับทำหน้านิ่วเพราะความเจ็บที่แขนของเขา มันถลอกนิดหน่อยให้เลือดพอซึมออกมา

     

    “ก็ได้... กูจะยอมมึงครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” ชานยอลบอก ก่อนจะหยิบพลาสเตอร์ติดแผลที่เขาชอบพกเวลาที่ทำงานแล้วโดนพวกอุปกรณ์ซ่อมทำร้ายจนเลือดออก เขาแกะแล้วติดที่แผลของคยองซู

     

    “กลับบ้านแล้วค่อยล้างก็ได้นะ คงไม่ติดเชื้อหรอก” ชานยอลบอก

     

    คยองซูมองหน้าชานยอลแล้วยิ้ม เขารู้สึกดีที่ชานยอลไม่ปล่อยให้แผลของเขาอยู่สะท้านอากาศข้างนอกนาน ชานยอลเก็บกล่องขนมที่คยองซูถือมาด้วยแล้วลุกขึ้น ก่อนจะส่งมือให้คยองซู

     

    “ รีบไปเถอะ งานเริ่มสิบโมงไม่ใช่หรอ เดี๋ยวไม่มีที่ยืนดูหรอก”

     

    .

    .

     

    ด้วยความที่ได้เข้าเมืองหลวงของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก บัณฑิตจบใหม่อย่าง คิม จุนมยอนเลยอยากท่องโลกให้สมกับที่คุกเข่าขอคุณพ่อมาหางานทำที่นี่ และเมื่อต้องเปิดโลกใหม่ของเขา จุนมยอนเลยมาที่ร้านขายอุปกรณ์กล้องที่ใกล้ ๆ แถวบ้านของอี้ฟาน เขาอยากซื้อเลนส์กล้องสวย ๆ เอาไว้ถ่ายรูปอี้ฟาน เดี๋ยววันนี้เขาจะลองไปหาอี้ฟานดู เพราะเขาคงรอให้ผู้ชายคนนั้นโทรมาหาเขาก่อนไม่ไหว ถ้าเขาจะทำตัวเป็นคนหน้าด้านบ้าง อี้ฟานก็คงไม่ว่าหรอกนะ

     

    จุนมยอนแวะซื้อกาแฟไปฝากอี้ฟานด้วย เผื่อว่าเขาจะทำงานจนไม่มีเวลาออกมาซื้อกาแฟ จุนมยอนใช้ตรรกะง่าย ๆ ว่า ผู้ชายแบบอี้ฟานคงจะชอบอะไรที่มันเข้ม ๆ เหมือนหน้าตาของเขา จากนั้นจุนมยอนก็ใช้เวลาไม่นานในการมาที่บ้านของอี้ฟาน เขาใช้เวลาทำใจสักครู่เพื่อเรียกความหน้าด้านของตัวเองให้มาสิงร่างแล้วกดกริ่งที่หน้าบ้านและยืนรอให้ใครสักคนมาเปิดประตูให้

     

    “ใครครับ!!” เสียงเรียกถามไม่ไกลจากประตูรั้ว

     

    “ผมมาหาคุณอี้ฟานครับ!!” จุนมยอนตอบกลับไป

     

    เสียงฝีเท้าเดินมาที่ประตูรั้ว ก่อนจะเปิดออก อี้ฟานในชุดสบาย ๆ เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขอสามส่วนสีน้ำตาล ทรงผมที่ไม่ได้ถูกจัดทรงนั้นลู่ลงมา ทำให้จุนมยอนอดไม่ได้ที่จะ

     

    แชะ!

     

    จุนมยอนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปอี้ฟานเอาไว้ด้วยความที่คว้าอะไรมาถ่ายได้ก็ถ่ายก่อน อี้ฟานตกใจอีกครั้งที่จุนมยองถ่ายรูปเขาแบบนี้ สองครั้งแล้วที่เขาโดนถ่ายแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ และมันทำให้เขาคิดว่า จุนมยอนมีโอกาสเป็นผู้ป่วยทางจิตหรือไม่

     

    “ขอโทษที่มารบกวนนะครับ พอดีว่า คุณไม่โทรมาหาผมสักที ผมเลยคิดว่าถ้าซื้ออะไรมาตอบแทนคุณเอง น่าจะดีกว่า” จุนมยอนพูดขึ้น ก่อนจะยื่นแก้วกาแฟกับกล่องขนมที่เขาซื้อมาให้อี้ฟาน อี้ฟานรับมาอย่างงุนงง

