คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 15 ความจริงของซาตาน
บทที่ 15 ความจริงของซาตาน
บุรุษผู้ชั่วร้ายที่สุดในประวัติกาลกวาดสายตามองทุกคนในโถงกว้างแห่งนี้ พร้อมไล่นิ้วนับจำนวนด้วยท่าทางพร้อมรับการรุมประชาทัณฑ์
"อ่าหะ...8 คน อืม...ทั้ง 8 คนนี่สภาพดูไม่ได้เลยนะครับ ว่าไง มีใครอยากให้ผมช่วยอะไรบ้าง"
"ไอ้คนโฉด..." ชายผู้รังสรรค์สรรพสิ่งสบถพร้อมขบกราม
"เรามันก็ไม่ต่างกันหรอกท่าน พอดีว่าข้าพเจ้าเริ่มเบื่อแล้วอ่ะ ใช่ๆ อย่างที่ท่านคิดนั่นแหละ โลกมนุษย์ที่ท่านให้ข้าพเจ้าเป็นของขวัญไง"
ความยียวนกวนประสาทในน้ำเสียงได้ถูกอัพเลเวลขึ้นอีกโดยเจ้าของเสียงที่ยืนขึ้นแล้ว
"ของขวัญ?" ลุคทวนคำพลางหันมองชายผู้เป็นพ่ออย่างขอคำตอบ "นี่มันเรื่องอะไร..."
"โธ่...นี่ข้าพเจ้าอุตส่าห์ปล่อยให้มีเวล่ำเวลาคุยกันระหว่างพ่อลูกเลยนา ยังไม่ได้บอกอีกเหรอครับ...ท่านราชาแห่งสรรพสิ่ง"
ซาตานยกมือที่ยังถือดาบกับร่มอยู่ขึ้นกอดอก ชายชราไม่ตอบอะไรในขณะที่ลุคเริ่มส่งสายตามาอย่างคาดคั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ ชายผมทองรุงรังจึงทำเสียงคล้ายจิ้งจกร้อง
"มันก็ธรรมดา เข้าใจๆ ก็อย่างว่า อยู่ดีๆ ใครจะแฉความเลวตัวเองให้คนอื่นฟัง เอ้า งั้นก็ได้ ข้าพเจ้าจะเล่าความจริงทั้งหมดให้ทุกๆ คนฟังเอง ตอนตายไปจะได้ไม่มีเรื่องคาใจ"
"นายท่านจะหักหลังเรารึ!"
เรย์ตะโกน ตอนนี้เขา สเตฟานี่ และอลิซพอมีแรงยืนขึ้นแล้ว มิคาเอลที่อยู่ห่างออกไปก็เช่นกัน
"คุณเรย์มอนด์ ถามตัวเองเถอะว่าหากสถานการณ์ทุกอย่างเข้าข้างคุณ คุณจะเก็บผมไว้รึเปล่า ฮึ อย่ามัวมาหาว่าใครจะดีจะเลวกันอยู่เลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะเล่าความจริงให้ฟังแล้วกัน ผมกลัวจะตายกันไปก่อนจะฟังกันจบ ฮึๆ เบื่อความใจดีของตัวเองจริงจริ๊ง"
ซาตานหัวเราะคิกคักในขณะที่ผู้คนเบื้องล่างแค่ยืนฟังก็ฝืนสังขารเต็มที
"แกพูดโกหกอยู่ตลอดเวลา มาพูดความจริงตอนนี้จะมีใครเชื่อแก"
พระเจ้าพูดลอดไรฟัน เขากุมบาดแผลที่ได้จากลุคซึ่งเริ่มออกอาการมากขึ้น ซาตานไม่ตอบอะไรและพูดต่อด้วยรอยยิ้มกวนประสาท
"เริ่มจากของคุณ...อะไรนะ? ลูอิสหรือลุคหรือองค์ชายดี อ๋า จริงสิ ผมเป็นพวกให้เกียรติคน เพราะงั้นก่อนคุณตายผมจะเรียกด้วยชื่อที่คุณชอบ คุณลุค ความจริงของคุณเกี่ยวกับของ 2 อย่างที่ผมถืออยู่นี่..."
