ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] LUMIN My Bro พี่ชายสุดที่รัก

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 It True...

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 57


    Chapter 2 … It True…

     

    เช้าวันใหม่ที่สดใส มินซอกยังคงตื่นได้ด้วยเสียงนาฬิกาปลุก วันนี้เขาตั้งปลุกเผื่อเวลาสำหรับรอลู่หานจัดการตัวเองด้วย มินซอกบิดขี้เกียจสักครู่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

     

    หลังจากที่เมื่อวานเขาดุลู่หานเรื่องที่ลู่หานเข้าห้องเขามาโดยไม่ได้รับอนุญาต มินซอกก็ไม่ลืมที่จะล็อคห้องของเขาไว้ มินซอกเดินไปเคาะประตูห้องลู่หานเพื่อบอกคนที่อยู่ข้างในให้รีบตื่น

     

    “ ลู่หาน! นายตื่นหรือยัง ฉันจะบอกนายแค่ครั้งเดียวนะ ถ้าฉันมาเรียกนายกินข้าวแล้วนายยังไม่เสร็จอีก ฉันจะทิ้งนายไว้ที่บ้านและขังนายไว้ที่ห้อง เข้าใจไหม ” มินซอกบอกผ่านประตูไป

     

    ยังไม่ทันที่เขาจะเดินลงบันได เสียงประตูเปิดก็ดังขึ้นพร้อมกับการสวมกอดจากคนที่วิ่งออกมาจากห้อง

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... ลู่... ลู่หานไม่อยากโดนขัง... ลู่หานจะไปกับซิ่วหมินเกอ ” ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ พร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่ของมินซอก มินซอกทั้งตกใจและแปลกใจที่อยู่ ๆ ลู่หานก็กอดเขาไว้แบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างไร คงเพราะว่าเขาไม่คิดว่าลู่หานจะร้องไห้เพราะคำขู่ของเขา

     

    “ นายตื่นแล้วก็ดี รีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิ ” มินซอกบอกแล้วแกะมือของลู่หานออก

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... อาบน้ำให้ลู่หานหน่อยสิ... ” มินซอกได้ยินประโยคนี้ก็อยากจะกระโดดถีบเจ้าของประโยคจริง ๆ

     

    “ ฝันไปเถอะ! ไปอาบเอง! ” มินซอกพูดจบก็เดินลงบันไดไปเพื่อไปทำอาหารเช้า ลู่หานมองมินซอกตาละห้อย ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าห้องไปเพื่อจัดการตัวเอง

     

    ผ่านไปยี่สิบนาที มินซอกนั่งรอลู่หานจนอารมณ์ในตอนนี้ของเขาแทบจะฆ่าคนได้ทันทีที่มีใครเดินผ่าน มินซอกทนไม่ไหวแล้ว ทำไมเขาต้องรอน้องชายปัญญาอ่อนนี้ด้วย มินซอกตักข้าวใส่ปากตัวเองอย่างไม่สนใจจนข้าวในจานหายไปครึ่งหนึ่ง อะไรที่ทำให้เขาหงุดหงิดขนาดนี้นะ มินซอกตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องของลู่หานอีกครั้ง

     

    ปัง! ปัง! ปัง!

     

    “ ลู่หาน นายออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออกมาฉันขังนายไว้ในห้องแน่!! ” มินซอกตะโกนเขาไป แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากลู่หาน ความหงุดหงิดทำให้มินซอกเปิดประตูเข้าไปในห้องลู่หานอย่างรวดเร็ว แน่นอนถ้าเปิดเข้าไปแล้วเขาเห็นลู่หานนั่งเล่นอยู่ที่ห้องอย่างสบายอารมณ์เขาจะขังลู่หานแล้วไปโรงเรียนทันที

     

    แต่ว่าพอเขาเปิดประตูเข้าไป กลับเห็นลู่หานนอนคว่ำอยู่ระหว่างห้องน้ำกับห้องนอน มินซอกรีบเดินไปดู เขาเห็นลู่หานนอนหายใจหอบเนื้อตัวเปียก มินซอกเข้าไปพยุงลู่หานก็รู้สึกว่าตัวของลู่หานร้อน มินซอกรีบเอาผ้ามาเช็ดตัวลู่หานที่เปียกให้แห้ง ก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้และพาเขาไปนอนที่เตียง ลู่หานยังคงไม่รู้สึกตัว มินซอกเลยลงไปข้างล่างเพื่อหายาและหาโจ๊กสำเร็จรูปมาต้มให้ลู่หาน

