คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1: คุณนายสายเสมอ
บทที่1
คุณนายสายเสมอ
รถโฟล์คเต่ารุ่นเดอะสีเหลืองอร่ามหักเลี้ยวเข้ามาภายในลานจอดรถพนักงานอย่างรวดเร็วจน ลุงแก้ว พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือจะเรียกว่า จิ๊กโก๋คุมลาน ฉายาที่บรรดาพนักงานของโรงแรมสุรางค์วดีบูทิคโฮเทลพากันสถาปนาให้เพราะความใจใหญ่ของแกวิ่งหลบรถแทบไม่ทัน
ถนนที่ไม่ได้ถูกลาดยางหากแต่ใช้กรวดเม็ดเล็กปูไว้คลุ้งไปด้วยเศษฝุ่นที่ปลิวขึ้นจากพื้น ชายอายุราวๆห้าสิบหน่อยๆแต่ไม่ทำตัวแก่ไปตามวัยปัดปอยผมน้อยนิดที่ปรกลงเนื่องจากแรงลมให้กลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อปกปิดความมันวาวของศีรษะทุย
เขาหันมองหญิงสาวเจ้าของเต่าเหลืองที่บัดนี้ตาลีตาเหลือกเปิดประตูลงจากรถดูท่าจะรีบร้อนไม่ใช่น้อย
“ไงหนูสินี วันนี้ใส่ตีนผีเหยียบมิดมาเลยนะ” เขาโบกมือให้ผู้หญิงผมยุ่งในชุดยูนิฟอร์มสีเทากระโปรงม่วงที่กำลังง่วนอยู่กับการติดป้ายชื่อรูปวงรีสีเงินลงบนอก
“นอนเพลินจนตื่นสายน่ะสิลุง” หล่อนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผู้สูงวัยกว่า พูดไปพลางจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมไปพลาง
“เดือนนี้กี่ครั้งแล้วล่ะ”
“อย่าถามเลยค่ะ เยอะจนสินีไม่ทันได้นับ”
หญิงสาวยิ้มแห้ง หยิบรองเท้าส้นสูงสีดำขลับออกมาจากถุงผ้า โยนมันลงบนพื้นถนนลวกๆ ก่อนจะดีดรองเท้าขนปุยสีชมพูที่หล่อนซื้อไว้สำหรับใส่ในบ้านออกไป
“รีบไปเถอะยัยหนู อีกสองนาทีจะหมดเวลาตอกบัตร เดี๋ยวน้องนุชฝ่ายบุคคลจะเหวเอา”
หญิงสาวไม่ได้ตอบ มัวแต่จับของทุกอย่างจ้วงกลับเข้าไปในรถ จะตกพื้นหรือวางบนเบาะหล่อนไม่มีเวลาคิด ตอนนี้เพียงแต่ขอให้ขาโตๆวิ่งสี่คูณร้อยบนรองเท้าส้นสูงเกือบสามนิ้วไปให้ทันตอกบัตรเข้างานก็เป็นพอ
“เอ้อลุงแก้ว…” หล่อนชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ “สินีเอามะม่วงที่บ้านมาฝาก เย็นแล้วค่อยเอานะลุง ไม่ทันแล้ว”
“เอ้อ ขอบใจๆ ไปดีๆล่ะ ขอให้ทันก็แล้วกัน”
ชายวัยห้าสิบโบกมือไล่ มองตามแผ่นหลังของพนักงานสาวที่กำลังวิ่งกระโดกกระเดกบนพื้นที่เต็มไปด้วยกรวดเม็ดเล็กก่อนจะสั่นศีรษะ
“คุณนายตื่นสายประจำโรงแรม… สินีสายเสมอ”
ห้าสิบห้า ห้าสิบหก ห้าสิบเจ็ด ห้าสิบแปด ห้าสิบเก้า…
