คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Love Gray :: Chapter 10 Homesick (2)
Chapter 10 – Homesick (2)
.
.
“ไม่คิดว่าจะเจอพระเอกในดวงใจตัวเป็น ๆ และยังได้นั่งรถที่เขาขับด้วย
อายุปูนนี้แล้ว ฉันยังรู้สึกเขินพระเอกละครอะไรขนาดนี้นะเนี่ย”
เสียงพูดปนบ่นกับตัวเองไม่หยุด
เมื่อแม่บ้านคอละครอย่างคิม มินคยอง ซึ่งเป็นคุณแม่ของหมอปากร้ายนั่น
ลู่หานนั่งยิ้มไม่หุบเมื่อมีคนชื่นชมเขาอยู่ข้าง ๆ ตลอดทางไปกูรีแบบนี้
“ไม่ต้องเขินผมขนาดนั้นก็ได้นะครับ
คุณแม่ยิ่งทำให้ผมเขินตามไปด้วย ฮ่า ๆ ๆ”
“แหม... ก็ฉันไม่เคยเจอพระเอกละครตัวเป็น ๆ
กับเขาเลย ถึงจะอยู่แค่กูรี แต่การได้เจอพระเอกในดวงใจน่ะ ยากจะตายไป
จะบอกว่าบ้านฉันไม่บ้านนอก ก็คงไม่เชิงอ่ะ อุ้ยตาย! อย่าลืมเตือนฉันให้ถ่ายรูปกับคุณด้วยนะคะ
จะเอาไปอวดยัยอึนจองคนข้างบ้านด้วย คริคริ”
“ได้เลยครับคุณแม่”
“แล้วนี่คุณลู่หานได้กลับบ้านบ้างหรือเปล่าจ๊ะ”
ประโยคที่มินคยองแม่ของมินซอกเอ่ยขึ้นมาหลังจากคำพูดที่ชื่นชมเขาเมื่อครู่
รอยยิ้มของค่อย ๆ หายไป เขานิ่งไปสักครู่ก่อนจะนึกคำตอบที่ไม่แน่ใจว่า
จะทำให้เขายังดูดีในสายตาของเธออยู่หรือเปล่า
“ผมหนีออกจากบ้านมาน่ะครับ เกือบสิบปีแล้ว...
ที่ผมไม่ได้กลับบ้าน” ลู่หานบอก
มินคยองมองหน้าลู่หานอย่างตกใจกับคำตอบ
เธอไม่เคยรู้เลยว่า
นักแสดงหนุ่มในดวงใจของเธอจะมีเรื่องราวชีวิตครอบครัวที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เพราะเรื่องราวส่วนตัวของเขานั้นถูกเปิดเผยไม่มาก
ลู่หานหันมายิ้มให้เธอก่อนจะมองถนนข้างหน้าต่อ
“จริงหรอค่ะ ฉันขอโทษนะคะ ที่ถามออกไปแบบนั้น
แต่ว่า... มันไม่ดีเลยนะจ๊ะ ที่ลู่หานหนีออกมาจากบ้านแบบนี้”
“ผมรู้ครับ แต่ผมยังทำชีวิตของตัวเองให้ดีไม่ได้เท่าไหร่
ผมไม่กล้ากลับไปหาพ่อแม่ ทั้งที่ผมยังตกอับอยู่แบบนี้” ลู่หานบอก
สายตาของเขาดูเศร้าลง มินคยองเอื้อมมือมาจับที่ไหล่ของเขาอย่างเป็นห่วง
“อย่าคิดแบบนั้นเลยนะคุณลู่หาน
คุณประสบความสำเร็จแล้วล่ะ คุณได้ทำตามความฝันของตัวเองแล้ว คุณมีชื่อเสียงนะคะ
ฉันยังชื่นชมคุณอยู่เสมอ เพียงแต่คุณยังไม่มั่นใจที่จะกลับมาอย่างสง่างาม”
“...”
“คุณลองคิดในมุมใหม่ คุณลองคิดให้มุมของพ่อกับแม่ของคุณดูว่า
เขาจะคิดถึงคุณมากแค่ไหน ตลอดสิบปีที่เขาไม่เห็นหน้าลูกชายเลย คุณคิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงบ้างล่ะคะ”
“...”
“คนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะ
เขาไม่ได้หวังว่าลูกจะต้องหาเงินมาให้เขาตลอดเวลาหรอกคะ เขาแค่อยากเห็นหน้าลูก
เลี้ยงดูลูก ดูแลลูก ไปจนกว่าเขาจะตายนั่นแหละ”
พูดจบ ลู่หานรู้สึกจุกในใจ เขาพูดอะไรไม่ออก
นี่คือคำพูดของคนที่เป็นแม่จริง ๆ เขาคิดไม่ผิดที่เลือกพูดความจริงกับผู้หญิงคนนี้
ความรู้สึกที่ว่าจะไม่กลับบ้านจนกว่าเขาจะมีเงินเป็นล้านให้พ่อกับแม่ได้นั้น
มันรู้สึกทำให้เขาดูโง่มาก เขายังคงส่งเงินให้พ่อกับแม่ใช้อยู่ทุกเดือน แต่จำนวนเงินก็ลดลงเรื่อย
ๆ ตามงานของเขา ลู่หานอยากทำให้พ่อกับแม่เขาภูมิใจกับสิ่งที่เขาได้เลือกแล้ว
เขาไม่อยากกลับไปตอนที่เขายังไม่มีอะไรที่ดี ๆ ในชีวิตเลย
“ผมขอโทษที่พูดอะไรที่ไม่น่าฟังให้คุณแม่เลย แต่พอผมได้บอกใครสักคนแบบนี้
ค่อยโล่งอกหน่อย ที่เขาไม่ได้ด่าผมเพียงอย่างเดียว...”
“ฉันเข้าใจค่ะ คุณคงลำบากมากสินะ
คุณคงเหงาและต้องการกำลังใจ การที่ต้องมาอยู่คนเดียวที่เกาหลีแบบนี้
มันไม่ง่ายเลยนะคะ” มินคยองบีบที่ไหล่อย่างให้กำลังใจลู่หาน แล้วน้ำตาหยดแรกก็ไหลออกมา
ลู่หานไม่อาจกลั้นน้ำตาไหว มินคยองจึงทำได้แค่ ยื่นทิชชูที่อยู่ในรถให้เท่านั้น
“ผมจะลอง... หาเวลา... กลับบ้านดูครับ”
.
.
มินซอกช่วยคยองซูแบกชานยอลมานอนที่โซฟา
จงอินเดินตามและมองด้วยความแปลกใจ
เขาเป็นผู้ชายที่อยู่กับมินซอกตอนที่เขาเข้าบ้านหลังนี้มาครั้งแรก
“ไปเจอมันที่ไหนหรอ” มินซอกถามคยองซู
“พอดีว่า...
ผมกำลังจะกลับบ้านแล้วก็เห็นพี่เขากำลังจะโดนผู้หญิงคนหนึ่งลากไป
ผมไม่แน่ใจเลยเดินตามไปดู ก็เห็นพี่เขาโดนปล้นน่ะครับ”
“ในสภาพแบบนี้หรอ”
“ใช่ครับ”
คยองซูบอก มินซอกมองหน้าชานยอลแล้วเอาเท้าเขี่ย ๆ
ก่อนจะเดินไปรองน้ำใส่กะละมังและหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้
“เมาแล้วได้เรื่องตลอด” มินซอกบ่น คยองซูยืนมองชานยอลอยู่ห่าง
ๆ ก่อนจะเห็นสายตาแปลกของใครบางคนมองอยู่
“หวัดดี”
เสียงทักทายจากชายหนุ่มที่นั่งดูทีวีที่โซฟาอีกตัว
“สวัสดีครับ” คยองซูโค้งให้เขาเล็กน้อย
“หมอนั่นก็อยู่บ้านหลังนี้หรอ”
เขาเอี้ยวตัวมาถามมินซอก
“ใช่ ก็คนที่พวกนายเห็นตอนเข้าบ้านมาครั้งแรกไง”
“อ๋อ” เมื่อได้คำตอบ
ชายหนุ่มก็กลับไปดูทีวีตามเดิม คยองซูล้วงเอาสิ่งของบางอย่างให้มินซอก
“นี่กระเป๋าเงินของพี่ชานยอลครับ แล้วก็กุญแจบ้าน”
คยองซูยื่นของสองสิ่งให้มินซอก เขารับมาแล้ววางไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะตบหน้าชานยอลเบา ๆ
เรียกสติ
“ชานยอล! ชานยอล!”