     

    “ ลู่หาน นายไหวไหม กินโจ๊กก่อนนะ แล้วค่อยกินยา ” มินซอกจัดท่าให้ลู่หานนั่ง ก่อนจะป้อนโจ๊กให้ลู่หานกิน

     

    “ ชี.. อู... หมิน... เกอ... ลู่... หาน... จะ... ไป... โรงเรียน... ” ลู่หานพยายามพูดออกมาทั้งที่คอของเขายังพับไปมา

     

    “ ไม่ต้องพูด กินโจ๊กซะ จะได้กินยา แล้วฉันได้รีบไปโรงเรียนด้วย ” มินซอกป้อนโจ๊กให้ลู่หาน

     

    มินซอกยังแปลกใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ลู่หานก็เกิดเป็นไข้ตัวร้อนขึ้นมานะ เมื่อวานเขาไปทำอะไรมา มินซอกไม่อยากนึกอะไรในตอนนี้ เขาอยากจะจัดการให้ลู่หานนอนหลับสบายอยู่ที่บ้าน เพราะเขาคิดว่ายังไงลู่หานก็คงไปโรงเรียนไม่ไหวอยู่ดี ลู่หานกินโจ๊กไปได้ครึ่งเดียวเขาก็ปัดช้อนออก มินซอกเลยหยิบยาลดไข้มาให้ลู่หานกิน ลู่หานก็ปัดมือของมินซอกออก

     

    “ ลู่หาน... กินยาซะแล้วนอน วันนี้นายไปโรงเรียนไม่ได้หรอก ” มินซอกบอกลู่หาน

     

    “ ไม่... ลู่หาน... จะไป... โรงเรียน ” ลู่หานยังคงยืนยันคำเดิม

     

    “ ลู่หาน ถ้านายยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ฉันจะล่ามนายไว้และขังไว้ในห้องแน่นอน กินยาซะ!! ” มินซอกตะคอกใส่ลู่หาน จนลู่หานสะดุ้ง ลู่หานมองหน้ามินซอกอย่างหวาดกลัว แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา

     

    “ ลู่หาน... ลู่หาน แค่อยากไป... ส่งการบ้าน... ให้คุณครู... ฮึก... ” ลู่หานพูดแล้วก้มหน้าลง น้ำใส ๆ หยดลงบนผ้าห่ม มินซอกมองลู่หานอย่างรู้สึกผิด เขาคงพูดจารุนแรงกับลู่หานมากเกินไป

     

    “ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันเอาไปส่งให้ นายไม่ต้องไปโรงเรียนหรอก นอนพักอยู่ที่นี่ล่ะ ” มินซอกพูดแล้วจัดการลู่หานให้นอนลงก่อนจะห่มผ้าให้

     

    “ นอนพักซะ แล้วห้ามออกไปไหนทั้งนั้น ถ้าไม่อยากโดนว่าเหมือนเมื่อกี๊อีก ” มินซอกบอกลู่หาน แล้วเดินออกจากห้องมา

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... ” ลู่หานมองตามมินซอกไป ใจของเขา เขาอยากเดินไปโรงเรียนกับพี่ชายของเขาอีกครั้ง พี่ชายที่ไม่เคยยอมรับในตัวเองของเขา แต่ลู่หานก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขารักพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน เพราะว่า... พี่ชายคนนี้คือครอบครัวที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น

     

    ...

     

    ...

     

    “ เฮ้ยมินซอก! ทำไมวันนี้มาสายวะ ” จงแดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามินซอกเดินเข้าห้องเรียนมาในชั่วโมงใกล้เรียนวิชาแรก

     

    “ พอดีว่าตื่นสายว่ะ ” มินซอกบอก

     

    “ เล่มเกมส์อีกแล้วหรอวะ นี่ให้มันน้อย ๆ หน่อย นี่เพิ่งจะเปิดเทอมนะ ”

     

    “ เออ! กูจะเล่นให้มันน้อยลงนะ ” มินซอกบอก ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนมากางไว้แล้วเสียบหูฟังรอเรียนวิชาแรก

     

    วิชาแรกของวันนี้ มินซอกแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลย เขาเสียบหูฟังและมองไปนอกหน้าต่าง ใจของเขาตอนนี้ทำไมมันถึงคิดถึงแต่เรื่องที่น้องชายปัญญาอ่อนของเขานอนป่วยอยู่ที่บ้านก็ไม่รู้ เขาไม่ได้คิดว่าลู่หานจะเป็นอย่างไรหรอกนะ แค่คิดว่าลู่หานจะทำบ้านพังไหมเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านก็เท่านั้นเอง

