คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Love Gray :: Chapter 3 Virgin boy
Chapter 3 – Virgin
boy
.
.
เช้าวันที่สามสำหรับอู๋อี้ฟานในบ้านพักหลังนี้
ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาต้องออกไปหาอะไรทำเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย วันนี้เป็นเวรทำอาหารเช้าของมินซอก
หมอหนุ่มตื่นนอนด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก มาถึงครัวก็บ่นว่าง่วงไม่หยุดแต่อาหารเช้าก็ออกมาน่ากินอยู่ดี
ส่วนชานยอลก็พูดเกี่ยวกับเรื่องล็อตเตอรี่ที่เพื่อนในอู่ของเขาเล่นกัน
อี้ฟานคิดว่าชานยอลเป็นคนช่างพูดกว่าที่คิด เพราะปกติ
เขาไม่ค่อยเจอผู้ชายที่พูดเก่งเท่าไหร่ เมื่อทั้งสามคนกินอาหารเช้าเสร็จต่างก็แยกย้ายกันออกไปทำตามหน้าที่ของตัวเองทันที
อี้ฟานเปิดดูแผนที่และสถานที่ที่เขาอยากจะไป
ซึ่งเมื่อคืนเขานั่งศึกษาข้อมูลมาอย่างดีจากอินเทอร์เน็ตแล้ว ชายหนุ่มเดินมาที่ป้ายรถเมล์ก่อนจะยืนรอ
เขาคงต้องใช้ชีวิตแบบธรรมดาบ้างเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าของเขา เมื่อเขานั่งรถเมล์มาลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน
ก่อนจะสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า หอศิลป์ Leeum Samsung Museum of Art. Leeum ไปทางไหน แล้วก็ได้คำตอบกลับมา ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาถึงหอศิลป์แห่งนี้
ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวอาคารที่จัดแสดงศิลปะต่าง ๆ เอาไว้
“ทำไมมันรูปร่างแปลกอย่างนี้อ่ะ” เสียงพูดดังขึ้นใกล้
ๆ
ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียง
ก่อนจะเห็นผู้ชายร่างเล็กยืนมองรูปปั้นศิลปะที่มีรูปทรงที่ยากจะเข้าใจถ้าคนที่มองนั้นไม่มีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะเลย
“หรือว่าคนเมืองกรุงเขาชอบอะไรแบบนี้ ต้องจดไว้เป็นตัวอย่าง
สเก็ตด้วย ๆ” ผู้ชายคนนั้นยังคงพูดต่อ
และหยิบสมุดจากในกระเป๋าสะพายขึ้นมาและหยิบดินสอจากกระเป๋าเสื้อนอกที่เขาใส่ขึ้นมาขีดเขียนลงไปในสมุดเล่มนั้น
อี้ฟานหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาแปลก ๆ
ของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะเดินไปดูงานศิลปะหลากหลายชิ้นที่จัดแสดงต่อ ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบครึ่งวันในการชมงานศิลปะ
เมื่อเดินชมงานจนรู้สึกเมื่อย เขาจึงเดินมาจากอาคารแล้วไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อไปยังร้านอาหารที่ใกล้
ๆ แถวนั้น
“คุณครับ ผมขอยืมเงินสดคุณก่อนได้ไหมครับ
ผมลืมเอากดเงินออกมาอ่ะ คือผมไม่มีเงินสดจริง ๆ นะครับ เดี๋ยวถ้าเห็นตู้เอทีเอ็มผมจะรีบกดมาให้คุณเลยนะ”
“นี่!! คิดว่าเงินมันหาง่ายหรือไงกัน
ไม่มีเงินก็หางานทำสิ ไปขอทานที่อื่นเลยไป เดี๋ยวโทรเรียกตำรวจมาลากคอเลยนี่”
เสียงที่คล้ายจะทะเลาะกันนั้นทำให้ชายหนุ่มหนไปมอง
ถ้าชายหนุ่มจากเมืองจีนฟังภาษาเกาหลีไม่ออก เขาคงคิดว่ามีคนกำลังทะเลาะกันแน่ ๆ
ชายหนุ่มเห็นผู้ชายคนนั้นที่เจอที่หอศิลป์อีกครั้ง
เขาพูดขอยืมเงินจากคนที่ยืนรอรถเมล์ไปรอบ ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่มีเงินสดติดตัวมาเลย
“บอกให้ไปที่อื่นยังไงเล่า!!!!”
