ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #4 : Love Gray :: Chapter 3 Virgin boy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 249
      6
      18 พ.ค. 59





    Chapter 3 – Virgin boy

     

    .

    .

     

    เช้าวันที่สามสำหรับอู๋อี้ฟานในบ้านพักหลังนี้ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาต้องออกไปหาอะไรทำเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย วันนี้เป็นเวรทำอาหารเช้าของมินซอก หมอหนุ่มตื่นนอนด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก มาถึงครัวก็บ่นว่าง่วงไม่หยุดแต่อาหารเช้าก็ออกมาน่ากินอยู่ดี ส่วนชานยอลก็พูดเกี่ยวกับเรื่องล็อตเตอรี่ที่เพื่อนในอู่ของเขาเล่นกัน อี้ฟานคิดว่าชานยอลเป็นคนช่างพูดกว่าที่คิด เพราะปกติ เขาไม่ค่อยเจอผู้ชายที่พูดเก่งเท่าไหร่ เมื่อทั้งสามคนกินอาหารเช้าเสร็จต่างก็แยกย้ายกันออกไปทำตามหน้าที่ของตัวเองทันที

     

    อี้ฟานเปิดดูแผนที่และสถานที่ที่เขาอยากจะไป ซึ่งเมื่อคืนเขานั่งศึกษาข้อมูลมาอย่างดีจากอินเทอร์เน็ตแล้ว ชายหนุ่มเดินมาที่ป้ายรถเมล์ก่อนจะยืนรอ เขาคงต้องใช้ชีวิตแบบธรรมดาบ้างเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าของเขา เมื่อเขานั่งรถเมล์มาลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน ก่อนจะสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า หอศิลป์ Leeum Samsung Museum of Art. Leeum ไปทางไหน แล้วก็ได้คำตอบกลับมา ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาถึงหอศิลป์แห่งนี้ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวอาคารที่จัดแสดงศิลปะต่าง ๆ เอาไว้

     

    “ทำไมมันรูปร่างแปลกอย่างนี้อ่ะ” เสียงพูดดังขึ้นใกล้ ๆ

     

    ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียง ก่อนจะเห็นผู้ชายร่างเล็กยืนมองรูปปั้นศิลปะที่มีรูปทรงที่ยากจะเข้าใจถ้าคนที่มองนั้นไม่มีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะเลย

     

    “หรือว่าคนเมืองกรุงเขาชอบอะไรแบบนี้ ต้องจดไว้เป็นตัวอย่าง สเก็ตด้วย ๆ” ผู้ชายคนนั้นยังคงพูดต่อ และหยิบสมุดจากในกระเป๋าสะพายขึ้นมาและหยิบดินสอจากกระเป๋าเสื้อนอกที่เขาใส่ขึ้นมาขีดเขียนลงไปในสมุดเล่มนั้น

     

    อี้ฟานหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาแปลก ๆ ของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะเดินไปดูงานศิลปะหลากหลายชิ้นที่จัดแสดงต่อ ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบครึ่งวันในการชมงานศิลปะ เมื่อเดินชมงานจนรู้สึกเมื่อย เขาจึงเดินมาจากอาคารแล้วไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อไปยังร้านอาหารที่ใกล้ ๆ แถวนั้น

     

    “คุณครับ ผมขอยืมเงินสดคุณก่อนได้ไหมครับ ผมลืมเอากดเงินออกมาอ่ะ คือผมไม่มีเงินสดจริง ๆ นะครับ เดี๋ยวถ้าเห็นตู้เอทีเอ็มผมจะรีบกดมาให้คุณเลยนะ”

     

    “นี่!! คิดว่าเงินมันหาง่ายหรือไงกัน ไม่มีเงินก็หางานทำสิ ไปขอทานที่อื่นเลยไป เดี๋ยวโทรเรียกตำรวจมาลากคอเลยนี่”

     

    เสียงที่คล้ายจะทะเลาะกันนั้นทำให้ชายหนุ่มหนไปมอง ถ้าชายหนุ่มจากเมืองจีนฟังภาษาเกาหลีไม่ออก เขาคงคิดว่ามีคนกำลังทะเลาะกันแน่ ๆ ชายหนุ่มเห็นผู้ชายคนนั้นที่เจอที่หอศิลป์อีกครั้ง เขาพูดขอยืมเงินจากคนที่ยืนรอรถเมล์ไปรอบ ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่มีเงินสดติดตัวมาเลย

     

    “บอกให้ไปที่อื่นยังไงเล่า!!!!

