คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Love Gray :: Chapter 1 Luhan
Chapter 1 - Luhan
.
.
แหมะ!
หยดน้ำฝนที่หยดลงบนมือบางของคุณหมอมินซอกนั้นมันทำให้เขาเกลียดมาก
หยดแรกหยดลงมาตามด้วยหยดเม็ดฝนที่ร่วงลงมาอย่างหนัก นี่ไม่ใช่หน้าฝนสักหน่อย
พายุเข้าอีกแล้วสินะ มินซอกคิดและยืนมองสายฝนที่ตกลงมาอย่างเบื่อหน่าย เขาเพิ่งจะเคลียร์งานเสร็จและกำลังจะกลับบ้าน
แต่ฝนกลับตกลงมาซะได้ แถมเขายังลืมเอาร่มมากอีกด้วย
“ติดฝนหรอครับพี่มินซอก”
เสียงทักทายจากหมอหนุ่มรุ่นน้องแผนกจิตเวช
เขาเดินมาหามินซอกด้วยรอยยิ้มที่ชนิดฆ่าสาว ๆ ที่ติ่งโอปป้าไอดอลหน้าจอต้องตายแน่นอน
แต่.... หมอหนุ่มอย่างมินซอกไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้มที่ติ่งโอปป้าที่น่าหมั่นไส้พวกนั้นนี่
“ใช่อ่ะ พอดีว่าฉันไม่ชอบพกร่ม
เพราะฉันไม่ชอบหน้าฝน” มินซอกบอกก่อนจะยืนมองสายฝนต่อ
“งั้นกลับบ้านกับผมไหม เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาบอกแล้วชี้ไปทางที่มีรถของเขาจอดอยู่
“ก็ดีนะ... แต่นายว่างไปส่งฉันหรอ” มินซอกปรายตามองรุ่นน้องเพื่อหยั่งเชิง
“สำหรับพี่มินซอก...
ผมว่างอยู่แล้วล่ะ”
เขาโน้มตัวมากระซิบข้าง ๆ
หูหมอรุ่นพี่ มินซอกแทบจะกระโดดถีบ ถ้าหมอนี่เข้ามาใกล้เข้าอีกแค่คืบเดียวนะ
ให้ตายเหอะ! ประโยคเลี่ยน ๆ แบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะมันคงจะเหมาะถ้าเอาไว้พูดกับสาว
ๆ แต่ไม่ใช่หนุ่ม ๆ อย่างคิม มินซอก แต่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
มินซอกไม่ยอมพลาดเด็ดขาด
“งั้นไปกันเถอะ หมอโอ เซฮุน
ฉันอยากกลับไปนอนแล้ว” พูดจบมินซอกก็ดึงร่มที่อยู่ในมือของหมอโอเซฮุนไปกางแล้วเดินไปทันทีจนเจ้าของร่มเดินตามแทบไม่ทัน
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถหรูสีขาวแล่นเข้ามาในซอยบ้านของมินซอกอย่างช้า
ๆ มินซอกงีบหลับในรถของเซฮุนอย่างอดไม่ได้ เพราะวันนี้ทั้งวันมีคนไข้มาหาหมอหนุ่มแทบจะไม่ได้พักจนต้องบอกพยาบาลสาวว่า
ขอหมอพักสักสิบห้านาที ถึงจะได้มีเวลานอนงีบพักสมองสักหน่อย เมื่อรถแล่นมาถึงหน้าบ้าน
มินซอกก็ยังไม่ตื่นจนเซฮุนต้องสะกิดที่แขนมินซอกเบา ๆ
“พี่มินซอกครับ... พี่มินซ..”
“อะไรวะ! คนจะหลับจะนอน”
มินซอกพูดออกมาทั้งที่ยังหลับตา เซฮุนขำเล็กน้อยที่มินซอกละเมอออกมาจริงจังแบบนี้
“พี่มินซอก... ตอนนี้พี่อยู่บนรถของโอ เซฮุนนะครับ
ถ้าพี่ยังหลับอยู่แบบนี้ ผมจะคิดซะว่าตอนนี้พี่ยอมใจอ่อนให้ผมจูบพี่ได้แล้วนะ..”
ได้ผล เมื่อคำพูดพวกนี้ของโอเซฮุนดังขึ้น ทำให้มินซอกลืมตาขึ้นทันที
ก่อนจะผลักเซฮุนให้ออกห่างจากตัวอย่างอัตโนมัติ มินซอกแค่รู้สึกสบายมากไปกับอากาศที่เย็นสบายในรถแบบนี้พร้อมกับเสียงฝนที่ตกลงมา
มันทำให้มินซอกอยากเข้าบ้านไปนอนหลับบนเตียงนุ่ม ๆ ทันที
“อยู่ให้ห่างฉันมากที่สุด ไม่อย่างนั้น...”
