คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Love Gray :: Chapter 7 The past
Chapter 7 – The past
.
.
มินซอกรู้สึกร้อน เขาค่อย ๆ
ถอดเสื้อยืดสีฟ้าที่เขาสวมอยู่ออก ก่อนจะถอดกางเกงเหลือแต่บ๊อกเซอร์ใส่กันเปลือย
มินซอกไม่เคยรู้สึกร้อนลุ่มอะไรแบบนี้มาก่อน
คงจะเพราะฤทธิ์เหล้าที่เขาดื่มเข้าไปรวดเดียวนั้น มันเป็นเหล้าที่มีดีกรีแรงกว่าปกติที่เขาดื่ม
และการที่เขาไม่ได้กินอะไรมาด้วย ทำให้มินซอกเมาเร็วขึ้น
มินซอกรู้สึกถึงการยวบลงของเตียงด้านซ้าย เขาคิดว่าชานยอลคงจะเอาอะไรเย็น ๆ
มาลูบหน้าเขาแน่ ๆ ตอนนี้มินซอกไม่รู้สึกถึงความอายที่เขามีสิ่งปกคลุมร่างกายเพียงน้อยชิ้นแล้ว
ชานยอลก็เหมือนน้องชายที่รักของเขา เขาคงจะมาเช็ดตัวให้แล้วก็กลับห้องเหมือนเคย
“ฉันคิดถึงนายนะ มินซอก”
เสียงที่ฟังแล้วตกใจ
เสียงที่เขาเคยรู้สึกดีเมื่อหลายปีก่อน เสียงนี้มันทำให้เขา
คิดถึงใครบางคนที่เขาต้องการอยากให้กลับมาเหลือเกิน
“ชางมิน...”
มินซอกลืมตาขึ้นมา เขาเห็นชางมินอยู่ตรงหน้า
แม้ว่าความเลอะเลือนของสมองและตาจะทำให้เขาเห็นภาพอะไรที่จินตนาการขึ้นมาเองได้
แต่เขาคงไม่สามารถจับต้องมันได้ ถ้าเกิดไม่มีใครอยู่ตรงนี้จริง ๆ
“มินซอก ฉันยังรักนายเหมือนเดิมนะมินซอก
ฉันคิดถึงนายตลอดเลย ฉันขอโทษที่ฉันบอกกับนายแบบนั้นไป”
เสียงชางมินดังชัดเจนจนมินซอกแยกไม่ออกว่า
นี่ความฝัน การจินตนาการของเขา หรือคามจริงที่กำลังเกิดขึ้น
“ชางมิน... ฉัน... ก็ยังรักนายไม่เปลี่ยนนะ...”
มินซอกพูดออกไป เขาห้ามปากตัวเองไว้ไม่ได้ ร่างกายมันเริ่มควบคุมไม่ได้
มินซอกโถมเข้าหาชางมินและกอดเขาไว้อย่างคิดถึง
“ฉันอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีนาย ชางมิน ฉันรักนายนะ”
สิ้นเสียงมินซอก ปากของเขาก็ถูกอีกคนครอบครอง
มินซอกไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกนอกจากความต้องการของตัวเองที่พุ่งสูงจนควบคุมไม่ได้
ชางมินจูบมินซอกอย่างโหยหา ทั้งสองคนปล่อยให้ความต้องการของตัวเองควบคุมไปเรื่อย ๆ
นาทีนี้ เขาแค่อยากทำอะไรตามใจตัวเอง โดยที่ไม่มีความรู้สึกถึงผิดชอบชั่วดีมากำหนด
ขอแค่ตอนนี้ ที่พวกเขาจะสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้
.
.