“งืมงัม...” ชานยอลยังไม่ได้สติเท่าไหร่
มินซอกเลยลุกขึ้นยืน
“มันคงจะโดนยาอะไรด้วยล่ะมั้ง แต่คงไม่หนักมาก
ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้ามีอะไรฉันจะดูแลเอง นายรีบกลับบ้านไปเถอะ
เดี๋ยวพ่อแม่นายจะเป็นห่วงเอานะ” มินซอกบอกคยองซู คยองซูมองหน้าชานยอลครู่หนึ่ง
ก่อนจะโค้งบอกลาและรีบเดินออกไป
“เขาอกหักแล้วไปเมามาหรอ” จงอินถามขึ้นมา
มินซอกหันไปบอก
“เปล่า หมอนี่ไปกินเหล้าวันเกิดเพื่อน
แต่สงสัยจะโดนมอม คุณช่วยผมพยุงหมอนี่ขึ้นไปที่ห้องเขาหน่อยสิ”
“อ่า ได้ ๆ”
พูดจบมินซอกและจงอินก็พยุงร่างที่ไม่ได้สติของชานยอลไปที่ห้องของเขา
เมื่อทั้งสองคนวางร่างของชานยอลลงเตียงเรียบร้อย จงอินก็เดินออกมาจากห้องทันที
ปล่อยให้มินซอกดูแลชานยอลไป
“แฟนเมาขนาดนี้คงจะเครียดน่าดู” จงอินบ่นออกมาเบา
ๆ ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง
“เห้ย!”
จงอินตกใจเล็กน้อยกับคนที่ยืนเกาะบันได เด็กคนนี้ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ
“ผมขอโทษครับ...” คยองซูบอก
“ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะหนู ไม่กลัวโดนพ่อด่าหรอ”
“วันนี้พ่อผมไม่อยู่บ้าน กว่าจะกลับคงเช้าน่ะครับ”
“งั้นหรอ แล้วทำไมยังอยู่บ้านนี่ล่ะ กลัวผี
อยู่คนเดียวไม่ได้หรือไง”
“เปล่าครับ ผม... ผมเป็นห่วงพี่ชานยอลน่ะครับ”
คำตอบของคยองซู ทำให้จงอินคิดอะไรออก
มันคงเป็นรักสามเส้าสินะ เด็กคนนี้คงจะรักชานยอลข้างเดียว
แต่ว่าชานยอลมีแฟนแล้วนั่นก็คือ มินซอกที่ตอนนี้กำลังดูแลชานยอลอยู่ในห้อง
“เป็นห่วงผู้ชายคนนั้นหรอ?”
“ครับ? เออ...”
“เป็นห่วงก็เข้าไปดูแลเลย แฟนเขาคงไม่ว่าหรอกมั้ง”
จงอินบอกแล้วเดินมาโอบไหล่คยองซูเอาไว้
“แฟน?” คยองซูเบิกตาโตอย่างตกใจ
“ใช่ ผู้ชายอีกคนเป็นแฟนของผู้ชายของมึงใช่ไหม”
คยองซูไม่เคยรู้เลยว่า พี่ชานยอลที่เขาชื่นชมจะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้จริง
ๆ แต่เมื่อครู่เขาแอบดีใจเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น แต่ว่านั่นก็เท่ากับว่า
เขาก็มีรสนิยมแบบเดียวกับชานยอลน่ะสิ
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมกลับบ้านล่ะครับ”
พูดจบคยองซูก็หันหลังกลับ แต่ว่า จงอินกลับคว้าคอเสื้อคยองซูเอาไว้
“อย่าป๊อดสิวะ สู้สิ กูเอาใจช่วย ที่จริง
กูเล็งแฟนมันไว้เว้ย เดี๋ยวกูเคลียร์ทางให้นะ” จงอินโกหก
เขาแค่อยากให้เด็กคนนี้กล้าที่จะสู้กับศึกครั้งนี้ ถ้ามีเรื่องตบตีกันสักหน่อย
จงอินจะได้นั่งดูหนังสี่มิติแก้เบื่อระหว่างรอลู่หานกลับมา
“อย่าดีกว่าครับ ผมไม่ได้คิดกับพี่เขาแบบนั้น”
คยองซูยังปฏิเสธ แต่แน่ล่ะ จงอินไม่ยอมหรอก
เขาลากคยองซูขึ้นมาข้างบนและผลักเขาเข้าไปในห้องชานยอลที่ยังเปิดทิ้งไว้อยู่
“อ้าว ทำไมยังไม่กลับล่ะ”
มินซอกมองหน้าคยองซูและถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“เออ... คือว่า...”
