คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 19 บทเล็กๆ สู่กาลอวสาน
บทที่ 19 บทเล็กๆ สู่กาลอวสาน
.
....
......
อาทิตย์ในฤดูร้อนยังคงสาดแสงต่อไปทั้งที่ได้เวลาของราตรีกาล ด้วยเหตุที่ผิดเวลาจนเกินขอบเขต แสงแรงกล้าในช่วงเวลาของตัวเองจึงเหลือเพียงแสงสีส้มแก่ในเวลานี้ราวกับถูกลงโทษ
รถเก๋งสีบรอนซ์คันสุดท้ายที่แล่นออกจากรั้วของบ้านสีครีมมีความหมายว่า พิธีไว้อาลัยแด่ดวงวิญญาณของทอม การ์ดเนอร์ ได้สิ้นสุดลง ทว่า ณ ใต้ต้นแอปเปิ้ลบนเนินดินติดตีนเขา บทสนทนาของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังดำเนินไปด้วยบรรยากาศสบายๆ ราวกับเมินความโศกเศร้าของพิธีศพที่อยู่ไม่ไกลกัน
"ทั้งหมดก็อย่างที่อาจารย์ได้ยิน ผมขอแค่อาจารย์ให้สัญญากับผม...แค่นั้น"
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย แผ่นหลังของเขาบ่งบอกอะไรบางอย่างกับอลิซ เปลือกของดวงตาสีน้ำตาลหวานกลมโตกระพริบอย่างอ่อนช้อยสงบนิ่ง
"ทำไมถึงได้เชื่อใจหม่อมฉันหรือเพคะ? องค์ชายก็รู้ว่าพวกเราเคยจะยึดครองสวรรค์มาแล้ว"
อลิซถามพร้อมรอฟังคำตอบ ลุคนิ่งไปชั่วครู่โดยปล่อยให้หญิงสาวมองชายผ้าพันคอที่โบกไหวอยู่เนืองๆ ก่อนจะหันกลับมา
"บางครั้งผมก็เคยคิดว่าถ้าหากพวกอาจารย์ชนะสงครามครั้งนั้นสวรรค์อาจจะน่าอยู่กว่านี้ก็ได้ เรื่องนั้นช่างเถอะครับ คราวนี้ผมไม่สนใจว่าใครจะชนะสงคราม จุดประสงค์ของผมก็อย่างที่บอกไป ผมแค่ต้องการชิงความทรงจำของคนที่ผมรักกลับคืนมาจากพ่อแค่นั้น เธอทำให้ผมคิดถึงแม่ คิดถึงอาจารย์ ผมเคยสาบานว่าจะปกป้องเธอให้ถึงที่สุดแต่กลับทำไม่ได้ อาจารย์เข้าใจความรู้สึกผิดที่ผมรู้สึกอยู่รึเปล่าครับ? อีกอย่าง อาจารย์เอลิเซียยังอ่อนโยน เข้มแข็ง และมีคุณธรรมสูงส่งกว่าใครๆ มันมากพอมั้ยครับ เหตุผลที่ผมจะเชื่อใจอาจารย์"
ลุคสูดลมอุ่นๆ เข้าปอด แววตาของคู่สนทนาทำให้เขายกยิ้มบางเบา
"ถ้าทำสำเร็จ...ต่อให้ผมต้องตาย ผมก็คงตายตาหลับ..."
"อย่าพูดเรื่องสิ้นสิเพคะ"
"ผมจะปกป้องอาจารย์ให้ได้ เพราะงั้น...สัญญากับผมสิครับ"
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้อลิซพร้อมยกนิ้วก้อยที่อยู่ภายใต้ถุงมือไหมพรมขึ้น ยิ้มหล่อเหลาในตอนนี้ไร้ความเสแสร้งราวกับเด็กน้อย ส่งผลให้อลิซปฏิเสธอดีตลูกศิษย์ไม่ลง
"หม่อมฉันสัญญาเพคะ"
มือขาวเรียวสวยยกขึ้น นิ้วก้อยผอมบางคล้องเกี่ยวกับอีกนิ้วอย่างแนบแน่น ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ลุคจับข้อมืออลิซและดึงทั้งร่างของเธอเข้าสวมกอด
"ขอบคุณครับอาจารย์...ผมต้องการ...ขะ..แค่นี้จริงๆ.."
