คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพลย์บอย เจ้าชู้ ซุกลูก ซุกเมีย นักล่าผู้หญิง?!!!
หลังจากตกลงกับคุณหญิงสายสมร มารดาผู้กุมบังเหียนบอร์ดบริหารของสุรางค์วดีบูติคโฮเท็ลเรียบร้อย ว่าที่ผู้จัดการคนใหม่จึงตัดสินใจตีตั๋วจากกรุงเทพบินขึ้นเหนือในทันที เขามาล่วงหน้าประมาณสามวันแต่ไม่ได้เข้าพักในห้องพักของโรงแรมที่มารดาจัดให้เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนแตกตื่นก่อนจะถึงวันเริ่มงานจริง ประกอบกับจีเอ็มคนเก่ายังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งตามมารยาทในการทำงานที่ดี เขายังไม่ควรโผล่หน้าไปที่นั่นในตอนนี้
เช้าวันที่สอง หลังจากเดินชมสถานท่องเที่ยวใกล้เคียงที่พักชั่วคราวจนทั่วแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพาตัวเองออกมาหาอะไรอร่อยๆใส่กระเพาะที่เริ่มประท้วงโดยการส่งเสียงร้องครวญครางเพราะความหิว
สุดท้ายก็เดินมาบรรจบที่ร้านส้มตำใกล้ตลาด
และด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้ชายหนุ่มเกิดอุบัติเหตุเล็กๆกับว่าที่พนักงานของตนเอง...
อุบัติเหตุที่ว่าก็คือ การที่หล่อนไม่ระวังเอนตัวมาชนเขาอย่างจังจนทำให้น้ำที่ดื่มอยู่กระฉอกออกมาเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด
ภูมินทร์ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะพบพนักงานของตนเองในร้านอาหารโดยบังเอิญ ปกติแล้วพนักงานโรงแรมสุรางค์วดีจะมีสวัสดิการอาหารบริการให้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น พนักงานของโรงแรมโดยส่วนใหญ่ตัดสินใจฝากท้องไว้ที่แคนทีนเนื่องจากเวลาพักทานอาหารมีไม่มาก บางคนก็ไม่อยากออกมาซื้อเขากินให้เสียสตางค์จึงเป็นเรื่องแปลกไม่น้อยที่เขาบังเอิญพบสองสาว ซึ่งดูจากการแต่งกายแล้วน่าจะเป็นพนักงานต้อนรับออกมาทานอาหารในเวลาใกล้สิบเอ็ดโมงเช่นนี้
ภูมินทร์เลิกคิ้ว ทำท่าจะหันไปประท้วงหลังจากได้รับคำขอโทษแบบขอไปทีของเจ้าหล่อน แต่ยังไม่ทันได้เอี้ยวตัวมองสมองกลับฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…
ไม่ดีกว่า…
ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ใช่เจ้านายของพวกหล่อนอย่างเต็มตัว ไม่อยากทำให้ไก่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นร่วมงานกัน
ชายหนุ่มบิดข้าวเหนียวใส่ปากหลังตัดสินใจล้มเลิกความคิด แต่อาการลังเลยังปรากฏบนใบหน้า ในจังหวะที่การสนทนาของพนักงานสาวสองคนเริ่มต้นขึ้น ความอยากรู้ที่มีอยู่ในตัวก็ผลักให้เขาเงี่ยหูฟังการสนทนาเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ
“น่าเสียดายจีเอ็มพิสุทธิ์เนอะสินี แกไม่น่าย้ายไปเลย” เสียงพนักงานสาวอีกคนแว่วมาให้ได้ยิน แต่ไม่ใช่ยัยคนที่ชนหลังเขาเมื่อครู่
“งั้นแหละ ทุกคนในโรงแรมก็บ่นเสียดายกันหมด”
“ฉันเคยได้ยินข่าววงในเกี่ยวกับเรื่องนี้แว่วๆมาเหมือนกันนะ เขาว่ากันว่าที่จีเอ็มได้ย้ายไปสำนักงานใหญ่ก็เพราะลูกชายคุณหญิง”
ภูมินทร์เลิกคิ้ว หูผึ่งเมื่อตัวเองถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องในบทสนทนา ชายหนุ่มพยายามเอนหลังขยับเข้าใกล้หญิงสาวทั้งสองอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้ยินการสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น
“หมายความว่าไง” มิตรสินีถามย้ำ
“ก็คุณภูมินทร์เขาอยากมาทำงานอยู่ที่นี่ แม่เขาก็เลยย้ายจีเอ็มให้ไปอยู่กรุงเทพแทน ส่วนตัวเขาก็เข้ามาเสียบแบบสบายๆ”