     

    “ คิม มินซอก! ” เสียงเรียกสติของเขาดังขึ้น มินซอกมองไปที่หน้าห้อง ก่อนจะเห็นอาจารย์วิชาภาษาเกาหลียืนมองเขาด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

     

    “ ครับอาจารย์! ” มินซอกรีบขานรับแล้วถอดหูฟังออกอย่างรวดเร็ว

     

    “ ไหนเธอลองอ่านประโยคในหน้าที่เธอเปิดให้ฉันฟังหน่อยสิ ” อาจารย์บอก มินซอกหันไปมองจงแดเพื่อขอความช่วยเหลือ จงแดเลยเปิดหน้าหนังสือที่ถูกต้องให้มินซอกแต่ว่า

     

    “ คิม จงแด! ถ้าเธอช่วยคิม มินซอกอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะทำโทษเธอด้วย ” อาจารย์ยืนคำขาดให้จงแด จงแดเลยได้แต่นั่งตัวตรงอยู่ข้าง ๆ มินซอก

     

    “ เอาล่ะ อ่านมาสิ คิม มินซอก ”

     

    บรรยากาศรอบตัวที่กดดัน ทำให้มินซอกรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน มินซอกค่อย ๆ หยิบหนังสือขึ้นมาแล้วอ่านตรงบรรทัดแรกให้อาจารย์ฟัง

     

    “ มงรยองบอกลาชุนฮยางเพื่อไปเรียนที่กรุงโซล... เขาบอกเธอว่า... ”

     

    “ พอ ๆ ๆ พอได้แล้ว!! ” อาจารย์บอกมินซอก มินซอกได้แต่ก้มหน้า

     

    “ เธอฟังที่ฉันสอนหรือเปล่า ”

     

    “ คือว่าผม... ”

     

    “ ถ้าเธอฟังฉัน เธอก็จะรู้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอเรียนอยู่ตอนนี้ ตอนนี้ฉันกำลังขึ้นเรื่องการใช้ภาษาทางการแล้ว คิม มินซอก เธอรู้ใช่ไหมว่าเธอควรจะทำอย่างไรเวลาที่ฉันสอนอยู่ ”

     

    “ ครับ... ”

     

    “ ออกไปยืนหน้าห้อง! เดี๋ยวนี้!

     

    ...

     

    ...

     

    ลู่หานลืมตาตื่นขึ้นมา เขายังรู้สึกเวียนหัว มองเพดานห้องแล้วยังรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนไม่หยุด เหงื่อไหลออกมาตามตัว แต่เขายังรู้สึกหนาวอยู่แม้ว่าผ้าห่มที่มินซอกห่มให้จะหนาเพียงใด

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... ผมหิว... ”

     

    ...

     

    ...

     

    “ มึงเป็นอะไรของมึงวะ วันนี้มึงโดนเรียกออกไปยืนหน้าห้องทุกคาบเลยนะ ” จงแดถามมินซอก เมื่อพวกเขากำลังเดินมาที่โรงอาหารของโรงเรียน

     

    “ เปล่า... กูแค่ปวดหัวนิดหน่อย ” มินซอกตอบ

     

    “ เป็นมากป่ะเนี่ย จะไปนอนห้องพยาบาลไหม แล้วทำไมไม่บอกอาจารย์ล่ะ ”

     

    “ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่วันนี้มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ ”

     

    “ ครั่นเนื้อครั่นตัวด้วยหรือเปล่า อาการแบบนี้เรียกว่าเป็นไข้แล้วนะ แต่ตัวมึงก็ไม่เห็นจะร้อนเลย ” จงแดพูดแล้วก็เอามือแตะที่หน้าผากของมินซอก

     

    “ อย่าใส่ใจเลย ไปกินข้าวดีกว่า ” มินซอกเดินนำจงแดไป

     

    มินซอกไม่รู้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเขาเป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่ที่บ้านหรือเปล่านะ

     

    ตลอดทั้งบ่าย มินซอกพยายามทำตัวเหมือนตั้งใจเรียน แต่ว่าสิ่งที่อาจารย์สอนเขามาในวันนี้แทบจะไม่เข้าหัวเขาเลย แล้วเสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนก็ดังขึ้น

     

    “ เอาล่ะ อย่าลืมการบ้านที่ฉันสั่งไปด้วยล่ะ แล้วก็เริ่มทบทวนบทเรียนหรืออ่านบทเรียนมาก่อนล่วงหน้าได้ก็ดี เลิกเรียนได้ ”

