คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 ความสามารถ
บทที่ 2 ความสามารถ
เบื้องหน้าของสาวผมบ๊อบเทมีเพียงภาพและความร้อนจนแทบไหม้ของอุกกาบาตยักษ์ขนาดเท่าสนามฟุตบอล กางเขนที่ตรึงร่างกำลังจะทำให้วิญญาณของเธอพบจุดจบ
"คุณสเตฟานี่!!!"
"โธ่เว้ย!"
สิ้นเสียงสบถอันทุ้มต่ำ ชายผมดำหายไปจากการมองเห็นของทอมและจอห์น พริบตาที่รู้สึกตัวว่าเพื่อนตัวเองหายไป หญิงสาวคนที่ทั้งคู่เรียกชื่อก็ได้ปรากฏตัวแทนที่เขา
"เรย์!!!"
จอห์นตะโกนเรียกชื่อสหายจนเสียงแตกพร่า ทว่าสิ่งสุดท้ายที่คนทั้งสามได้เห็นมีแค่เพียงแผ่นหลังกว้าง ได้ยินแค่เพียงเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง และสัมผัสได้แค่เพียงความร้อนหลายพันองศาก่อนจะถูกความรู้สึกวูบกลืนกิน
เรย์ที่เผชิญหน้ากับอุกกาบาตยักษ์กระโดดข้ามมิติเวลาหนีมาได้อย่างทันท่วงที หากแต่เสี้ยววินาทีที่ชายหนุ่มกำลังจะถึงจุดหมายที่'บันทึก'ไว้ แขนของเขากลับโดนบางอย่างที่เดาได้ว่าน่าจาเป็นมือคน ฉุดกระชากอย่างแรงจนเสียการทรงตัว
ชายหนุ่มกลิ้งสามตลบบนผืนหญ้าที่ไม่ให้ความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
"ไนซ์แลนดิ้ง" เสียงเล็กคล้ายกับการกวนประสาทลอยตามลมมาพร้อมเสียงปรบมืออย่างไม่เต็มใจทำ
"แกเป็นใคร?" เรย์ที่ลุกขึ้นยืนถามทันที
"ถ้าตามตำนานของพวกคุณ ผมก็เป็นมารในศาสนาคริสต์ไงครับ มีฉายาว่าซาตาน ยินดีที่รู้จักครับ"
ว่าแล้วชายคนดังกล่าวก็พาดมือไว้แนบอกและก้มหัวลงให้ร่างเพรียวราวกับทำความเคารพ แต่ทว่าเมื่อใบหน้าบูดเบี้ยวน่าเกลียดเงยขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มสะใจพร้อมพุ่งโถมตัวเข้ามากับดาบเรียวยาวสีดำสนิท โดยมีเจตนาและพลังจิตที่มุ่งสังหารชัดเจน
เสียงคมดาบฟันแหวกอากาศมาด้วยความเร็ว ทว่ามันถูกทานไว้ด้วยนิ้วก้อยผอมซีดเพียงนิ้วเดียว
เรย์หน้าซีดจากการตกใจได้เพียงไม่ถึงสามวินาที อกด้านซ้ายของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อเลื่อนนัยน์ตาลงไปก็พบว่ามือผอมกะหร่องของผู้ที่เขาหมายชีวิตได้จมลงไปในร่างของเขาแล้ว
"บัด...ซบ..."
