ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #5 : Love Gray :: Chapter 4 Ex-friend

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 227
      9
      18 พ.ค. 59





    Chapter 4 – Ex-friend

     

    .

    .

     

    เวลาใกล้เลิกงานแบบนี้ ใครหลายคนเริ่มจะเตรียมตัวสำหรับการเลิกงานที่กำลังจะมาถึง แต่สำหรับชานยอลนั้น เขาทำงานไปเรื่อย ๆ โดยไม่มองนาฬิกา เขาสนุกกับการทำในสิ่งที่เขาคิดว่ามันสนุก การซ่อมรถ การแก้ไขเครื่องกลไกต่าง ๆ ให้มันกลับมาอยู่ในสภาพดีนั้น มันเหมือนกับการรักษาให้สิ่งนั้นมันกลับมาเป็นปกติและใช้งานได้ เขาชอบมันที่สุดไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทนทำงานอยู่ที่นี่มาเกือบสิบปีได้

     

    วันนี้ชานยอลตั้งใจว่าจะซื้ออาหารสดมาให้เจ้าไคกินหลังจากที่มันอดยากมานาน เจ้าไคเป็นหมาพันธุ์ไซบีเรียนที่เขาเจออยู่ข้าง ๆ ถังขยะ สภาพมันในตอนนั้นดูผอมและหิวโซมาก มันขู่ชานยอลด้วยสายตาที่หวาดกลัวชานยอลค่อย ๆ เดินเข้าหามันพร้อมกับอาหารกลางวันที่เหลืออยู่ในกล่องข้าวที่เขาเก็บไว้ในกระเป้าเป้ของเขา มันเลยยอมให้ชานยอลลูบหัว จากนั้นมาชานยอลเลยเอามันมาเลี้ยงไว้ ท่ามกลางเสียงบ่นของมินซอกและจงแดเจ้าของบ้านหลังนี้

     

    เมื่อชานยอลพาเจ้าไคมาเลี้ยงได้หนึ่งเดือน ร่างกายมันก็ดูสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ชานยอลเห็นว่ามันผิดปกติไปจากหมาพันธุ์นี้ที่ควรจะเห่าและชอบกัดชอบแทะหรือไม่ก็ชอบวิ่งเลย ชานยอลเลยลองพามันไปหาหมอ และคำตอบที่ได้ก็ทำให้ชานยอลรู้สึกผูกพันขึ้นมาทันที

     

    “มันอายุมากแล้วล่ะครับ ร่างกายเลยไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ อีกอย่างมันคงจะโดนทำร้ายมาไม่น้อยเลย เพราะผมเห็นแผลเป็นตามตัวมันน่ะครับ ยังไงก็ปล่อยให้มันอยู่ของมันตามอายุขัยเถอะครับ”

     

    ชานยอลรู้สึกว่ามันทำให้เขาคิดถึงปู่กับย่าขึ้นมา ป่านนี้พวกท่านจะเป็นยังไงบ้าง พวกเขาจะยังจำหลานชายคนนี้ได้อยู่หรือเปล่า หลังจากที่เขาหนีออกจากบ้านมาหางานทำที่โซล เขาทำได้เพียงส่งเงินไปให้น้าที่อยู่ที่บ้านช่วยดูแลปู่กับย่า เขาอยากจะกลับไปแต่ว่าสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองนั้น ถ้ายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ก็จะไม่กลับไปให้ปู่กับย่ารู้สึกแย่ที่หนีออกจากบ้านมา และมันก็จะทำให้เขารู้สึกแย่ที่เขาไม่สามารถอยู่ดูแลปู่กับย่าของเขาได้อย่างเต็มที่ด้วย

     

    “กลับมาแล้ว ไคย่า... นายอยู่ไหนนะ” ชานยอลถามหาเจ้าไค ทันทีที่กลับมาถึง

     

    “มาถึงก็ถามหาที่รักเลยหรอครับ” เสียงอี้ฟานที่ดังจากหลังโซฟา ทำให้ชานยอลต้องเดินมาหาอย่างแปลกใจ

     

    “นี่ใครสอนให้พี่หัดแซวคนอื่นเนี่ย ผมชักไม่แน่ใจแล้วนะว่าพี่เป็นคนจีนจริงหรือเปล่า” ชานยอลถาม ก่อนจะอุ้มเจ้าไคที่นอนอยู่บนตักอี้ฟานมาแล้วเดินมานั่งข้าง ๆ

