ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #3 : Love Gray :: Chapter 2 Oh! cute boy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 268
      6
      18 พ.ค. 59







    Chapter 2 – Oh! Cute boy

     

    .

    .

     

    เช้าวันนี้ชานยอลรู้สึกว่าทำไมงานของเขามันถึงเยอะขนาดนี้ ไหนจะต้องซ่อมรถที่ล้อโดนตะปูเรือใบตำ และเดินมาดูท้องรถของอีกคันที่เพิ่งเข้าอู่มา ซึ่งงานทั้งหมดที่ส่งเข้ามาในวันนี้ มันต้องเสร็จภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้เพื่อให้สมกับสโลแกนของร้านว่า รวดเร็วทันใจ ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ บริเวณอู่เพื่อหาเพื่อนร่วมงานของเขา ซึ่งตอนนี้ซึ่งตอนนี้เขาเหมือนรู้สึกว่าถูกปล่อยให้เคว้งคว้างอยู่กลางร้านคนเดียวเมื่อเพื่อน ๆ พากันไปฉลองที่ร้านเหล้าหลังรู้ว่าเมียป่วย

     

    “มาแล้ว ๆ ๆ ใกล้ประกาศแล้วเว้ย”

     

    เสียงโวยวายที่ดังมาจากข้างหลังร้าน ทำให้เขารู้คำตอบแล้วว่า ที่แท้ผีพนันเข้าสิง ตอนนี้พวกเขากำลังรอฟังประกาศผลล็อตเตอรี่เพื่อลุ้นรางวัลใหญ่กันอยู่

     

    “นี่ ๆ ๆ ๆ พวกมึงอ่ะ จะหวังอะไรขนาดนั้นวะ กูไม่เห็นว่าจะมีคนถูกทีเป็นร้อยคนจากประชากรทั้งหมดของเกาหลีเลยนะเว้ย” ชานยอลขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดแล้วตะโกนบอก

     

    “มึงไม่เล่นมึงอย่ามาขัดโชคลาภพวกกูสิวะ นี่คือเงินที่กูกำลังลงทุนอยู่ แม้ความเสี่ยงมันจะมาก แต่ค่าตอบแทนถ้าได้มันคุ้มนะเว้ย” เพื่อนร่วมงานของเขาตะโกนกลับมา

     

    “ไม่ได้แดกหรอกพวกมึงอ่ะ” ชานยอลตะโกนกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าทำงานของเขาต่อไป ในใจก็นึกสมเพชเพื่อนเล็กๆ ที่คาดหวังอะไรที่มันมีทางเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้านเท่านั้น

     

    “(ต่อไปเป็นการประกาศผลรางวัลที่หนึ่ง งวดประจำวันที่ 16 มกราคม เลขที่ออก...)”

     

    009… 009… 009…”

     

    เสียงพูดดังกันระงมเหมือนเสียงบทสวด ชานยอลหยุดทำงานแล้วแอบฟังบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเพื่อนๆ สุดที่รักของเขาจะมีโอกาสไหม

     

    “(เลขที่ออก... 123000)”

     

    “เห้ย!!!!! ไอ้ห่า!!!!!

     

    เสียงแห่งความผิดหวังดังขึ้นอีกครั้ง หลายคนปาใบล็อตเตอรี่ลงพื้นทันทีที่ประกาศผลจบ บางคนก็ฉีกทิ้งแล้วกระทืบซ้ำ บางคนก็เสียสติกินมันซะเลย ชานยอลยิ้มสะใจเล็ก ๆ กับการกระทำที่ดูไร้สาระพวกนั้น

     

    “เห้ย ๆ ๆ ๆ พวกมึงอ่ะ! ทำงานสิวะ ใกล้เลิกงานแล้วเสียงดังหรอ อู้งานกันใช่ไหม”

     

    เสียงคิม ยองอุนเจ้าของอู่ซ่อมรถดังขึ้น พร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาจับแว่นอย่างสอดส่อง เจ้าของอู่เดินออกมาจากห้องทำงาน ทุกคนรีบวิ่งเข้าประจำที่ของตัวเองและตั้งใจทำงานต่อ ชานยอลส่ายหัวเบา ๆ กับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนเขาที่ดูจะสิ้นคิดไปหน่อย

     

    “เห้ย! ไอ้ชานยอล คราวหน้าถ้ามึงมีเลขเด็ดอะไรบอกกูบ้างนะ” เสียงกระซิบจากเพื่อนของเขาที่ทำทีมาช่วยงาน

     

    “นี่มึงยังไม่เข็ดหรอ” ชานยอลถาม

     

    “เออน่า... เขาบอกว่าคนที่ไม่ค่อยเล่นมักจะถูกนะ ถ้ามึงมีเลขอะไรก็บอกพวกกู โอเคนะ”

     