ช่วงสายของวันนี้ ลู่หานได้รับบทจากผู้กำกับลี
ฮยอกแจ คนที่เคยกำกับเรื่องรักใส ๆ หัวใจชายสี่ ที่เป็นเรื่องแรกของเขา
ลู่หานนั่งอ่านบทที่บ้านอย่างมีความสุข เขากำลังจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งแล้วสินะ
“นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลยมึง” จงอินบอก
แล้วยื่นแก้วกาแฟให้ลู่หาน
“ก็กูมีความสุขนี่วะ ไม่มีเรื่องไหนที่เหมาะกับกูเท่าเรื่องนี้ล่ะ”
ลู่หานบอก
“แต่บทมึงก็เล่นตอนแก่ด้วยนะ มึงรับได้หรอ”
“ได้ไม่ได้ กูก็ดังจากบทนี้นี่วะ คราวนี้ทุกคนจะได้เห็นฝีมือการแสดงขั้นเทพของลู่หานบ้างล่ะ
กูจะเอาให้นักวิจารณ์หนังอึ้งไปเลย คอยดูนะ”
ลู่หานนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุข จงอินมองลู่หานแล้วก็ยิ้มตามที่ลู่หานกลับมาเป็นลู่หานที่ยิ้มง่ายเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น
“ครับ... สวัสดีครับ... อ๋อ... ครับ ๆ ๆ ได้ครับ
เดี๋ยวผมจะรีบไปเลยครับ”
“มีอะไรหรอ” ลู่หานมองอย่างสงสัย
เมื่อจงอินวางสาย
“มีโฆษณาติดต่อมาเว้ย เขาอยากให้มึงเป็นพรีเซนเตอร์วะ”
“จริงอ่ะ โฆษณาอะไรวะ”
“ครีมลดรอยตีนกาวะ”
ลู่หานนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะรีบวิ่งไปส่องกระจกที่ห้องน้ำ
นี่เขาแก่จนต้องถ่ายโฆษณาครีมลดรอยตีนกาแล้วหรอวะ
.
.
มินซอกค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
ก่อนจะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง เมื่อคืนเขาจำได้ว่า เขาชวนชานยอลไปดื่มที่ร้านเหล้าใกล้
ๆ บ้าน ก่อนจะไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย เขาคงดื่มมากเกินไป จนทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้
แต่เมื่อคืนเขาฝันถึงชางมินด้วย และในฝันมันดีมากจริง ๆ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ที่ยังคงคิดถึงชางมินอยู่
มินซอกขยับตัวได้นิดเดียว ความรู้สึกเจ็บก็แล่นเข้ามาที่สะโพก
เมื่อคืนเขาจำได้เลือนรางว่าตกเก้าอี้ที่ร้านเหล้าระหว่างที่ดื่มเหล้าและฟังชานยอลพูดไปด้วย
มินซอกสะบัดหัวไล่ความเจ็บเล็กน้อย
ก่อนจะเห็นว่าร่างกายของเขาไม่มีเสื้อผ้าอยู่เลย มินซอกเลยเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแต่เมื่อส่องกระจก
มินซอกเห็นรอยแดง ๆ ตามร่างกาย รอยพวกนี้คืออะไร ชานยอลทำหรอ
“ไอ้เด็กเปรต! วันนี้มึงไม่ได้ตายดีแน่”
มินซอกคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำมาแต่แล้วเขาก็สะดุดตากับกระดาษโพสอิทสีเหลืองแผ่นหนึ่งบนโต๊ะทำงานของเขา
มินซอกจำได้ว่า เขาไม่ได้ใช้โพสอิทสีเหลืองมานานมากแล้ว และคนที่ชอบใช้
ก็ไม่ใช่เขาแต่เป็น..
“ชางมิน...”
‘พอตื่นมานายคงตกใจที่เห็นสภาพตัวเองแบบนั้น
ฉันอยากให้นายรู้ว่าเมื่อคืนฉันมีตัวตน ร่องรอยที่ฉันทำบนตัวนาย
มันคงจะติดอีกหลายวัน เมื่อคืนฉันมีความสุขมากนะ มินซอก
-ชางมิน-’
มินซอกปล่อยกระดาษแผ่นร่วงหลุดมือ
เขารู้สึกแย่ที่ตัวเองยังไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เขายังติดอยู่กับที่
เขายังติดอยู่กับชางมิน มินซอกกลั้นน้ำตาเอาไว้ เขาไม่อยากร้องไห้
แต่น้ำตามันคงบอกให้เขาปล่อยมันออกมา มินซอกเกลียดที่เขายังรักชางมินอยู่แบบนี้
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูที่รุนแรงของมินซอกที่ห้องชานยอล
ชานยอลเดินออกมางัวเงียก่อนจะตกใจที่มินซอกพันแค่ผ้าขนหนูไว้ที่เอวและรอยแดง ๆ
เต็มตัว
“พะ... พี่ชางมินเขา...”
