ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ใกล้ใจ special [In Christmas Day]
ใกล้ใจ special  [In Christmas Day]
      เมอร์รี่ คริสต์มาส ครับ  ทุกคน  ........ 
ถ้าคุณๆคิดว่า วันนี้ผมจะมีความสุขที่สุด  ขอบอกว่าคุณคิดผิดถนัดเลยล่ะครับ   
เพราะตอนนี้ ผมกำลังง่วนอยู่กับการเป็นพนักงานเก็บลูกเบสบอล
สำหรับเกมปากระป๋อง ซึ่งป็นซุ้มของห้องผม
หลังจากที่เมื่อวานก็หัวปั่นเพราะวุ่นวายอยู่กับชุดการแสดงของห้องตัวเองเนี่ยล่ะ
...ช่างเป็นคริสต์มาสที่แสนโหดร้ายเสียจริง
ผู้ปกครอง และคนทั้งบ้านใกล้ บ้านไกลโรงเรียน  เริ่มทยอยเข้างานแล้วล่ะครับ
คืนนี้เป็นคืนที่สอง  ของการเฉลิมฉลองค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์  โรงเรียนผมก็จัดงานแบบใหญ่โตมาทุกปี
ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ดี    งานรื่นเริงเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด
แต่ที่ไม่ชอบก็ตรงที่  เด็กม.ปลายต้องคิดการแสดง  และออกร้าน หรือไม่ก็ทำเกมเองนี่แหละ
...เหนื่อยสุดๆไปเลย        แถมยังไม่มีเวลาเดินเที่ยวงานอีกต่างหาก
จริงอยู่ครับ ที่ในห้องมีตั้งหลายชีวิต  แต่เนื่องจากผมเป็นรองหัวหน้าห้อง ก็เลยต้องเหนื่อยกว่าเพื่อนน่ะสิ
ส่วนเบส    ทั้งที่เป็นหัวหน้าห้อง แต่ก็ต้องไปทำงานของคณะกรรมการอยู่แถวเวที 
จนกว่าจะงานเลิกนู่นแหละ
พอนึกถึงเบส หัวใจก็เต้นแปลกๆขึ้นมาอีกแล้ว    ทั้งๆที่ผมคบกับเบสมา 2 เดือนกว่าแล้วนะเนี่ย
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไปชอบกันได้    ก็ผู้ชายเหมือนกันทั้งคู่ 
แต่ที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าก็ตรงที่  หลังจากวันนั้นที่เบสบอกรักผม  ...เอ่อ..และผมก็บอกรักเบสด้วยนั่นแหละ
  พอเปิดเทอมมาไอเพื่อน 2 ตัวนั่นก็ไม่เห็นแปลกใจเลยซักนิด เมื่อเบสบอกมันสองคนว่า คบกับผมแล้ว   
แถมไอวิทย์ยังมีการมาบอกว่า  “ช้าเป็นบ้าเลย”  อีกแน่ะ
นี่มันเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดากันรึไงนะ    ผมสิ  กลุ้มใจแทบตาย    กลัวคนรอบข้างไม่ยอมรับ
แต่ไปๆ มาๆ แม่ผมนี่แหละ  ที่เป็นคนแรกที่รู้ความสัมพันธ์ของผมและเบส โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากบอก
และจัดการฝากฝังผมกับเบส  อย่างกับว่าจะส่งผมไปอยู่บ้านนั้นซะอย่างงั้นแหละ
แม่เบสก็เหลือเกิน  นี่ไม่รู้สึกเสียใจกันบ้างรึไงนะ  ที่มีลูกเป็นเกย์น่ะ?
สงสัยวันแม่ปีหน้า  ผมคงต้องลองส่งชื่อแม่ทิพย์ กับน้านิตย์ เป็นคุณแม่ตัวอย่างซะแล้วมั๊ง
“...พี่ครับๆ  ปาบอลตานึง”
ผมนึกอะไรเพลินไปหน่อย    พอดีเริ่มมีเด็กจะมาเล่นปาบอลแล้ว
ตอนนี้ผมก็เลยต้องขอตัวไปทำงานก่อนล่ะครับ 
..
โอ้ย! เบื่อๆๆ เหนื่อยๆๆๆเว้ยยยย +++
ไอกรกะไอวิทย์ไปไหนวะ ?  ไหนบอกว่าจะมาช่วยกันมั่งไง
ตอนนี้ก็มีพวกที่ห้องช่วยกัน 7   8  คน  ช่วยกันเก็บลูกมั่ง เก็บตังค์มั่ง 
ส่วนผมทำแผนก ตั้งกระป๋อง      แบบที่ต้องตั้งเป็นสามเหลี่ยมให้คนปาน่ะครับ
ถ้าปาหล่นหมด ก็จะได้คูปอง ไปจับรางวัลที่ซุ้มแลกของรางวัลอีกที
ตอนนี้กิจการกำลังไปได้สวย  แต่คนจัดการน่ะ ซวยครับ เหนื่อยชิบ .....