ซาตานส่งยิ้มจากใบหน้าน่าเกลียดไปให้ชายหนุ่มที่ขบกรามแน่น ดาบเงินและคันร่มสีขาวถูกชูขึ้นโดยมือผอม
"ไงครับ วิเศษมากใช่มั้ย พลังของผมกับวิชาของผม มีอำนาจมากใช่ม้า ใครได้เรียนเป็นต้องติดใจ แต่ว่าของดีก็ต้องจ่ายแพง หากหันหลังให้มันเมื่อไหร่ผู้นั้นก็จะถูกพลังในตัวกลืนกิน ดาบและร่มคันนี้เคยมอบพลังมหาศาลให้คุณ ถึงเวลาเรียกเก็บค่าบริการแล้ว และไม่ใช่เก็บธรรมดานะครับ..."
ซาตานสูดลมหายใจเข้าอย่างสำคัญทั้งที่ไม่จำเป็น
"เก็บแบบหมดตัวเลยล่ะ หึ ว่าไงพ่ออัจฉริยะเทพ ใช้คาถาง่ายๆ ให้ชมสักบทได้รึเปล่า"
ลุคจ้องชายผู้ที่รู้สถานะในขณะนี้ของเขาดี การพูดไม่ออกไม่ใช่ว่ามีแค่ความเจ็บปวดเป็นสาเหตุ ลุคจึงทำแค่เพียงหลับตาลงในเวลาเดียวกันที่ชายผู้ซึ่งไร้รอยแผลพ่นลมออกจมูก
"หึ ไม่ได้ล่ะสิ จะใช้ได้ไง ก็พลังทุกอย่างของคุณ...อยู่ในนี้แล้ว"
เจ้าของเสียงกวนประสาททำหน้าตาอัปลักษณ์รับกับท่ ทาง เขายกอดีตอุปกรณ์ของอดีตองค์ชายขึ้นเพื่อโชว์ให้เหล่าผู้คนเบื้องล่างดูอีกครั้งก่อนจะเอามือลงเช่นเดิมและฉีกยิ้ม
"เอาล่ะ ทีนี้ก็ความจริงที่ซ่อนหมกอยู่หลังม่าน แต่ก่อนอื่น ไอ้ผมน่ะมันคนใจบุญ ผมนึกสงสารว่าถ้าเป็นตัวผม ก่อนตายก็อยากจะได้ยินคำขอโทษของผู้ที่เคยทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ เพราะงั้น ขอโทษนะครับคุณลุค ที่ผมไม่เคยพูดความจริงกับคุณเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขอโทษนะครับท่านยมฯ แม้จะช่วงเวลาแค่สั้นๆ แต่ผมก็หลอกใช้คุณซะจนอยากขำในความโง่ของคุณ ขอโทษคุณเรย์มอนด์สำหรับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอโทษจริงๆ ครับทุกคน"
ไม่มีแม้แต่มิลลิเมตรที่บอกว่าซาตานสำนึกผิดอย่างคำขอโทษ เขายิ้มด้วยใบหน้าน่าเกลียด
"อ้าว...แลไม่ค่อยตกใจกันเลยนะครับ จริงสิ ก็ผมมันตัวร้ายนี่นา แต่จะทำให้ทุกคนตกใจได้บ้างรึเปล่านะ ถ้าผมจะบอกว่าคนที่ร่วมมือกับผมเป็นคนแรกคือพระเจ้า เราไม่เคยเป็นศัตรูกันเลยจนเมื่อห้านาทีที่แล้ว หรืออาจจะตอนที่รู้ว่าคุณลุคยังไม่ตาย"
ดวงตาลุคเบิกกว้าง ทุกคนในที่นี้เองก็เช่นกัน ยกเว้นหนึ่งคนคือชายชราผู้ถูกกล่าวถึง เขามองหน้าบุตรชายที่หันกลับมาอย่างขอคำอธิบายด้วยความรู้สึกผิด