    พูดจบเพื่อนของเขาก็หายตัวไปทันที ชานยอลคิดแล้วก็ขำ เรื่องความโชคดีเขาไม่เคยได้สัมผัสมันเลยสักครั้ง ครั้งล่าสุดที่เขาลองเสี่ยงโชคกับตู้สล๊อต เขาก็แทบจะล้มตู้นั้นทันที เขาเลยไม่ค่อยเชื่อเรื่องโชคหรือดวงเท่าไหร่

     

    เมื่อเวลาเลิกงานมาถึง มนุษย์เงินเดือนต่างก็เดินทางกันกลับที่พัก ชานยอลก็เหมือนกัน เขาเรียนจบโรงเรียนสายอาชีพจากปูซานมาก็หางานทำในโซลทันที เขาเรียนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นวิชาชีพที่หางานง่ายและเขาก็ชอบมันด้วย ชานยอลตั้งใจเหมือนกันว่าจะเรียนต่อให้ได้ปริญญา แต่ทำงานมาจนถึงตอนนี้อายุก็ปาเข้าไป 26 แล้ว เขาเลยไม่ใส่ใจกับใบปริญญาเท่าไหร่ เพราะงานที่ทำอยู่มันก็มั่นคงกับเขาดี ถ้าเก็บเงินได้สักหน่อย ก็ลาออกมาเปิดร้านซ่อมรถเองก็ยังได้เลย

     

    บนถนนทางเท้าในตอนเย็นๆ แบบนี้ชานยอลไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันดูวุ่นวายแถมบรรยากาศของเมืองหลวงมันวุ่นวายมากจริง ๆ เขาเลยเดินเลี่ยงเส้นทางที่จะตรงไปยังบ้านพักของเขา โดยเดินอ้อมไปทางโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งที่อยู่แถวนั้น ช่วงเวลาเลิกงานมันเป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนแล้ว จะมีเด็กนักเรียนเดินกันปะปรายบ้าง แต่ก็ไม่หนาแน่นเหมือนอีกเส้นทาง ชายหนุ่มเดินลงทางลาดมาเรื่อย ๆ อย่างสบายอารมณ์ หูฟังที่คล้องคออยู่เมื่อครู่ถูกหยิบมาใส่เพื่อความบันเทิงเล็ก ๆ ระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งเขาไม่กล้าใส่ตอนที่เดินอยู่อีกเส้นทางเพราะมันอันตรายถ้าเกิดว่ามีรถเฉี่ยวชนเขาเพราะใส่หูฟังเพลงจนไม่ได้ยินเสียงอะไร ชายหนุ่มเดินเลี้ยวขวาอีกรอบซึ่งมันเป็นเส้นทางที่ตรงไปยังบ้านพักของเขาแล้ว แต่ทว่า...

     

    “หลีกไป!! หลีกไป!!

     

    โคร้ม!!!

     

    ชานยอลล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว สะโพกข้างซ้ายของเขากระแทกพื้นทันที โชคดีที่แรงชนจากสิ่งที่แล่นเข้ามาหาเขานั้นไม่เร็วมาก ชานยอลจับที่สะโพกของอย่างเจ็บปวดแล้วมองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ เขาเห็นจักรยานฟิคเกียร์มีสภาพบิดเบี้ยวไม่มากนัก จากสภาพแล้วเหมือนกับว่าพอรถคันนี้ชนเขาเสร็จมันก็วิ่งชนกำแพงบ้านที่อยู่ข้างๆ ทันที ชานยอลรีบเข้าไปพยุงเด็กนักเรียนเพื่อดูบาดแผลและอาการบาดเจ็บ

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า” ชานยอลถาม

     

    “เจ็บอ่ะ..” เสียงนั่นดังออกมา เสียงมันดูติดจะขี้แยนิดหน่อย ถ้าเขาสะกิดตรงที่เด็กคนนี้เจ็บ เด็กต้องร้องไห้แน่ ๆ

     

    “เจ็บตรงไหนหรอ” ชานยอลถามและช่วยพยุงเด็กชายคนนั้นขึ้นมา

     

    “เจ็บไปหมดเลยอ่ะ...” เด็กชายคนนั้นนิ่วหน้าบอกเพราะความเจ็บ ก่อนจะทิ้งตัวหาชานยอลทันที

     

    ชายหนุ่มเห็นเลือดที่ซึมออกมาจากกางเกงบริเวณเข่าของเด็กชายคนนั้นเขาก็รีบเปิดกระเป๋าตัวเองเพื่อค้นหาอุปกรณ์ล้างแผลและพลาสเตอร์ปิดแผลทันที ซึ่งเขามักจะพกติดตัวไว้เผื่อมีเหตุที่เขาซุ่มซ่ามทำให้ตัวเองบาดเจ็บจากการซ่อมรถ

     

    “แสบ ๆ ๆ ๆ เจ็บอ่ะ!” เด็กชายคนนั้นร้องออกมาแล้วใช้มือเขาทุบแขนชานยอลไป ชานยอลผลักหัวเด็กชายกลับอย่างหงุดหงิด

     

    “เป็นบ้าอะไร เป็นผู้ชายหรือเปล่า แค่นี้ทำสำออย แล้วนี่อะไร ใครสั่งใครสอนให้ขี่จักรยานไม่มีเกียร์ลงทางลาดมาล่ะ ห๊า! เดี๋ยวปั๊ด!