     

    ผู้ชายร่างสูงและตัวใหญ่ง้างแขนขึ้นจะใช้กำลังทำร้ายผู้ชายคนนั้น แต่รถเมล์ที่ผู้ชายร่างสูงรอก็มาจอดเทียบท่าพอดี ผู้ชายคนนั้นเลยรอดไป

     

    “ก็ไม่ได้กดเงินสดมานี่น่า มีแต่บัตรเครดิต เขาก็ไม่รับ ไม่น่าโง่กดเงินมาแค่นิดเดียวเลย” ผู้ชายคนนั้นบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อย

     

    ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะฟังเสียงของเขาหรือว่าอะไร แต่ท่าทางเขาจะลำบากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าขอยืมเงินคนไปทั่วแล้วบอกว่าจะคืนให้ใครหรอก

     

    “คุณ... กำลังจะไปที่ไหนหรอครับ...” อี้ฟานตัดสินใจถาม ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย แต่แล้วมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแววตาที่สดใส

     

    หล่อ...

     

    ชายหนุ่มยิ้มให้เขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะสีหน้าของผู้ชายคนนั้นดูเปลี่ยนไป เขายิ้มด้วยสายตาที่จะเรียกว่าเคลิ้มก็คงได้ ชายหนุ่มค่อย ๆ หุบยิ้มอย่างแปลกใจ เขาไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้าเขาแล้วก็...

     

    แชะ!

     

    กล้องถ่ายรูปโพราลอยด์ถูกยกขึ้นมาถ่าย แล้วฟิล์มแผ่นเล็ก ๆ ก็ไหลออกมาเขาสะบัดฟิล์มรูปนั้นแล้วยกขึ้นมาดู

     

    “ถ่ายแล้วไม่ค่อยเหมือนตัวจริงเลยแหะ” เขามองรูปใบนั้นแล้วพูดออกมา อี้ฟานยืนแปลกใจกับการกระทำที่แสนประหลาดของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะคิดได้ว่า เขาคงสติไม่ค่อยดีสินะ เขาควรจะปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นอยู่ในโลกส่วนตัวต่อไปดีกว่า

     

    หมับ!

     

    ฉึก!

     

    “อ๊าก!

     

    เหมือนถูกกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว เสียงร้องตกใจของอี้ฟานดังขึ้นจนคนที่อยู่ใกล้ ๆ หันมามอง ชายหนุ่มบอกขอโทษคนรอบข้างเบา ๆ ก่อนจะรู้สึกว่าเขาเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อตตอนที่มือของผู้ชายคนนั้นมาแตะ อี้ฟานสะบัดมันออกทันทีเพราะตกใจ เขารีบหันไปมองก็เห็นผู้ชายคนนั้นยืนยิ้มให้เขา

     

    “ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณตกใจ เมื่อกี้ที่คุณถามผมน่ะ ทำไมหรอครับ คุณจะให้ผมยืมเงินสดใช่ไหม พอดีว่าผมไม่มีเงินสดติดตัวมาเลยอ่ะ เดี๋ยวถ้าผมได้เงินสดมาแล้วผมจะรีบมาคืนให้คุณเลยนะ นะครับ ช่วยผมหน่อยนะครับ”

     

    ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วขยับมาใกล้ ๆ จะแตะตัวอี้ฟานอีกครั้งเพื่อขอร้อง ชายหนุ่มเลยขยับตัวหนีอย่างรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเขารู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตตอนที่ผู้ชายคนนั้นมาแตะตัว ชายหนุ่มคิดได้ว่าบางทีเขาจะเป็นพวกมิจฉาชีพ ที่ใช้ไฟฟ้าช๊อตเหยื่อแล้วปล้น ชายหนุ่มเลยรีบเดินหนีไปไกล ๆ  เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ว่าผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกตามเขาสักที

     

    “คุณครับ คุณเป็นความหวังเดียวของผมเลยนะ กลับมาก่อน ผมไม่ได้ปล้นคุณหรอกนะ ผมแค่ขอยืมเงินสดมาจ่ายค่ารถไม่กี่วอนเอง” อี้ฟานได้ยินก็หยุดเดิน ถ้าเขาให้เงินผู้ชายคนนั้นเป็นค่ารถแล้วเขาคงจะไม่ตามมาอีกสินะ ชายหนุ่มค่อย ๆ หันไปมองผู้ชายคนนั้น ซึ่งเขาเดินมาด้วยอาการเหนื่อยหอบและมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

     

    “คุณไม่มีเงินจ่ายค่ารถอย่างเดียวใช่ไหม” อี้ฟานถามด้วยใบหน้านิ่ง ๆ

     

    “ใช่ครับ ผมยืมเงินสดคุณมาจ่ายค่ารถเมล์ก่อน เดี๋ยวผมจะไปลงแถว ๆ กังนัมน่ะ เพราะว่าผมพักอยู่ที่นั่น ถ้าคุณไม่เชื่อว่าผมจะคืนเงินให้คุณจริง ๆ คุณจะตามผมมาดูที่พักก็ได้ หรือไม่ ถ้าเจอตู้เอทีเอ็มแล้ว ผมจะกดเงินให้คุณทันทีเลยก็ได้ คุณช่วยผมหน่อยนะ นะครับ” เขาพนมมือขอร้องอี้ฟานและส่งสายตาน่าสงสารเหมือนแมวที่กำลังเปียกปอนขอมาหลบฝนในบ้าน อี้ฟานก็ไม่ใช่คนใจดำอะไร ค่ารถเมล์ทั่วไปก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าเขาให้ก็คงจะจบ

     

    “งั้นไม่เป็นไรครับ ผมให้เงินคุณขึ้นรถกลับที่พักแล้วกัน ไม่ต้องคืนผมหรอก เราคงไม่ได้ไปทางเดียวกันแล้วล่ะ” อี้ฟานควักเงินให้ผู้ชายคนนั้นไปพันวอน

     

    “ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลืมพระคุณครั้งนี้เลย แต่ว่ายังไงผมก็ต้องคืนเงินคุณอยู่ดีนะ เขาบอกว่าเงินมันหายาก ให้มาฟรี ๆ ไม่ได้หรอก ต้องคืน” เขาบอกอี้ฟานด้วยสายตาลึกซึ้ง

     

    “สำหรับผม ผมโอเคนะที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอกครับ” อี้ฟานบอกพร้อมกับรักษาระยะห่างไว้

     

    “งั้นให้ผมเลี้ยงข้าวคุณก็ได้ครับ เป็นการตอบแทน... นะครับ”

     

    เขาส่งสายตาอ้อนวอนให้อี้ฟานอีกแล้ว บอกตามตรง อี้ฟานมักใจอ่อนกับคนขี้อ้อน ในที่สุดชายหนุ่มเลยพยักหน้าให้ เขาไม่อยากคิดในแง่ร้าย แค่เลี้ยงข้าวผู้ชายคนนั้นคงไม่หลอกใส่อะไรลงในอาหารหรอกมั้ง

     

    “งั้นคุณไปกินที่กังนัมกับผมได้ไหม เดี๋ยวผมจะให้เงินเป็นค่ารถกลับบ้านคุณด้วย โอเคนะ” พูดจบเขาก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ทันที

     