ผู้ชายร่างสูงและตัวใหญ่ง้างแขนขึ้นจะใช้กำลังทำร้ายผู้ชายคนนั้น
แต่รถเมล์ที่ผู้ชายร่างสูงรอก็มาจอดเทียบท่าพอดี ผู้ชายคนนั้นเลยรอดไป
“ก็ไม่ได้กดเงินสดมานี่น่า มีแต่บัตรเครดิต
เขาก็ไม่รับ ไม่น่าโง่กดเงินมาแค่นิดเดียวเลย” ผู้ชายคนนั้นบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อย
ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะฟังเสียงของเขาหรือว่าอะไร
แต่ท่าทางเขาจะลำบากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าขอยืมเงินคนไปทั่วแล้วบอกว่าจะคืนให้ใครหรอก
“คุณ... กำลังจะไปที่ไหนหรอครับ...” อี้ฟานตัดสินใจถาม
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย แต่แล้วมันก็ค่อย ๆ
เปลี่ยนเป็นแววตาที่สดใส
หล่อ...
ชายหนุ่มยิ้มให้เขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะสีหน้าของผู้ชายคนนั้นดูเปลี่ยนไป
เขายิ้มด้วยสายตาที่จะเรียกว่าเคลิ้มก็คงได้ ชายหนุ่มค่อย ๆ หุบยิ้มอย่างแปลกใจ
เขาไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้าเขาแล้วก็...
แชะ!
กล้องถ่ายรูปโพราลอยด์ถูกยกขึ้นมาถ่าย แล้วฟิล์มแผ่นเล็ก
ๆ ก็ไหลออกมาเขาสะบัดฟิล์มรูปนั้นแล้วยกขึ้นมาดู
“ถ่ายแล้วไม่ค่อยเหมือนตัวจริงเลยแหะ” เขามองรูปใบนั้นแล้วพูดออกมา
อี้ฟานยืนแปลกใจกับการกระทำที่แสนประหลาดของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะคิดได้ว่า
เขาคงสติไม่ค่อยดีสินะ เขาควรจะปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นอยู่ในโลกส่วนตัวต่อไปดีกว่า
หมับ!
ฉึก!
“อ๊าก!”
เหมือนถูกกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
เสียงร้องตกใจของอี้ฟานดังขึ้นจนคนที่อยู่ใกล้ ๆ หันมามอง
ชายหนุ่มบอกขอโทษคนรอบข้างเบา ๆ ก่อนจะรู้สึกว่าเขาเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อตตอนที่มือของผู้ชายคนนั้นมาแตะ
อี้ฟานสะบัดมันออกทันทีเพราะตกใจ เขารีบหันไปมองก็เห็นผู้ชายคนนั้นยืนยิ้มให้เขา
“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณตกใจ
เมื่อกี้ที่คุณถามผมน่ะ ทำไมหรอครับ คุณจะให้ผมยืมเงินสดใช่ไหม พอดีว่าผมไม่มีเงินสดติดตัวมาเลยอ่ะ
เดี๋ยวถ้าผมได้เงินสดมาแล้วผมจะรีบมาคืนให้คุณเลยนะ นะครับ ช่วยผมหน่อยนะครับ”
ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วขยับมาใกล้ ๆ จะแตะตัวอี้ฟานอีกครั้งเพื่อขอร้อง
ชายหนุ่มเลยขยับตัวหนีอย่างรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเขารู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตตอนที่ผู้ชายคนนั้นมาแตะตัว
