คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 ผู้ทรยศสีเพลิง
บทที่ 3 ผู้ทรยศสีเพลิง
ณ ดินแดนสวรรค์
ผืนหญ้าเขียวขจีภายใต้นภาสีทองอร่าม นางฟ้าหญิงชายในอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์บินว่อนด้วยปีกขนนกงดงามหยอกล้อกันด้วยจิตใจที่ไม่มีวันถูกความทุกข์รุกล้ำอีกตลอดกาล นางฟ้าวัยเยาว์ทั้งหลายวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะหัวใคร่ราวกับเย้ยหยั่นความบาปทั้งปวงที่ทำให้หัวใจขุ่นมัว ใกล้กัน ทุ่งดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่งสวยงามพลางเอนลู่สายลมเย็นชื่นราวกับเด็กสาวผู้ร่าเริง หมู่มวลผีเสื้อบินอวดโฉมความงามของแพนปีกราวอิสตรีผู้มีความงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใด
ภายในมหาราชวังอันโอ่อ่า ภาพแห่งความสุขแสนบริสุทธิ์ก็ยังคงตลบอบอวลเหมือนเช่นเคย นางฟ้าจำนวนมากอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ พวกเขาเหล่านั้นพูดคุยกันอย่างเป็นมิตรไร้การเสแสร้ง ยิ้มแย้มให้กันอย่างไร้หน้ากาก ห้องโถงขนาดกว้างพอจะใส่มนุษย์ทุกคนบนโลกได้ถูกปูพื้นด้วยพรมสีฟ้าอ่อนขลิบรอบด้วยขอบสีทองแวววาวตลอดแนว ปฏิมากรรมอันวิจิตรได้ถูกวางในที่ต่างๆ ซึ่งประดับประดาเรียบร้อยราวพิพิธภัณฑ์ มีตั้งแต่ขนาดเท่าวงแหวน ไปจนถึงขนาดเท่าตึกย่อมๆ ความงดงามจนเกินจิตนาการนี้ ทำให้เหล่านางฟ้าทุกผู้ ไม่เคยเสียใจเมื่อครั้งหนึ่งเคยสั่งสมความดีไว้ในฐานะของมนุษย์
เพียงแต่
คำพูดที่ว่าผู้ที่ดำรงอยู่อย่างไม่ต้องรับรู้สิ่งใดได้ ผู้นั้นย่อมไม่มีวันใดที่เป็นทุกข์นั้น เวลานี้ เป็นคำพูดที่เหล่าทหารฟ้าภายใต้คำบัญชาของมิคาเอลจอมทัพแห่งสวรรค์ ได้แต่คิดอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจโดยที่ไม่มีวันได้ปริปากออกมา
อีกฟากหนึ่งของดินแดนสุขนิรันดร์ เหล่านางฟ้าบินว่อนในความหมายที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาบินสวนกันไปมาด้วยความเร่งร้อน แม้ปีกขนนกสีขาวที่สะท้อนแสงทองจนเปล่งประกาย ก็ยังถูกใบหน้าบึ้งตึงไร้ความสุขบดบังจนหาความงามไม่ได้