     

    ชานยอลพูดออกไป เด็กชายคนนั้นรีบหุบปากทันที ก่อนจะกัดนิ้วตัวเองแก้อาการแสบที่เข่าแทน ชานยอลเห็นหางตาของเด็กคนนั้นมีน้ำตาคลอ ก็ยิ่งหงุดหงิด เป็นผู้ชายแต่ร้องไห้กับเรื่องแค่นี้เขาคิดว่า มันเกินไป

     

    “เสร็จแล้ว ทีหลังก็ระวังบ้างล่ะ”

     

    เมื่อชานยอลติดพลาสเตอร์ให้เด็กคนนั้นแล้ว เขาก็ลุกขึ้นทันที แต่ข้อมือของเขากลับถูกคว้าไว้จนต้องหันมามอง

     

    “ขอบคุณนะครับ แล้วก็... ผมขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บตัวนะ หรือว่า... พี่ไม่เจ็บตรงไหน”

     

    “จะเจ็บหรือไม่เจ็บ แกก็เจ็บแล้วไหมล่ะ ลุกขึ้นมา” ชานยอลกระตุกมือที่เด็กชายให้ลุกขึ้น แต่เด็กชายเสียหลักจนทิ้งน้ำหนักไปที่ชานยอลทั้งหมด

     

    “เลิกสำออยได้แล้ว แล้วก็กลับบ้านไปได้แล้ว” ชานยอลรีบผลักเด็กชายออกแล้วเดินจากไปทันที เด็กชายเซไปพิงกำแพงบ้านที่อยู่ตรงนั้นก่อนจะมองตามแผ่นหลังไปอย่างสงสัย

     

    “มีกลิ่นน้ำมันจากตัวเขาด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นช่างซ่อมรถ ดีล่ะ” เด็กชายคิดได้อย่างนั้นก็รีบเดินไปจูงจักรยานของเขาแล้วค่อย ๆ เดินตามชายหนุ่มไป

     

    ชานยอลเจ็บสะโพกเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกปวดมากเท่าไหร่ หูฟังที่เปิดเพลงค้างไว้นั้นมันเลยกลับมาคล้องคอชายหนุ่มเหมือนเดิม เมื่อเดินมาถึงบ้าน เจ้าไค สุนัขแสนรักของค่อย ๆ เดินมาหาเขาช้า ๆ ชานยอลเลยรีบไปรับมันแทนเพราะอายุที่มากของมันจึงทำให้การเดินไปไหนมาไหนของเจ้าไคมันดูไม่ทันใจเจ้าของสักเท่าไหร่

     

    “แกยังทำหน้าที่ของแกดีเหมือนเดิมเลยนะ นี่ถ้าแกเป็นผู้หญิงก็ดีสิ คงจะทำอาหารให้ฉันได้สินะ” ชานยอลพูดและลูบหัวมันอย่างสบายใจ

     

    อี้ฟานเดินลงมาข้างล่างของบ้านพอดี ชานยอลสบตากับเขาก่อนจะลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไป แต่แล้วสายตาของอี้ฟานก็ทำให้ชานยอลสงสัยเมื่ออี้ฟานมองไปข้างหลังของเขาอย่างแปลกใจ ชานยอลเลยหันไปมองข้างหลังด้วยความสงสัยเช่นกัน

     

    “ไอ้เด็กนี่! มาได้ยังไง”

     

    รอยยิ้มจากเด็กชายเป็นคำตอบให้ชานยอลได้ เด็กชายเดินกระเผลกเข้ามาในบ้านผ่านหน้าชานยอลหาอี้ฟาน เขามองเด็กชายอย่างสงสัยก่อนจะสบตากันและยิ้มให้ เด็กชายโค้งทักทายอี้ฟานอย่างสุภาพ

     

    “สวัสดีครับ พอดีว่าผมขอรบกวนพี่ชายหน่อยนะครับ ผมอยากให้พี่ช่วยพูดกับพี่ชายคนนั้นให้ผมหน่อยว่า ซ่อมจักรยานให้ผมที” เด็กชายบอกอี้ฟาน เขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

     

    “พี่ว่า น้องบอกเขาไปเลยดีกว่านะ เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นนี่” อี้ฟานบอก เด็กชายทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย

     

    “ถ้าเขายอมซ่อมให้ผมง่าย ๆ ผมก็คงไม่รบกวนพี่ชายสุดหล่อหรอกครับ”

     

    เด็กคนนั้นนอกจากจะทำตัวขี้แยแล้ว เขายังทำตัวน่าหมั่นไส้ให้ชานยอลเท้ากระตุกอีก ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์ที่เขารู้สึกว่า เด็กคนนี้น่ารำคาญเกินไปและยังทำตัวน่าหมั่นไส้อีก ชานยอลเลยลากแขนเด็กคนนั้นออกมาข้างนอกทันที เผื่อว่าเวลาลงไม้ลงมือ เขาจะได้ทำมันอย่างเต็มที่

     

    “ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ฉันไม่ใช่ช่างซ่อมรถประจำบ้านนี้ และอีกอย่าง ฉันเลิกงานแล้วด้วย” ชานยอลบอก เขาพยายามกดเสียงให้เป็นปกติที่สุด เพื่อที่เด็กน้อยจะได้ไม่ตกใจจนร้องไห้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นชานยอลคงได้ระเบิดลงแน่ๆ

     

    “พี่ก็ซ่อมจักรยานให้ผมสิครับ แล้วผมจะรีบออกไปทันทีเลย นะครับ”

     

    คำพูดของชานยอลไร้ความหมายเมื่อเด็กคนนั้นยังยืนยันสิ่งที่เขาต้องการ ชานยอลเดินไปเดินมาเพื่อสงบสติอารมณ์ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดอะไรแบบนี้ แต่เพราะว่าเด็กคนนี้กำลังกวนประสาทเขา ซึ่งมันทำให้ต่อมโมโหของเขาทำงาน นี่คงเป็นอิทธิพลจากพี่หมอมินซอกขี้หงุดหงิดแน่ ๆ ไม่งั้นชานยอลคงไม่เป็นแบบนี้หรอก

     

    “ฉันบอกให้ออกไป”

     

    “ไม่อ่ะ พี่ซ่อมจักรยานให้ผมก่อนนะ”

     

    “ฉันนับหนึ่งถึงสาม”

     

    “พี่สุดหล่อ ขอร้องล่ะ ซ่อมจักรยานให้ผมหน่อยนะ”

     

    “หนึ่ง.”

     

    “นะครับ ซ่อมจักรยานให้ผมหน่อยนะ”

     

    “สอง..”

     

    “นะ ๆ ๆ ๆ ๆ”

     

    “สะ..”

     

    “ชานยอล!!

     

    เสียงอี้ฟานเรียกสติชานยอลขึ้นมา ชานยอลหันไปมองหน้าอี้ฟานอย่างแปลกใจ อี้ฟานเดินมากอดคอชานยอลและลากเข้าบ้านไป ปล่อยให้เด็กคนนั้นยืนงงอยู่หน้าบ้าน

     

    “อะไรของพี่เนี่ย!!

     

    ชานยอลพยายามดิ้นจากแขนจากอี้ฟานที่ล็อคคอของเขาเอาไว้ อี้ฟานผลักชานยอลลงบนโซฟา ก่อนจะยืนมองชานยอลด้วยรอยยิ้ม

     

    “ผมว่าคุณใจเย็น ๆ ก่อนนะ ผมเห็นอุปกรณ์ซ่อมรถอยู่ที่ห้องเก็บของ คุณเป็นช่างซ่อมรถไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ซ่อมให้เด็กคนนั้นล่ะ”

     

    “จะมาช่วยพูดให้เด็กคนนั้นหรอ ไม่มีทาง เด็กคนนั้นปั่นจักรยานมาชนผม ที่จริงผมควรเรียกร้องค่าเสียหายด้วยนะ”

     

    “รังแกได้แม้กระทั่งเด็กนะครับ ชานยอล”

     

    อี้ฟานพูดออกมาตรง ๆ จนชานยอลรู้สึกหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนและประจันหน้ากับอี้ฟานอย่างเหลืออด

     

    “ผมพูดคำไหนคำนั้น ไม่! มี! ทาง!

     

    พูดจบอี้ฟานก็จับแขนชานยอลเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง เสียงโอดครวญดังออกไปนอกบ้าน เด็กชายยังยืนงงกับเสียงพูดคุยกันที่ดังออกมาตลอด

     

    “ไอ้เจ๊ก!!