ยิ่งได้ยินเสียงกระป๋องพวกนี้ หล่นมากๆแล้วก็หนวกหู  เกมนี้ใครคิดวะ?
“น้องๆ  พี่ปากระป๋องหล่นหมดแล้วอ่ะ  ขอคูปองด้วยสิ”
ผมที่กำลังทำหน้ายุ่งๆอยู่  ก็ต้องปรับเป็นยิ้มแห่งการค้าทันที  ไม่ได้ๆครับ เหตุผลต้องอยู่เหนืออารมณ์ 
คำพูดนี้ เบสเป็นคนสอนผมเอง
ผมยื่นคูปองให้ไอคุณพี่ที่หน้าเหมือนวินัย  ไกรบุตร หยั่งกับแกะ  รปภ.ให้ผ่านเข้ามาได้ไงวะเนี่ย?
“แล้วไม่แถมคนตั้งกระป๋องด้วยเหรอจ๊ะ?”
โห...หน้าเถื่อนแล้วยังจะโรคจิตอีกนะลุง    มีการหลอกจับมือตอนผมยื่นคูปองให้ด้วยวุ้ย
มุกเก่าจริงๆ  แถมผมก็ไม่ได้เป็นเกย์นะพี่....เอ่อ  ยกเว้นแต่กับเบสก็ได้ 
“นี่ ลุงๆ มายุ่งอะไรกับแฟนผมอ่ะ?” 
เบสที่เข้ามาในซุ้มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้    จู่ๆก็โผล่มา ทำเอาผมสะดุ้ง 
เอาคางมาเกยไหล่ผม  แล้วยังจะมาจับเอวเค้าอีก  ไม่อายชาวบ้านชาวช่องมั่งรึไงเนี่ย?
แถมหน้าตาเบสตอนถามพี่วินัย  เอ๊ย...พี่หน้าหนวด  นั่นยังกวนโอ๊ยซะจนผมเองยังอยากเตะ
มันไม่กลัวเค้าแทงไส้ไหลรึไงวะ ?  หน้าตาพี่แกยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ด้วย
ผมส่งสายตาดุๆ ไปที่เบส  ไม่ใช่เพราะกลบเกลื่อนความอายที่เบสเรียกผมว่าแฟนอย่างหน้าตาเฉยหรอกนะ
เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา  การกระทำต่างๆของเบส ทำให้ผมหลุดจากคำว่าอาย มาซะไกลโข
แต่เป็นห่วงมันมากกว่า  กลัวจะไม่มีใครมาช่วยยกศพ เพราะอยากกระทืบซ้ำเนี่ยแหละ
แต่ก็ค่อยยังชั่ว ที่พี่คนนั้นไม่ได้ชักมีดที่ผมคิดไปเองว่าพี่แกต้องพกมาแน่ๆ จากทางด้านหลัง
.........ตรงกันข้าม  พี่แกกลับยิ้ม  พร้อมกับบ่นพึมพำ ว่าแค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นหวง อะไรเนี่ยแหละ
หลังจากนั้น พี่หนวดแกก็เดินกอดคอไปกับพี่ผู้ชายตัวขาวๆ ผอมๆ
ที่สงสัยจะผอมไปจนผมไม่ทันสังเกตว่าพี่แกมานั่งรออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่   
และผมก็สงสัยอยู่ในใจว่า  ไอพี่ 2 คนนี้มันคบกันได้ไงวะ?... คนละอิมเมจกันเล้ย   
ผมยิ้มด้วยความโล่งใจสุดๆ ที่ไม่เกิดเหตุการณ์ระทึกอะไรขึ้น   
แต่ตอนนี้ท่าจะเป็นคราวที่เบสจะส่งสายตาดุๆมาที่ผมมั่ง
“ทำไมต้องไปยิ้มให้เค้าด้วยน่ะ”
เอ๊า... จะให้ทำหน้ากวนตีนเหมือนนาย  ลูกค้าก็หนีหมดสิวะ
“ก็  ยิ้มเพื่อการค้าไง    อีกอย่าง เบสก็บอกเราเองว่า  เหตุผลต้องอยู่เหนืออารมณ์นี่นา”
ผมได้ยินเบสถอนหายใจเฮือกนึง  ก่อนออกคำสั่งเอาแต่ใจอีกแล้ว
“ไม่รู้แหละ  แต่ต่อไปนี้ ห้ามยิ้มให้กับคนแปลกหน้าอีก”
“งั้น เดี๋ยวถ้าเราเจอพี่คนนั้นอีก ก็ยิ้มให้ได้แล้วสิ  ก็เจอกันมาแล้วนี่ ไม่แปลกหน้าแล้ว”
“ปั๊ม!”