มินซอกชี้หน้าเซฮุนอย่างคาดโทษ
“ไม่อย่างนั้น?” เซฮุนมองหน้ามินซอกนิ่ง ๆ
“เลือดนายได้ออกจากหัวแน่”
พูดจบมินซอกก็คว้าร่มที่อยู่ข้าง ๆ เขากางออกแล้วเปิดประตูรถ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเอามาคืนให้”
มินซอกบอกแค่นั้นแล้วปิดประตูรถทันที
โดยไม่รอให้เซฮุนพูดอะไร มินซอกรีบวิ่งไปหลบฝนที่ตรงประตูบ้านทันที
โชคดีที่มันมีที่บังแดดบังฝนให้สำหรับผู้มาเยือนใหม่
มินซอกไม่ใจดีขนาดที่จะยืนรอให้รถของเซฮุนขับออกไปจนลับสายตา
ตอนนี้เขาหนาวและอยากจะล้มตัวนอนลงบนเตียงใจจะขาดแล้ว แต่ว่า...
“อือ...”
เสียงครางต่ำ ๆ ที่ดังขึ้นมา
ถึงมันจะมีเสียงฝนกลบไปบ้าง แต่มินซอกก็ได้ยินมันชัดเจน
เขารีบมองหาต้นเสียงทันทีอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ใช่ว่าคนเป็นหมอจะไม่กลัวเรื่องลี้ลับแบบนี้ในเมื่อมันมาหาแบบน่ากลัวเขาก็ควรจะกลัวจริงไหม
หมอหนุ่มมองไปรอบ ๆ และเดินกางร่มดูอีกครั้ง ก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างข้าง ๆ ถังขยะ
“ใช่คนหรือเปล่าว่ะ”
มินซอกเห็นกลุ่มก้อนสีดำที่อยู่ข้าง ๆ ถังขยะ มันมีรูปร่างไม่เหมือนถุงขยะสีดำที่เวลาจะทิ้งแล้วคนมักจะมัดปากถุงไว้ด้านบน
มินซอกเห็นมันสั่นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มันสั่นไม่หยุด
จนเขาสงสัยว่าทำไมมันถึงสั่นขนาดนั้น มินซอกจึงลองเอื้อมมือไปจับ
“คนนี่หว่า..”
มินซอกคลำจนหาส่วนหัวเจอถึงรู้ว่าเขาเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่
แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่ามีสติหลงเหลืออยู่ มินซอกจับหัวคน ๆ
นั้นแล้วหาส่วนของใบหน้าก่อนจะเห็นว่า ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวจนเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
“ทำไมมานั่งตากฝนแบบนี้ล่ะ ดูไม่น่าใช่คนจรจัดนี่
แต่งตัวก็ดูดีมีราคาขนาดนี้ หรือว่า... โดนปล้นแล้วก็... เมาชัวร์”
มินซอกสันนิฐานคร่าว ๆ จนได้ข้อสรุปก่อนจะยอมเปียกแล้วพยุงร่างของผู้ชายคนนี้เข้าไปในบ้าน
ชานยอลที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาด้านล่างได้ยินเสียงเปิดประตูก็เลยหันไปดู
“อ้าว นั่นใครอ่ะ” ชานยอลถามอย่างสงสัย
“นายรีบ ๆ มาช่วยกันหน่อยสิ! ฉันแบกคนเดียวไม่ไหวเนี่ยเห็นไหม”
มินซอกบอก ชานยอลรีบวิ่งมารับช่วงต่อก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเพราะร่างที่เปียกฝน
ซึ่งเขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแล้วลงมาดูทีวี นี่เขาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ใช่ไหมเนี่ย
“ใครเนี่ย ทำไมเปียกมาแบบนี้” ชานยอลถามและพยุงร่างนั้นมาที่เก้าอี้ห้องครัว
“ไม่รู้อ่ะ
รู้แต่ว่าถ้าปล่อยเขาไว้หน้าบ้านเราแบบนั้น มีหวังบ้านหลังนี้มีข่าวลือเรื่องผีมาแน่
ๆ” มินซอกบอก
ทั้งสองคนช่วยกันหาเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนให้ผู้ชายคนนั้น
ก่อนจะพามาเขานอนที่โซฟาด้านล่าง มินซอกเช็คดูอาการเบื้องต้นของเขา
ก่อนจะให้ยาเขากิน
“ปล่อยให้นอนข้างล่างแบบนี้จะดีไหม
ไม่ใช่ตื่นมาแล้วทีวีหายนะ ต้องถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานก่อน”
ชานยอลล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปชายคนนั้นทันที
มินซอกมองหน้าชายคนนั้นเพื่อสำรวจอาการให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้น
“เขาเมาอยู่ พรุ่งนี้โน่นล่ะถึงจะตื่น
ปล่อยไว้แบบนี้ล่ะ ถ้าอ้วกก็...”