     

     ชานยอลสบถออกมาอย่างแรง อี้ฟานยังยิ้มให้ชานยอลอย่างใจเย็น ก่อนจะก้มลงมองชานยอลที่นอนแผ่หลาที่พื้น

     

    “ผมแค่อยากช่วยเด็กคนนั้น ในเมื่อคุณไม่ยอม ผมก็ต้องใช้วิธีของผมเพื่อให้คุณยอมนะครับ ผมขอโทษด้วย” อี้ฟานบอก

     

    ชานยอลมองตามอี้ฟานที่เดินออกไปข้างนอกก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับเด็กชานคนนั้น ดูรอยยิ้มที่เด็กชายคนนั้นมองแล้วหงุดหงิด ชานยอลยันตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์เครื่องมือที่ห้องเก็บของมาซ่อมจักรยานให้เด็กชาย

     

    “ที่ฉันยอมซ่อมให้ครั้งนี้ ก็อย่าหวังว่าจะมีการซ่อมให้อีกเป็นครั้งที่สองล่ะ” ชานยอลบอก เด็กชายพยักหน้ารัวอย่างเข้าใจ เหมือนหมาพุดเดิ้ลที่ทำตัวน่ารำคาญสำหรับชานยอลจริงๆ

     

    การซ่อมแซมรถจักรยานฟิคเกียร์ของเด็กชายค่อยเป็นค่อยไป เวลาซ่อมรถ คือเวลาที่ชานยอลใจเย็นที่สุด การหาจุดที่เสียของรถนั้นก็คงเหมือนกับการหาจุดที่บาดเจ็บของร่างกายคน ถ้าอาชีพหมอคือการรักษาคน อาชีพของเขาก็คงไม่ต่างจากหมอ เพียงแต่ว่า เขามีหน้าที่รักษารถและเครื่องยนต์ของรถแค่นั้น

     

    “ว้าว!! สุดยอดเลย ได้เห็นการซ่อมรถของจริงแบบนี้ มีกำลังใจในการอยากเข้าเรียนวิศวะเลย” เด็กชายคนนั้นพูดออกมา ชานยอลมองหน้าเด็กชายแล้วรู้สึกขำเล็กน้อย ความใฝ่ฝันของเด็กม.ปลายงั้นหรอ

     

    “คราวหลังก็อย่าทำแบบนั้นอีก ถ้าเกิดว่าไปชนรถคันใหญ่เข้า นายจะไม่ได้มายืนอยู่แบบนี้หรอก เข้าใจไหม”

     

    “เข้าใจครับ แล้วก็ขอบคุณพี่ชายมากนะครับ ที่ซ่อมรถให้ผม ไม่อย่างนั้น พ่อผมเอาตายแน่...”

     

    “หื้ม? นายว่าไงนะ”

     

    “ปะ... เปล่าครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับเลยนะ พี่จะได้อารมณ์ดีขึ้น แหะ ๆ”

     

    เด็กชายยิ้มกว้างให้ชานยอล เขาคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่พอจะตอบแทนชายหนุ่มได้ ชานยอลยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก แล้วก็โบกมือไล่ เด็กชายเลยขึ้นขี่จักรยานและเตรียมปั่นออกไป แต่ว่าเขากลับคิดขึ้นได้ว่า เขาควรจะต้องรู้อะไรบางอย่างก่อนไป

     

    “จริงสิ ผมยังไม่รู้จักชื่อพี่เลย พี่บอกผมมาหน่อยสิ” เด็กคนนั้นถาม ชานยอลบอกด้วยสีหน้านิ่ง ๆ

     

    “ ฉันชื่อชานยอล ปาร์ค ชานยอล จำไว้ให้ดีล่ะ แล้วก็อย่ามาขับรถชนฉันอีก ”

     

    “อ่า... งั้นก็จำชื่อผมไว้ให้ดีด้วยล่ะ ผมชื่อโด คยองซู ถ้าผมขับรถชนพี่อีก พี่จับผมส่งตำรวจเลยก็ได้ ฮ่า ๆ ๆ ไปล่ะครับ” เด็กคนนั้นโบกมือให้ชานยอลและปั่นจักรยานออกไป ชานยอลยืนมองจนลับตา

     

    “โด คยองซูหรอ... หึ!

     

    .

    .

     

    วันนี้คุณหมอมินซอกอารมณ์ไม่ดีทั้งวัน เขาเดินเตะนู่นนี่นั่นไปทั่วโรงพยาบาล จนเขาต้องขอยาทาจากห้องยา มาทาแก้บวม เขาไม่รู้ว่าทำไมอารมณ์หงุดหงิดมันถึงค้างนานกว่าทุกวัน ปกติเวลาเขาทะเลาะกับชานยอล เขาก็ใช้เวลาไม่ถึงคืนหายหงุดหงิด แต่นี่เขาทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จักทำไมอารมณ์ที่เรียกว่าหงุดหงิดมันยังไม่หายไปสักที หมอหนุ่มเลยพาตัวเองมาที่ร้านเค้กที่ใกล้ๆ ที่ทำงาน เขาสั่งมันมากินแก้อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นทั้งวัน แต่กินเป็นก้อนที่สามแล้ว อารมณ์นี้ก็ยังไม่หายไปสักที