ที่ผมพูดก็พูดไปอย่างงั้นแหละครับ  แกล้งเบสสนุกดี  แต่ถ้าเวลาเบสโกรธขึ้นมาก็ไม่สนุกเลยนะครับ
เบสเป็นคนโกรธง่ายมาก  แล้วยังงี่เง่าสุดๆ
ขนาดไอกร ไอวิทย์ ที่เปลี่ยนเสื้อผ้า หรืออาบน้ำห้องเดียวกันมาก็ออกบ่อย
เดี๋ยวนี้ไม่ได้เลยครับ  แค่ถูกตัวกันนานหน่อยไอเบสก็แยกเขี้ยวแล้ว    อะไรของมันก็ไม่รู้
“ปั๊ม  ไปเที่ยวงานกัน” 
เบสพูดแค่นั้น แล้วก็ฉุดมือผมออกไปจากซุ้มเลย  เอาแต่ใจอีกแล้วนะ
“เดี๋ยวๆๆ! เบส แล้วซุ้มห้องล่ะ?”
“ก็มีคนอยู่ตั้งหลายคนไม่ใช่เรอะ   
อีกอย่าง เราก็โทรเรียกไอคุณเพื่อนรัก 2 ตัว ที่แอบแว๊บไปเที่ยวตั้งแต่งานเริ่ม กลับมาปฏิบัติหน้าที่แล้วล่ะ”
ผมพยักหน้าว่าเข้าใจไปทีนึง  แต่ก็นึกขึ้นมาได้
“เออ..แล้วนี่ งานคณะกรรมการเสร็จแล้วเหรอ?”
“ยังหรอก  แต่ฝากพี่ๆที่ว่างๆ  ช่วยดูให้แล้วล่ะ”
“คนไม่มีความรับผิดชอบ”
ผมแกล้งแหย่เบสอีก      ปกติออกจะจริงจังกับงานที่ได้รับมอบหมายจะตาย  ทีงี้ล่ะมาโดด
“มาหาว่าเราไม่รับผิดชอบได้ไง .... ก็กำลังรับผิดชอบ ต่อหัวใจตัวเองอยู่นี่ไงล่ะ”
แน่ะ พูดจาชวนอ้วกอีกแล้ว  แต่เบสจะรู้มั๊ยนะ ว่าสายตาที่ส่งผ่านออกมาน่ะ
แทบจะทำให้ผมสำลักความสุขตายอยู่แล้ว   
และผมเกือบไม่รู้ตัวเลยว่า  มือตัวเองถูกบุคคลข้างๆนี่นำไปกุมอยู่   
ผมพยายามจะดึงมือของตัวเองออกจากมืออันอบอุ่นนั้น ด้วยความเสียดาย
เนื่องจากทางที่เรากำลังเดินอยู่นี้  ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน  กลัวคนอื่นเห็นแล้วจะมองไม่ดี
แต่เบสเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไร  จากที่กุมอยู่หลวมๆ กลับแทรกมือมาประสานกับมือผม
อีกทั้งยังกระชับไว้แน่น    แล้วหันมาส่งสายตาแห่งความสุขใส่ผมอีกแล้ว
“ปั๊มไม่ต้องกลัว ว่าใครจะคิดยังไงนะ    เราไม่ได้ทำอะไรผิด   
แล้วเราก็อยากให้คนอื่นรู้ด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน”
ผมมองหน้าเบสเป็นเชิงคำถาม  จะอยากให้ชาวบ้านเค้ารู้ไปทำไมล่ะ?
เบสก็เหมือนจะเข้าใจ  เลยพูดต่อ
“ก็เราเป็นคนขี้หึงมากกกก  ก็เลยอยากให้เค้ารู้ จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับปั๊มอีก”
“โห....เอาแต่ใจชะมัด  ทีตัวเองสาวๆตอมกันหึ่ง  ไม่เห็นจะทำอะไรเลย”
ผมพูดไปอย่างนั้น  แต่ในใจกลับลิงโลดจากคำว่า หึง ของเบส ..นี่ผมโรคจิตรึไงนะ ที่อยากให้เบสหึงน่ะ
แต่เบสมันก็ยิ้มแฮะ  เมื่อกี๊ผมว่า ผมก็ไม่ได้หลุดอะไรไปนะ
“พูดอย่างนี้แสดงว่า  ปั๊มก็หึงเราเหมือนกันใช่มะ ”
  เหอะ .... ผมหันหน้าไปอีกทาง ด้วยความหมั่นไส้ที่ถูกรู้ทัน(?) 