บ่ากว้างสั่นเครือพอกันกับเสียงนุ่ม หญิงสาวลูบหลังที่สั่นเทานั้นด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ต่างจากในอดีต
……
….
.
รอยกระสุนดำเริ่มขยายเป็นแผลกว้างบนหน้าอกลุค ไม่ทันทีอลิซและสเตฟานี่จะหายตกใจ มือสังหารก็ได้กระโดดลงมายังพื้นข้างตัวซาตานพอดี
นัยน์ตาสีดำสนิทมองร่างผอมที่กำลังค่อยๆ ยันตัวขึ้นมาด้วยความรู้สึกสมเพช ก่อนเขาจะเตะเต็มแรงเข้ากลางลำตัว ทำให้ซาตานต้องทรุดลงไปอีกครั้ง
"ชาติชั่วอย่างแก ฉันจะเก็บไว้เล่นทีหลัง" ชายผู้นั้นหัวเราะในลำคออย่างดูถูกก่อนจะเดินมายังพื้นที่ที่คนทั้งสามอยู่
"ทะ...ทำไม!!! ทำไมคุณคารอลต้องทำแบบนี้!!!"
เรย์มอนด์ชะงัก เป็นครั้งแรกที่เขาถูกอลิซตวาด แต่เขาก็ทำเพียงหัวเราะออกจมูกเบาๆ หลังจากนั้น
"ทำไมน่ะเหรอ? ก็ผมนึกว่ามันจะทำอันตรายคนที่ผมรักน่ะสิครับ...มัน...ไม่เป็นอย่างนั้นเหรอ?"
รอยแสยะยิ้มของเรย์เป็นคำยืนยันชั้นดีที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้คิดอย่างที่บอก อลิซมีความรู้สึกว่าชายที่เคยให้ความอบอุ่นแก่เธอตลอดมาเสมือนน้องชาย บัดนี้ กลายเป็นอีกคนที่เธอไม่รู้จักไปแล้ว สีหน้าของสเตฟานี่เองไม่มีความแตกต่างกับอลิซในเรื่องนี้
"ไม่...ไม่ใช่แล้ว...องค์ชายช่วยพวกเราเอาไว้...คุณคารอล...เกิดอะไรขึ้น บอกดิฉันสิคะ"
เรย์หุบยิ้มเมื่อคำถามนั้นลอยมาพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวด น้ำตาใสบนใบหน้าขาวทำให้เขากัดฟันแน่น
"หยุดสักทีเถอะพี่อลิซ จะใจดีก็หัดเลือกคนซะบ้าง ถ้ามันไม่จนตรอกจริงมีเหรอมันจะปล่อยเราไว้ กับพ่อที่ทำมันเกิดมามันยังคิดจะฆ่าได้! แล้วพวกเราจะเหลืออะไร!! จะพูดอะไรก็หัดคิดก่อนเซ่!!!"
"หยุดได้แล้วเรย์!!!"
ชายผู้ถูกตวาดหายใจฟึดฟัดก่อนจะหันไปที่สเตฟานี่ เธอจ่อดาบแสงเข้าที่ลำคอหนาของเรย์ด้วยน้ำตา ชายหนุ่มหัวเราะ หึ
"นี่เป็นบ้าอะไรกันไปหมดเนี่ย หือ ตอบสิสเตฟานี่ ทั้งๆ ที่ฉันทำเพื่อมนุษย์ทุกคน ทำเพื่อโลกของเรา เธอเองไม่ใช่รึไงที่บอกให้ฉันอยู่กับปัจจุบัน แล้วนี่ฉันทำอะไรผิดล่ะ"
สเตฟานี่ค่อยๆ ลดดาบลง เรย์มองหญิงสาวทั้งสองสลับกันโดยข้ามร่างของลุคที่นอนอยู่ราวกับไร้ความสำคัญ ส่วนผู้ที่ตอบคำถามคืออลิซ
"คุณคารอลไม่ได้ผิดหรอกค่ะ แต่..."
