ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love Gray รักสีเทา l LUMIN CHANSOO KRISHO

    ลำดับตอนที่ #10 : Love Gray :: Chapter 9 Homesick

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 59




    Chapter 9 – Homesick

     

    .

    .

     

    “อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปก็ทานยาตามที่หมอสั่งด้วยนะครับคุณยาย”

     

    “คุณหมอก็.. อยากให้ยายทานก็มาป้อนยายบ้างสิจ๊ะ”

     

    “ผมกลัวว่าคุณตาท่านจะโกรธเอาน่ะสิครับ”

     

    “ไม่หรอก ตาแก่นั่นน่ะ เขาไปสบายตั้งนานแล้วล่ะ”

     

    “อ่า... อย่างนั้นหรอครับ... งั้นมาคราวหน้าผมจะป้อนยาให้คุณยายนะครับ”

     

    “จ๊ะ ยายต้องออกไปแล้วใช่ไหม”

     

    “ครับ เชิญทางนี้เลยครับ”

     

    มินซอกจูงมือคนไข้คนพิเศษของเขาที่มักจะมาหามินซอกเป็นประจำด้วยโรคประจำตัวของเขา เขาโบกมือให้คนไข้ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่ออ่านประวัติการรักษาของคนไข้คนต่อไปอย่างคราว ๆ

     

    ก๊อก ๆ ๆ

     

    “เชิญเลยครับ”

     

    มินซอกตอบรับการเข้ามาในห้องตรวจนี้ เสียงฝีเท้าเดินมานั่งที่เก้าอี้ว่างที่เหลืออยู่ มินซอกเงยหน้ามองคนไข้ที่เพิ่งมาถึงแล้วตกใจ

     

    “แม่...”

     

    มินซอกมองหน้าแม่ของเขาแล้วยิ้มออกมา เขาแปลกใจเล็กน้อยที่แม่มาหาเขาถึงที่นี่ แม่จะไม่มาหาเขาถึงโซลถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องอะไร มินซอกหุบยิ้มลงทันทีเมื่อคิดได้แบบนั้น คงมีเรื่องไม่สบายใจถึงได้มาหาเขาแน่ ๆ

     

    “แม่จะมาทำไมไม่บอกผมก่อน ผมจะได้ไปรับ” มินซอกถามพร้อมกับกุมมือแม่ของเขาเอาไว้

     

    “แม่อยากเซอร์ไพร์ลูกไง เป็นยังไงบ้าง หื้ม? ไม่กลับบ้านมาตั้งสามเดือน ไอ้หมาน้อยของแกมันบ่นคิดถึงแล้วนะ”

     

    “ผมไม่ว่างเลย อยากกลับบ้านไปกอดหลานเหมือนกันครับ”

     

    “แล้ว... เรื่องความรักล่ะ... ลูกมีคนคุยด้วยแล้วหรือยัง”

     

    ประโยคคำถามของแม่ทำเอามินซอกนิ่งเงียบไปสักครู่ เขาแค่ส่ายหน้าให้แม่เป็นคำตอบ เขาไม่กล้าคิดที่จะมีใครเลย หลังจากที่เขาโดนพ่อทุบตีในวันนั้น

     

    เหมือนเหตุการณ์ไหลย้อนมาราวกับฉายหนังใหม่อีกครั้ง มินซอกตั้งใจว่าจะพาชางมินไปหาพ่อกับแม่เพื่อบอกความจริงเรื่องของพวกเขา มินซอกเห็นว่าความฝันของพ่อกับแม่ในการที่จะมีหลานตัวน้อยให้รู้สึกว่าตระกูลของเขามีผู้สืบทอดแล้ว มันเป็นจริง คิม มินซอ น้องสาวของมินซอกแต่งงานและมีลูกแล้วสามคน ผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่ง ซึ่งมันเป็นจำนวนที่ดูพอดีและเป็นที่พอใจของพ่อเขามาก ๆ มินซอกคิดว่า ถ้าเขาจะไม่แต่งงานและไม่มีลูก เขาก็อยากจะมีคนรักของเขาไว้ดูแลกันและกัน และในตอนนั้น มินซอกก็คิดผิดที่เขาไม่ได้ถามความคิดเห็นของหัวหน้าครอบครัวตระกูลคิมเลยว่า เขายอมรับเรื่องแบบนี้ได้ไหม

     

    แกบอกว่าแกรักผู้ชายคนนั้นและอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรอ

     

    ครับ และผมคงจะมีหลานให้พ่อไม่ได้ แต่ว่ามินอาก็ทำให้ความฝันของพ่อกับแม่เป็นจริงแล้วนะครับ

     

    แกคิดว่าฉัน... แค่อยากมีหลานอย่างนั้นหรอ...