“ไอ้เด็กนี่เป็นห่วงคนที่นอนอยู่น่ะ
เลยกะว่าจะมานอนเฝ้าให้” จงอินตอบแทนคยองซูไป คยองซูเริ่มทำตัวไม่ถูกว่า
เขาควรจะทำอะไร
“อย่างนั้นหรอ ตามใจสิ ถ้าที่บ้านไม่ว่านะ”
มินซอกบอก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง จงอินแปลกใจที่มินซอกยอมคยองซูง่าย ๆ
หรือว่าเขาเชื่อมโยงเรื่องนี้ผิดไป
“เออ... ไม่ใช่อย่างนั้น... นะครับ...”
คยองซูยืนเคว้งคว้างกลางห้องไม่กล้าขยับไปนั่งที่เตียง
จงอินมองหน้าคยองซูก่อนจะบอก
“ทางสะดวกล่ะ เชิญตามสบาย” จงอินปิดประตูลง
คยองซูยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะค่อย
ๆ ก้าวขาเดินไปหาชานยอลที่เตียง ชานยอลนอนหลับตาแต่ปากของเขายังพึมพำอยู่ตลอดเวลา
คยองซูไม่กล้ามองหน้าชานยอลจริง ๆ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น มันทำให้เขารู้สึกใจเต้นอย่างแปลก
ๆ
-ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน-
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แล้ว
ผู้คนออกมาหาของอร่อยกินกันมากมาย รวมถึงอาหารง่าย ๆ อย่างไก่ทอดด้วย คยองซูทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายไก่ทอด
เขาเป็นพนักงานเสิร์ฟ ร้านนั้นอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวราตรี
เลยทำให้มีผู้คนเข้าร้านมาไม่ขาดสาย วันนี้คยองซูเลยทำงานหนักเป็นพิเศษ
‘เหนื่อยหน่อยนะคยองซู
วันนี้คนเยอะมากเลย แล้วจะให้เงินพิเศษเพิ่ม’
เจ้าของร้านตะโกนบอกเขาที่อยู่หลังร้าน
เมื่อเห็นว่า คยองซูยังไมได้นั่งพักในช่วงพักของเขาเลย
คยองซูตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อเงินพิเศษที่เถ้าแก่บอก
จนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาปิดร้าน
แต่ลูกค้าบางคนยังขอเข้ามาซื้อไก่ทอดกลับไปกินที่บ้านสองสามคน
จนทำให้เลยเวลาร้านปิดไปสักเล็กน้อย และกว่าจะเก็บกวาดของภายในร้าน
ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่า
‘นี่เงินพิเศษ อาทิตย์หน้าแล้วสินะ
ที่เธอจะออก ฉันคงเหนื่อยมากขึ้นเลย’
‘เถ้าแก่ก็หาคนใหม่มาแทนผมอยู่แล้วนี่ครับ
งั้นผมขอตัวกลับล่ะครับ สวัสดีครับ’
‘กลับดี ๆ ล่ะ’
คยองซูโค้งลาอีกครั้งและควบจักรยานเดินทางกลับบ้าน
ระหว่างทาง เขาผ่านร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
คยองซูมองเสื้อผ้าที่ใส่กับหุ่นตั้งโชว์ในร้านกระจก
มันดูดีจนเขาอยากลองเอามาใส่บ้าง แต่คงจะเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอมน่าจะดีกว่า
เข้ามหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายเยอะกว่าเรียนมัธยม ข้อนี้คยองซูเขียนติดฝาผนังบ้านไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อปั่นจักรยานมาตามทาเรื่อย ๆ เขาก็สะดุดกับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเซไปเซมา
จนมีผู้หญิงคนหนึ่งมารับตัวเขาไว้ ที่เขาสะดุดตากับชายคนหนึ่งเพราะลักษณะคล้ายคลึงกับคนที่เขารู้จัก
‘พี่ชานยอล!!’
