คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : เรื่องราวอันไม่เป็นเรื่องเป็นราวของไรท์เตอร์ อ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้
เรื่องราวอันไม่เป็นเรื่องเป็นราวของไรท์เตอร์ อ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้
จะมีใครว่ายังไงบ้างถ้าผมจะเขียนปิดท้ายเรื่องนี้ว่า Happy Ending…
โดยส่วนตัวผมคิดว่าจบได้โอเคนะ เพราะไม่ได้จงใจให้จบแบบโศกนาฏกรรมอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ประมาณนี้ก็...อืม โอเคเลยล่ะ หรือใครว่ายังไงก็เม้นท์กันมามั่งสิครับ กำลังใจของไรท์เตอร์สมัครเล่นก็คือคอมเม้นท์นี่ล่ะผมว่า
จริงๆ แล้วผมมีมุกให้เขียนในซีรีส์นี้อีกภาคนึงด้วยล่ะ เป็นภาคย้อนอดีตตั้งแต่เรื่องทุกอย่างได้เริ่มขึ้น จบที่สงครามใหญ่ระหว่างลูซิเฟอร์กับนางฟ้าโดยที่ลูซิเฟอร์ถูกมิคาเอลตีแตกนั่นแหละ แต่ผมว่าเลข 3 นั้นสวยดีก็เลยพอแค่นี้ดีกว่า
ถึงจะจบแล้ว แต่ผมอยากให้นิยายทุกเรื่องของผมโยงกัน ผมจึงได้เอาตัวละครในนี้บางตัวไปใส่ในนิยายยาวเรื่องใหม่ที่คนละแนวกันเลยนั่นคือแนวรักหวานแหวว แต่ถ้าใครสังเกตก็จะรู้ว่าเรื่องนี้ผมได้เชื่อมกับนิยายเรื่องสั้นของตัวเองไปแล้วในตอน Queen’s Diary ของเมย์ แต่ก็เป็นแค่จุดเล็กๆ ตอนที่ลีอาห์บอกสถานที่นัดกับเมย์ ซึ่งถ้าใครไม่ได้อ่านคงไม่รู้ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก 555+
ว่าถึงเรื่องการอ่านสักนิด สมมติว่า Memories of morninglight Angel = 1 Step into my World = 2 และ Step into my World : The truth of SATAN and The lie of GOD = 3 จะอ่านเรียง 1 > 2 > 3 เลย หรือ 2 > 3 >1 หรือ 2 > 1 > 3 ก็ได้ทั้งนั้น รู้เรื่องเหมือนกันนะ แต่ถ้าอ่าน 3 ก่อนก็คงจะงงๆ ล่ะ 555+
พูดถึงการไม่เรียงแล้ว หลายคนคงรู้ว่าผมได้เขียน Memories of morninglight Angel ออกมาก่อน แต่จริงๆ แล้วเรื่องที่เขียนเรื่องแรก คือ Step into my World ที่มีเรย์มอนด์ เป็นตัวเอกครับ แล้วที่จริงก็ไม่ได้กะจะเขียนเป็นนิยายด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่รึเปล่า แต่หลายปีมาแล้วมีการประกวดเขียนการ์ตูนกับ BOOM ผมก็กะจะเขียน Step into my World ที่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดชื่อเรื่องเป็นการ์ตูนเรื่องยาวส่งเข้าประกวดกับ BOOM มั่ง กติกาที่จำได้คือต้องไม่เกิน 50 หน้ากระดาษ แนวไหนก็ได้ อย่าง BOOM แนวแฟนตาซีนี่แหละน่าจะเวิร์ค จึงได้เริ่มคิดโครงเรื่อง ในตอนนั้นคิดได้เยอะแต่ต้องตัดเหลือแค่ 3 ท่อนคือ 1 ตอนเรย์ช่วยอลิซเพื่อเป็นการอธิบายแนวเรื่อง 2 ฉากที่เรย์นึกถึงอดีตที่ลุค (ที่ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อ) ชุบชีวิตเขาขึ้นมาเพื่อมอบพลังให้ และท่อนสุดท้ายเป็นฉากที่เรย์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์จากเพื่อนแอนนี่ที่โทรมาบอกว่าแอนนี่ตายแล้ว เรย์จึงต้องไปต่อสู้กับยมทูตเพื่อช่วยน้องกลับมา แต่พอมาเขียนจริงๆ โห...