     

    พ่อ... ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าผมจะไม่มีลูก ผมอยู่ได้นะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง

     

    เพลี๊ยะ!!

     

    เสียงฝ่ามือที่กระทบกับใบหน้าของมินซอก ทำให้สมองของเขาเบลอไปหมด เขาคิดไม่ทัน จากนั้นไม่นาน พ่อก็ลงมือทุบตีมินซอกอย่างบ้าคลั่ง จนแม่และมินอารีบเข้ามาห้าม

     

    แกออกไปจากบ้านฉันเลยนะ และอย่ากลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก ตราบใดที่ยังไม่เลิกกับไอ้หมอนั่น แกก็อย่าเรียกฉันว่าพ่ออีก จำไว้!!!’

     

    สิ้นเสียงพ่อของเขา มินซอกก็ได้แต่ร้องไห้และเดินเข้าห้องขังตัวเองตลอดทั้งคืน ชางมินได้ยินก็อยากเข้าไปหามินซอก แต่มินซอกยังไม่อยากรับรู้อะไรจากโลกภายนอกมากนัก คืนนั้นชางมินตัดสินใจกลับโซลทันที โดยที่มินซอกไม่รู้ เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น มินซอกก็รีบนั่งรถไฟกลับโซลโดยที่ไม่บอกคนในบ้านสักคำ

     

    มินซอกกลับมาบอกและอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชางมินฟัง ชางมินก็พูดได้แค่ว่า ไม่เป็นไร จนกระทั่งวันที่มินซอกไม่อยากจดจำก็มาถึง ชางมินบอกเลิกมินซอกเพราะไม่อยากให้มินซอกต้องมีปัญหากับครอบครัวอีกและที่สำคัญชางมินไม่อยากให้มินซอกโดนทำร้าย มินซอกเลยรู้ซึ้งน้ำใจและความรักของชางมินที่เขาได้รับ มันทำให้เขาอยากจะกอดรั้งคนรักเอาไว้ แต่ว่าชางมินก็ไม่อยู่ เขาจากมินซอกไป จากนั้นหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ชางมินก็ฝากการ์ดแต่งงานมากับชานยอล มินซอกแทบไม่รู้ว่า เขากำลังรักอะไร เขารักคนที่บอกว่าไม่อยากรักตัวเขาเพราะมันจะทำให้ตัวเขาเจ็บปวดจริง ๆ อย่างนั้นหรอ มินซอกเขียนใบลาพักร้อนและใช้เวลาในการลืมเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างเขากับชางมินภายในสามวัน มีแค่ชานยอลที่อยู่ดูแลเขาเท่านั้น เพราะมินซอกเป็นคนมีเพื่อนน้อย หลังจากนั้น ความรักครั้งใหม่ก็ไม่เคยได้มาใกล้มินซอกอีกตลอดสามปีที่ผ่านมา

     

    “เดี๋ยวแม่รอผมอยู่ที่นี่นะ ผมไปลงเวลาออกงานแปบนึงนะครับ”

     

    “ได้จ๊ะ แม่จะรออยู่ที่นี่”

     

    “ครับ”

     

    มินซอกเดินไปที่ห้องพักและเซ็นต์เวลาออกงาน ก่อนจะเดินมาหาแม่ของเขาที่รออยู่และพาไปที่บ้านของเขา เมื่อมินซอกพาแม่เข้ามาในบ้าน แม่ก็ดูตื่นเต้นกับการมาที่บ้านของลูกชายเป็นครั้งแรกในรอบสามปี มินซอกพาแม่ของเขามานั่งที่โซฟาและเดินไปหยิบน้ำส้มในตู้เย็นมาให้แม่

     

    “ชานยอลยังอยู่ที่นี่ใช่ไหม” แม่ถาม

     