พลันสายตาก็ไปสะดุดที่ซุ้มปาลูกโป่งของพี่ม.6 ห้อง3 เข้าจนได้   
ความอยากเล่นใจจะขาดของผมคงฉายออกมาทางแววตามากไปหน่อย
เบสจึงลากผมเข้าซุ้มไปโดยไม่ต้องคิด
.................................................
.....................................
ผมปามา สามสี่ตา แล้วก็ยังได้แค่แก้วน้ำ  หรือตะกร้าอยู่ดี ฝีมือห่วยชะมัด
“ฝีมือห่วยชะมัด” 
อ๊ากกก ! มาตอกย้ำทำม้ายยย++++  แถมยังเป็นคำเดียวกับที่ผมคิดเด๊ะ
ความเจ็บใจ มีมากกว่าเหตุผลในการยอมรับความจริงของฝีมือตัวเอง
ผมเลยกระโดดบีบคอเบสด้วยความหมั่นไส้ซะเลย   
แต่เบสกลับหัวเราะชอบใจ ที่ผมกระโดดเกาะคอซะงั้น  .... อะไรของมันวะ?
“เอ่อ.. คือว่า น้องเบส น้องปั๊มจ๊ะ  ตกลงจะปาอีกตามั๊ยจ๊ะ  พี่เสื้อเหลืองเค้ามารออยู่นานแล้วน่ะ
สงสัยคงกลัวจะขัดความสุขน้องน่ะจ่ะ ”
ผมเหลือบไปเห็นพี่เสื้อเหลืองหน้าตาใจดีๆ อยู่ข้างหลังจริงๆด้วย จึงได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป
แต่ในใจกลับคิดว่า  คนกระโดดบีบคอ กับคนถูกบีบคอนี่มันมีความสุขตรงไหน?
ผมกำลังจะพาตัวเอง และลากเบสออกมาจากซุ้มนั้นแล้ว เพราะคิดว่า ถ้าขืนเล่นต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
นอกจากแก้วและตะกร้า ที่ผมถือพะรุงพะรังอยู่นี่  ปาจนหมดตัวก็คงไม่ได้ของชิ้นใหญ่กว่านี้หรอก
แต่เบสก็ขืนแรงลากอันน้อยนิด ถ้าเทียบกับการลากเบสไว้    แล้วบอกผมว่าจะขอเล่นมั่ง
.
.
.
แทบไม่น่าเชื่อว่า  เบสเล่นแค่ตาเดียวก็ได้ตุ๊กตามาแล้วอ่ะ
เป็นตุ๊กตาหมี ขนสีแดง ที่สวยมากเลยล่ะครับ .... นี่ผมไม่ได้เปลี่ยนรสนิยมนะ
แต่แค่มองในมุมของผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้น
หลังจากเดินมาหามุมสงบ  ก็ได้ที่นั่งใต้พวงคริสต์มาสที่มีประดับอยู่บ้าง
บริเวณรอบๆโบสถ์ของโรงเรียน    เบสก็กลับยื่นตุ๊กตาให้ผม  แล้วบอกให้เก็บไว้ดีๆอีก
“มันของๆเบสอ่ะ  เบสก็เอาไปสิ”
“เราอยากให้ปั๊มนะ  ให้ปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึก  สำหรับวันนี้ ...คริสต์มาสปีแรกที่เรามีความสุขที่สุด”
ผมอยากจะบอกว่า ผมก็มีความสุขเหมือนกัน  แต่ก็กำลังซาบซึ้งซะจนพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่ก้มหน้าแล้วกอดตุ๊กตาเอาไว้    ตอนนี้แหละ ที่เพิ่งจะเห็นว่า ที่ริบบิ้นสีเงินของตุ๊กตาหมี 
ทางด้านหลังเขียนไว้ว่า
~  สำหรับปั๊ม  และคริสต์มาสของเรา.......
                                                                  ....รัก ...... จากเบส  ~ 
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเบส    ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ    และเบสก็มองตอบผมมาด้วยสายตาหวาน
เช่นกัน    ใบหน้าของเบสก้มลงมาหาผมเรื่อยๆ  จนในที่สุด ริมฝีปากของเราก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา 
แต่เน้นย้ำอย่างหนักแน่น  เช่นเดียวกับความรู้สึกของเราสองคน
เป็นจูบอันแสนหวาน  ภายใต้พวงคริสต์มาส  และค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์  ที่ผมจะไม่มีวันลืม
                  -END - ..In Christmas day .
++แถมท้ายๆ++
“นี่ ปั๊มความหมายของการจูบใต้พวงคริสต์มาสรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ”
“ตำนานเค้าว่ากันว่า ถ้าจูบใต้พวงคริสต์มาสกับคนรัก ในคืนวันที่ 25 ธันวา ล่ะก็
ความรักจะเป็นนิรันดร์ ล่ะ”
“โห...เบสเชื่อตำนานอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
“ไม่เชื่อหรอก  แต่เชื่อในความรักของเราต่างหากล่ะ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      เมอร์รี่ คริสต์มาส ครับ  ทุกคน  ........ 