“นายพาชางมินมาที่นี่ทำไม ห๊า!!!!”
มินซอกผลักชานยอลอย่างโมโหเข้าไปในห้อง ชานยอลตกใจที่มินซอกดูรุนแรงกว่าทุกที
“ใจเย็นก่อนสิพี่ ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้ด้วย”
“นายจงใจพาชางมินมาหาฉันใช่ไหม”
“แล้วทำไมล่ะ พี่ก็เรียกร้องหาเขาอยู่ตลอดแล้วนี่
ผมพามาก็น่าจะขอบใจนะ ไม่ใช่มายืนตะโกนด่าแบบนี้” ชานยอลขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิดที่เขาทำดีแต่กลับได้รับสิ่งตอบแทนเป็นแบบนี้
“นี่นาย! ที่ฉันยังเป็นแบบนี้ นายก็รู้นี่ว่าเพราะอะไร
แล้วทำไมยังพาเขามา”
“แล้วจะให้ผมทำยังไงกับพี่ล่ะ!! ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันอยู่ที่ตัวพี่ทั้งนั้น พี่ยังรักพี่ชางมินอยู่!! พี่ยอมรับตัวเองซะเถอะ
ว่าพี่ต้องการเขามากแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้พี่ไม่สามารถดึงเขากลับมาได้
ก็เพราะว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว และพี่ก็ไม่มีวันรักผู้หญิงด้วย
พี่เลิกหลอกคุณกาฮีด้วยนะ ผมไม่อยากให้ผู้หญิงดี ๆ ต้องมาเสียใจเพราะการกระทำที่แย่
ๆ ของพี่แบบนี้” ชานยอลบอก เขามองหน้ามินซอกอย่างไม่ยอมลดละเหมือนกัน
“ปาร์ค ชานยอล!! โธ่เว้ย!!”
มินซอกผลักอกชานยอลเดินออกจากห้องไป
ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด มินซอกก็ยังเป็นมินซอกอยู่วันยังค่ำ ไม่มีใครรับมือเขาได้เลย
นอกจากชางมิน
“เกิดอะไรขึ้นหรอ” อี้ฟานยืนมองชานยอลอยู่ที่หน้าประตูอย่างสงสัย
ก่อนจะมองไปที่ห้องของมินซอก
“เขาก็แค่... คนเอาแต่ใจตัวเองคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
มินซอกนั่งอยู่บนเตียงด้วยความวุ่นวายและสับสนภายในใจ
เขาเกลียดตัวเองในสภาพนี้ที่สุด มินซอกไม่อยากเจอหน้าใครในตอนนี้ เขาเกลียดทุกสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ชานยอลพูดถูก เขาต้องการชางมินอยู่ตลอดเวลา ที่เขาไม่ยอมเปลี่ยนเบอร์เพราะชางมิน
และที่เขาโกหกภรรยาของชางมิน ก็เพื่อที่ชางมินยังสามารถโทรมาหาเขาได้
มินซอกต้องจัดการตัวเองขั้นเด็ดขาด เขาไม่อยากเดินอยู่กับที่แบบนี้
“พอกันที ฮึก! ชางมิน... ฮึก! ฉันต้องเลิกรักนายให้ได้ ฮึก!”
.
.