     

    “อะไรหรอครับ” อี้ฟานถาม

     

    “เอสเปสโซ่เย็นและมาการองจากร้านคอฟฟี่ช๊อปใกล้ ๆ นี่ล่ะครับ ผมเคยกินแล้วมันอร่อย ผมเลยซื้อมาให้คุณ” จุนมยอนบอกแล้วยิ้มกว้างให้เขา

     

    อี้ฟานยิ้มให้ ก่อนจะชวนจุนมยอนเข้ามาในบ้าน อี้ฟานแอบกลัวนิดหน่อยที่จุนมยอนมาหาเขาแบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่จุนมยอนดูวุ่นวายกับเขามากเกินไป

     

    “คุณอี้ฟานกำลังทำอะไรอยู่หรอครับ” จุนมยอนถาม

     

    “พอดีว่ากำลังรดน้ำต้นไม้ข้างนอกน่ะครับ เห็นว่ามันเฉานิดหน่อย” อี้ฟานบอก ก่อนจะนั่งเกร็ง

     

    “ดื่มกาแฟสิครับ อร่อยนะ” จุนมยอนคะยั้นคะยออี้ฟาน จนเจ้าตัวต้องรีบยกแก้วกาแฟมาดื่มตามคำบอก อี้ฟานลังเลเล็กน้อย เขากลัวว่าจุนมยอนจะแอบใส่ยาอะไรลงไปหรือเปล่า ถึงได้อยากให้เขาดื่มกาแฟแก้วนี้มาก

     

    “อร่อยดีนะครับ” อี้ฟานจิบกาแฟพอเป็นพิธี ก่อนจะเห็นว่าจุนมยอนสนใจรอบ ๆ ตัวบ้าน ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ

     

    “คุณชอบถ่ายรูปหรอ” อี้ฟานถาม

     

    “มากเลยครับ พอผมเรียนจบ ผมรีบขอคุณพ่อซื้อกล้องให้ผมเลย พ่อบอกว่า ซื้อให้แล้วก็อย่าทำมันพังล่ะ ผมก็เก็บรักษามันอย่างดีเลยนะครับ ถ้าไม่เจอรูปที่รู้สึกว่าอยากถ่ายจริง ๆ ผมก็จะไม่ถ่ายมัน” จุนมยอนบอก พร้อมกับลูบกล้องอย่างหวงแหน

     

    “คุณทำงานเป็นช่างภาพหรอครับ”

     

    “เปล่าครับ ผมกำลังรอเรียกสัมภาษณ์งานอยู่ครับ ผมจบเศรษฐศาสตร์มา พ่ออยากให้ผมเป็นอาจารย์... แต่ผมไม่อยากเป็น...” จุนมยอนบอก ก่อนจะแกะกล่องขนมแล้วยื่นมาการองให้อี้ฟานอันหนึ่ง ก่อนจะหยิบมาใส่ปากตัวเองอันหนึ่ง

     

    “ผมชอบมาการองร้านนี้นะครับ ไม่หวานมาก กำลังดีเลย” จุนมยอนบอก

     

    อี้ฟานมองจุนมยอนด้วยความรู้สึกว่า เขาคงไม่ได้ชอบอี้ฟานในแบบที่มินซอกบอกหรอก เขาคงจะแค่อยากมีเพื่อนคุยด้วยเฉย ๆ เลยพยายามเข้าหาเขาแบบนี้ อี้ฟานเลยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมา 2%

     

    “คุณรู้ไหมว่าผมทำงานอะไร” อยู่ ๆ อี้ฟานก็ถามขึ้น จุนมยอนขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า

     

    “งั้นเดี๋ยวผมมานะ” อี้ฟานบอก ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน แล้วหยิบเชลโลมา จุนมยอนเห็นเชลโลแล้วก็ตื่นเต้นและยิ้มอย่างชอบใจ

     

    “คุณเป็นนักดนตรีหรอครับ?” จุนมยอนถาม

     

    “ใช่แล้ว ผมเป็นนักดนตรีอิสระ จากจีน ตอนนี้ผมกำลังหาแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง โดยการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ” อี้ฟานบอก จุนมยอนพยักหน้าอย่างสนใจ

     

    “คุณเล่นกับพวกวงออร์เครสต้าด้วยไหมครับ” จุนมยอนถาม

     