ถ้าคุณๆคิดว่า วันนี้ผมจะมีความสุขที่สุด  ขอบอกว่าคุณคิดผิดถนัดเลยล่ะครับ   
เพราะตอนนี้ ผมกำลังง่วนอยู่กับการเป็นพนักงานเก็บลูกเบสบอล
สำหรับเกมปากระป๋อง ซึ่งป็นซุ้มของห้องผม
หลังจากที่เมื่อวานก็หัวปั่นเพราะวุ่นวายอยู่กับชุดการแสดงของห้องตัวเองเนี่ยล่ะ
...ช่างเป็นคริสต์มาสที่แสนโหดร้ายเสียจริง
ผู้ปกครอง และคนทั้งบ้านใกล้ บ้านไกลโรงเรียน  เริ่มทยอยเข้างานแล้วล่ะครับ
คืนนี้เป็นคืนที่สอง  ของการเฉลิมฉลองค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์  โรงเรียนผมก็จัดงานแบบใหญ่โตมาทุกปี
ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ดี    งานรื่นเริงเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด
แต่ที่ไม่ชอบก็ตรงที่  เด็กม.ปลายต้องคิดการแสดง  และออกร้าน หรือไม่ก็ทำเกมเองนี่แหละ
...เหนื่อยสุดๆไปเลย        แถมยังไม่มีเวลาเดินเที่ยวงานอีกต่างหาก
จริงอยู่ครับ ที่ในห้องมีตั้งหลายชีวิต  แต่เนื่องจากผมเป็นรองหัวหน้าห้อง ก็เลยต้องเหนื่อยกว่าเพื่อนน่ะสิ
ส่วนเบส    ทั้งที่เป็นหัวหน้าห้อง แต่ก็ต้องไปทำงานของคณะกรรมการอยู่แถวเวที 
จนกว่าจะงานเลิกนู่นแหละ
พอนึกถึงเบส หัวใจก็เต้นแปลกๆขึ้นมาอีกแล้ว    ทั้งๆที่ผมคบกับเบสมา 2 เดือนกว่าแล้วนะเนี่ย
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไปชอบกันได้    ก็ผู้ชายเหมือนกันทั้งคู่ 
แต่ที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าก็ตรงที่  หลังจากวันนั้นที่เบสบอกรักผม  ...เอ่อ..และผมก็บอกรักเบสด้วยนั่นแหละ
  พอเปิดเทอมมาไอเพื่อน 2 ตัวนั่นก็ไม่เห็นแปลกใจเลยซักนิด เมื่อเบสบอกมันสองคนว่า คบกับผมแล้ว   
แถมไอวิทย์ยังมีการมาบอกว่า  “ช้าเป็นบ้าเลย”  อีกแน่ะ
นี่มันเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดากันรึไงนะ    ผมสิ  กลุ้มใจแทบตาย    กลัวคนรอบข้างไม่ยอมรับ
แต่ไปๆ มาๆ แม่ผมนี่แหละ  ที่เป็นคนแรกที่รู้ความสัมพันธ์ของผมและเบส โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากบอก
และจัดการฝากฝังผมกับเบส  อย่างกับว่าจะส่งผมไปอยู่บ้านนั้นซะอย่างงั้นแหละ
แม่เบสก็เหลือเกิน  นี่ไม่รู้สึกเสียใจกันบ้างรึไงนะ  ที่มีลูกเป็นเกย์น่ะ?
สงสัยวันแม่ปีหน้า  ผมคงต้องลองส่งชื่อแม่ทิพย์ กับน้านิตย์ เป็นคุณแม่ตัวอย่างซะแล้วมั๊ง
“...พี่ครับๆ  ปาบอลตานึง”
ผมนึกอะไรเพลินไปหน่อย    พอดีเริ่มมีเด็กจะมาเล่นปาบอลแล้ว
ตอนนี้ผมก็เลยต้องขอตัวไปทำงานก่อนล่ะครับ 
..
โอ้ย! เบื่อๆๆ เหนื่อยๆๆๆเว้ยยยย +++
ไอกรกะไอวิทย์ไปไหนวะ ?  ไหนบอกว่าจะมาช่วยกันมั่งไง
ตอนนี้ก็มีพวกที่ห้องช่วยกัน 7   8  คน  ช่วยกันเก็บลูกมั่ง เก็บตังค์มั่ง 
ส่วนผมทำแผนก ตั้งกระป๋อง      แบบที่ต้องตั้งเป็นสามเหลี่ยมให้คนปาน่ะครับ
ถ้าปาหล่นหมด ก็จะได้คูปอง ไปจับรางวัลที่ซุ้มแลกของรางวัลอีกที
ตอนนี้กิจการกำลังไปได้สวย  แต่คนจัดการน่ะ ซวยครับ เหนื่อยชิบ .....