"ใช่ครับ ผมจะผิดได้ยังไงในเมื่อทุกอย่างที่ผมทำมันก็เพื่อคุณธรรมทั้งนั้น"
ชายหนุ่มตัดบทด้วยน้ำเสียงหยาบคายพอกันกับสายตาที่เขาจ้องอลิซ ก่อนที่เขาจะใช้สายตานั่นกวาดไปยังร่างของทุกคนในโถง
"ฉันจะบอกพวกแกทุกคนเอาไว้ จำใส่สมองให้ดี ฉันนี่แหละคุณธรรมของแท้ คุณธรรมของโลก"
เรย์เงยหน้าหัวเราะเต็มเสียงหลังประกาศ ลักษณะของเขาเวลานี้ไม่ต่างจากคนเสียสติเท่าใดนัก เสียงหัวเราะค่อยๆ เบาลง ใบหน้าหล่อก้มลงพื้นและชี้ปากกระบอกปืนไปที่ตัวเอง
"คุณธรรม"
จากนั้นก็ชี้ไปที่ยมบาล
"นั่นก็คุณธรรม"
ชี้ที่มิคาเอลและนาตาลีซึ่งประคองกันอยู่
"คุณธรรมๆๆๆๆๆๆ"
ซาตานที่ลุกขึ้นมาแล้ว อลิซ สเตฟานี่ และลุค ถูกเรย์ซึ่งคล้ายคนโรคจิตเข้าไปทุกขณะใช้ปากกระบอกปืนชี้หน้า
"มีคุณธรรมให้เกลื่อนไปหมด แต่สุดท้าย ฉันจะเป็นเอง ใช่ เป็นผู้ผดุงคุณธรรมที่แท้จริง และคุณธรรมไหนที่ขัดกับของฉัน มันจะต้องโดนลบหายไป เอาล่ะ มาเริ่มกาาาน!!!!!!!!!!"
เรย์มอนด์ คารอล ตะโกนลั่นจนเอ็นที่คอปูดโปน ทันทีนั้น ปืนโบราณในมือถูกลั่นไกอย่างไม่รอรี
ปังๆ
กระสุนดำสองนัดซ้อนพุ่งตรงเข้าที่หน้าผากของยมบาล ร่างยักษ์หงายหลังทันที เป้าหมายต่อไปคือสองนางฟ้า
"ก่อนที่จะสังหารข้าพเจ้า บอกข้าพเจ้าที ท่านใช่ท่านเรย์มอนด์คนเดิมหรือไม่"
มิคาเอลเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบา ดวงตาสีท้องฟ้ามองไล่ผู้ที่กำลังจะทำการสังหารตนตั้งแต่หัวจรดเท้า นาตาลีที่ดูเหมือนจะหมดแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงหลับตาลงในอ้อมอกของจอมทัพแห่งนางฟ้า เรย์มองภาพนั้นด้วยอาการดูถูกอย่างถึงที่สุด ทว่าก็หงุดหงิดอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
"ท่านก็ฟังคำเตือนของข้าพเจ้าเหมือนกันนี่ ข้าพเจ้าเพิ่งจะเคยเห็นท่านยิ้มก็วันนี้แหละ ฮึ ส่วนคำถามของท่าน ก็ใช่น่ะสิ เรย์มอนด์ที่เป็นผู้นำลูซิเฟอร์มันจะมีสักกี่คน"
ไม่ว่าเปล่า ผู้ตอบคำถามยิงกระสุนไปที่เข่าของนางฟ้าหนุ่ม ส่งผลให้มิคาเอลทรุดจนไม่สามารถประคองสหายสาวได้ เรย์แสยะยิ้มกับผลงานตัวเอง
"กลัวมั้ย?"