...เสียงดนตรี...
เสียงเครื่องดนตรีชนิดสายที่คล้ายไวโอลินแต่เสียงมันทุ้มต่ำกว่า
ดังมาจากห้องของนักดนตรีอิสระคนนั้นที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพวกเขา
“ไหนบอกว่ามันไม่เล่นดนตรีตอนกลางคืนไงวะ” มินซอกขมวดคิ้วหันไปถามชานยอล
ชานยอลมองหน้ามินซอกแล้วก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาเชิงบอกว่า ก็ไม่รู้สินะ ให้
“ผู้ชายคนนี้คงไม่อ้วกแล้วมั้ง
นั่งตากฝนนานขนาดนี้ พิษไข้คงเล่นงานแทน หาผ้าห่มหนา ๆ ห่มให้เขาด้วยล่ะ ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำล่ะ”
มินซอกบอกชานยอลแล้วขึ้นไปข้างบน
เมื่อขึ้นมาถึงห้องมินซอกก็เดินไปอาบน้ำทันทีก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดขนหนูที่ขยี้ลงบนหัวไปมา
เขานั่งเช็ดผมไปพลาง ๆ ก่อนจะหยิบแฟ้มรายงานของนักศึกษาแพทย์ที่เขาดูแลอยู่มาอ่าน
สายตาของมินซอกสั้นเล็กน้อย เลยต้องใส่แว่นอ่านรายงาน
เขาเดินมาหยิบแว่นที่หัวเตียงแล้วนั่งอ่านรายงานที่โต๊ะ
....เสียงดนตรี...
“ไอ้บ้านั้นมันจะเล่นไปถึงไหนวะ”
มินซอกบ่นเมื่อเสียงดนตรียังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ
มินซอกไม่ใช่คนที่ชอบฟังเสียงดนตรีเวลาทำงานหรือคิดอะไร
ถึงแม้ว่าเสียงมันจะเข้ากับบรรยากาศฝนตกแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์สุนทรีขนาดนี้
เขาเหนื่อยเกินไปที่จะใช้ใจฟังเสียงดนตรีของนักดนตรีอิสระ
ก๊อก ๆ ๆ
มินซอกยืนอยู่หน้าห้องนักดนตรีหนุ่มและเคาะประตูสองสามครั้ง
เสียงดนตรีหยุดลง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาเปิดประตูให้เขา
อี้ฟานมองหน้ามินซอกอย่างงุนงง
“มีอะไรหรอครับ” เขาถาม
“นายชอบเล่นดนตรีตอนกลางคืนหรอ” มินซอกถามกลับ
“บรรยากาศมันน่าเล่นน่ะครับ ผมเลยหยิบมันมาเล่น
คุณชอบไหมครับ” เขาบอก
“ก็ชอบนะ ตอนที่ฉันอารมณ์ดี
แต่ตอนนี้ฉันต้องการความเงียบ ซึ่งเสียงฝนก็ทำให้ฉันประสาทเสียพอแล้ว
เสียงดนตรีของนายฉันขอซื้อด้วยกาแฟตอนเช้านะ คืนนี้หยุดเล่นได้แล้ว” มินซอกบอก
“เฉพาะคืนนี้หรอครับ”
คำพูดของอี้ฟานมันฟังดูกวนประสาทของมินซอกทันทีในสภาวะที่สภาพจิตใจไม่คงที่
“เอาไว้อากาศดี ๆ นายอยากเล่นก็เล่นเถอะ แต่วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เข้าใจไหม”
มินซอกตั้งสติก่อนบอกออกไปแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองทันที
“เชลโลของฉัน ฉันว่าเสียงมันดีที่สุดในร้านเลยนะ
พวกหัววิทย์คงไม่มีอารมณ์สุนทรีเอาซะเลย” อี้ฟานบ่นอย่างขัดใจนิดหน่อย
ก่อนจะปิดประตูเข้าห้องไป
ชานยอลยืนมองผู้ชายที่นอนอยู่บนโซฟาอย่างสงสัย ใบหน้าของเขาคุ้นมาก
ๆ เหมือนชานยอลเคยเห็นที่ไหนสักที่ แต่จำไม่ได้
“ถ้าไม่ใช่ลูกค้าซ่อมรถที่ร้าน
ก็ต้องเป็นคนที่ฉันอาจจะเจอบ่อย ๆ ทำไมมันคุ้นมากเลยนะ”
ชานยอลยืนมองใบหน้าของชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างคิดไม่ตก
ก่อนจะหันมาดูข่าวทีวีที่กำลังฉาย
“(สวัสดีคะ ข่าวบันเทิงวันนี้ เรามีข่าวของนักแสดงหนุ่มจีนที่เคยโด่งดังในเกาหลีมาอัพเดทกันคะ
โดยเมื่อวานนี้เหยี่ยวข่าวสาวของเราก็ได้สัมภาษณ์นักแสดงหนุ่มลู่หาน
ที่กำลังจะมีผลงานในรอบสองปี หลังจากที่เขาโดนทำร้ายจากกลุ่มแฟนคลับที่เป็นซาแซงแฟนในครั้งนั้น
ตอนนี้เขากำลังถ่ายทำละครเรื่องหนึ่งอยู่ โดยผู้กำกับลี ทงเฮของเราก็เลือกหนุ่มลู่หานมารับบทนำในครั้งนี้คะ...)”
