ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Step Into My World

    ลำดับตอนที่ #3 : เมื่อพบกันอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 55



    เมื่อพบกันอีกครั้ง

     

    เรย์มอนด์มาถึงสนามบินนานาชาติพร้อมกับอลิซตอนบ่าย 2 เศษ เนื่องจากผิดแผนนิดหน่อย แอนนี่จึงไปหาพี่ชายที่บริษัทไม่ได้ เธอโทรมาบอกเขาว่าให้ไปเจอกันที่สนามบินเลย สาเหตุที่ผิดแผนคืออะไรเรย์พอจะเดาน้องสาวออก

    "หลับเพลินอีกน่ะสิ นอนกลางวันเป็นไม่ได้เชียวนะเรา"

    "โหยพี่เรย์ อย่าแฉดิค้า หนูเป็นดารานา ว่าแต่พี่อลิซเนี่ยไม่เป็นไรจริงๆ เหรอคะ?"

    อลิซหันมามองหน้าเรย์แว่บหนึ่ง ทำให้เขารู้ว่าอลิซไม่สบายใจตามปกติธรรมดาของผู้ที่ไม่เคยโกหกเขาจึงช่วยเปลี่ยนเรื่องให้

    "เราไม่ต้องไปห่วงพี่เขาหรอกน่า แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำพวกพี่ให้เขา...รู้จักหน่อยเหรอ?"

    เรย์มองข้ามไหล่แอนนี่ไปที่ชายคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวจัดจ้านเกินบุรุษที่ยืนมองหน้าเขาตั้งแต่เมื่อครู่

    "เจ๊ๆ อย่าเพิ่งเพ้อ เห็นคนหล่อๆ เป็นไม่ได้เชียว"

    แอนนี่หยอกพร้อมแนะนำให้เรย์กับอลิซรู้จักกับช่างแต่งหน้าประจำกองถ่าย ที่จริงเรย์ค่อนข้างไม่ถูกโรคกับผู้ที่มีเพศนอกธรรมชาติ แต่เขาชำนาญการตีหน้าเป็นคนมีมารยาทที่ดีจึงไม่มีปัญหา

    "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณไมค์"

    "ฮ้า...คุณเรย์มอนด์ ต๊าย ตาย ยัยแอนนี่ บ้านเธอเป็นดาราได้ยกบ้านเลยนะ...คุณน้องอลิซสนใจงานในวงการบ้างมั้ยจ๊ะ? คุณน้องลาออกจากเลขาแล้วให้คุณพี่ไปเป็นแทนเนอะ หุหุ"

    "ไม่ไหวมังคะ เห็นอย่างนี้ก็สามสิบปลายๆ แล้ว"

    "อุ๊ยตาย นี่หน้าคนสามสิบปลายๆ เหรอคะ เจ๊ไม่อยากเชื่อ Impossible!"

    พวกเขาคุยเรื่องสัพเพเหระกันได้พักเดียว เด็กชายผมยาวตัวผอมกะหร่องก็วิ่งกระหืดกระหอบมาบอกไมค์ว่าให้ไปรวมตัวกันได้แล้ว

    "พี่อลิซคะ เรื่องที่พี่ชวนไปกินข้าววันนี้ หนูต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ"

    "จ้า ไม่เป็นไรหรอก ไว้แอนนี่กลับมาพี่เลี้ยงอีกทีก็ได้ ตั้งใจทำงานนะ แล้วพี่จะรอดูละครจ้ะ"

    แอนนี่ยิ้มซุกซนอันเป็นเอกลักษณ์ประจำกายก่อนจะเข้ามากอดหอมพี่สาว

    "ไม่ต้องอิจฉาหนูนะพี่เรย์ บ้ายบายค่า"

    "รีบไปเลย เดี๊ยะเจอเตะ"

    เรย์พูดเคล้าหัวเราะก่อนแอนนี่จะคว้ามือช่างแต่งหน้าและพาวิ่งรวดเร็วราวกับกำลังแกล้ง

    หลังจากล่ำลากันเสร็จเรียบร้อย เรย์สบายใจที่แอนนี่ยังคงใส่สร้อยคอกางเขนที่เขาให้เธอในวันเกิดเมื่อ 5 ปีที่แล้วอยู่ เรย์แค่รู้สึกสังหรณ์นิดหน่อยว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากที่เขาทบทวนดูดีๆ ก็รู้ตัวว่า เซนส์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ของตัวเองเท่ากับศูนย์

    เรื่องโล่งใจอีกอย่างคือนี่เป็นการลากันอย่างธรรมดากว่าที่คิด เรย์เข้าใจว่าดาราจะต้องมีพวกแฟนคลับล้อมหน้าล้อมหลังจนความเป็นส่วนตัวถูกรบกวนวุ่นวาย ว่าแล้วเขาก็คิดเรื่องไร้ประโยชน์ อย่างดีใจที่ได้อยู่ในหมู่ประเทศที่เจริญแล้ว

    "เฮ้ยยยยยย เรย์!!!!!!"

