ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short Fiction]::TS&AF::

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF HKS] : เธอมีเวลาฟังแค่ไหน

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 55


     [ShortFiction HKS] : เธอมีเวลาฟังแค่ไหน

    *คำเตือน* 
    ฟิคนี้เกิดจากอาการเวิ่นและฟินของไรท์เตอร์เพราะโมเมนต์ฮั่นแกงส้มมาทำร้ายไรท์เตอร์จนต่อมห้ามจิ้นแตกกระจายหลังจากติดตั้งต่อมห้ามจิ้นมานานถึง2ปี ทำเอาไรท์เตอร์ต้องรีบหาดูคู่จิ้นอื่นๆอาทิ เต๋าคชา ต้นเจมส์ โน่ริท แคนสต๊อป ฯลฯ เพื่อสนองความต้องการตัวเอง เพราะฉะนั้นโปรดทำใจถ้ามันจะมันจะผสมปนเประหว่างเดอะสตาร์กับเอเอฟ เพราะพวกแกนั้นแหละฮั่นแกงส้ม! มาซ่อมต่อมห้ามจิ้นตูเลย!! ฮว๊ากกกกกกกกกกกกก!!!
    *จบคำเตือน*
    ------------------------------------------------

    --------------------------------------------------------------------------------
    KS Part

                    “พี่ฮั่น แกงมีเรื่องจะพูด…”

            “โทษนะแกงส้ม พี่ต้องทำงานแล้ว แค่นี้นะ ตู๊ดๆๆๆๆๆ”

                    เสียงการตัดสายดังขึ้นแต่กลับทำให้หัวใของผมเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ผมค่อยๆลดมือถือของตัวเองลงก่อนจะปล่อยให้น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาเป็นสายที่ริมระเบียงท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่เขามักจะบอกว่ายุ่งกับงานเสมอ ทั้งที่เมื่อก่อนก็คุยกันได้เสมอไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม
                    หลายคนคงสงสัยสินะครับว่าผมคือใคร มายืนเศร้าเล่นเอ็มวีอะไรริมระเบียงคอนโดนี้ ขอแนะนำตัวก่อนเลยแล้วกัน ผม แกงส้ม ธนทัต ชัยอรรถ เด็กหนุ่มอายุ20ปีที่หน้าตาดีที่สุดในสามโลกครับ (ไรท์เตอร์: แหวะ!)มาแหวะอะไรครับไอไรท์เตอร์ ที่ผมพูดมานี้ความจริง ใช่มั้ยครับรีดเดอร์ทุกคน (ไรท์เตอร์: ไม่จริง!!//โดนKSFCกระทืบจมดิน) อย่าไปสนใจไอไรท์เตอร์เลยครับ มาสนใจผมดีกว่าเนอะทุกคน
                    เล่าถึงไหนแล้วนะ? ...อ้อ! สาเหตุที่ผมมายืนน้ำตาตกแบบนี้นะหรอครับ ก็แค่โดนคนที่ผมแอบชอบตัดสาย….อีกครั้งไงครับ ใช่แล้วครับ ฮั่น อิสริยะ ภัทรมานพ พี่ชายที่ผมแอบชอบมานาน ผมกับพี่ฮั่นรู้จักกันตั้งแต่เล็ก พี่เขาเป็นคนดีมากๆครับ คอยดูแลผมเสมอทุกเรื่องเหมือนกับผมเป็นน้องแท้ๆคนหนึ่งเลย จนตอนไหนไม่รู้ที่ผมเริ่มรู้สึกว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่ฮั่นมันมากเกินคำว่าพี่น้องไป

