ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Step into my World : The Truth of SATAN and The Lie of GOD

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 16 คำโกหกของพระเจ้า

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 56


     

    บทที่ 16 คำโกหกของพระเจ้า

    สิ่งที่ได้ยินทำให้ลุคหน้ามืดและจุกที่ท้องกับลำคอราวกับโดนหินทรายยัดเข้าไป หัวใจประสบกับความบุบสลายอีกครั้งหลังจากผ่านมาสิบสองปี อาการหน้ามืดทำให้ชายหนุ่มเซ เขายกมือบีบหัวคิ้วตัวเองรุนแรงเพื่อให้อาการหายไป แต่สิ่งที่รับรู้คือสิ่งที่สวมอยู่บนมือเขาทั้งสองข้างนั้นคือถุงมือไหมพรมที่เขาได้มาจากโมนิก้า เมย์รี่อย่างแน่นอน รวมถึงผ้าพันคอสีน้ำเงินก็เช่นกัน

    "จะว่าไม่มีคุณโมนิก้าเลยมันก็ไม่ถูก คุณมันเป็นอัจฉริยะใช่มะ พ่อคุณก็เลยใส่แผนสำรองกันไว้เผื่อแผนแรกพลาด ผมเองไม่คิดว่ามันจะได้ผลหรอก แต่มันกลับล่อคุณได้มากกว่าแผนหลักซะอีก"

    "แก...พูดเรื่องอะไร"

    ลุคเหลือบตาขึ้นมองซาตานอย่างน่ากลัว แต่บัดนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้ชายร่างแกร็นมีอารมณ์ขุ่นมัวได้

    "ก็เรื่องที่คุณโมนิก้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการกำจัดคุณยังไงล่ะครับ วิญญาณของเธอคนนั้นไม่ได้หลอมออกมาแบบบ้านๆ แต่พ่อคุณใช้วิญญาณของแม่คุณนั่นแหละหลอมขึ้นมา และขอโทษที่ตอนนั้นผมโกหก วัตถุสีชมพูที่พ่อคุณเก็บไปหลังจากร่างคุณโมนิก้าสลายมันไม่ใช่ความทรงจำ แต่มันเป็นเนื้อวิญญาณแท้ๆ ขององค์ราชินีเลยล่ะครับ"

    ลุครู้สึกราวกับหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ทรมานเกินกว่าจะรับรู้อะไรอีกต่อไป แต่ซาตานไม่สนใจ เขากำลังมีความสุขอย่างถึงที่สุดเมื่อเห็นสภาพลุคเป็นเช่นนั้น

    "สร้างให้ตาบอดเพื่อเรียกความสงสารน่ะเป็นความคิดของพ่อคุณ ส่วนผมพอเห็นว่าแผนรองเริ่มฉายแววเด่นก็สร้างความทรงจำปลอมๆ เรื่องนางฟ้าฆ่าคนยัดใส่ลงไปในหัวเธอเพื่อจูงใจให้คุณรังเกียจสวรรค์มากขึ้น และก็ได้ผล ผมฉวยโอกาสช่วยคุณแล้วตลบหลังพ่อคุณอีกต่อ มานึกๆ ดูก็ลำบากเหมือนกันน้า ตัวผมน่ะ"

    "อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก"

    ลุคตะโกนราวทะเลคลั่ง เขาพุ่งตัวไปหาผู้ที่สาธยายความจริงทั้งหมดพร้อมคว้าคอเสื้อด้วยมือทั้งสอง

    "ทำไมครับ อยากจะฆ่าผมเหรอ คุณคิดผิดแล้ว ตัวการทุกอย่างอยู่ตรงนู้นต่างหาก"

    ซาตานยิ้มท้าทายในขณะที่โดนยกตัวลอย เขาเพยิดหน้าข้ามไหล่ลุคไป ชายหนุ่มมองตามก่อนจะหันมาหาดวงตาสีแดงฉาน

    "ผมค้านหัวชนฝาเรื่องการเอาวิญญาณแม่คุณมาสร้างเป็นคุณโมนิก้า แต่พ่อคุณก็ดึงดันจะทำเพราะกลัวแผนแรกพลาด ผมยอมให้คุณชกหมัดนึงก็ได้ เพราะผมก็รู้สึกผิดต่อคนที่ผมเคยรักต่อแม่ของคุณ ใช่ การกระทำของพ่อคุณมันเป็นการเหยียดหยามเธอผมจึงค้านแผนนั้น..."

