คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 7 คมดาบที่เสียบทะลุ
บทที่ 7 คมดาบที่เสียบทะลุ
.
...
.....
"แหม อะไรกันครับ แค่บอกว่าคุณๆ ยมทูตเป็นพวกเดียวกันกับเราแล้วทำไมต้องตกใจกันด้วยครับ"
ซาตานเอ่ยทำลายความเงียบที่แม้แต่ความอ่อนไหวของเปลวไฟที่อยู่บนคบเพลิงยังส่งเสียงดังกว่า เขาล้วงมือไปในผ้าคลุมพร้อมดึงแผ่นหนังขาดๆ เปื้อนๆ ที่ม้วนเป็นทรงกระบอกขนาด 1 ฟุตออกมากางลงบนโต๊ะไม้ที่มีสภาพรับกับแผ่นหนัง สเตฟานี่เหลือบมองหน้าเรย์ แต่ชายหนุ่มกลับกอดอกและเพ่งสิ่งที่อยู่บนโต๊ะอย่างเงียบๆ
"นี่คือแผนที่ศาลมหาเทพของปีที่แล้ว สำหรับคุณลุคจะรู้สึกแปลกตาเพราะที่นั่นปรับโครงสร้างจากแต่ก่อนค่อนข้างมาก"
ลุคเดินเข้าไปใกล้โต๊ะมากยิ่งขึ้นเพื่อมองสิ่งที่อยู่ในแผ่นหนัง ในนั้นมีรูปของสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหน้าไม้ถูกเขียนด้วยหมึกจางๆ หากมองจากด้านของซาตานที่เป็นด้านที่วางในตำแหน่งที่ถูกต้อง ปลายด้านขวาที่เป็นส่วนด้ามคือทางเท้ายาวตรงก่อนเข้ามาถึงห้องโถงที่เป็นทรงกลม รอบโถงเขียนวงกลมเล็กๆ ซึ่งบ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของเสาหินอ่อน รูปโต๊ะพิพากษาคือสิ่งเดียวที่วาดได้คล้ายที่สุดในภาพทั้งหมด มันตั้งอยู่ริมสุดของโถงที่ขนานกับทางเดินตรงที่เป็นเข้าซึ่งราวกับอยู่ในตำแหน่งของปลายลูกดอกในหน้าไม้ ด้านบนและล่างห่างจากโต๊ะพิพากษาออกมาหน่อยระบายสีทึบเป็นจุดเล็กๆ ด้านบน เขียนกำกับไว้ว่า'ประตูสวรรค์'และ'ประตูนรก'อยู่ด้านล่าง ด้านหลังของประตูทั้งสองคือทางเดินแคบที่โค้งเพื่อให้รับกับโถงก่อนจะแยกเป็นทางตรงเมื่อถึงกึ่งกลางของโถง และนั่นทำให้มันเหมือนปลายที่ไว้สำหรับขึงเอ็นเพื่อดีดลูกดอกหน้าไม้ เพียงแต่ปลายของด้านบนที่เป็นสุดทางมีรอยหมึกที่เพิ่งเขียนใหม่ๆ เป็นเครื่องหมาย'ถูก' ส่วนสุดทางด้านล่างเขียนเครื่องหมายกากบาท
"ในตอนแรกที่เราไปทุกคนจะโผล่ที่ตรงนี้"
ซาตานชี้นิ้วอันซีดเซียวลงบนทางเดินก่อนเข้าโถง
"หลังจากเราไปถึง ผม คุณลุค คุณเรย์มอนด์ และคุณจอห์น จะจับกลุ่มและมุ่งหน้าไปที่ประตูมิติของสวรรค์โดยเร็วที่สุด..."