ชายหนุ่มคิดได้ว่าบางทีเขาจะเป็นพวกมิจฉาชีพ ที่ใช้ไฟฟ้าช๊อตเหยื่อแล้วปล้น ชายหนุ่มเลยรีบเดินหนีไปไกล
ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ว่าผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกตามเขาสักที
“คุณครับ คุณเป็นความหวังเดียวของผมเลยนะ
กลับมาก่อน ผมไม่ได้ปล้นคุณหรอกนะ ผมแค่ขอยืมเงินสดมาจ่ายค่ารถไม่กี่วอนเอง”
อี้ฟานได้ยินก็หยุดเดิน ถ้าเขาให้เงินผู้ชายคนนั้นเป็นค่ารถแล้วเขาคงจะไม่ตามมาอีกสินะ
ชายหนุ่มค่อย ๆ หันไปมองผู้ชายคนนั้น ซึ่งเขาเดินมาด้วยอาการเหนื่อยหอบและมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“คุณไม่มีเงินจ่ายค่ารถอย่างเดียวใช่ไหม”
อี้ฟานถามด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
“ใช่ครับ ผมยืมเงินสดคุณมาจ่ายค่ารถเมล์ก่อน
เดี๋ยวผมจะไปลงแถว ๆ กังนัมน่ะ เพราะว่าผมพักอยู่ที่นั่น
ถ้าคุณไม่เชื่อว่าผมจะคืนเงินให้คุณจริง ๆ คุณจะตามผมมาดูที่พักก็ได้ หรือไม่
ถ้าเจอตู้เอทีเอ็มแล้ว ผมจะกดเงินให้คุณทันทีเลยก็ได้ คุณช่วยผมหน่อยนะ นะครับ”
เขาพนมมือขอร้องอี้ฟานและส่งสายตาน่าสงสารเหมือนแมวที่กำลังเปียกปอนขอมาหลบฝนในบ้าน
อี้ฟานก็ไม่ใช่คนใจดำอะไร ค่ารถเมล์ทั่วไปก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าเขาให้ก็คงจะจบ
“งั้นไม่เป็นไรครับ
ผมให้เงินคุณขึ้นรถกลับที่พักแล้วกัน ไม่ต้องคืนผมหรอก เราคงไม่ได้ไปทางเดียวกันแล้วล่ะ”
อี้ฟานควักเงินให้ผู้ชายคนนั้นไปพันวอน
“ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลืมพระคุณครั้งนี้เลย
แต่ว่ายังไงผมก็ต้องคืนเงินคุณอยู่ดีนะ เขาบอกว่าเงินมันหายาก ให้มาฟรี ๆ
ไม่ได้หรอก ต้องคืน” เขาบอกอี้ฟานด้วยสายตาลึกซึ้ง
“สำหรับผม ผมโอเคนะที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ไม่เป็นไรหรอกครับ” อี้ฟานบอกพร้อมกับรักษาระยะห่างไว้
“งั้นให้ผมเลี้ยงข้าวคุณก็ได้ครับ เป็นการตอบแทน...
นะครับ”
เขาส่งสายตาอ้อนวอนให้อี้ฟานอีกแล้ว บอกตามตรง
อี้ฟานมักใจอ่อนกับคนขี้อ้อน ในที่สุดชายหนุ่มเลยพยักหน้าให้ เขาไม่อยากคิดในแง่ร้าย
แค่เลี้ยงข้าวผู้ชายคนนั้นคงไม่หลอกใส่อะไรลงในอาหารหรอกมั้ง
“งั้นคุณไปกินที่กังนัมกับผมได้ไหม
เดี๋ยวผมจะให้เงินเป็นค่ารถกลับบ้านคุณด้วย โอเคนะ”
พูดจบเขาก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ทันที
อี้ฟานมองตามแผ่นหลังผู้ชายคนนั้นที่เดินไป เขาเดินเหมือนลูกเป็ดที่เพิ่งฝักออกจากไข่ไม่มีผิด
ชายหนุ่มยอมขึ้นรถไปที่ย่านกังนัมตามคำขอร้องของผู้ชายคนนั้นเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเหมือนกัน
ในระหว่างที่นั่งในรถเมล์ อี้ฟานอยากนั่งแยกกันเพราะเขารู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าหากว่าเขาจะโดนไฟช๊อตอีก
โชคดีที่ที่นั่งที่เขาเลือกนั่งได้แค่สองคนและมีคนนั่งอยู่แล้วหนึ่งคน ผู้ชายคนนั้นเลยเลือกนั่งข้างหน้าที่ว่าง
เหมือนผู้ชายคนนั้นจะขอให้อี้ฟานไปนั่งกับเขา แต่อี้ฟานไม่สนใจและไม่อยากนั่งกับเขาเลยใส่หูฟังทันทีแล้วแกล้งหลับ
เมื่อมาถึงกังนัม ผู้ชายคนนั้นก็ปลุกอี้ฟานขึ้นมา
เพราะชายหนุ่มหลับไปจริง ๆ เขาร้องออกมาด้วยความตกใจจนชายหนุ่มต้องรีบเดินลงรถไปด้วยความอายเพราะเสียงร้องของเขาทำให้คนทั้งรถหันมามอง
เมื่อลงจากรถเมล์มาชายหนุ่มพยายามเดินตามหลังผู้ชายคนนั้นแทน
เพราะเขาเริ่มไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นแล้ว และเมื่อทันทีที่เห็นตู้เอทีเอ็มข้างทาง
ผู้ชายคนนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปกดเงินออกมาทันทีก่อนจะยื่นให้อี้ฟานด้วยรอยยิ้มที่กว้างของเขา
“ผมให้คุณแล้วนะ แล้วก็เป็นค่าเสียเวลาที่มาส่งผมด้วย”
อี้ฟานรับเงินมาแต่แค่ค่าที่ผู้ชายคนนั้นยืม
“คุณไม่ต้องคิดมากหรอก ผมเอาแค่ที่ให้คุณยืมก็พอ
ค่ารถกลับบ้านผมมี” อี้ฟานบอก
แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมจะยัดเงินใส่มือแต่อี้ฟานรีบชักมือกลับ
“คุณเอาไปเถอะครับ ถือว่าเป็นน้ำใจจากผมนะ นะครับ”
อี้ฟานเริ่มเกลียดคำว่า นะครับ ของผู้ชายคนนี้แล้วสิ
อี้ฟานยอมรับเงินจากผู้ชายคนนั้น
“อ๊าก!!” อี้ฟานร้องออกมาอีกแล้ว อาการเหมือนโดนไฟช๊อตนี่
มันคืออะไร แค่มือสัมผัสกัน ก็มีความรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตตลอดเลย
ชายหนุ่มมองมือตัวเองอย่างอดไม่ได้ที่จะคิดว่า
ผู้ชายคนนั้นต้องพกเครื่องช๊อตไฟฟ้าไว้กับตัวแน่นอน
“คุณรู้สึกเหมือนผมใช่ไหม.. เหมือนโดนไฟช๊อต...” ผู้ชายคนนั้นมองหน้าอี้ฟาน
ชายหนุ่มยังมองมือของเขาที่ยังชาเพราะอาการที่เหมือนโดนไฟช๊อตอยู่ เขาพยักหน้าให้ผู้ชายคนนั้นช้า
ๆ
“ผมเคยได้ยินมาว่า
ถ้าเราสัมผัสตัวใครแล้วความรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อต แปลว่า... เขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของเรา...”
ผู้ชายคนนั้นบอก เขามองอี้ฟานตาแป๋ว
“ไม่มีทาง!! ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย งั้น... ผมกลับเลยแล้วกัน
คุณไม่ต้องเลี้ยงอะไรตอบแทนผมหรอก แค่ให้เงินมาก็พอ ขอตัว”
อี้ฟานรีบเดินจากมาทันที ผู้ชายคนนั้นยังตะโกนเรียกเขาให้หยุด
แต่ชายหนุ่มไม่ยอมหยุด เขาไม่อยากโดนไฟช๊อตอีก มันเป็นความรู้สึกที่
ไม่ชอบเอาซะเลย
“ให้ตายสิ เนื้อคู่บ้าบออะไร สงสัยจะเป็นบ้า”
.
.