"หมายความว่าไง พวกแกไปร่วมมือกันตอนไหน"
หน้าอกเรย์ร้อนราวกับลาวาท่วมปอด เขาแสดงความแค้นต่อนายเก่าโดยไม่ปิดบัง แต่ซาตานทำเป็นหัวเราะคิกคักราวกับเยาะเย้ยความรู้สึกนั่น
"ตั้งแต่แรกเลยล่ะครับคุณเรย์มอนด์ แบบว่าแรกเริ่มเลย ก่อนพระเจ้าจะสร้างจักรวาลอีก"
"งั้นเรื่องทั้งหมดแกก็รู้เห็นด้วยน่ะสิ" เรย์ทำได้แค่เก็บอารมณ์และความแค้น การที่เสียงทุ้มต่ำสั่นเครือแสดงว่าเขาทำได้ไม่ดีนัก
"ไม่ใช่แค่รู้เห็นธรรมดานะครับ แต่สมรู้ร่วมคิดเลยล่ะ"
เจ้าแห่งความมืดเบิ่งตาโตล้อเลียนที่ระดับความกวนไม่ต่างกันกับน้ำเสียง
"เอาเป็นว่าผมจะเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ เลยละกันครับ ยาวหน่อยแต่ก็เพลินดี จะนั่งฟังชิลๆ ก็ไม่ว่ากันครับ"
หลังจบประโยค ชายผมทองรุงรังกางร่มสีขาวขึ้นโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ความหมาย แต่แค่พริบตาคำตอบก็ได้ผ่าลงบนจุดที่ร่มถูกกาง สายฟ้าขาวที่สัมผัสกับผิวร่มแยกออกด้านข้างทำลายปฏิมากรรมฝั่งซ้ายขวาของจุดที่ซาตานยืนจนระเบิดกัมปนาท
"มารยาทผู้ฟังแย่จังเลยนะฝ่าบาท..."
สิ้นคำ ร่างผอมแกร็นหายไปจากจุดเดิม รู้สึกตัวอีกทีเขาได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเจ้าของสายฟ้าขาวเมื่อครู่ ลุคได้ยินเสียงของหนักๆ กระแทกกันก่อนจะหันกลับไปมอง ที่นั่นมีผู้เป็นบิดาล้มฟุบอยู่แทบเท้าซาตาน
"แก บังอาจหลอกฉัน!!!"
ยมบาลคำรามก้องอย่างถึงขีดสุด ทว่าเขาสืบเท้าออกมาได้เพียงก้าวเดียว ผู้ที่ทำให้เจ้าแห่งสวรรค์ลงไปนอนคลุกฝุ่นก็ได้มายืนยิ้มอยู่ที่ด้านหน้าเขาแล้ว
ร่างที่สูงเพียงต้นขาดีดนิ้วอย่างสบายจิต ยังไม่ทันที่ความก้องของเสียง เป๊าะ จะจางไป ยมบาลร้องลั่นก่อนจะกุมท้องและลงไปนอนดิ้นพราดกับพื้น
"พวกคุณฟังกันเฉยๆ จะดีกว่าครับ สภาพของแต่ละคนตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับวิญญาณสังเคราะห์หรอก อ่อนแอขนาดมีเป็นล้านคนก็ยังสู้ผมไม่ได้ ฟังกันนิ่งๆ แล้วจะให้ตายสบายๆ ทีหลัง"
