คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : legilimens. I
w e l c o m e to H O G W A R T S
ชานชาลาที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปี ‘ คิงครอส ’ ก็ยังคงคับคั่งเช่นเคย ทั้งมักเกิล (ผู้ที่ไม่มีเลือดผู้วิเศษแม้แต่หยดเดียว) ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ก็ยังคงเนืองแน่นเต็มชานชาลา แต่คนที่นี่จะรู้ว่าทุกวันที่หนึ่งกันยายนของทุกปีจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ ‘ แปลกประหลาด ’ เกิดขึ้น มันจะมีพวกคนแปลกๆ พูดจาแปลกๆ บางคนก็แต่งกายได้พิสดารชวนหัวพร้อมกับรถเข็นที่มีหีบขนาดมหึมา กับกรงนกฮูกที่ส่งเสียงร้องดัง และน่าประหลาด...
พวกเขาไม่เคยเห็นคนพวกนั้นขึ้นรถไฟสักขบวนเดียว
คุณและคุณนายสจ๊วตก็เป็นหนึ่งในปุถุชนคนธรรมดา พวกเขาจะมาส่งลูกสาว ‘ รีเบคคา ’ หรือ ‘ เบ็คกี้ ’ ที่น่ารักของพวกเขาเพื่อขึ้นรถไฟในชานชาลาที่เก้าในทุกๆวัน ตอนนี้เบ็คซ์อายุได้สิบหกจวนสิบเจ็ดแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณนายสจ๊วตเป็นห่วงมากที่สุด ตอนนี้เบ็คกี้ไม่ใช่หนูน้อยในชุดสีชมพูและปีกแฟร์รี่อีกต่อไป เธอโตเป็นสาว เธอแคร์ต่อภาพลักษณ์ของเธอ รู้จักบริหารสเน่ห์ และเริ่มอยากมีความรัก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะใช้เบ็คซ์อยู่โดมประจำ มันอาจเสียเวลาในตอนเช้า แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็คุ้มที่จะได้เห็นลูกสาวของพวกเขาเติบโตขึ้นในทุกๆวัน
“ แล้วเจอกันค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ ! ” รีเบคคายื่นศรีษะออกมาจากรถไฟ ตะโกนบอกลาพ่อกับแม่ของเธอ คุณและคุณนายสจ๊วตโบอกมือลาและมองเธอไปจนขบวนรถไฟลับสายตาพลางไม่ได้สังเกตเสาที่เชื่อมอยู่ตรงกลางระหว่างชานชาลาเก้าและสิบ
a
พวกมักเกิ้ลนี่ไม่เคยสังเกตอะไรเลยเถอะให้ตาย เขารู้สึกสงสัยทุกครั้งที่ก้าวผ่านเสาอิฐแข็งระหว่างชานชาลาเก้าและสิบ แล้วก็เสื้อผ้ามักเกิ้ลนี่ เคราเมอร์ลินเป็นพยาน ! สาบานได้ว่าแม่ของเขาหน่ะ ‘ นักช็อป ’ ตัวจริงเสียงจริง (เขาคิดว่าพวกมักเกิลเรียกอย่างนี้นะ) ทั้งๆที่เสื้อผ้าของมาดามมัลกินส์ในตรอกไดแอกอนก็มี แต่แม่ของเขากลับชอบไปเดินตามห้างสรรพสินค้าของพวกนั้นพร้อมกับกลับมาบ้านด้วยเสื้อผ้าจำนวนมากทุกครั้ง แม่มักจะบอกเสมอว่าแฟชั่นเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่ากระดาษชำระเสียอีก ดังนั้นเราต้องไม่ตกเทรนด์ (เอาเป็นว่าต้องตามยุคตามสมัยนั่นแหละ) ตอนนี้เขาอยู่ในยีนส์และผ้าใบ (ที่แม่ซื้อให้) กับเสื้อสเวตเตอร์สีแดงสลับเหลืองเข้มที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคือ ‘ กริฟฟินดอร์ ’ และแน่นอน เขาต้องเป็นนักกีฬาควิชดิชด้วย
กีฬาควิชดิชเป็นกีฬาที่เล่นเฉพาะในโลกของพ่อมดแม่มด เป็นเกมส์ที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นเจ็ดคนและลูกบอลสามชนิดซึ่งนั่นก็คือเซสเซอร์สามคนและคีปเปอร์ หรือผู้รักษาประตูหนึ่งคน พวกเขาจะเล่นกับควัฟเฟิล ทุกๆครั้งที่เซสเซอร์โยนลูกลงห่วงสามห่วงได้นั่นคือสิบคะแนน ส่วนบีตเตอร์สองคน พวกเขาจะต้องสู้รบกับบลัดเจอร์ที่จะคอยชนผู้เล่นในสนาม บีตเตอร์จะต้องกันบลัดเจอร์ออกจากทีมของตัวเองและพยายามส่งมันไปให้ทีมฝ่ายตรงข้าม และสุดท้ายซีกเกอร์ ‘ เขาเอง ’ เขาจะเป็นคนที่คอยสอดส่องหาโกลเด้นสนิชและพยายามจับมันให้ได้ เพราะเมื่อซีกเกอร์จับสนิชได้นั่นหมายความว่าเกมส์ได้จบลงและเพิ่มไปอีกร้อยห้าสิบแต้ม
ความจริงแล้วควิชดิชมันก็ดูเหมือนกีฬาของพวกมักเกิลแต่มันจะต่างกันที่พวกเขาต้องเล่นและบินบน ‘ ไม้กวาด ’ นั่นเอง
เขาเดินขึ้นไปบนรถไฟพลางสอดส่องหาเพื่อนผิวแทนของเขาจากชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่