“แต่ทำไมเขาต้องอยากมาที่นี่ด้วยล่ะ… เป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงแรม แทนที่จะไปคุมบอร์ดบริหารอยู่ที่กรุงเทพ สบายจะตายใกล้บ้าน เงินเดือนดี แถมตำแหน่งก็สูงกว่าด้วย”
“นั่นสิ อันนี้ฉันก็ยังสงสัยอยู่”
“อืมมม…” มิตรสินีมีใบหน้าครุ่นคิด “หรือว่าจะเป็น..เพราะ…”
“เพราะอะไรสินี?!” ญาณินถามเสียดัง ฝ่ายภูมินทร์ค่อนข้างตกใจกับน้ำเสียงที่แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นอย่างปิดไม่มิด
“หรือว่าจีเอ็มคนใหม่จะซุกสาวไว้ที่นี่โดยไม่ได้บอกครอบครัว บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะท้อง และเธอก็อาจจะเป็นผู้หญิงที่คุณหญิงสายสมรไม่ยอมรับ และเขาก็เลยย้ายมาอยู่กินด้วยกันที่นี่แบบคู่ผัวตัวเมียโดยปกปิดไม่ให้คุณหญิงท่านรู้ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ!”
คำตอบของแม่สาวเสียงแจ๋วทำเอาภูมินทร์แทบสำลัก ส้มตำเผ็ดๆที่กำลังกลืนลงคอแผลงฤทธิ์สร้างความรู้สึกแสบร้าวไปถึงทรวง มือแกร่งรีบฉวยแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแต่อาการแสบร้อนก็ยังไม่บรรเทาลง
ท้อง?! ซุกผู้หญิง?! สมองหล่อนมันเล็กเท่าถั่วเขียวหรือไงถึงได้มีความคิดบ้าๆ ปัญญาเสียแบบนี้!
“อ่านนิยายมากไปจนเพ้อ! ซุกผู้หญิง? ท้องบ้าท้องบออะไรของแก” ญาณินส่งเสียงดุใส่มิตรสินี พลันสายตาก็เหลือบไปมองผู้ชายด้านหลังซึ่งขณะนี้กำลังเริ่มต้นไออย่างบ้าคลั่ง
กินเผ็ดไม่เป็นก็ยังจะกิน…
“แกไม่เคยได้ยินหรือไงว่าไอ้คุณจีเอ็มภูมินทร์เนี่ย ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ขั้นเทพ!ฉันเพิ่งไปสืบประวัติมานะ เขาบอกว่าหมอนี่เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า พวกดารานางแบบดังๆเสร็จเขาหมด ไม่มีทางรอดซักรายหรอก ลองถ้าเขาอยากได้ก็ต้องได้!”
ภูมินทร์ไอหนักยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำกล่าวหาที่ไม่มีมูลจนคนแทบทั้งร้านมองเขาเหมือนตัวประหลาด น้ำทั้งขวดถูกยกขึ้นซด ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศสุกงอม
“เฮ้ยณิน…” มิตรสินีลดระดับเสียงลงจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ ส่งผลให้ชายหนุ่มไม่สามารถจับใจความในสิ่งที่หล่อนพูดได้ “แกคิดเหมือนที่ฉันคิดป้ะ”
“คิดอะไร?”
มิตรสินียกมือป้องปาก “ฉันเห็นคนโต๊ะหลังเราไอไม่หยุด บางทีเขาอาจจะเป็นวัณโรคก็ได้นะ”
“โห! คิดได้ไงว่ะเนี่ย!” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับ
“คนเป็นวัณโรคบ้าอะไรจะออกมาจ้วงส้มตำเผ็ดๆข้างนอกแบบนี้!” ญาณินดีดหน้าผากเพื่อนสนิทดังป๊อก “อยากรู้จริงๆว่าไอ้ที่อยู่ข้างในนั่นมันสมองคนหรือสมอง__กันแน่”
“โหย ฉันก็แค่สันนิษฐาน ว่ากันซะเสียหายหมด!” หล่อนเหวเสียงดังก่อนจะวกกลับมาเรื่องเก่า
“แต่เรื่องจีเอ็มคุณภู…” มิตรสินีกระตุกไปเมื่อรู้สึกถึงแรงเคลื่อนไหวของชายหนุ่มด้านหลังราวกับกำลังจะแอบฟังอะไรบางอย่าง นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะสรุปว่าคงเป็นหล่อนที่คิดไปเอง ไอแรงขนาดนั้นคงจะฟังอะไรได้ยินอยู่หรอก…
แต่ทว่าหล่อนกลับคิดผิด…
“เรื่องจีเอ็มคนใหม่ เขาพูดกันอย่างนั้นจริงๆนะแก ทีแรกฉันก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอก แต่เพราะเพิ่งไปคุยกับพวกที่อยู่ห้องอาหารมาเลยได้ข้อมูลใหม่ๆมาเพียบ!”