“หกสิบ!”หล่อนเอ่ยเสียงดังจนเกือบจะเป็นตะโกนในจังหวะที่นิ้วโป้งสัมผัสลงบนจุดแสกน เสียงสัญญาณจากเครื่องดังขึ้นบ่งบอกว่าข้อมูลการเข้างานของหล่อนถูกบันทึกเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวมองภาพตัวเองในมอนิเตอร์ ข้างๆปรากฏข้อมูลระบุเวลาเข้าทำงานของวันนี้
เจ็ดนาฬิกาพอดิบพอดี
“เยส!” หล่อนไม่ถูกหักเงินเดือน
จังหวะที่ดีใจเป็นบ้าเป็นหลังกระจกเล็กๆข้างเครื่องแสกนก็ถูกเคลื่อนออกพร้อมด้วยเสียงทักทายจากเพื่อนรุ่นพี่
“เส้นยาแดงผ่าแปดอีกแล้วนะสินี” นีรนุช หนึ่งในสมาชิกของฝ่ายทรัพยากรบุคคลทักทายด้วยเสียงสดใส
“นิดหน่อยค่ะพี่นุช”
หล่อนย่นจมูก คลี่ยิ้มแห้งๆส่งไป
“อย่านิดบ่อยก็แล้วกัน วันมะรืนจีเอ็มคนใหม่จะมา สินีรู้ข่าวใช่ไหม”
“อ้าว แล้วคุณพิสุทธิ์ล่ะค่ะ” คิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้น เอียงคอแสดงอาการสงสัย
มิตรสินีเอ่ยถึงชายวัยกลางคน ผู้จัดการโรงแรมคนเก่าที่ใครๆเรียกกันติดปากตามชื่อตำแหน่งว่าจีเอ็ม
“ย้ายไปทำสำนักงานใหญ่”
ว้า น่าเสียดาย…
มิตรสินีถูกชะตากับเจ้านายคนนี้มากเป็นพิเศษ ถึงเขาจะดูเฮี้ยบ เจ้าระเบียบ แต่ก็เป็นคนที่เอาใจใส่ลูกน้อง และเป็นห่วงความเป็นอยู่ของทุกคน
ภาษาธุรกิจเรียกพนักงานอย่างพวกหล่อนว่าลูกค้าภายใน คนเป็นเจ้านายที่ดีไม่ใช่สักแต่จะเอาใจใส่ลูกค้าขององค์กรเท่านั้น แต่เขายังต้องคำนึงถึงพนักงานหรือลูกค้าภายในอย่างพวกหล่อนด้วย เพราะพวกพนักงานเนี่ยแหละ ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้า มิตรสินีมองว่าคุณพิสุทธิ์เป็นเจ้านายชั้นยอดที่ดูแลลูกน้องเป็นอย่างดีและไม่เคยบกพร่อง ช่างน่าเสียดายที่หล่อนจะไม่ได้ทำงานภายใต้คนดีๆแบบเขาอีก
“น่าเสียดายจังนะคะ แต่ก็ต้องยินดีกับจีเอ็มด้วย เพราะตำแหน่งเลื่อนขึ้นเงินเดือนก็คงเพิ่มขึ้นตาม”
“ทุกคนที่ได้ยินก็บ่นเสียดายหมด แต่แกทำงานดี เป็นคนโปรดของคุณหญิง ไม่แปลกที่แกจะก้าวหน้าเร็วแบบนี้” นุชนารถพาดพิงถึงคุณหญิงสายสมร ภรรยาเจ้าของกิจการที่ค่อนข้างมีบทบาทในบอร์ดบริหาร
“ภาวนาขอให้จีเอ็มคนใหม่ดีเหมือนจีเอ็มพิสุทธิ์ก็แล้วกันนะคะ”
คนฟังส่ายหน้าในทันที ร่อนมือไปมาเป็นเชิงไม่เห็นด้วย “เห็นทีคงจะยาก”
“ทำไมคะ พี่นุชรู้แล้วหรือคะว่าใครมาแทน”
“หึๆ” นุชนารถครางในลำคอ “ก็ลูกนายใหญ่น่ะสิ”
“หา!”