เขากล่าวพลางลากนิ้วผ่านห้องโถงขึ้นไปยังทิศเหนือของโต๊ะพิพากษาและลากต่อไปเข้าประตูและหยุดตรงจุดสิ้นสุดที่เขียนเครื่องหมายถูก
"...ถ้าพูดให้ถูกคือเราจะทำยังไงก็ได้ขอให้คุณเรย์มอนด์ได้ขึ้นไปก่อน จากนั้นคุณจะต้องใช้ความสามารถของคุณพาพวกเราข้ามมิติขึ้นไป เพราะงั้นต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม ขอให้คุณจำไว้ว่าจุดมุ่งหมายของพวกเราอยู่ที่คุณ"
เรย์โค้งตัวอย่างนอบน้อมกับคำของนาย สเตฟานี่ส่งหางตาไปอย่างไม่พอใจเท่าใดนักก่อนจะพูด
"แล้วสมมติว่าไอ้ประตูศาลอะไรนั่นเกิดปิดก่อนพวกเราไปถึงขึ้นมาเราจะเอาไงต่อ"
"การปิดการเชื่อมต่อมิติกับศาลมหาเทพนั้นต่างกับที่อื่นตรงที่มันเกิดขึ้นจากการซ้อนทับจากอำนาจคาถาของทั้งฝ่ายพระเจ้าและฝ่ายอัยการ มันค่อนข้างละเอียดอ่อนอธิบายไปก็ยาวครับ เอาเป็นว่าหลังจากพวกนางฟ้ารู้ข่าวพวกเราแล้วเรายังมีเวลาอีก 3 วันครับ ใช้ 2 วันเพื่อให้ผมปรับขนาดประตูมิติให้กว้างพอ เมื่อเสร็จเราจะไปถึงที่นั่นโดยที่เวลาก็น่าจะยังเหลืออีกประมาณ 3 ถึง 4 ชั่วโมงครับ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะทัน"
ซาตานอธิบาย เขากวาดตามองสีหน้าครุ่นคิดของเหล่าผู้ร่วมอุดมการณ์
"ถ้าเรื่องนั้นเราเข้าใจกันแล้วเราควรจะยกทัพไปที่นั่นทั้งหมดเลยหรือเปล่าครับนายท่าน หากยมทูตร่วมมือกับเราแล้ว กำลังพลทั้งหมดก็ราวสามล้าน น่าจะเพิ่มโอกาสการบุกตะลุยได้ดียิ่งขึ้น"
เรย์เสนอหลังจากถอนสายตาจากแผนที่
"ที่คุณพูดมาผมเห็นด้วยครับ แต่สวรรค์ไม่ปล่อยให้เราทำงั้นได้แน่ พวกเขาต้องคิดจะโจมตีโลกมนุษย์เพราะรู้ว่าไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องป้องกัน ซึ่งการป้องกันนั้นก็ทำได้ทางเดียวคือเราต้องทอนกำลังในการบุกสวรรค์บางส่วน ว่าง่ายๆ ก็คือแผนตัดกำลังของเรา เอาอย่างนี้นะครับ ผมขอมอบหมายให้คุณคัดเลือกคนจากหน่วยทัชออฟก๊อดของคุณเพื่อเป็นผู้นำกำลังลูซิเฟอร์จำนวนหนึ่งล้านคุ้มครองโลกมนุษย์เอาไว้ ด้านศาลมหาเทพพวกเราจะยกไปสี่แสน ส่วนยมทูตก็คงต้องแล้วแต่ท่านยมฯเขาล่ะครับ กำลังหกแสนที่เหลือจะคอยอยู่ที่ทางเชื่อมระหว่างนรกกับโลกมนุษย์เพื่อคอยเติมกำลังและสนับสนุนทั้งสองด้าน..."
"ขอแทรกหน่อยละกัน"
ลุคพูดขึ้น แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังทำตาเป็นรูปสะพานโค้ง
"เคยได้ยินว่ามิคาเอลจัดตั้งกองกำลังอะไรไว้สักอย่าง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อว่าหน่วยทศพร"
"ทศพรนี่หมายถึงนางฟ้าระดับเทพ 10 คนรึเปล่าครับ?"
ซาตานถามยิ้มๆ พร้อมพึมพำให้ทุกคนได้ยินถึงอุปสรรค์ในการบุกสวรรค์ที่รู้เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง
"แต่ฉันคิดว่าไม่หรอก" ลุคพูดค้าน "โดยส่วนตัวฉันว่าคนอย่างมิคาเอลน่าจะส่งพวกนั้นลงมาสมทบกับกองกำลังสวรรค์สักทางที่เราจะบุกไปมากกว่า ศาลมหาเทพมีพวกอัยการอยู่แล้ว เพราะงั้นมันน่าจะส่งไปที่โลกมนุษย์นั่นแหละ"
ลุคว่าจบ ซาตานจับคางและพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย แม้เรย์ สเตฟานี่และจอห์นจะไม่ได้แสดงท่าทางกวนประสาทเช่นนั้น แต่สีหน้าทุกคนก็บ่งบอกถึงความเข้าใจ
"แล้วสมมติว่าผ่านทุกอย่างไปได้หมดจนขึ้นไปบนสวรรค์สำเร็จ เราต้องทำไงต่อ?"