เขาถามมิคาเอล แต่ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม ซึ่งนั่นทำให้ผู้ตั้งคำถามอย่างเรย์ถึงกับขบกราม
"ก็ดี ยิ้มเข้าไว้ แล้วจะได้รู้ซะบ้างว่าความดับสลายเป็นยังไง เพราะหลังจากนั้นแกคงจะไม่อยากยิ้มอีกเลย"
ลูซิเฟอร์หนุ่มรัวไกรูปเสี้ยวจันทร์อย่างไม่ยั้งมือ เขากระหน่ำยิงจนเกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว เมื่อแสงสีดำถูกแสงสว่างจ้ากลบทับเขาจึงหยุด
"ตอนจะตายยังอลังการงานสร้าง ไม่ว่าจะที่ไหนพวกคนระดับสูงก็เป็นแบบนี้ไปซะหมด"
เรย์ทำลมออกจมูกเฮือกหนึ่งกับภาพวงแหวนแสงที่ฉายขึ้นราวกับสดุดีการจากไปของสองบุคคลสำคัญแห่งดินแดนนิรันดร์ ใจกลางของวงแหวนมีลูกบอลแสงสองลูกบินวนเป็นวงกลมก่อนมันจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าและทะลุหลังคาโถง เวลาเดียวกัน วงแหวนแสงระเบิดออกเป็นคลื่นอักขระสีทองพัดผ่านร่างเพรียวไป แต่ร่างนั้นให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า
"ไงพ่อองค์ชาย มีอะไรจะสั่งเสียมั้ย?"
ลูซิเฟอร์หนุ่มยกยิ้ม รอยกระสุนดำบนหน้าอกลุคเริ่มขยายเป็นวงกว้าง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังห้ามสเตฟานี่ที่มีท่าทีปกป้องตัวเขาด้วยการฉุดข้อมือ
"ไม่จำเป็น...ฉันมันก็ควรโดนแบบนี้อยู่แล้ว อย่างที่เขาบอก ยกเว้นอาจารย์ ถ้าฉันทำเป้าหมายสำเร็จฉันก็จะกำจัดทุกคนแม้แต่เธอ เพราะงั้นไม่ต้องห้ามเขาหรอก แต่ถ้าเขาทำยิ่งกว่านั้น...ฉันต้องขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญได้อีกแล้ว...ขอโทษ...จริงๆ"
"ไหนว่าไม่ชอบพูดมากไง ตายไปได้แล้ว"
เรย์ยกปากกระบอกขึ้นในตำแหน่งหว่างคิ้วของลุค เสียงตะโกนห้ามของหญิงสาวทั้งสองไม่ทำให้เรย์หยุดยั้งการเหนี่ยวไก
สภาพหลังจากที่ลุคตายไม่ต่างกับมิคาเอลและนาตาลี เพียงแต่ลูกบอลแสงใจกลางวงแหวนมีเพียงแค่ลูกเดียว
น้ำตาหยดเผาะบนพื้นหิน ร่างบางสั่นเทา ฝ่ามือที่ยันพื้นด้านหน้ากำแน่น กิริยานี้เป็นของอลิซ ส่วนหญิงอีกนางเซถอยหลังและล้มลงราวไร้เรี่ยวแรง
มือสังหารก้าวเท้าเข้ามายืนผงาดอยู่ด้านหน้าอลิซด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่คลายลง เขาโน้มตัวเข้าใกล้สาวสวยพร้อมเท้าเอวก่อนจะพูด
"พี่อลิซ พี่เชื่อมั้ย ตั้งแต่ที่ความทรงจำของพวกเรากลับคืนมา ผมก็รู้ทันทีว่าพี่นั้นจะต้องตะขิดตะขวงกับแนวทาง กับคุณธรรมของผม ใช่ครับ พี่เองก็มีคุณธรรมของพี่ แต่เสียใจจริงๆ ครับ เสียใจอย่างสุดซึ้งเลย ที่ผมจะต้องบอกว่า นั่น..."
เรย์ยกปืนที่สังหารลุคกระบอกเดิมขึ้น หน้าผากของอลิซอยู่ห่างจากปากกระบอกเพียงไม่กี่นิ้ว
"... มันขัดกับคุณธรรมของผม"
ดวงตาอลิซเบิกกว้าง
แต่ก่อน...รอยยิ้มจากใบหน้าหล่อเหลาทำให้เธอใจเต้นได้ไม่น้อย เพียงแต่บัดนี้ รอยยิ้มนั้นที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเธอ กลายเป็นเพียงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะเหตุนั้น หญิงสาวจึงหลับตาลงเพื่อปฏิเสธสิ่งที่เห็น และยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เสียงของสเตฟานี่ที่กรีดร้องห้ามการกระทำอันโหดร้ายของชายผู้ใช้สกุลเดียวกันแว่วก้องในหู แต่เธอก็รู้ดีว่ามันไร้ความหมายจนอยากจะหัวเราะออกมา
เพียะ!!