    “ครับ หมอนั่นคงไม่ย้ายไปไหนแล้วล่ะ จนกว่ามันจะมีเมีย” มินซอกบอก

     

    “อย่างนั้นหรอ”

     

    บทสนทนาจบลงด้วยเรื่องของชานยอล ก่อนที่มินซอกจะล้มตัวลงนอนตักแม่ของเขา มินซอกมองหน้าแม่และยิ้มให้บาง ๆ

     

    “ผมรู้สึกเหนื่อยจัง ที่ผมต้องทำตัวเป็นคนแบบนี้” มินซอกพูด แม่เพียงแค่ลูบผมมินซอกเบา ๆ แล้วยิ้มให้

     

    “ถ้าเหนื่อยก็หยุดเถอะ ไม่ว่ามินซอกของแม่จะชอบคนแบบไหน ยังไงมินซอกก็ยังเป็นลูกของแม่เสมอ เรื่องความรัก ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ถ้าลูกจะฝืนรักคนที่ไม่ใช่ ยังไงวันหนึ่งลูกกับเขาก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี เรื่องพ่อน่ะ ลูกไม่ต้องกังวลหรอก แม่อยู่ข้าง ๆ มินซอกเสมอนะ ยังไงพ่อก็ต้องเข้าใจลูกสักวัน” แม่บอก

     

    มินซอกซุกหน้ากับท้องของแม่และกอดเอาไว้อย่างตื้นตัน เขากับแม่ไม่ค่อยได้คุยกันมากเหมือนเมื่อก่อน มินซอกพยายามที่จะทำตัวให้เป็นปกติเมื่อกลับไปที่บ้าน แต่ทุกครั้งที่มินซอกมา พ่อของเขาก็จะทำหน้าตาบึ้งตึงใส่ จนแม่ต้องดุ แต่ถึงอย่างนั้น พ่อก็ไม่พูดอะไรมากเหมือนเมื่อก่อนเช่นกัน จนมินซอกตัดสินใจว่านาน ๆ จะกลับไปที่บ้านที เพราะไม่อยากให้พ่อของเขารู้สึกไม่ดีเวลาที่เห็นหน้าเขา

     

    “แม่... ผมขอโทษที่ผมเป็นแบบนี้นะ”

     

    “ลูกไม่ได้ผิดอะไรนี่ ลูกไม่ต้องขอโทษหรอก แม่อยากจะขอบคุณด้วยซ้ำที่ลูกเกิดมา ลูกเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่ามากที่สุดของแม่นะ อย่าคิดมากเลย”

     

    “ผม... ฮึก... ผม..”

     

    น้ำตาของมินซอกเริ่มไหลออกมา เขายังกลัวที่ทำให้คนในบ้านผิดหวัง ถึงแม้ว่าแม่และมินอาจะเข้าใจมินซอก แต่คนที่มินซอกอยากให้เข้าใจเขามากที่สุดก็คือพ่อของเขาเอง

     

    “ไม่ต้องร้องนะ วันเกิดแม่ปีนี้ อย่าลืมกลับบ้านล่ะ แม่จะทำอาหารที่ลูกชอบไว้รอนะ”

     

    “ผมไม่ลืมหรอกครับ ผมจะลากลับบ้านล่วงหน้าหนึ่งวันแล้วก็หยุดงานหลังวันเกิดแม่อีกหนึ่งวัน รวมเป็นสามวัน โอเคไหมครับ ฮึก” พูดจบแม่ก็บีบจมูกมินซอกที่กำลังแดงเพราะการร้องไห้อย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “โอเคเลยครับ ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้างหน้าล้างตาซะ แม่จะทำอาหารให้กินนะ”

     

    แม่บอก มินซอกยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปข้างบนห้องของเขา แม่เดินเข้าครัวมาหาของในตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหาร ก่อนจะยืนชะโงกหน้าไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงห้องรับแขก

     

    “ทำอาหารเย็นเผื่อเพื่อน ๆ ของมินซอกด้วยเลยดีกว่า”

     

    .

    .