ลู่หานยืนมองสุนัขพันธุ์โกลเด้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
จงอิน มันมองเขาแล้วทำลิ้นห้อยใส่จนน้ำลายมันหยดลงพื้นแล้ว ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่า
ผู้กำกับทงเฮจะขอปลดเขาออกจากละครเรื่องนั้น ที่เขาทำให้กองถ่ายต้องยกเลิก
ด้วยเหตุผลง่าย ๆ
“นายไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลยนะ
ดีนะที่ฉันถ่ายส่วนของนายไปไม่กี่ฉาก ฉันเลยตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น
อีกอย่างพระเอกตกยุคอย่างนายน่ะ เอามาเล่นก็ไม่ค่อยมีคนสนใจแล้ว
สู้ปั้นเด็กใหม่ไม่ดีกว่าหรอ”
คำพูดนี้มันทำให้เขาจี๊ดขึ้นสมองจนต้องล้มโต๊ะกันเลยทีเดียว
แต่นั่นถ้าเขาทำจริง ๆ
มีหวังอนาคตที่จะกลับมาเฉิดฉายบนจอโทรทัศน์อีกครั้งของเขาคงดับสิ้นหมด
“งานใหม่ที่กูหามาให้มึงได้
มึงต้องทำความคุ้นเคยกับอีหมาตัวนี้ก่อน พรุ่งนี้เขาถึงจะให้มึงถ่ายโฆษณา”
จงอินบอก ก่อนจะลากอีหมาสีทองมาหาลู่หาน
“กูไม่อยากเชื่อว่า กูต้องมาถ่ายโฆษณาอาหารหมา
ซึ่งมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่กูเกลียด ยิ่งอีพันธุ์นี้ มึง...
ไม่มีพันธุ์อื่นแล้วหรอวะ พันธุ์อะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่อีพันธุ์นี้อ่ะ มันคุมยาก”
ใช่ลู่หานเกลียดหมา เพราะตอนเด็ก ๆ
เขาเคยถูกมันกัดจนเป็นแผลลึกฝังใจที่ขาอ่อน เลยทำให้เขาเลือกที่จะไม่รับงานที่ต้องคลุกคลีอยู่กับหมา
จงอินทำหน้าเอือมใส่ก่อนจะพูด
“กูพูดตรง ๆ เลยนะ เขาจะถ่ายพันธุ์นี้
เขาจะเอาพันธุ์นี้ แล้วพอเขาเห็นว่ามึงเกลียดหมา
เขาเลยยอมให้มึงอยู่กับหมาให้ชินภายในหนึ่งวัน ที่จริงวันนี้มึงต้องถ่ายเลยล่ะ แต่เพราะกูกลัวมึงจะชวดงานอีก
แล้วไม่มีข้าวจะแดก กูเลยขอร้องเขาให้” จงอินบอก
“นี่กูตกอับจริง ๆ แล้วหรอวะ”
“มึงยังคิดว่ามึงดังอยู่อีกหรอวะ”
ลู่หานจิกตาใส่ผู้จัดการหนุ่มอย่างหงุดหงิด
ก่อนจะสะดุ้งเสียงเห่าของเจ้าโกลเด้นที่อยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มอยากจะบ้าตาย เขาจะทำยังไงกับมันดีเนี่ย
“อย่างแรกเลยนะ มึงต้องพามันไปวิ่งเล่น”
.
.
อี้ฟานนั่งรถกลับมาที่บ้านพักของเขา
ตลอดเวลาที่เขานั่งรถมา เขารู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา
แต่พอเขาหันไปมองเขากลับไม่เห็นอะไร ชายหนุ่มเลยรู้สึกว่าเขาควรจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด
และหมกตัวอยู่บ้านสักสองสามวัน เผื่อว่าอาการแบบนี้มันจะดีขึ้น
“อ้าว ไปไหนมาอ่ะ”
มินซอกทักขึ้นเมื่ออี้ฟานเปิดประตูบ้านเข้ามา
“เที่ยวแถว ๆ นี้มาน่ะครับ”
อี้ฟานตอบแล้วรีบเดินขึ้นบ้านไปทันที
“ทำหน้าอย่างกับเห็นผี
แล้วนี่ไม่คิดจะถามกลับหรอว่าทำไมฉันถึงอยู่บ้าน ช่างเถอะ แค่กลับมาเอาของเอง”
มินซอกบ่นก่อนจะเดินออกจากบ้านมา แล้วต้องแปลกใจกับสิ่งที่เห็น
เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่หมวก ปิดหน้าและใส่แว่นดำ น่าสงสัย...