                    พอผมโตขึ้นจนเข้าเรียนมหาลัยได้ ผมก็ขอย้ายมาอยู่กับพี่ฮั่นที่คอนโดพี่แกด้วยเหตุผลที่ผมอ้างว่าใกล้มหาลัย ทั้งที่ความจริงแล้วผมอยากอยู่ใกล้ๆพี่ฮั่นแค่นั้นเอง เราคุยกันได้ทุกเรื่องเสมอ จนกระทั่งช่วงหลังๆมานี้ที่พี่ฮั่นดูจะยุ่งมากจนไม่มีเวลามาสนใจผม บางครั้งก็ไม่กลับมาที่ห้องเป็นวันสองวันก็มี การพูดคุยระหว่างเราเริ่มน้อยลงเรื่อยๆจนกลายเป็นว่าวันหนึ่งเราพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ในช่วงแรกๆผมก็ยังพอทำใจได้นะ แต่พอไม่ได้คุยกันนานๆเข้า ผมก็รู้สึกทรมานมาก ไม่อยากให้พี่เขาทำแบบนี้เลย โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกพี่เขาเหลือเกิน ก่อนที่ผมจะไม่ได้มีโอกาสบอกแกอีกแล้ว

                    ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเช็ดน้ำตาลวกๆก่อนจะกดเบอร์โทรไปหาเพื่อนรักของผม ไหนๆก็ไหนๆไปกินเหล้าย้อมใจหน่อยแล้วกัน

    เสียงรอสายโทรศัพท์ดังขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่เสียงของหญิงสาว “โย่ว! ว่าไงเคเอส สบายดีมั้ย”

                    “โย่วสต๊อป ไม่ค่อยสบายดีเท่าไหร่ โดมกับเฟรมอยู่กับแกมั้ยเนี๊ย?” เคเอสนี้ชื่อย่อของผมเองครับ ส่วนปลายสายนั้นสต๊อป หนึ่งในเพื่อนสนิทของผม

                    “อยู่หมดละจ๊ะ เฮ้ย! หมูพริ้ว ร๊อคคิดตี้ แกงส้มถามหา” เสียงกุกกักดังขึ้นก่อนที่เสียงของชายหนุ่มและหญิงสาวอีกคนจะดังขึ้นพร้อมกัน “ไงวะแกง/ไงไอส้ม” 

    “เหนื่อยวะ ออกไปกินเหล้าย้อมใจเป็นเพื่อนแกงส้มคนนี้หน่อยได้มะ?”

                    “เฮ้อ เรื่องเดิมอีกละสิท่า เออๆ ไว้เจอกันร้านเดิมนะไอแกง”

    “ขอบใจมากนะเว้ย!”

                    “ไม่เป็นไรๆ เพื่อนในแก๊งเด็กฟิวมีปัญหาก็ต้องช่วยสิวะ”

    “อื้อ ไว้เจอกันตอน3ทุ่มนะ”ผมนัดแนะกับอีกฝ่ายก่อนจะตัดสายไป สามคนที่เพิ่งเอ่ยถึงคือโดม เฟรม สต๊อปนี้เป็นเพื่อนในแก๊งเด็กฟิวทั้ง5คนครับ ความจริงแล้วมีน้องสมายด์อีกคนน แต่แกยังเด็กอยู่ อย่าให้มากินเหล้าเลยดีกว่าเนอะ ชื่อแของพวกเรานี้มันมีที่มาจากการที่พวกเราเคยไปฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิตบ่อยๆ ผมเคยสอนร้องเพลงที่นั้น ส่วนอีกสี่คนเรียนอยู่แถวนั้นอยู่แล้ว เราห้าคนมักจะเจอกันบ่อยมากจนสนิทกัน เรียกว่าความลับเนี๊ยไม่มีระหว่างเราครับ เพราะงั้นพวกเขาก็เลยรู้เรื่องที่ผมแอบชอบพี่ของตัวเองอยู่และยังช่วปลอบผมด้วย

                    ว่าแล้วก็ขอแต่งตัวเตรียมไปกินเหล้าก็แล้วกันนะครับทุกคน
    .
    .
    .
    .