    อี้ฟานมองตามแผ่นหลังผู้ชายคนนั้นที่เดินไป เขาเดินเหมือนลูกเป็ดที่เพิ่งฝักออกจากไข่ไม่มีผิด ชายหนุ่มยอมขึ้นรถไปที่ย่านกังนัมตามคำขอร้องของผู้ชายคนนั้นเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเหมือนกัน ในระหว่างที่นั่งในรถเมล์ อี้ฟานอยากนั่งแยกกันเพราะเขารู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าหากว่าเขาจะโดนไฟช๊อตอีก โชคดีที่ที่นั่งที่เขาเลือกนั่งได้แค่สองคนและมีคนนั่งอยู่แล้วหนึ่งคน ผู้ชายคนนั้นเลยเลือกนั่งข้างหน้าที่ว่าง เหมือนผู้ชายคนนั้นจะขอให้อี้ฟานไปนั่งกับเขา แต่อี้ฟานไม่สนใจและไม่อยากนั่งกับเขาเลยใส่หูฟังทันทีแล้วแกล้งหลับ

     

    เมื่อมาถึงกังนัม ผู้ชายคนนั้นก็ปลุกอี้ฟานขึ้นมา เพราะชายหนุ่มหลับไปจริง ๆ เขาร้องออกมาด้วยความตกใจจนชายหนุ่มต้องรีบเดินลงรถไปด้วยความอายเพราะเสียงร้องของเขาทำให้คนทั้งรถหันมามอง เมื่อลงจากรถเมล์มาชายหนุ่มพยายามเดินตามหลังผู้ชายคนนั้นแทน เพราะเขาเริ่มไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นแล้ว และเมื่อทันทีที่เห็นตู้เอทีเอ็มข้างทาง ผู้ชายคนนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปกดเงินออกมาทันทีก่อนจะยื่นให้อี้ฟานด้วยรอยยิ้มที่กว้างของเขา

     

    “ผมให้คุณแล้วนะ แล้วก็เป็นค่าเสียเวลาที่มาส่งผมด้วย” อี้ฟานรับเงินมาแต่แค่ค่าที่ผู้ชายคนนั้นยืม

     

    “คุณไม่ต้องคิดมากหรอก ผมเอาแค่ที่ให้คุณยืมก็พอ ค่ารถกลับบ้านผมมี” อี้ฟานบอก แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมจะยัดเงินใส่มือแต่อี้ฟานรีบชักมือกลับ

     

    “คุณเอาไปเถอะครับ ถือว่าเป็นน้ำใจจากผมนะ นะครับ” อี้ฟานเริ่มเกลียดคำว่า นะครับ ของผู้ชายคนนี้แล้วสิ อี้ฟานยอมรับเงินจากผู้ชายคนนั้น

     

    “อ๊าก!!” อี้ฟานร้องออกมาอีกแล้ว อาการเหมือนโดนไฟช๊อตนี่ มันคืออะไร แค่มือสัมผัสกัน ก็มีความรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตตลอดเลย ชายหนุ่มมองมือตัวเองอย่างอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ผู้ชายคนนั้นต้องพกเครื่องช๊อตไฟฟ้าไว้กับตัวแน่นอน

     

    “คุณรู้สึกเหมือนผมใช่ไหม.. เหมือนโดนไฟช๊อต...” ผู้ชายคนนั้นมองหน้าอี้ฟาน ชายหนุ่มยังมองมือของเขาที่ยังชาเพราะอาการที่เหมือนโดนไฟช๊อตอยู่ เขาพยักหน้าให้ผู้ชายคนนั้นช้า ๆ

     

    “ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้าเราสัมผัสตัวใครแล้วความรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อต แปลว่า... เขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของเรา...” ผู้ชายคนนั้นบอก เขามองอี้ฟานตาแป๋ว

     

    “ไม่มีทาง!! ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย งั้น... ผมกลับเลยแล้วกัน คุณไม่ต้องเลี้ยงอะไรตอบแทนผมหรอก แค่ให้เงินมาก็พอ ขอตัว”

     

    อี้ฟานรีบเดินจากมาทันที ผู้ชายคนนั้นยังตะโกนเรียกเขาให้หยุด แต่ชายหนุ่มไม่ยอมหยุด เขาไม่อยากโดนไฟช๊อตอีก มันเป็นความรู้สึกที่ ไม่ชอบเอาซะเลย

     

    “ให้ตายสิ เนื้อคู่บ้าบออะไร สงสัยจะเป็นบ้า”

     

    .

    .