“ เฮ้ ! ฉันอยู่นี่ ! ” เสียงของ คิม จงอิน หรือ คิม ไค ที่ทุกคนเรียกกันดังขึ้น
เขาไม่ตอบอะไรแต่ยิ้มมุมปากพร้อมกับไฮไฟว์กับจงอิน
“ หน้าร้อนเป็นไงบ้างเซฮุน ” โอ เซฮุน หรือ สตีเฟ่น โอ คือชื่อของผมเอง
“ โอเค… ” เซฮุนเงียบไปครู่หนึ่ง “ แต่ก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ” เขายักไหล่ “ ตอนที่ฉันไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนแล้วก็เจอหมอนั่น ก็กัดกันตามเคย ”
“ แต่นายเป็นเลือดบริสุทธิ์นี่ ? หมอนั่นไม่มีสิทธิ์มาดูถูกสถานภาพทางเลือดของนายด้วยซ้ำ ” จงอินพูด “ แต่ก็นั่นแหละฉันเชื่อว่าต่อให้นายนายเลือดบริสุทธิ์หรือมีดีแค่ไหนหมอนั่นก็สรรหาเรื่องมาเสียดสีได้อยู่แล้วหล่ะ ” จงอินเบ้หน้า “ พวกสลิธิรินก็เป็นแบบนี้ทุกคนนั่นแหละ ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันอีก เมื่อรถไฟหัวจักรไอน้ำสีแดงเริ่มผ่านเข้าสู่กลุ่มหมอก มันเป็นสัญญาณว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเขาจะถึงที่หมายแล้ว จงอินกับเซฮุนเปลี่ยนจากชุดไปรเวทเป็นเสื้อคลุมนักเรียนสีดำปักตัวกริฟฟินที่เป็นสัญลักษณ์ของกริฟฟินดอร์ ‘ บ้านของผู้กล้าหัวใจสิงห์ ’
ที่จงอินและเขาสนิทกันก็เพราะมาจากบ้านเกิดเดียวกัน คุยกันถูกคอ (โดยเฉพาะเรื่องควิชดิช) และจงอินไม่ใช่พวกงี่เง่าติดเพื่อนแต่พวกเขารู้จักระยะห่างที่สมควรต่อกัน เพราะเซฮุนเป็นคนค่อนข้างจะเงียบและขี้รำคาญ ในขณะที่จงอินจะเป็นคนตลกและเป็นคนเรื่อยๆ พวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้นเพราะควิชดิช อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าเซฮุนเป็นซีกเกอร์ ส่วนจงอินเป็นบีตเตอร์ อีกอย่างพวกเขาเป็นเลือดผสมและชิงชังพวกสลิธีรินเหมือนกันและทั้งคู่ก็แสบกันพอตัวแม้เซฮุนจะดูเงียบๆก็เถอะ ตอนนี้พวกเขาอยู่ชั้นปีที่หกของโรงเรียนเวทย์มนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ที่เพิ่งผ่านปีว.พ.ร.ส.มาสดๆร้อนๆ
ว.พ.ร.ส.หรือวิชาพ่อมดระดับสามัญจะเป็นการสอบของนักเรียนชั้นปีที่ห้าซึ่งมันสำคัญต่ออนาคตมากๆเพราะมันจะส่งผลต่อวิชาที่เราสามารถเรียนได้ในชั้นปีที่หก เกณฑ์ในการพิจารณาจะขึ้นอยู่กับดุลพิจของอาจารย์แต่ละคน อย่างเช่นศาสตราจารย์มักกอลนากัลที่สอนวิชาแปลงร่างจะรับนักเรียนส.พ.บ.ส. (เป็นการสอบจบการศึกษาของนักเรียนชั้นปีที่เจ็ดซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายในฮอกวอตส์) เฉพาะบุคคลที่ได้รับ ‘ เกินความคาดหมาย ’ เท่านั้น สำหรับผลสอบจะมีอยู่หกอย่างไล่จากสูงสุดไปต่ำสุดคือ ดีเยี่ยม เกินความคาดหมาย พอรับได้ แย่ เลวมาก และโทรลล์ สำหรับเซฮุน เขาได้ว.พ.ร.ส.มาครบสิบสองตัวซึ่งมันถือว่าดีทีเดียว ส่วนจงอินได้มาหกเจ็ดตัวตัว (‘ นายก็รู้ว่าให้ตายยังไงฉันก็ไม่ได้วิชาปรุงยาของสเนปมาแน่ๆ ’ จงอินบอก) ดังนั้นมันจะมีบางวิชาที่เขาต้องไปเรียน ส่วนจงอินก็ถือเป็นผลพลอยได้เป็นคาบว่างไป
“ รับขนมไหมจะเด็กๆ ” แม่มดเข็นรถขายขนมถาม
จงอินกับเซฮุนยื่นศรีษะออกมาจากตู้ กราดมองสินค้าจำนวนมาก มันมีทั้งกบช็อคโกแลต เยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บ็อตส์ ฟีสซี่งวิสปี้และอีกมากมาย พวกเขาซื้อมันมาจำนวนหนึ่ง เซฮุนเลือกแกะกบช็อคโกแลตก่อน ในขณะที่จงอินกำลังกินเยลลี่เม็ดทุกรส “ ให้ตายเถอะนี่มันรสอ้วก ! ฉันสาบานกับกางเกงในเมอร์ลินเลยว่าฉันจะไม่มีวันกินไอ้นี่อีกแล้ว ” จงอินกล้ำกลืนเยลลี่รสอ้วกเข้าไปอย่างฝืนทน สีหน้าของเขามันทำให้เซฮุนขำ “ นายสาบานกับฉันมากี่ครั้งแล้วว่าจะไม่กิน แต่ฉันก็เห็นว่าทุกครั้งที่นายซื้อขนมมันต้องมีไอ้นี่ติดมาทุกที” จงอินยักไหล่ “ เฮ้ ! นายไม่รู้จักคำว่าท้าทายรึไงกัน น่าสนุกออกที่เราจะไม่รู้ว่ามันจะเป็นรสอะไร นายก็น่าจะลองนะเพื่อน” เซฮุนส่ายหน้า “ ไม่มีทาง ! ” แล้วพวกเขาก็หัวเราะไปด้วยกัน