ผู้ชายคนนั้นยังแอบมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้านเขาด้วย หรือว่าจะมาแอบปล้นบ้านเขา
“ขอโทษนะครับ!!” มินซอกเดินไปทัก
ผู้ชายคนนั้นตกใจจนล้มลงไป แว่นดำและหมวกก็หลุดออก ทำให้เห็นใบหน้าที่ขาวสว่างของเขา
เขาเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะรีบลุกขึ้น
“คะ... ครับ”
“คุณรู้จักใครในบ้านนี้หรอครับ” มินซอกถามออกไป
“ปะ... เปล่าครับ คือว่าผม...”
ท่าทางของผู้ชายคนนั้นดูล้นลานแปลก ๆ
“ทำไมครับ คุณคงไม่คิดที่จะมาปล้นใครแถวนี้นะ”
มินซอกพูดออกไปตรง ๆ ผู้ชายคนนั้นดูสะดุ้งเล็กน้อย หมอหนุ่มคงเข้าใจถูกแล้ว
ถ้าผู้ชายคนนี้วิ่งหนี เขาจะโทรแจ้งตำรวจให้มาเฝ้าบ้านเขาไว้ทันทีเลย
“ผมขอโทษที่ทำตัวน่าสงสัยนะครับ พอดีว่า...
ผมตามผู้ชายคนที่ตัวสูง ๆ ที่เพิ่งเข้าบ้านหลังนี้ไปน่ะครับ” ผู้ชายคนนั้นบอกพร้อมยกนิ้วชี้ไปที่บ้านของเขา
มินซอกขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“อี้ฟานหรอ... คุณรู้จักเขาหรอครับ”
“เออ... พวกคุณ... เป็นแฟนกันหรอครับ” เขาถามด้วยสายตาเศร้า
ๆ มินซอกตกใจเล็กน้อย
“บ้าหรอ! ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ...
เขาเป็นเพื่อนร่วมบ้านผมเฉย ๆ เราเช่าห้องแล้วก็อยู่เป็นบ้านกันน่ะครับ”
มินซอกพูดออกไปอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย
“อ๋อ” ผู้ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา
“แล้วคุณมีธุระอะไรกับเขาหรือเปล่า
เดี๋ยวผมเข้าไปเรียกเขาให้ หรือคุณจะเข้าไปหาเขาข้างในล่ะ” มินซอกถามต่อ
“ไม่ล่ะครับ ผมแค่อยากรู้ว่า เขาอยู่ที่ไหนเฉย ๆ”
ผู้ชายคนนั้นบอกแล้วก้มหน้า
“แอบชอบเขาหรอครับ” มินซอกแกล้งถาม
ผู้ชายคนนั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“เปล่าครับ คือว่าเขาช่วยผม โดยให้เงินสดค่ารถเมล์ผมขึ้นรถ
แล้วทีนี้เขาไม่ยอมรับค่าตอบแทนจากผม ผมเลยไม่ค่อยสบายใจน่ะครับ”
“มีอย่างนี้ด้วย ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมบอกเขาไหมว่าคุณไม่สบายใจ”
มินซอกพูดออกมาอย่างแปลกใจ
“เขาคงจะไม่ยอมหรอกครับ คือ... ระหว่างผมกับเขา...