     

    ลู่หานยืนมองสุนัขพันธุ์โกลเด้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จงอิน มันมองเขาแล้วทำลิ้นห้อยใส่จนน้ำลายมันหยดลงพื้นแล้ว ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่า ผู้กำกับทงเฮจะขอปลดเขาออกจากละครเรื่องนั้น ที่เขาทำให้กองถ่ายต้องยกเลิก ด้วยเหตุผลง่าย ๆ

     

    “นายไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลยนะ ดีนะที่ฉันถ่ายส่วนของนายไปไม่กี่ฉาก ฉันเลยตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น อีกอย่างพระเอกตกยุคอย่างนายน่ะ เอามาเล่นก็ไม่ค่อยมีคนสนใจแล้ว สู้ปั้นเด็กใหม่ไม่ดีกว่าหรอ”

     

    คำพูดนี้มันทำให้เขาจี๊ดขึ้นสมองจนต้องล้มโต๊ะกันเลยทีเดียว แต่นั่นถ้าเขาทำจริง ๆ มีหวังอนาคตที่จะกลับมาเฉิดฉายบนจอโทรทัศน์อีกครั้งของเขาคงดับสิ้นหมด

     

    “งานใหม่ที่กูหามาให้มึงได้ มึงต้องทำความคุ้นเคยกับอีหมาตัวนี้ก่อน พรุ่งนี้เขาถึงจะให้มึงถ่ายโฆษณา” จงอินบอก ก่อนจะลากอีหมาสีทองมาหาลู่หาน

     

    “กูไม่อยากเชื่อว่า กูต้องมาถ่ายโฆษณาอาหารหมา ซึ่งมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่กูเกลียด ยิ่งอีพันธุ์นี้ มึง... ไม่มีพันธุ์อื่นแล้วหรอวะ พันธุ์อะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่อีพันธุ์นี้อ่ะ มันคุมยาก”

     

    ใช่ลู่หานเกลียดหมา เพราะตอนเด็ก ๆ เขาเคยถูกมันกัดจนเป็นแผลลึกฝังใจที่ขาอ่อน เลยทำให้เขาเลือกที่จะไม่รับงานที่ต้องคลุกคลีอยู่กับหมา จงอินทำหน้าเอือมใส่ก่อนจะพูด

     

    “กูพูดตรง ๆ เลยนะ เขาจะถ่ายพันธุ์นี้ เขาจะเอาพันธุ์นี้ แล้วพอเขาเห็นว่ามึงเกลียดหมา เขาเลยยอมให้มึงอยู่กับหมาให้ชินภายในหนึ่งวัน ที่จริงวันนี้มึงต้องถ่ายเลยล่ะ แต่เพราะกูกลัวมึงจะชวดงานอีก แล้วไม่มีข้าวจะแดก กูเลยขอร้องเขาให้” จงอินบอก

     

    “นี่กูตกอับจริง ๆ แล้วหรอวะ”

     

    “มึงยังคิดว่ามึงดังอยู่อีกหรอวะ”

     

    ลู่หานจิกตาใส่ผู้จัดการหนุ่มอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสะดุ้งเสียงเห่าของเจ้าโกลเด้นที่อยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มอยากจะบ้าตาย เขาจะทำยังไงกับมันดีเนี่ย

     

    “อย่างแรกเลยนะ มึงต้องพามันไปวิ่งเล่น”

     

    .

    .

     

    อี้ฟานนั่งรถกลับมาที่บ้านพักของเขา ตลอดเวลาที่เขานั่งรถมา เขารู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา แต่พอเขาหันไปมองเขากลับไม่เห็นอะไร ชายหนุ่มเลยรู้สึกว่าเขาควรจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด และหมกตัวอยู่บ้านสักสองสามวัน เผื่อว่าอาการแบบนี้มันจะดีขึ้น

     

    “อ้าว ไปไหนมาอ่ะ” มินซอกทักขึ้นเมื่ออี้ฟานเปิดประตูบ้านเข้ามา

     

    “เที่ยวแถว ๆ นี้มาน่ะครับ” อี้ฟานตอบแล้วรีบเดินขึ้นบ้านไปทันที

     