ยิ่งได้ยินเสียงกระป๋องพวกนี้ หล่นมากๆแล้วก็หนวกหู  เกมนี้ใครคิดวะ?
“น้องๆ  พี่ปากระป๋องหล่นหมดแล้วอ่ะ  ขอคูปองด้วยสิ”
ผมที่กำลังทำหน้ายุ่งๆอยู่  ก็ต้องปรับเป็นยิ้มแห่งการค้าทันที  ไม่ได้ๆครับ เหตุผลต้องอยู่เหนืออารมณ์ 
คำพูดนี้ เบสเป็นคนสอนผมเอง
ผมยื่นคูปองให้ไอคุณพี่ที่หน้าเหมือนวินัย  ไกรบุตร หยั่งกับแกะ  รปภ.ให้ผ่านเข้ามาได้ไงวะเนี่ย?
“แล้วไม่แถมคนตั้งกระป๋องด้วยเหรอจ๊ะ?”
โห...หน้าเถื่อนแล้วยังจะโรคจิตอีกนะลุง    มีการหลอกจับมือตอนผมยื่นคูปองให้ด้วยวุ้ย
มุกเก่าจริงๆ  แถมผมก็ไม่ได้เป็นเกย์นะพี่....เอ่อ  ยกเว้นแต่กับเบสก็ได้ 
“นี่ ลุงๆ มายุ่งอะไรกับแฟนผมอ่ะ?” 
เบสที่เข้ามาในซุ้มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้    จู่ๆก็โผล่มา ทำเอาผมสะดุ้ง 
เอาคางมาเกยไหล่ผม  แล้วยังจะมาจับเอวเค้าอีก  ไม่อายชาวบ้านชาวช่องมั่งรึไงเนี่ย?
แถมหน้าตาเบสตอนถามพี่วินัย  เอ๊ย...พี่หน้าหนวด  นั่นยังกวนโอ๊ยซะจนผมเองยังอยากเตะ
มันไม่กลัวเค้าแทงไส้ไหลรึไงวะ ?  หน้าตาพี่แกยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ด้วย
ผมส่งสายตาดุๆ ไปที่เบส  ไม่ใช่เพราะกลบเกลื่อนความอายที่เบสเรียกผมว่าแฟนอย่างหน้าตาเฉยหรอกนะ
เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา  การกระทำต่างๆของเบส ทำให้ผมหลุดจากคำว่าอาย มาซะไกลโข
แต่เป็นห่วงมันมากกว่า  กลัวจะไม่มีใครมาช่วยยกศพ เพราะอยากกระทืบซ้ำเนี่ยแหละ
แต่ก็ค่อยยังชั่ว ที่พี่คนนั้นไม่ได้ชักมีดที่ผมคิดไปเองว่าพี่แกต้องพกมาแน่ๆ จากทางด้านหลัง
.........ตรงกันข้าม  พี่แกกลับยิ้ม  พร้อมกับบ่นพึมพำ ว่าแค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นหวง อะไรเนี่ยแหละ
หลังจากนั้น พี่หนวดแกก็เดินกอดคอไปกับพี่ผู้ชายตัวขาวๆ ผอมๆ
ที่สงสัยจะผอมไปจนผมไม่ทันสังเกตว่าพี่แกมานั่งรออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่   
และผมก็สงสัยอยู่ในใจว่า  ไอพี่ 2 คนนี้มันคบกันได้ไงวะ?... คนละอิมเมจกันเล้ย   
ผมยิ้มด้วยความโล่งใจสุดๆ ที่ไม่เกิดเหตุการณ์ระทึกอะไรขึ้น   
แต่ตอนนี้ท่าจะเป็นคราวที่เบสจะส่งสายตาดุๆมาที่ผมมั่ง
“ทำไมต้องไปยิ้มให้เค้าด้วยน่ะ”
เอ๊า... จะให้ทำหน้ากวนตีนเหมือนนาย  ลูกค้าก็หนีหมดสิวะ
“ก็  ยิ้มเพื่อการค้าไง    อีกอย่าง เบสก็บอกเราเองว่า  เหตุผลต้องอยู่เหนืออารมณ์นี่นา”
ผมได้ยินเบสถอนหายใจเฮือกนึง  ก่อนออกคำสั่งเอาแต่ใจอีกแล้ว
“ไม่รู้แหละ  แต่ต่อไปนี้ ห้ามยิ้มให้กับคนแปลกหน้าอีก”
“งั้น เดี๋ยวถ้าเราเจอพี่คนนั้นอีก ก็ยิ้มให้ได้แล้วสิ  ก็เจอกันมาแล้วนี่ ไม่แปลกหน้าแล้ว”
“ปั๊ม!”