“ ไงพวกนาย ! ไม่ได้เจอกันนาน ” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่คุ้นหูพูดขึ้น จงอินกับเซฮุนหันหน้าควับ
“ เฮ้ ! / ไงชานยอล ” จงอินกับเซฮุนพูดขึ้นพร้อมกัน “ มานั่งเร็วเจ้าพรีเฟค ! เพิ่งกลับมาจากห้องของนักเรียนดีเด่นนุ่มนิ่มสิท่า ” จงอินพูด
พรีเฟคหมายถึงคนที่เป็นหัวหน้านักเรียน ชานยอล หรือปาร์ค ชานยอลก็ได้รับเลือกตั้งแต่ปีห้า และตอนนี้เขาได้เป็นประธานนักเรียนไปแล้วเรียบร้อย
“ โถ… อย่ามาพูดเลยไอ้กับตัน ! ” ชานยอลแขวะ และมันทำให้จงอินขำ
“ เออใช่... ฉันลืมไปเลยว่าฉันเป็นกัปตันทีมควิชดิช ! ” เซฮุนและชานยอลส่ายหน้าอย่างระอาใจพร้อมกัน “ และปีนี้ฉันก็ต้องคัดเลือกลูกทีม นายเตรียมตัวไว้หล่ะเซฮุน ! ” แทนที่เซฮุนจะแสดงสีหน้าเกรงกลัวต่อจงอินผู้เป็นกัปตัน เขากลับยิ้มมุมปากและผลักหัวจงอินอย่างแรง “ โอ๊ยไอ้บ้านี่ ! ” ชานยอลหัวเราะสมน้ำหน้าจงอินยิ่งกว่าเดิม
พวกเขา ‘ เซฮุนและจงอิน ’ เริ่มมาสนิทกับชานยอลเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากสาเหตุอะไรบางอย่าง ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้ชอบหน้าชานยอลเสียเท่าไหร่เพราะเขาเป็นพรีเฟค บุคคลที่ตัวก่อความวุ่นวายอย่างจงอินและเซฮุนควรจะอยู่ห่างๆไว้ ซึ่งหลังจาก ‘ เหตุการณ์นั้น ’ พวกเขาก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น และอีกอย่างหนึ่ง ชานยอลก็ไม่ได้เป็นพรีเฟคที่เจ้าระเบียบน่ารำคาญเหมือนคนอื่นๆ เขาเคยพูดว่าเซฮุนและจงอินจะแกล้งใครหรือแอบย่องออกมาจากหอนอนยามดึกเมื่อไหร่ก็ได้ตราบใดที่พวกเขาจะไม่ถูกจับโดยฟิลช์ผู้เป็นภารโรงและคุณนายนอร์ริส ซึ่งนั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เซฮุนและจงอินมีความสามารถในการทำผิดกฏระเบียบได้อย่างแนบเนียนและหน้าตาเฉย ด้วยความเป็นนักเรียนเรียนดีเด่นของชั้นและเป็นซีกเกอร์ของเซฮุน กับความขี้เล่น (เอาเป็นว่าลื่นไหลได้อย่างดีเยี่ยม) และความเป็นบีตเตอร์ของจงอิน มันทำให้พวกเขารอดมาอย่างสบายๆเสมอ (ถึงแม้บางครั้งมันจะหวุดหวิดอยู่ก็เถอะ)
“ เฮ้แบคฮยอน นายได้กลิ่นเหม็นเน่าเลือดสีโคลนแถวนี้ไหม ? ” และนี่หล่ะคือตัวต้นเหตุ
“ หุบปากเน่าๆของนายไปซะลู่หาน ” เซฮุนพูดเสียงเรียบขณะที่คว้าคอเสื้อของจงอินเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นไปตั๊นหน้าของพวกเขา และก้มลงไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ โดยบาธิลดา แบ็กช็อตต่อ คำว่า ‘ เลือดสีโคลน ’ จะใช้เรียกคนที่เกิดมาจากมักเกิล เป็นคำดูถูกที่ใช้กันในหมู่คนเลือดบริสุทธิ์ (ผู้ที่มีโคตรเหง้าศักราชเป็นผู้ประกอบเวทมนตร์คาถาทั้งสิ้น) ซึ่งนั่นมันถือว่าหยาบคายมากๆ อันที่จริงแล้วทั้งสามบ้านอันได้แก่กริฟฟินดอร์ เรเวนคลอ และฮัฟเฟิลพัฟ ไม่มีใครใช้คำนี้มาก่อน ยกเว้นอยู่บ้านเดียว นั่นก็คือ ‘ สลิธีริน ’ ซึ่งเป็นบ้านของลู่หานและแบคฮยอน เอาง่ายๆว่าถ้าอยากจะแยกแยะนักเรียนสี่บ้านนอกจากการดูตราที่เสื้อคลุมกับสีของเน็คไทด์แล้ว (ของสลิธีรินเป็นรูปงู ส่วนเบ็คไทด์เป็นสีมรกตสลับกับสีเงิน) ถ้าเจอใครที่ทำตัวกร่าง หน้าตาหยิ่งๆแล้วละก็ นั่นหล่ะสลิธีรินตัวจริงเสียงจริง
สำหรับจงอินและเซฮุนหน่ะไม่ค่อยกระทบสักเท่าไหร่ แต่ชานยอลหน่ะ เต็มๆ
“ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะใช้คำพูดที่ไม่พูดกันในหมู่ผู้เจริญแล้วนะลู่หาน ” จงอินพูดจิกกัดเสียงยียวน
“ หุบปากของนายไปซะไอ้เลือดผสม ! ” ลู่หานเลือดขึ้นหน้า เขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาชี้ไปที่จงอิน ซวยแล้ว ! จงอินคิด เขาลืมหยิบไม้ออกมาจากหีบ !
