ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Roommate รักร้ายนายร่วมห้อง

    ลำดับตอนที่ #4 : ตึกร้าง สร้าง "รัก"

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 56


    3

    ตึกร้างสร้างรัก

    21.00 น. หน้าคณะสถาปัตยกรรมสาสตร์

                       ผมกับไอบ้าบอสลากสังขารอันอ่อนแรงมายืนแง้วๆกะแด๋วแก้วอยู่หน้าตึก รอบๆตัวเต็มไปด้วยเพื่อนๆปีหนึ่ง แต่ผมยังมองไม่เห็นไอรุ่นพี่สองคนนั้นเลยนะ เผือกเผามะนาวเน่าเอ้ยให้พวกผมมาตรงเวลาแล้วตัวเองยังไม่มาเนี้ยนะ ถ้ามาถึงนะผมจะจับมันยัดใส่กระบอกไม้ไผ่ ไอหน้าขาวทั้งสองเอ้ย

                       “เรากลับไปนอนกันดีกว่ามั้ยเบียร์เราเริ่มง่วงแล้วนะ” ไอสูงบอกผมก่อนจะเอนหัวลงมาวางบ่นไหลของผม มันเอามาวางทำไมวะ หนักนะเว้ยเฮ้ย

                       “เอาหัวออกไปเลยหนัก” ผมผลักหัวมันออกเบาๆ ซึ่งแปลกคราวนี่ยอมเอาหัวออกเองน่ารักจริงอิอิ ^_______^

                       “ใจร้ายพิงก็ไม่ได้” อ้าวงอนผมอีกงอนทำไมเนี้ยตรูไปทำอารายให้ฟ่ะ

                       “เออๆพิงก็ได้ๆ”

                       “น่ารักที่สุดเลย จุ๊ฟๆ” ดูทำเข้าอนาถจัดมาส่งจูบให้ผมทำไมเนี้ยจะอ้วก

                       “อ้าวน้องๆมากันครบแล้วใช่มั้ยครับเนี้ย” รุ่นพี่คนเดิมที่เคยต้อยพลาดมาโดนผมถามขึ้นก่อนจะพูดต่อโดยไม่รอคำตอบรับจากพวกผมแล้วมันจะถามทำไมวะ “เราจะมาทำกิจกรรมสุดท้ายกันที่นั่นเลยครับ ตึกเก่าคณะเรา เราจะไปวัดใจกันที่นั้นแหละ ทุกคนจับคู่กันเลยนะ แล้วเดินมาเอาไฟฉายที่พวกพี่ เราจะไปล่าท้าผีกัน” ไอพี่บ้านั้นพูดพร้อมใบหน้าสดใส จะไปซ่าท่าผีอะไรกันไม่กลัวกันรึไงไม่กลัวรึไง

                       “เกาะแขนทำไมตัวเล็กกลัวเหรอ”  

                       “กลัวดิหรือว่านายไม่กลัวผี”

                       “ไม่อ่ะ ถ้ากลัวก็เกาะแขนฉันไว้นะ เกาะดีๆละ”

                       “อืม” ผมตอบรับก่อนจะจับแขนของบอสให้แน่นขึ้นอีกและตัดขาดจากโลกภายนอกโดยการเอาหน้าซุกลงบนหลังของเสาเข็มเดินได้ตรงหน้า

    <Bos Talk>

                       ผมรับไฟฉายมาจากรุ่นพี่คนเดิมแล้วเดินไปยืนอยู่ใกล้ๆกับทางเข้าเพื่อรอว่าผมจะต้องเข้าไปทำอะไรในตึกร้างนั่น

                       “ฟังนะครับพี่จะเล่าประวัติของตึกนี่ให้ฟัง น้องๆลงมานั่งรวมกลุ่มกันเลยนะตรงกลางเลย”

                       ไอรุ่นพี่คนเดิมบอกผมก็ไม่สนใจเท่าไหร่หรอกแต่ก็ยอมทำตามเพราะอยากให้เสร็จไวๆจะได้ไปนอนเร็วๆไอตัวเล็กข้างๆก็กลัวผีจังเลย แต่ก็น่ารักนะครับ

                       “ตึกนี้อ่ะเค้าเล่ากันว่าเคยมีคนงานตกลงมาตายแล้วก็คอยตามมาหลอกหลอนพวกนักศึกษาที่มาทำงานกันตอนกลางคืน พวกพี่ก็เลยจะให้น้องๆอ่ะไปล่าท้าผีกันในตึก โดยน้องจะต้องหยิบของในห้องต่างๆมาห้องละชินให้ครบสิบชิ้นแล้วออกมาให้พี่ดูก็จะผ่านภารกิจทันที เออเราจะเข้าไปทีละสองคู่นะครับแต่จะขึ้นคนละปีกของตึก”