ณ บันไดที่สร้างด้วยหินสีขาวขนาดยักษ์เนืองแน่นด้วยการสัญจรของบุรุษและสตรีที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ในการปกป้องดินแดนของตน สุดบันไดที่จำนวนขั้นนับไม่ถ้วน หน้าสุดทั้งซ้ายขวาคือรูปหล่อทองแดงของนางฟ้าที่สยายปีกสองตน ทางเดินก่อนเข้าตัวอาคารทั้งสองฝั่งค้ำด้วยเสาหินอ่อนลวดลายสลักสลวย พื้นทางเดินฝังอัญมณีหลากสี ในสุดคืออาคารที่ประดิษฐ์ประดอยขึ้นจากอิฐสีขาวจำนวนมหาศาล ภาพโดยรวมคล้ายกับอารยธรรมสมัยกรีกโบราณของโลกมนุษย์ เพียงแต่ที่แห่งนี้ต่างหาก คือต้นแบบแห่งจินตนาการอันสูงส่งของสิ่งมีชีวิตช่างฝัน
ภายในตัวอาคารเองมีการตกแต่งภายในไม่ต่างกับมหาราชวังเท่าใดนัก เพียงแต่สถานแห่งนี้ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเหล่าผู้ไม่รับรู้สิ่งใด
เพราะมันประกอบด้วยห้องศาสตราวุธ โถงบัญชาการ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของดินแดนที่ปกครองโดยจอมทัพแห่งสวรรค์
ในห้องหนึ่งที่โอ่อ่าหรูหราไปด้วยรูปสลักและอาวุธชั้นเลิศ ชายผมบลอนด์เงินยาวสลวยเอ่ยเสียงเครียดรับกับหัวคิ้วขมวดมุ่น
"เราไม่ได้รับรายงานจากยมทูตมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ วิญญาณภายในโลกมนุษย์เองก็ถูกปล่อยปละไม่ได้รับการนำพาไปพิพากษายังศาลมหาเทพ ข้าพเจ้าสังหรณ์ใจถึงเหตุร้ายที่จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร"
"ท่านส่งคนไปตรวจสอบหรือยัง" ชายผู้มีดวงตาสีฟ้าเข้มประสานมือไว้บนโต๊ะแก้ว ใบหน้าจ้องตรงคู่สนทนาซึ่งยืนตรงและไพล่มือไว้ด้านหลังเชิ้ตขาว
"ข้าพเจ้าส่งไปตามที่ท่านบัญชาแล้ว อีกสองสามวันน่าจะได้รู้แจ้งกัน"
นางฟ้าหนุ่มกล่าวแข็งขันหนักแน่น มิคาเอลพยักหน้าตอบรับด้วยใบหน้าบึ้งตึงปราศจากรอยยิ้ม
"ถ้าอย่างนั้นข้าพเจ้าขอตัวลา" นางฟ้าหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อยและเดินออกไป หลังจากประตูห้องปิดลง มิคาเอลลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินไปยังห้องที่มีชั้นวางลูกแก้วรายงานเรียงรายอย่างเรียบร้อย พร้อมแบ่งหมวดหมู่ตามเหตุการณ์ตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน
จุดหมายที่จอมทัพหนุ่มเดินเข้าไปอยู่ลึกเกือบสุดห้อง ในที่สุดเขาก็หยุดเท้าลงที่ด้านหน้าของชั้นวางที่มีอักขระสีทองกำกับไว้ความว่า 'การก่อกบฎครั้งที่ 1 และประวัติศาสตร์แห่งอัครเทวทูตลูซิเฟอร์'
"เร่งหน่อย ประตูนรกอยู่ไม่ไกลแล้ว"
ชายคนหนึ่งใน 4 คนที่บินนำอยู่หน้าสุดพูดขึ้น อีก 3 คนด้านหลังตอบรับอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเห็นแสงออร่าสีแดงฉายอยู่ลิบๆ บนทางตรงตลอดแนวที่สว่างจ้าด้วยแสงสีขาว