     

    “ผมก็แค่แอบฟังคนที่นี่พูดกัน เรื่องประโยคและพวกศัพท์แสลงนะ มันค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ผมเลยต้องฝึกไว้บ้าง” อี้ฟานบอก

     

    “ดีครับ งั้นผมขอตัวไปสวีทกับที่รักก่อนนะครับ” พูดจบชานยอลก็อุ้มเจ้าไคมานั่งเล่นที่บ้านของมันที่อยู่ตรงมุมห้องนั่งเล่น

     

    อี้ฟานมองตามชานยอลไปก่อนจะรู้สึกว่าชานยอลเป็นพวกสองบุคลิกยังไงอย่างนั้น ปากบอกไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบอะไรน่ารัก ๆ แต่ท่าทางตอนเล่นกับหมาของเขานั้น มันก็ไม่เห็นต่างจากคำว่าน่ารักมุ้งมิ้งตรงไหน หรือเขาชอบทำน่ารักมุ้งมิ้งใส่คนอื่นกันแน่

     

    “กลับมาแล้ว!!

     

    เสียงมินซอกดังขึ้น พร้อมกับเสียงเดินของคนอีกสองคนที่ตามมา อี้ฟานและชานยอลหันมามอง ก่อนจะแปลกใจจนต้องร้องออกมาพร้อมกัน

     

    “เด็กมุ้งมิ้ง! / มนุษย์ไฟฟ้า!

     

    มินซอกที่เดินมาดื่มน้ำมาในครัวแทบสำลักน้ำกับเสียงร้องเด็กสองคนที่ตามเขาเข้าบ้านมา หมอหนุ่มหันไปมองหน้าทุกคน ก่อนจะจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อน

     

    “เด็กสองคนนี้มายืนอยู่หน้าบ้านน่ะ ฉันถามว่ารู้จักใครในบ้านนี้หรือเปล่า พวกเขาก็บอกว่ารู้จักนายสองคน เพราะฉะนั้น เอาไปเคลียร์กันเองด้วยนะ ฉันขึ้นห้องล่ะ” มินซอกบอก ก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

     

    “อีกอย่าง อย่าส่งเสียงดังเวลากลางคืน เข้าใจนะ” มินซอกหันมาบอก

     

    ชานยอลเดินขมวดคิ้วมาหาเด็กมุ้งมิ้งของเขา ก่อนจะลากตัวออกไปข้างนอก ส่วนอี้ฟาน เขายืนมองมนุษย์ไฟฟ้าของเขาอย่างตกใจ

     

    “ผมว่า... คุณควรจะ...”

     

    “ผมไม่สบายใจครับ!

     

    เขาบอกอี้ฟาน อี้ฟานดูจะกลัวเล็กน้อยที่มนุษย์ไฟฟ้าคนนี้ สามารถหาเขาเจอ โดยที่เขาไม่รู้ตัว แถมเรื่องในวันนั้นมันวนมาฉายอยู่ในหัวเขาว่า เขาอาจจะมีเนื้อคู่เป็นผู้ชาย

     

    “คุณไม่สบายใจอะไรหรอครับ” อี้ฟานถาม

     

    “ผมอยากเลี้ยงตอบแทนคุณจริง ๆ นะครับ ให้ผมได้ตอบแทนคุณบ้างนะครับ” เขาบอกด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง

     

    “นะครับ คุณอี้ฟาน”

     

    “คุณรู้จักชื่อผมด้วยหรอครับ” อี้ฟานถาม

     

    “อ๋อ.. พอดี.. คุณหมอมินซอกเขาบอกผมน่ะครับ ได้โปรดเถอะครับ ให้ผมได้ตอบแทนคุณเถอะนะ” อี้ฟานมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ สายตาออดอ้อนแบบนี้ยังคงอยู่ เห็นทีเขาคงต้อง

     

    “งั้นก็ได้ครับ แต่ว่าตอนนี้มันค่ำแล้ว ผมมีงานต้องทำน่ะครับ” อี้ฟานบอก

     

    “โอเคครับ งั้นคุณว่างวันไหน ตอนไหน โทรมาหาผมได้เลยนะครับ แล้วผมจะรีบมาหาคุณเลย นี่เบอร์ผมครับ” พูดจบ เขาก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อี้ฟาน อี้ฟานพยายามจับในส่วนที่ไม่ต้องโดนมือ ก่อนจะรีบดึงมา

     