                       ให้ไปหาของในตึกแค่เนี้ยอ่ะนะ น่ากลัวตรงไหนวะ ใครกลัวก็ปัญญาอ่อนแล้วละ

                       “น่ากลัวจัง ไม่อยากเข้าไปเลย นายเข้าไปคนเดียวได้ป่ะ ฉันขอรอข้างนอกดีกว่า”

                       เออผมเปลี่ยนใจแล้วนะใครกลัวผีนี่น่ารักมากๆครับ น่ารักสุดในสามโลกเลย

                       “ต้องเข้าทุกคนนะครับใครไม่เข้าไม่ผ่านนะครับ”

                       “ฉันต้องเข้าไปจริงๆเหรอ แง้วๆ” ไอตัวเล็กทำท่าจะร้องไห้แล้วจากที่เคยเกาะแขนเฉยๆก็กลายเป็นกอดผมเลยครับ  เฮ้ยๆกอดเฉยๆก็พอไม่ต้องเอาหน้ามาซุกคอผม

                       “กลัวก็กอดไว้แน่นๆแล้วกันแต่ไม่ต้องเอาหน้ามาซุกคอฉันก็ได้นะมันแปลกๆว่ะ”

                       “โทษที แต่ยังไงนายก็ห้ามทิ้งฉันนะเว้ย ห้ามเด็ดขาด” ไอตัวเล็กพูดทั้งๆที่ยังไม่ยอมลืมตาสงสัยจะกลัวจริงๆ

                       “ไม่ทิ้งแน่นอน ไม่ต้องกลัวนะ” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปในตึกเวรนี่ ข้างในมืดโครตๆ แต่แอบจุดเทียนให้มันดูสว่างนิดๆ บิ้วตรูโคตรๆเลยครับ นี่ถ้าให้ถือกล้องเข้ามาด้วยผมคงคิดว่ามาออกคนอวดผีแน่เลย

                       “ตัวเล็กฉายไฟให้หน่อยดิฉันมองไม่เห็นอ่ะ”

                       ตัวเล็กไม่พูดอะไรแต่ฉายไฟให้ผมแบบมั่วๆ ไปทางซ้ายทีขวาทีแบบไม่รู้ว่าจะฉายทางไหนดี แต่จะลืมตาก็ไม่กล้าอีก

                       “ส่องดีๆหน่อยฉันมองไม่ทัน”

                       “นี่มันก็ดีแล้วนะ จะเอาดีแค่ไหนวะ นายนั้นแหละรีบหยิบของแล้วออกมาได้แล้ว”  อ้าวความผิดตรูเหรอวะ (สงสัยจะความผิดนายนั้นแหละ : ablaze)

                       “เออๆเข้ามาด้วยกันสิ นายไม่เข้ามาแสงมันมาไม่ถึง แล้วก็ไม่ต้องบอกให้ฉันเข้าไปคนเดียวฉันหยิบของไม่ได้แน่ถ้าเข้าไปคนเดียวอ่ะ” ผมว่าก่อนจะลากไอตัวเล็กเข้าไปด้วยกัน

                       “เร็วๆนะฉันกลัวอ่ะ รีบๆหยิบออกมานะ”

                       ผมไม่ตอบอะไรครับแต่เดินเข้าไปหยิบของออกมาก่อนจะจับมือไอตัวเล็กให้เดินไปเรื่อยจนมาถึงห้องสุดท้ายของตึก ห้องนี้ค่อนข้างจะเก่ากว่าห้องอื่นๆซักหน่อยแต่ก็ไม่ได้เก่าอะไรมากมาย ไอตัวเล็กที่เริ่มหายกลัวเพราะเก้าห้องที่เราผ่านมาไม่มีอะไรเลยนอกจากของเก่าๆ ก็เริ่มเดินเองโดยไม่จับมือผมอีกต่อไป บอกตงๆว่าแอบเสียใจนิดๆนะครับแต่ก็ไม่เป็นรัย

                       “ห้องนี้มันเก่าเกินไปป่าวอ่ะ” ไอตัวเล็กว่าก่อนจะอ่านคำสั่งที่แปะอยู่หน้าห้อง

                       “นั่นดิ เก่าเกิน แต่เรื่องของมันเหอะห้องนี้ให้หาอะไรอ่ะ”

                       “ให้หาผ้าที่ใส่ไว้ในถุงดำในห้องอ่ะต้องแกะดูด้วยว่าใช่ผ้าสีขาวป่าว ถ้าไม่ใช่ไม่เอา เราเข้าไปหากันเหอะ”

                       “ไปเหอะ รีบหาจะได้รีบกลับไปนอน” ไอตัวเล็กพูดพลางเอาหน้ามาซุกที่แขนผมเหมือนเด็กๆที่ขี้อ้อน น่ารักจริงวุ้ย

                       ผมส่องไฟไปรอบๆห้อง โดยมีไอตัวเล็กคอยเดินหาถุงและค่อยแกะดู แกะจนมือจะหงิกแล้วก็ยังหาไม่เจอ จนไอตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะตายแล้วอ่ะสงสัยจะง่วงจริงอะไรจริง