     

    “ ขอบคุณครับ/ขอบคุณคะ ”

     

    มินซอกรีบเก็บของใส่กระเป๋าแล้วพุ่งตัวไปที่ประตูทันที จงแดจะเรียกมินซอกแต่ก็ไม่ทัน จงแดเลยได้แต่มองตามอย่างสงสัย

     

    มินซอกรีบวิ่งกลับมาที่บ้าน พอมาถึงเขาก็เห็นรองเท้าของแม่วางอยู่ที่ทางเข้า มินซอกรู้สึกโล่งใจที่แม่กลับมาแล้ว

     

    “ กลับมาแล้วครับ! ” มินซอกกึ่งพูดกึ่งตะโกนเพื่อบอกให้คนในบ้านรู้ว่าเขากลับมาแล้ว

     

    “ มินซอก! ทำไมลูกไม่โทรบอกแม่ว่าลู่หานไม่สบาย ” แม่เดินออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ชอบใจนัก

     

    “ คือว่าผม... ”

     

    “ คราวหลัง ถ้าลู่หานไม่สบายในเวลาที่แม่ไม่อยู่อีก ลูกก็ควรจะอยู่ดูแลน้องหรือไม่ก็โทรบอกแม่ นี่ถ้าแม่มาช้ากว่านี้ ลู่หานจะเป็นยังไงบ้างนะ ” แม่บ่นออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

     

    “ ทำไมหรอครับ ลู่หาน เขา... ”

     

    “ ก็ลู่หานน่ะ พอแม่กลับมา แม่ก็เห็นลู่หานนอนอยู่ที่บันไดแล้ว แม่ไม่รู้ว่าลู่หานตกบันไดหรือว่าเป็นอะไร แต่พอลู่หานฟื้นเขาก็บอกแม่ว่าเขาหิว เขาเลยลงมาหาอะไรกิน แต่ก็ล้มลงที่บันไดซะก่อน โชคดีที่ลู่หานลงบันไดมาสุดขั้นแล้ว ไม่อย่างนั้น แม่ไม่อยากจะคิดเลย ”

     

    “ ... ” มินซอกพูดไม่ออก ที่เขาเรียนไม่รู้เรื่องทั้งวัน เพราะเขาลืมหาอาหารไว้ให้ลู่หานกินตอนกลางวันนั่นเอง

     

    “ มินซอกฟังแม่นะ... ” แม่จับไหล่มินซอกและมองหน้า มินซอกที่หลุบตามองพื้นก็เปลี่ยนสายตามามองแม่

     

    “ ลู่หานน่ะ สำหรับแม่แล้ว เขาคือคนที่แม่ต้องดูแล เขาเป็นเหมือนลูกของแม่ ตอนนี้เขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก แม่อยากให้ลูกช่วยดูแลเขา รักเขาให้มาก ๆ ลู่หานน่ะ... เขาน่าสงสารนะ ” แม่พูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า ก่อนมันจะไหลออกมา

     

    “ แม่ไม่อยากให้ลูกรังเกียจอะไรลู่หาน เขาไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ ลูกเข้าใจเขาหน่อยนะ ”

     

    “ แล้วทำไมแม่ต้องดูแลลู่หานด้วยล่ะครับ ” มินซอกถามแม่ด้วยความสงสัย ใช่ ทำไมแม่ต้องรับลู่หานมาดูแล ทั้งที่แม่ก็มีมินซอกที่เป็นลูกแท้ ๆ อยู่แล้ว แต่ทำไมแม่ต้องรับลู่หานเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวอีกคนด้วย

     

    “ ลู่หานน่ะ... เขาเป็น... ลูกติดเมียใหม่พ่อน่ะ ”

     

    “ อะไรนะครับ! ” มินซอกตกใจที่ได้ยิน

     

    ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แม่หย่ากับพ่อตั้งแต่มินซอกอายุได้ 5  ขวบ หลังจากนั้นสามเดือนพ่อก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงชาวจีน มินซอกไม่เคยถามแม่ว่าผู้หญิงที่พ่อแต่งงานด้วยนั้นเป็นใคร รู้แค่ว่าเธอเป็นคนจีน หลังจากนั้นมินซอกก็ไม่เคยเจอพ่อของเขาอีกเลย ผู้ชายคนนั้น เขาไม่อยากจะเรียกว่าพ่อเลยด้วยซ้ำ คนที่ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แล้วเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมีความสุขแบบนั้น เห็นแก่ตัวชัด ๆ