“ เอ็กซ์เปลลิอาร์มัส ! ” คาถาปลดอาวุธของเซฮุนหน่ะได้ผลเสมอ เขาคว้าไม้กายสิทธิ์ของลู่หานขึ้นมาและสอดลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม “ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนายก็ดีแต่พูดเหมือนเดิมนะลู่หาน ” เขายิ้มเยาะ ก่อนที่จะนำไม้กายสิทธิ์ของลู่หานมาควงเล่น มันเกิดประกายไฟน้อยๆ (‘ เฮ้ยเซฮุนนายหยุดควงมันได้แล้ว ! ’) “ พวกเก่งแต่ปาก ”
“ อ้อใช่สิ แน่นอนว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้น ” ลู่หานยิ้มยวน “ แต่คงจะไม่เก่งเท่าเพื่อนเลือดสีโคลนของนายหรอกไอ้ซีกเกอร์งี่เง่า ‘ แบคฮยอนนา... ฉันรักนาย ! ’ ‘ แบคฮยอนได้โปรด ! ’ นายจำได้ใช่ไหมแบคฮยอน ! ” ลู่หานหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ
สีหน้าของแบคฮยอนเจื่อนลงไปทันที ชานยอลลุกขึ้นมาชีไม้กายสิทธิ์ไปที่ใบหน้าอวดดีของลู่หาน “ หุบปากนะลู่หาน ! ”
“ ไม่ ! ฉันไม่หุบ ! เหอะ นี่มันถูกต้องแล้วต่างหากที่นายเลิกมาเกลือกกลั้วกับพวกมัน นายควรจะดีใจและขอบคุณฉันนะแบคฮยอน ” แบคฮยอนเจื่อนลงไปอีก และนั่นมันทำให้เซฮุนหมดความอดทน เขาปิดหนังสือดังพั่บ เขวี้ยงไม้กายสิทธิ์ที่ยึดมาให้ลู่หาน
“ เงียบปากไปเสียแล้วมาสู้ตัวต่อตัวกับฉัน ” เซฮุนพูดเสียงเรียบ ชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงไปที่คนที่มาจากบ้านงู “ นายควรจะรีบๆยอกไม้นั่นขึ้นมานะก่อนที่ฉันจะสาปนาย ”
ลู่หานเงียบไป “ แบคฮยอน ! กลับ ! ” จากนั้นสะบัดชายเสื้อคลุมเดินออกไปทันที แบคฮยอนมองไปที่ชานยอลด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ “ บยอนแบคฮยอน ! ” เขาสะดุ้งแล้วกระวีกระวาดตามลู่หานไปทันที เซฮุนเก็บไม้กายสิทธิ์แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ
“ ทุเรศจริงๆ ” จงอินส่ายศรีษะ “ นายไม่ต้องไปแคร์คนพรรค์นั้นหรอกน่า ก็แค่พวกเศษเดน ”
“ นายก็รู้จงอิน ว่าคนที่ฉันแคร์คือใคร ” ชานยอลพูด และหลังจากนั้นพวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกหลังจากนั้น เซฮุนและจงอินรู้ว่าการที่พวกเขาเงียบปากไว้มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับชานยอล พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ชานยอลกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน ชานยอลกับแบคฮยอนเคยคบกันมาก่อน พวกเขาทั้งคู่มีความสุขดีแม้จะอยู่ในบ้านที่เกลียดขี้หน้ากันและไม่สนว่าใครจะพูดอย่างไร ในไม่ช้าชานยอลและแบคฮยอนสามารถพิสูจน์ให้คนอื่นได้ว่าพวกเขารักกันจริงๆ ไม่มีใครตะขิดตะขวงใจในความสัมพันธ์ของพรีเฟคกริฟฟินดอร์กับนักเรียนตัวเล็กบ้านสลิธีรินอีก จนกระทั่งพวกเขามาเจอลู่หาน เซฮุนคิดว่าร้อยทั้งร้อยของคนในโรงเรียนรู้ดีว่าลู่หานเป็นอย่างไร เขาคงจะรับไม่ได้ที่เพื่อน (หรือเบ๊) ของเขาไปคบกับพวกที่เกิดจากมักเกิลโดยเฉพาะพวกกริฟฟินดอร์ และที่สำคัญ เพราะชานยอลเริ่มสนิทกับเซฮุน และเขารู้ว่าลู่หานเกลียดเขาเพราะอะไรบางอย่าง เท่าที่เซฮุนรู้มาเหมือนว่าลู่หานจะแอบใส่ยาสเน่ห์ฤทธิ์รุนแรงกับชานยอล เขาเชื่อว่าลู่หานปรุงเองเลยด้วยซ้ำ และนั่นมันทำให้ชานยอลติดผู้หญิงคนหนึ่งแจ ความสัมพันธ์ของแบคฮยอนกับชานยอลเริ่มร้าวฉาน