“ฉันว่ามันเยอะไปมั้งสินี” มิตรสินีทำหน้าไม่อยากเชื่อ “คุณภูมินทร์เขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆคิดก็ได้”
ภูมินทร์เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากดื่มน้ำหมดไปค่อนขวด เขาคลี่ยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเสียงสนับสนุนจากผู้หญิงที่นั่งด้านนอกสุด
พูดอย่างนี้ค่อยรื่นหูหน่อย…
“เยอะไปไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีหลายเสียงคอนเฟิร์มมาแล้วว่าเขาเจ้าชู้ขั้นเทพ คารมขั้นปรมจารย์ แล้วก็เป็นนักล่าผู้หญิง!”
….รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าหล่อๆโดยอัตโนมัติ แทนที่ด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่เริ่มประทุขึ้นมานิดๆ
นักล่าผู้หญิง? เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปจับฉลากได้ฉายานี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันไม่ค่อยถูกโรคกับคนแบบนี้สักเท่าไหร่หรอก ผู้ชายเจ้าชู้มีดีตรงไหน ก็แค่ตรรกะแปลกๆที่คนชอบมองว่าเจ้าชู้แล้วจะหล่อ”
“ปากไม่ตรงกับใจ!” ญาณินเอ่ยเพราะรู้จักนิสัยเพื่อนดี “เกลียดหนุ่มแบดบอย เกลียดผู้ชายเจ้าชู้ว่างั้น”
“ใช่สิ” มิตรสินียกมือกอดอกแสดงความมั่นใจ
“ฉันเห็นไอ้นิยายที่แกอ่านแล้วเคลิ้มๆส่วนใหญ่ไม่มีพระเอกคนไหนที่ไม่เจ้าชู้สักคน แบดบอยมาเต็มครบกระบวนความ”
ภูมินทร์ยิ้มเยาะ ที่แท้ก็พวกผู้หญิงเพ้อฝัน!
เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มเป็นรอบที่สามเพื่อดับความเผ็ดร้อนที่ยังคงคั่งค้างอยู่ในลำคอ เคยชินเสียแล้วกับการถูกมองว่าเป็นเพลย์บอย แต่ไอ้เรื่องนักล่าผู้หญิงกับทำผู้หญิงท้องบ้าบออะไรนั่นเขาขอค้าน ถึงเขาจะเที่ยวบ่อยแต่ก็ไม่คิดที่จะเป็นพ่อคนก่อนเวลาอันสมควร แล้วอีกอย่าง… พนักงานของโรงแรมมานั่งจับกลุ่มนินทาเจ้านาย ซึ่งเป็นคนที่จ่ายเงินเดือนให้กับพวกเขาแบบนี้มันสมควรแล้วจริงหรือ?