    “ครับ ไว้ผมจะโทรไปนะครับ งั้นคุณก็กลับบ้านดี ๆ นะครับ” อี้ฟานบอก

     

    “ครับ คุณก็อย่าลืมห่มผ้าด้วยนะครับ แล้วก็... ฝันดีครับ” เขาบอกแล้วยิ้มกว้างให้อี้ฟาน ก่อนจะรีบวิ่งออกไป อี้ฟานยืนนิ่งอย่างแปลกใจ ผู้ชายคนนั้นรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่นี่ หรือว่าเขาเป็นนักสืบ

     

    “กะแล้วไม่มีผิด” เสียงดังขึ้นจากบันไดข้างบน อี้ฟานเงยหน้าหันไปมอง เขาก็เห็นมินซอกยืนกอดอกแล้วยิ้ม

     

    “คุณบอกเขาหรอว่าผมอยู่ที่นี่” อี้ฟานถาม

     

    “เปล่า วันนั้นฉันเห็นเขามายืนด้อม ๆ มอง ๆ ที่บ้าน เลยเข้าไปถาม เขาก็บอกว่าว่าตามนายมา ฉันก็คงจะเผลอพูดชื่อนายออกไปนั่นแหละ เขาเรียกนายว่าผู้ชายตัวสูง ๆ น่ะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะชอบนายมากขนาดนี้” มินซอกบอก

     

    “เขาชอบผมหรอครับ” อี้ฟานขมวดคิ้วแล้วถามกลับ

     

    “ใช่ เขาดูออกง่ายจะตาย สายตาที่มองนายนี่ เคลิ้มเชียว คราวหลังถ้าไม่ชอบใครก็อย่าไปใจดีกับเขามากล่ะ เดี๋ยวจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีก แล้วก็... ถ้าไม่ชอบก็รีบ ๆ บอกเขาไปตรง ๆ เขาจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก โอเคนะ” มินซอกบอกแล้วเขาก็เดินเข้าห้องไป

     

    อี้ฟานมองกระดาษที่อยู่ในมือก่อนจะคลี่มันออก ก็พบเบอร์โทรและชื่อของเขาเขียนเอาไว้

     

    “คิม – จุน - มยอน...”

     

    .

    .

     

    ชานยอลพาเด็กมุ้งมิ้งของเขามาที่ลานสนามหญ้าหน้าบ้าน ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุจนชานยอลต้องเสยผมเพื่อระงับความหงุดหงิดของตัวเอง เด็กคนนั้นมาหาเขาอีกแล้วเพราะอะไร

     

    “มาที่นี่ทำไม”

     

    “ก็มาหาพี่สุดหล่อไง ผมซื้อขนมมาฝาก ร้านนี้อร่อยมาก ๆ เลยนะ” เด็กคนนั้นชูกล่องขนมให้ชานยอลดู มันคือมาการองจากร้านกาแฟหรู ๆ ตรงมุมตึกหน้าปากซอยทางเข้าบ้านเขา พูดตรง ๆ  เขายังไม่มีปัญญาซื้อมากินเลยเพราะมันแพงเกินไป

     

    “แค่นี้ใช่ไหม” ชานยอลถาม

     

    “ยัง” เด็กคนนั้นหยิบกระดาษใบเล็ก ๆ ใบหนึ่งมาให้เขาดูแล้วยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั้นมันช่างดูหลอกลวงจริง ๆ

     

    “อะไร!

     

    “บัตรเข้างานการแข่งขันจักรยานฟิคเกียร์ที่คังวอนมีแข่งวันพรุ่งนี้อ่ะ ผมชวนเพื่อนไป แต่ไม่มีใครยอมไปกับผมเลย ผมเลยคิดว่าลองมาชวนพี่ดูน่ะ” เด็กคนนั้นบอกด้วยหน้าตาที่สดใส ผิดกับชานยอลที่ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ชายหนุ่มรับกระดาษมาอ่านรายละเอียดของงาน ก่อนจะเห็นว่า มันค่อนข้างไกลจากที่นี่พอสมควร เขาเงยหน้ามองเด็กมุ้งมิ้งอย่างหงุดหงิดใจ

     

    “เออ... ผมกลับล่ะครับ” เสียงของจุนมยอนดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มอบให้ทั้งสองคน ชานยอลมองอย่างุนงง ก่อนจะหันมาสนใจคยองซูต่อ

     