เรย์สบถ เขากัดฟันเพื่ออดทนกับความเจ็บปวดที่ทวีคูณรุนแรงขึ้น แต่ไม่ประสบผล ซาตานชักมือตัวเองออกจากร่างกายสูงเพรียว ของเหลวสีดำที่อธิบายได้ลำบากว่าเป็นอะไรเปื้อนโชกมือตามออกมา
รูที่อกด้านซ้ายของบุรุษเป็นทรงกลมและกว้างจนน่าใจหาย ทว่ามันสมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว มันเล็กลงจนหายไปในที่สุด เรย์สิ้นสติหลังจากนั้นทันที ก่อนจะล้มคว่ำไปยังร่างผอมในชุดคลุมซึ่งรอรับอยู่แล้ว
"เอาล่ะ ทีนี้มาเสี่ยงดูกันหน่อยละกัน คุณคงจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ"
ปากบางซีดยกยิ้ม ซาตานค่อยๆ วางร่างเพรียวลงกับผืนหญ้าก่อนจะกระโดดถอยหลังกลับ เมื่อได้ระยะที่ห่างพอเหมาะเขาดีดนิ้วดัง เป๊าะ
ฟองอากาศสีฟ้าใสผุดขึ้นมาจากผืนหญ้า มันค่อยๆ ก่อร่างขึ้นมาเป็นฟิล์มบางจนห่อหุ้มร่างเพรียวเป็นรูปครึ่งวงกลม
"ขอโทษทีนะครับคุณเรย์มอนด์"
ชายผมทองยุ่งเหยิงพึมพัมก่อนจะดีดนิ้วอีกครั้ง สายตาที่มองอยู่เห็นภาพชายในฟิล์มใสตาเหลือก ปากอ้ากว้าง คอเกร็งจนเห็นเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน ซาตานแสร้งทำท่าภูมิใจในตัวเองที่ฟองใสนั้นกันเสียงได้เป็นอย่างดี เมื่อเขารับรู้ถึงการมาของชายอีกคน
"ทำอะไรน่ะ?"
เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักยังคงเปื้อนด้วยยิ้มเสแสร้งที่ทำได้ไม่ดีนักเช่นเคย
"กระตุ้นน่ะสิครับ เห็นคุณแลไม่รีบร้อนผมก็เลยต้องหาทางทำอะไรบ้าง บอกตามตรงว่าผมเบื่อคำว่ารอแล้ว"
ลุคส่งนัยน์ตาแฝงความไม่พอใจไว้ใต้กรอบโค้งของดวงตาไปให้ท้ายทอยของชายผู้ตัดพ้อเขา
"ถ้างั้นทำไมไม่ทำซะตั้งแต่แรกไปเลยล่ะ จะมัวรอทำไมตั้งสิบกว่าปี"
ลุคเดินมาขนาบกับร่างผอมพลางมองดูการตะโกนที่ไร้เสียงอย่างทรมานของชายผมดำ
"ทำงั้นไม่ได้หรอกครับ หากใช้วิธีนี้ตั้งแต่ที่เขาเพิ่ง'สิงสู่' ร่างของเขาต้องแตกสลายแน่ ว่ากันตามจริงแม้แต่ตอนนี้โอกาสสำเร็จก็ยังห้าสิบห้าสิบ แต่เราไม่ได้มีเวลารอมากนักหรอกนะครับ ยมทูตกำลังจะติดต่อกับนางฟ้าเรื่องพวกเราแล้ว เราก็ต้องรีบหน่อย และหากสำเร็จเราก็ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ยิ่งคุณมัวแต่รอคุณโมนิก้าเธอจะรู้สึกยังไงบ้างล่ะครับ ได้คิดบ้างรึเปล่า?"
ลุคคลายยิ้มทันทีราวกับได้ตัดเชือกที่ขึงมุมปากทั้งสองด้านลงเมื่อประโยคเมื่อครู่ผ่านเข้าไปในหู
"ฉันเตือนนายไว้ก่อนนะว่าเรื่องอะไรที่นายไม่รู้ก็อย่าสะเออะพูดออกมา พูดเรื่องที่นายรู้ไปดีกว่า หัวจะได้อยู่ติดกับบ่าดีๆ ปลอดภัย"
"ครับๆ แหมก็ได้ เราจะทะเลาะกันทำไมเนี่ย"
ลุคเลิกแผ่รัศมีของจิตสังหารและเดินกลับไปยังต้นไม้สูงก่อนจะกระโดดไปยังกิ่งที่เขาใช้นอนเป็นประจำ
"อย่างคุณจะใช้เวลาเท่าไหร่กันนะ คุณเรย์มอนด์"
2 สัปดาห์ผ่านไป
ฟองสบู่รูปครึ่งวงกลมเกิดควันดำจนไม่เห็นภาพภายใน มันหมุนอยู่ในนั้นไม่ต่างกับพายุคลั่ง เพียงไม่นานฟองสบู่ปริแตกและระเบิดออกมาในที่สุด
ควันดำปกคลุมทั่วบริเวณชั่วขณะหนึ่ง ชายร่างแกร็นนั่งมองมันอย่างสงบนิ่งและยิ้มกริ่มราวกับได้รับเงินพนันก้อนโต เมื่อควันสีมืดเริ่มจางลง เงาของปีกริ้วขนาดใหญ่ค่อยๆ หดกลับเข้าไปยังกลางหลังของร่างเพรียวสมส่วน
"ใช้เวลานานไปนิดนะครับ แต่ช่างเหอะ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ?"