    “ทำหน้าอย่างกับเห็นผี แล้วนี่ไม่คิดจะถามกลับหรอว่าทำไมฉันถึงอยู่บ้าน ช่างเถอะ แค่กลับมาเอาของเอง”

     

    มินซอกบ่นก่อนจะเดินออกจากบ้านมา แล้วต้องแปลกใจกับสิ่งที่เห็น เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่หมวก ปิดหน้าและใส่แว่นดำ น่าสงสัย... ผู้ชายคนนั้นยังแอบมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้านเขาด้วย หรือว่าจะมาแอบปล้นบ้านเขา

     

    “ขอโทษนะครับ!!” มินซอกเดินไปทัก ผู้ชายคนนั้นตกใจจนล้มลงไป แว่นดำและหมวกก็หลุดออก ทำให้เห็นใบหน้าที่ขาวสว่างของเขา เขาเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะรีบลุกขึ้น

     

    “คะ... ครับ”

     

    “คุณรู้จักใครในบ้านนี้หรอครับ” มินซอกถามออกไป

     

    “ปะ... เปล่าครับ คือว่าผม...” ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูล้นลานแปลก ๆ

     

    “ทำไมครับ คุณคงไม่คิดที่จะมาปล้นใครแถวนี้นะ” มินซอกพูดออกไปตรง ๆ ผู้ชายคนนั้นดูสะดุ้งเล็กน้อย หมอหนุ่มคงเข้าใจถูกแล้ว ถ้าผู้ชายคนนี้วิ่งหนี เขาจะโทรแจ้งตำรวจให้มาเฝ้าบ้านเขาไว้ทันทีเลย

     

    “ผมขอโทษที่ทำตัวน่าสงสัยนะครับ พอดีว่า... ผมตามผู้ชายคนที่ตัวสูง ๆ ที่เพิ่งเข้าบ้านหลังนี้ไปน่ะครับ” ผู้ชายคนนั้นบอกพร้อมยกนิ้วชี้ไปที่บ้านของเขา มินซอกขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

     

    “อี้ฟานหรอ... คุณรู้จักเขาหรอครับ”

     

    “เออ... พวกคุณ... เป็นแฟนกันหรอครับ” เขาถามด้วยสายตาเศร้า ๆ มินซอกตกใจเล็กน้อย

     

    “บ้าหรอ! ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ... เขาเป็นเพื่อนร่วมบ้านผมเฉย ๆ เราเช่าห้องแล้วก็อยู่เป็นบ้านกันน่ะครับ” มินซอกพูดออกไปอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย

     

    “อ๋อ” ผู้ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา

     

    “แล้วคุณมีธุระอะไรกับเขาหรือเปล่า เดี๋ยวผมเข้าไปเรียกเขาให้ หรือคุณจะเข้าไปหาเขาข้างในล่ะ” มินซอกถามต่อ

     

    “ไม่ล่ะครับ ผมแค่อยากรู้ว่า เขาอยู่ที่ไหนเฉย ๆ” ผู้ชายคนนั้นบอกแล้วก้มหน้า

     

    “แอบชอบเขาหรอครับ” มินซอกแกล้งถาม ผู้ชายคนนั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

     

    “เปล่าครับ คือว่าเขาช่วยผม โดยให้เงินสดค่ารถเมล์ผมขึ้นรถ แล้วทีนี้เขาไม่ยอมรับค่าตอบแทนจากผม ผมเลยไม่ค่อยสบายใจน่ะครับ”

     

    “มีอย่างนี้ด้วย ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมบอกเขาไหมว่าคุณไม่สบายใจ” มินซอกพูดออกมาอย่างแปลกใจ

     

    “เขาคงจะไม่ยอมหรอกครับ คือ... ระหว่างผมกับเขา... มีอะไรบางอย่างแปลก ๆ”  ผู้ชายคนนั้นยิ้มเขิน ๆ มินซอกหรี่ตามองและคิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องแอบชอบอี้ฟานแน่ ๆ เลย

     

    “อะไรหรอครับ”

     