สเตฟานี่ที่ถอนสายตาจากแผนผังศาลเอ่ย ทันทีนั้น มือที่ชายร่างแกร็นใช้จับคางดีดดังเป๊าะ เรย์เหลือบตามองเธออย่างเงียบๆ
"นั่นสินะครับ จะว่าไปอย่างแรกที่จะต้อนรับเราเลยเมื่อไปถึงก็อย่างที่รู้กัน นั่นคือสุดยอดคาถาป้องกันผู้บุกรุกที่ทรงอานุภาพที่สุดที่เรียกว่า'เพลิงชำระ' หากผู้ใดมีแม้แต่เศษเสี้ยวความชั่วซ่อนอยู่ในจิตใจล่ะก็เพลิงสีขาวนั่นจะเผาผลาญวิญญาณจนมอดไหม้สูญสิ้น ไม่ต้องพูดถึงพวกเราที่เป็นคนบาปหนา..."
ซาตานหยุดเพื่อทบทวนคำพูดใหม่ เขาหัวเราะประสาทๆ เมื่อหญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นี้จ้องเขา
"...เอ่อ...นั่นแหละครับ ถ้าพวกเราไปโดยไม่เตรียมการคงโดนไหม้เป็นแน่ แต่ไม่ต้องห่วงครับ คุณลุคใช้เวลาหลายปีเพื่อฝึกคาถาที่ใช้รับมือกับระบบสุดโหดของสวรรค์นั่นโดยเฉพาะ เพราะงั้นไม่ต้องกลัว ส่วนอีก 2 อย่างที่เราต้องทำเมื่อไปถึงที่นั่นคือรีบวิ่งเข้าตัวราชวังและสังหารพระเจ้า ทุกสิ่งจะจบลงที่เขา เป้าหมายของพวกเราจะลุล่วงเมื่อเขาตาย พูดและฟังมันดูเหมือนง่ายแต่ความจริงก็...รู้กันอยู่ครับ"
ซาตานพูดด้วยเสียงสบายๆ ก่อนจะแจกยิ้มให้ทุกคน
"ปิดการประชุม"
ลุคเอ่ยเสียงเย็นพร้อมยิ้มเสแสร้ง
.....
...
.
ร่างที่ถูกกระชากมาโดยพละกำลังเกินกว่าจะสะบัดให้หลุดได้โดนเขวี้ยงลงมาบนพื้นของโต๊ะไม้ขนาดเท่าเรือเหาะจนเศษไม้แตกกระจาย อีกร่างหนึ่งในชุดคลุมเขียวก็ตกลงมากระแทกลงบนพื้นไม่ห่างจากร่างแรกเท่าใด ก่อนสองร่างบนฟ้าจะร่อนลงมาอย่างนิ่มนวล
"สภาพดูไม่ได้เลยนี่พ่อองค์ชายอัจฉริยะ อยากกลับบ้านแล้วรึไงถึงได้รีบถึงเพียงนั้น"
ลุคยันตัวขึ้นพร้อมความเจ็บปวดที่มากเอาการ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเลิกปั้นยิ้มได้ ร่างเล็กที่โดนเหวี่ยงลงมาหลังเขาเองก็ลุกขึ้นและหัวเราะด้วยเสียงแหลมสูง
"อะฮ่า ท่านอัยการมาในร่างนี้ก็แสดงว่ากะจะใส่พวกเราเต็มสูบเลยสินะครับ"
"หึ ก็งั้นแหละ นั่งอยู่แต่บนบัลลังก์เดี๋ยวกล้ามเนื้อมันจะหดตัวซะก่อน"
"เป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้เป็นเครื่องออกกำลังกายให้กับท่านอัยการผู้ตัดสินทุกข์สุข รับรองว่าเล่นกับพวกเราท่านจะสบายเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะครับ"
"งั้นก็'โทษทีว่ะ แต่สวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่ฉันกระเสือกกระสนอยากจะไป"
"อ้าว งั้นเหรอครับ"
ขณะที่ทั้งคู่ยิ้มแย้มให้กัน จิตสังหารเย็นเยือกก็แผ่ใส่กันอย่างไม่ปิดบังจุดประสงค์
จิตสังหารของคนทั้ง 3...อัยการสูงสุด แอร์ไลท์องค์รักษ์ และซาตาน...