มีอะไรบางอย่างแปลก ๆ”
ผู้ชายคนนั้นยิ้มเขิน ๆ มินซอกหรี่ตามองและคิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องแอบชอบอี้ฟานแน่
ๆ เลย
“อะไรหรอครับ”
“เวลาที่เราโดนตัวกัน มันเหมือนมีไฟฟ้าช๊อตเราเบา
ๆ น่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่แม่เคยบอกผมว่า
เวลาที่เราโดนตัวใครแล้วเหมือนไฟช๊อต คน ๆ นั้นอาจจะเป็นเนื้อคู่เราก็ได้”
พูดจบมินซอกก็หัวเราะออกมา
ความคิดของผู้ชายคนนี้เหมือนหญิงสาววัยแรกแย้มยังไงอย่างนั้น
ถ้าให้เดาเขาคงจะอายุไม่น่าถึงยี่สิบ กับความเชื่อแสนหวานปานน้ำผึ้งแบบนี้
มินซอกไม่สนหรอกว่าเขาจะบอกว่าชอบอี้ฟานจริงหรือเปล่า
แต่ตอนนี้หลักฐานมันก็ทำให้เขาคิดได้อย่างนั้น
“ใช่แล้วล่ะ เขาคงเป็นเนื้อคู่คุณ วันหลังคุณก็มาได้นะครับ
ถ้าอยากรู้จักเขา เดี๋ยวผมพาเข้าไปเอง ว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ
เพื่อว่าเราจะได้สนิทกัน”
“อ๋อ ผมชื่อ คิม จุนมยอนครับ มาจากปูซาน”
“อ๋อ.. ผมคิม มินซอกนะ เป็นหมออายุรกรรม
งั้นถ้าคุณอยากเจอเขาเมื่อไหร่ก็เรียกผมล่ะ ผมไปล่ะ”
มินซอกโบกมือลาจุนมยอน ก่อนจะเดินจากไป จุนมยอนมองเข้าไปในบ้านแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นหน้าใครที่แทบเหมือนกับเจ้าชายที่แม่ชอบเล่าให้ฟังเลย
เขาเป็นคนแรกที่ทำให้คิม จุนมยอน ตกหลุมรักตั้งแรกเห็น
“อี้ฟาน... ชื่อเหมือนคนจีนเลย เขาคงเป็นเทพบุตรจากเมืองจีนสินะ
ชื่อเพราะจัง”
.
.
ลู่หานพาเจ้าโกลเด้นวิ่งเล่นมาเรื่อย ๆ ตามฟุตบาท
เขายังไม่ชินที่ต้องคอยลูบหัวให้มันเท่าไหร่
ชายหนุ่มพามันไปวิ่งเล่นคาบจานร่อนที่สนามหญ้าใกล้ ๆ บ้านพักของเขา ก่อนจะเห็นว่าตัวเองเริ่มเหนื่อยเลยพามันกลับ
ระหว่างทางที่ผ่านมา เขารู้สึกคุ้น ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง แต่แล้วก็นึกออกในทันที
เมื่อเขาเห็นใครบางคนกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์
“หมอปากร้ายนั่นนิ... เข้าไปทักทายซะหน่อยสิ”
ลู่หานเดินไปหาหมอปากร้ายหวังว่าจะเอาเจ้าโกลเด้นนี้ไปงับขาของเขาให้ตกใจเล่น
แต่แล้วเจ้าโกลเด้นก็วิ่งนำชายหนุ่มและดึงเขาไปหาหมอหนุ่มทันที
“เฮ้ย!!!” ลู่หานร้องเสียงหลง คน ๆ
นั้นหันมามองตามเสียงก่อนจะเบิกตากว้างกับเจ้าหมาสีทองที่วิ่งเข้ามา
แผล๊บ!