    “นี่! งานนี้จัดตั้งไกล เพื่อนนายคงไปกันหรอก อีกอย่างนายเคยไปหรือไง ถ้าเกิดหลงทางขึ้นมาจะทำยังไง เด็กสมัยนี้ทำไมทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังกันนะ” ชานยอลบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด เป็นเด็กเป็นเล็กทำอะไรไม่รู้จักคิดจริง ๆ

     

    “ก็ผมอยากไปนี่ครับ ที่จริงผมไม่ได้ชวนเพื่อนไปหรอก เพราะไม่มีใครชอบอะไรแบบนี้สักคน ผมเลยมาชวนพี่ชานยอลไง เพราะเห็นว่าพี่โตแล้วอ่ะ” เด็กคนนั้นบอกพร้อมกับมุ่ยหน้าแสดงความหงุดหงิดเล็ก ๆ ให้ชานยอลดู

     

    ชานยอลมองหน้าแล้วรู้สึกคันส่วนเท้ายิก ๆ เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดอะไรแบบนี้ ให้ตายเถอะ อยากจะชกหน้ามุ้งมิ้งของเด็กคนนี้จริง ๆ ชายหนุ่มพยายามคุมตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะยื่นมือมาจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเด็กชาย

     

    “ฟังนะเด็กน้อย... ที่จัดงานมันอยู่ไกล ถึงแม้ว่าพี่จะเป็นผู้ใหญ่ แต่พี่ก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้น มันอันตราย ที่ที่เราจะไป มันเป็นที่ที่เป็นหุบเขาและเป็นป่าด้วย นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม คยองซู...”

     

    “ก็ผมอยากไปนี่ครับ...” สายตาอ้อนวอนถูกส่งออกมา ชานยอลมองหน้าคยองซูแล้วรู้สึกว่า เขาคงจะพูดดี ๆ กับเด็กคนนี้ไม่รู้เรื่องแล้ว

     

    “ไม่!!!!” พูดจบชานยอลก็เดินเข้าบ้านทันที แต่ทว่าเด็กชายกลับรีบวิ่งไปกอดชานยอลเอาไว้ทั้งตัว

     

    “พี่ชานยอลฟังผมก่อน!!!!”  

     

    ชานยอลโดนคยองซูกอดเอาไว้จากด้านหลัง เขาใช้มือแกะแงะแขนที่เกี่ยวรัดตัวเขาไว้อย่างเหนียวแน่นออก แต่ก็ไม่เป็นผล มือของเด็กชายนั้นเหนียวยิ่กว่าปลาหมึกที่เขาเคยกินซะอีก

     

    “ปล่อยฉันนะ ไอ้เด็กปลาหมึก อย่ามาทำอะไรแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ” ชานยอลโวยวายออกมา

     

    เสียงพูดคุยของชานยอลและเด็กของเขา ทำให้อี้ฟานและมินซอกต้องเดินมาดูเหตุการณ์ที่ตรงหน้าต่างชั้นสอง ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะยืนมองชานยอลกับคยองซูคุยกันต่อ

     

    “พี่ชานยอลได้โปรดเถอะ พี่ไปกับผมเถอะนะ ในชีวิตนี้ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ ถ้าพี่ชานยอลยอมไปกับผมครั้งนี้นะ ผมจะยอมพี่ทุกอย่างเลย พี่จะให้ผมทำอะไร ผมยอมทุกอย่าง แม้แต่เรื่องอย่างว่าผมก็จะยอมนะ พี่ไปกับผมเถอะนะ” คยองซูบอก ชานยอลที่ได้ยินเรื่องอย่างว่า เขาก็โมโหทันที

     

    “ไอ้เด็กบ้า!!! แกหัดพูดอะไรแบบนี้มาจากไหน ไม่!!! ยังไงฉันก็ไม่ไปกับนายเด็ดขาด ไม่ว่านายจะทำอะไรฉันก็ไม่ไป!!!” ชานยอลบอก

     

    ตอนนี้ชานยอลล้มลงไปและกลิ้งทับคยองซูเอาไว้ คยองซูก็ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าชานยอลก็ผลักหัวและตบหน้าเขาหลายครั้ง ชานยอลเริ่มรู้สึกว่าเขากำลังจะเป็นบ้าเพราะเด็กคนนี้ ชานยอลเลยต้องอยู่นิ่ง ๆ เพื่อสงบจิตใจ ซึ่งมันทำให้คยองซูมีโอกาสที่จะกดตัวชานยอลและขึ้นนั่งคร่อมตัวเขาเอาไว้