“โอ๊ะ! ใช่แล้ว หน้าเหมือนกัน...
ลู่หานหรอ...” ชานยอลชี้ที่จอทีวีก่อนจะหันมามองหน้าผู้ชายที่หลับอยู่บนโซฟา
“อ่า... เมาขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
ฉลองได้เล่นละครเรื่องใหม่จนหมดสภาพเลยสินะ แล้วอย่างนี้เขายังจะทำงานไหวหรอเนี่ย”
ชานยอลยืนมองลู่หานสักครู่ก่อนจะเดินไปปิดทีวีเพื่อขึ้นไปนอน
เขาหวังว่าตื่นเช้ามาทีวีที่ห้องรับแขกจะยังอยู่ ของกินในตู้เย็นยังเหมือนเดิม
และคนที่นอนอยู่ที่โซฟาคงไม่นอนคว่ำหน้าจมกองอ้วกหรอกนะ
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ คุณลู่หาน...”
.
.
“อ๊ากกกกกกก!!!!!!”
เสียงโวยวายดังลั่นบ้านพัก
มินซอกตะเกียกตะกายลุกขึ้นออกจากกองผ้าห่มที่ทับตัวเขาอยู่
ก่อนจะได้ยินเสียงร้องนี้อีกครั้ง พร้อมกับเสียงพูดเป็นภาษาแปลก ๆ
อะไรไม่รู้ดังมาจากข้างล่าง มินซอกมองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง
ก่อนจะถีบผ้าห่มออกจากตัวแล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เขาโวยวายอ่ะ”
พอเปิดประตูมา มินซอกก็เห็นชานยอลยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าห้องเขาแล้วหันมาบอก
อี้ฟานก็เปิดประตูออกมาดูเหมือนกัน
“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
คำถามของอี้ฟานลอยมาแล้วก็ผ่านไป
มินซอกและชานยอลเดินลงไปดูข้างล่าง
เมื่อวานเขาจำได้อยู่ว่าเขาพาผู้ชายคนหนึ่งที่นอนเมาไม่รู้เรื่องอยู่หน้าบ้านเข้ามา
แล้วก็ดูแลเขาเพื่อไม่ให้เขาตาย ตอนนี้เขาโวยวายและรบกวนการนอนของมินซอกมาก
“นี่คุณ! จะโวยวายอะไรนักหนา
ผมเป็นคนพาคุณเข้าบ้านมา พวกเราแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเพราะว่ามันเปียก
ถ้าคุณนอนทั้งอย่างนั้นมีหวังเป็นไข้แน่นอน และอีกอย่างผมจะไม่ให้คุณนอนในบ้านแน่”
มินซอกพูดด้วยความหงุดหงิด
ผู้ชายคนนั้นหรี่ตามองมินซอก และหันไปมองชานยอลและอี้ฟานที่เดินตามมาสมทบทีหลัง
ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่า พวกเขาต้องทำอะไรไม่ดีกับเขาแน่ ๆ
“ฉันจะไม่เอาเรื่องพวกแกก็ได้นะ
แต่เอาเงินฉันมาซะดี ๆ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“เงิน? นี่หน้าพวกผมเหมือนพวกคนหิวเงินหรือไง”
ชานยอลบอกด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าไม่ใช่พวกหิวเงินและเงินที่อยู่ในกระเป๋าฉันมันหายไปไหนหมด”
เขายังพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวอยู่
“คุณก็คิดดูแล้วกันนะ กว่าผมจะมาเจอคุณ
คุณนอนตากฝนมานานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าคุณอยู่นั่น นอนอยู่ข้างถังขยะแถมตัวก็สั่นเหมือนผีเข้า
ถ้าคุณจะโดนปล้นเงินก่อนหน้านั้น มันก็เป็นไปได้หรือเปล่าล่ะ” มินซอกบอก
เขาเริ่มรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้พูดยากชะมัด
“...”