ชานยอลละเลยไม่ใส่ใจกับแบคฮยอนแต่กลับไปหลงใหลเธอคนนั้น และลู่หานก็ฉลาดพอที่จะแสร้งตีสองหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่อง สุดท้ายคนตัวเล็กก็ทนไม่ไหว เขาร้องไห้และตะโกนบอกเลิกชานยอล แต่น่าเสียดาย ชานยอลไม่คิดที่จะง้อแบคฮยอนเลยด้วยซ้ำ เซฮุนจำได้ว่าในวันนี้ชานยอลโดนจงอินต่อยจนช้ำ ในที่สุดเมื่อทุกสิ่งเป็นไปตามที่ลู่หานตั้งใจไว้เซฮุนคิดว่าลู่หานก็ได้ระงับยาสเน่ห์นั่น สาบานกับหนังสือในห้องสมุดได้ว่าชานยอลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป หลังจากนั้นชานยอลตัดสินใจรีบไปหาแบคฮยอนและอธิบายว่าเขาไม่รู้เรื่อง แต่น่าเสียดายเส้นใยบางๆนั่นได้ขาดสะบั้นเอาเสียแล้ว
แต่นั่นก็เป็นแค่สมมติฐานของเขาและจงอินเท่านั้น พวกเขาไม่เคยรู้ความจริง เซฮุนไม่เคยคิดที่จะพูดเรื่องนี้ออกไปเพราะเขาไม่มีหลักฐาน การใส่ความคนอื่นโดยไม่มีเครื่องยืนยันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการถีบตัวเองลงทะเลสาบให้พวกกรีนดีโลว์ขย้ำเล่นด้วยซ้ำ แต่เขาและจงอินก็ไม่สามารถช่วยอะไรชานยอลได้ เพราะหลังจากนั้นมาแบคฮยอนก็ไม่ยอมคุยกับชานยอลอีกเลย
a
เมื่อขบวนรถไฟหยุดนิ่ง เป็นสัญญาณว่าในที่สุดพวกเขาก็มาถึง ‘ บ้านหลังที่สอง ’ แล้ว เซฮุน จงอิน และชานยอลเดินออกมาจากตัวขบวน มองไปก็เห็นแฮกริดกำลังตะโกนร้องเรียกเด็กปีหนึ่งอยู่ (เด็กปีหนึ่งต้องนั่งเรือข้ามฟากไป) ชานยอลโบกมือลาส่งสัญญาณที่พวกเขารู้กันว่า ‘ แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหาร ’ เพื่อที่จะไปคุมเด็กนักเรียนตามประสาพรีเฟ็ค เซฮุนกับจงอินรีบเดินไปที่รถลากที่มีเธสตรอลแทนม้า (เขากับจงอินไม่เห็นมัน แต่ก็รู้ได้เพราะแฮกริดเคยสอนตอนปีห้า คนที่สามารถเห็นเธสตรอลได้คือคนที่เคยเห็นความตายมากก่อนแล้ว) ความปรารถนาก็สมหวัง มีรถม้าว่างอยู่คันหนึ่งพอดี จงอินและเซฮุนปีนขึ้นไปนั่ง เมื่อเธสตรอลเริ่มออกเดินก็มีเสียงร้องตะโกน
“ อย่างเพิ่งไป ! รอด้วยครับ ! ” เธสตรอลหยุดเดินเหมือนว่ามันเข้าใจภาษามนุษย์ เพื่อนซี้ผิวต่างสีเพ่งมองไปที่คนสองคนที่วิ่งกระหืดกระหอบ และอีกคนหนึ่งที่เดินเอื่อยๆมา เขามองเห็นว่าคนหนึ่งเป็นเด็กฮัฟเฟิลพัฟ ส่วนสองคนนั้น ให้ตาย จงอินคิด นี่มันไอ้ขี้แพ้สลิธีรินกับแบคฮยอนนี่หว่า
เด็กฮัฟเฟิลพัฟหอบราวกับว่าเพิ่งวิ่งมาราธอนมา “ เห็นไหมครับ ” เขาหยุดเพื่อหอบหายใจอีกครั้ง “ มันต้องมีรถม้าว่าสักคัน ” ใช่… มันอาจจะว่างในสายตาของเขา ที่ๆเหลือนี่สำหรับคนสามคนได้อย่างสบาย แต่มันไม่สบายตรงที่มีจงอินและเซฮุนอยู่นี่หละ ลู่หานมองพวกเขาสองคนราวกับเป็นหนอนฟลอบเบอร์ กวาดสายตามองอย่างเหยียดหยาม (ที่เซฮุนอยากจะลองเขวี้ยงหนังสือหนาพันหน้าที่อยู่ในมือเขาใส่สักครั้ง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ทำ เพราะเซฮุนสงสารสือ เขาเป็นคนที่มีความเมตตาพอ)
“ โอ๊ยซัลลาซาร์ ! สาบานได้ว่าไม่มีรถม้าเหลือแล้ว ! ” ลู่หานบ่นกระปอดกระแปด “ ฉันไม่มีทางนั่งไปกับคน ‘ เทือกนี้ ’ แน่ๆ ”
เป็นอีกครั้งที่เซฮุนคว้าแขนจงอินเอาไว้ได้
“ ใจเย็น ” เซฮุนพูด “ น่าเสียดายนะลู่หานนี่เป็นรถม้าคันสุดท้านแล้วเสียด้วยสิ ” เขาพูดหน้าตาย “ มันคงจะไม่ลำบากขนาดนั้นหรอกใช่ไหมถ้านายต้องเดินเข้าโรงเรียนเองพร้อมกับแบกความยโสนั่น มันคงหนักอยู่พอตัว ” ลู่หานถลึงตาใส่เด็กตาโตฮัฟเฟิลพัฟที่หัวเราะพรืดออกมา “ เอ้าจะมัวทำอะไรกันอยู่เล่า ถ้าไม่อยากเดินก็ขึ้นมาสิ ”