     

    “ปล่อยฉันนะ นายจะทำอะไร” ชานยอลถาม ตอนนี้เขาเสียเปรียบคยองซูอยู่ เขาไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะทำอะไรกับเขาหลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนตัวเขาแบบนี้

     

    “ถ้าพี่ไม่อยากไปกับผมดี ๆ ผมจะทำในสิ่งที่พี่ต้องอับอายให้ดู”

     

    พูดจบคยองซูก็เริ่มแกะกระดุมเสื้อนักเรียนออก ชานยอลมองอย่างสงสัย ก่อนจะโดนมือของคยองซูดึงเสื้อของเขาถลกขึ้นแล้วถอดออก

     

    “เห้ย!!!! นี่นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย” ชานยอลผลักคยองซูจนล้มลง คยองซูหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพูด

     

    “เขาเป็นเกย์ครับ เขากำลังจะทำร้ายผม ใครที่เห็นคลิปนี้รีบมาเลยนะครับ มาช่วยผมด้วย” คยองซูพูด ชานยอลตกใจรีบแย่งมือถือจากคยองซูมา

     

    “นายทำบ้าอะไร เอามานี่นะ” ชานยอลบอก

     

    “ถ้าอยากได้ขนาดนั้น พรุ่งนี้พี่ต้องไปงานนี้กับผม แล้วผมจะรอพี่ที่อู่ซ่อมรถพี่นะ เพราะมันใกล้กว่าที่นี่ ถ้าพี่ไม่มาผมปล่อยคลิปนี้ลงโซเชี่ยลแน่ เอาให้อายไปเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผมไปล่ะ” พูดจบคยองซูก็วิ่งออกไปทันที ปล่อยให้ชานยอลยืนอึ้งกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

     

    “นี่กูโดนเด็กหลอกหรอวะ”

     

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ใช่แล้วล่ะปาร์ค ชานยอล ยอมน้องมันเหอะ มันยอมลงทุนขนาดนี้เลยนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

     

    เสียงหัวเราะของมินซอกและรอยยิ้มของอี้ฟาน ทำให้ชานยอลหันไปมองด้วยสายตาที่หงุดหงิด เขาไม่ยอมให้เด็กมาหลอกเขาแบบนี้หรอก พรุ่งนี้ชานยอลต้องสั่งสอนเด็กคนนี้ซะบ้างแล้ว

     

    “อ๊ากกกกกก”

     

    .

     

    .

     

    เช้านี้ลู่หานต้องพยายามอย่างมากในการที่จะไม่ให้เจ้าโกลเด้นตัวนี้กระโดดใส่ตัวเขา เพราะเวลาที่มันกระโดดใส่นั้น ลู่หานแทบจุกเลย ถ้ามันไม่กระโดดลงมาโดนจุดสำคัญแบบนั้น

     

    คอนเซปง่าย ๆ เลยนะ ลู่หาน เล่นกับมันอย่างอารมณ์ดีและมีความสุข ให้มันมีอารมณ์ของความสุขเวลาที่เราได้กินอาหารดี ๆ อ่ะนะ เข้าใจใช่ไหม นายทำได้ใช่ไหมผู้กำกับบอก ลู่หานพยักหน้าให้ ก่อนจะทำหน้าเซ็งใส่หลังจากที่เขาเดินมาเปลี่ยนชุด

     

    ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับ คุณลู่หาน นี่งานแรกของเดือนเลยนะที่ได้เงินน่ะจงอินบอกพลางตบหน้าเรียกสติลู่หานเบา ๆ

     

    ฉันยังทำใจเล่นกับมันไม่ได้เลยนะ นายอย่ามาทำให้ฉันกดดันเข้าไปอีกสิลู่หานบอก

     

    ปล่อยวางสิ เรื่องในอดีตที่นายโดนหมากัดน่ะ มันไม่ใช่ว่าหมาทุกตัวจะเข้ามากัดนายสักหน่อย อย่างตัวที่มันมาอยู่กับนายหนึ่งวันเนี่ย มันแค่อยากเล่นกับนาย มันชอบนายนะ มันเลยวิ่งเข้ามาหานายด้วยความรัก แต่ถ้าเป็นหมาจรจัดที่ตาขวางอะไรแบบนั้นต่างหาก ที่มันจะวิ่งเข้ามากัดนาย เพราะฉะนั้นเลิกกลัวได้แล้ว ไม่งั้นงานจะเสียนะจงอินบอก ลู่หานพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะพยายามทำใจดี เข้ามาเจ้าโกลเด้นก่อน

     

    เรียบร้อยใช่ไหมจงอินผู้กำกับถาม

     

    เรียบร้อยครับพี่ชิน ดงฮีจงอินบอก

     

    เอาล่ะ! สแตนบาย งานนี้จะต้องเสร็จก่อนสองทุ่มแน่นอน!