"ท่านเดวิด บอกข้าพเจ้าได้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกยมทูต"
นางฟ้าผู้มีใบหน้าหล่อคมเข้มรับกับเส้นผมสั้นสีบลอนด์เงินถามขึ้น ร่างกายผอมเปรียวของเขาเล็กลงไปถนัดตาเมื่ออยู่ภายใต้ปีกคู่โต
"ข้าพเจ้าเองก็แค่เพียงรับคำสั่งลงมาอีกต่อจากท่านคามิล ตนเองก็ไม่ทราบ แต่อีกครู่คงได้ทราบกัน"
เดวิดตอบ ภายในใจเขาคิดกังวล แต่เขาปรารถนาให้เป็นแค่สิ่งที่ตัวเองคิดมากไปเอง
ใช้เวลาครู่ใหญ่ นางฟ้าทั้ง 4 ได้ข้ามมิติลงมาในนรก หลังร่อนลงบนอาณาเขตแสงออร่าสีแดงที่กางอยู่ ณ สุดปลายสะพานแสง
สภาพของสิ่งที่อยู่โดยรอบทำให้พวกเขาไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ภายในโถงรับรองที่สร้างขึ้นจากอิฐสีดำเงาวับ ไม่มีสิ่งที่เหล่านางฟ้าตามหา สิ่งมีชีวิตรูปกายสีดำแดงไม่มีแม้แต่คนเดียว หนำซ้ำ แทบจะทั่วทุกแห่งยังมีร่องรอยของการต่อสู้
โต๊ะและเก้าอี้ที่สร้างขึ้นง่ายๆ จากไม้หลายตัวพังยับ เดวิดตรวจสอบรอยของมีคมที่เฉือนอิฐจนแหว่งที่อยู่ด้านซ้ายมือ
"มันเกิดขึ้นเพียงไม่นาน คิดว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งสัปดาห์"
"ถูกต้อง"
เหล่าบุรุษอาภรณ์ขาวรู้ตัวว่ากำลังจะเผชิญในสิ่งที่อันตรายที่สุดก็เมื่อเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
"ไงพวกนาย ตอนนี้ที่สวรรค์เป็นยังไงบ้าง"
เจ้าของเสียงพาร่างตนออกมาจากมุมมืด แสงสีน้ำเงินจากแมลงประหลาดที่บินอยู่เบื้องบนทำให้ผมสีดำเหลือบเงาสวยคล้ายภาพเขียนสีน้ำมัน
"แก....คือ..."
นางฟ้าทั้งหมดตั้งท่าเตรียมพร้อมป้องกันตัวเมื่อเดวิดคำราม และเปลี่ยนท่าทางเป็นพร้อมโจมตีเมื่อสังเกตเห็นร่างเพรียวในแจ็คเก็ตตัวยาวสีขาวถืออาวุธพร้อมยิงสังหารอยู่ในมือทั้งสอง มันคือปืนโบราณสีดำทมิฬ
"แก..ลูซิเฟอร์!!!"
สิ้นเสียงตะโกนของหัวหน้า เกาทัณฑ์เรียวยาว 3 ดอกพุ่งผ่านหลังเขาโดยเป้าสังหารอยู่ที่ชายหนุ่มผมดำที่ยังยืนยิ้มอยู่กับที่
"โอ๊ะโอ ระวังไว้หน่อยก็ดีนา นั่นมันเข้าเขต'พื้นที่'ของฉันแล้ว"
ลูกธนูที่กำลังจะพุ่งคร่าชีวิตเรย์หายวับไปต่อหน้าต่อตา แต่นางฟ้าทั้ง 4 มีประสาทสัมผัสยอดเยี่ยมจึงม้วนตัวหลบศรของตนเองที่พุ่งมาจากด้านหน้าได้อย่างฉิวเฉียด ศรทั้งหมดพุ่งใส่กำแพงอิฐจนเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว
"อื้อหือ..ตูมตามผิดรูปร่างเลยแฮะ ว่าแต่ใช้ธนูนี่งดงามสมเป็นนางฟ้าจริงน้า..."