มิตรสินีเบิกตาโพลง ตกใจเมื่อได้รับคำตอบ ปกติแล้วทายาทเจ้าของส่วนใหญ่มักจะถูกพ่อแม่จับให้นั่งในบอร์ดบริหาร จะเป็นเอ็มดี หรือกรรมการผู้จัดการอะไรก็ว่ากันไป จึงถือเป็นเรื่องแปลก ที่คนระดับเจ้าของกิจการอย่างพวกเขาปล่อยให้ลูกแท้ๆของตัวเองมาทำงานเป็นแค่ผู้จัดการคุมโรงแรมสาขาเล็กๆ
แต่เดี๋ยวก่อน…
หล่อนเคยได้ยินมาว่านายใหญ่กับคุณหญิงสายสมรมีลูกแค่สองคน คนโตเป็นผู้หญิง แต่งงานเป็นภรรยาทูต ย้ายไปลงหลักปักฐานอยู่เมืองนอกกับสามี เพราะฉะนั้น คนที่จะมาเป็นผู้จัดการ ก็ต้องเป็นลูกชายคนเล็ก…
“อย่าบอกนะคะว่าจีเอ็มคนใหม่คือ…”
“คุณภูมินทร์”
“ไฮโซที่มีข่าวเรื่องเจ้าชู้ๆน่ะหรือคะ”
“อ่าฮะ” นุชนารถพูดพลางสำรวจเล็บตัวเองไปพลาง “หล่อขั้นเทพ เจ้าชู้ตัวพ่อ แล้วก็เฮี้ยบสุดๆ”
“พี่นุชเคยเห็นหน้าเขาหรือคะ”
“พี่เคยเห็นก่อนที่เขาจะไปเรียนเมืองนอก เมื่อก่อนคุณหญิงชอบควงเขาออกงานบ่อยๆ ลงข่าวตามนิตยาสารหรือพวกรายการไฮโซอยู่บ้าง สินีไม่เคยเห็นเหรอ”
“ไม่เคยค่ะ” มิตรสินีสะบัดหน้า ปกติไม่ค่อยจะซื้อหนังสืออะไรเทือกนั้นอ่านสักเท่าไหร่ แล้วที่นี่ก็เชียงใหม่ หนังสือที่วางตามแผงแถวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นพวกซุบซิปดาราเสียมากกว่า แล้วไอ้บางกอกกระซิบ รายการที่นำเสนอข่าวในแวดวงไฮโซที่มักจะฉายช่วงเช้าก็ไม่เคยได้ดูเพราะต้องเข้าเวรตลอด หล่อนจึงได้ยินแต่ชื่อกับกิติศัพท์ แต่ไม่เคยเห็นหน้า
“ก็ไม่แปลกหรอกที่ไม่เคยเห็น แกเพิ่งกลับจากเมืองนอกได้ประมาณปีนึง เรียนต่อโทน่ะ แต่พอกลับมาก็ไม่ค่อยได้ออกงานสังคมบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”
“อ่อ” มิตรสินีพยักหน้า
“แล้วนี่สินีไม่รีบไปเหรอ พี่ไข่มุกเรียกบรีฟงานเช้าไม่ใช่หรือไง”
“ตายแล้ว!” มิตรสินีอุทานเสียงดังเมื่อถูกสะกิดให้รู้ตัว
คุยเพลินจนลืมงานซะได้! งานนี้หล่อนต้องโดนเชือดอีกแน่ๆ!
“โอ้ย ตายๆๆ สินีไปก่อนนะคะพี่นุช ขืนช้ากว่านี้หัวหลุดจากบ่าแน่ๆ” มิตรสินีโบกมือให้นุชนารถก่อนออกวิ่งอีกครั้ง หล่อนสาวเท้าอย่างรวดเร็ว พยายามทำเวลาเพื่อให้ไปถึงแผนกต้อนรับส่วนหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่ขาของหล่อนจะมีกำลัง
โดยธรรมเนียมทั่วไป ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเข้ามาเปลี่ยนกะ Chief Reception ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่คอยควบคุมบรรดาพนักงานต้อนรับระดับล่างสุดของโรงแรมจะทำการเรียกประชุมเพื่อรายงานความก้าวหน้าและพูดคุยถึงเนื้องานที่จะต้องเจอในแต่ละวันโดยใช้เวลาสามสิบนาทีก่อนเปลี่ยนกะใหม่ วันนี้มิตรสินีเข้างานเช้า กำหนดเวลาบรีฟงานจึงอยู่ที่เจ็ดโมงครึ่ง แต่เมื่อยกนาฬิกาขึ้นมองกลับพบว่าหล่อนสายกว่าเวลานัดไปเกือบสิบนาทีแล้ว
“ตายๆ สับขาหลอกจนกล้ามขึ้นเต็มน่องแล้วยัยสินี!”