เสียงหัวเราะของหมอหนุ่มดังขึ้น
พร้อมกับเจ้าโกลเด้นที่เลียไปเกือบทั่วหน้าของเขา ลู่หานที่ยืนมองก็นิ่งไป คน ๆ
นี้ไม่กลัวหมาเลยคงมีแค่เขาสินะที่กลัวมัน หมอหนุ่มหลุดจากการทักทายอันดุเดือดของเจ้าโกลเด้นได้
เขาก็ยืนขึ้นเต็มตัวและหันมามองหน้าลู่หาน
“อ้าวคุณ... ไม่ยักรู้ว่าคุณเลี้ยงหมากับเขาด้วย”
เขาทัก
“มันไม่ใช่ของผมหรอก
ผมมีงานที่ต้องทำเกี่ยวกับมัน วันนี้ผมเลยพามันมาเดินเล่นน่ะครับ”
ลู่หานบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
เขาไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรหลังจากที่เขาคาดการณ์ไว้ผิดไป
“เจ้าตัวนี้ผมจำปลอกคอมันได้ ผมเคยช่วยมันไว้น่ะ
มันคงจำผมได้เลยวิ่งเข้ามา มันเป็นหมาที่ได้ถ่ายโฆษณาเยอะมากเลยนะ
เมื่อก่อนมันเป็นแค่หมาจรจัดน่ะ แต่พอถูกรถชน
ผมก็เลยไปฝากเลี้ยงไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ มีคนมาเห็นความสดใสน่ารักของมัน
ก็เอามันไปถ่ายโฆษณา ไม่คิดว่ามันจะดังได้ขนาดนี้ สุดยอดเลยเจ้าสนิช”
ลู่หานมองหมอหนุ่มที่พูดและเล่นกับเจ้าหมาสีทองนั้นอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนอย่างหมอปากร้ายคนนี้จะทำอะไรแบบนั้นด้วย
“โอเค งั้นผมขอหมาผมคืนด้วยครับ” ลู่หานบอก
หมอหนุ่มลูบหัวเจ้าตูบ ก่อนจะส่งเชือกให้ลู่หาน
“ถ้าชานยอลไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าคุณเป็นนักแสดง
ขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อคราวก่อนแล้วกันนะครับ คุณลู่หาน” หมอหนุ่มบอก
ลู่หานแปลกใจอีกครั้งที่หมอปากร้ายจะรู้จักเขา
“คุณรู้จักผมแล้วหรอ
งั้นคุณก็ควรจะบอกชื่อคุณให้ผมรู้จักด้วยนะ เผื่อเราได้เจอกันอีก” ลู่หานถาม
“เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมากหรอกครับ
เพราะยังไงคุณกับผมก็คงไม่ได้เจอกันอีก” หมอหนุ่มบอกแล้วยิ้มให้ก่อนที่รถเมล์จะมาเทียบท่าพอดี
“ผมไปล่ะครับ” หมอหนุ่มโค้งให้ลู่หานเล็กน้อยและขึ้นรถเมล์ไป
ลู่หานรู้สึกแย่กับคำพูดของหมอหนุ่มคนนี้อีกแล้ว
“เฮอะ!! หมอนี่... มันจะมากแล้วนะ!
พูดอะไรหัดรักษาน้ำใจกันบ้างสิ!!!!”
ลู่หานตะโกนออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะเห็นว่าผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มหันมามอง
เขาลองทำหน้าตีมึนแล้วเดินออกมาจากที่นั่น
“แค่อยากคุยด้วย ทำไมต้องตัดบทกันขนาดนี้ด้วยนะ”
TBC…
ไรท์ทอล์ค : เหมือนช่วงนี้ฟิตคะ
เรื่องไหลมาก็แต่งออกมาเรื่อย ๆ ประกอบกับอยากแต่งลู่หมินให้หายคิดถึง
แต่เรื่องเรามันดันมีสามคู่ซะด้วย ก็จัดไปกับคู่สุดท้ายเลย
เปิดตัวมาอย่างน่ารักเลยสำหรับลีดซูโฮของเรา เป็นบ้านนอกเข้ากรุงกันทีเดียว
ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่า สนุกไหม สนุกก็บอกต่อไป ติดแท็กกันได้นะ #ficlovegray
มาดูว่าจะรักสีเทายังไง อิอิ เม้นให้กำลังใจกันนิดนึงนะ นะคะ
ทอล์ค 2 : รีไรท์ ตอนนี้ก็รีไรท์ไม่มากเท่าไหร่
คงเนื้อเรื่องเดิม ยังไงก็ฝากอ่านกันอีกครั้งด้วยนะ เม้นบอกกันได้
ความคิดเห็น