ที่ผมพูดก็พูดไปอย่างงั้นแหละครับ  แกล้งเบสสนุกดี  แต่ถ้าเวลาเบสโกรธขึ้นมาก็ไม่สนุกเลยนะครับ
เบสเป็นคนโกรธง่ายมาก  แล้วยังงี่เง่าสุดๆ
ขนาดไอกร ไอวิทย์ ที่เปลี่ยนเสื้อผ้า หรืออาบน้ำห้องเดียวกันมาก็ออกบ่อย
เดี๋ยวนี้ไม่ได้เลยครับ  แค่ถูกตัวกันนานหน่อยไอเบสก็แยกเขี้ยวแล้ว    อะไรของมันก็ไม่รู้
“ปั๊ม  ไปเที่ยวงานกัน” 
เบสพูดแค่นั้น แล้วก็ฉุดมือผมออกไปจากซุ้มเลย  เอาแต่ใจอีกแล้วนะ
“เดี๋ยวๆๆ! เบส แล้วซุ้มห้องล่ะ?”
“ก็มีคนอยู่ตั้งหลายคนไม่ใช่เรอะ   
อีกอย่าง เราก็โทรเรียกไอคุณเพื่อนรัก 2 ตัว ที่แอบแว๊บไปเที่ยวตั้งแต่งานเริ่ม กลับมาปฏิบัติหน้าที่แล้วล่ะ”
ผมพยักหน้าว่าเข้าใจไปทีนึง  แต่ก็นึกขึ้นมาได้
“เออ..แล้วนี่ งานคณะกรรมการเสร็จแล้วเหรอ?”
“ยังหรอก  แต่ฝากพี่ๆที่ว่างๆ  ช่วยดูให้แล้วล่ะ”
“คนไม่มีความรับผิดชอบ”
ผมแกล้งแหย่เบสอีก      ปกติออกจะจริงจังกับงานที่ได้รับมอบหมายจะตาย  ทีงี้ล่ะมาโดด
“มาหาว่าเราไม่รับผิดชอบได้ไง .... ก็กำลังรับผิดชอบ ต่อหัวใจตัวเองอยู่นี่ไงล่ะ”
แน่ะ พูดจาชวนอ้วกอีกแล้ว  แต่เบสจะรู้มั๊ยนะ ว่าสายตาที่ส่งผ่านออกมาน่ะ
แทบจะทำให้ผมสำลักความสุขตายอยู่แล้ว   
และผมเกือบไม่รู้ตัวเลยว่า  มือตัวเองถูกบุคคลข้างๆนี่นำไปกุมอยู่   
ผมพยายามจะดึงมือของตัวเองออกจากมืออันอบอุ่นนั้น ด้วยความเสียดาย
เนื่องจากทางที่เรากำลังเดินอยู่นี้  ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน  กลัวคนอื่นเห็นแล้วจะมองไม่ดี
แต่เบสเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไร  จากที่กุมอยู่หลวมๆ กลับแทรกมือมาประสานกับมือผม
อีกทั้งยังกระชับไว้แน่น    แล้วหันมาส่งสายตาแห่งความสุขใส่ผมอีกแล้ว
“ปั๊มไม่ต้องกลัว ว่าใครจะคิดยังไงนะ    เราไม่ได้ทำอะไรผิด   
แล้วเราก็อยากให้คนอื่นรู้ด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน”
ผมมองหน้าเบสเป็นเชิงคำถาม  จะอยากให้ชาวบ้านเค้ารู้ไปทำไมล่ะ?
เบสก็เหมือนจะเข้าใจ  เลยพูดต่อ
“ก็เราเป็นคนขี้หึงมากกกก  ก็เลยอยากให้เค้ารู้ จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับปั๊มอีก”
“โห....เอาแต่ใจชะมัด  ทีตัวเองสาวๆตอมกันหึ่ง  ไม่เห็นจะทำอะไรเลย”
ผมพูดไปอย่างนั้น  แต่ในใจกลับลิงโลดจากคำว่า หึง ของเบส ..นี่ผมโรคจิตรึไงนะ ที่อยากให้เบสหึงน่ะ
แต่เบสมันก็ยิ้มแฮะ  เมื่อกี๊ผมว่า ผมก็ไม่ได้หลุดอะไรไปนะ
“พูดอย่างนี้แสดงว่า  ปั๊มก็หึงเราเหมือนกันใช่มะ ”
  เหอะ .... ผมหันหน้าไปอีกทาง ด้วยความหมั่นไส้ที่ถูกรู้ทัน(?) 
พลันสายตาก็ไปสะดุดที่ซุ้มปาลูกโป่งของพี่ม.6 ห้อง3 เข้าจนได้   
ความอยากเล่นใจจะขาดของผมคงฉายออกมาทางแววตามากไปหน่อย
เบสจึงลากผมเข้าซุ้มไปโดยไม่ต้องคิด
.................................................