     

    วันนี้ลู่หานมาถ่ายโฆษณาครีมลดรอยตีนกาที่เขาได้รับมา จงอินยังคงดูแลเขาอย่างดีเหมือนเดิมพร้อมด้วยทีมงานทุกคนในกองถ่ายนี้

     

    “เอาล่ะครับ เราถ่ายโฆษณากันเสร็จแล้ว ขอขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงานกันนะครับ”

     

    ผู้กำกับโฆษณากล่าว เขาโค้งให้ทุกคนในกองถ่ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ลู่หานโค้งและบอกลาทุกคนในกองถ่ายที่ร่วมกันทำงาน ก่อนจะเดินตามจงอินมาที่รถตู้เพื่อกลับบ้าน

     

    “วันนี้มึงดูมืออาชีพมากเลยวะ” จงอินพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถกันมาแล้ว

     

    “กูก็มืออาชีพอยู่แล้วป่ะ” ลู่หานบอก จงอินแอบเบ้ปากใส่ ก่อนจะโดนลู่หานทุบแขนได้หนึ่งที

     

    “เดือนหน้าเปิดกล้องหนังเรื่องรักใส ๆ มึงอ่านบทหนังและทำความเข้าใจดี ๆ ด้วยล่ะ”

     

    “กูก็อ่านทุกวันแหละ หลังจากนี้ก็งดรับงานที่มีถ่ายต่างจังหวัดด้วยนะ กูไม่อยากป่วย”

     

    “ได้ แต่พวกอีเว้นท์นี้รับได้ใช่ไหม”

     

    “มันจะมีมาหากูหรอ กูเพิ่งจะได้ถ่ายโฆษณาตัวที่สองในรอบปีเองนะ”

     

    “มีสิ ตั้งแต่เช้าล่ะ กูบอกให้เอารายละเอียดมาให้กูอ่านก่อน”

     

    “จริงอ่ะ อีเว้นท์อะไรวะ”

     

    “อีเว้นท์เปิดร้าน Nature Republic เขาติดต่อมา พอดีว่าเขาจะถ่ายโฆษณาครีมตัวใหม่ด้วย สนใจไหม”

     

    “เอาดิ วันไหนบ้างอ่ะ”

     

    “ไม่อาทิตย์นี้ก็อาทิตย์หน้าเดี๋ยวกูโทรไปคอมเฟิร์มเขาอีกที”

     

    จงอินบอก ลู่หานพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนั่งงีบหลับในรถ สักพักรถก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านเช่าที่ลู่หานย้ายเข้ามาอยู่ชั่วคราวหลังนี้

     

    “แล้วเจอกัน”

     

    คำบอกลาง่าย ๆ ของสองหนุ่มจบลง ลู่หานก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อย เขาได้กลิ่นของอาหารที่ไม่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูก มันเหมือนกลิ่นอาหารที่เขามักจะได้กลิ่นตอนที่ไปเที่ยวบ้านของนูน่าที่เคยทำงานด้วย ลู่หานเดินมาที่ครัวและเห็นร่างของหญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังทำอาหารและเดินมาวางที่โต๊ะกับข้าวอย่างคล่องแคล่ว ลู่หานค่อย ๆ เดินไปใกล้ ๆ ก่อนจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าคล้ายกับคนในบ้านหลังนี้

     

    “สวัสดีครับ” ลู่หานเอ่ยทัก เธอหันหลังมามองหน้าลู่หาน

     

    “สวัสดีจ๊ะ เธอเป็นสมาชิกในบ้านหลังนี้หรอ” เธอยิ้มและถาม

     

    “ครับ” ลู่หานตอบ ก่อนที่เธอจะมองหน้าลู่หานแล้วรู้สึกว่าเขามีใบหน้าคุ้น ๆ เหมือนใครสักคนที่เธอรู้จัก

     

    “คุณคุ้นหน้าผมใช่ไหมครับ” ลู่หานถาม เธอพยักหน้าให้ช้า ๆ

     

    “ผมลู่หานไงครับ รุ่นคุณน้าเนี่ย น่าจะรู้จักละครเรื่องรักใส ๆ หัวใจชายสี่นะครับ ผม นา โดจอน แห่งรักบ้านทรายทองแดงไงครับ”

     

    เหมือนมีคนมาจุดไฟในห้องที่มืดในหัวของเธอ เธอยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ เขาคือลู่หาน พระเอกหนุ่มที่กำลังเป็นที่พูดถึงตอนนี้สินะ