เด็กฮัฟเฟิลพัฟคนนั้นรีบปีนขึ้นมาบนรถม้าอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยแบคฮยอนที่มีสีหน้าเรียบเฉย กับลู่หานที่บูดบึ้ง “ นายนั่งติดกับไอ้ดำนั่น ! ” เขาสั่งเด็กฮัฟเฟิลพัฟคนนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรอีก แม้แต่เสียงถากถางของลู่หานที่หันหน้าออกไปเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมองหน้าเซฮุนที่อยู่ตรงข้ามกับเขา บรรยากาศเริ่มกดดัน ในที่สุดเด็กฮัฟเฟิลพัฟนิรนามก็ได้ทำลายความเงียบนั้น
“ ผมชื่อโด คยองซู ” เขาพูดอย่างร่าเริง “ หรือจะเรียกคยองซูเฉยๆก็ได้ แล้วพวกคุณล่ะ ” เขาไล่สายตาจากลู่หาน ไปแบคฮยอน จงอิน และเซฮุน (‘ ไร้สาระจริงๆ ’ ลู่หานพูด)
“ หุบปากซะลู่หาน ” จงอินพูด “ ฉันชื่อคิม จงอิน หรือจะเรียกไคก็ได้ ” จงอินหันไปยิ้มให้คยองซู
“ ฉันโอ เซฮุน จากกริฟฟินดอร์ ”
“ ฉันบยอน แบคฮยอน ” แล้วยิ้มบางๆให้เขา
ลู่หานยังคงหันหน้าออกไปทางด้านข้าง ริมฝีปากกระจับนั่นปิดสนิท ไม่สนว่าตอนนี้สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่เขา แบคฮยอนสะกิดแขนของลู่หานเบาๆ “ เออ ! ก็ได้ ! ฉันลู่หาน ” เขาค้อนแบคฮยอน “ พอใจหรือยัง ! ”
“ อย่างที่สุดเชียวหล่ะ ” ลู่หานตวัดสายตามาที่จงอิน และก่อนที่เขาจะอ้าปากพ่นคำพูดออกมาคยองซูก็ร้องตะโกนออกมาก่อนอย่างดีใจ
“ เฮ้ ! พวกเรามาถึงแล้วหล่ะ ” เขาพูด
ในที่สุดเธสตรอลก็หยุดเดิน พวกเขาค่อยๆลงจากรถม้า และเมื่อเท้าของเด็กๆแตะพื้นครบทุกคนลู่หานก็เดินสะบัดหน้าออกไปทันที ร้อนรนถึงแบคฮยอนที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งตามพร้อมกันหันหน้ามาส่งสายตาเป็นเชิงขอโทษให้
“ เด็กคนนั้นที่มาจากบ้านสลิธีรินน่ะ เขาดูเหมือนคนมีปัญหาเลยนะ ” คยองซูพูด เซฮุนกับจงอินหันหน้ามองกันโดยอัตโนมัติ ‘ เด็ก ? ’ พวกเขากระซิบ ทำหน้าตาฉงน “ นี่พวกนาย ! ฉันน่ะอยู่ปีเจ็ดแล้วนะ ! ” คนหน้าเด็กทำหน้าตาบูดบึ้ง จงอินกับเซฮุนสาบานได้ว่าพวกเขาคิดมาตลอดว่าตยองซูน่าจะอยู่ปีสี่ไม่ก็มีห้า และนั่นมันทำให้พวกเขายิ้มแหยๆไปให้นักเรียนรุ่นพี่ “ ให้มันได้อย่างนี้สิ ”
พวกเขาไม่ตอบแต่ส่งยิ้มเป็นเชิงขอโทษให้คยองซูทั้งๆที่รู้ดีว่าคนตัวเล็กไม่ได้ติดใจอะไร “ แล้วเจอกันนะ ! ” คยองซูพูดพร้อมกับโบกมือลาก่อนที่จะเดินไปยังห้องโถงและนั่งลงตรงโต๊ะยาวของฮัฟเฟิลพัฟ
“ เคราเมอร์ลินเถอะเซฮุน ! ฉันคิดมาตลอดว่าหมอนั่นเป็นเด็กปีสี่ ” จงอินพูดในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปยังโต๊ะของกริฟฟินดอร์ทางด้านริมขวาสุดของห้องโถงใหญ่ที่มีเพดานต้องมนตร์เป็นท้องฟ้าเปิดโล่งยามค่ำคืน
“ นั่นสิ ” เขาตอบส่งๆในขณะที่กำลังดูการแสดงเล็กๆน้อยๆของเหล่าผีในฮอกวอตส์ พวกเขามีร่างกายที่โปร่งแสงและมักจะเล่นตลกกับนักเรียนโดยการ ‘ ทะลุ ’ ผ่านตัวพวกเขาไป เซฮุนบอกได้เลยว่ามันเย็นยะเยือกราวกับจะแข็งไปทั้งร่างเลยทีเดียว ‘ ยินดีต้อนรับเหล่ากริฟฟินดอร์ ! ฉันหวังว่าปีนี้จะได้เด็กปีหนึ่งดีๆนะ ! ’ นิกหัวเกือบขาดพูด เอาที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่หรอกที่เด็กนักเรียนเรียกเขาว่านิก เขาใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการเกลี้ยกล่อมเด็กนักเรียนให้เรียกเขาว่าเซอร์นิคคูลัส แต่น่าเสียดายที่มันไม่สำเร็จ นิกเลยยอมแพ้ไปโดยปริยาย