หล่อนพึมพำกับตัวเอง บัญชาให้ขาทั้งสองข้างวิ่งมาตามทางเล็กๆซึ่งถูกสร้างเป็นพื้นที่ของพนักงานหรือจะเรียกว่าหลังบ้านก็ได้ หล่อนวิ่งผ่านแผนกจัดซื้อ ลอนดรี้ แผนกจัดดอกไม้ และแผนกเบเกอรี่ โดยไม่มีเวลาหยุดทักทายใคร
มิตรสินีเดินมาจนสุดทางจนกระทั่งประตูไม้บานใหญ่ปรากฏแก่สายตา ภายนอกประตูบานนั้นคืออาณาเขตของล็อบบี้โรงแรมสุรางค์วดีบูทิคโฮเทล โรงแรมขนาดกลางซึ่งมีการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมล้านนาที่ถูกดึงเข้ามาผสมผสานกับความทันสมัยและสะดวกสบาย ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นทางเลือกอันดับต้นๆของบรรดานักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเผื่อเสพวัฒนธรรมและความเป็นล้านนาโดยเฉพาะ
หญิงสาวหยุดอยู่หน้าประตูครู่ใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อยแล้วจึงค่อยๆแง้มประตูออก ยื่นหน้าแทรกออกมาจากช่องประตูแคบๆ
ซวยแล้ว!
อุทานกับตัวเองอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกันยืนเรียงแถวกันเป็นตับ หนึ่งในนั้นคือเพื่อนหล่อน
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ปลายสุดของแถวพยายามชะเง้อมองมายังประตูที่หล่อนยืนอยู่ ปากเรียวที่แต้มด้วยลิปสติกสีชมพูก็ขยับเป็นคำพูด จับใจความได้ว่า ‘เร็วๆเข้า’ กับ ‘เธอตายแน่’
มิตรสินีกลืนน้ำลายเอื๊อก ค่อยๆจะแทรกตัวออกมาช้าๆ
เดินตัวลีบอย่างคนทำความผิด รู้สึกเหมือนตัวเองถูกไฟฉายย่อส่วนฉายจนตัวเล็กเท่ามดคันไฟ ใบหน้าแหยแกค่อยๆยื่นออกไปสบกับเจ้าของแววตาคมกริบที่กำลังใช้สายตาพิฆาตมองมาทางหล่อน
“สิบสองนาที สามสิบเก้าวินาที สายอีกแล้วนะสินี”
รสิตา Chief Reception หัวหน้าผู้กุมความเรียบร้อยพนักงานต้อนรับระดับล่างสุดยกนาฬิกาขึ้นสำรวจเวลาก่อนจะเอ่ยกับลูกน้องจอมสาย
หล่อนเป็นผู้หญิงวัยสามสิบต้นๆ แต่ยังสวยเช้งเหมือนสาวแรกรุ่น ไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าอายุเข้าเลขสามมาสี่ปีแล้ว
“พฤติกรรมการมาสายของสินีเราควรจะแก้ยังไงดี เรื่องทำงานพี่ไม่ห่วง พี่รู้ว่าสินีทำงานดี แต่มาสายเป็นประจำแบบนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ” รติสาตำหนิ ฝ่ายคนทำผิดได้แต่ก้มหน้างุด ยอมรับความผิดแต่โดยดี
“สินีขอโทษค่ะ…”
รสิตาส่ายหน้าเล็กๆอย่างเอือมระอา หล่อนไม่ปฏิเสธว่ามิตรสินีเป็นเด็กน่ารัก ทำงานดี ภาษาก็เก่ง บริการก็เยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใสจนแขกเขียนชมมาหลายต่อหลายราย
หากแต่บกพร่องอยู่เพียงเรื่องเดียว คือเรื่องเวลา…
“พยายามหน่อยนะสินี อย่าให้สายอีก ถ้ามีครั้งหน้าเราคงต้องคุยกันแล้วล่ะ”
“ค่ะพี่ไข่มุก”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้สินีอยู่ช่วยจนถึงกะเย็นเลยก็แล้วกัน หมดกะเย็นเมื่อไหร่ค่อยกลับ พี่กำลังขาดคนพอดี ชมพู่ลาป่วยกะทันหัน”
“ได้ค่ะ”
อยู่รวดสามกะ!
ได้ยินแล้วหล่อนก็อยากจะทำหน้าเบ้อยู่หรอก! แต่สถานะมันไม่เอื้อ เลยต้องรับคำสั่งไปตามระเบียบเพื่อแลกกับการไถ่โทษเรื่องการมาสายสิบสองนาทีสามสิบเก้าวินาทีของตัวเอง!