     

    “นึกแล้วว่าพี่มินซอกต้องมาอยู่ที่นี่” เสียงทักทายดังขึ้น มินซอกเงยหน้ามอง ก็เห็นหมอหนุ่มรุ่นน้องยืนยิ้มให้เขา

     

    “ถ้านายจะมากวนประสาทฉัน ฉันจะล้มโต๊ะนี่กลางร้านเลย” มินซอกบอก

     

    “พี่เห็นหน้าผมทีไรพี่ก็พูดแบบนี้ทุกที ผมกวนประสาทพี่ตรงไหน ผมแค่พูดและยิ้มให้พี่เนี่ยนะ” เซฮุนเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของมินซอก

     

    “รอยยิ้มนายมันน่ากลัว ฉันไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นของนาย เข้าใจป่ะ จบนะ” มินซอกบอกแล้วตักเค้กเข้าปาก

     

    เซฮุนยิ้มแล้วไม่พูดอะไรก่อนจะเดินไปสั่งเค้กแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เขายื่นเค้กให้มินซอก มินซอกรับมาแล้วนั่งกิน เซฮุนนั่งมองมินซอกแล้วยิ้ม

     

    “พี่ไม่กลัวผมวางยาแล้วพาพี่ไปที่ห้องผมหรอ”

     

    “ฉันรู้ว่านายไม่ทำแบบนั้นแน่ ถ้านายทำ ฉันก็แค่เอาเลือดหัวนายออก” มินซอกมองเซฮุนด้วยสายตาหงุดหงิด

     

    “จะมีบ้างไหมที่พี่จะพูดกับผมแบบดี ๆ บ้าง” เซฮุนแอบเบ้ปากใส่มินซอก

     

    “ถ้านายไม่พูดอะไรเสี่ยว ๆ แบบนั้นใส่ฉัน ฉันก็จะยอมพูดดี ๆ กับนาย” มินซอกตักเค้กใส่ปากไปเรื่อย ๆ

     

    “พี่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่” เซฮุนเปลี่ยนมานั่งจ้องหน้ามินซอกที่กินเค้กอย่างไม่สนใจอะไร

     

    “ขอร้องล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้สักที นายกำลังจะทำให้ฉันเสียดายของที่เพิ่งจะกินเข้าไปนะ”

     

    มินซอกตัดบท เซฮุนเลยได้แต่นั่งมองรุ่นพี่กินเค้กไปเรื่อยๆ เมื่อกินเค้กกันเสร็จเซฮุนอาสาจะไปส่งมินซอกที่บ้าน หมอหนุ่มเลยยอมตกลงเพราะเขาไม่อยากนั่งรอรถเมล์นานๆ เหมือนกัน

     

    “ขอบใจมากที่มาส่ง ถ้านายมาส่งฉันทุกวันแบบนี้ ฉันอาจจะรับพิจารณาก็ได้นะ” มินซอกบอกเซฮุนพร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามยิ้มให้

     

    “งั้นพี่ต้องให้ผมมารับพี่ไปทำงานตอนเช้าด้วยนะ” เซฮุนหันมามองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    “ตารางเข้างานฉันกับนายไม่เหมือนกัน แถมอยู่กันคนละแผนก เพราะฉะนั้นอดจ้า”

     

    “ก็ปรับเวลาได้นี่ครับ ขอแลกก็ได้ถ้าเราอยากเจอกัน”

     

    “มันไม่มีวันนั้นแน่นอน ฝันดีล่ะลูกพ่อ”

     

    มินซอกยิ้มให้และลูบหัวเซฮุนก่อนจะลงจากรถไป เซฮุนมุ่ยหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาที่หมอหนุ่มรุ่นพี่เริ่มจะยอมให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตบ้าง ก่อนจะขับรถออกไป เขาเห็นมินซอกยืนโบกมือให้เขานิดหน่อยแล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าบ้านไป แค่นี้ก็ทำให้หมอรุ่นน้องนอนฝันดีไปอีกหลายคืน

     

    เมื่อเดินเข้าบ้านมามินซอกเห็นอี้ฟานนั่งเล่นเชลโลก็ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องดนตรีที่อี้ฟานเล่น เขาไม่เคยเห็นเชลโลของจริงมาก่อน

     

    “คุณเล่นเครื่องนี้หรอ” มินซอกถาม

     

    “ใช่แล้วครับ มันคือเชลโล คุณอยากเล่นไหม”

     

    “ไม่เอาอ่ะ ฉันเล่นไม่เป็น คุณเล่นให้ฟังสักเพลงสิ”

     