    เสียงผู้ชายตะโกนลั่นสนามบิน เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่ทั้งชายคนนั้นและผู้ที่เป็นเป้าหมายที่เขาวิ่งมาเช่นเรย์จะเป็นจุดรวมสายตาของผู้คนทั้งจากในและนอกประเทศ

    "จนเค้าไปแล้วเว้ย ทำอะไรอยู่วะ?"

    เรย์เงยหน้าพูดกับชายผู้วิ่งมาพร้อมกับดึงดูดความสนใจของผู้คน เขาไม่หอบถึงจะวิ่งมาแต่ไกลเนื่องจากร่างกายที่ฝึกมาดี อลิซเห็นกล้ามเนื้อที่เต็มแน่นแม้จะอยู่ในชุดสูท ร่างยักษ์ที่สูงกว่า 8 ฟุตทำให้เธอลำบากในการเงยคอเล็กน้อย

    "ฉันทำงานอยู่น่ะ ก็ไหนน้องแอนนี่บอกว่าเครื่องออก 4 โมงครึ่งไง นี่สามโมงกว่าเอง"

    เรย์คิดว่าเพื่อนของตนคงโดนน้องสาวตัวแสบหลอกเอาแล้ว เรย์รู้สึกเห็นใจสหาย แต่ก็ไม่คิดตำหนิแอนนี่

    ทอม การ์ดเนอร์ ฝ่ายกราฟฟิคดีไซน์ของคารอลคอร์ปฯ ผู้นี้แอบชอบน้องสาวของประธานใหญ่หรือก็คือ แอนนี่มาตั้งแต่สาวเจ้าเพิ่งเข้าอายุ 20 แต่แอนนี่ไม่เคยเห็นทอมอยู่ในสายตาและไม่เคยคิดกับเขาเกินกว่าพี่ชายคนหนึ่ง มีหลายครั้งที่เรย์ก็นึกสงสารเหมือนกัน แต่เรื่องอะไรที่ไม่ควรสอดปากยุ่งเรย์ก็รู้อยู่ หวงน้องนั่นก็เรื่องหนึ่ง

    แต่หนึ่งในหลายเรื่องที่เรย์ชื่นชมจิตใจของทอมคือความใจแข็ง ทอมเป็นคนมีเสน่ห์ไม่น้อยจึงทำให้ที่ผ่านมามีผู้หญิงทุกรูปแบบให้ความสนใจในตัวเขา แต่ทอมปฏิเสธทุกคนด้วยคำตอบที่ว่า มีคนที่ชอบอยู่แล้ว

    "เอาดอกไม้มาทำไมเนี่ย เสียเปล่าเลย"

    ทอมบ่นตัวเองให้ดอกไม้ช่อโตที่อยู่ในมือฟังด้วยสีหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้ เรย์ตบไหล่เพื่อนพร้อมขอโทษที่ไม่ได้โทรฯ ไปบอกเพราะนึกว่าสหายทราบข่าวที่ชัดเจนแล้ว อลิซผู้มีจิตใจดีได้แต่กระซิบกับเรย์ว่าน่าสงสารคุณทอม จากนั้นเธอก็ชวนหนุ่มร่างยักษ์ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ทอมกลับปฏิเสธสาวสวยแล้วเดินคอตกกลับไป

    ช่วงเย็น 

    "ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับพี่อลิซ พี่เจฟ ไว้มีเวลาไปตกปลากันนะครับ"

    เจฟฟรีย์ สามีของอลิซ ตอบรับอย่างอารมณ์ดีกับเรย์ ผู้เป็นแขก ครอบครัวแกรนด์สโตนทั้งสามออกมาส่งเรย์ถึงหน้าลิฟต์

    "อาเรย์ ไว้มาหาหนูอีกนะคะ ขอบคุณสำหรับขนมค่ะ"

    เดซี่ ลูกสาวแสนน่ารักที่เรย์มั่นใจว่าหน้าได้แม่ พูดด้วยเสียงเล็กๆ ของเด็ก

    "จ้า ครั้งหน้าอาจะขนมาให้เต็มรถเลย อ๊ะ ลิฟต์มาแล้วผมไปนะครับทุกคน ตั้งใจเรียนนะคะเดซี่"