    ณ ร้านHKS

                    “นี้แกได้บอกพี่ฮั่นของแกไปยังวะเรื่องนั้นนะ”เฟรม สาวผิวขาวดั่งหลอดนีออนถามผมที่กำลังนั่งเทเหล้าแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ว เฟรมเป็นคนเปิ่นๆเล็กน้อยครับ บางครั้งก็ทำกุนเชียงตกใส่หน้าอาจารย์บ้าง ลื่นล้มทั้งที่มันไม่มีอะไรบ้าง แต่มันเนี๊ยโคตรชอบเพลงร๊อคมาก เลยได้ฉายาไปว่าร๊อคคิตตี้ 

                    ผมได้แต่ส่ายหน้าก่อจะดื่มเหล้าจนหมดแก้ว “ยังวะ หน้างี้แทบไม่ได้เจอกันเลย พอจะโทรบอก พี่ฮั่นก็อ้างว่าติดงานๆแล้ววางสายไปเฉยเลย”

                    “เฮ้ย! นี้แกพูดจริงหรอวะ! พรุ่งนี้ตอนเย็นแกก็ต้องบินไปเรียนต่างประเทศแล้วนะ!” โดม เพื่อนร่างอวบเอ่ยอย่างไม่เชื่อหูพร้อมกับคว้าแก้วของผมไป….เติมน้ำแข็งเพิ่มให้ ส่วนนี้โดม ลูกแม่โดมเด็กธรรมศาตร์ครับ เห็นอ้วนๆอย่างงี้มันเป็นถึงหัวหน้าชุมนุมFolk Songเชียวนะครับ เสียงโคตรดี แถมเต้นพริ้วด้วย เพราะงั้นผมกับสต๊อปเลยให้ฉายาว่าหมูพริ้วครับ

                    “ก็มันหาโอกาสบอกไม่ได้เลยนะสิ พี่แกแทบไม่มีเวลาให้เลย” ใช่แล้วครับ ผมกำลังจะไปเรียนที่อังกฤษเพราะสอบได้ทุนไปเรียนจนจบปริญญาตรี ผมกะจะบอกพี่อั่นเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว แต่แกก็ไม่ว่างเลย

                    “คงคิดถึงแกแย่วะ สองปีเนี๊ย”โดมหัวเราะก่อนจะส่งแก้วคืนให้ผม “งั้นวันนี้เดี๋ยวหมูพริ้วจะเต้นส่งท้ายดีมะ? ^o^”
    “อย่าเชียวนะไอโดม ขอร้องเถอะ ชั้นไม่อยากเห็นพุงแกกระเพื่อม = =’ ”อันนี้เฟรมพูดครับ

    “อะไรอะเฟรม ไม่รู้ละ หมูพริ้วงอน =3=”หน้าไอโดมตอนทำปากจู๋นี้ฮามากครับ ทำเอาผมกับเพื่อนฮาแทบตกเห้าอี้เลยทีเดียว

                    “เฮ้อ ถามจริงนะแกง แกไม่คิดจะตัดใจจากพี่เขาหรอวะ”สต๊อปเอ่ยถามหลังจากพวกเราหยุดหัวเราะแล้วพร้อมกับจ้องมาที่ผม คำถามนี้เล่นเอาผมจุกเลย ก็คนมันรักมาก รักมานาน จะให้ตัดใจง่ายๆนะมันทำไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่พูดหรอกนะ ผมไม่อยากจะลืมมัน ความรู้สึกดีๆที่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ฮั่น ได้เห็นรอยยิ้มของเขา ได้เจอหน้า ได้ยินเสียง ทุกอย่างทำให้ผมไม่สามารถตัดใจจากพี่ชายคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

                    “แกง…..แกงไม่รู้วะ สต๊อป แกงรู้แค่ว่าแกงคงทนไม่ได้ ถ้าต้องขาดเขาไปนะ”แค่นึกถึงน้ำใสๆก็ทำท่าจะไหลออกมาจากตาอีกครั้ง สต๊อปมองผมก่อนจะตบบ่าด้วยความเข้าใจ

    “เฮ้อ เรื่องแกนี้เหมือนเพลงของพี่ชั้นจริงๆเลยวะไอแกง”