ใบหน้าน่าเกลียดยิ้มทักทายเมื่อควันดำสลายตัวแล้ว ซาตานย่างกรายเข้าไปใกล้ร่างที่หอบหายใจอย่างรุนแรง และดูเหมือนเรย์จะยังไม่คุ้นชินกับพลังใหม่เขาจึงทรุดลงกับพื้นหญ้า แต่ดวงตาเหลือกขึ้นมองร่างที่ใกล้เข้ามาอย่างน่า กลัว
"ทีนี้จำผมได้รึยัง?"
เรย์เปลี่ยนแววตาและเลื่อนมองพื้นแทน
"ครับ...นายท่าน"
รอยยิ้มลอบผุดขึ้นบนใบหน้าอัปลักษณ์ ซาตานกระโดดถอยหลังทันทีซึ่งไกลหลายเมตร
"คุณสู้กับบางสิ่งในร่างอยู่นานจนไม่รู้ว่าโลกภายนอกมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของพวกยมทูต ผมจะเล่าให้คุณฟังเอาไว้หน่อย"
"ยมทูต?"
"ครับ บริษัทของคุณกำลังจะโดนลุงแท้ๆ ของคุณโกง แต่คุณทอมตามเรื่องนี้อยู่ เขาจะหยุดมัน แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจจริงๆ หรอกครับ"
ซาตานพูดเสริมเมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่ม
"มิติคืนชีพที่คุณสร้างขึ้นเป็นมิติที่ยอดเยี่ยมครับ มันจะล้างความทรงจำของผู้ที่ไม่ได้ถูก'อนุญาต'ให้เข้ามาเช่นยมทูตหรือนางฟ้าออก ทำให้จำเหตุการณ์ภายในนั้นไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใช่มิติที่สมบูรณ์ ตัวมิติไม่มีพลังถึงขนาดล้างความทรงจำออกอย่างหมดจด พวกเขาถึงได้'รู้สึก'ว่ามีคนอย่างพวกคุณอยู่ ถ้าทำได้แค่รู้สึก เป็นคุณจะทำยังไงล่ะครับ?"
เรย์ซึ่งตอนนี้เหมือนจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้วเบิ่งตาโตเมื่อคิดตามในสิ่งที่ได้ยิน
"อย่างที่คุณคิด ยมทูตนั่นแหละที่ควบคุมพฤติกรรมคุณโอลิเวอร์ให้ทำแบบนั้น เรื่องจะจบลงตรงที่คุณทอมถูกฆ่าตาย และยมทูตจะอาศัยจังหวะนั้นแหละยืนยันในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอยู่โดยไม่ต้องเข้าไปในมิติ เพราะคุณทอมจะต้องคืนชีพตัวเองมาอยู่แล้ว และการล่อคุณทอมให้เผยร่างในการช่วยเหลือวิญญาณออกมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก…"
"แอนนี่...นายท่าน งั้นผมขออนุญาตไปช่วยทอมครับ ได้โปรดปล่อยผมไปด้วย"
"ไม่ได้หรอกครับ"
เรย์ค้อนชายร่างผอมในชุดคลุมด้วยหางตาทันทีเมื่อถูกปฏิเสธ
"ปล่อยคุณไปตอนนี้ก็ตายเปล่าครับ คุณยังควบคุมพลังลูซิเฟอร์ไม่เป็นเลย คุณสู้พวกยมทูตไม่ได้หรอก"
"แล้วผมต้องทำยังไง"
ชายผมดำพูดเสียงเรียบไร้อารมณ์ แววตาดำขลับจ้องด้วยความรู้สึกราวกับอากาศอันสงบก่อนพายุจะมา
"อีกประมาณอาทิตย์หนึ่งกว่าจะถึงวันลงมือ เรายังพอมีเวลาถึงจะไม่มากก็ตาม"
ปีกขนนกสีดำค่อยๆ แทงยอดออกมาจากหลังทั้งสองข้างของซาตาน ร่างผอมจนเห็นซี่โครงบักโกรกย่อลง ฝ่ามือยกขึ้นตั้งท่าต่อสู้ นัยน์ตาแดงก่ำดุจเลือดจ้องเขม็งด้วยจุดประสงค์เดียวกับท่าทาง
"ผมต้องทำยังไงต่อ?"