นิ้วเรียวยาวทั้งห้าพร้อมฝ่ามือตบลงบนใบหน้าราวรูปสลัก
"กะ..."
เสียงเนิบติดอยู่ที่ลำคอเมื่อร่างบางของอลิซในสายตาเธอล้มลงอย่างเชื่องช้าราวกับกดปุ่มสโลว์โมชั่น รอยแผลกลมดำประทับลงหน้าผากขาวจัดคือสิ่งที่สเตฟานี่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดในฝันร้ายช่วงนอนกลางวัน
"กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
"สเตฟานี่ เธอเองก็เหมือนกัน ถ้าให้เปรียบเธอก็ไม่ต่างกับน้องสาวของหมอนั่น เกิดมาแค่เป็นตัวหมากของพระเจ้า ความสูญเสียของพวกเราเมื่อตอนนั้นเธอคงไม่เข้าใจหรอก เพราะงั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป"
น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเย็นไม่ต่างกับสีหน้า เมื่อผสานเข้ากับการกระทำที่ตรงข้ามกับสัตว์เลือดอุ่น ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ราวกับเป็นขั้วโลกอันเวิ้งว้างสำหรับสเตฟานี่
ปัง...
แล้วไกปืนก็ได้ลั่นกระสุนดำออกไป ร่างบางเซ็กซี่ในชุดรัดรูปสีม่วงล้มคว่ำลงและระเบิดเป็นแสงสว่างจ้าตรงข้ามกับเหยื่อก่อนหน้านี้
ณ โถงกว้าง
ผู้เหลือรอดคนสุดท้ายนอกจากฆาตกรในคราบลูซิเฟอร์คือชายผอมแกร็นในเชิ้ตดำ บุรุษผู้ได้ชื่อว่าชั่วช้าสามานย์ที่สุด บิดาแห่งความเลวทั้งปวง
"ว่ายังไงครับนายท่าน รู้สึกยังไงเมื่อโดนผู้ที่ไม่เคยคิดว่าจะทรยศตัวเองหักหลังเอา" เรย์ก้าวเข้ามาในอิริยาบถราวกับพนักงานกินเงินเดือนในเช้าวันอาทิตย์ ซาตานยิ้มเมื่อลุกขึ้นยืน
"แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอกเรย์มอนด์ ฉันฆ่าพระเจ้าเองกับมือ เพราะงั้นตอนนี้ฉันเนี่ยแหละพระเจ้า"
"นี่น่ะเหรอสภาพของพระเจ้า หึ แกนี่มีแววรุ่งทางด้านเล่นตลกเหมือนกันนะ มุกเมื่อกี้ใช้ได้เลยทีเดียว แต่เอาล่ะ ไว้เกิดชาติหน้าถ้าแกยังจำคำพูดฉันได้แกค่อยไปตามล่าฝันเอาเองละกัน..."
เรย์โยนปืนโบราณทั้งสองทิ้งด้านหลังก่อนจะปรบมือสองครั้ง
"เจ้าแห่งความโฉดผู้ยิ่งใหญ่ จะตายทั้งที่ก็ต้องตายอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งแน่นอน ฉันจัดมาให้แกแล้ว"
สิ้นคำ พื้นที่ด้านหลังร่างเพรียวปรากฏวงแหวนสีดำขนาดใหญ่ฉายเกือบเต็มพื้นที่โถง คาถาสุดท้ายที่เรย์เก็บเอาไว้ตั้งแต่แรก คือไทม์เซอร์เคิ้ลสีดำสำหรับข้ามมิติ
"กะ...แก..."