     

    .

    .

     

    Rrrr…..

     

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวนการทำรายงานของมินซอกอย่างมาก เขาอดทนกับเสียงโทรศัพท์นี้มาสามรอบแล้ว ก่อนจะมองเบอร์โทรที่โชว์อย่างแปลกใจ มินซอกไม่อยากรับรู้อะไรกับเรื่องของคน ๆ นี้อีกแล้ว ทำไมเขาต้องทำเหมือนมินซอกไม่เป็นอะไรแบบนี้

     

    “ว่าไงชางมิน

     

    “(มินซอก... ฉันคิดถึงนาย... เอิ๊ก! นายมาหาฉันหน่อยสิ)”

     

    “นายเป็นบ้าอะไรทำไมต้องโทรหาแต่ฉันเวลาเมาด้วย ห๊ะ!

     

    “(ฉันคิดถึงนายจริง ๆ นะ มินซอก... เอิ๊ก! ถ้านายไม่มาหาฉัน ฉันก็จะนั่งอยู่ที่นี่จนกว่านายจะมา)”

     

    พูดจบสายก็ถูกตัดไป มินซอกฟาดมือลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด เขาหงุดหงิดตัวเองที่ยอมใจอ่อนให้ชเวกัง ชางมิน อดีตคนรักของเขาโทรมาหาได้แบบนี้ พวกเขาจบกันไม่สวยเท่าไหร่และแน่นอนคนที่ต้องการจากไปก็คือชางมิน ไม่ใช่เขา และเมื่อความรักที่พยายามประคบประคองมันมาต้องแตกหัก มินซอกก็พยายามที่ทำตัวให้เข้มแข็ง โดยใช้เวลาเพียงแค่สามวันในการนั่งร้องไห้เสียใจกับเรื่องราวของพวกเขาที่ร่วมสร้างกันมา มินซอกแทบไม่เป็นผู้เป็นคนในวันที่ชางมินบอกว่า เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขารักมาก มินซอกมารู้ทีหลังว่าชางมินแอบคบกับผู้หญิงคนหนึ่งในช่วงที่เขาคบกับมินซอกด้วย มินซอกก็เริ่มรู้สึกว่าชางมินเริ่มมีเวลาให้เขาน้อยลง เพราะเขาต้องแบ่งเวลาไปให้ผู้หญิงที่เขาคบด้วยอีกคน มินซอกแทบไม่เหลือความทรงจำในด้านดีของชางมินเอาไว้เลย ตอนแรกที่ชางมินบอกเลิก เขานึกว่าชางมินกลัวพ่อของเขาจะไม่ยอมรับในความรักครั้งนี้ มินซอกเลยพยายามรั้งชางมินไว้ทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายที่รู้ความจริง มินซอกก็ไม่ขอพบเจอกับผู้ชายคนนี้อีก และประกาศตัวเลยว่า เขาก็จะเปลี่ยนตัวเองมาชอบผู้หญิงแล้วเหมือนกัน แต่ยังไง เขาก็เปลี่ยนไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าจะลองคุยกับพยาบาลในโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ก็ตาม และเมื่อสามเดือนที่แล้วหลังจากเลิกกับชางมินไปสามปี เขาก็โทรมา มินซอกเสียใจตรงนี้ เขาเสียใจที่เขาไม่ยอมเปลี่ยนเบอร์ เพราะว่า... เขาก็ยังรักชางมินอยู่

     

    “พี่มินซอก! นี่จะไปไหนหรอ” เสียงชานยอลถาม เมื่อเขากำลังนั่งดูบอลอยู่ข้างล่าง มินซอกปัดมือเป็นเชิงว่า อย่าเสือก ให้เขา

     

    “อะไรวะ ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้”

     