คยองซูตัดสินใจเรียกชานยอลออกไป เพราะเขาจำได้ว่า
นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของชานยอลแน่นอน แต่พอกลับมาคิดอีกที
เขาอาจจะพูดคุยกันไว้แล้วว่าจะไปต่อกันที่อื่นอีก คยองซูคิดอย่างนั้นเพื่อให้ต่อมความสนใจเขาที่มีต่อชานยอลนั้นหยุด
แต่ว่าต่อมนั้นมันทำท่าจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนคยองซูต้องรีบเดินตามไปอย่างห่าง ๆ
ผู้หญิงคนนั้นพาชานยอลเลี้ยวมายังมุมตึกใกล้ ๆ คยองซูเดินเลี้ยวตามก่อนจะเห็นสองคนนั้นกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
คยองซูเบิกตากว้างด้วยความสนใจ จนฝ่ายหญิงถอนจูบออกมาแล้วเจอกับคยองซูพอดี
‘มาทำอะไรแถวนี้ไอ้หนู
กลับบ้านไปได้แล้ว’ เธอเอ่ยปากไล่คยองซู แต่คยองซูมองเห็นความผิดปกติตรงมือของเธอที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่มีกระเป๋าเงินอยู่
‘นี่คุณล่อลวงพี่ชายผมมาเพื่อขโมยเงินใช่ไหม’ คยองซูถามออกไป ผู้หญิงคนนั้นเริ่มมีพิรุธ สายตาของเธอเริ่มจะวอกแวก
แต่แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
‘พูดอะไรของเธอ ขโมยเงินอะไร
พี่ชายเธอเขาลากฉันมาที่นี่ต่างหากย่ะ’
‘คุณโกหก คุณเป็นคนพาเขามาเอง
ผมเห็นกับตา ผมเลยรีบวิ่งมาหาไง ไหน ๆ ผมก็เจอพี่ชายแล้ว
ผมขอเอาตัวเขากลับบ้านเลยแล้วกัน’
คยองซูบอกก่อนจะเดินเข้าไปหาทั้งสองคนเพื่อพาตัวชานยอลออกมาและพากลับบ้าน
ผู้หญิงคนนั้นยอมส่งตัวชานยอลมาให้แต่ว่า
‘ขอกระเป๋าเงินของพี่ชายผมคืนด้วยครับ’ คยองซูแบมือขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นทำเสียงจิ๊จ๊ะออกมา ก่อนจะส่งคืนอย่างว่าง่าย
‘ขอบคุณพระเจ้าที่ให้คุณส่งกระเป๋าเงินมาให้ผมดี
ๆ นะ’
‘ไม่ต้องพระเจ้าหรอก
เพราะหมอนี่มันล่ามโซ่ใส่กระเป๋าตังมันไว้ เหอะ!’ พูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกไปจากมุมตึกทันที
ปล่อยให้คยองซูยืนพิงกำแพงและรับน้ำหนักตัวของชานยอลที่ทิ้งมาที่เขา
‘พี่ชานยอล... พี่ชานยอลตื่นเถอะ’ คยองซูเขย่าตัวชานยอลที่ตอนนี้เอาหน้ามาซุกที่ซอกคอของเขาอย่างเสียไม่ได้
คยองซูกอดเอวชานยอลเอาไว้เพราะกลัวเขาล้มลง
‘งัมงืม...’
เสียงพึมพำที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังอยู่ข้างหูคยองซู
เด็กหนุ่มพยายามใช้แรงทั้งหมอดึงตัวชานยอลให้ยืนขึ้นด้วยขาของตัวชานยอล
ก่อนจะเอาแขนมาพาดบ่าตัวเองไว้ แต่ว่ามันก็ทำให้คยองซูคิดใหม่กับท่านี้
‘เหวอ...’
ตุ๊บ!!
ทั้งสองคนล้มลงกับพื้น ตอนนี้ร่างของชานยอลล้มทับคยองซูเอาไว้
เด็กหนุ่มหายใจไม่คล่องเลยเมื่อชานยอลเอาริมฝีปากของเขามาจ่อที่ใบหูของคยองซู
‘พี่... ชานยอล...’
คยองซูเอ่ยเรียกชื่อของชานยอลอย่างยากลำบากเพราะน้ำหนักตัวของชานยอลนั้นทับเขาไว้หมด
ชานยอลเริ่มขยับปากและมันทำให้ปากของเขาสัมผัสกับใบหูของคยองซูเข้า
คยองซูรู้สึกจั๊กจี้ตรงส่วนใบหู ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่บ้าจี้
แต่การที่เขาถูกผู้ชายอีกคนคลอเคลียที่ใบหูมันก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน
‘พี่ชานยอล... โอ๊ย!!!’