    พลั่กก

    กำปั้นของลุคตะบันใส่หน้าขาวซีดที่ยิ้มจองหองก่อนจะผลักอกจนซาตานเซถอยหลังไปสองสามก้าว หลังจากนั้นลุคเดินกึ่งวิ่งไปหาเจ้าแห่งสรรพสิ่งบิดาของตนด้วยอาการโงนเงน

    ลุคกระชากคอเสื้อขาวขึ้นมา ใบหน้าเหี่ยวย่นของวัยชราเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา ลุคจ้องทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความโกรธในขณะที่พระเจ้าสะอื้นตัวกระตุก

    "ลูอิส พ่อขอโทษ มันจำเป็นต้องทำจริงๆ"

    "ไอ้สารเลว!!! ทำอย่างนั้นได้ไงวะ! แม่ฉันไม่ใช่คนที่แกรักรึไงกัน!!!"

    "พ่อรักแม่แกมาก ลู รักมาก แต่เรื่องที่ฉันทำมันสำคัญต่อทุกสิ่งจริงๆ นะ"

    ลุคใกล้ถึงจุดขีดสุดของความเดือดดาล เขาตะคอกใส่ชายตรงหน้าสุดเสียง

    "แกฆ่าแม่แล้วยังดูถูกดวงวิญญาณของเธอด้วยการเอาไปใช้ในแผนชั่วๆ ของแก ตรงไหนที่แกเรียกมันว่าความรัก!!! ฮะ!!! ไอ้บัดซบ!!!"

    "เพื่อความสมบูรณ์แบบมันก็ต้องแลกบางอย่าง แกไม่คิดงั้นเหรอ ลู บางอย่างที่ยิ่งใหญ่คู่ควร"

    "ฉันไม่คิดโว้ย!!!!!! ฉันไม่คิด! แกมันบ้าไปแล้ว! ทำไมแกถึงหวงบัลลังก์พระเจ้านักวะ! มันมีอะไรอยู่งั้นเรอะถึงทำให้แกชั่วได้ขนาดนี้!!!"

    ลุคเขย่าร่างที่อยู่ในมือด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะผลักจนชายชราล้มกระแทกพื้น

    "ผมบอกให้ม้า"

    ซาตานพูดแทรกระหว่างการวิวาทของพ่อลูกอย่างสบายอารมณ์

    "พระเจ้านอกจากจะเป็นผู้กุมพลังอันยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลหลักของเรื่องราวทั้งหมด มันคือพลังในการ'หยั่งรู้สรรพสิ่ง' ตั้งแต่ของที่เป็นรูปธรรมอย่างการเคลื่อนของก้อนกรวดไปจนถึงของที่ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้เช่นภายในส่วนลึกของจิตใจ พ่อคุณทำทุกอย่างที่จะไม่ให้ตำแหน่งพระเจ้าตกอยู่ในมือใครก็เพื่อสิ่งนั้นแหละครับ ลองสมมติว่าวันนี้คุณได้เป็นพระเจ้า คุณก็จะรู้ทันทีว่าพ่อคุณเป็นคนยังไงคิดอะไรอยู่ ซึ่งคุณก็คงจะเจอแต่เรื่องชั่วๆ แน่นอน พ่อคุณไม่ต้องการแบบนั้นเรื่องราวมันถึงเละตุ้มเป๊ะอย่างนี้ไง"

    ลุคถึงกับเข่าอ่อนลงอีกครั้งหลังเรียบเรียงความเข้าใจจากเสียงแหลมเล็กอันสดใส เขาใช้มือยันพื้นด้านหลังและเงยหน้าด้วยอาการช็อก

    "เพื่อ...เรื่องพรรค์นั้น..." ลุคพึมพำกับอากาศก่อนเสียงมิคาเอลจะลอยมาอย่างไม่เชื่อหู

    "เรื่องที่เขาเล่ามามีความจริงแค่ไหนกัน...พะย่ะค่ะ"

    พระเจ้ามององค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์ด้วยสายตาไม่ปฏิเสธ ซึ่งนั่นทำให้ 2 องค์รักษ์มีอาการตามหลังลุคไป สเตฟานี่รู้สึกขนลุกกับเรื่องที่กำลังฟังจนต้องเอ่ยเป็นคำพูดเพื่อคลายความขยะแขยง

    "นายมันบ้าไปแล้ว"

    เรย์ไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องที่เขาโดนหักหลัง เขาเหลือบมองอลิซ และก็ต้องโมโหเมื่อพี่สาวที่ควรจะใส่ใจว่าจะจัดการยังไงกับซาตานและพระเจ้ากลับทำสีหน้าราวกับแม่พระผู้ใจบุญส่งให้อดีตลูกศิษย์ของตน เขายังหาวิธีไม่ได้ในขณะที่สภาพยังสะบักสะบอมเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มได้เก็บความสามารถสุดท้ายไว้ใช้ในการปิดฉากแล้ว ขณะเดียวกัน ซาตานก็ยังคงร่ายต่อไป

    "แต่ความจริงทั้งหมดยังไม่จบนะครับ..."