เรย์เอ่ยเสียงทุ้มที่ไร้ความอ่อนโยน เส้นแสงสีดำม้วนพันแขนที่มีมัดกล้ามเล็กน้อย ก่อนมันจะกระจุกรวมกันที่ฝ่ามือ และสลายตัวกลายเป็นปืนโบราณด้ามดำเงา
"ถามเพราะไม่รู้จริงๆ หรือครับ"
เรย์ไม่สนใจรอยยิ้มแสนอุบาทว์เบื้องหน้าและพูดโดยขบกรามแน่น
"งั้นผมไม่เกรงใจนะครับนายท่าน"
ไม่อาจรู้ได้ว่าวันเวลาผ่านมาแล้วเท่าใด เพราะฟ้ายังคงเต็มไปด้วยเมฆรูปร่างงดงามที่ถูกย้อมเป็นสีทองของแสงที่บอกไม่ได้ว่ามาจากดวงอาทิตย์หรือเปล่า หากแต่ฟากฟ้าอันแสนสดใสนี้ เบื้องล่างกลับเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งการเอาชีวิตรอด
ผืนหญ้าเขียวถูกเชือดเฉือนจนเห็นดินดำ หลุมลึกกินบริเวณกว้างใกล้กับด้านนอกของมหาราชวังโอ่อ่าซึ่งตอนนี้กลายเป็นเพียงซากปรัก ป่ารกชัฏที่อยู่ไม่ไกลกันลุกโชนไปด้วยเพลิงสีน้ำเงินขุ่นมัวและส่งเสียงแหลมออกมาตลอดเวลา ชายผมทองรกรุงรังที่เต็มไปด้วยบาดแผลทั่วร่างนั่งทรุดอย่างหมดสภาพ พลางมองขาขวาของตัวเองที่ขาดกระเด็นตกอยู่ใกล้ๆ ดวงตาแดงราวโลหิตสดเลื่อนมองด้านบนซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลากำลังเดินเข้ามาใกล้
หากแต่ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำไม่ได้มีเพียงหนึ่ง
ร่างเพรียวโปร่งที่ย่างเข้ามาล้อมกรอบซาตานมีถึง 13 ร่าง
"ความสามารถนี้ของคุณสุดยอดจริงๆ ครับ ถ้ากลับมาสมบูรณ์เมื่อไหร่เราต้องได้กองทัพที่สุดยอดขึ้นไปอีกแน่"
เสียงแหลมเล็กคล้ายการกวนอารมณ์บอกกับทุกร่างที่กำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนหยุดในระยะที่ล้อมเป็นวงกลมพอดี
บุคคลทั้ง 13 นี้มีใบหน้าที่ประกอบด้วยดวงตาสีดำขลับเหมือนกัน จมูกโด่งเป็นสันที่ราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เรียวปากสีส้มอ่อนที่แม้แต่รอยแผลมุมปากยังอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ร่างเพรียวที่อยู่ในชุดเชิ้ตสีขาวเหมือนกันทั้ง13 ราวกับตุ๊กตาที่ก็อปปี้กันมาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
"ไม่ต้องห่วงครับนายท่าน ความสามารถนี้ผมใช้มันมานานแล้วล่ะ"
เสียงทุ้มต่ำของร่างหนึ่งพูดเสมือนเป็นตัวแทนแฝด 13 ที่ขอบคุณมารดาผู้มีพระคุณ ก่อนพวกเขาทั้งหมดจะยกมือขวาที่กระชับแน่นที่ด้ามไม้ของเคียวด้ามยาวขึ้น ใบมีดสีดำสนิทกระทบกับแสงทองเจิดจ้าและสับลงมาอย่างพร้อมเพรียงที่ชายผมทอง เหยื่ออัปลักษณ์พ่นลมออกทางจมูกเล็กเชิ่ดวินาทีเดียวก่อนจะหมดลมหายใจในที่สุด
พริบตาที่เรย์รู้ตัวว่าฆ่าผู้เป็นนายสำเร็จ เขาหายตัวไปจากมิติสีทองทันที ทิ้งให้เรย์มอนด์ คารอลอีก 12 คนที่เหลือมองละอองแสงระเหิดขึ้นฟ้าไป
ความคิดเห็น