ศาสตราจารย์มักกอลนากัลก็ยังคงเป็นสุภาพสตรีที่น่าเกรงขามอยู่เช่นเคย (เธอสอนวิชาแปลงร่างและเป็นอาจารย์ประจำหอกริฟฟินดอร์) ในมือของเธอถือหมวกคัดสรร (‘ ฉันว่ามันเริ่มเก่าแล้วนะ ’ จงอินพูด) จากนั้นวางลงบนเก้าอี้ไม้สีเข้มตัวสูง ในมือถือใบรายชื่อเด็กปีหนึ่งและขานชื่อของนักเรียนตามตัวอักษร ‘ แอฟตัน, รูเพิร์ต ’ นักเรียนหน้าตาไม่เป็นมิตร พนันสิบเกลเลียนว่าอยู่สลิธีรินและทันทีที่หมวกคัดสรรสัมผัสศรีษะของเด็กคนนั้น ‘ สลิธีริน ! ’ มันร้องออกมาทันที เสียงปรบมือกึกก้องดังมาจากสลิธีรินตามมาด้วยเสียงโห่ฮาจากบ้านอื่นๆ จากนั้นก็มีกานเรียกชื่อเด็กคนต่อๆไป จนกระทั่งถึง ‘ ลู่, อี้ชิง ’ จงอินมองหน้าเซฮุนพลางชะเง้อมองเด็กคนนั้น ให้ตาย พวกเขาคิด เด็กคนนั้นหน้าตาน่ารักเรียบร้อยนุ่มนิ่มชะมัด จงอินถามเซฮุนว่าเขามีอะไรเกี่ยวข้องกับลู่หานหรือเปล่า เซฮุนยักไหล่แสดงอาการไม่รู้เช่นกัน เมื่อเด็กคนนั้นนั่งลงบนเก้าตัวสูง เซฮุนเหล่มองไปที่ลู่หาน เขากำลังนั่งตัวเกร็ง มือเล็กๆนั่นกำเข้าหากันแน่น หมวกคัดสรรเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะประกาศออกมาว่า ‘ กริฟฟินดอร์ ! ’ เหล่ากริฟฟินดอร์ปรบมือต้อนรับกันยกใหญ่ เซฮุนแอบเห็นลู่หานหน้าหมองลงไปทันตา (‘ แน่ละสิ ! เด็กน่ารักแบบนี้จะนิสัยแย่แบบลู่หานได้ยังไงกัน ! ’ จงอินบอก)
อี้ชิงนั่งลงข้างๆเซฮุน พวกเขายิ้มให้และก่อนที่เซฮุนจะยั้งปากจงอินไว้ได้ทัน “ นายเป็นอะไรกับลู่หานเหรอ ? ” และทันทีทันใดนั้น “ โอ๊ย ! ” เซฮุนเตะขาจงอินใต้โต๊ะราวกับจะปราม
“ ผมเป็นญาติกับพี่ลู่หานครับ ” เซฮุนและจงอินร้องอ๋ออกมาทันที และเมื่อจงอินอ้าปากจะพูดอะไรอีกครั้ง เซฮุนก็ส่งสายตา ‘ หุบปากไปก่อน ’ ให้จงอิน
“ ยินดีต้อนรับสู่กริฟฟินดอร์ ! ” นิกหัวเกือบขาดโผล่ศรีษะขึ้นมาจากใต้โต๊ะ อี้ชิงสะดุ้งอย่างแรงจนเขาปัดถูกถ้วยน้ำล้มลง โชคดีเป็นอย่างมากที่อาหารยังไม่ได้ถูกจัดขึ้นมา เพราะอาหารจะปรากฎขึ้นในจานหลังจากการคัดสรรและการปฐมนิเทศน์
เมื่อคัดสรรนักเรียนเรียบร้อยแล้ว (คนสุดท้ายคือ ‘ วีลเลอร์, รีเวน ’ เธอได้ไปอยู่ที่เรเวนคลอ หน้าตาเธอดูฉลาดขึ้นอย่างทันทีทันใด) ศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ลุกขึ้นกล่าวต้อนรับเด็กนักเรียนและข้อความซ้ำๆเดิมๆอย่างเช่นป่าต้องห้ามเป็นสถานที่ที่เด็กนักเรียนไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปโดยพลการรวมไปถึงของต้องห้ามต่างๆราวสองร้อยชนิด (ดัมเบิลดอร์ยกตัวอย่างมาแค่สามสี่อย่าง) ที่สามารถไปตรวจสอบได้ที่ห้องทำงานของตาแก่ฟิลช์ เขากล่าวนานอยู่พอตัวจนจงอินที่หิวมากๆถึงกับโอดครวญ และเมื่อเขาพูดจบอาหารและเครื่องดื่มมากมายหลายชนิดก็ปรากฎขึ้นบนจานทองเหลือง เซฮุนรู้สึกหิวและตาลายขึ้นมาทันที เขามองไปที่จงอินและรู้สึกชื่นชมเขาเป็นอย่างมากที่สามารถคว้าน่องไก่มาได้ถึงสามน่องในเวลาเสี้ยววินาทีที่อาหารโผล่ออกมา
เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของทุกคนในห้องโถงดังมากจนแทบไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร เมื่อของคาวหมดก็ตามมาด้วยของหวาน เซฮุนและจงอินตักพุดดิ้งมาวางที่จานของตน
“ ได้ข่าวว่าวันนี้ทีเรื่องมานี่พวกนาย ” นักเรียนปีเดียวกับทั้งสามคนที่ชื่อออสตินพูดขณะที่กำลังเคี้ยวเนื้อเบอร์รี่ในไอศกรีมอยู่ และนั่นมันทำให้คนที่อยู่รอบข้างเงยหน้าขึ้นมามอง
ชานยอล เซฮุน และจงอินหันมามองหน้ากัน “ นายรู้ได้ไงเนี่ย ? ” จงอินถาม
“ เราจะไม่รู้ได้ยังไงกัน ก็พวกนายเล่นคุยกันเสียงดังขนาดนั้น น่าจะได้ยินราวห้าไมล์ได้ ” เพื่อนอีกคนที่ชื่อหยางฟานบอก
“ ก็เรื่องเดิมๆนั่นแหละ อย่าไปสนใจคนพวกนั้นให้รกสมองเลย ” ชานยอลพูด
“ ฉันว่านายควรจะต่อยพวกมันสักทีสองทีนะจงอิน เผื่อพวกนั้นจะสงบปากสงบคำกันเป็นบ้าง ”
“ ฉันว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้นนะหยางฟาน ” เซฮุนพูดขึ้นมา “ นายคงไม่อยากให้พวกเราถูกตัดแต้มจนคะแนนติดลบใช่ไหม ? ”
“ ใช่ๆ นายก็รู้ว่าพรีเฟคสลิธีรินที่ชื่อจุนมยอนนั่นเข้าข้างลู่หานจะตาย ” จงอินเสริม “ หมอนั่นน่ะหูไวจะตาย ตัวจุ้นจ้านที่หนึ่งเลย ”
ในขณะที่พวกเขายังพูดไม่ทันจบศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ลุกขึ้นอีกครั้ง จานอาหารทองเหลืองกลับไปว่าเปล่าอีกหน (‘ เห้ย ! ฉันยังไม่ได้กินเค้กฟักทองเลยนะเว้ย ! ’ จงอินร้อง) เขากล่าวย้ำกฎระเบียบต่างๆอีกหนโดยมีสีหน้าเซ็งกะบวยของจงอินเป็นออฟชั่นเสริม จากนั้นเหล่าพรีเฟค (รวมถึงชานยอล) ก็ลุกขึ้นเรียกเด็กนักเรียนในแต่ละบ้านให้ตามพวกเขาไปที่หอนักเรียน พวกเขาเดินขึ้นบันไดไปถึงรูปภาพของสุภาพสตรีอ้วน “ รหัสผ่าน ” เธอถาม
“ ฮิปโปกริฟฟ์สีเทาล้วนไม่น่ารักเท่าฮิปโปกริฟฟ์สีชมพู ” ชานยอลตอบ เอาเป็นว่าทุกคนสามารถรู้ได้ว่านี่คือรหัสผ่านเข้าหอกริฟฟินดอร์แม้มันจะดูแปลกประหลาดหรือพิศดารเพียงใด จากนั้นรูปภาพก็เหวี่ยงออกเผยให้เห็นทางเข้าหอ พวกเขาปีนผ่านช่องเข้าไปและพบกับห้องนั่งเล่นรวม จงอินหาวและเดินกอดคอเซฮุนกับชานยอลที่ปฏิบัติหน้าที่เพอร์เฟคพรีเฟคเรียบร้อยแล้วขึ้นไปบนหอนอนชาย พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ทันทีที่ศรีษะของจงอินสัมผัสหมอนเขาก็หลับไปทันทีราวกับว่ามีคนปิดสวิตช์เขา ชานยอลยักไหล่แล้วล้มตัวลงไปนอนอีกคน เซฮุนถอนหายใจและเสยเส้นผมสีน้ำตาลโอ๊กของเขาขึ้นพลางนึกถึงคนที่เข้ามาหาเรื่องเพื่อนของเขาบนรถไฟด่วนฮอกวอตส์เอ็กซ์เพรส เซฮุนสะบัดหัวเพื่อไล่หมอนั่นออกไปและล้มตัวลงนอน ฉันไม่ได้สนใจหมอนั่นสักหน่อย สิ่งที่ฉันสนใจคือหนังสือและเพื่อนของฉันกับควิชดิชเท่านั้น เซฮุนคิดในขณะที่กำลังพลิกตัวนอนตะแคงและหลับตาลง
.เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าไม่มีวันรู้ถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์เสียหรอก.
L E G I L I M E N S .
TALK
กราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกคนค่ะ._. หลังจาก #เด็กวิทย์ฮฮ เกิดอาการตันอย่างรุนแรงและอาการติ่งแฮร์เดรของเรามันปะทุ มันจึงเป็นต้นกำเนิดฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา .โค้ง.
ฝากซัพพอร์ตเรื่องนี้ ได้โปรดรับมันไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ <3 #legilimenshh
ความคิดเห็น