    “เวลาที่เราโดนตัวกัน มันเหมือนมีไฟฟ้าช๊อตเราเบา ๆ น่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่แม่เคยบอกผมว่า เวลาที่เราโดนตัวใครแล้วเหมือนไฟช๊อต คน ๆ นั้นอาจจะเป็นเนื้อคู่เราก็ได้”

     

    พูดจบมินซอกก็หัวเราะออกมา ความคิดของผู้ชายคนนี้เหมือนหญิงสาววัยแรกแย้มยังไงอย่างนั้น ถ้าให้เดาเขาคงจะอายุไม่น่าถึงยี่สิบ กับความเชื่อแสนหวานปานน้ำผึ้งแบบนี้ มินซอกไม่สนหรอกว่าเขาจะบอกว่าชอบอี้ฟานจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้หลักฐานมันก็ทำให้เขาคิดได้อย่างนั้น

     

    “ใช่แล้วล่ะ เขาคงเป็นเนื้อคู่คุณ วันหลังคุณก็มาได้นะครับ ถ้าอยากรู้จักเขา เดี๋ยวผมพาเข้าไปเอง ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ เพื่อว่าเราจะได้สนิทกัน”

     

    “อ๋อ ผมชื่อ คิม จุนมยอนครับ มาจากปูซาน”

     

    “อ๋อ.. ผมคิม มินซอกนะ เป็นหมออายุรกรรม งั้นถ้าคุณอยากเจอเขาเมื่อไหร่ก็เรียกผมล่ะ ผมไปล่ะ”

     

    มินซอกโบกมือลาจุนมยอน ก่อนจะเดินจากไป จุนมยอนมองเข้าไปในบ้านแล้วยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นหน้าใครที่แทบเหมือนกับเจ้าชายที่แม่ชอบเล่าให้ฟังเลย เขาเป็นคนแรกที่ทำให้คิม จุนมยอน ตกหลุมรักตั้งแรกเห็น

     

    “อี้ฟาน... ชื่อเหมือนคนจีนเลย เขาคงเป็นเทพบุตรจากเมืองจีนสินะ ชื่อเพราะจัง”

     

    .

    .

     

    ลู่หานพาเจ้าโกลเด้นวิ่งเล่นมาเรื่อย ๆ ตามฟุตบาท เขายังไม่ชินที่ต้องคอยลูบหัวให้มันเท่าไหร่ ชายหนุ่มพามันไปวิ่งเล่นคาบจานร่อนที่สนามหญ้าใกล้ ๆ บ้านพักของเขา ก่อนจะเห็นว่าตัวเองเริ่มเหนื่อยเลยพามันกลับ ระหว่างทางที่ผ่านมา เขารู้สึกคุ้น ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง แต่แล้วก็นึกออกในทันที เมื่อเขาเห็นใครบางคนกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์

     

    “หมอปากร้ายนั่นนิ... เข้าไปทักทายซะหน่อยสิ”

     

    ลู่หานเดินไปหาหมอปากร้ายหวังว่าจะเอาเจ้าโกลเด้นนี้ไปงับขาของเขาให้ตกใจเล่น แต่แล้วเจ้าโกลเด้นก็วิ่งนำชายหนุ่มและดึงเขาไปหาหมอหนุ่มทันที

     

    “เฮ้ย!!!” ลู่หานร้องเสียงหลง คน ๆ นั้นหันมามองตามเสียงก่อนจะเบิกตากว้างกับเจ้าหมาสีทองที่วิ่งเข้ามา

     

    แผล๊บ!