เสียงหวานที่ถ้าหากไม่บอกตรงๆ ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นของบุรุษเพศดังขึ้นราวกับล้อเล่นไม่จริงจัง ก่อนเขาจะพาร่างบางมาสมทบกับสหาย จอห์นดันแว่นด้วยนิ้วก้อยพร้อมยิ้มหวาน
"กระโดดขึ้นไปแบบนั้นระวังอีกหน่อยนะ หิงห้อยส่องแสงมันก็สวยดีอยู่หรอก แต่อีกคนเขาบอกว่าชอบผีเสื้อมากกว่า"
นางฟ้าทั้ง 4 เงยหน้าขึ้น สิ่งที่ส่องแสงอยู่ไม่ใช่แมลงประหลาดที่พวกเขาเคยเห็นรูปร่างมาบ้าง
ฝูงผีเสื้อแสงนับแสนตัวไม่รีรอให้เหยื่อตกใจ มันบินรวมฝูงยั้วเยี้ยเพื่อรุกรานศัตรูของเจ้านายมัน
"บ้าบอคอแตก"
หนึ่งในนั้นสบถออกมา ขณะที่กลุ่มผีเสื้อแสงกำลังจะเป็นผู้กำชัยก็เกิดเสียงระเบิดที่ทุ้มต่ำคล้ายเล่นเบสใส่เครื่องขยายเสียง ทันใดนั้น ฝูงแมลงแสนงามทั้งหมดสลายเป็นละอองแสงไป
"พวกนี้เจ๋งแฮะ"
ชายแว่นหน้าสวยจับคางพร้อมผงกหน้าชื่นชม ทว่าบุคคลซึ่งได้รับคำชมมิได้ยินดี
"พวกยมทูตคงโดนพวกแกดับวิญญาณไปหมดแล้วสินะ เป้าหมายพวกแกไม่ต้องบอกฉันก็รู้เลยว่าคืออะไร แต่ถามหน่อยเถอะเจ้าพวกลูซิเฟอร์ รู้จักคำว่าคุณธรรมบ้างหรือเปล่า ฆาตกรที่ฆ่าคนมากมายแต่ก็ยังรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันเป็นเรื่องต่ำช้า แล้วพวกแกล่ะ เคยคิดอะไรได้บ้างนอกจากความกระหายในอำนาจ"
เดวิดเอ่ยด้วยเสียงที่ไม่ปิดบังความดูแคลนเหยียดหยั่นต่อบุคคลเบื้องล่างทั้ง 3 เขากระพือปีกขนนกราวกับกำลังรอคำตอบของคำถาม แต่ชายผมดำกระเซิงกลับมองจ้องกลับด้วยแววตาของปีศาจร้าย เดวิดถอนหายใจปนหัวเราะกับภาพที่เห็น
"น่าเสียใจจริงๆ พวกแกนี่มันตัวร้ายโดยสันดานแท้ๆ"
หัวหน้านางฟ้าถลกแขนเสื้อขวาตนขึ้น บนท้องแขนขาวของเขามีสิ่งที่คล้ายอักขระม้วนพันร้อยเรียงจนเป็นรูปขนนกขมวดกันรอบสัญลักษณ์รูปโล่
"ดีที่ท่านมิคาเอลปลดผนึกคาถานี้ให้ข้าพเจ้า งั้นขอใช้ปิดบัญชีเลยก็แล้วกัน"
เขาใช้นิ้วชี้มือซ้ายรูดตั้งแต่บนสุดของรอยสักจนถึงล่าง ภาพของรอยบนท้องแขนค่อยๆ ถูกลากติดนิ้วมาด้วย
แต่ทว่า
ก่อนเดวิดจะทำการมากกว่านั้น บางอย่างเล็ดลอดสายตาของนางฟ้าอีก 3 คน และรุกล้ำเข้าร่างกายของเดวิดจากด้านหลังทะลุหน้าอกด้านหน้า
"ขอโทษทีว่ะ มิตินี้ฉัน'เซฟ'ไว้ทุกที่แล้ว"
กว่านางฟ้าที่เหลือจะเริ่มขยับตัวก็อาจจะสายไปเสียแล้ว แต่พวกเขาชักดาบเงินออกมาจากอากาศเพื่อฟาดฟันศัตรู
"ทีนี้ฉันขอเซฟบนตัวพวกนายล่ะ"
เรย์ชักดาบดำออกจากร่างเดวิดขณะที่ดาบเงินทั้ง 3 แหวกอากาศจนเกิดเสียง ทว่าร่างโปร่งกลับหายไปพริบตา
หนึ่งในนางฟ้าโดนของมีคมฟันเข้าที่แขนขวา บาดแผลนั้นไม่ลึกมาก แต่ดวงตาดำทมิฬกลับหรี่ลงอย่างสะใจ
"เซคั่นด์"