เขาเข้าใจดีว่าการถูกพูดลับหลังมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ต้องเจอ แต่บางทีพอได้ยินมากๆเข้ามันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
อยากจะรู้นักว่าพวกผู้จัดการสอนพนักงานกันยังไง พนักงานถึงได้มีความภักดีกับองค์กรและเจ้านายตัวเองต่ำมากขนาดนี้
“แหม ก็นั่นมันในนิยาย สเปคจริงๆฉันชอบผู้ชายแมนๆ สุภาพบุรุษ ลุ๊คคุณชายเท่านั้น เจ้าชู้ไม่เอา… กลัวเสียใจ” มิตรสินีปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ถ้าหาได้แบบนั้นก็ดีสิ หล่อนจะได้ไม่ต้องมานั่งเหี่ยวแห้งเป็นผักเน่าไร้คนรู้ใจทั้งที่อายุใกล้จะสามสิบเข้าไปทุกทีแบบนี้”
“ยัยณิน หยาบคายที่สุด!” มิตรสินีเหว “ด่าฉันเหี่ยวแห้งเฝ้าคานฉันไม่ว่า แต่ใครที่ไหนเขาให้พูดเรื่องอายุกันเล่า”
ภูมินทร์หัวเราะเยาะ แต่ไม่ปล่อยให้เสียงลอดออกมา
ปากจัดแบบนี้ก็น่าจะโสดอยู่หรอก… อายุใกล้สามสิบ… สงสัยคงจะอ่อนกว่าเขาแค่ไม่กี่ปี
ยัยเด็กเมื่อวานซืน…
“ก็ฉันพูดความจริงนี่”
“ไม่เคยจะเข้าข้างเพื่อนเลยนะแก” เจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วว่าแล้วจึงหันไปจัดการกับข้าวเหนียวส้มตำคำสุดท้าย
“อิ่มแล้ว ไปเหอะ เดี๋ยวกลับโรงแรมไม่ทันพี่ไข่มุกจะด่าเอาให้ ดอกม้งดอกไม้ก็ยังไม่ได้ซื้อ”
“ก็เพราะว่าแกมัวแต่นั่งเม้าอยู่นี่ไงสินี”
“โทษกันจนวินาทีสุดท้าย” หล่อนปั้นหน้าง้ำ หันไปตะโกนเรียกเจ้วรรณเจ้าของร้านเป็นภาษาท้องถิ่น
“เจ้คะ คิดตังเลยค่ะ!” เจ้าของร้านร่างอวบอ้วนซึ่งรู้จักสนิทสนมกับมิตรสินีพอสมควรเดินมาที่โต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สองร้อยสิบ แต่ลดให้เหลือสองร้อยพอ”
มิตรสินีฉีกยิ้มกว้าง “ใจดีเสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ ขอให้ขายดีๆนะเจ๊” หล่อนหันไปควักธนบัตรสีม่วงส่งให้ รอครู่เดียวก็ได้รับเงินทอน
“สินีไปนะ ไว้วันหลังจะมาอุดหนุนใหม่”
“โชคดีนะแม่คุณ”
“ขอบคุณจ๊ะเจ๊”
ภูมินทร์ขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของผู้หญิงด้านหลัง เขาเคลื่อนตัวเองเข้าไปชิดกับโต๊ะตามสัญชาติญาณเพื่อเว้นช่องว่างให้หล่อนเดินออกไปได้โดยไม่ชนกันอีก
“ขอบคุณค่ะ” เสียงใสๆเอ่ยกับเขาแต่ภูมินทร์กลับไม่ยอมหันมองหรือตอบรับใดๆ เขายังคงนั่งนิ่งรอจนแน่ใจว่าพนักงานสาวทั้งสองก้าวออกจากร้านไปแล้ว จึงค่อยๆเปลี่ยนอิริยาบถแข็งเกร็งเมื่อครู่มาเป็นการนั่งแบบสบายๆ
หล่อนชื่อว่าอะไรนะ? แม่สาวแก่นแก้วคนนั้น…
สินีอย่างนั้นหรือ?
ภูมินทร์เหยียดยิ้ม ใบหน้าเจ้าแผนการปรากฏให้เห็นพร้อมเสียงหัวเราะและความคิดบางอย่างที่เปล่งเสียงดังออกมาทางสายตา
หล่อนจะรู้ตัวหรือเปล่านะ ว่าการพูดจาไม่ระวังของตัวเองจะทำให้หล่อนได้รับสิทธิพิเศษในการยกระดับให้เป็นพนักงานระดับพรีเมี่ยมคนแรกที่ถูกเขาบันทึกชื่อไว้ในบัญชีดำตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มงาน!
มาแล้วค่ะ มาอีกเศษเสี้ยวใจ ตอนที่แล้วไฮโซกินส้มตำ แต่ตอนนี้ไฮโซสำลักส้มตำค่ะ
วันนี้สมองแอบไม่ค่อยแล่นแฮะเลยเอามาลงช้า อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นสิบรอบได้ แหะๆ ยังไงก็ฝากติดตามดวงใจปรารถนาตอนต่อๆไปด้วยนะคะ
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาเช็คชื่อกัน+คอมเม้นให้กำลังใจทุกเม้นน้า
ไว้เค้าจะหาเวลามาตอบเน้อ
รักคนอ่านมากมาย
จากนัก(อยาก)เขียน
อัลลัวร์ Allure
ความคิดเห็น