     

    เสียงหัวเราะของหมอหนุ่มดังขึ้น พร้อมกับเจ้าโกลเด้นที่เลียไปเกือบทั่วหน้าของเขา ลู่หานที่ยืนมองก็นิ่งไป คน ๆ นี้ไม่กลัวหมาเลยคงมีแค่เขาสินะที่กลัวมัน หมอหนุ่มหลุดจากการทักทายอันดุเดือดของเจ้าโกลเด้นได้ เขาก็ยืนขึ้นเต็มตัวและหันมามองหน้าลู่หาน

     

    “อ้าวคุณ... ไม่ยักรู้ว่าคุณเลี้ยงหมากับเขาด้วย” เขาทัก

     

    “มันไม่ใช่ของผมหรอก ผมมีงานที่ต้องทำเกี่ยวกับมัน วันนี้ผมเลยพามันมาเดินเล่นน่ะครับ” ลู่หานบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรหลังจากที่เขาคาดการณ์ไว้ผิดไป

     

    “เจ้าตัวนี้ผมจำปลอกคอมันได้ ผมเคยช่วยมันไว้น่ะ มันคงจำผมได้เลยวิ่งเข้ามา มันเป็นหมาที่ได้ถ่ายโฆษณาเยอะมากเลยนะ เมื่อก่อนมันเป็นแค่หมาจรจัดน่ะ แต่พอถูกรถชน ผมก็เลยไปฝากเลี้ยงไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ มีคนมาเห็นความสดใสน่ารักของมัน ก็เอามันไปถ่ายโฆษณา ไม่คิดว่ามันจะดังได้ขนาดนี้ สุดยอดเลยเจ้าสนิช” ลู่หานมองหมอหนุ่มที่พูดและเล่นกับเจ้าหมาสีทองนั้นอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนอย่างหมอปากร้ายคนนี้จะทำอะไรแบบนั้นด้วย

     

    “โอเค งั้นผมขอหมาผมคืนด้วยครับ” ลู่หานบอก หมอหนุ่มลูบหัวเจ้าตูบ ก่อนจะส่งเชือกให้ลู่หาน

     

    “ถ้าชานยอลไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าคุณเป็นนักแสดง ขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อคราวก่อนแล้วกันนะครับ คุณลู่หาน” หมอหนุ่มบอก ลู่หานแปลกใจอีกครั้งที่หมอปากร้ายจะรู้จักเขา

     

    “คุณรู้จักผมแล้วหรอ งั้นคุณก็ควรจะบอกชื่อคุณให้ผมรู้จักด้วยนะ เผื่อเราได้เจอกันอีก” ลู่หานถาม

     

    เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมากหรอกครับ เพราะยังไงคุณกับผมก็คงไม่ได้เจอกันอีก” หมอหนุ่มบอกแล้วยิ้มให้ก่อนที่รถเมล์จะมาเทียบท่าพอดี

     

    “ผมไปล่ะครับ” หมอหนุ่มโค้งให้ลู่หานเล็กน้อยและขึ้นรถเมล์ไป ลู่หานรู้สึกแย่กับคำพูดของหมอหนุ่มคนนี้อีกแล้ว

     

    “เฮอะ!! หมอนี่... มันจะมากแล้วนะ! พูดอะไรหัดรักษาน้ำใจกันบ้างสิ!!!!” ลู่หานตะโกนออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะเห็นว่าผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มหันมามอง เขาลองทำหน้าตีมึนแล้วเดินออกมาจากที่นั่น

     

    “แค่อยากคุยด้วย ทำไมต้องตัดบทกันขนาดนี้ด้วยนะ”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : เหมือนช่วงนี้ฟิตคะ เรื่องไหลมาก็แต่งออกมาเรื่อย ๆ ประกอบกับอยากแต่งลู่หมินให้หายคิดถึง แต่เรื่องเรามันดันมีสามคู่ซะด้วย ก็จัดไปกับคู่สุดท้ายเลย เปิดตัวมาอย่างน่ารักเลยสำหรับลีดซูโฮของเรา เป็นบ้านนอกเข้ากรุงกันทีเดียว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่า สนุกไหม สนุกก็บอกต่อไป ติดแท็กกันได้นะ #ficlovegray มาดูว่าจะรักสีเทายังไง อิอิ เม้นให้กำลังใจกันนิดนึงนะ นะคะ

     

    ทอล์ค 2 : รีไรท์ ตอนนี้ก็รีไรท์ไม่มากเท่าไหร่ คงเนื้อเรื่องเดิม ยังไงก็ฝากอ่านกันอีกครั้งด้วยนะ เม้นบอกกันได้

     

     

     

     

     
       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×