“อ่านนิยายจนลืมเวลาอีกแล้วใช่ไหม!” เสียงกระซิบแหบพร่าพร้อมแรงสะกิดที่สีข้างของเพื่อนสนิททำให้หล่อนต้องหันมอง
“ก็มันสนุกจนวางไม่ลงนี่นา พระเอกในเรื่องก็ตรงสเป๊กฉันเด๊ะเลย” มิตรสินีกระซิบตอบกลับไปขณะที่รติสากำลังพูดเรื่องงานอยู่เบื้องหน้า
“เฮ้อ…ฉันว่าแล้ว” ญาณินส่ายศีรษะ เคยชินเสียแล้วกับนิสัยฝันหวานของเพื่อนรัก แน่ล่ะสิ เพราะแบบนี้มิตรสินีถึงเป็นคนมองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ใครเห็นใครก็รัก โลกสวย มองทุกอย่างดีไปหมดจนบางครั้งก็กลายเป็นคนไม่ทันคนไปเสียอย่างนั้น
ผู้หญิงตัวสูงกว่ามิตรสินีนิดหน่อยซึ่งกำลังยืนถอนใจอยู่ตอนนี้คือ ญาณิน
หล่อนเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน…
เรียกว่าเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขคงเข้าใจได้ง่ายกว่า เพราะสองสาวกอดคอกันเรียนกอดคอกันเที่ยวมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม หญิงสาวสองคนที่มีนิสัยคล้ายกัน บ้านอยู่ใกล้กัน เรียนโรงเรียนหญิงล้วนเหมือนกัน แถมยังชอบทำงานสไตล์เดียวกันเลยขอเกาะกลุ่มเหนียวแน่นเป็นตังเมชนิดที่ว่าเธอไปไหนฉันไปด้วย
จนกระทั่งชีวิตเดินมาถึงทางแยก… ต้องแยกย้ายกันหางานทำ แต่สองสาวก็มิวายได้เข้าทำงานในบริษัทเดียวกัน แถมยังสมัครในตำแหน่งเดียวกันอีกต่างหาก
คุณสมบัติครบถ้วนกระบวนความแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่าเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขก็คงจะดูแปลก
“เอาล่ะ รายละเอียดคร่าวๆก็มีแค่นี้ วันนี้งานคงยังไม่หนักมาก แต่พรุ่งนี้นี่สิของยาก กรุ๊ปทัวร์จากจีนจะลง ห้องทุกห้องจองเต็มหมด คงต้องเตรียมรับมือกันหนักหน่อยนะทุกคน”
คนจีน… แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าหิน
ส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้มักจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นปัญหาใหญ่ที่จะตามมาติดๆก็คงเป็นเรื่องของการสื่อสารและความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน งานนี้เตรียมกุมขมับเอาไว้ได้เลย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เตรียมตัวเริ่มงานได้นะ โต๊ะใครโต๊ะมัน” รสิตาเอ่ยสรุปก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ “เอ้อ! พี่ลืมไป ช่วงเย็นจะมีการแสดงความยินดีกับการเลื่อนตำแหน่งของจีเอ็ม แผนกเราจะส่งดอกไม้กับกระเช้าไป พี่ให้สินีกับณินเป็นคนจัดการนะ ไปหาช่อบูเก้สวยๆมา เอาดอกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่กุหลาบเพราะจีเอ็มไม่ชอบกลิ่น มาเบิกเงินที่พี่ แล้วก็ไม่ต้องลงไปยุ่งกับห้องดอกไม้นะ ที่นั่นดอกไม้มีไว้สำหรับแขกของโรงแรมเท่านั้น เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน โอเค๊?”
“โอเคค่ะ!” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันเพื่อรับคำสั่ง
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็หมดเรื่องคุยแล้ว ทุกคนเริ่มงานกันได้” รสิตาเอ่ยคำสั่งก่อนจะสะดุดกึกเป็นครั้งที่สองเมื่อแววตาคมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าลูกน้องสาว
“สินี” หัวหน้าคนสวยเรียกชื่อหล่อน
“ค่ะ?”
“เติมลิปด้วย”
มิตรสินียิ้มอายๆ นิ้วเรียวลูบริมฝีปากแห้งผากโดยอัตโนมัติ นึกเอือมระอาตนเองอยู่ในใจ
หล่อนรีบสุดๆจนลืมแม้กระทั่งเรื่องสำคัญอย่างการทาลิปสติก!