"ท่านอัยการระวังหลังขอรับ!!!"
คนเดียวที่ไม่แผ่จิตสังหารบัดนี้ได้เข้าประชิดร่างสูงเรียบร้อยแล้ว แอร์ไลท์ที่อยู่ห่างอัยการสูงสุดเพียงไม่กี่เมตรก็ไม่อาจตามความเร็วของลุคและดาบเงินของเขาทัน บัดนี้มันรุกล้ำเข้าสู่ร่างของชายผู้อยู่จุดสูงสุดของศาลมหาเทพเรียบร้อยแล้ว
"เผื่อแกไม่รู้ฉันก็จะใจดีบอกสักหน่อย..."
ลุคดึงดาบที่คว้านออกจากร่างของอัยการสูงสุดที่ล้มลง เขาส่งยิ้มบูดเบี้ยวให้ร่างขององค์รักษ์ที่ก่นด่าพร้อมโถมสาดคาถาใส่เขา
"...ฉันเกลียดการพูดพร่ำทำเพลง"
เสียงนุ่มดังอยู่ด้านหลังองค์รักษ์หนุ่ม ไม่ทันที่เขาจะหันหลังกลับไป สายตาก็ปะทะเข้ากับใบโลหะสีเงินที่แล่นผ่าร่างเขา และชายนามซาตานโบกมือในความหมายของคำว่าลาก่อน พริบตา สติของแอร์ไลท์ดับวูบลง เขาล้มลงแทบเท้าลุคซึ่งเตะออกอย่างรำคาญ
"สุดยอดเลยครับ สองคนคนละดาบเดียว คุณกลายเป็นคนที่ผมไม่กล้าเป็นศัตรูด้วยไปแล้วรู้ตัวมั้ยครับเนี่ย"
ลุคไม่ตอบอะไร ซาตานมองศพทั้งสองที่กำลังระเหยเป็นไอด้วยแววตาชื่นชมและฉีกยิ้มสะใจ
"งั้นไปกันเถอะครับ ป่านนี้คุณเรย์คงใกล้จะถึง..."
ยังไม่ทันจบประโยค บนหน้าอกของร่างผอมแกร็นถูกแทงทะลุด้วยทวนแหลมจนเกือบถึงกลางด้าม ก่อนร่างจะปลิวไปด้วยพลังหมัดอันมหาศาล เขากลิ้งหลายตลบและหยุดลง
"อ้ากๆๆๆๆๆ"
ซาตานร้องลั่นอย่างเจ็บปวด
"ถ้าเสร็จแค่ดาบเดียวฉันคงไม่มานั่งลอยหน้าให้คนเขาก้มหัวให้หรอก ว่ามั้ยล่ะพ่อองค์ชาย"
ประกายสีเงินวิบวับอยู่ทั่วด้ามของทวนอันยาวในมือซ้าย ในมือขวาที่สวมถุงมือเหล็กก็ทอไปด้วยประกายแบบเดียวกัน ลุคมองร่างซาตานที่กำลังดิ้นพราดและมองอัยการสูงสุดด้วยแววตาราวปิศาจแบบเดียวกัน ก่อนพ่นลมออกมาทางปาก
"ฉันก็ไม่ได้ชื่อ'อัจฉริยะ'มาเพราะแค่วิ่งเร็วเหมือนกัน"
สิ้นคำลุค ภาพโดยรอบของอัยการสูงสุดขาวโพลน สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือชายที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มปลอมๆ ยืนพาดดาบเงินไว้กับบ่า
อัยการฯรู้ตัวว่าชะตาขาดแล้วก็เมื่อเขารู้ว่าต่อให้วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่มีวันถึงตัวอดีตองค์ชายแห่งสวรรค์ ทั้งๆ ที่อยู่เพียงตรงหน้า
ในมิติแห่งความจริง ลุคยืนเท้าเอวอย่างมั่นคง ตรงข้ามกับผู้นำเหล่าอัยการที่เริ่มทรุดลงกับพื้น พร้อมมีฟองสีขาวไหลออกมาที่ปาก จมูก และรูหู 2 ด้าน
"อั่ก"
ดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผมเหลือกลอย เข่าทรุดลงกับพื้นใบหน้าซีดขาวล้มคว่ำลงกับพื้นโต๊ะไม้ ลุคหัวเราะ หึ เพราะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ฮ่ะ...ฮ่ะ..สำเร็จแล้วนะครั..บ..เอาล่ะ...ทีนี้ช่วยผมที"