เรย์รีดเร้นความเหนือกว่าเป็นคำพูด นางฟ้าหนุ่มอีกคนเห็นจังหวะจึงสะบั้นดาบตนเองไปที่คอชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ทว่านั่นยังไม่ใช่ความเร็วที่เพียงพอ เป้าหมายตรงหน้าหายวับไป คมดาบเฉือนได้เพียงอากาศธาตุ
"ระวังหลังจ้ะหนุ่มๆ"
สเตฟานี่ยืนยิ้มน่ากลัวอยู่เบื้องล่าง แต่กว่าคำเตือนจากเสียงเนิบเสน่ห์เซ็กซี่จะส่งไปถึง เสียงปืนก็ดังขึ้น 2 นัด
ปัง ปัง
นัดแรกถากไหล่นางฟ้าผมสีดำยาวถึงกลางหลัง ส่วนอีกนัดเจาะเข้าน่องของนางฟ้าร่างใหญ่
"เธิร์ด แอนด์ โฟรธ์"
เสียงของเรย์ดังขึ้นด้านบนเป็นเสียงสุดท้าย ก่อนวงแหวนแสงสีดำจะฉายลงบนพื้นระหว่างสเตฟานี่และจอห์นเพียงแค่หนึ่งวินาที ร่างของเรย์ได้ปรากฏบนวงแหวนพร้อมเสียงคล้ายหวดไม้เบสบอลกับลม
"ยอมนายเลยเรย์ ความสามารถนี้"
จอห์นยิ้มหวานแต่ยังไม่ถอนสายตาจากเบื้องบน เรย์ก้มหน้าเพราะแรงเหวี่ยงของมิติและหัวเราะหึหนึ่งครั้ง สเตฟานี่สะกิดแขนชายหนุ่มให้ดูเหล่านางฟ้า
"แกมีโอกาสฆ่าเราได้แค่เมื่อครู่เท่านั้นแหละ พวกเราทุกคน เตรียมตัว"
เดวิดขบฟัน ขณะนี้บาดแผลกลางอกของเขาหายสนิทพร้อมกับความเจ็บปวด แต่นั่นไม่ทำเหล่าลูซิเฟอร์หวั่นใจ เรย์ยังคงยิ้มให้กับศัตรูสีขาว
"ฆ่าเหรอ? ไม่หรอก การฆ่ามันขัดกับคุณธรรมของฉันจะตาย"
คำพูดของลูซิเฟอร์ทำให้นางฟ้าเจ็บแค้นเสียยิ่งกว่าที่โดนดาบปักอก เดวิดขบกรามกรอด
"อย่างพวกแกยังมีหน้ามาพูดเรื่องถึงคุณธรรมอีกเรอะ"
เรย์ยิ้มกวนประสาทตอบคำถามนางฟ้าก่อนจะบอกกับสหายทั้งคู่
"จอห์น สเตฟานี่ พวกนายหลบไป นางฟ้าแค่ 4 คน เขกกะโหลกก็ตายแล้ว"
สิ้นคำเรย์ ทั้ง 2 กระโดดหายไปในความมืด เดวิดและนางฟ้าอีกตนพุ่งตัวเข้ามาพร้อมดาบเงินในมือ ส่วนอีก 2 คนตั้งท่าร่ายคาถาอยู่ด้านบนเช่นเดิม เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือชายผมดำที่ยืนฉีกยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวอยู่เบื้องล่าง
"พูดไม่รู้ฟัง"
เรย์พึมพำด้วยการแค่นยิ้ม
"อั่ก..."
"ฉันจะเหลือนายไว้คนละกัน"
เรย์จ่อปากกระบอกปืนโบราณที่หน้าผากของนางฟ้าหนุ่มที่ท่าทางมีอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม 4 คน
"จงกลับไปสวรรค์และป่าวประกาศให้ทั่วว่า ลูซิเฟอร์ที่พวกแกเคยไม่เห็นหัว บัดนี้ได้กลับมาแล้ว และสาธยายสิ่งที่แกเห็นที่นี่ให้หมด ไม่งั้นฉันอาจแหกกฎแห่งคุณธรรมของตัวเองกับพวกแกอีก 3 คนนี้"
ม่านตาของนางฟ้าเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด ภาพของพรรคพวกที่ถูกตรึงอยู่บนกางเขนดำทำให้เขากำลังจะตัดสินใจก้าวเท้าออกไป
"อย่านะท่านเชสต์!"