    อี้ฟานพยักหน้าตกลง ก่อนจะเริ่มเล่นเชลโลให้มินซอกฟัง แค่โน๊ตแรกขึ้นมินซอกก็รู้สึกถึงบรรยากาศในร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูสักที่ เขาหลับตาฟังเสียงเพลงจนรู้สึกว่าความง่วงเริ่มครอบงำเขา อี้ฟานเล่นจบไปบทหนึ่งเขาก็เหลือบเห็นมินซอกนอนหลับอยู่ที่โซฟาแล้ว การหายใจที่สม่ำเสมอทำให้อี้ฟานอดขำไม่ได้ เขาเล่นเชลโลต่อให้จบเพลง การเล่นเชลโลนั้นมันทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่คิดอะไรไม่ออก บทเพลงที่เคยเล่นมาไหลผ่านออกมาเป็นตัวโน๊ตให้เขาเล่น ช่วงนี้อี้ฟานกำลังแต่งเพลงใหม่อยู่ แต่แน่นอน เขายังคิดคอนเซปของเพลงไม่ออก วันนี้เขาเลยนั่งเล่นเชลโลทั้งวัน

     

    “บรรยากาศเหมือนอยู่ในปารีสยังไงอย่างงั้นเลย” ชานยอลบอกหลังจากที่เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ อี้ฟานเริ่มเล่นเชลโล่ตั้งแต่ก่อนเขาอาบน้ำจนตอนนี้ เขาก็เห็นร่างของหนุ่มน้อยนอนอยู่บนโซฟา

     

     “คนนี้ก็หลับง่ายเหลือเกิน เป็นหมอมันเหนื่อยมากสินะ” ชานยอลเอานิ้วจิ้มแก้มมินซอก มินซอกรู้สึกแต่แค่ปัดมือชานยอลออก อี้ฟานเห็นแล้วยิ้ม

     

    “เวลาที่พี่มินซอกน่ารักที่สุด ก็คือตอนหลับนี่ล่ะ รับมือง่ายสุด” ชานยอลหันมาบอกอี้ฟาน ชายหนุ่มยิ้มให้แบบขำๆ

     

    เสียงเชลโลหยุดลง อี้ฟานเก็บมันใส่กระเป๋าแล้วเดินไปหาอะไรกิน ชานยอลแกล้งมินซอกด้วยการเอาขนมที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกมาล่อที่จมูกมินซอก จมูกของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะดมมาตามกลิ่นของขนมที่ชานยอลถือแกว่งไปมา

     

    “เอามานี่!” มินซอกลืมตาขึ้นแล้วกัดขนมเอาไว้ ชานยอลเลยต้องยอมปล่อย

     

    “เรื่องของกินไม่เคยพลาดเลยนะ” ชานยอลบอกแล้วกินขนมต่อ

     

    “เอามาล่อแบบนี้ ฉันไม่พลาดหรอก นี่อี้ฟาน คุณเล่นแต่พวกเพลงทำนองแบบนี้หรอ” มินซอกถามอี้ฟานที่เดินถือแก้วนมร้อน ๆ มานั่งที่โซฟา

     

    “เพลงแนวนี้เรียกว่า Ballad คุณชอบหรอ”

     

    “ฉันฟังเพลงพวกนี้เวลาเครียด ๆ น่ะ แต่ฟังเล่นสดมันรู้สึกดีกว่ามากเลย ว่าง ๆ มาเล่นให้ฟังอีกนะ ตอนนี้ฉันอยากขึ้นห้องแล้วล่ะ” พูดจบ มินซอกก็เดินขึ้นห้องทันที

     

    “อารมณ์เหมือนผู้หญิงไม่มีผิด นี่ยังบอกผมว่าชอบผู้หญิงอยู่นะ ทั้ง ๆ ที่อดีตแฟนน่ะเป็น... เออ...” ชานยอลจะพูดต่อ แต่ติดที่ว่าอี้ฟานเพิ่งจะรู้จักกัน

     

    “ถ้าไม่อยากบอก ผมก็ไม่อยากรู้หรอก” อี้ฟานบอก

     

    “มันก็ไม่ใช่อะไรหรอก ผมอยู่บ้านหลังนี้กับพี่มินซอกมานาน มีคนเข้าออกก็เยอะ แต่ผมกับพี่เขาอยู่นานสุด มีหลายอย่างที่ทำให้พี่เขาเป็นแบบนี้ ที่จริงพี่มินซอกน่ะ เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย...” เสียงชานยอลแผ่วปลายในประโยคสุดท้าย อี้ฟานขมวดคิ้วอย่างแปลกใจนิดหน่อยถึงรสนิยมทางเพศของมินซอก

     

    “จริงหรอครับ...”