     

    “ แม่ไม่ได้อยากรับลู่หานมาเลี้ยงหรอกนะ แต่ลู่หานเขาน่าสงสารจริง ๆ ถ้าแม่ไม่เห็นกับตาว่าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรกับลู่หานบ้าง แม่ก็คงไม่คิดที่จะรับลู่หานมาเลี้ยงแบบนี้หรอก ” แม่บอกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ถึงแม้จะไม่มีเสียงสะอื้นแต่มินซอกก็รู้ว่าแม่รู้สึกยังไง

     

    “ เขาทำอะไรกับลู่หานหรอครับ ” มินซอกถาม เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าก่อนที่ลู่หานจะกลายมาเป็นน้องชายของเขา ได้เจออะไรมาบ้าง

     

    “ แม่ของเขาล่ามโซ่ลู่หานไว้กับโต๊ะกินข้าว แล้วก็ปล่อยลู่หานทิ้งไว้แบบนั้น ทั้งทุกตีเวลาที่ลู่หานร้องไห้ ทั้งด่าว่า ตะคอกใส่สารพัด ถ้าวันนั้นแม่ไม่บังเอิญเจอพ่อของลูกที่ร้านขายของชำที่เมืองจีน แม่ก็ไม่รู้ว่าลู่หานจะอยู่รอดจนถึงตอนนี้หรือเปล่า ”

     

    มินซอกน้ำตาคลอ เขาไม่คิดว่าลู่หานจะเจออะไรแบบนี้ในชีวิต ตลอดเวลาที่มินซอกอยู่กับลู่หาน ลู่หานพยายามเข้าหาเขามากเท่าไหร่ มินซอกก็ผลักลู่หานออกเท่านั้น มินซอกไม่คิดว่าลู่หานจะรู้สึกยังไงเวลาที่ต้องโดนขังอยู่ที่ห้อง ตอนนี้เขาเข้าใจมันแล้ว

     

    “ มินซอกอ่า... แม่อยากให้ลูกช่วยดูแลลู่หานด้วยนะ ถ้าแม่เก็บเงินได้เมื่อไหร่ แม่จะพาเขาไปรักษาเมืองนอก สิ่งที่ลู่หานเป็นอยู่ตอนนี้มันสามารถรักษาได้นะลูก ” แม่บอกมินซอกด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่มินซอกว่ามันดูเศร้า แต่ก็แฝงไปด้วยความสุข มินซฮกพยักหน้าให้แม่เชิงรับคำ ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว และเหตุผลที่มันฝั่งใจเขามาตอลดว่า ทำไมแม่ต้องเลี้ยงเด็กปัญญาอ่อนนี่ไว้ด้วย

     

    มินซอกเดินถือชามโจ๊กที่แม่ต้มให้ลู่หานขึ้นมาที่ห้องของลู่หาน ตอนนี้ลู่หานนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้รู้ว่าลู่หานกำลังหลับสบาย มินซอกวางชามโจ๊กไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วปลุกลู่หานเบา ๆ

     

    “ ลู่หาน... ตื่นมากินข้าวได้แล้ว... ” พูดจบลู่หานก็ค่อย ๆ ลืมตาและกระพริบตาเพื่อปรับแสง เขามองหน้าของมินซอกแล้วยิ้มออกมา

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... เกอกลับมาแล้ว ” ลู่หานยื่นมือของไปหวังจะกอดมินซอก แต่มินซอกไม่รู้เลยจับมือลู่หานไว้และพยุงเขาให้นั่ง ลู่หานเลยกอดมินซอกเอาไว้แน่น จนมินซอกแปลกใจ

     

    “ อะไรหรอ... ” มินซอกถาม

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... ลู่... ลู่หาน...เห็น... ซิ่วหมินเกอ... ตอนที่หลับตา... ว่าซิ่วหมินเกอ... กลับมานอนกอดลู่หาน... ” ลู่หานพูดเหมือนคนละเมอ มินซอกจับใจความได้แค่ว่า ลู่หานคงฝันว่าเขามานอนกอดลู่หานเอาไว้

     

    “ อืม! วันนี้ฉันจะนอนกอดนายทั้งคืนก็ได้ แต่ว่านายต้องกินโจ๊กแล้วก็กินยาก่อนนะ ” มินซอกคลายกอดจากลู่หานแล้วบอก ก่อนจะลูบหัวลู่หานและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

     