    ทั้งสี่โบกมือลากันจนประตูลิฟต์ปิด

    จากคอนโดฯอลิซขับรถตรงมาถึงบ้านของเรย์ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง วันนี้เป็นคืนวันสุดสัปดาห์รถจึงติดเป็นพิเศษ แต่เรย์ไม่ได้รีบร้อนอะไรเพราะจะกลับบ้านเร็วหรือช้าก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยู่ดี

    ระหว่างที่รอรถขยับที่กว่าจะเคลื่อนได้แต่ละนิ้วก็นานแสนนาน ชายหนุ่มเห็นผู้คนเดินไปมาโดยส่วนมากจะเป็นคู่รักและครอบครัวพ่อแม่ลูก เขารู้สึกดีไม่น้อยที่ทุกคนมีใบหน้าอันเป็นสุข พวกเขาเหล่านั้นจะไม่ต้องเศร้าโศกเพราะความตายอีกต่อไป

    เรย์คิดว่าตั้งแต่ที่ตนได้รับ 'สิ่งพิเศษ' มาโลกก็ได้หมุนไปในทางที่ดีขึ้น สังเกตได้จากข่าวของสื่อต่างๆ ที่เดี๋ยวนี้จำนวนอาชญากรรมหรืออุบัติภัยที่ทำให้มีคนตายจำนวนมากมีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

    การตายมีน้อยลง...

    กลับกัน ผู้ที่มี 'สิ่งพิเศษ' นั้นเพิ่มจำนวนขึ้นมากในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่สิบสองปีก่อน ปี 1998 จนถึงตอนนี้ ปี 2010 ผู้มี 'สิ่งพิเศษ' ทั่วโลกมีอยู่ราวสองล้านคน

    ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ กลับกัน มันคือเรื่องน่ายินดี เพราะนอกจากจำนวนที่เรียกว่าสร้างกองทัพได้แล้ว ทุกคนที่มีสิ่งนั้นมีเจตนารมณ์เดียวกันอย่างน่าประหลาด ทำไมเรย์ถึงรู้ได้ว่าทุกผู้นั้นมีเจตนารมณ์ที่จะขัดขวางการดำเนินการทุกอย่างของผู้ที่เรียกตัวเองว่า 'ยมทูต' และ 'นางฟ้า'

    นั่นเป็นเพราะ เรย์มอนด์ คารอล คนนี้ คือผู้นำของเหล่า 'มนุษย์พิเศษ' นั่นเอง

    จะเรียกว่าเป็น 'อำนาจแห่งผู้นำ' ก็คงไม่ผิดนัก

    .

    .

    .

    "สเตฟานี่ มาหาที่บ้านหน่อยสิ เรย์เหงาจัง"

    ชายหนุ่มพูดใส่มือถือระหว่างที่ใช้มืออีกข้างถูผ้าขนหนูลงบนเส้นผมดำที่เปียกชุ่ม เรย์ในตอนนี้นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหลังอาบน้ำชำระล้างตัวเองเสร็จเรียบร้อย

    [พอน้องแอนนี่ไม่อยู่ก็เอาเลยนะ]

    "แหม...ไม่ได้เหรอ?"

    [ตรุ๊ด...ๆๆๆ]

    สเตฟานี่ตัดสาย เรย์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะโยนผ้าขนหนูที่เปียกโชกทิ้งไว้มุมห้อง

    เพียง 15 นาทีสเตฟานี่และเรย์ก็อยู่กันตามลำพังในห้องที่มีแค่ไฟสลัวของโคมไฟ ชายหญิงอยู่ในห้องกันสองต่อสองในห้องมืดจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทั้งนั้น

    "เรย์ ช่วยบีก่อนสิ บีจะไม่ไหวและนา"

    "อดทนหน่อยสเตฟานี่ เพิ่งเริ่มเอง…"

    "นี่เรย์...เรย์ก็อย่ามัวแต่ดูดไอ้นั้นสิ อ๊า!!!ไม่ไหวแล้ว!!!"