    มินซอกเดินมาตามทางที่เขาคุ้นเคยก่อนจะเดินเข้าไปในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ร้านเหล้าแห่งนี้ คือสถานที่ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก และได้รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน มินซอกเดินมาที่เคาน์เตอร์  ก่อนบาร์เทนเดอร์จะถามออร์เดอร์ มินซอกส่ายหน้าให้ แล้วเอื้อมมือมาปลุกคนที่นั่งฟุบอยู่

     

    “ชางมิน... กลับบ้านกันเถอะ” มินซอกบอก ชางมินยังคงฟุบหลับอยู่

     

    มินซอกเขย่าตัวชางมินสามสี่รอบเขาก็ไม่ยอมตื่น มินซอกเลยเอาแขนของชางมินขึ้นพาดบ่า ก่อนจะพยุงร่างของชางมินเดินออกจากร้านไป มินซอกเห็นรถของชางมินจอดอยู่ใกล้ ๆ ร้าน เลยหากุญแจและเปิดเข้าไป มินซอกขับรถพาชางมินมาที่บ้านก่อนจะกดกริ่งเรียกให้คนมารับชางมินเข้าบ้านไป

     

    “ขอโทษที่รบกวนอีกแล้วนะคะ ฉันโทรหาเขาไม่ติดเลย เพราะว่าเขาปิดเครื่อง”

     

    “ไม่เป็นไรครับ คราวหลัง ถ้าทะเลาะอะไรกัน พวกคุณก็ช่วยพูดกันดี ๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวลูกคุณได้ยิน จะไม่ดีเปล่า ๆ” มินซอกบอกเธอ เธอคือภรรยาของชางมิน ที่พวกเขาแต่งงานกันมาได้สามปีและมีลูกสาวที่น่ารักอยู่หนึ่งคน มินซอกช่วยเธอพยุงร่างของชางมินเข้าบ้านก่อนจะออกไป

     

    “เดี๋ยวก่อนคะ คุณมินซอก...” เธอเรียกมินซอกเอาไว้ มินซอกหันไปมองหน้าเธอ เธอยื่นกล่องใบหนึ่งให้มินซอก

     

    “ฉันไม่รู้ว่า มันเป็นของคุณจนกระทั่งได้เปิดดู... ฉันขอโทษที่ถือวิสาสะนะคะ แต่ฉันไม่อยากให้เขา... ทำแบบนี้อีก... คุณเข้าใจฉันนะคะ ฉันกำลังพยายามอยู่... ที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตให้ได้” มินซอกรับกล่องนั้นมามองอย่างสงสัยก่อนจะบอกเธอ

     

    “ผมพยายามปิดกั้นเขาไว้ทุกทางแล้ว แต่เรื่องเบอร์โทร ผมทำไม่ได้จริง ๆ เพราะงานของผมน่ะครับ คุณก็ช่วยเข้าใจเขาให้มาก ๆ ทำให้เขารักคุณให้มาก ๆ ด้วยนะครับ สิ่งที่ผมทำได้ ผมทำให้หมดแล้ว มันก็เหลือแค่พวกคุณเท่านั้น ขอให้คุณอดทนไว้นะครับ ผมขอตัวล่ะครับ”

     

    มินซอกบอก ก่อนจะรีบเดินออกไป เขาไม่อยากให้ความรู้สึกในด้านลบของเขาระเบิดออกมา เขากลัวว่าเขาจะต้องได้ทำร้ายเธอออกมาแน่ ๆ มินซอกไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้น เขาเกลียดเธอเหมือนที่เธอก็เกลียดเขา แต่พวกเขาทั้งสองเลือกที่จะแสดงออกว่าไม่เป็นไร ฉันรับได้ เพราะฉันรักเขา มินซอกไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลาที่ชางมินโทรมาหา เขาก็ยังยอมมาหาอยู่ดี และนั้นก็ทำให้เธอคนนั้นเกลียดเขา

     

    มินซอกเปิดกล่องที่เขาได้รับจากเธอดู มันเป็นรูปถ่ายเมื่อตอนที่เขาอยู่กับชางมินที่บ้านหลังนั้น อยู่ในห้องที่ที่ถัดจากห้องของเขา ห้องนั้นที่ตอนนี้ว่างเปล่า เพราะว่ายังไม่มีใครเข้ามาอยู่หลังจากที่ชางมินย้ายออกมา

     

    “ฮึก!