                    “เพลง? เพลงของพี่ต้นนะหรอ?” พี่ต้นเป็นพี่ของสต๊อปครับ แกเป็นแชมป์จากการประกวดร้องเพลงเอเอฟซีซั่นแปด ผมเคยเจอพี่แกนะ ก็เป็นคนที่ดีเหมือนกัน แต่ก็สมชื่ออัลบั้มของพวกพี่ๆเอเอฟแกนะครับ ‘ร้ายกาจ’ไม่เบาเลย โดยเฉพาะเรื่องชงเนี๊ย ชงได้ชงดี ชงทุกคู่จนผมว่าไปเปิดร้านกาแฟคู่กับพี่แก้มเดอะสตาร์ได้เลยละครับ =v=’

                    “เออสิวะ เพลง ‘เธอมีเวลาฟังแค่ไหน’เนี๊ย เหมือนมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก” สต๊อปลากเสียงซะจนโดมและเฟรมหัวเราะ 

                    “เยอะนะ เดี๋ยวบอกแคนซะหรอกว่าแอบหนีเที่ยว” แคนนี้แฟนสต๊อปครับ ไม่อยากบอกว่าเหมือนกิ่งทองใบหยกมากคู่นี้

                    “ไอแกงงงงงงงงงงงงง”สต๊อปมองผมตาขวางแล้วครับ ผมได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะมองไปรอบๆร้าน ทันใดนั้นสายตาของผมก็ไปสะดุดที่ร่างสูงร่างหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมสาวสวยอีกคน มันคงไม่มีอะไรถ้าเขาไม่ใช่คนที่ผมรู้จักดี และเป็นคนที่ผมแอบรักมานาน


    “…พี่ฮั่น”ผมเอ่ยเสียงแผ่วเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ที่คอของผม แต่เพื่อนๆทั้งสามคนก็ยังได้ยินและหันไปทางที่ผมมองทันที ใช่แล้ว พี่ฮั่นกำลังเดินหาที่นั่งโดยจับมือหญิงสาวผมบลอนด์อีกคนไว้ เมื่อเจอโต๊ะว่างทั้งสองก็นั่งลงแล้วสั่งเครื่องดื่มมาทาน โดยที่พี่ฮั่นนั่งหันหน้ามาทางผมขณะที่ผู้หญิงนั้นนั่งหันหลังให้ ทั้งสองนั่งพูดคุยกันเรื่อยๆ บางครั้งพี่ฮั่นก็ยิ้มและหัวเราะระหว่างพูดคุยกับหญิงสาวคนนั้น ทันใดนั้นหญิงสาวก็โน้มตัวเข้าหาชายหนุ่ม ครู่หนึ่งก็โน้มตัวออกมาโดยที่พี่อั่นนั้นยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับผู้หญิงที่หัวเราะคิกคัก แต่ภาพที่ผมเห็นนั้นทำให้หัวใจของผมแหลกสลายจนแหลกละเอียด

    พี่ฮั่นจูบผู้หญิงคนนั้น 

                    น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาผมอย่างห้ามไม่ได้ นี้นะหรอ งานที่พี่บอกว่ากำลังทำ งานของพี่คือการพาแฟนมาเที่ยวสินะ แล้วก็คงไปต่อที่บ้านผู้หญิงละสิ ทำไมพี่ถึงโกหกผม ทำไม ทำไมกัน

                    “แกงส้ม!”โดมหันมาหาผมก่อนจะตะโกนอย่างตกใจเมื่อเห็นน้ำตาของผมก่อนที่มันจะจับผมไปกอดจนผมไม่สามารถมองเห็นพี่ฮั่นได้ 

                    “ปล่อยกูไอโดม! ฮึก!”ผมพยายามดิ้นแต่ร่างอวบส่ายหน้าพร้อมกับจับหน้าผมซุกเข้าที่ไหล่มัน  “ไม่ต้องหันไปเลย กูรู้ว่าถ้ามึงมองมึงจะยิ่งเจ็บ มึงเจ็บพวกกูก็เจ็บนะไอแกง” น้ำเสียงของไอโดมแสดงถึงความห่วงใยของมันและอารมณ์ของมัน มันคงกำลังพยายามกลั้นน้ำตาอยู่ เฉกเช่นเดียวกับเฟรมและสต๊อปที่ลูบหัวและบีบไหล่ผมเพื่อให้กำลังใจทั้งที่ตัวสั่นขนาดนั้น แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น ขอแค่ได้หายไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก็พอ ไม่อยากจะเห็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