ซาตานคำรามราวกับรู้สิ่งที่กำลังจะมาในอีกพริบตาข้างหน้า เรย์ไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่แสยะยิ้มน่าขนลุกขนพองพร้อมจ้องอาการตะลึงของเหยื่อ
บัดนี้โถงกว้างภายในมหาราชวังแห่งสวรรค์ เต็มไปด้วยร่างของผู้คนนับพันชีวิต
เพียงแต่
แม้จะสวมเสื้อผ้าต่างกันบ้าง แต่เหล่าบุคคลผู้มาใหม่กลับมีใบหน้าหล่อเหลาปานรูปปั้นกรีกไม่ต่างกัน และไม่ว่าจะผมสีดำสนิททรงกระเซอะกระเซิง ดวงตาดำขลับคมกริบ เรียวปากบางสีส้มสด หรือแม้แต่อาวุธซึ่งเป็นปืนทรงโบราณ ทุกอย่างของคนทั้งหมด เหมือนกันราวกับคัดลอกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
"ขอแนะนำให้รู้จัก นี่ เรย์มอนด์ คารอล ในช่วงระยะเวลาสิบปี" บุรุษผู้เป็นต้นแบบประกาศก้อง เจ้าแห่งความมืดถึงกับอึ้งโดยไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
"แก...ทำได้ขนาดนี้เลยเรอะ?"
"เออสิ ที่ใช้กับแกตอนที่เพิ่ง'กลับมา'ครั้งแรกมันก็แค่โชว์กระจอกๆ"
เรย์หันกลับไปดูกองทัพอันแสนภูมิใจ
"สองปีหลังจากที่ได้พลังในการคืนชีพ ทุกๆ วันฉันจะหยุดเวลาตัวเองไว้อีกมิติหนึ่ง ส่วนร่างปัจจุบันก็ใช้ชีวิตต่อไปตามการไหลของเวลาปกติของโลก หนึ่งปีฉันจะมีตัวเองสำรองอยู่มิติอื่นราวสามร้อยหกสิบคน มาถึงตอนนี้ก็ร่วมสิบปีกว่า สรุปแล้วในห้องนี้ก็มีกว่าสี่พันคน และเมื่อฉันเชิญออกมา กลไกของคาถาจะทำให้ร่างกายและความทรงจำของทุกร่างถูกใช้ร่วมกับร่างที่เป็นผู้อัญเชิญ เพราะงั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าแกจะตายด้วยน้ำมือของผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไร"
เรย์หันกลับมาที่ชายผมทองอีกครั้ง
"แกทำพวกเราไว้ได้แสบมาก ขายพวกเราให้พระเจ้าเพื่อแลกกับโลก หึ แต่ต่อให้แกไม่ทำอย่างนั้น หรือจะช่วยพวกเราเต็มที่ สุดท้ายแกก็ต้องถูกฉันฆ่าตายอยู่ดี การเลือกที่จะมีความสุขในการระบายความโสโครกใส่โลกจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดแล้ว"
ร่างของเหล่าเรย์มอนด์ทั้งหลายล้อมเป็นวงกลมรอบกายซาตาน แต่ชายผู้ที่รู้ชะตากรรมตนเองกลับแค่นยิ้มเห็นฟัน ลูซิเฟอร์ที่เห็นกิริยานั้นก็ยิ้มเช่นกัน
"ดูท่าแกเหมือนมีอะไรอยากจะสั่งเสียนะ"
"ใช่เรย์...ฉันอยากจะบอกแกว่าที่จริงแล้วฉันโกหก ฉันไม่ได้ได้พลังของพระเจ้ามาหรอก ถึงแกจะฆ่าฉันไปก็เปล่าประโยชน์"
"แกมันก็โกหกมาตลอดอยู่แล้ว หรือถึงแกจะพูดเรื่องจริงมาโดยตลอดแกก็ต้องตายอยู่ดี"
เรย์สวนทันที ทว่าซาตานหัวเราะออกจมูก
"ฉันเตือนแกแล้วนะ แกไม่ได้เข้าใจที่ฉันพูดแม้แต่นิดเดียว ตำแหน่งพระเจ้าไม่ใช่ว่าฆ่าคนเก่าแล้วคนฆ่าจะได้เป็นซะที่ไหน แกมันเพ้อเรย์ ต่อให้ตายกันหมดแต่ถ้ากฎโบราณไม่เลือกใครเลยแกก็..."