เรย์ที่กำลังยิ้มกริ่มหุบทันทีพร้อมเหลือบมองหน้าเดวิดคนพูดด้วยหางตา นางฟ้าหัวเราะกับกิริยาไม่พอใจนั้นของชายหนุ่ม
"ผิดหวังล่ะสิ ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่นางฟ้าในสมัยทำสงครามกับพวกแก แต่เรื่องพวกแกมีอยู่ในบันทึกเต็มไปหมด เรื่องของแกเองก็มี เจ้าผู้นำ ฉันรู้ว่าความสามารถแกคือการควบคุมเวลาเพื่อสร้างจุดข้ามมิติ แกทำให้พวกเรามีบาดแผลของแกเพื่อเป็นการสร้างร่องรอย หากพวกฉันคนใดคนหนึ่งกลับไปที่สวรรค์ แกก็จะใช้ร่องรอยของแกข้ามมิติขึ้นไปบนสวรรค์ได้ และนั่นคือเป้าหมายของแก"
"ก็แล้วไงล่ะ"
เดวิดยิ้มเย้ยหยั่นใบหน้าหล่อเหลาที่เริ่มเปลี่ยนสี
"พอฉันรู้ว่าเป็นพวกแกฉันก็แจ้งข่าวย้อนกลับขึ้นไปแล้ว เพราะงั้นแกจะไม่มีวันได้ขึ้นไปบนสวรรค์ และอยู่รอความพินาทที่พระเจ้าจะเป็นผู้มอบให้พวกแกอยู่ที่นี่แหละ หึ ท่านเชสต์ พวกเราคือทหารฟ้า มีหน้าที่ต้องปกป้องสวรรค์ เพราะฉะนั้นหน้าที่เราตอนนี้คือตายอยู่ที่นี่ เราจะไม่เอาตัวเราไปเหยียบดินแดนสวรรค์อีกเด็ดขาด"
มุมปากเรย์บิดลงด้วยความโกรธ ราวกับรอยยิ้มที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหก
"เจ็บใจล่ะสิ"
แม้จะโดนตรึงจนหมดท่า แต่เดวิดกลับไม่แสดงความหวาดกลัวใดๆ ออกมา ซ้ำยังทำลายความเยือกเย็นของศัตรูจนพังทลาย เขามองสหายทั้งสองคนที่ถูกตรึงอยู่บนกางเขนอย่างเสียใจ นางฟ้านามเชสต์บัดนี้เองก็ราวกับโดนเป่าความสับสนจนหมดสิ้น แววตาที่เตรียมใจรอรับได้ทุกสถานการณ์คล้ายของเดวิดทำให้เรย์เริ่มเดือดดาล
แผนของเขาผิดจากที่คาดการณ์ไว้
"เอาไงดีเรย์?"
สเตฟานี่และจอห์นเดินออกมา หญิงสาวมองนางฟ้าทั้ง 4 ด้วยสายตาราวกับอยากขย้ำให้ตายคามือ
"คงต้องคิดแผนกันใหม่ แล้วก็ต้องเร็วด้วย พวกสวรรค์กำลังจะรู้เรื่อง เราจะเริ่มลำบากแล้ว"
เพียง 0.1 วินาทีที่เรย์พูดจบ กางเขนแสงสว่างถูกเสกขึ้นและตรึงร่างนางฟ้าเชสต์ที่แสดงความตกใจเต็มที่
"องค์ชายรอเดี๋ยวครับ!!"