คยองซูดันชานยอลออกจากตัวสุดแรงและผลักชานยอลออก
คยองซูลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ตอนนี้ร่างของชานยอลนอนแผ่หลากลางพื้นมุมตึก
เมื่อสักครู่คยองซูรับรู้ได้ถึงริมฝีปากของชานยอลที่ใบหูอย่างชัดเจน
เขาเลียและกัดมัน
‘สยองอ่ะ ขนลุกเลย’ คยองซูบ่นออกมา ก่อนจะใช้เวลาตั้งสติให้ตัวเอง
เขาเดินวนไปมารอบตัวชานยอลอย่างหนักใจ
‘จะแบกยังไงไหวอ่ะ’
คยองซูยังนึกไม่ออกว่าจะใช้วิธีไหนแบกชานยอลให้กลับบ้านเขาได้
ก่อนจะนึกได้ว่า เขาเคยแบกแบคฮยอนเพื่อนของเขาที่ตอนนั้นคาบวิชาพละ
อาจารย์ให้ทุกคนในห้องวิ่ง ซึ่งมันก็เป็นลมล้มลงไปเพราะหิวข้าวที่สนามฟุตบอลโรงเรียน
‘แบกเรื่อย ๆ ไม่ไหวก็คงปล่อยไว้สักที่แหละ’
คยองซูคิดได้อย่างนั้น เขาก็ดึงแขนของชานยอลทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วเขาก็หันหลังและยกแขนของชานยอลมาพาดบ่าตัวเองและลุกขึ้นยืน
ตัวแรกที่เซล้มลงไปหนึ่งครั้งก่อนจะปรับท่าให้ดี ๆ แล้วลุกขึ้นสุดแรง
‘ฮึบ!’
คยองซูดึงชานยอลขึ้นมาและแบกไว้ได้สำเร็จ
แต่ขาของชานยอลนั้นลากพื้นเพราะความสูงที่น้อยกว่า แต่คยองซูก็ไม่สนใจอะไรแล้ว
แค่พาชานยอลกลับไปถึงบ้านแค่นั้นก็พอ
คยองซูยืนคิดเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้แล้วขำเล็กน้อย
ก่อนจะจำได้ว่าตอนที่พ่อของเขาเมา เขาเองทำอะไรให้พ่อเขาบ้าง
“พี่ดาร่าจ๋า... มาให้ชานยอลหอมหน่อยมะ!”
เสียงชานยอลดังขึ้นพร้อมกับแขนที่ยกขึ้นมาและเกี่ยวตัวของคยองซูที่กำลังก้มลงมาเช็ดตัวให้ชานยอล
คยองซูล้มลงสู่อ้อมกอดของชานยอลอย่างไม่ทันตั้งหัว คยองซูรู้สึกว่าตอนนี้
หัวของเขาคงเต็มไปด้วยน้ำลายของชานยอลแน่ ๆ
“ม๊วฟ ๆ ๆ”
เสียงของชานยอลทำให้คยองซูขนลุกขึ้นมาก่อนจะใช้แรงทั้งหมดยันตัวออกจากชานยอล
เขาคงคิดผิดที่เป็นห่วงชานยอลสินะ
รู้อย่างนี้กลับบ้านตั้งแต่พี่ตัวเล็กบอกให้กลับบ้านล่ะ
“หวังว่าคงไม่ทำอะไรมากกว่านี้ทั้งที่ยังเมาหรอกนะ”
.
.