เกิน 50 ว่ะ แค่ฉากที่ช่วยอลิซแบบประหยัดหน้าที่สุดก็ปาไป สิบกว่าๆ และ ตัดตอนไหนออกก็อ่านไม่รู้เรื่องแล้วด้วย โครงการส่งการ์ตูนเข้าประกวดเพื่อเป็นนักเขียนการ์ตูนจึงล่มไป จริงๆ แล้วอาจเป็นข้ออ้างรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้นตัวเองคิดว่าวาดได้สุดยอด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นความหลงตัวเองของวัยรุ่น พอมาวาดเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กวาด ผมตอนนี้ลองเอาต้นฉบับตอนนั้นมาดูก็พบว่า “ฝีมือไม่ได้เรื่อง” ยังอุตส่าห์เนอะ ก็กลายเป็นเรื่องขำๆ ไป ถ้าใครเห็นรูปที่ผมวาดลงนิยายเรื่องนี้ขอให้รู้ไว้เลยครับ มันพัฒนากว่าเมื่อก่อนมาก แต่ถึงงั้นผมก็ยังคิดว่ายังไม่สุดอยู่ดี ยังต้องฝึกฝนอีกเยอะจริงๆ ครับ
ไม่รู้ตัวเองไปอยู่ไหนมา ปีที่แล้ว (2554) ประมาณเดือนกรกฎาคม ผมถึงเพิ่งรู้จักเว็บ เด็กดี รู้ว่ามีพื้นที่ให้ทำอะไรได้เยอะแยะและ 1 ในนั้นคือเขียนนิยาย บอกตามตรงว่าจริงๆ แล้วในตอนนั้นนิยายที่อ่านมีแค่ แฮร์รี่ 7 เล่ม ความรู้ด้านงานเขียนจึงไม่ได้มากอะไร แต่ก็อยากจะให้มีคนได้อ่านได้รู้สิ่งที่เราเคยคิดเอาไว้บ้าง ผมจึงลองเอา Step into my World (ที่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดชื่อ) มาลองเรียบเรียงเป็นนิยายดู (ยังไม่ได้ลงนะ) และนั่นก็เป็นจุดเริ่มเล็กๆ ครับ
พิมพ์ไปพิมพ์มาได้บทนำกับตอนที่ 1 พอเข้าตอน 2 ก็เกิดอาการตัน ค้างเติ่งฉากเรย์ไปส่งแอนนี่ที่สนามบิน คิดอยู่หลายวันก็คิดไม่ออก จนเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน ก็พอเหอะ เลยลองมาดุสตอรี่บอร์ดว่าจะเองไงดี มาสะดุดที่ชายปริศนาที่มาช่วยเรย์ไว้ ที่จริงตอนนั้นคิดไว้แล้วล่ะ ว่าจะเขียนเรื่องของเขาเป็นภาคปิดแต่ยังไม่ได้คิดว่าจะวางให้เขาเป็นใคร แต่เมื่อเรื่องเรย์เกิดตันก็ลองมาคิดๆ ดู ตอนแรกกะจะวางให้เขาเป็นมนุษย์จากโลกอื่นที่หวังจะครอบครองทั้ง สวรรค์ นรก แล้วก็โลกมนุษย์ โดยผ่านการหลอกใช้เรย์ แต่คิดไปคิดมา...ไม่เวิร์คแน่ มันจะกลายเป็นรวมมิตร ไซไฟ แฟนตาซี กับอะไรไม่รู้ รู้แต่มันมั่วเกิน แปลนลุคที่เป็นมนุษย์ต่างดาวจึงล่มไป ทีนี้เลยลองคิดให้ลุคเป็นชาวสววรค์ดูบ้าง จะมีเหตุอะไรให้เขาอยากแก้แค้นหรืออะไรสวรรค์มั้ย ลองวางโครงเรื่องอยู่ในหัวก็พบว่าลงตัวหมดจนจบ ทำให้ Memories of morninglight Angel ออกมาก่อนอย่างที่เห็น ทั้งๆ ที่อยากจะให้เป็นภาคปิดแท้ๆ = _= ’’
พอเอาลงเว็บได้พักนึง แม้จะไม่เยอะแต่ก็มีคนที่ได้อ่านความคิดของเราคอมเม้นท์ในทางที่ดี กำลังใจก็เริ่มเยอะขึ้น จึงได้รู้ว่า เออ...เราก็เขียนเป็นเหมือนกันแฮะ พอมาลองนึกย้อนดู ผมเองสมัยเรียนอยู่ก็มักจะถูกอาจารย์ส่งไปแข่งเรียงความ หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการเขียนเยอะเหมือนกัน แต่จริงๆ ผมเริ่มวาดรูปก่อนนะ ตั้งแต่ ป.2 โน่นแน่ะ อาจารย์ให้วาดหน้าชั้นเป็นตัวอย่างให้เพื่อนในห้องวาดตาม รู้สึกจะเกี่ยวกับนกนางแอ่นมั้ง แต่นกนางแอ่นทำอะไรก็จำไม่ได้ ก็เกิน 10 ปีเกือบ 15 ปี แล้วนะ