ซาตานแผ่จิตสังหารที่ทำให้เข่าทุกคนถูกกดลงพื้นทันทีออกมา เขาเงียบราวกับตำรวจซุ่มจับคนร้ายอยู่สักครู่ก่อนสาธยายต่อ
"ผมพูดค้างอยู่ที่ผมกับชายคนนั้นร่วมมือกันสินะ ใช่ พระเจ้าล่วงรู้ถึงกฎโบราณนั่นจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ที่ว่าทำอะไรสักอย่างนี่หมายถึงการหาทางลากผมที่อยากครองตำแหน่งผู้ปกครองสวรรค์ออกไปด้วย เพราะงั้นโลกมนุษย์จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นของล่อตาล่อใจผม ซึ่งแน่นอน ผมถูกใจมันอย่างแรงเลยล่ะ"
เขาหันไปยิ้มให้ลุค
"เป้าหมายแรกคือน้องชายกับเทพระดับสูงจำนวนหนึ่งซึ่งถูกส่งไปนรกกับศาลมหาเทพตามลำดับ ในที่สุด การกำจัด'ผู้ที่เข้าข่ายความเหมาะสม'ครั้งที่หนึ่งก็เป็นอันเสร็จ ต่อมา หลังจากที่ผมลองไปยังโลกมนุษย์ดูหลายต่อหลายครั้งจนผมหลงรักที่นั่น พระเจ้าก็ยื่นข้อเสนอกับผมว่าจะยกโลกมนุษย์ให้ หากทำอย่างหนึ่งสำเร็จ เดาออกกันมั้ยครับว่าภารกิจของผมคืออะไร"
ซาตานหมุนตัวเพื่อกวาดตาหาผู้ที่จะตอบคำถามราวกับพิธีกรของรายการโทรทัศน์เกรดต่ำ เมื่อได้รับมาแต่เพียงสีหน้าคับแค้นแทนคำตอบเขาจึงเริ่มพล่ามต่อ
"ปั่นหัวบุตรแห่งรุ่งอรุณหรือลูซิเฟอร์ให้ทำการก่อกบฏไงครับ จำได้มั้ยคุณเรย์มอนด์ ตอนนั้นผมตีหน้าเครียดและเอาเรื่องความชั่วของพระเจ้าไปบอกกับคุณ ผมเนียนมากใช่มั้ยครับ?"
ซาตานหัวเราะในลำคอ ดวงตาประสานกันกับเรย์ที่กัดฟันกรอด
"การกำจัดความเหมาะสมครั้งที่ 2 พระเจ้ายื่นคำขาดว่าจะกำจัดลูซิเฟอร์ที่มีอำนาจรองจากตนเท่านั้น ผมก็ต้องเหนื่อยนิดหน่อยกับการหาวิธีแฉจุดอ่อนและแผนการที่ลูซิเฟอร์จะใช้ให้กับพวกคุณมิคาเอลและนางฟ้ารู้โดยที่ให้ทุกคนเข้าใจว่าข้อมูลทั้งหมดไม่ได้มาจากผม แต่ถึงงั้นก็สำเร็จ เมื่อถึงเวลาผมก็แสดงตามบทและก็แกล้งตาย เมื่อถึงเวลาที่พวกคุณตายจริง ผมก็โผล่ไปปกครองโลกมนุษย์สบายใจเฉิบ ผลพลอยได้ของพระเจ้าคือองค์ราชินีผู้ซึ่งเข้าใกล้'ความเหมาะสม' ก็โดนดับวิญญาณเช่นกัน แถมล่อผมให้ไปสนใจกระดูกชิ้นอื่นได้สำเร็จด้วย และนี่ก็เป็นการเสร็จสิ้นการกำจัดความเหมาะสมครั้งที่ 2 ฮึ พระเจ้าผู้มีพลังในการหยั่งรู้ทุกสิ่งน่ะเหรอจะไม่รู้ว่าผมยังไม่ตาย..."