    "พอสักที!"

    เสียงแหบอันทรงพลังตะคอก น้ำตาของชายชรายังคงไหลริน ซาตานชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มเยาะ

    "ก็มาหยุดปากข้าพเจ้าสิ ข้าพเจ้าถึงจะพอ"

    บุรุษชุดดำหัวเราะในลำคอพร้อมมองชายชราด้วยหางตาอย่างสมเพช

    "แน่นอนว่าการที่ผมช่วยคุณลุคมันไม่ได้อยู่ในแผนการของพระเจ้า มันเป็นแผนของผมเอง แต่ขณะเดียวกันผมก็ยังคงร่วมมือกับเขาเพื่อวางแผนทำความสะอาดครั้งสุดท้าย จุดเริ่มต้นของสงครามนี้ ผมเสนอแผนการคืนชีวิตให้ลูซิเฟอร์ขึ้นมาซึ่งพระเจ้าก็ตอบตกลง"

    "ว่าไงนะ แผนสร้างกองทัพนั่นแกมาบอกกับฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันร่วมมือกับแกและคืนชีพเป็นเรย์มอนด์ไม่ใช่รึไง...?"

    ลุคแย้งด้วยสีหน้างุนงงอย่างที่สุด ใบหน้าอัปลักษณ์แสดงความหมายไม่ปฏิเสธสิ่งที่ชายหนุ่มพูด

    "ใช่ครับ ผมกับคุณเป็นคนคืนชีพคุณเรย์มอนด์ขึ้นมา เพียงแต่..."

    เรย์พอจะเดาสิ่งที่เจ้านายผู้ทรยศกำลังจะพูดออก ดวงตาดำทมิฬเหลือบมองหญิงสาวที่มีนามสกุลเดียวกับเขา ซึ่งเธอก็ยืนอยู่ข้างๆ นี่เอง

    "ก่อนที่ผมจะบอกเรื่องนั้นกับคุณ ผมและพ่อของคุณได้ชุบชีวิตเธอคนนั้นไปก่อนแล้ว คุณไม่สงสัยเลยหรือครับว่า พวกลูซิเฟอร์เคลื่อนไหวกันเป็นล่ำเป็นสันขนาดนั้นทำไมถึงรอดหูรอดตาพระเจ้าที่มีพลังแห่งการหยั่งรู้สรรพสิ่งไปได้ มีหรือครับ สิ่งที่ยมบาลรู้แล้วพระเจ้าจะไม่รู้ มิติที่พวกนั้นสร้างขึ้นเพื่อชุบชีวิตคนตายไม่ใช่มิติที่ซับซ้อนเลย เจาะได้ง่ายจนขนาดพวกยมทูตชั้นปลายแถวยังเข้าไปนอนเล่นได้สบายๆ ถ้าคุณสงสัยสักนิดก็คงจะคิดออกไปแล้ว ที่ไม่มีการแจ้งเตือนจากสวรรค์ในเรื่องนี้ก็เพราะว่านั่นเป็นแผนของพ่อคุณตั้งแต่แรก"

    ซาตานที่เกือบจะหัวเราะออกมาผายมือไปที่สาวผมบ๊อบสีน้ำตาลอ่อนคล้ายกาแฟนม เรื่องนี้เรย์เดาถูก อลิซเองดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างแล้วและเป็นเวลาเดียวกันที่ทุกคนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

    "และคุณสเตฟานี่นั่นเองนางเอกของเรา พูดอย่างนี้แล้วพอจะอธิบายเรื่องที่สาวสวยนางนั้นใช้ความสามารถของแสงได้ใช่มั้ยครับ เพราะพระเจ้าได้เป็นผู้ถ่ายทอดให้เธอนั่นเอง ถึงจะเสี่ยงเรื่องจะมีคนสงสัยว่าทำไมความสามารถคล้ายของคุณลุค แต่แสงก็เป็นความสามารถที่ทรงพลัง ที่จริงจะว่าคุณสเตฟานี่เป็นลูซิเฟอร์ก็ไม่เชิง เพราะเธอเป็นแค่การสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาเนื่องจากพระเจ้าต้องการหลีกเลี่ยงลูซิเฟอร์ที่เป็นตัวตนที่รับมืออย่างยาก เพราะงั้นตอนที่ความทรงจำและพลังลูซิเฟอร์ของทุกคนกลับมาจึงไม่มีใครจำคุณสเตฟานี่ได้สักคนไงครับ"

    ดวงตาสีฟ้าอัญมณีฉายแววตกใจก่อนจะมองไปที่เรย์ ซึ่งอยู่ในอารมณ์เย็นชาพอกันกับดวงตาสีดำคู่นั้น

    "เรย์...บี..."