    เจ้าของเสียงเนิบนอนหงายตึงลงบนเตียงโดยที่ในมือยังจับเมาส์สีขาวไร้สายอยู่ แสงอินฟาเรตจากใต้ตัวเมาส์ฉายแดงจนถึงเพดาน

    "เรย์ไม่สนใจบีเลยนะ ดูดิ ตัวบีถูกลูกน้องบอสรุมตายแล้ว!" สเตฟานี่ทำเสียงขึ้นจมูก

    "เฮ้ จอห์น ให้เด็กนายมาชุบชีวิตตัวสเตฟานี่หน่อย ส่วนนายไม่ต้องออกจากแถวนั้นนะ ถ้าเห็นใครจะมาแจมตีบอสกับฉันก็ใช้ไรเฟิล+12ของนายสอยเลย"

    หลังออกคำสั่ง เรย์ขยับไมโครโฟนที่ติดอยู่กับเฮดเกียร์ให้ห่างปากและยกขวดน้ำผลไม้แช่แข็งที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นดื่มอย่างเอร็ดอร่อย

    [ฉันว่าไอ้บอสตัวนี้เขาน่าจะทำให้มันโผล่มาตอนกลางวันบ้างนา นายว่ามั้ยเรย์]

    เสียงหวานคล้ายหญิงดังอยู่ในเฮดเกียร์ของเรย์

    "แบบนี้แหละดีแล้วน่า"

    เขาตอบผ่านโปรแกรมที่เขียนกันขึ้นมาสนุกๆ กับเพื่อนสมัยเรียนมหา 'ลัยกับ จอห์นไลท์ทรี เพื่อนที่เข้าขากับเรย์มากที่สุดในเรื่องเกมส์คอมพิวเตอร์

    กิจกรรมที่เรย์และสเตฟานี่ทำอยู่ตอนนี้คือเล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่งซึ่งพัฒนาโดยบริษัทของคู่แข่ง

    มีหลายครั้งที่สเตฟานี่บอกให้เลิกเล่นของคนอื่นแล้วมาทำเกมของตัวเองให้ดี แต่เธอก็จะได้ยินคำตอบที่ฟังไม่ขึ้นว่า 'มันเป็นการศึกษาคู่แข่งทางการค้า' และก็ถูกบังคับให้มาเป็นหน่วยซัพพอร์ตในเกมทุกที

    "โหย...ตายเลย"

    เรย์พูดอย่างหมดอารมณ์ก่อนถอดเฮดเกียร์กระแทกลงบนโต๊ะคอมซึ่งอยู่ปลายเตียงที่สเตฟานี่นอนแผ่หราอยู่

    [ก็ตัวของนายมันไม่ใช่สายชนบอสนี่หว่า...และยังเปรี้ยวไปสดคนเดียว มันก็เป็นเงี้ยไง]

    คราวนี้เสียงคล้ายหญิงสาวของจอห์นดังออกจากลำโพง

    "เออช่างเหอะ ฉันจะนอนและ กู๊ดไนท์ว่ะเพื่อน จันทร์หน้าเจอกัน"

    เรย์จัดการปิดคอมพ์ จัดการยกโน๊ตบุ๊คของสาวที่อยู่บนเตียงออกและนั่งลงข้างเธอ

    "งอนอะไรเรย์ป่ะเนี่ย?"

    สเตฟานี่เงียบก่อนจะพลิกตัวหันหลัง

    "อ๊ะอย่าเพิ่งสิ" เขารีบคว้าเอวบางเอาไว้และดึงสเตฟานี่ขึ้นนั่ง

    "ท่าทางจะงอนเรย์มากจริงๆ สงสัยแบบนี้แค่ง้อด้วยคำพูดคงไม่รู้เรื่องมั้งเนี่ย"

    ชายหนุ่มพูดพร้อมทำตาหวานอย่างมีเลศนัย

    "เรย์ก็เห็นค่าบีแค่ร่างกายเท่านั้นเองแหละ บีก็อยากให้เรย์รู้สึกกับบีเหมือนกับที่เรย์รู้สึกกับคุณแกรนด์สโตนบ้างนะ"

    ประกายตาสีฟ้าที่ส่องกับไฟสีส้มของสเตฟานี่หวั่นไหวราวกับอ้อนวอนไม่มีมาดของสาวสวยลึกลับของเธอในเวลานี้ เธออ้อนวอนชายหนุ่มด้วยใบหน้าราวกับลูกแมวหลงทาง

    "อย่าพูดแบบนั้นสิผีเสื้อของเรย์ ถึงเรย์จะรักสเตฟานี่ไม่ได้แต่สเตฟานี่สำคัญกับเรย์มากนะ"

    บุรุษเริ่มโอบสตรีแสนงามแนบแน่นขึ้นซึ่งหล่อนเขินอายไร้แรงต้านทาน

    "พวกผู้ชายเวลาหวังจะเอาอะไรจากผู้หญิงก็จะมีคำพูดสวยหรูอย่างงี้ทุกที...ถ้าโลกนี้มีแต่ผู้ชายอย่างเรย์นะ ผู้หญิงทั่วโลกต้องน้ำตาตกแน่เลย"

    สิ้นเสียงเนิบเซ็กซี่และรอยยิ้มเย้ายวน เรย์ยิ้มมุมปากเสมือนตัวโกงในนิยายก่อนใชัรอยยิ้มนั้นประกบลงบนเรียวปากอวบอิ่มของสาวผมบ๊อบ

    .