“พวกเราไม่ทำอะไรสิ้นคิดขนาดนั้นหรอก
ถ้าพวกเราจะปล้นคุณ เราปล่อยให้คุณนอนตากฝนข้างนอกจนตายไม่ดีกว่าหรอ พวกเรามีงานทำกันทุกคน
ผมเป็นหมอ ส่วนหมอนี่ก็เป็นช่างซ่อมรถ แล้วหมอนั้นก็เป็นนักดนตรีอิสระ คุณเข้าใจพวกเราแล้วใช่ไหม”
มินซอกบอก
ผู้ชายคนนั้นยังนิ่งเงียบอยู่
เหมือนเขากำลังใช้ความคิดเพื่อนึกถึงเรื่องของเขาก่อนที่จะถึงเช้านี้ เขาทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก
แล้วหันหลังให้พวกเขา
“นี่กูเมาขนาดนี้เลยหรอวะ”
เขาพูดออกมาอย่างลืมตัว
“คุณนึกอะไรได้แล้วใช่ไหม คุณคงโดนปล้นมาแหละ
ถ้าจะเอาเรื่องก็ไปแจ้งความซะล่ะ ชานยอล นายทำอะไรง่าย ๆ ให้เขากินก่อนจะออกไปด้วยล่ะ
ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ” มินซอกบอกแล้วก็เดินกระแทกส้นเท้าขึ้นไปข้างบน
ชานยอลยืนรอให้ผู้ชายคนนั้นหันมาอย่างใจจดใจจ่อ
อี้ฟานเดินมาหาชานยอลก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวเขาทำอาหารเช้าให้ผู้ชายคนนั้นเอง ชานยอลพยักหน้าให้และเดินไปหาผู้ชายคนนั้น
“นี่! คุณลู่หาน...” ชานยอลเรียก
“ห๊ะ! นี่นาย เออ.. คุณรู้จักผม?”
เขาถาม
“เหมือนคุณคิดว่าตัวเองไม่ดังอย่างนั้นแหละ นี่! เมื่อก่อนย่าผมชอบคุณมากเลยนะ
ตอนที่คุณเล่นเรื่องรักใส ๆ หัวใจชายสี่อ่ะ คุณเล่นได้สมบทบาทคนเย็นชามากเลย
จนผมคิดว่านี่คุณเล่นแล้วหรอเลย” ชานยอลบอกด้วยรอยยิ้ม
“หรอครับ...” ลู่หานรู้สึกแปลก ๆ
กับคำชมของชานยอล แต่เขาก็ยิ้มให้ แต่ชานยอลก็หุบยิ้มลงทันที
ก่อนจะเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงเรียบๆ
“เมื่อคืนคุณหลับสบายนะ”
“ก็ดีครับ แต่ผมตื่นมาแล้วตกใจว่าที่นี่ที่ไหน
แล้วทำไมเสื้อผ้าของผมเมื่อคืนหายไปแล้วเงินในกระเป๋าก็หมดเกลี้ยงเลย” ลู่หานบอกพร้อมกับท่าทางที่ดูแปลกใจกับสิ่งรอบตัว
ชานยอลมองลู่หานนิ่ง ๆ
“คุณคงตกใจมากสินะ
ที่คนเคยดังอย่างคุณต้องมานอนข้างถังขยะแบบนั้น
ไม่เป็นไรเดี๋ยวเพื่อนร่วมบ้านผมเขาจะทำอาหารเช้าให้นะครับ เดี๋ยวคุณคุยกับเขาไปก่อน
ผมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวล่ะ” ชานยอลบอกแล้วตบบ่าลู่หานก่อนไป
ลู่หานมองตามชานยอลไป
ก่อนจะเดินมาหาอี้ฟานที่กำลังต้มโจ๊กสำเร็จรูปให้ลู่หานกิน อี้ฟานยิ้มให้ลู่หาน
ก่อนจะยกชามโจ๊กมาให้ที่โต๊ะ
“กินซะล่ะ” ภาษาจีนที่คุ้นเคยทำให้ลู่หานมองหน้าอี้ฟานอย่างแปลกใจ
เขาไม่ได้ยินภาษาจีนมานานแค่ไหนแล้วนะ
“โอ๊ะ! คุณพูดจีนได้หรอ” ลู่หานถาม
“ผมเป็นคนจีนนี่ครับ ผมก็พูดได้สิ” อี้ฟานบอกด้วยใบหน้านิ่ง
ๆ
“ดีใจมากเลยอ่ะ ที่ได้เจอคนจีน ผมเจอคนจีนที่นี่ไม่เท่าไหร่
ได้รู้จักคุณมาอีกคน ดีใจมากเลย คุณชื่ออะไรหรอ”
“อู๋ อี้ฟาน เป็นนักดนตรีอิสระน่ะ”
“จริงดิ ผมลู่หานนะ เป็น.. เออ...ช่างเถอะ คุณเพิ่งมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ใช่ ผมเพิ่งมาอยู่ที่นี่เมื่อวาน
มาหาแรงบันดาลใจน่ะ คงอยู่ไม่เกินหนึ่งปี ก็จะไปที่อื่นล่ะ”