                       โครม 

                       “อ๊าก!!!!!!!!!!  หะ หะ หะ หัว ผะ ผะ ผี  ไม่เอาแล้วผีผีหลอกๆ”

                       เฮ้ยๆไอตัวเล็กของผมไปเปิดเจออะไรวะเนี่ย ผีอะไรที่ไหนวะ

                       “ตัวเล็กเป็นอะไร เป็นอะไร”

                       “ฮือๆผีๆ มีหัวผู้หญิงอยู่ในถุงอ่ะ มันอยู่ในถุง ฮือๆ” ตัวเล็กร้องไห้โฮผมทำอะไรไม่ถูกเลยทำได้แค่กระชากร่างบางตรงหน้ามากอดไว้ก่อนจะเดินไปหยิบไอถุงเวรนั่นมาดูว่ามันคืออะไรกันแน่ พอเปิดออกผมก็ได้แต่โมโหไม่รู้พี่แกคิดบ้าอะไรกันเอาวิกผมผู้หญิงมาลาดด้วยสีแดงสด ใครเห็นก็ตกใจทั้งนั้นแถมไอตัวเล็กก็ยิ่งกลัวผีขึ้นสมองอยู่ให้ตายเหอะ

                       “ไม่ มันไม่ใช่ผีนะตัวเล็ก ไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไรเลยจริงๆมันก็แค่ของปลอมน่ะไม่ต้องกลัวนะ” ผมลูบหัวของเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะหยิบวิกในมือให้ดูว่ามันเป็นของปลอมจริงๆ แต่ตัวเล็กก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาดู โอ้ยแล้วจะทำไงวะเนี่ย

                       “ไม่จริงอ่ะ นายหลอกฉันแน่ๆเลย ไม่เอาไม่เอาไม่อาวววววววววววววววว” ไอตัวเล้กโวยวาย วิ่นเหวอ ผมที่เริ่มจะโมโหนิดๆเลย จับไหลไอตัวเล็กตรงหน้าให้ยืนตรงๆ และเอาวิกผมไปจอไว้ตรงหน้าก่อนจะเริ่มขู่ให้ไอตัวเล็กยอมลืมตา

                       “นี่ถ้านายไม่ยอมลืมตาฉันจะทิ้งนายไว้ตรงนี้นะไอ้ตัวเล็ก” คำขู่ที่หนึ่ง

                       “ไม่”

                       “ฉันทิ้งจริงๆนะ” คำขู่ที่สองก็ตามมา

                       “ไม่เอาๆ” ก็ยังคงไม่เป็นผล

                       “ถ้านายไม่ลืมตาฉันจะจูบนายตรงนี้เลยคอยดูสิ”

                       “ไม่ ไม่ลืม” นี่สงสัยจะไม่ได้ฟังเลยมั้งว่าผมขู่ว่าอะไรอ่ะ งั้นผมจะทำตามคำขู่ของผมแล้วนะ  :p

    <End Bos Talk>

     

     

    < Ablaze  Talk > แอบมาบรรยายกะเค้าบ้างอิอิ ก่อนจะอ่าน เรามีกฎสี่ข้อจงท่องให้ขึ้นใจ

    1 คนเขียนไม่ได้หื่น

    2 คนอ่านก็ไม่ได้หื่น

    3 โปรดใช้จินตนาในการอ่าน

    4 มีอะไรไม่เข้าใจให้กลับไปอ่านข้อข้างบน

                       ร่างสูงโยนวิกผมที่ถือไว้ในมือทิ้งก่อนจะกระชากร่างบางตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ตัว และริมฝีปากหนาก็เริ่มเคลื่อนเข้าไปจนชิดกับเรียวปากบางตรงหน้า ก่อนที่เค้าจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ร่างบางในอ้อมแขนที่ถูกจูบแบบไม่รู้ตัวได้แต่ยืนตาค้าง ตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะเริ่มขยับตัวหนี แต่ด้วยสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบมาให้มีแต่ความอ่อนหวานเหมือนขนม นิ่มนวลเหมือนก้อนเมฆ  อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ในยามเช้าทำให้ร่างบางที่คิดจะหนีในตอนแรกยอมหยุดนิ่งและตอบรับกับสัมผัสของอีกฝ่าย ร่างสูงที่เป็นฝ่ายเริ่มก็ชะงักนิดหน่อยที่อีกฝ่ายตอบรับสัมผัสของเค้าก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งแล้วกระชับร่างในอ่อมแขนให้แน่นขึ้น จนเวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีร่างบางก็ทรุดตัวลงเพราะหายใจไม่ทัน  ร่างสูงก็ตกใจนิดหน่อยก่อนจะแบกร่างบางขึ้นหลังแล้วพาออกไปข้างนอกตึก

    < End  Ablaze  Talk >      

     

    < จบตอนไปอย่างสวยงามจ้า กว่าจะจบได้โอ้ย เกือบตายซะแย้ว อิอิ > 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×