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อจุนมยอนพาอี้ฟานเดินถ่ายรูปเพลินที่ย่านกังนัมใกล้
ๆ ที่พักของจุนมยอนจนลืมดูเวลา ที่ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบจะห้าทุ่มได้ อี้ฟานกลัวเวลายามวิกาลแบบนี้
แท็กซี่มิจฉาชีพอาจจะออกมาทำงาน เขายืนมองหารถแท็กซี่ที่คิดว่าจะพาเขาไปส่งที่บ้านพักได้อย่างปลอดภัยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
โดยที่มีจุนมยอนยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ อี้ฟานหันมามองจุนมยอนอย่างเกรงใจ
“คุณกลับห้องก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่เป็นไรหรอก”
อี้ฟานบอก จุนมยอนที่ยืนหาวอยู่สักครู่รีบหุบปากและส่ายหน้าทันที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมพาคุณเที่ยวจนลืมดูเวลา ดึก
ๆ แบบนี้ผมรู้ว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับชาวต่างชาติ โอ๊ะ!! คันนั้นผมว่าไว้ใจได้นะครับ”
จุนมยอนชี้นิ้วไปที่รถแท็กซี่คันหนึ่งที่กำลังแล่นเข้ามาช้า ๆ
“งั้นผมจะขึ้นคันนี้กลับล่ะครับ ขอบคุณที่ยืนรอเป็นเพื่อนนะครับ”
อี้ฟานบอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีทำให้คุณ กลับบ้านดี ๆ
นะครับ” จุนมยอนบอกอี้ฟานด้วยรอยยิ้ม อี้ฟานยิ้มให้จุนมยอนบาง ๆ
ก่อนจะประตูก้าวขาไปข้างหนึ่งและหันมา
“ไว้ผมจะโทรนัดคุณเป็นไกด์อีกให้นะครับ ฝันดีครับ”
อี้ฟานบอกแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไป
จุนมยอนยืนนิ่งกับคำพูดของอี้ฟาน
หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จุนมยอนจับที่อกข้างซ้ายที่มันเหมือนกำลังจะระเบิดออกมา
“เขาบอกฝันดีเราด้วย มีโอกาสจะไม่นกแล้วเรา ฮ่า ๆ
ๆ”
.
.
“ถึงบ้านแล้วหรอครับแม่ โอเคครับ ครับ
ฝันดีนะครับแม่”
มินซอกกดวางสายโทรศัพท์ที่เพิ่งได้รับจากมินคยองแม่ของเขา
มินซอกคำนวณเวลาแล้ว
แม่เขาน่าจะถึงบ้านได้สักพักและคงทำธุระให้เสร็จแล้วค่อยโทรมาแน่ ๆ มินซอกจะเดินลงมาข้างล่างที่มีจงอินนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
เสียงเปิดประตูดังมาจากหน้าบ้าน มินซอกก็เห็นลู่หานเดินเข้าบ้านมาพอดี
“ขอบคุณที่ไปส่งแม่ให้ฉันนะ” มินซอกบอก
“ถือว่าเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้เช่าบ้านคนอื่น ๆ
ด้วย” ลู่หานบอก ก่อนจะเดินมาหาจงอินที่โซฟา
“ไอ้ถ่านกลับได้แล้ว หรือมึงจะนอนนี่”
ลู่หานบอกแล้วลูบหัวจงอิน จงอินก็คว้าเอวลู่หานกอดเชิงอ้อน
“กูขี้เกียจขับรถกลับแล้วว่ะ นอนนี่ได้ป่ะ”
จงอินบอก
“ได้.. แต่มึงต้องเบา ๆ หน่อยนะเว้ย”
ลู่หานบอกด้วยสายตาที่ไม่พอใจนิดหน่อย ก่อนจะผลักจงอินออกและเดินไป
“กลัวคนอื่นรู้หรอก? เห้ย! ระดับนี้แล้ว”
พูดจบจงอินก็เดินไปตบก้นลู่หานก่อนจะเดินตามลู่หานขึ้นไปข้างบน
มินซอกมองตามอย่างสงสัย
“สองคนนี่? เหอะ! อย่ามองคนที่ภายนอกจริง ๆ”
TBC…
ไรท์ทอล์ค : ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก
แค่พี่ลู่เราเข้าทางแม่ นี่เขียนออกมาเกือบลืมคู่คริสโฮเลย คริสโฮของเราน่ารักนะ 55555
แล้วเมื่อไหร่เราจะได้รักกัน คงเหมาะกับเรื่องนี้
เดินเรื่องมาตั้งสิบตอน ยังไม่สปาร์คกันเลย เอาน่า
เดี๋ยวก็สปาร์คแล้วพุ่งแรงแซงทางโค้งเลยนะจะบอกให้ 55555 เหมือนเดิม
ไรท์ขอเหมือนเดิม เม้นสักนิด อ่านแล้วเป็นยังไง อยากรู้คะ ไม่ต้องเก็บไว้นะ
บอกไรท์มาเลย 55555
ความคิดเห็น