บัดนี้ซาตานนอนนิ่งราวถูกสาป ไม่ต้องเสียเวลาเดาก็รู้ว่าสาเหตุที่เขาพูดติดขัดเป็นเพราะความเจ็บปวด ลุคถอนหายใจอย่างจงใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาต้นเสียงและเดินเข้าไป ซาตานที่เหมือนทารกรอการปกป้องจากมารดาหัวเราะไม่มีเสียงเป็นการขอบคุณ
แต่ทว่า
เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงที่หมาย กลับทำตรงกันข้าม
รอยยิ้มของซาตานแห้งไปราวกับถูกยึดแย่ง กลับกัน ลุคแสยะยิ้มแก้มปริเมื่อเขาใช้ดาบเงินวาววับเสียดแทงเข้าที่ท้องของชายผู้รอความช่วยเหลือ
"กะ..ไว้แล้ว...คุณ..รอโอกาสฆ่าผม...นานแล้ว..สินะ..อั่ก" ซาตานเอ่ย ม่านตาเขาเบิกโพลงอย่างตกใจคละหวาดกลัวเมื่อความรู้สึกเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นเพราะการคว้าน
"เปล่าหรอก แต่แกมันหมดประโยชน์แล้วซาตาน อีกอย่างฉันก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งแกในการคืนชีพเมย์แล้วด้วย"
ลุคยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อซาตานถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงขีดสุด
"ทั้งๆ ที่ผมช่วยคุณไว้เนี่ยนะ!!!จากพ่อของคุณ!!!ถ้าผมไม่ช่วยคุณไว้ป่านนี้คุณก็ตายไปตั้งนานแล้ว!!!นี่คือการตอบแทนงั้นรึ!!!"
"แกไม่ได้ช่วยฉันเพราะคิดถึงเรื่องความยุติทงยุติธรรมอะไรนั่นหรอก แกก็แค่ต้องการใช้ประโยชน์จากฉันเท่านั้น ลองแกได้สิ่งที่อยากได้คืนมาทั้งหมดสิ ฉันเองก็คงถูกแกฆ่าตายเหมือนกัน"
ลุคดึงดาบออกก่อนจะแทงลงไปอีกแผลใกล้กัน
"แต่ถึงไงก็ขอบใจแหละ"
"ไอ้คนสารเลว ทรยศกันได้นะ"
"ทรยศ? ฉันกับแกเคยเป็นพวกเดียวกันด้วยเรอะ? แล้วคนสารเลวน่ะมันแกต่างหาก ถามใครดูก็ได้ว่านางฟ้ากับซาตานอะไรคือสรรพนามแห่งความชั่วช้า การที่ความเลวถูกกำจัดมันเป็นเรื่องที่คนดีๆ เขายินดีกันจะตาย และผู้กำจัดสิ่งนั้นก็จะได้รับการสรรเสริญซึ่งนั่นก็คือฉัน เราต่างกันเยอะจะบอกให้"
ซาตานทำเสียงถมน้ำลายพร้อมบิดปากพูดเคล้าหัวเราะ
"ทุเรศ พูดมาได้เนอะครับ คนดีๆ เขาไม่ต้องมีชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ กันหรอกครับ"
"ฉันไม่สนความคิดของคนใกล้ตายหรอก หึ พูดถึงนายก็น่าจะดีใจนะ ที่อยู่มาจนเห็นความฝันเป็นจริงถึงจะอยู่ไม่จบก็เหอะ"
เรียวปากบางแห้งแตกของเจ้าแห่งความมืดทำได้แค่เพียงขยับเงียบๆ เพื่อสบถคำหยาบออกมาเมื่อลุคถอนดาบจากแผลที่ 2 ตรงท้องซึ่งเหวอะหวะและย้ายมาแทงที่คอหอย
ปิดตำนานเจ้าแห่งความมืดซึ่งมีชีวิตยืนยาวมากว่าหลายล้านปี
"หลับให้สบายล่ะ"
ลุคกลั้นหัวเราะในช่องอก ก่อนแรงสั่นระดับแผ่นดินไหวจะทำให้เขาเปลี่ยนจุดสนใจ ต้นเหตุของแรงสะเทือนนี้กลิ้งถากเอาพื้นซึ่งเป็นไม้พังยับไปไกลหลายเมตรและหยุดลง
"อ้าว อาเองเหรอครับ?"
ลุคพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเจ้าของวันเกิดที่รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนสาวจะเซอร์ไพรส์ด้วยเรื่องอะไร ร่างกายอันมโหฬารยันตัวลุกขึ้นด้วยสภาพทรุดโทรมที่เต็มไปด้วยสารพัดบาดแผล เมื่อเห็นหลานชาย ยมบาลแสดงท่าทางดีใจ
"ลูอิสช่วยอาที..." ยมบาลเดินโซเซเพื่อรอรับการช่วยเหลือของลุคที่ปั้นยิ้มรับ
"ได้เลยครับอา" ลุคแสยะยิ้มกว้างขึ้นจนน่าเกลียด ดาบแสงนับร้อยลอยเวิ้งอยู่ด้านหน้าเขา ยมบาลแสดงความตกใจผ่านทางใบหน้าคมเข้มและหยุดเดิน
"ไหนบอกจะช่วยอาไงลูอิส!" เจ้านรกขึ้นเสียงด้วยความหวาดกลัว
"นี่ผมก็กำลังจะช่วยอาไงครับ..."
ลุคหันหลังกลับ วินาทีนั้นดาบแสงที่เขาเสกทั้งหมดพุ่งด้วยความเร็วและรุนแรง เขาไม่สนใจเสียงระเบิดที่ปลิดชีวิตยมบาลเรียบร้อยแล้ว
"...ผมช่วยให้อาไม่ต้องลำบาก บาดเจ็บขนาดนั้นไม่จำเป็นต้องทนให้ทุกข์ทรมาน หลับให้สบายนะครับคุณอา"
ชายหนุ่มหยิบชายผ้าพันคอไหมพรมสีน้ำเงินสดใสขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมซึ่งยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย ใบหน้าหล่อเหลาของลุคตอนนี้ปราศจากการเสแสร้งใดๆ
"เมย์จะรู้มั้ย ลุคเข้าใกล้เมย์ไปอีกก้าวแล้วนะ..."
"เรย์ เราเหลือเวลาอีกเท่าไหร่" จอห์นถามเพื่อนชายที่วิ่งนำหน้า ผู้ถูกถามชูสิ่งที่เขาได้มาจากเจ้านายเหนือไหล่จอห์นมองตามอุปกรณ์แก้วทรงกระบอกซึ่งส่วนกลางลีบตีบ กรวดหลากสีที่อยู่ด้านบนเริ่มเหลือน้อยเต็มที แต่กลับยังหล่นลงมาด้านล่างเรื่อยๆ อย่างไม่ฟังคำขอใด
"บ้าจริง เหลือไม่ถึงสิบนาทีเอง"
เสียงหวานพึมพำพร้อมดันแว่นด้วยนิ้วก้อย บัดนี้เรย์และจอห์นเห็นประตูที่เป็นทางเข้าของเส้นทางที่จะไปสู่ประตูมิติที่เขาต้องการแล้ว แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดไว้กลับผิดกับภาพตรงหน้านิดหน่อย ผู้ที่เฝ้าประตูนั่นคือนางฟ้าที่ร่างกายใหญ่ยักษ์ราวกับยมทูตยืนเป็นแผงนับสิบคน ซึ่งเหล่าทหารยามเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่ามีผู้บุกรุกกำลังต้องการที่จะผ่านหลังเขาไปจึงกระชับทวนยาวแน่นพร้อมรบ
"เอาไงดีอ่ะเรย์ ยามแน่นมาก" จอห์นแสดงความกังวลด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เรย์ขำก่อนบอก
"ฝากทีเพื่อน"
"นายไม่กลัวกินข้าวไม่อร่อยแล้วใช่ป่ะ?"