    "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"

    เรย์เอ่ยเรียบแต่เริ่มแข็งกร้าว แม้แต่อลิซยังตกใจกับน้ำเสียงที่ชายหนุ่มเปล่งออกมา เพราะมันไร้ความอบอุ่นอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ลำคอสเตฟานี่ราวกับมีเข็มแหลมขวางไว้ ซึ่งนั่นส่งผลให้เธอพูดอะไรไม่ออก พระเจ้านั่งคุดคู้ก้มหน้า ลุคมองเธอด้วยแววตาประหลาด นาตาลีพึมพัมบางอย่างกับมิคาเอล ส่วนยมบาลขบกรามแน่น

    "ใบ้รับประทานกันเลยแฮะแต่ละคน ก็อย่างที่บอกแหละครับ แม้แต่สงครามคราวนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่พระเจ้าวางแผนเอาไว้แล้ว การสร้างสะพานแห่งความสัมพันธ์ความจริงก็แค่เป็นการปูทางให้เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้ผมซึ่งเป็นผู้เคลื่อนไหวหลัก จุดประสงค์ที่ต้องก่อสงครามก็เหมือนกับที่คุณลุคเล่าให้อาของเขาฟัง นั่นคือกำจัดทุกคน จะบอกให้ว่าทุกคนในที่นี้รวมถึงตัวผมที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันด้วย พ่อคุณนี่ชั่วบริสุทธิ์จริงๆ นะคุณลุค ยังไงก็ไม่มีใครคิดว่าพระเจ้ากับซาตานจะร่วมมือกันอยู่แล้ว แค่ทำเป็นตกใจนิดหน่อยว่าทำไมซาตานยังไม่ตายแล้วก็ปล่อยให้พวกเราฆ่ากันเอง ก่อนจะเก็บกวาดพวกที่เหลือ แค่นั้นในตอนจบความลับทุกอย่างจะก็ยังคงถูกฝังไว้ตลอดกาล แต่ขออภัยจริงๆ ครับ ขออภัยอย่างสุดซึ้งที่ข้าพเจ้าทำให้นิยายของท่านไม่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง"

    ซาตานเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมหัวเราะเต็มเสียง สายตาโกรธแค้นจากทุกคนไม่มีพลังมากพอที่จะทำอะไรชายคนนั้นได้

    "ฮึๆ...ฮ่ะๆๆ นิยายของผมต่างหากที่จะแฮปปี้เอ็นดิ้ง จะว่าไปแผนท่านใช้ได้ทีเดียว พระผู้รังสรรค์สรรพสิ่ง ดูสิ ผู้เข้าใกล้ความเหมาะสมเหลือแค่ 8 คนเอง รวมผมก็ 9 สินะ วะฮ่ะฮ่า เอ้า ผมเล่าจบแล้ว..."

    ซาตานพูดทั้งหัวเราะก่อนจะกระโดดไปบนหัวของรูปปั้นม้ามีปีกซึ่งอยู่สูงจากพื้นเท่ากันกับรูปปั้นที่เขายืนอยู่ตอนแรก

    ครืนนนนน

    เสียงที่ให้ความรู้สึกว่าความปลอดภัยในชีวิตเริ่มลดต่ำลงดังขึ้นจากประตูทางเข้าโถง เสียงฝีเท้าของผู้คนจำนวนมหาศาลกำลังเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็ว และนั่นทำให้เรย์ สเตฟานี่ ลุค อลิซ พระเจ้า ยมบาล มิคาเอลและนาตาลี มีใบหน้าซีดเผือด

    "วะฮ่าๆๆ ว้ากกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆ หน้าไหนก็อ้างคุณธรรมๆ งั้นผมก็ขอบ้างสิ เนี่ยไง คุณธรรมของผม...เอาล่ะ ทีนี้ทุกคนคงจะไม่มีอะไรคาใจกันแล้ว เชิญตายไปกันอย่างสบายใจได้แล้วนะครับ"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×