อี้ฟานบอกก่อนจะเริ่มทำอาหารอย่างอื่นสำหรับมื้อเข้าของเพื่อนร่วมบ้านด้วย
“อ๋อ... ดีนะ เที่ยวหาแรงบันดาลใจ แล้วก็จัดคอนเสิร์ตใช่ไหม”
“ก็คงประมาณนั้น ผมมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”
อี้ฟานบอก
ลู่หานพยักหน้า เขาอิจฉาเล็ก ๆ
ที่อี้ฟานได้ทำในสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุข แต่ลู่หาน
เขาทำในสิ่งที่เขาคิดว่ามันคือความสุขของเขา ทั้งที่จริง ๆ
ในชีวิตนี้เขาแทบจะไม่มีความสุขกับชีวิตนักแสดงของเขาเลย
“พี่อี้ฟานทำไรอ่ะ” ชานยอลถาม
เมื่อเขาจัดการธุระส่วนตัวของเขาเสร็จแล้ว
“ห๊าว...” เสียงหาวที่ตามมาทีหลัง
ลู่หานคิดว่าคงเป็นเสียงของอีกคนที่บอกเขาว่าพาเขาเข้ามาบ้าน
“ผัดบล็อกโคลี่หรอ น่ากินจัง” มินซอกนั่งลงข้าง ๆ
ลู่หานก่อนจะหยิบบล็อกโคลี่กิน แล้วลุกไปตักข้าว
“ข้าวเพิ่งหุงเองครับ
เอาผัดบล็อกโคลี่ไปดูก่อนนะครับ” อี้ฟานบอกแล้วหันไปทำอาหารต่อ
มินซอกเบ้ปากก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบแกลอนนมสดกับซีเรียลมากินรองท้องก่อน
ชานยอลเดินมาแย่งแกลอนนมสดจากมินซอกไปก่อนแล้วเทใส่แก้วตัวเอง มินซอกตีแขนชานยอลอย่างโมโหเล็ก
ๆ ก่อนจะแย่งแกลอนนมสดกลับ ลู่หานมองการกระทำของทุกคนแล้วแอบยิ้ม
พวกเขาทำไมดูมีความสุขกันจัง
“คุณรีบ ๆ กินแล้วก็รีบ ๆ ออกไปซะล่ะ รีบไปแจ้งความซะก่อนที่คนร้ายจะลอยนวล”
มินซอกบอกเมื่อเขาเดินมานั่งข้าง ๆ ลู่หาน มินซอกเห็นลู่หานนั่งเขี่ยโจ๊กไม่ยอมกินให้หมดสักที
“ช่างมันเถอะ ผมมันโง่เองล่ะ
ยังไงก็ขอบคุณพวกคุณทุกคนนะครับที่ช่วยผม ไว้ผมกลับไปแล้วจะรีบหาของมาตอบแทนนะครับ”
ลู่หานบอก
“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมายุ่งอะไรกันอีกจะดีกว่านะ”
มินซอกบอกอย่างไม่ใส่ใจ ลู่หานมองหน้าแล้วรู้สึกหงุดหงิดกับผู้ชายคนนี้จริง ๆ
“คุณพูดแบบนี้ผมรู้สึกเสียใจนะครับ” ลู่หานบอก
มุมปากของเขากระตุกนิด ๆ
“เสียใจหรอ? คุณจะเสียใจทำไม
พวกเราช่วยคุณโดยไม่ได้หวังผลอะไร เพราะฉะนั้น จบ ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน
โอเคป่ะ” มินซอกหันมายิ้มให้แล้วนั่งกินซีเรียลข้าง ๆ ลู่หานต่อ ลู่หานรู้สึกว่าคำพูดของคนในบ้านนี้แต่ละคนมันช่างดูถากถางยังไงไม่รู้
ได้ฟังแล้วเหมือนของขึ้น
“คุณพูดแบบนี้กับคนที่คุณช่วยทุกคนหรอ” ลู่หานหันหน้าไปถามคนข้าง
ๆ
“ก็แล้วแต่บางคนนะ อย่างคุณเนี่ย ผมแค่รู้สึกว่า
คุณเป็นพวกเข้าใจยาก ผมเลยไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่”
น้ำเสียงที่เหมือนไม่เป็นมิตรของคนข้าง ๆ ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น
“ถ้าผมเข้าใจยาก คุณไม่เข้าใจยากกว่าอีกหรอ”
ลู่หานตอบกลับ มินซอกรู้สึกเหมือนเริ่มเปิดศึกยังไงไม่รู้ เขาวางช้อนลง
ก่อนจะหันมามองหน้าลู่หานเต็ม ๆ
“งานเข้าแน่ ๆ อาจเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้ ถ้าพี่มินซอกยกส้อมขึ้นมาจ้วกลู่หานนะ”