ช่วงชีวิตวัยเด็กของคยองซู
เขาเป็นแค่เด็กที่อยู่กับพ่อมาตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่ง
แม่ของเขาหย่าขาดจากพ่อเพื่อไปใช้ชีวิตที่สุขสบายกว่า
โดยทิ้งให้คยองซูอยู่กับพ่อและใช้ชีวิตตามยถากรรม บางทีคยองซูรู้สึกเกลียดแม่ตัวเองที่ทิ้งเขาไปและปล่อยให้เขาอยู่กับพ่อสองคนแต่เมื่อคิดกลับมาอีกที
พ่อเขาก็ดูแลเขาดีมาตลอดอาจจะมีบ้างที่เงินขาดมือจนต้องอดข้าวกลางวันเพราะอาชีพของพ่อ
คือ คนขับแท็กซี่ธรรมดา และพ่อของเขาก็ไม่ใช่พ่อดีเด่นอะไรเลย แต่คยองซูก็รักพ่อของเขาและดูแลมาตลอด
“เบื่ออ่ะ...”
เสียงของเพื่อนสมัยม.ต้นที่ตามมาเรียนม.ปลายที่เดียวกันอย่าง
บยอน แบคฮยอน พูดขึ้น เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเขายังนั่งอยู่ในร้านขายไก่ทอดที่คยองซูทำงานอยู่
แต่ตอนนี้เป็นเวลาพักของคยองซู เขาก็เห็นแบคฮยอนมานั่งอยู่ที่ห้องพักพนักงานแล้ว
“ใครใช้ให้มึงมาเฝ้ากูตอนทำพาร์ทไมท์ล่ะ”
“ก็กูมีมึงเป็นเพื่อนสมัยม.ต้นอยู่คนเดียวที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันนี่”
“แล้วมีธุระอะไรหรอ”
“มึงจะสอบเข้าคณะอะไรอ่ะ”
“มาเฝ้ากูเพื่อถามเรื่องนี้เนี่ยนะ
ไลน์มาถามก็ได้นี่”
“ก็กูเบื่อ ๆ ด้วย อยากออกมาข้างนอกบ้าง
แต่หม่อมแม่ไม่เข้าใจ เลยใช้มึงเป็นข้ออ้างว่า
มึงมีปัญหากับพ่อนิดหน่อยเลยอยากจะชวนมาระบาย”
“อย่าใช้มันเป็นข้ออ้างอีกเป็นครั้งที่สองนะ”
“น่าจะครั้งที่ห้าได้แล้วล่ะ”
“บยอน แบคฮยอน!”
“ล้อเล่นน่าคยองซู แล้วตกลงมึงจะเข้าคณะอะไรว่ะ”
“คณะวิศวะอ่ะ กะว่าทำพาร์ทไทม์ถึงสิ้นเดือนนี้แล้วจะลาออกไปอ่านหนังสืออย่างจริงจังล่ะ”
“จริงหรอ กูก็อยากเข้าวิศวะว่ะ
แต่หม่อมแม่กูก็ไม่เข้าใจอีกแล้ว”
“แล้วแม่มึงอยากให้เข้าคณะอะไรหรอ”
“คณะบัญชีนะสิ
บอกว่าจะให้มาทำงานที่บริษัทที่แม่ทำงานอยู่ ให้ตายเถอะ ผู้ชายแมน ๆ
ที่ไหนเรียนบัญชีว่ะ”
“นั่นสิ สงสัยคนนั้นจะเป็นมึงแล้วล่ะ”
“นี่มึงช่วยเป็นเพื่อนดีเด่นให้กูสักวันหนึ่งได้ไหมเนี่ย”
“วันนี้ไม่ได้ว่ะ กูต้องไปทำงาน หมดเวลาพักกูแล้ว
มึงก็กลับบ้านไปบอกแม่มึงดี ๆ ด้วยนะ ว่าอยากเรียนอะไร แล้วห้ามอ้างชื่อกูด้วย
เข้าใจไหม”
“ทำไมวันนี้มาสายโหดจังว่ะ”
“อยากเรียนวิศวะ ก็ต้องหัดจริงจังบ้างสิว่ะ
จะสอบซูนึง*อยู่แล้วยังมาเถลไถลวันนี้แยกย้ายได้”
พูดจบคยองซูก็เดินอกจากห้องพักพนักงานไปทันที
ทิ้งให้แบคฮยอนเพื่อนสนิทยืนมองอย่างุนงง
“อะไรของมันว่ะ หรือเจอไอดอลโหมดโหดว่ะเนี่ย”
หลังจากคยองซูเลิกงานแล้ว
พอได้ปั่นจักรยานสมองของเขาก็โล่งขึ้น
ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องการเงินที่บ้านและการสอบซูนึงที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เขาก็ปั่นจักรยานมายังที่แห่งหนึ่ง