     

    เสียงสะอื้นที่ดังออกมา มินซอกนั่งลงกับพื้นแล้วกอดเข่าร้องไห้ เขาเกลียดที่ตัวเองยังแพ้ให้กับความรู้สึกแบบนี้ เขาคิดว่าสามปีมาแล้วเขาอยู่ได้แล้ว เขาไม่ร้องไห้กับเรื่องนี้แล้ว แต่พอชางมินเข้ามาวนเวียนในชีวิตเขาอีก มินซอกก็ทนไม่ไหว มินซอกพยายามสร้างกำแพงให้กับตัวเอง พยายามบอกกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาเขาไม่ว่าจะเป็นทั้งเพื่อนหรือแฟน เขาพยายามทำตัวไม่เป็นมิตรเข้าไว้เพื่อปิดกั้นตัวเอง ไม่ให้ใครเข้ามาในพื้นที่ของหัวใจเขาได้ เขาต้องใช้ความพยายามในการทำตัวเองให้ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าเข้าใกล้อยู่ถึงสามปีและจนถึงตอนนี้ มินซอกไม่ไหวจริง ๆ ที่เขายังไม่สามารถเข้มแข็งกับเรื่องนี้ได้

     

    “ถึงสักที กว่ามึงจะเล่นได้นะ ไอ้ห่าน”

     

    “อ้าว! ก็กูต้องทำใจป่ะไอ้ถ่าน ไปเลยมึง กูง่วงแล้ว”

     

    ลู่หานเดินลงจากรถของจงอิน งานถ่ายโฆษณาใช้เวลานากว่าที่กำหนดเพราะลู่หานยังคุมเจ้าโกลเด้นนั้นไม่ได้ เขาเลยต้องกลับมาในเวลาห้าทุ่มกว่า ๆ แบบนี้ ลู่หานเดินมาเปิดประตูรั้ว แต่แล้วเขาก็สะดุดตากับสิ่งที่อยู่ข้าง ๆ รั้วบ้านของเขา เสียงสะอึกสะอื้นทำให้ลู่หานสงสัยอย่างมากจนต้องเดินไปดู

     

    “ฮึก.. ฮื้อ...”

     

    ชัดเจนว่าเป็นเสียงร้องไห้ของใครบางคนและเมื่อลู่หานเดินเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นใครคนหนึ่งนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ ข้าง ๆ ตัวมีกล่องขนาดเอสี่วางอยู่ ลู่หานลังเลไม่กล้าเข้าไปถามเพราะกลัวว่าจะเป็นซาแซงแฟนที่อาจจะสร้างสถานการณ์ให้เขาต้องเขามาช่วยเอาไว้ แต่แล้วความใจอ่อนก็ทำให้ลู่หานตัดสินใจเดินเข้าไปหาและจับไหล่ของเขาเอาไว้

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ลู่หานถาม

     

    “ฮึก... ฮือ... ฮึก... ซู๊ด...” เสียงร้องผสมเสียงสูดน้ำมูกเข้าไป ลู่หานคิดว่าเขาคงต้องใช้เวลากว่าเขาจะพูดออกมาได้

     

    “ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น” ลู่หานบอกพร้อมกับตบบ่าเบา ๆ แล้วก็ยืนขึ้น แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ร้องไห้นั้นคว้าตัวเขาไปกอดเอาไว้จากด้านหลัง

     

    “ฮึก.. ขอผมกอดคุณเอาไว้... ฮึก... สักพักนะครับ..”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : ก็แค่กอดเองเนอะ 555555555555 สนุกไหมตอนนี้ เห็นความเกรียนของน้องคยองไป ทำเอาพี่ชานยืนอึ้งเลยทีเดียว ส่วนเรื่องแฟนเก่ามินซอก ตอนแรกเราจะให้เป็นดงอู วงอินฟินิท แต่ในเมื่อมินซอกเราคลั่งไคล้ดงบังขนาดหนักเลย เราเลยขอเปลี่ยนตัวแฟนเก่ากะทันหัน 555555 ส่วนความสัมพันธ์ลู่หมินก็ เอาน่า ค่อยเป็นค่อยไปนะจ๊ะ คันไม้คันมืออยากเม้นกันไหม เม้นสิคะ เป็นกำลังใจไรท์ไง รู้สึกว่าเมนน้อยจนไรท์คิดว่า เอ๊ะมันสนุกไหม หรือไม่สนุกยังไงบอกได้ อยากเม้าท์ อยากสกรีม อยากติดแท็ก เชิญเลยคะ #ficlovegray ชวนเพื่อนมาอ่านได้ ไรท์ไม่หวงนะ อิอิ

     

     ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้ เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^

     

     
       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×