ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Step into my World : The Truth of SATAN and The Lie of GOD

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 18 ลวง

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 56


     

    บทที่ 18 ลวง

    "อ้าว..." เด็กน้อยแสดงความประหลาดใจผ่านน้ำเสียงอ่อนเยาว์ ขณะที่หัวกลมซึ่งมีตักผู้เป็นย่าหนุนแทนหมอน พลิกกลับขึ้นมาด้วยความผิดหวัง

    "จบแล้วเหรอคะคุณย่า"

    หญิงชรามองหลานสาวขี้อ้อนพลางลูบผมอย่างเอ็นดู แขกสาวผู้มาเยือนที่นั่งไขว่ห้างจิบชาอยู่ตรงเก้าอี้ใกล้ๆ วางแก้วลงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มและเสียงเนิบนาบทรงเสน่ห์

    "ยังหรอกจ้ะ พระเอกยังไม่ได้ออกโรงเลยไม่ใช่เหรอ"

    "ก็เขาพ่ายแพ้แก่ซาตานไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?" เด็กหญิงเอ่ยอย่างงุนงง ส่วนหญิงทั้ง 2 มองหน้ากันเพียงชั่วครู่ก่อนหญิงชราจะเป็นผู้เอ่ย

    "ไม่หรอกจ้ะ หนูไม่เคยฟังนิทานเรื่องไหนที่จอมมารเป็นฝ่ายชนะเจ้าชายใช่มั้ย?"

    หนูน้อยทำหน้าฉงนราวสามวินาทีก่อนตอบรับด้วยรูปปากกลมๆ พร้อมคลี่ยิ้มบานแฉ่งและส่งสายตาอ้อนวอนไปยังเจ้าของตักนุ่มเพื่อขอความมั่นใจ ซึ่งเธอพยักหน้า

    "เรื่องนี้ก็จะเป็นแบบนั้น งั้นย่าเล่าต่อเลยนะ"

    "ค่ะ!"

    .

    ...

    .....

    เปรี๊ยะๆ...

    "เกิดอะไรขึ้นเนี่ย..."

    ในที่สุดเจ้าแห่งความมืดก็พบกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นท่ามกลางความปิติยินดีของผู้ชนะ เขาค้นหาต้นเสียงของสิ่งนั้นทันที

    เปรี๊ยะๆๆๆ

    ซาตานพบแล้ว

    ขณะที่เขากำลังจะพุ่งทะยานขึ้นไปเพื่อจัดการกับรอยร้าวสีดำบนอากาศเหนือศีรษะที่ราวกับเส้นแบ่งแยกของเพดานวิจิตรเป็นสองฝั่ง ร่างผอมกลับหยุดชะงักราวกับถูกตรึง

    "บัดซบ!!!!!!!!!!!!"

    เสียงแหลมเล็กสบถ ใบหน้าอัปลักษณ์เงยมองรอยร้าวที่ลุกลามมายังพื้นเบื้องล่างโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น

    สุดท้ายรอยร้าวระเบิดลั่น ภาพของโถงอันวิจิตรแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยไม่ต่างกับความยินดีของบุรุษ

    "ไม่นึกว่าแกจะใช้วิชาข้ากับข้าได้ ฝึกมาเพื่อการนี้เลยสินะตาแก่"

    หลังห้องโถงลวงพังทลาย ภาพที่ปรากฏก็ยังคงเป็นสถานที่แห่งเดิม เพียงแต่เหล่าบุคคลที่ซาตานคิดว่าตนจัดการไปแล้วยังคงอยู่อย่างครบถ้วน หนำซ้ำ หนึ่งในคนเหล่านั้นยังใช้คาถาพันธนาการอันแข็งแกร่งที่สุดใส่เขา และนั่นเป็นเหตุให้บุรุษมืดแสดงน้ำเสียงถึงความหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก

    "เฮล! ตอนนี้แหละ จัดการมันไปพร้อมๆ กันกับฉันเลย!!!"

    พระเจ้าตะคอกน้องชายที่กำลังตะลึงพลางใช้พลังเฮือกสุดท้ายสละตนเพื่อคาถาที่แข็งแกร่ง ทว่า ยมบาลกลับลังเลที่จะทำตามสนองพี่ชาย

    "เร็วสิวะ!!! จะโง่ไปจนตายเลยรึไง! ถ้าพลาดโอกาสนี้พวกแกหรือฉันก็ต้องตายกันหมดอยู่ดี!!!!!!!!"