.....................................
ผมปามา สามสี่ตา แล้วก็ยังได้แค่แก้วน้ำ  หรือตะกร้าอยู่ดี ฝีมือห่วยชะมัด
“ฝีมือห่วยชะมัด” 
อ๊ากกก ! มาตอกย้ำทำม้ายยย++++  แถมยังเป็นคำเดียวกับที่ผมคิดเด๊ะ
ความเจ็บใจ มีมากกว่าเหตุผลในการยอมรับความจริงของฝีมือตัวเอง
ผมเลยกระโดดบีบคอเบสด้วยความหมั่นไส้ซะเลย   
แต่เบสกลับหัวเราะชอบใจ ที่ผมกระโดดเกาะคอซะงั้น  .... อะไรของมันวะ?
“เอ่อ.. คือว่า น้องเบส น้องปั๊มจ๊ะ  ตกลงจะปาอีกตามั๊ยจ๊ะ  พี่เสื้อเหลืองเค้ามารออยู่นานแล้วน่ะ
สงสัยคงกลัวจะขัดความสุขน้องน่ะจ่ะ ”
ผมเหลือบไปเห็นพี่เสื้อเหลืองหน้าตาใจดีๆ อยู่ข้างหลังจริงๆด้วย จึงได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป
แต่ในใจกลับคิดว่า  คนกระโดดบีบคอ กับคนถูกบีบคอนี่มันมีความสุขตรงไหน?
ผมกำลังจะพาตัวเอง และลากเบสออกมาจากซุ้มนั้นแล้ว เพราะคิดว่า ถ้าขืนเล่นต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
นอกจากแก้วและตะกร้า ที่ผมถือพะรุงพะรังอยู่นี่  ปาจนหมดตัวก็คงไม่ได้ของชิ้นใหญ่กว่านี้หรอก
แต่เบสก็ขืนแรงลากอันน้อยนิด ถ้าเทียบกับการลากเบสไว้    แล้วบอกผมว่าจะขอเล่นมั่ง
.
.
.
แทบไม่น่าเชื่อว่า  เบสเล่นแค่ตาเดียวก็ได้ตุ๊กตามาแล้วอ่ะ
เป็นตุ๊กตาหมี ขนสีแดง ที่สวยมากเลยล่ะครับ .... นี่ผมไม่ได้เปลี่ยนรสนิยมนะ
แต่แค่มองในมุมของผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้น
หลังจากเดินมาหามุมสงบ  ก็ได้ที่นั่งใต้พวงคริสต์มาสที่มีประดับอยู่บ้าง
บริเวณรอบๆโบสถ์ของโรงเรียน    เบสก็กลับยื่นตุ๊กตาให้ผม  แล้วบอกให้เก็บไว้ดีๆอีก
“มันของๆเบสอ่ะ  เบสก็เอาไปสิ”
“เราอยากให้ปั๊มนะ  ให้ปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึก  สำหรับวันนี้ ...คริสต์มาสปีแรกที่เรามีความสุขที่สุด”
ผมอยากจะบอกว่า ผมก็มีความสุขเหมือนกัน  แต่ก็กำลังซาบซึ้งซะจนพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่ก้มหน้าแล้วกอดตุ๊กตาเอาไว้    ตอนนี้แหละ ที่เพิ่งจะเห็นว่า ที่ริบบิ้นสีเงินของตุ๊กตาหมี 
ทางด้านหลังเขียนไว้ว่า
~  สำหรับปั๊ม  และคริสต์มาสของเรา.......
                                                                  ....รัก ...... จากเบส  ~ 
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเบส    ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ    และเบสก็มองตอบผมมาด้วยสายตาหวาน
เช่นกัน    ใบหน้าของเบสก้มลงมาหาผมเรื่อยๆ  จนในที่สุด ริมฝีปากของเราก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา 
แต่เน้นย้ำอย่างหนักแน่น  เช่นเดียวกับความรู้สึกของเราสองคน
เป็นจูบอันแสนหวาน  ภายใต้พวงคริสต์มาส  และค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์  ที่ผมจะไม่มีวันลืม
                  -END - ..In Christmas day .
++แถมท้ายๆ++
“นี่ ปั๊มความหมายของการจูบใต้พวงคริสต์มาสรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ”
“ตำนานเค้าว่ากันว่า ถ้าจูบใต้พวงคริสต์มาสกับคนรัก ในคืนวันที่ 25 ธันวา ล่ะก็
ความรักจะเป็นนิรันดร์ ล่ะ”
“โห...เบสเชื่อตำนานอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
“ไม่เชื่อหรอก  แต่เชื่อในความรักของเราต่างหากล่ะ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น