ด้วยความที่เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ เรย์ที่ไม่รอฟังให้จบประโยคเหนี่ยวไกลั่นกระสุนนัดแรกเป็นการเปิดฉาก จากนั้นปากกระบอกปืนของเรย์มอนด์ คารอลอีกจำนวนนับไม่ถ้วนได้ส่งลูกกระสุนพิฆาตออกมาจนส่งเสียงดังลั่น แสงดำและฝุ่นควันที่ตลบอบอวลทำให้เรย์ไม่เห็นภาพจุดจบของบุคคลสุดท้าย แต่ภาพเช่นนั้นเขาเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก
ท่ามกลางฝุ่นควันที่ยังคละคลุ้ง แสงสีทองสว่างจ้าเล็ดลอดออกมาเข้าตาชายหนุ่ม เขายิ้มมุมปาก และรอเวลาที่จะมองเห็นสิ่งที่คาดเดาให้ชัดเจน
ฝุ่นควันจางลงพร้อมทัศนวิสัยที่มากขึ้น ลูกบอลแสงสีทองลอยนิ่งอยู่ในระดับเอวของชายหนุ่ม เขาถอยห่างจากสิ่งนั้นเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้บอลสีทอง
เพียงชั่วครู่ อัญมณีแวววาวผุดงอกออกมารอบบริเวณที่บอลแสงลอยเอื่อยและผสานตัวเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นรูปร่างคล้ายเก้าอี้
"บัลลังก์เพชรที่เล่าลือกันสินะ งั้นที่เหลือ..."
บอลแสงสีทองขมวดตัวเองเพียงไม่นาน มันกลายเป็นมงกุฎสีทองอร่ามก่อนจะค่อยๆ ลดระดับความสูงลงจนวางนิ่งลงบนบัลลังก์เพชรที่ราวกับผุดขึ้นมาเพื่อการนี้
"ซาตาน แกไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนสันดานเสียที่โกหกไปวันๆ"
มงกุฎทองรูปโล่และปีกขนนกประดับด้วยทับทิมแดงถูกเรย์มองด้วยสายตาราวกับหลงใหล ก่อนที่เขาจะพาร่างเดินเข้าไปหาของทั้งสองสิ่งพร้อมรอยยิ้มส่งจากชายที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันนับพันคน
เรย์ก้าวขึ้นฐานของบัลลังก์ และกำลังจะเอื้อมมือไปยังมงกุฎที่นอนนิ่งราวกับเจ้าสาวรอคอยการปรากฏตัวของเจ้าบ่าว
ใกล้แล้ว
อีกเพียงคืบเดียวพระเจ้าองค์ใหม่ก็จะจุติ พระเจ้า...ที่กำหนดชะตาสรรพสิ่ง
เปรี๊ยะ!
อากาศส่งเสียงคล้ายกับไฟฟ้าสถิตย์ในฤดูหนาว แน่นอนว่าเรย์ชะงักกับเสียงนั่น
เปรี๊ยะ!!
คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียง แต่ภาพของมงกุฎทองกลับถูกรอยดำต้นเหตุของเสียงแบ่งเป็นสองเสี่ยงคล้ายภาพสะท้อนจากกระจกร้าว
"บ้าที่สุด นี่มันอะไรกันแน่!"
ทั้งที่ปลายนิ้วอยู่ห่างจากมงกุฎเพียงไม่ถึงคืบ แต่เรย์กลับเอื้อมมือไปต่อไม่ได้อีกแล้ว
เปรี๊ยะๆๆๆๆๆ
รอยปริแตกลามมาที่ปลายนิ้ว ทว่าโชคดีที่เรย์ชักกลับออกมาทัน
เพียงแต่ปรากฏการณ์อากาศเกิดรอยร้าว ไม่ได้เกิดแค่เท่าที่ชายหนุ่มคิด
รอบบริเวณโถงเกิดรอยดำพาดผ่านไปทั่วทุกหนแห่ง เขาเห็นกองทัพตัวเองกำลังสู้กับสิ่งที่อธิบายไม่ได้นี้ด้วยสีหน้าหวาดกลัว เรย์คนปัจจุบันชักปืนขึ้นมาอีกครั้งและกราดยิงรอบทิศทาง
ทว่ามันกลับไม่ส่งผลใดๆ กับรอยร้าวที่กำลังลุกลาม
"มันจบลงแล้ว ลูซิเฟอร์"
เสียงที่ก้องกังวานคือเสียงแหบแต่กลับทรงพลัง เสียงอันเปี่ยมด้วยพลังมหาศาลทำให้ร่างของเรย์ราวกับโดนบีบอัด
"พระเจ้าเรอะ! ทำไม ก็แกตายไปแล้วนี่!!!"