     

    “คะ.. คุณลู่หานจริง ๆ หรอจ๊ะ ว้าว... ฉันดีใจที่ได้เจอนะ” เธอเดินมาหาลู่หานอย่างดีใจ

     

    “ครับ พอดีว่าผมมีเหตุต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กะทันหัน เออ... ขอโทษนะครับ คุณเป็นญาติของใครหรอครับ”

     

    “อ๋อ.. ฉันเป็นแม่ของมินซอกน่ะจ๊ะ คิม มินคยองจ๊ะ” เธอบอก ลู่หานมองหน้าเธอแล้วร้องอ๋อทันที

     

    “คุณแม่ของมินซอกนี่เอง ยินที่ดีได้พบนะครับ” ลู่หานบอกแล้วโค้งให้เธออย่างสุภาพ

     

    “ไม่เป็นไรหรอก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินข้าวก่อนก็ได้นะ มินซอกอาบน้ำข้างบนน่ะจ๊ะ แม่เตรียมอาหารเสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวแม่ขึ้นไปเรียกมินซอกก่อนนะจ๊ะ” พูดจบเธอก็เดินขึ้นไปข้างบนทันที

     

    ลู่หานมองอาหารที่ถูกจัดไว้บนโต๊ะอย่างตื่นตา เขาเพิ่งจะเห็นอาหารของคนเกาหลีที่ดูเต็มยศก็คราวนี้ อาหารหลายอย่างที่เขาไม่รู้จักถูกวางไว้บนโต๊ะมากมาย ลู่หานอดคิดไม่ได้ว่า พรุ่งนี้เขาจะต้องไปเบิร์นออกที่ฟิตเนตเท่าไหร่กัน

     

    “แม่ทำอะไรเยอะแยะน่ะครับ เรากินกันแค่สองคนไม่ใช่หรอ”

     

    “นี่มันใกล้จะทุ่มหนึ่งแล้วนะ นี่แอบทำงานจนลืมเวลาหรอ หื้ม?”

     

    “จริงหรอครับ”

     

    เสียงของมินซอกฟังดูน่าคุยกว่าที่ลู่หานได้ยินเยอะ อาจจะเป็นเพราะมินซอกคุยกับแม่ล่ะมั้ง ลู่หานนั่งรอสองแม่ลูกเดินมาที่โต๊ะ ก่อนจะเห็นมินซอกที่ใส่แว่นตาหนา ๆ กับทรงผมมัดจุกผมข้างหน้าขึ้นหมด พร้อมกับเสื้อยืดสีเทาตัวโต ๆ กับกางเกงขาสั้นสีฟ้า ลู่หานเห็นมินซอกยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อพวกเขาสบตากัน

     

    “นายตอเออ... นาย... กลับมาแล้วหรอ...” ดูเหมือนมินซอกจะเขินอายกับสภาพของตัวเขาในตอนนี้ ลู่หานแอบขำกับมินซอกในลุคแบบนี้ ปกติเขาจะเห็นแต่มินซอกใส่ชุดทำงานและชุดนอนที่เป็นเสื้อยืดกางเกงขายาวตลอด แต่ไม่เคยเห็นมินซอกใส่ชุดอยู่บ้านแบบนี้

     

    “ครับ วันนี้คุณแม่ของคุณทำอาหารไว้เยอะมากเลย บอกว่าอยากจะเลี้ยงเพื่อนร่วมบ้านของคุณด้วย” ลู่หานบอก มินซอกพยักหน้าให้แล้วค่อย ๆ เดินถอยหลังออกจากโต๊ะอาหาร

     

    “เดี๋ยวผมมานะแม่” พูดจบมินซอกก็วิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว ทำให้ลู่หานหลุดขำอย่างมาอย่างอดไม่ได้

     

    “ผมขอโทษครับ คือผมไม่ได้ขำลูกชายของแม่นะครับ แต่ว่าเขา... น่ารักดี...” ลู่หานบอกแม่ของมินซอกเพื่อไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่ที่เขาหัวเราะใส่ลูกชายของเธอที่แต่งตัวแบบนั้น

     

    “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ พอดีว่าแม่เข้าไปในห้องแล้วเห็นมินซอกตั้งใจทำงานอยู่ในชุดนี้ แม่ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่ไม่อยากให้ลู่หานรอนานน่ะ”

     

    “อ๋อ...”