หากมีสิ่งใดที่เร็วเหนือแสงคำท้วงของเรย์ก็อาจจะฝากสิ่งนั้นส่งถึงทัน เพียงแต่มันไม่มีสิ่งนั้น ร่างโปร่งในชุดฤดูหนาวเต็มยศยืนเด่นอยู่ด้านหน้า 3 ลูซิเฟอร์พร้อมยกยิ้มเสแสร้ง
ยังไม่ทันที่อัญมณีแดงของกั่นดาบเงินวาวจะถูกเก็บซ่อนในมิติดี นางฟ้าทั้ง 4 ลำตัวขาดสองท่อนก่อนร่วงลงพื้นและระเหิดเป็นละอองแสงไป
"ทำไม...มีอะไรข้องใจกับฉันรึไง?"
ลุคเอ่ยเสียงนุ่มกับเรย์ ชายผมดำก้มหน้าลงเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร
"หามิได้ครับ"
เขาและจอห์นโค้งตัวลงพร้อมกัน ทว่าเรย์ซ่อนแววตาราวปิศาจร้ายได้ดีจนอดีตองค์ชายแห่งสวรรค์ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงมัน
"ไงพ่อองค์ชาย ฆ่าเผ่าพันธุ์ตัวเองได้หน้าตาเฉยเลยนะ ไม่กลัวบาปมั่งรึไง"
ผู้หญิงคนเดียวในที่นี้คือผู้เดียวที่พูดห้วนได้กับลุค เธอกอดอกและยิ้มยโสท้ายคำถาม ผู้ตอบยังยิ้มเสแสร้งไม่คลายแม้ตอนตอบ
"บาปมันสำคัญนักรึไงถ้าเทียบกับการที่ต้องมามุดหัวอยู่ที่นี่ พวกเราอยู่จุดนี้แล้วจะมาพูดเรื่องบาปกันทำไมถามหน่อย"
ชายหนุ่มขมวดมวลอากาศเพื่อเก็บดาบในมือ สเตฟานี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกกับคำตอบที่ได้รับ ส่วนเรย์และจอห์นทำแค่เพียงเงียบ
"แหม มันไม่ใช่เวลามาเถียงกันนะครับ"
ชายคนสุดท้ายปรากฏตัวออกมาอย่างปริศนา เพียงแต่ไม่มีใครสนใจวิธีการมาของเขา
"ผมรอคำบัญชาจากนายท่านอยู่ครับ"
เรย์ก้มหัวให้ชายร่างผอม ซาตานยิ้มตอบ จอห์นเองก็ทำตามเช่นกัน
"ขอบคุณจากใจจริงเลยครับ คุณเรย์มอนด์ คุณจอห์น และคุณสุดสวย ที่ยังไว้วางใจผมทั้งที่คราวที่แล้วก็เป็นความพลาดของผมเองและก็ต้อง..."
"ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระก็เลิกพล่ามกันได้แล้ว"
ลุคตัดบทเสียงเย็น ซาตานยิ้มและยักไหล่
"นั่นสินะครับ เอาล่ะ คุณเรย์มอนด์ ผมรู้แล้วล่ะครับ"
ชายผมทองพูดดักในขณะที่เรย์กำลังทำท่าเหมือนจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ซาตานและลุคจะมาถึง
"เราจะมาลองคาดการณ์รูปแบบการบุกที่เหลือหลังจากที่ความสามารถของคุณเรย์มอนด์ไม่สามารถใช้ได้กัน เมื่อทางของคุณเรย์มอนด์ตัน การจะบุกขึ้นสวรรค์ก็จะเหลืออีก 2 ทาง ทางแรกคือสะพานแห่งความสัมพันธ์ที่เชื่อมนรกแห่งนี้กับสวรรค์โดยตรง สองคือทางอ้อม นั่นก็คือศาลมหาเทพ ที่จริงยังมีพิภพศักดิ์สิทธิที่คุณลุคเคยใช้ตอนอยู่บนโลกมนุษย์อีกทาง แต่ที่นั่นน่าจะถูกตัดการเชื่อมต่อไปแล้ว บอกตามตรงว่าความจริงผมคาดหวังกับความสามารถของคุณเรย์มอนด์มากที่สุด แต่ก็ดันมาเจอกับนางฟ้าชั้นเซียนซะได้"
"งั้นทำไมไม่ตามคาถาส่งข่าวของนางฟ้านั่นไปเลยล่ะ สะพานอะไรนั่นยังไม่น่าจะปิดไม่ใช่เหรอ?"