ทีนี้เมื่อมีคนได้อ่านแล้วชอบก็ได้เวลาฝ่าทางตัน Step into my World ก็ออกมาเป็นภาคที่ 2 ระหว่างนี้ ผมก็ได้รู้ถึงความแตกต่างของทั้งสองภาค
เรื่องของลุคซึ่งเป็นนิยายบุคคลที่ 1 แม้จะยังใช้สำนวนเพี้ยนๆ แต่ผมเขียนได้ลื่นไหลมาก คิดอะไรเขียนอย่างนั้นไม่ต้องอะไรมาก ผิดกับเรื่องของเรย์ซึ่งเป็นนิยายบุคคลที่ 3 ผมต้องเขียนใส่สมุดจนจบ จากนั้นก็พิมพ์ไปแก้ไป แล้วก็ต้องอ่านทวนตั้งแต่ต้นยันจบรอบนึงเพื่อหาสำนวนแปลกๆ คำซ้ำๆ แล้วก็คำผิด ซึ่งจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ อ่านจบก็อ่านอีกรอบแล้วค่อยลงเว็บ ผมเลยรู้สึกว่านิยายบุคคลที่ 3 เป็นอะไรที่ยากมาก อย่างน้อยในความรู้สึกผมก็ยากกว่านิยายบุคคลที่ 1 ล่ะ แต่ทั้ง 2 แบบก็มีข้อดีต่างกันไป นิยายบุคคลที่ 3 จะมีความอิสระกว่ามากเพราะสามารถดำเนินเรื่องในฉากที่ไม่มีตัวเอกอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ ได้ ส่วนนิยายบุคคลที่ 1 ไม่ต้องเกลาสำนวนอะไรมากแถมยังใส่มุมมองของเราผ่านตัวเอกได้ด้วย แต่ก็แค่ความเห็นส่วนตัว + ความเป็นมือสมัครเล่น ไม่ต้องเชื่อก็ได้ครับ
ผมเคยได้ยินมาว่านักเขียนที่ดีนั้นต้องไม่ใส่ความคิดเห็น คำถาม ความในใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นความคิดส่วนตัวลงไปในงานเพื่อจูงใจ หรือโน้มน้าวให้ผู้ที่ได้อ่านมีความคิดไปในแนวทางหรือมุมมองเดียวกันกับเรา แต่ผมกลับมั่นใจเล็กๆ ว่าไม่มีนักเขียนคนไหนทำแบบนั้นได้หรอก เพราะคิดว่ามนุษย์ทุกคนที่โตขึ้นมาจนอ่านออกเขียนได้แล้วย่อมมีความเห็น คำถาม ความในใจมากมาย ทั้งที่พูดออกมาได้และไม่ได้ ยิ่งอายุมากขึ้นวุฒิภาวะทางความคิดต่อสถานการณ์ปัจจุบันก็จะยิ่งมากตาม ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงได้ฟังคำพูดของเหล่า ‘นักเขียนที่ดี’ อย่างเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา และก้มหน้าก้มตาเขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเขียนต่อไป ถ้าอยากจะบอกอะไรกับคนอ่านก็จะบอกไม่ว่าจะอ้อมๆ หรือตรงๆ ถ้าหากผมเป็น ‘นักเขียนที่ดี’ เมื่อไหร่ก็คงจะรู้เอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองจะตัดสินหรอก แต่ถ้าถามผมนะ นักเขียนที่ดีจริงๆ จะต้องเขียนงานที่ไม่จำกัดความคิดคนอ่าน จะต้องให้อิสระกับมุมมองคนอ่านต่อตัวละคร ที่ผ่านมาผมเห็นงานเขียนแบบนั้นแค่ไม่กี่เรื่องเอง ซึ่งบอกตามตรงผมก็อยากจะให้งานตัวเองเป็นแบบนั้น แต่ถ้าให้เปรียบ LV ของงานเขียนที่ดี เท่ากับ 99 ผมเองยังอยู่ที่ LV 1 อยู่เลย ก็บอกแล้วว่าผมมันมือสมัครเล่น 555+
เอาล่ะ ไม่มีอะไรเขียนแล้วผม ขอบคุณ Reader ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ แม้จะไม่ถึงตรงนี้ก็ขอบคุณที่คลิกเข้ามาครับ เพราะนั่นแสดงว่าคนๆ นั้นก็คงสนใจเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ขอบคุณทุกๆ คนครับ สุดท้ายก็ฝากนิยายเรื่องใหม่ของผมด้วยนะครับ ส่วนตัวละครจากเรื่องนี้จะไปโผล่ตรงไหนและใครบ้างก็ต้องรอดูครับ
ความคิดเห็น