    “ พูด... แล้ว... ห้ามไม่ทำนะ ” ลู่หานบอก

     

    มินซอกพยักหน้าให้ แล้วก็หยิบชามโจ๊กมาตักแล้วเป่าไล่ความร้อนเพื่อป้อนให้ลู่หาน ลู่หานกินโจ๊กชามนั้นอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะกินยาตามลงไป

     

    “ นอนซะ ” มินซอกบอกลู่หานแล้วลุกขึ้น ลู่หานจับแขนมินซอกเอาไว้

     

    “ สัญญานะ... ว่าซิ่วหมินเกอ... จะมานอนด้วยกัน ” ลู่หานบอก มินซอกพยักหน้าให้ แล้วเดินออกไป

     

    มินซอกเดินลงมาข้างล่างเพื่อเก็บชามโจ๊ก มินซอกเหลือบไปเห้นแม่นั่งอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น มินซอกเลยเดินมาหาแม่ แต่... แม่คงอยากจะอยู่คนเดียวซะมากกว่า รูปถ่ายมากมายวางอยู่บนโต๊ะ เป็นรูปถ่ายครอบครัวของมินซอกตั้งแต่มินซอกเกิดจนถึงอายุ 5 ขวบได้ มินซอกมองแผ่นหลังของแม่ที่สั่นเทา แม่คงกำลังร้องไห้และคิดเรื่องของพ่ออยู่แน่ ๆ เขารู้จักแม่ของเขาดี ถ้าเขาเข้าไปและถามแม่ว่าเป็นอะไร แม่ก็คงจะบอกเขาเหมือนเดิมว่า ไม่ได้เป็นอะไร มินซอกปล่อยให้แม่ของเขาร้องไห้ต่อไป เขาอยากให้แม่ได้ร้องไห้ออกมาอย่างสุด ๆ คนอื่นอาจจะคิดว่าทำไมมินซอกใจร้ายที่ปล่อยให้แม่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว แต่ใครจะรู้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับแม่ในตอนนี้แล้ว

     

    มินซอกจัดการชามโจ๊กเสร็จก็เดินขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมตัวทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับลู่หาน มินซอกเปิดประตูห้องลู่หานเข้าไป เขาก็เห็นลู่หานนอนลืมตาอยู่ มินซอกแปลกใจเล็กน้อยที่ลู่หานยังไม่หลับ

     

    “ ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ ” มินซอกถามลู่หานเมื่อเขาเดินมานั่งที่เตียง

     

    “ ลู่หาน... รอเกออยู่ไง ” ลู่หานบอก

     

    “ งั้นนอนกันเถอะ ” มินซอกบอกลู่หานและล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ลู่หาน

     

    เมื่อล้มตัวลงนอนมินซอกก็รู้สึกถึงมือที่เอื้อมมาหาเขา มือของลู่หานคว้าเอวของมินซอกเอาไว้และเอาหัวพิงที่ไหล่ของมินซอก มินซอกรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... ” ลู่หานเอ่ย

     

    “ หื้ม? ” มินซอกตอบ

     

    “ ลู่หานรักซิ่วหมินเกอนะ ” ลู่หานบอก

     

    มินซอกอึ้งไปทันทีที่ยินคำนี้ เขาไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากน้องชายคนนี้มาก่อน แม้แต่แม่ของเขา เห็นแม่เป็นคนอ่อนโยนใจดีแบบนี้ คำว่า รัก มินซอกแทบไม่เคยได้ยินเลย มินซอกไม่รู้ว่าเขาบอกรักแม่ไปกี่ครั้ง แต่วันแม่ทุกปีเขาก็บอกรักแม่ไป อย่างน้อย ๆ ก็สิบครั้งได้ถ้านับตั้งแต่เขาเข้าเรียน แต่พอโตขึ้นแล้วมินซอกก็รู้สึกเขินที่จะบอกรักแม่ แต่เขาก็ยังพยายามรวบรวมความกล้าบอกรักแม่ แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือคำอวยพรเท่านั้น มินซอกไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงหวงคำนี้จังเลยนะ

     

    “ อืม... ” มินซอกไม่รู้จะพูดคำไหนออกมาแทน เลยได้แค่ตอบไปเท่านั้น

     