    สิ้นคำพี่ชาย ยมบาลกลั้นใจเสกเสาเพลิงขึ้นมาจากพื้นหินทั่วสารทิศ พวกมันปะทุขึ้นและร่ายรำราวกับมีชีวิต เรย์ตะโกนบอกให้อลิซและสเตฟานี่หาที่หลบเพื่อความปลอดภัย แต่ทั้งสองกลับไม่เหลือแรงที่จะทำเช่นนั้นได้ มิคาเอลกับนาตาลีที่ยังพอมีแรงเหลืออยู่บ้างเดินเข้าไปหาลุคที่เหมือนไม่มีจิตใจอยู่กับตัวแล้วเพื่อประคองขึ้นมา

    ไม่ว่าจะทำอย่างไร ซาตานก็ไม่มีหนทางที่จะรอดพ้นจากพันธนาการที่เจ้าแห่งสวรรค์ได้เสกขึ้น พวกเขาทั้งสองลอยอยู่เหนือพื้นเพียงเล็กน้อย แขนสองข้างกางออกและแผ่นหลังที่ติดชิดทำให้ราวกับต่างฝ่ายต่างเป็นเป็นกางเขนให้แก่กันและกัน

    "ถ้าแกปล่อยลงมาแกก็โง่ ไอ้ยมบาล ถ้าไม่อยากเสียใจแกต้องไม่ปล่อยเพลิงนั่นลงมา" ชายผู้ทิ้งความสุภาพอันเป็นหน้ากากแค่นยิ้ม หากแต่ใบหน้านั้นกลับซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม

    "อย่าไปฟังมันเฮล รีบจัดการ ฉันจะไม่ไหวแล้ว!!!!!!!!!!!"

    "พี่!!!!!!!!!!!!!"

    น้ำตาไหลรินอาบหน้าเจ้านรกพร้อมกับมือใหญ่ที่ตวัดลง เสาเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งกำลังปะทุอย่างบ้าคลั่งขมวดรวมกันยังจุดเดียวเหนือศีรษะเจ้าของคาถาจนกลายเป็นลูกอุกกาบาตขนาดเจ็ดสนามฟุตบอล ก่อนที่มันจะค่อยๆ เคลื่อนลงมายังจุดที่ชายสองคนถูกพันธนาการ คาถาพิฆาตนั้นกินบริเวณเกินกว่าที่พวกสเตฟานี่คิด

    "พวกเราหลบไม่พ้นแน่!"

    สาวผมบ๊อบอ้าปากค้างอย่างตะลึงงัน อลิซเองไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปาก เวลาเดียวกัน สายตาเธอได้กวาดไปพบกับเจ้านายหนุ่มซึ่งเขาก็ส่งยิ้มหล่อเหลาทว่าไร้ความอบอุ่นมาให้

    "คุณคารอล..." อลิซพึมพัม ชายผู้ถูกเอ่ยชื่ออยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยิน หรือได้เห็นน้ำหยดใสจากดวงตาคู่สวย

    "เรย์!!! นั้นเรย์จะทำอะไร!!!!!!" สเตฟานี่ร้องเมื่อพบกับร่างชายหนุ่ม ขณะเดียวกันอุกกาบาตเพลิงก็เหลือระยะห่างกับพื้นเพียงไม่ถึงสิบฟุต สองสาวสัมผัสได้ถึงความร้อนหลายพันองศา แต่ภาพของเรย์ทำให้พวกเธอลืมอุณหภูมิไปชั่วครู่ ริมฝีปากบางของชายหนุ่มขยับได้ใจความว่า'แล้วพบกันใหม่' พร้อมปืนโบราณสีดำถูกยกขึ้นจ่อที่อกด้านซ้าย

    "อย่าน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!"

    ไม่เป็นผล เสียงปืนดังขึ้นพร้อมร่างผู้ลั่นไกที่จบชีวิต

     

    อีกด้านหนึ่ง ลุคเดินจากอดีตสหายทั้งสองออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่เขาผิดหวังกับการฆ่าตัวตายของเรย์มอนด์ท่ามกลางสถานการณ์ขั้นวิกฤติ อาจารย์ของเขาและสเตฟานี่คือสิ่งเดียวที่อดีตองค์ชายสนใจ

    "ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

    ซาตานกรีดร้องครั้งสุดท้ายก่อนอุกกาบาตยักษ์จะเผาผลาญทุกสิ่งในโถงนั้นเป็นเวลานานกว่าหลายนาที

    หลังเพลิงโลกันต์มอดดับ สเตฟานี่พบว่าตนและอลิซปลอดภัยอยู่ภายในโดมแสงขนาดกว้าง

    "ขอบคุณค่ะคุณสเตฟานี่"

    อลิซกล่าวทั้งน้ำตา แต่ผู้ที่เธอขอบคุณกลับปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่คาถาของเธอ เพราะฉะนั้นคาถานี้ก็มีเพียงอีกคนเดียวที่จะเสกได้ ผู้ใช้แสงอีกเพียงหนึ่งเดียว...