    “ก็ไม่เชิงหรอครับ ผมเพิ่งได้รับความสนใจจากการเล่นเดี่ยวเชลโล มันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมดูยิ่งใหญ่มาก เวลาอยู่บนเวที”

     

    “อ๋อ... แต่ว่า.. คุณเป็นคนจีน แต่คุณดูพูดเกาหลีคล่องจังเลยนะครับ”

     

    “ผมเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มเติมตอนที่เรียนอยู่ที่แวนคูเวอร์น่ะครับ พอดีว่าแฟนเก่าผม... เธอเป็นคนเกาหลีน่ะ” อี้ฟานบอก จุนมยอนรู้สึกโหวง ๆ ตรงท้องที่มาพร้อมกับความรู้สึกไม่ค่อยดียังไงชอบกล

     

    “อ๋อ... อย่างนี้นี่เอง... เออ... งั้นคุณเล่นให้ผมฟังหน่อยสิครับ”

     

    อี้ฟานจัดท่านั่งให้ตัวเองพร้อมสำหรับเล่นเชลโลตัวนี้ เสียงของคันชักและการดีดสายเชลโลของอี้ฟาน ทำให้บทเพลงเริ่มบรรเลงออกมา จุนมยอนนั่งมองอี้ฟานเล่นเชลโลด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ความคิดที่ว่าเนื้อคู่กันนั้น แค่มองหน้าแล้วหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้ มันต้องใช่แน่ ๆ จุนมยอนยิ้มออกมาด้วยความเคลิ้มและหลงใหลในตัวอี้ฟานพุ่งสูงจนเลยเพดานหัวใจของจุนมยอนออกมา ใบหน้าเริ่มร้อนและแดงขึ้น อี้ฟานยังคงบรรเลงเพลงของเขาอย่างมีความสุข การได้เล่นเชลโลตัวนี้ มันทำให้เขามีความสุขทุกครั้ง เสียงเพลงบรรเลงได้สามนาที อี้ฟานก็เริ่มเข้าสู่ตอนจบของบทเพลง อี้ฟานวางคันชักลง ก่อนจะหันมามองจุนมยอน อี้ฟานตกใจที่หน้าของจุนมยอนดูแดงมาก

     

    “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณจุนมยอน” อี้ฟานถาม

     

    “อะไรหรอครับ” จุนมยอนถามกลับ

     

    “หน้าคุณดูแดงมากเลยนะ คุณไม่สบายหรอ” อี้ฟานถาม จุนมยอนจับที่หน้าของตัวเอง ก่อนจะรู้สึกว่ามันร้อนมาก จุนมยอนตกใจ เลยขอตัวไปล้างหน้าเผื่อว่าหน้าของเขาจะหายแดง

     

    “คุณไหวนะครับ จุนมยอน” อี้ฟานเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “ผมไม่เป็นไรครับ แค่มันร้อนนิดหน่อยน่ะ” จุนมยอนบอก

     

    “ถ้าคุณไม่สบาย จะนอนพักที่นี่สักหน่อยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปแต่งเพลงข้างบน ไม่รบกวนคุณหรอก” อี้ฟานบอก

     

    “ไม่เป็นครับ คุณแต่งเพลงไปเถอะ เออ... ถ้าผมจะหาคุณใหม่ ได้ไหมครับ...”

     

    “อ๋อ... ได้ครับ”

     

    “งั้นผมขอตัวลาล่ะครับ”

     

    จุนมยอนโค้งให้อี้ฟาน ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านไป อี้ฟานมองตามอย่างสงสัยและเป็นห่วง ก่อนจะเดินไปหยิบมาการองมาและขึ้นไปแต่งเพลงบนห้องตัวเองต่อไป

     

    .

    .