จอห์นเลียนเสียงแบบเด็กๆ ทันใดนั้นเรย์ได้ยินเสียงแก้วของเลนส์แว่นแตก ก่อนเงาดำขนาดยักษ์จะแล่นข้ามหัวชายหนุ่มไปพร้อมเสียงคำราม เรย์เห็นภาพนางฟ้าเฝ้าประตูระดมสรรพาวุธใส่ร่างที่โจนอยู่บนฟ้าเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะถูกควันของการระเบิดปะทะกลบมิด เรย์ยิงกระสุนดำฝ่าฝุ่นควันเข้าไปหนึ่งนัดซึ่งแสงสีดำที่เป็นหางกระสุนควงเป็นเกลียว เรย์ยกยิ้มพร้อมกับไทม์เซอร์เคิ้ลที่ปรากฏอยู่ใต้เท้าของตน ชายหนุ่มหลับตาลงราวสองวินาทีเขาก็โผล่มาอยู่บนทางเดินที่มีความกว้างปานกลาง ผนังสีขาวขลิบทองประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังยาวตลอดแนว เสียงของความวุ่นวายทั้งหมดถูกหรี่ลงราวกับหมุนบนวิทยุ
"เรย์! นายต้องคอยองค์ชายด้วยอย่าลืมล่ะ!"
เสียงจอห์นดังไล่หลังมา มันก้องกังวานสำหรับเรย์ที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ชายหนุ่มกล่าวขอบใจสหายก่อนสยายปีกสีดำและร่อนขึ้นฟ้าด้วยความเร็ว จุดหมายเดียวของเรย์ตอนนี้คือพื้นที่กว้างทรงสามเหลี่ยมที่โดยรอบสว่างจ้า ด้วยแสงสีทองและมีนาฬิกาทรายแบบเดียวกันกับที่อยู่ในมือเรย์ตอนนี้แต่ใหญ่กว่ากันหนึ่งต่อหมื่นตั้งอยู่ตรงแท่นทรงกลมกลางห้องนั่น
เรย์บินวาดรับกับทรงของทางที่เป็นรูปโค้งและเลี้ยวซ้ายที่สุดทาง ทางตรงตลอดแนวนี้คือเส้นทางที่จะนำเขาไปสู่มหาสงครามที่กำลังจะอุบิติขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
เขาเห็นแล้ว ณ สุดปลายของทางเดินตรงยาวเรืองรองด้วยแสงทองแห่งความหวัง นาฬิกาทรายอันยักษ์ตั้งตระหง่านโดยมีออร่าสีทองวนรอบเป็นวงกลม กรวดอัญมณีหลากสีที่หลอดด้านล่างมีมากกว่าหลอดด้านบนราวกับลำเอียง แต่หลอดด้านบนก็ยังคงส่งกรวดอัญมณีของตัวเองให้กับหลอดด้านล่างอย่างสม่ำเสมอผ่านหลอดตีบที่อยู่กึ่งกลางราวกับพี่ชายผู้เสียสละ ขณะนี้เรย์ยังบินไม่ถึงครึ่งทางของทางตรง แต่แสงทองเริ่มจางลงอย่างสังเกตได้ กรวดด้านบนก็จวนหมดลงทุกขณะ เรย์หยิบรูปจำลองอันจิ๋วของนาฬิกาทรายขึ้นมาดูพบว่ากรวดสีสันงดงามเหลือไม่ถึงสิบก้อน
"โธ่เว้ย!!!"
ต่อให้สบถคำหยาบออกมาแค่ไหนเรย์รู้ดีว่าเขาไม่มีทางทันแล้ว กรวดที่เหลือไม่ถึงห้าก้อนกับระยะทางอีกครึ่งไมล์ทำให้เขาอยากจะชกกำแพงให้แหลกเป็นผุยผง
"นายนี่มันชักช้าจริงๆ ว่ะเรย์"
เสียงนุ่มดังขึ้นแกมดูถูกได้เพียงอึดใจ ร่างเรย์ถูกฉุดกระชากไปด้วยความเร็วเหนือแสง ลุคหัวเราะให้กับกรวดสีทับทิมก้อนสุดท้ายที่กำลังจะหล่นลงไปสมทบกับกรวดนับล้าน ณ หลอดเบื้องล่าง
ตุบ...
กรวดทับทิมหล่นลงและกลิ้งกลุกๆ อย่างเกียจคร้าน เพียงเท่านั้นทุกอย่างวับหายไปเหลือเพียงห้องกว้างทรงสามเหลี่ยมที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรไม่ต่างกับภาพสลักภายใน
ความคิดเห็น