    ตอนนี้มินซอกได้ยินเสียงหายใจของลู่หานสม่ำเสมอ ลู่หานคงหลับแล้วสินะ มินซอกยังนอนไม่หลับเขาคิดถึงเรื่องที่แม่บอกเขา เขาจะต้องทำตัวอย่างไรกับลู่หาน การทำดีและดูแลลู่หาน เขายังไม่ทันได้ตั้งตัวเท่าไหร่ เขายังไม่พร้อมที่จะบอกเพื่อน ๆ ของเขาว่า นี่คือน้องชายของฉัน ลู่หาน เขาเป็นเด็กพิเศษ เขายังไม่พร้อมจะบอกเพื่อนของเขาจริง ๆ แม้แต่จงแด มินซอกก็ยังไม่เคยบอกเรื่องลู่หานให้ฟัง ถ้าเขาจะต้องไปส่งลู่หานที่ห้องเรียนทุกวัน เพื่อน  ๆ ก็ต้องสงสัยแล้วล่ะ ว่ามินซอกเป็นอะไรกับลู่หาน ตอนนี้มินซอกยังคิดไม่ออกจริง ๆ

     

    เช้าวันใหม่ที่สดใส มินซอกตื่นขึ้นเพราะเสียงเรียกของแม่ คงเพราะแม่จะเข้ามาปลุกลู่หานไปโรงเรียนตลอด แต่วันนี้แม่คงแปลกใจที่เห็นมินซอกนอนอยู่ที่ห้องลู่หาน

     

    “ อ้าว! มินซอก เมื่อคืนลูกมานอนกับลู่หานหรอ ” แม่ถาม

     

    “ พอดีว่าลู่หานอยากให้ผมมานอนด้วยน่ะครับ ”

     

    “ ดีเลย มานอนกับน้องบ่อย ๆ ก็ได้ น้องเขาขี้เหงานะ ” แม่บอก แล้วเดินมาปลุกลู่หาน

     

    “ ลู่หานครับ เช้าแล้วนะครับ ตื่นได้แล้วนะครับ ” แม่บอกลู่หานพร้อมกับเขย่าตัว ลู่หานลืมตาตื่นขึ้นแล้วยิ้มให้แม่

     

    “ คุณแม่... ลู่หานกำลังจะตื่นแล้วครับ... ลู่หานลืมตาแล้วครับ... ” ลู่หานบอก มินซอกมองภาพสองคนแล้วยิ้มออกมา ความอบอุ่นของภาพนี้ทำให้มินซอกรู้สึกดี เขาไม่เคยรู้สึกดีในตอนตื่นเช้าเลย แม่ทำให้มินซอกรู้ว่า ลู่หานคือคนสำคัญของครอบครัว นี้จริง ๆ

     

    “ งั้นผมคงต้องไปอาบน้ำแต่งตัวบ้างแล้วล่ะ ” มินซอกบอกแม่ แล้วเดินออกไป

     

    มินซอกจัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาทานอาหารเช้าข้างล่าง มินซอกเห็นลู่หานนั่งรอแม่อยู่ที่โต๊ะอาหาร มินซอกเลยเข้าไปช่วยแม่

     

    “ ผมช่วยนะ ” มินซอกบอกแล้วหยิบจานมาวางที่โต๊ะ

     

    “ ขอบใจนะลูก ” แม่บอกแล้วก็หันไปตักข้าวใส่จาน และเอามาวางที่โต๊ะ

     

    บรรยากาศการรับประทานอาหารเช้าของครอบครัวในวันนี้ ช่างเป็นมื้อที่มีความสุขที่สุดเท่าที่มินซอกจำได้ ลู่หานกินอาหารเช้าบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย มินซอกก็เห็นแม่มองลู่หานและมินซอกเองสลับไปมาแล้วยิ้ม มินซอกอยากให้ภาพบรรยากาศเหล่านี้อยู่กับเขาไปนาน ๆ แต่ว่า...

     

    “ วันนี้มินซอกไปส่งลู่หานด้วยแล้วกันนะ แม่จะได้ไปทำงานเลย ” แม่บอกมินซอก

     

    ความจริงมินซอกก็อยากจะไปส่งลู่หานแทนแม่ แต่ว่าเขายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเพื่อน ๆ ตอนที่เพื่อนเขาถามว่า นี่น้องชายมึงหรอ มินซอกไม่อยากนั่งอธิบายอะไรที่ยืดยาวเกี่ยวกับครอบครัวของเขาให้ใครฟัง เพราะมันคงทำให้เขาดูแย่ในสายตาเพื่อน ๆ

     

    “ ปล่อยมือฉันแล้วเดินเข้าไปก่อน ” มินซอกบอกลู่หาน ทั้งสองคนเดินจับมือกันมาตลอดทางจนถึงโรงเรียน ลู่หานไม่ยอมปล่อยมือมินซอกและยังดึงมินซอกให้เข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน

     

    “ ซิ่วหมินเกอ... เข้าไปด้วยกัน... สิ... ” ลู่หานบอก มินซอกสะบัดมือออก

     

    “ ลู่หาน นายเดินเข้าไปได้แล้ว ” ลู่หานไม่ฟัง เขาเอื้อมมือมาจับมือมินซอกอีก มินซอกเลยต้องหาวิธีจัดการกับลู่หาน

     

    “ โอเค ฉันจะเดินไปส่งนาย แต่ว่า เราไม่ต้องจับมือกันนะ ” มินซอกบอก ลู่หานยังคงดื้อ แต่มินซอกก็พยายามดันลู่หานให้เดินเข้าไปก่อน ลู่หานเลยเดินเข้าไป เมื่อมินซอกเดินมาส่งลู่หานที่ห้องเรียน เขาก็เจอกับอาจารย์เข้าพอดี

     

    “ อ้าว มินซอก! วันนี้มาส่งลู่หานหรอ ” อาจารย์พูดขึ้น

     

    “ ครับ พอดีว่าผมมาส่งน้องชายของผมน่ะครับ ” มินซอกบอก เขารู้ว่าอาจารย์คงรู้เรื่องของเขาเยอะจากปากของลู่หาน เขาก็เลยไม่ต้องปิดบังอะไรอาจารย์อีก

     

    “ จ๊ะ แล้ววันนี้จะมารับเขาด้วยไหม ”

     

    “ แน่นอนครับ ผมคงจะต้องมาทำหน้าที่รับส่งลู่หานแทนแม่แล้วล่ะครับ ”

     

    “ จ๊ะ ถ้างั้นตอนเย็นครูจะให้เธอดูรูปภาพที่ลู่หานวาดนะ พอดีครูเอาไปใส่กรอบไว้น่ะ ”

     

    “ ได้ครับ งั้นผมลานะครับ ” มินซอกโค้งให้อาจารย์ก่อนจะเดินออกมา โดยไม่ทันสังเกตว่า มีใครคนหนึ่งมองเขาอยู่

     

    “ เฮ้ คิม มินซอก! ” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้มินซอกหันกลับไปมอง

     

    “ ปาร์ค ชานยอล... ”

     

    “ ไม่ยักรู้ว่านายอยู่ชมรมคหกรรมกับเขาด้วย เอ๊ะ หรือว่าชมรมดนตรีล่ะ ถ้าเป็นอย่างหลัง ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้านายเลยล่ะ ” ชานยอลถาม มินซอกรู้สึกตกใจที่เห็นชานยอลอยู่ตรงนี้

     

    “ เปล่าหรอก ฉันแค่... ”

     

    “ มาส่งน้องชาย... หรือเปล่า ” ชานยอลพูด

     

    มินซอกมองขวับทันที นี่ชานยอลคงเห็นแล้วสินะ ที่เขามาส่งลู่หาน และคงได้ยินเรื่องที่เขาบอกอาจารย์ด้วย

     

    “ เปล่า... ฉันแค่... ”

     

    “ ช่างมันเถอะ... ถ้าคิม มินซอก นักฟุตบอลของโรงเรียนจะมีน้องชายปัญญาอ่อนมันก็ไม่แปลกหรอก แต่มันน่าแปลก ที่นายไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เลย สงสัยเพื่อน ๆ ของนายจะต้องอยากรู้เรื่องนี้มากแน่ ๆ ” ชานยอลพูดจบ แล้วก็เดินกระแทกไหล่มินซอกออกไป

     

    มินซอกเซไปข้างหลังเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังเสียศูนย์ มินซอกไม่คิดว่า ปาร์ค ชานยอล อดีตคู่แข่งฟุตบอลของเขาจะรู้เรื่องนี้ และที่สำคัญอดีตคู่แข่งของเขา ก็คงจะปล่อยข่าวและทำให้เขาเสียหน้าอย่างแน่นอน

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : มาอัพแล้ว ขอโทษด้วยที่นานไปหน่อย พอดีว่า ไม่มีเวลานั่งปั่นเลย พล็อตมันอยู่ในหัวและเขียนเอาไว้แล้ว แต่กว่าจะพิมพ์ลงคอมก็ใช้เวลานาน เอาเป็นว่าตอนนี้ดูเหมือนจะมีความสุขกันดี แต่พี่หมินก็ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องน้องลู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป ฟิ้ววววว


    themy butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×