     

    มินซอกเดินมาทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของโรงพยาบาล หลังจากที่เขาตรวจคนไข้คนสุดท้ายของครึ่งวันเสร็จเลยเที่ยงมานิดหน่อย เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ โรงอาหารก่อนจะเจอเซฮุนนั่งกินข้าวคนเดียว หมอหนุ่มเดินไปซื้ออาหารแล้วเดินไปกับรุ่นน้องของเขา

     

    “ทำไมวันนี้ไม่มาไม่ชวนไปกินข้าวด้วยล่ะ” มินซอกถาม เซฮุนเงยหน้ามองอีกคนแล้วยิ้มให้เล็กน้อย

     

    “เห็นพี่รำคาญทุกครั้งที่ผมชวน ผมก็ไม่หน้าด้านพอที่จะไปชวนอีกหรอกครับ” เซฮุนบอกด้วยสีหน้าแอบน้อยใจ

     

    “ไม่อดทนเลย จะจีบใครทั้งทีเนี่ย หัดอดทนกับความใจแข็งบ้างนะ” มินซอกบอก

     

    “สำหรับพี่ ผมว่ามันไม่ใช่ใจแข็งแล้วล่ะ ใจหินเลยมากกว่า ผมทนไม่ไหวแล้ว” เซฮุนบอกแล้วเบ้ปากใส่มินซอก

     

    “อย่ามาทำหน้าตาแบบนั้น ฉันทำได้คนเดียว” มินซอกบอก เซฮุนเลยหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกินข้าวต่อไป

     

    “พี่มินซอกเคยดูเรื่องรักใส ๆ หัวใจชายสี่ป่ะ” เซฮุนถาม

     

    “ไม่อ่ะ ทำไมหรอ”

     

    “เห็นว่าพระเอกที่เล่นเนี่ย เป็นคนจีนนะ เรื่องนี้ฉายเมื่อสี่ปีที่แล้วอ่ะ แล้วตอนนั้นเขาดังมาก ๆ ด้วย ตอนนั้นประเทศเราไม่ค่อยมีละครที่พระเอกเป็นคนต่างชาติด้วยสิ”

     

    “หรอ แล้วทำไมอ่ะ”

     

    “ก็พยาบาลที่นี่ชอบเปิดให้ผมดู เห็นว่าช่องที่เอามาฉายน่ะ มันรีรันให้ดู ตอนนี้นะ ถ้าจะคุยกับพยาบาลทั้งที ต้องคุยเรื่องนี้ นี่ผมเพิ่งจะมาดูเนี่ย ละครสมัยก่อนก็สนุกดีนะครับ” เซฮุนบอก พร้อมกับเอาสมาร์ทโฟนหน้าจอแปดนิ้วยื่นมาให้มินซอกดู

     

    ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่ง ๆ มองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจนั้น มินซอกดูคุ้น ๆ กับใบหน้านั้น

     

    “พยาบาลยังบอกอีกนะว่า พระเอกคนนี้นะ เธอชอบมาก ๆ ชอบมาตั้งแต่เธอเพิ่งจะเป็นพยาบาลใหม่ ๆ ตอนนี้นะผลงานของเขาก็ไม่ค่อยจะมีแล้วด้วย หลังจากที่เขาโดนทำร้ายเมื่อสามปีก่อน”

     

    “เดี๋ยวนะ พระเอกคนนี้เขาชื่ออะไรนะ”

     

    “ชื่อลู่หานครับ ทำไมหรอ”

     

    “ลู่หาน คนนี้เนี่ยนะ”

     

    มินซอกแทบอยากจะวิ่งออกไปนอนโรงพยาบาลแล้วขอให้แดดเผาเขาให้ไหม้จริง ๆ ลู่หานคนนี้ที่เขาเพิ่งเจอเมื่อคืน และยังเป็นคนที่เขารู้สึกคันปากทุกครั้งที่เจอเนี่ย คือพระเอกในดวงใจของแม่เขา

     

    “ไอ้ตอไม้เนี่ยนะ คนนี้เนี่ยนะ”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค :  กราบขอบพระคุณที่ตามอ่านกันมาถึงตอนนี้ มาอัพเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับรีดเดอร์ที่น่ารัก ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก กับความสัมพันธ์กาก ๆ ของทั้งสามคู่ ชอบคู่ไหนก็เชียร์กันได้ ที่จริงอยากติดแท็กนะ ลู่หมิน #ทีมคู่กัด ชานซู #ทีมคู่ซึน คริสโฮ #ทีมคู่หวาน แต่มันคงจะไม่ค่อยมีใครเล่นเท่าไหร่ บางทีมันอาจจะไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ตอนหน้า จัดหนักคู่ไหน รออ่านกันเต๊อะ เหมือนเดิม สนุกไม่สนุก เม้นบอกกันได้ อยากเม้าท์ อยากบอกต่อ ติดแท็ก #ficlovegray นะจ๊ะ ^^

     

    ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้ เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^

     

       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×