"อาจเป็นอย่างที่ท่านคิด หรือไม่เป็นอย่างที่ท่านคิดก็ได้ ท่านไม่ได้เข้าใจทุกสรรพสิ่งหรอก"
เรย์พยายามหันหาต้นเสียงแต่ไม่สำเร็จ บัดนี้รอยแตกสีดำได้เข้ารุกล้ำเข้ามายังร่างกายของเขา
"ทำไมกัน ทำไมฉันต้องแพ้พวกแกด้วย ทำไมฉันถึงเป็นพระเจ้าไม่ได้ ทั้งที่จุดประสงค์ของฉันก็แค่เพียงอยากจะนำพามนุษย์ไปสู่ความสุขอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งๆ ที่จุดประสงค์ของแกมันก็แค่เรื่องความสุขของตัวเอง! ทำไมเป็นพวกฉันที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ด้วย!!!"
"เราเห็นด้วยกับท่านที่ว่าเราต่างคนต่างก็มีคุณธรรมของตัวเอง อาจเป็นเหมือนข้ออ้าง แต่นี่แหละคุณธรรมของเราล่ะ เรื่องที่ท่านพ่ายแพ้แก่เรา เราก็อธิบายให้ท่านฟังเข้าใจไม่ได้ ขอให้ท่านรู้แค่ว่าพลังของพระเจ้ายิ่งใหญ่มากก็พอ"
จนถึงเดี๋ยวนี้เรย์ก็ยังไม่พบกับเจ้าของเสียง แต่เรื่องนั้นสำหรับเขาไม่สำคัญอีกต่อไป เมื่อร่างกายของเขาได้ถูกรอยปริแตกกลืนกินทั่วทั้งร่างเช่นเดียวกันกับภาพทุกอย่างรอบตัว
"แต่ถึงพวกท่านจะพ่ายแพ้แก่เรา เราก็ขอยอมรับจากใจจริงว่าพวกท่านเก่งมากที่ไล่ต้อนจนเราต้องใช้พลังต้อง ห้ามที่กำลังปรากฏอยู่นี้ได้ แต่ก็จบแล้วล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความปกติ...ตามคุณธรรมของพวกเรา"
เรย์นิ่งค้างไปราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ เขายิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยนในแบบที่อลิซคุ้นเคยก่อนจะหลับตาลง
"งั้นฉันขอถามแกเรื่องสุดท้าย ช่วยตอบหน่อยได้หรือเปล่า?"
"ว่ามา"
"วิชานี้แกคิดขึ้นเองงั้นเหรอ? หมายถึงใช่รสนิยมของแกรึเปล่า วิชาแบบนี้น่ะ"
ผู้ตั้งคำถามมองฝ่ามือของตนเองซึ่งตอนนี้ถูกรอยร้าวสีดำยึดพื้นที่กว่าครึ่งแล้ว
"พลังนี้ไม่ใช่ของเรา เราแค่รู้ว่ามันมีอยู่เพื่อใช้สำหรับเหตุการณ์วิกฤติแบบนี้ก็แค่นั้น เรื่องปรากฏการณ์ของคาถาเป็นเรื่องนอกเหนือจากความเข้าใจของเราเช่นกัน"
คำตอบของพระเจ้าทำให้เรย์หัวเราะลั่น แต่ด้วยสีหน้าที่มีความสุขราวกับหน้ากากของฆาตกรได้หลุดล่อนออกแล้ว
"งั้นเหรอ? เหนือความคาดหมายแฮะ แต่ก็โชคดีที่อย่างน้อยไม่มีใครเห็นรสนิยมห่วยแตกนี่..."
เขาพูดกับตัวเองก่อนเสียงสุดท้ายจะดังขึ้น
"ลาก่อน..."
ลูซิเฟอร์หนุ่มทำเพียงแค่ยิ้มตอบรับ ดวงตาทั้งสองแดงเรื่อและช่ำน้ำ
"อืม..."
นี่คือเสียงสุดท้ายของผู้นำกองกำลังอดีตอัครเทวทูต ลูซิเฟอร์
ความคิดเห็น