     

    ลู่หานพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ก็อดขำไม่ได้ที่คุณหมอใจร้ายคนนั้นจะมีมุมแบบนี้ด้วย มินซอกหายไปสักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับกางเกงขายาวธรรมดาและทรงผมที่ลู่ลงไร้การจัด เขาเดินไปนั่งข้างแม่ของเขาและส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้ลู่หาน

     

    “แล้วชานยอลล่ะมินซอก ปกติเขากลับบ้านมากี่โมงล่ะ”

     

    “วันนี้ชานยอลบอกว่าเขาจะไปกินเลี้ยงวันเกิดเพื่อนน่ะครับ อาจจะกลับดึกเลย”

     

    “อย่างนั้นหรอ อาหารพวกนี้เดี๋ยวแบ่งให้ชานยอลไว้กินตอนดึก ๆ ด้วยล่ะ”

     

    แม่บอก มินซอกรับคำก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าวกัน บรรยากาศไม่ได้น่าอึดอัดสำหรับลู่หาน แต่มันน่าอึดอัดสำหรับมินซอกมาก ที่แม่ของเขาเอาแต่พูดชื่นชมลู่หานและเล่าเรื่องสมัยเด็กของมินซอกให้ลู่หานฟัง มินซอกแทบอยากจะลากแม่เขากลับบ้านที่กูรี*แต่เขาก็ไม่อยากให้รอยยิ้มที่แม่มีอยู่ตอนนี้หายไป เขาแอบเห็นลู่หานส่งรอยยิ้มที่ทำให้อวัยวะเบื้องล่างของเขากระตุกเป็นระยะ ซึ่งทำให้มินซอกนั้นสุดจะทนจริง ๆ

     

    “ทำไมกินข้าวน้อยจังล่ะมินซอก” แม่ถาม เมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองกินข้าวได้น้อยผิดปกติ

     

    “พอดีผมเครียดเรื่องงานน่ะครับ เลยกินอะไรไม่ค่อยลง” มินซอกบอกแบบผ่าน ๆ

     

    “อาหารของคุณแม่อร่อยมากเลยนะครับ พรุ่งนี้ผมคงต้องไปเข้าฟิตเนตด่วนเลยล่ะครับ” ลู่หานบอกอย่างอามรณ์ดี

     

    “อย่างนั้นหรอ ไว้แม่ว่างอีกเมื่อไหร่ แม่จะเข้ามาทำให้กินอีกนะ หรือว่าจะทำจากที่บ้านแล้วหิ้วมาให้ลูก ๆ กินกันดี หื้ม?” แม่บอก มินซอกได้แต่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้แม่ ก่อนจะวางช้อนลงและยกจานเดินไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน

     

    “เครียดมากเลยหรอครับ” ลู่หานหันมามองมินซอกและถาม มินซอกหันหน้ามามองลู่หานอย่างหมั่นไส้

     

    “ใช่ครับ ผมมีงานต้องเคลียร์อีกเยอะ ถ้ายังไงคืนนี้คุณก็อย่าส่งเสียงรบกวนผมด้วยล่ะ” มินซอกบอก

     

    “งานมันเยอะมากเลยหรอมินซอก” เมื่อเห็นว่าลูกชายดูเครียด แม่เลยถามมินซอกบ้าง

     

    “ใช่แล้วครับ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงกลัวว่าผมจะโหมงานนะ ผมดูแลตัวเองได้ดีอยู่แล้ว”

     

    “งั้นก็ดูแลให้ดีขึ้นไปอีกล่ะ เดี๋ยวเก็บจานกันดีกว่า แม่ว่าจะกลับแล้วล่ะ”

     

    “งั้นเดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปส่งแม่ที่บ้านนะครับ นี่มันก็ดึกมากแล้ว” มินซอกบอก

     

    “ไม่ต้องหรอก แม่กลับเองได้ ทำงานของลูกไปเถอะ”

     