ที่ซึ่งเมื่อได้ปั่นจักรยานคันนี้ทีไหร่ ก็ทำให้นึกถึงเขาเสมอ
“ไคย่า ฉันกลับมาแล้วนะ”
เสียงทักทายของเจ้านายกับสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนในบ้านหลังใหญ่
ชานยอลเดินเข้าบ้านไปแล้ว แต่คยองซูยังยืนมองอยู่จากนอกบ้าน คยองซูไม่รู้เหมือนกัน
ว่าทำไมเขาถึงทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปคุยกับชานยอลยังไง
เขาแค่อยากมีใครสักคนไว้พูดคุยกับเขาเมื่อตอนที่เขามีปัญหาเท่านั้น
“กลับดีกว่า เดี๋ยวพ่อบ่นอีก” คยองซูออกปั่นจักรยานเพื่อกลับบ้าน
ไว้วันหลังค่อยมาหาเรื่องคุยก็ได้
.
.
ช่วงเวลาบ่าย อี้ฟานออกเดินมาตามทางฟุตบาทจากที่บ้านพักมาเรื่อย
ๆ เขายังไม่มีเนื้อเพลงหรือแนวเพลงอยู่ในสมองเลย อาการตันเกี่ยวกับการแต่งเพลงของเขาเริ่มเมื่อเขาทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศจีนจบ
อี้ฟานใช้ชีวิตอยู่ประเทศจีนเกือบเดือน จึงตัดสินใจออกเดินทางมาที่ประเทศเกาหลีใต้
เพราะคิดถึงแฟนเก่าของเขาขึ้นมา ใช่ แฟนเก่าที่เป็นรักแรกของเขา รักครั้งแรก
มักจะเป็นที่จดจำและลืมยากเสมอ ยิ่งเรื่องราวที่ได้รู้จักและความผูกพันที่ร่วมกันสร้างขึ้นมามีมากมายถ้านับเวลาที่คบกันเกือบ
4 ปี ตอนเรียนอยู่ที่แวนคูเวอร์
เขาเป็นผู้ชายที่หลายคนอิจฉา ส่วนเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาเช่นกัน
“สวัสดีครับ คุณอี้ฟาน!”
เสียงทักทายดังจากข้างหลังของชายหนุ่มที่กำลังคิดอะไรเพลิน
เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้ยินเสียง
“คุณจุนมยอน...”
“มาทำอะไรแถวนี้หรอครับ”
“เออ...” อี้ฟานมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างสงสัยว่า
เขาเดินมาถึงที่ไหนแล้ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า มนุษย์ไฟฟ้าของเขานั่น
เคยบอกว่าเขาอยู่ย่านกังนัม
“ผมมาเดินเล่นน่ะ นี่ถึงกังนัมแล้วหรอครับ”
“คุณจะเดินเล่นคุณก็ควรศึกษาเส้นทางบ้างนะครับ
นี่ยังอยู่โซลทาวเวอร์นะครับ”
“อ้าว หรอครับ ผมนึกว่าผมเดินมาถึงกังนัมแล้ว”
“เพราะคุณเจอผมหรอ คุณจำได้หรอว่าผมอยู่ที่ไหน”
แววตาที่เป็นประกายจากจุนมยอน ทำให้อี้ฟานรู้สึกขนลุกเบา ๆ แต่ก็ปั้นยิ้มให้เขาไป
“คนแบบคุณน่ะ ใคร ๆ ก็จำได้ครับ”
“ขอบคุณที่จำได้นะครับ
วันนี้ผมลองมาสมัครงานที่บริษัท ไพม์เดย์ ครับ เพิ่งออกมาจากห้องสัมภาษณ์เลย
กลัวว่าจะไม่ผ่าน เพราะมีแต่คนเก่ง ๆ จบจากมหาลัยดัง ๆ ทั้งนั้นเลย”
พูดไปสีหน้าก็เศร้าไป อี้ฟานรู้สึกว่าเขาควรจะต้องปลอบใจผู้ชายคนนี้สินะ
“เอาเถอะครับ ไม่ได้บริษัทนี้
บริษัทอื่นก็มีนะครับ สู้ ๆ ครับ อ๊าก!”