     

    “ใช่ แต่พ่อเขาไม่ชอบน่ะ พ่อเขาอยากให้พี่มินซอกมีลูกเหมือนน้องสาวเขาที่แต่งงานมีลูกแล้วล่ะ แถมมีตั้งสามคนแหน่ะ ผมไม่อยากไปบ้านพี่เขาเท่าไหร่เลยเวลาที่เขาชวน ผมไม่ค่อยชอบเด็ก” ชานยอลเล่าต่อด้วยใบหน้าเอือม ๆ

     

    “อ๋อ...” อี้ฟานพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ ที่เห็นว่าชานยอลดูไม่ค่อยปลื้มกับเด็กชายคนนั้นเท่าไหร่เพราะไม่ชอบเด็กนี่เอง

     

    “แล้วตอนนั้น พี่เขาทะเลาะกับแฟนเรื่องครอบครัวนี่แหละ เขาลางานไปสามวันได้ นั่งกินเหล้าอย่างเดียวเลย... จากนั้นเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งพูดจาตรงๆ พูดไม่รักษาน้ำใจใคร แถมยังอารมณ์เสียง่ายอีก นี่เขายังบอกอีกว่าเขาจะไม่มีแฟนเป็นเพศเดียวกันเด็ดขาด เขาต้องมีเมียให้ได้” ชานยอลขำออกมาเล็กน้อย อี้ฟานนั่งฟังอย่างตั้งใจกับเรื่องราวที่ได้ยินจากคนที่เพิ่งรู้จัก

     

    “แต่พี่เชื่อผมเถอะ ถ้ามีผู้ชายมาจีบพี่มินซอกน่ะ เขาก็เอา นิสัยไม่เปลี่ยนแบบนี้จะไปเอาใจใครได้ แต่ถ้าจะคบกันจริงคงต้องดูกันนาน ๆ ล่ะ ว่าจะผ่านด่านพ่อพี่เขาได้ไหม”

     

    “...”

     

    “ผมขึ้นห้องล่ะ พี่ก็รีบนอนล่ะ เดี๋ยวไม่หล่อ”

     

    ชานยอลยิ้มให้อี้ฟานแล้วเดินขึ้นไปข้างบน อี้ฟานดื่มนมจนหมดแก้วก่อนจะมองออกไปข้างนอก เขาได้แต่เก็บเรื่องราวของเพื่อนร่วมบ้านที่ชื่อคิม มินซอกเอาไว้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องราวให้ได้จดจำอีกอย่างหนึ่งว่า เวลาที่เขาทำอะไรให้หมอหนุ่มไม่พอใจ เขาคงต้องยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับคนในบ้านนี้ให้ได้

     

    “คิม มินซอกชอบผู้ชาย ปาร์ค ชานยอลไม่ชอบเด็ก ต้องรู้เรื่องพวกเขาไว้บ้างสินะ”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เปิดตัวอีกคู่เท่านั้นคะ เรื่องมันอาจจะเรื่อย ๆ ไปหน่อย ไรท์จะพยายามให้มันมีสาระนะคะ

                มาอัพพร้อมกับไอจีพี่หมินของเราเป็นทอคออฟเดอะทาวน์มาก อะไรนะ มินซอกจะอัพกล้าม ไม่จริงใช่ไหมคะ ความฝันของเหล่าชิปเปอร์จะพังลงอีกล่ะ อัพทำไม แค่นี้ก็ดีแล้ว ไรท์ขอปาดน้ำตาแปบ อ่ะฮึก เอาเถอะ เอาที่มินซอกสบายใจ ชิปเปอร์ลู่หมินนี่หรรษากันมากตั้งแต่ลู่หานจะแต่งงาน มินซอกเลยอัพไอจีประชดว่าจะอัพกล้าม 55555 ไม่ใช่ล่ะ เข้าใจหัวอกติ่งคะ แต่ไม่ต้องทำตามก็ได้ ดูความเหมาะสมร่างกายตัวเองด้วยนะมินซอก เราเป็นห่วงกลัวออกมากล้ามใหญ่หัวเล็กหน้าแบ๊วนี่ไม่เอานะ ไรท์คงทำใจชิปไม่ได้ล่ะ จะเปลี่ยนไปชิปซิ่วหานแทน 5555 เหมือนเดิมคะ สนุกไหม เม้นกันได้ ติดแท็กกันได้ #ficlovegray ไรท์จะไปส่อง อิอิ

     

    ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมาก เนื้อเรื่องอาจเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้ตัวละครมีหลักแหล่งนะ เรากำลังพยายามปรับปรุงการเขียน ถ้ารีดเดอร์คนไหนติชมมาเรายินดีรับทุกอย่างคะ เราไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรเลยนะ พูดมาได้ เราจะพยายามปรับปรุง เพราะเราก็เพิ่งจะเริ่มต้น มันก็คงจะออกมาได้ไม่ดีเลิศเท่าไหร่ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอีกรอบนะ อ่านอีกรอบก็ดีคะ 5555

     
       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×