    "นั่น! คุณแกรนด์สโตน เขาช่วยพวกเราเอาไว้!"

    เมื่อโดมแสงสลายตัวสเตฟานี่เอ่ยอย่างตกใจ บุคคลที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอนอนคว้ำ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยไหม้สาหัส ทั้งสองรีบวิ่งไปหาเขาคนนั้นทันที

    "นายลุค นายช่วยพวกเราทำไม..." เสียงเนิบสั่นเครือ เธอช่วยอลิซพลิกร่างโปร่งขึ้น ใบหน้าหล่อยกยิ้ม

    "ฉัน...เกิดก่อนเธอตั้งนาน....มาเรียก...ชะ..ชื่อพี่ชาย...ห้วนๆ...ได้ยังไง..." ลุคหัวเราะได้เพียงแค่ในลำคอ เขากอดของที่อยู่ในอกแน่นขึ้น

    "อาจารย์...สำเร็จแล้ว..."

    "องค์ชายต้องไม่เป็นอะไรนะเพคะ ฮือออ คุณสเตฟานี่..ช่วยองค์ชายด้วย…"

    ถึงไม่ต้องให้อลิซบอกสเตฟานี่ก็กำลังทำแบบนั้นอยู่ แต่ลุคกลับคว้ามือเรียวขาวที่กำลังทาบอยู่ที่หน้าท้องตัวเองขึ้นมา นั่นทำให้สาวผีเสื้อแปลกใจก่อนที่เขาจะมอบสิ่งที่กอดอยู่ให้กับเธอและบอกกับอลิซ

    "...ฝากที่เหลือด้วยครับ..."

    ผ้าพันคอและถุงมือไหมพรมสีน้ำเงินสดใสในมือสเตฟานี่มีรอยไหม้เล็กน้อย เธอซึ่งรู้ความหมายของมันดีพยักหน้าทั้งน้ำตา

    "อีกอย่าง..."

    เสียงนุ่มเริ่มย่ำแย่ลง เพียงแต่เจ้าของเสียงกลับยิ้มอย่างมีความสุข เขาใช้มือทาบที่หน้าอกตนเองและค่อยๆ ยกขึ้น

    สิ่งที่อยู่ในมือซ้ายของชายหนุ่มคือผลึกเปล่งแสงสีชมพูสว่างสดใส เขามอบให้กับอลิซพร้อมคำฝากฝังที่พูดอีกครั้ง ซึ่งเธอนั้นรับปากโดยไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ มาอธิบาย

    "รักษามันไว้...ดีๆ...ล่ะ" ลุคหันไปบอกกับสเตฟานี่ที่เช็ดน้ำตาทิ้ง

    "เซ้าซี้จังนะนาย"

    ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ด้วยความอ่อนแรง จึงไม่แปลกที่เสียงหัวเราะแหลมเล็กจะดังกลบจนหมด ซึ่งนั่นทำให้จุดรวมสายตาของทุกคนเปลี่ยนไปทันที

    "วะ ฮ่าๆๆๆๆ สุดท้ายพวกแกก็ทำอะไรฉันไม่ได้!!!!!"

    เจ้าแห่งความมืดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ยมบาลกัดกรามแน่ก่อนจะทรุดลง คาถาเพลิงเมื่อครู่คือเฮือกสุดท้ายของเขาอย่างจริงแท้ นาตาลีกับมิคาเอลก็ใช้พลังทั้งหมดในการป้องกันตัวเองจากคาถาเมื่อครู่เช่นกัน

    ความกลัวเข้าครอบงำอลิซเมื่อซาตานเลือกที่จะเดินมาทางเธอ แววตาของฆาตกรฉายเด่นอยู่ภายในดวงตาสีแดงเลือด ทว่าเขาเองก็เต็มไปด้วยรอยแผลสาหัสพอกันกับลุคจึงทำให้พวกเธอไม่เข้าใจจุดประสงค์ของชายร่างแกร็น

    ฉึกกก

    ของมีคมสีทมิฬทะลุออกจากเบ้าตาซ้ายของชายผมทอง ก่อนมันจะเฉือนลงมาด้วยความเร็วจนร่างผอมแยกเป็นสองซีก

    อลิซปิดปากอย่างตกใจ ลุคมองภาพนั้นโดยที่อธิบายไม่ได้ ดาบสีดำหายกลับเข้าไปในช่องมืดระหว่างซีกร่างทั้งสอง ขณะที่สเตฟานี่คิดว่ารู้ตัวเจ้าของของดาบดำ เสียงแหลมเล็กกวนประสาทได้ดังขึ้นโดยทำลายความหวังเธอจนป่นปี้