เพราะลืมตัวไปชั่วขณะ
อี้ฟานเลยเอามือไปตบบ่าจุนมยอนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
กระแสไฟที่แล่นผ่านมือเข้ามาที่ประสาทสัมผัสของเขานั้น ทำให้เขารีบชักมือออกทันที
จุนมยอนตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มเหมือนถูกไฟช๊อต
ทั้งที่เขาไม่ได้พกอะไรที่ทำให้ไฟดูดได้เลย อีกอย่าง เขาก็ไม่โดนไฟช๊อตด้วย
“ทำไมคุณอี้ฟาน
ถึงเหมือนโดนไฟช๊อตอย่างนั้นล่ะครับ”
“ไม่รู้สิครับ ทำไมผมถึงโดนตัวคุณไม่ได้เลย”
ตึก!ตัก! ตึก!ตัก!
เสียงหัวใจที่ดังเข้าหูของจุนมยอน
ทำให้เขารู้สึกว่า
ตัวเองจะเป็นคนที่ตื่นเต้นง่ายเกินไปกับเรื่องถูกเนื้อต้องตัวพวกนี้ หรือเพราะว่า
อี้ฟานที่ยืนอยู่ตรงนี้ที่ทำให้เขาใจเต้นแรงกันแน่นะ
“ถ้าผมได้งานแล้ว ผมชวนคุณมาฉลองด้วยได้ไหมครับ”
.
.
มินซอกเดินออกจากห้องมา
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว เขาเห็นชานยอลนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาจากชั้นสอง
เรื่องเมื่อตอนเช้า เขารู้สึกว่าตัวเองก็ทำเกินไป ชานยอลแค่อยากให้เขารู้สึกดี
มินซอกค่อย ๆ เดินลงบันไดมา ชานยอลมองหน้ามินซอกสักครู่แล้วหันไปดูทีวีต่อ
ความอึดอัดถูกส่งมาที่มินซอกทันที มินซอกเดินไปหาน้ำกินที่ครัว
ก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ ชานยอล เขาไม่ได้ทำท่าทีอะไรมากนัก มินซอกเลยเอาหัวพิงที่ไหล่ของชานยอล
“ฉันขอโทษนะ...” มินซอกบอก
“....” ชานยอลยังเงียบอยู่ แต่ก็ไม่ยอมลุกไปไหน
“ฉันมันบ้าเองที่โทษนายแบบนั้น นายพูดถูก
ฉันไม่ยอมเลิกราเอง ฉันมันก็แค่คนที่... เห็นแก่ตัว ฉันไม่อยากเดินย่ำอยู่กับที่อีกแล้ว
ฉันจะตัดใจจากชางมินจริง ๆ แล้วล่ะชานยอล ฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ซะ ฉันจะไม่เจอเขาอีก
ฉันจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อลืมเขา” มินซอกบอก
ชานยอลยังคงเงียบอยู่สักครู่
ก่อนจะยกแขนขึ้นมาโอบไหล่มินซอกเอาไว้
มินซอกยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะหันหน้าไปมองชานยอล
“นายไม่โกรธฉันแล้วนะ” มินซอกถาม
“ใครว่าผมโกรธพี่ล่ะ” ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง
ๆ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากทีวี
“ก็นายไม่พูดอะไรกับฉันนี่”
“ผมก็ไม่อยากพูด เวลาพูดกับพี่น่ะ ผมได้รับคำตอบดี
ๆ มาสักกี่ประโยคเชียว” ชานยอลพูดจบ มินซอกก็หอมแก้มชานยอลแล้วกอดเอวเอาไว้
ชานยอลนั่งอึ้งด้วยความตกใจ
“รู้ไหม นายเป็นน้องชายที่ฉันรักมากที่สุดเลยนะ
ฉันไม่อยากให้นายเกลียดฉัน ฉันไม่รู้ว่า ถ้าชีวิตนี้ฉันไม่มีนาย มันจะเป็นยังไงน่ะ”
มินซอกซบอกชานยอลอย่างดีใจ
“พี่ปล่อยผมเถอะ ผมจะอ้วก ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขึ้นผื่นอย่างนั้นล่ะ
ขนลุกมาเชียว ปล่อยผมนะ!!” ชานยอลดันหัวมินซอกออก มินซอกยังแกล้งกอดชานยอลไม่ปล่อย
“ทำไมล่ะ ฉันรักนายนะ ฉันรักนาย ฉันรักนายมากด้วย
ม๊วฟ ๆ ๆ ๆ”
เสียงของสองคนนี้ดังออกไปข้างนอกจนทำให้คนที่มาใหม่ถึงกับอึ้ง
เมื่อเห็นชานยอลและมินซอกกำลังปล้ำกอดกันอยู่ที่โซฟา
“พวกเขาสองคนเป็นเกย์หรอ”
TBC…
ไรท์ทอล์ค :
ใครมาใหม่น่ะ เดามาสิจ๊ะ รีดเดอร์จ๋า ตอนนี้ความสัมพันธ์คืบหน้านิดหน่อย มาไกลถึง
7 ตอนแต่ยังไม่ถึงไหน เอาเถอะ เราคงจะแต่งยาวอีกแล้ว
จะพยายามไม่ให้ยาวมากนะ สำหรับการสอบแอดมิชชั่นของเด็กม.ปลายเกาหลีเขาเรียกว่า ซูนึง
[수능] สอบครั้งเดียวจบ
ไม่มีสอบเก็บคะแนนเหมือนของไทยเราเลยจ๊ะ โหดมาก ข้อตกลงเราเหมือนเดิม
เม้นให้กำลังใจคนแต่งด้วย คนละหนึ่งคอมเม้นเองนะ แท็ก #ficlovegray นี่เราจะเปลี่ยนเป็น
love gay ดีไหมเนี่ย 555555
หมายเหตุ : เนื่องจากว่ามีคนท้วงติงเรื่องค่าเงินวอนตอนที่คยองซูบ่นกับตัวเองมา
เราขอโทษนะคะ ที่เขียนมาแล้วทำให้รู้สึกตะหงิด ๆ และขอบคุณที่ท้วงติงมากนะคะ
คือเราแค่อยากจะเขียนประมาณว่า คยองซูแค่ขอเงินพ่อไปซื้อของไร้สาระ
ซึ่งคยองก็ไม่ได้บอกพ่อตรง ๆ น่ะคะว่าเอาเงินไปซื้ออะไร เพราะตอนก่อนหน้า
น้องคยองก็บอกชานยอลแล้วว่าน้องไม่กล้าบอกพ่อว่าเอาเงินไปซื้อจักรยาน เหมือนกับว่าน้องขอเงินพ่อแค่นั้น
พ่อยังบ่น ๆ ๆ ๆ ไม่หยุดอีกประมาณนี้น่ะคะ เดี๋ยวอ่านกันต่อไปเรื่อย ๆ
แล้วเราจะบอกสภาพครอบครัวของน้องคยองให้นะคะ
ทอล์ค 2 : รีไรท์จ้า ไม่มีอะไรมากสำหรับตอนนี้
เราอยากให้เรื่องนี้มันเรื่อย ๆ น่ะคะ และเข้ามาจัดการคำผิด
รีดเดอร์คนไหนพบความผิดปกติบอกเราได้นะค่ะ ไรท์ยินดีแก้ไขค่ะ ^^
ความคิดเห็น