ชานยอลบ่นออกมาเมื่อเขาได้ยินบทสนทนาอันดุเดือดที่เริ่มขึ้น อี้ฟานที่ได้ยินชานยอลบ่นเลยละความสนใจเรื่องในครัวแล้วสนใจสองคนนั้นบ้าง
“ผมคิดว่าผมพูดอะไรชัดเจนไปแล้วนะ” มินซอกบอก
“ผมไม่เข้าใจ ว่าคุณพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ยังไง”
“สงสัยคุณจะเข้าใจยากจริงๆ
ผมว่าไม่จำเป็นที่เราต้องรู้จักกัน เพราะยังไงเราก็คงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”
“อ๋อ.. นี่ถ้าผมเกี่ยวข้องกับคุณ คุณก็จะยอมพูดดี
ๆ กับผมใช่ไหม”
“ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมพูดกับคุณไม่ดีตรงไหน”
“ตรงที่คุณพูดเหมือนกับว่า
หวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก ตลอดไป... อย่างนี้ คุณคิดว่าคนที่ฟังเขาจะรู้สึกยังไงล่ะ”
“แล้วทำไมผมต้องแคร์ ในเมื่อคุณกับผม
เราไม่รู้จักกัน และผมก็คิดว่า คุณคงจะไม่ป่วยแล้วมาหาผมที่โรงพยาบาลแน่ ๆ
แล้วอีกอย่างโรงพยาบาลที่เกาหลีก็มีตั้งกี่แห่ง เพราะฉะนั้นการที่เราจะเจอกันอีกครั้งคงเป็นไปได้ยาก
แล้วอย่างนี้เราจะเชื่อมความสัมพันธ์กันไปทำไมล่ะครับ”
สิ้นเสียงมินซอก
ลู่หานรู้สึกว่าเขาต้องเอาชนะมินซอกให้ได้ เขาไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับมินซอกหรอกนะ
แต่คนตรงหน้าทำตัวได้น่าหมั่นไส้เหลือเกิน หลังจากจ้องหน้ากันอยู่นาน
ลู่หานเลยลุกขึ้นยืน
“โอเค หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ และขอบคุณที่ไม่รับสิ่งตอบแทนจากผม
เสื้อผ้าผมอยู่ไหนหรอครับ” ลู่หานหันไปถามชานยอล ชานยอลที่ยืนนิ่งอยู่กับอี้ฟานก็ชี้ไปที่บ้านหมาของเจ้าไค
ลู่หานเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเขาที่วางไว้บนหลังคาบ้านเจ้าไค
ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ แล้วเอาเสื้อผ้ามาคืน
“เราคงไม่มีอะไรติดค้างกันนะครับ งั้นผมลาล่ะ
สวัสดีครับ” ลู่หานโค้งหัวให้ทุกคนเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป
มินซอกตักซีเรียลเข้าปากอย่างอารมณ์เสีย
เขาแค่พูดออกไปตรง ๆ แล้วมันผิดตรงไหน ใช่มันผิดที่ผู้ชายคนนั้นทำประชดเขา
เขารู้ว่าที่ผู้ชายคนนั้นทำและพูดออกมาก็ประชดเขาที่บอกว่า เราจบกันแค่นี้
เราไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก
ชานยอลกับอี้ฟานตัดข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จมาให้มินซอก
มินซอกยังคงถือช้อนและตักซีเรียลเข้าปากอย่างไม่สนใจ จนชานยอลต้องสะกิด
“พี่...”
“อะไร!!”
“ข้าวสุกแล้ว กินข้าวก็ได้นะ” ชานยอลบอก
“ไม่กินมันแล้ว หงุดหงิด!” พูดจบมินซอกก็เดินไปหยิบกระเป๋าแล้วออกจากบ้านไปทันที
“เขาเป็นคนแบบนี้หรอ” อี้ฟานถามชานยอล
“ใช่ พี่ก็... ทำใจหน่อยนะ เขาค่อนข้างนิสัย..เหมือนผู้หญิงน่ะ
แถมเป็นวัยทองด้วย” ชานยอลบอกใบหน้านิ่ง ๆ
อี้ฟานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขาก็ไม่ค่อยชอบนิสัยที่ดูจะขี้หงุดหงิดและพูดตรงของมินซอกเท่าไหร่เหมือนกัน
อี้ฟานคิดว่า เขาคงต้องหาวิธีรับมือกับมินซอกเอาไว้บ้างแล้วล่ะ
.