สเตฟานี่เสนอ
"ผมคิดว่าไม่น่าจะได้ครับ คาถาที่นางฟ้าคนนั้นบอกน่าจะเป็นคาถาที่ชื่อว่า'พิราบขาวลัดสุริยา' เป็นคาถาส่งข่าวของพวกสวรรค์ที่ใช้เฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น เพราะมันเหมือนสละอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายผู้ใช้ เรื่องความเร็วไม่ต้องพูดถึง สะพานแห่งความสัมพันธ์ที่ยมทูตหรือนางฟ้าทั่วไปใช้เวลาถึงกันหนึ่งสัปดาห์เพื่อเดินทาง คาถานั่นวันเดียวก็คงถึงหูคุณมิคาเอลเรียบร้อย หากเราวิ่งเต็มสปีดตามไปอย่างน้อยก็ใช้เวลาอย่างต่ำ 5 วัน สะพานแห่งความสัมพันธ์จะต้องปิดการเชื่อมต่อแล้วแน่นอน และพวกเราก็จะถูกตัดขาดจากทุกมิติกลายเป็นคนหลงมิติจนกว่าจะตายนั่นแหละครับ"
"งั้นก็..." จอห์นทำท่าเหมือนเพิ่งนึกเรื่องที่ไม่อยากจะจำออก
"ครับ ทางเดียวที่เหลือคือทางที่ผมอยากเลี่ยงมากที่สุด แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้ นั่นคือทางศาลมหาเทพครับ ผมเดาว่าที่นั่นจะเป็นเส้นทางเดียวที่จะไม่ตัดขาดการเชื่อมต่อ เพราะหากคุณมิคาเอลรู้เรื่องพวกเราแล้ว รู้จุดประสงค์แล้ว ก็ต้องคิดต่อได้อยู่แล้วว่าเราจะบุกมาทางไหน ศาลมหาเทพคือคำตอบเดียว ที่นั่นนอกจากนางฟ้าเจ๋งๆ แล้ว เหล่าท่านอัยการทั้งหลายก็ยังมีฝีมือระดับพระกาฬที่จะหยุดพวกเราได้ แต่หากทำอย่างนั้นไม่สำเร็จ การเชื่อมต่อกับสวรรค์ก็คือทางถอยสำหรับพวกเขา เพราะงั้นอาจพูดได้ว่า ถึงอยากปิดก็ปิดไม่ได้มากกว่า ถ้าพวกสวรรค์พูดว่าจะปิดการเชื่อมต่อรับรองพวกอัยการโวยแน่ พวกเขาไม่ยอมให้ศาลมหาเทพเป็นสนามรบฟรีๆ หรอกครับ"
ซาตานมองหน้าทุกคนในห้องที่ทำสีหน้าคล้ายกันคือ 'แล้วจะเอายังไง?'
"อันที่จริงการทะลวงศาลมหาเทพนั้นทะลวงฝ่าไปได้ครับ แต่ไม่สบายนักหรอก กว่าจะถึงสวรรค์กำลังของเราคงจะลดลงไปอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงด่านสองก่อนถึงมหาราชวังอีก..."
"อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ทำเป็นปริศนาทำไม"
ลุคที่ยืนกอดอกหลับตาพิงหลังกับกำแพงพูดอย่างไม่พอใจเท่าใดนัก ซาตานยิ้มมุมปากพลางมองหน้าเรย์ สเตฟานี่ และจอห์นที่ยังฉายแววสงสัยอยู่ ก่อนจะแจง
"เราจะใช้ยมทูตเป็นแถวหน้าครับ"
ชายอัปลักษณ์กลั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ออกนอกหน้าไม่สำเร็จจนได้
ความคิดเห็น