    “งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปส่งคุณแม่ให้ก็ได้ครับ ผมไม่มีงานต้องเคลียร์อะไร” ลู่หานบอก มินซอกหันขวับมามองอย่างไม่ไว้ใจ หมอนี่จะทำอะไร

     

    “ไม่เป็นไรหรอก แม่ฉัน... เออ... เดี๋ยวผมไปส่งแม่เองได้”

     

    “คุณมีงานไม่ใช่หรอ คุณทำงานไปเถอะ ผมไปส่งท่านแทนก็ได้  รู้สึกว่าคุณแม่มีเรื่องจะคุยกับผมอีกเยอะเลยล่ะ” ลู่หานบอก เขายักคิ้วขวาให้มินซอกแล้วยิ้มให้ มินซอกรู้สึกไม่ชอบมาพากลจริง ๆ

     

    “ให้ลู่หานไปส่งแม่ก็ได้นะ เขาออกปากมาขนาดนี้แล้ว เนอะ!” แม่บอกพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มส่งสายตาให้ลู่หานรุกันสองคน

     

    มินซอกลังเล เขาไม่ไว้ใจลู่หาน เพราะเขาเพิ่งจะรู้จักผู้ชายคนนี้ แน่นอน เขาเป็นคนยังไง มินซอกยังไม่รู้จักดีเลย เพราะฉะนั้นจะให้ผู้ชายที่เขายังรู้จักไม่พอดีไปส่งแม่ของเขาที่บ้าน มันคงเป็นอะไรที่ทรมานใจเขาสุด ๆ

     

    “ไม่ได้ครับแม่ ผมเกรงใจคุณลู่หานเขาน่ะครับ เดี๋ยวผมไปส่งแม่เอง”

     

    “ผมมีรถส่วนตัวไปส่งคุณแม่คุณที่บ้านและแน่นอน ถ้าคุณไม่ไว้ใจผม เดี๋ยวผมเอาเพื่อนของผมมาเป็นตัวประกันให้คุณไว้ดีไหม เผื่อคุณติดต่อแม่คุณไม่ได้เมื่อไหร่ คุณเชือดเพื่อนผมได้เลย” ลู่หานบอก มินซอกขมวดคิ้วอย่างขัดใจที่ลู่หานทำอะไรแบบนี้ให้เขา

     

    “เถอะน่า มินซอกจะได้ทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ ไง แม่ไม่อยากเป็นภาระให้ลูกแบบนี้หรอกนะ”

     

    “แม่ครับ.. แต่ว่า..”

     

    “มินซอก... แม่เชื่อว่าเขาคงไม่คิดทำอะไรแม่ ทั้งที่เขาก็มีชื่อเสียงหรอกนะ ลูกไม่รู้หรอ ว่าแม่รอเวลานี้มานานแล้ว” แม่บอก มินซอกได้แต่ทำหน้าเอือมใส่แม่เล็กน้อยที่รู้ความหมายที่แม่บอก ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างขัดใจ ลู่หานที่ได้ยินประโยคหลังนั้นยืนนิ่งแล้วคิดตาม

     

    หลังจากที่เก็บจานและอาหารโต๊ะกินข้าวเสร็จ ลู่หานที่โทรหาจงอินให้เขาเอารถของเขามาให้ยืม เพื่อที่จะขับรถไปส่งแม่ของมินซอกที่บ้าน

     

    “เอากูมาเป็นตัวประกัน มึงใช้ไรคิดวะ ไอ้ห่าน” จงอินบ่นออกมาแล้วตบหัวลู่หานไปหนึ่งที ลู่หานเลยตบคืนบ้าง

     

    “กูก็ใช้สมองคิดป่ะ ไอ้ถ่าน ตบกูจะหัวทิ่ม ถ้ากูหัวหลุดมา มึงจะร้องไห้”

     

    “ร้องไห้ด้วยความดีใจว่า กูหลุดพ้นจากมึงสักที”

     

    “จะเอาใช่ป่ะ”

     

    “ไม่เอาหรอก นมก็แบน แถมยังซิง กูไม่อยากเป็นคนแรกของมึง” พูดจบ ลู่หานกำลังจะยกมือขึ้นตบจงอินอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว จงอินวิ่งเข้าไปนั่งที่โซฟาอย่างรวดเร็วแล้วหันมายกนิ้วกลางให้ลู่หาน