ซาตานแกล้งทำท่าเหมือนคนที่เพิ่งคิดบางอย่างออกได้น่าหมั่นไส้ที่สุด
"อ้อ...คงสงสัยสินะครับว่าทำไมกรณีคุณลุคพระเจ้าถึงไม่รู้ว่ายังไม่ตาย ไว้ผมจะเท้าความถึงการกำจัดผู้เข้าใกล้ความเหมาะสมครั้งที่ 3 ก่อนนะ และตัวละครในครั้งนี้ก็คือองค์ชายสุดหล่อของเรานั่นเองคร้าบ"
ชายผู้ยังไม่หยุดพูดผายมือไปทางร่างโปร่งที่ยืนนิ่ง ขาเขาสั่นกับความจริง สาเหตุที่ลุคตัดสินว่าสิ่งที่ชายผู้หลอกมาแล้วทุกคนพูดเป็นความจริงก็คือ เมื่อเขามาถึงจุดนี้ มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลอกใช้ใครอีกต่อไป
"พ่อคุณไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยอะไรวิญญาณต่ำๆ อย่างมนุษย์หรอกครับ เขาหาข้ออ้างอะไรก็ได้เพื่อให้คุณไปยังนรก พ่อคุณรู้เรื่องที่คุณแอบฝึกวิชาสายผมตั้งแต่แรกแล้ว เขาจึงติดต่อกับผมอีกครั้งหลังสงครามลูซิเฟอร์จบลงไปหลายล้านปี และหน้าที่ที่ผมได้รับคือ ทิ้งร่มคันนั้นไว้เพื่อให้ยมทูตมาเจอ และรอเวลาที่คุณจะฝึกวิชาของผมจนสามารถรับรู้ถึงพลังที่จะไม่แสดงให้กับผู้ที่ไม่ได้ฝึกได้ เมื่อทุกอย่างลงตัว คุณเจอร่มของผม ทีนี้ก็หวานล่ะ พ่อคุณมีเหตุผลในการกำจัดคุณแบบเนียนๆ ชิลๆ แถมคนที่มาโยกขาเก้าอี้ก็หมดไปอีกหนึ่ง ช่างน่าอิจฉาความโชคดีของท่านจริงๆ ฝ่าบาท แต่...ผมก็เล่นลูกเล่นไว้กับร่มคันนั้นอีกหนึ่งอย่าง จำที่ผมเตือนคุณบ่อยๆ ได้มั้ย ที่ว่าก่อนออกจากบ้านทุกครั้งให้กางร่ม ร่มนั้นแค่ถือไว้ก็สามารถคลุมร่างคุณลุคให้รอดพ้นจากความสามารถในการหยั่งรู้ของพระเจ้าได้ เป็นไง ผมเจ๋งมั้ยล่า"
ลุคกลืนบางอย่างลงคอ เขารู้สึกเหมือนจะวูบก่อนจะกลั้นใจถามด้วยเสียงที่เหมือนคนป่วย
"ฆ่าฉันฉันพอเข้าใจ แต่เมย์ล่ะ ทำไมต้องฆ่าเธอทั้งที่เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วย"
ชายชรานั่งก้มหน้า ยมบาลกุมท้องเหมือนความเจ็บปวดลดลงไปแล้ว มิคาเอลและนาตาลีกำลังรอความจริงทั้งหมด ส่วนเรย์ สเตฟานี่กับอลิซ ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์นี้จึงรอฟังพลางหาทางออกของสถานการณ์ขณะนี้
แต่ทว่า ประโยคที่เจ้าแห่งความมืดกำลังจะพ่นออกมาจากริมฝีปากบางอุจาดกำลังจะทำให้น้ำตาลุคตกใน
"เมย์...เมย์ไหนเหรอครับ?"
ใบหน้าอัปลักษณ์ฉายแววฉงนจริงจัง ระบบทางเดินหายใจของลุคติดขัดจากความหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะได้ยิน
"ก็...เมย์ไง โมนิก้า เมย์รี่....ไง..ถึงแกจะหลอกฉัน แต่ตอนนั้นแกบอกว่าถ้าเพื่อช่วยเธอฉันต้องร่วมมือกับแกไม่ใช่รึไง!"
ลุคขึ้นเสียงดัง
"อ๋าๆๆ ใช่ๆ คุณโมนิก้าสินะ..."
ซาตานดีดนิ้วเมื่อคิดออก ความกลัวกำลังย่ำกรายเข้าไปยังจิตใจของลุคราวกับการมาถึงของราตรี เขาอยากให้หนึ่งวินาทียาวนานเป็นสิบปี ถ้าหากรู้ตัวว่ากำลังจะได้ยินเรื่องที่ไม่ต่างจากที่กลัวจะได้ยิน
"ไม่มีโมนิก้า เมย์รี่ อะไรนั่นของคุณตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ"
ความคิดเห็น