.
ลู่หานโทรหาจงอินทันทีที่ออกมาจากบ้านหลังนั้น
เขาเดินออกมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าปากซอย ก่อนจะเดินเข้าร้านกาแฟหน้าปากซอยหาอะไรกินแก้หิว
ซึ่งแค่โจ๊กที่ได้กินไปนั้น ยังไม่ถึงครึ่งท้องของเขาเลย
แต่เขาก็ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของผู้ชายคนนั้นที่ยอมช่วยให้เขาไม่ต้องตายอยู่ข้างถังขยะ
“ไอ้ถ่าน มึงมารับกูหน่อยดิ”
“(อ้าว มึงอยู่ไหนอ่ะ นี่กูเพิ่งเข้าออฟฟิศ)”
“กูอยู่... ไหนว่ะ” ลู่หานมองหาป้ายบอกทางที่พอจะเป็นประโยชน์ให้เขาได้บ้างเพื่อบอกจงอิน
ใช่ว่าเขาอยู่เกาหลีมาหลายปีแล้วจะจำทางได้
เขายังต้องอยู่อีกนานกว่าจะจำทางทั้งหมดให้กรุงโซลได้
“(ไม่เป็นไร เปิดจีพีเอสไว้เดี๋ยวกูตามหามึงเอง
แล้วไปทำอะไรแถวนั้นวะ ถึงกับจำทางกลับบ้านไม่ได้อ่ะ)”
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวเจอกันกูจะเล่าให้ฟัง
กูอยู่ร้านกาแฟนะ มึงเอาเงินมาจ่ายค่ากาแฟให้กูด้วยล่ะ”
“(ได้... นี่... กูเจอมึงแล้ว งั้นเดี๋ยวไปรับล่ะ)”
“อืม”
พูดจบลู่หานก็กดวางสายไป
ก่อนจะนั่งจิบกาแฟรอจงอินมารับ ความคิดต่าง ๆ พลันไหลเข้ามาในสมองอย่างต่อเนื่อง
ลู่หานได้เจอกับความคิดของตัวเองที่ว่า บางที เขาควรจะกลับประเทศจีนได้แล้ว
“คิดถึงที่นั่นจัง นี่เราควรจะกลับจีนได้แล้วสินะ”
TBC…
ไรท์ทอล์ค : เป็นยังไงบ้างล่ะ ตอนแรก
ลู่หมินฉะกันซะแล้ว มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ลู่หานรู้สึกว่า
ทำไมต้องพูดอะไรตรงขนาดนั้นแถมพูดแบบไม่แคร์ขนาดนี้
มินซอกก็แค่หาอะไรมาเป็นเกราะให้ตัวเองเท่านั้น เดี๋ยวอ่านต่อไปแล้วกันคะ
วันนี้มากับบทสัมภาษณ์ของพี่ลู่หานที่ทำเอาใครหลายคนถึงกับอึ้งเลย
ไรท์เองก็อึ้งคะ ใช้เวลาเข้าใจประมาณสามชั่วโมง ชีวิตของเขาเขาเลือกเองได้คะ
แฟนคลับอย่างเราก็เลือกได้คะว่าจะสนับสนุนต่อไปหรือปล่อยมือเขาไป ไรท์รู้สึกว่า
ในเมื่อเขาเลือกแล้ว เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เพลงมา
ให้เธอได้กับเขาและจงโชคดี 555555 ไม่ใช่ล่ะ ไรท์ก็ยังซัพพอร์ตพี่ลู่ต่อไปนะ
มินซอกของเราด้วย ได้ข่าวว่าเรียนป.โท อยู่ ไรท์ปลื้มคะ มินซอกรักเรียนเหมือนกัน
ยังไงก็รักศิลปินอย่างพอดีนะ พอดีไรท์เห็นหลายคนฟูมฟาย เอาล่ะคะ เหมือนเดิม
สนุกไหม สนุกก็เม้นบอกกันด้วย ติชมได้ ยินดีปรับปรุงคะ อยากเม้าท์ อยากบอกต่อ
ติดแท็กในทวิตเลย #ficlovegray
ทอล์ค 2 : เรารีไรท์ให้รีดเดอร์อ่านนิดหน่อย
พอดีว่าเรากำลังปรับเนื้อเรื่องให้มันมีเส้นโครงเรื่องมากกว่านี้
เดิมทีเราวางพล๊อตไว้ แต่บางครั้งก็แต่งออกมาไม่ค่อยจะเข้าพล๊อตเท่าไหร่
เรากำลังปรับปรุงนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอีกครั้งนะ
ความคิดเห็น