    .

    .

    หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เรย์ตื่นจากห้วงนิทราและลุกขึ้นจากเตียงโดยที่ทิ้งสเตฟานี่ไว้ใต้ผ้าห่มหนานุ่ม เรย์ขำกับเสียงครางเบาๆ ที่มาจากสาวสวยเซ็กซี่ซึ่งนอนหลับสนิท เขามองใบหน้ายามหลับของเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนสวมชุดคลุมที่แขวนอยู่ตรงราวและออกจากห้องไปเพื่อหาเครื่องดื่ม

    คึ่กๆๆ

    เสียงนี้ทำให้เรย์ที่กำลังลงบันไดมาตกใจเล็กน้อย ความคิดแรกของเขาคือพวกตีนแมว

    เขาค่อยๆ ย่องลงจากบันไดมาโดยพยายามให้เสียงฝีเท้าเงียบที่สุด และเขาก็ทำได้ดี เรย์ประสานมือตัวเองอยู่ราวสามวินาทีก่อนจะแยกออกจากกัน เพียงแต่ในมือหลังแยกนั้นไม่ได้ว่างเปล่า กลับมีปืนรูปทรงคล้ายหนังแนวโจรสลัดย้อนยุคสีดำอยู่ทั้งสองข้างราวกับเล่นมายากล

    "ไม่มีขนมปังถั่วแดงเล้ย... ไอ้บ้านนี้ไม่รู้จักความสุดยอดของไส้ถั่วแดงที่หอมหวานเลยรึไงนะ"

    เรย์เห็นแล้วต้นเสียงแล้ว ชายผมบลอนด์ทองคนนั้นอยู่หน้าตู้เย็นที่ถูกเปิดอยู่ แสงจากตู้เย็นทำให้เขาเห็นว่าโจรสวมเสื้อไหมพรมสีขาวตัวหนากับกางเกงขายาวพร้อมพันผ้าพันคอสีน้ำเงินไว้ที่คอ

    เจ้าของบ้านถอนใจและขบขันกับสิ่งที่เห็น เขาคิดว่าโจรคงจะมีสติที่เพี้ยนพิลึก เพราะมีแต่คนที่เป็นเช่นนั้นถึงจะใส่ชุดหน้าหนาวซะเต็มยศในวันที่อากาศร้อนตับแลบแบบนี้

    "ถ้าหิวก็เคาะประตูเรียกกันดีๆ สิคุณ"

    เรย์พูดพร้อมเปิดไฟที่อยู่ตรงผนังตีนบันได เขาเหน็บปืนไว้ข้างเอวโดยปราศจากความตื่นตระหนก เมื่อไฟสว่าง ร่างที่โก้งโค้งค้นตู้เย็นอยู่ได้ยืนขึ้นเผยให้เห็นร่างกายที่สูงโปร่ง

    "ฉันไม่หิวหรอก ที่จริงตั้งแต่เกิดมาฉันก็ไม่เคยหิว ฉันเพียงแค่คิดถึงคนที่ทำให้ฉันได้ 'กิน' เป็นครั้งแรกต่างหาก"

    สิ่งท่ร้ายกว่าโจรหันมาอย่างช้าๆ สวนทางกับความทรงจำของเรย์ที่ไหลคืนมาอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง เลือดฝาดบนใบหน้าเขาหายไปราวถูกสูบ เขาจำวันแรกที่เจอกับชายผมบลอนด์คนนี้ได้เป็นอย่างดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

    "สวัสดี...ขอโทษที่คราวที่แล้วฉันลืมแนะนำตัว เรียกฉันว่าลุคแล้วกัน ฉันแค่...จะมาบอกอะไรนายนิดหน่อย"

    ราวกับหัวใจของเรย์ถูกบีบด้วยมือเปล่า ชายปริศนายิ้มแฉ่ง เพียงแต่ไม่ใช่รอยยิ้มจากหัวใจ มันเป็นการปั้นยิ้มที่แม้แต่เด็กสามขวบยังดูออก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×