เพราะภารกิจที่ได้รับทำให้มิตรสินีและเพื่อนได้โอกาสเปลี่ยนบรรยากาศในการรับประทานอาหารเที่ยงซึ่งปกติจะถูกจำกัดอยู่ในแคนทีนพนักงาน ไม่ใช่ว่าอาหารพนักงานไม่อร่อย แต่มันน่าเบื่อเพราะกินอยู่แบบเดิมทุกวันเพียงแต่เวียนเมนูก็เท่านั้น หล่อนเองเคยเปรยๆกับนุชนารถแผนกบุคคล เพื่อนร่วมงานที่นับถือเป็นพี่สาว ขอให้ทำเรื่องเปลี่ยนเมนูอาหารให้พนักงานบ้าง เพราะที่กินอยู่มันซ้ำซากเต็มที ผ่านมาเป็นเดือนแล้วแต่เรื่องก็ยังไม่ไปถึงไหน งานนี้สงสัยหล่อนคงจะแห้วไปตามระเบียบ
งานนี้เมื่อยังพอมีเวลาก่อนไปซื้อดอกไม้ มิตรสินีจึงตัดสินใจลากญาณิน ออกมากินส้มตำเจ้าเด็ดของเชียงใหม่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาด ที่นี่ไม่ใช่ร้านหรูอะไรนัก แต่รสชาติระดับ Michelin Stars เรียกได้ว่าใครมาเชียงใหม่แล้วเป็นคอส้มตำก็ต้องมาทานร้านนี้
ดูดีระดับข้าวซอยเสมอใจ…
“ตำปูม้าใส่พริกยี่สิบเม็ด!” ใบหน้าระริกระรี้เด่นเด้งมาก่อนใครเมื่อส้มตำจานโตถูกนำมาวางตรงหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง มือเรียวๆไม่ห่วงเปื้อนหยิบมะละกอเส้นสวยจากจานตรงเข้าปากทันที
“นี่! ใช้ส้อมก็ได้” ญาณินตีแป๊ะที่มือหล่อน ส่งอุปกรณ์ให้มิตรสินี
จังหวะนั้นเองที่หญิงสาวไม่ทันระวัง เพราะขนาดร้านที่ไม่กว้างมากนักทำให้หล่อนขยับไปชนผู้ชายอีกด้านหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อุ้ย โทษค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า เช็ดปากที่เปรอะไปด้วยน้ำดื่มหลังจากแผ่นหลังเล็กๆกระแทกมาชนเขาในจังหวะที่กำลังจิบน้ำดับกระหายพอดิบพอดี เมื่อได้รับคำขอโทษแบบห้วนๆก็เหลือบมองคนชนด้วยหางตา แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่หล่อนใส่
ถ้าจำไม่ผิด ยูนิฟอร์มแบบนี้… เกล้าผมแบบนี้…
พนักงานของสุรางค์วดี?
เด็กสาวสองคนที่กำลังจะเป็นลูกน้องของเขาในอีกสองวันข้างหน้า?!
ตอนแรกมาแล้วค่ะ พาคุณภู(พระเอก) ไปกินส้มตำมา ฮ่าๆ
แฟนๆที่เคยตามจากดวงใจศิลาจะรู้ว่า "ส้มตำ" กับ "ไฮโซรูปหล่อ"
มันช่างขัดแย้งกันเหลือเกิน คุณ Rabbit Pink บอกว่าถูกใจอิมเมจคุณภูมาก ดีใจที่เห็นตรงกันค่ะ
ขอบคุณ คุณ เมเปิ้ล และคุณ ninan ที่เข้ามาคอมเม้นประเดิมให้กับออร์เดิร์ฟของไรท์เตอร์
ขอบคุณแฟนๆนิยายทั้งที่ตามมาจากดวงใจศิลา และแฟนๆใหม่ๆทุกคนนะคะ ใครยังไม่เคยอ่านดวงใจศิลาก็ตามอ่านกันได้น้า ไรท์เตอร์ยังไม่ลบค่ะ อิอิ
.
เปิดตอนแรกส่วนใหญ่จะดำเนินเรื่องไปที่มิตรสินี นางเอกยิ้มสวยของเรา ตอนหน้าจะเจอคุณภูแล้วค่ะ
จีเอ็มรูปหล่อพ่อรวยจะมาแผ่อิทธิพลในโรงแรมแล้วนะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
อัลลัวร์ :)
ความคิดเห็น