     

    “กลับถึงบ้านแล้วแม่ก็อาบน้ำนอนเลยนะครับ อย่าให้น้ำค้างโดนหัวนานนะ” มินซอกบอก ตอนนี้เขากำลังกอดแม่ของเขาอยู่ที่หน้าบ้าน

     

    “อืม ว่างเมื่อไหร่ กลับบ้านบ้างนะ ทุกคนบ่นคิดถึง” แม่บอกแล้วลูบหัวมินซอก

     

    “คงไม่ทุกคนหรอก”

     

    “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ พ่อเราก็คิดถึงเรานะ เพียงแต่ไม่พูด เอาล่ะ กลับบ้านเมื่อไหร่โทรมาบอกด้วยล่ะ”

     

    “ครับ รักแม่นะ” พูดจบมินซอกก็หอมแก้มแม่ของเขาหนึ่งที

     

    “แม่ก็รักลูกนะ มินซอก” แม่บอก

     

    ทั้งสองคนกอดล่ำลากันสักครู่ ก่อนที่มินซอกจะปล่อยแม่ของเขาเดินไปขึ้นรถของจงอินที่ลู่หานยืมมาใช้ มินซอกโบกมือให้แม่ของเขาและยืนมองจนลับสายตาก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน เมื่อเขาเดินเข้ามา เขาก็เห็นผู้ชายผิวเข้มที่เคยมากับลู่หานเมื่อตอนที่ลู่หานเข้ามาขอเช่าบ้านตอนนั้น

     

    “คุณ...” มินซอกเอ่ยปากเรียก จงอินได้ยินก็หันมามองมินซอกสักครู่แล้วยิ้มให้

     

    “หวัดดีครับ ผมคิม จงอิน เป็นผู้จัดการส่วนตัวของลู่หานน่ะ มันบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าให้ผมอยู่ที่นี่เป็นตัวประกัน เพราะว่าคุณไม่ไว้ใจมันให้ไปส่งแม่ของคุณที่กูรี”

     

    “ครับ..”

     

    “คุณมีงานต้องทำเลยไปส่งแม่คุณไม่ได้ ผมพูดถูกไหม”

     

    “ครับ...”

     

    “งั้นคุณไปทำงานเถอะ ผมไม่กวนคุณหรอก ผมมีทีวีเป็นเพื่อนแล้ว” จงอินบอก แล้วหันไปจ้องทีวีที่เขาเปิดดูรายการเพลงที่กำลังออกอากาศอยู่

     

    มินซอกมองจงอินอย่างขัดใจนิดหน่อย ทำไมเขากลายเป็นคนขี้หงุดหงิดแบบนี้นะ แต่ยังไม่ทันที่เขาจำก้าวขึ้นบันได เสียงกริ่งก็เรียกร้องความสนใจของทั้งสองคนที่อยู่ในบ้าน

     

    กริ่งงงง....

     

    มินซอกรีบเดินไปที่หน้าบ้านเพื่อเปิดประตูต้อนรับแขกก่อนจะตกใจกับคนที่ยืนมองเขาอยู่ตรงหน้า

     

    “ชานยอล นี่... เขา..”

     

    “พี่ช่วยผมแบกพี่ชานยอลหน่อยครับ ผมรับน้ำหนักเขาไม่ไหวแล้ว”

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    ไรท์ทอล์ค : กูรีคือบ้านเกิดของมินซอกที่ไรท์ค้นกูเกิ้ลเจอ แต่ไรท์ไม่รู้ว่ามันเขียนอย่างนี้หรือป่าวนะ แต่ถ้ามันผิดอะไรยังไงไรท์จะแก้ไขให้นะคะ ตอนนี้พี่ลู่เจอแม่มินซอกล่ะ น่ารักกันไป ว่าแต่ชานยอลเป็นอะไร ใครแบกชานยอลกลับมา ตามอ่านกันด้วยนะ รอไรท์ไปเขียนต่อกันด้วยล่ะ สนุกไหม กฎของไรท์ก็เหมือนเดิม เม้นกันหน่อย ไรท์อยากเห็นว่ารีดเดอร์สนุกกันไหม ติดแท็กได้ ไรท์ไม่หวง ไรท์ชอบมาก 5555

     

     

       
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×