    "ช่างเป็นฝันที่ธรรมดาในหมู่ความฝันธรรมดาจริงๆ เล้ยยยย"

    เจ้าของเสียงแหวกซีกร่างทรุดโทรมของตนเองและก้าวออกมา ใบหน้าอัปลักษณ์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเล่นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    "มะ...หมายความว่ายังไง...?" มิคาเอลถลึงตา หมัดกำแน่นด้วยความเจ็บใจ เมื่อสภาพของเจ้าแห่งความมืดที่โผล่ออกมาใหม่แทบจะไร้รอยขีดข่วน

    "อา...ท่านแม่ทัพ ท่านจะไม่เข้าใจมันก็ไม่แปลกหรอก แต่ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เหตุการณ์เมื่อครู่...มันอยู่ในความฝันน่ะ...ฝันของพระเจ้า ด้วยวิชาของผม"

    "งั้นตอนนี้...เราก็ยังอยู่ในฝันเรอะ!?!" ยมบาลพูดด้วยเสียงเจ็บใจ เพราะหมายความว่าพลังสุดท้ายที่ใช้ไปเมื่อครู่เท่ากับไร้ประโยชน์

    "เปล่าครับ เราอยู่ในโลกแห่งความจริงกันแล้ว" ซาตานยิ้มมุมปากก่อนจะพูดต่อโดยไม่สนใจสีหน้าของผู้ใด "ตั้งแต่ที่ผมเล่าความจริงออกไปทั้งหมด จุคเริ่มของความฝันก็คือตอนที่ผมเอาวิญญาณของพวกที่ตกนรกบุกขึ้นมานั่นแหละ ความฝันของพระเจ้าดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงเมื่อครู่ก่อนผมจะสลับกับความจริง ซึ่งก็คือ ณ เวลานี้ไงครับ ตัวละครของผมในความฝันเป็นประตูมิติไว้ให้ผมในโลกแห่งความจริงสลับ...เข้าใจกันรึเปล่าครับเนี่ย"

    ผู้อธิบายหัวเราะร่า แต่กลับไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ได้ยินตามคาด ยกเว้นลุค

    "แกดำเนินเหตุการณ์...ทั้งหมด..ไปพร้อมๆ กันสองช่วงเวลาสินะ"

    "สมกับเป็นอัจฉริยะ ก็นะ คุณเองก็แบ่งร่างไว้อีกมิติหนึ่งเหมือนกันล่ะสิถึงได้ช่วยสาวสวยสองนางนั้นได้ ถึงความเหนือชั้นจะไม่เท่าผม แต่ก็ยอมรับว่าคุณเก่งมากที่แอบผมฝึกวิชาสุดยอดนี้ได้ เอาล่ะ คุณเรย์กับพระเจ้าก็ตายไปแล้ว เชิญพวกคุณๆ ที่เหลือตายตามกันไปได้เล..."

    ปังๆ

    เสียงปืนดังขึ้นราวกับไม่เปิดโอกาสให้ซาตานทำอะไรได้สำเร็จ ทั้งคำพูดที่ยังไม่ทันจบประโยคและการกระทำที่กำลังจะดีดนิ้ว กระสุนแสงสีดำเจาะทะลุหัวเข่าและอกด้านซ้ายเขาที่ยังไม่ปักใจเชื่อเหตุการณ์นี้ อลิซ สเตฟานี่ ลุค ยมบาล มิคาเอลและนาตาลีมองไปยังทิศที่ลูกกระสุนพุ่งมาเป็นจุดเดียว

    เขาคนนั้นยืนอยู่บนไม้เท้าของรูปปั้นคนแก่ หน้าต่างบานโตด้านหลังเขาสาดแสงทองเข้ามาจนทำให้ทุกคนเห็นร่างบุรุษปริศนาได้ไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเสียงปืนอีกสองนัด ซึ่งผู้ที่รับรู้ได้ดีกว่าใครคือสเตฟานี่และอลิซ เนื่องจากกระสุนดำทั้งสองพุ่งทะลุหน้าอกชายหนุ่มที่พวกเธอประคองไว้บนตัก

    "องค์ชาย!!!!!"

    อลิซกรีดร้องอย่างปฏิเสธสิ่งที่รับรู้ เพียงแต่ผู้ที่ถูกยิงกลับยิ้มในความหมายทางบวกและถอนใจราวกับถึงเวลาที่รอคอยมาอย่างยาวนาน

    "เอ้าๆ ท่านทั้งหลาย ตื่นจากความฝันนี้กันได้แล้ว"

    โทนเสียงทุ้มต่ำอันมีความนุ่มนวลเป็นจุดเด่นดังก้องกลบเสียงแผดแหลมที่ร้องออกมาอย่างเจ็บใจ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×