                    “ฮึก! พากู…….ออกไปที ฮึก!” ผมบอกโดมเฟรมและสต๊อปด้วยน้ำเสียงที่แหบพร้า ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะประคองผมให้เดินออกจากร้านนั้น

     .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

                    ผมกลับมาที่คอนโดยามบ่ายเพื่อเก็บของเตรียมไปต่างประเทศโดยมีโดมมาส่งผมเพราะเมื่อคืนนี้ไปค้างที่หอมัน ผมค่อยๆพาร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการร้องไห้ทั้งคืนเดินเข้าลิฟต์ก่อนจะมาหยุดมองหน้าห้องหมายเลข8028 ห้องของผมและพี่ฮั่น….ไม่สิ ต่อจากนี้ไปคงเป็นห้องของพี่ฮั่นคนเดียวแล้ว

    แกร๊ก!

                    ประตูสีน้ำตาลถูกเปิดออกเผยให้เห็นสภาพห้องที่ยังเหมือนเดิม ผมมองไปรอบๆเพื่อซึมซับบบรรยากาศที่จากนี้ไปคงไม่มีอีกต่อไปแล้ว มันคงไม่มีการแกล้งกันยามเช้าที่ห้องครัวอีกต่อไปแล้ว…




    “แกงส้มมมมมม ทำอะไรให้พี่กินหน่อยสิ”ร่างสูงเข้าประชิดผมที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่แบบไม่ทันตั้งตัว
                    “เฮ้ย! พีฮั่น! พี่เล่นอะไรอะ!!” ใบหน้าของพี่อั่นอยู่ใกล้ผมมากจนรุ้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ผมว่าหน้าผมตอนนี้คงแดงสุดๆไปแล้ว พี่ฮั่นยิ้มจนตาหยีก่อนจะโน้มตัวลงมาที่ข้างหูผม
    “แกล้งแกงส้มสนุกดีอะ”พูดจบก็เดินหลั่นล้าออกไป ทิ้งให้ผมช๊อกกับประโยคเมื่อครู่พร้อมกับใบหน้าแดงแปร๊ด
                    “พี่อ๊าาาาาาาา!!!!!!!!!!!” 


    …คงไม่มีคนที่เล่นกีตาร์ให้ผมร้องเพลงยามเหงาอีกแล้ว…


                    “เหงารึไงหะไอแกง มานั่งมองท้องฟ้าแบบนี้นะ” พี่ฮั่นเดินออกมาริมระเบียงที่ตอนนี้ผมนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่ ผมพยักหน้าโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย ครู่หนึ่งเสียงกีตาร์ก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของผมให้หันกลับไปมอง
                    “มาร้องเพลงแก้เหงากับพี่มั้ย?” รอยยิ้มนั้นทำเอาผมแทบอยากละลาย แต่เพราะผมไม่ใช่น้ำแข็ง เลยได้แต่พยักหน้าก่อนจะร้องเพลงคลอไปกับกีตาร์ที่พี่ฮั่นเล่นทั้งคืนจนเช้า จนผมโดนอาจารย์เอ็ดเพราะไปหลับในคาบแก




    …คงไม่มีคนที่ยอมเป็นหมอนข้างให้เขาอีกแล้ว…




                    “พี่ฮั่น แกงนอนไม่หลับอะ”ผมสะกิดพี่ฮั่นที่นอนข้างๆผม วันนี้เป็นคืนแรกที่ผมมาอยู่กับพี่ฮั่นโดยที่เรานั้นนอนเตียงเดียวกัน พี่แกหันมาทำตาปรือๆก่อนจะตอบกลับมา
    “ทำไมวะ?”
                    “ติดหมอนข้าง ไม่กอดแล้วไม่หลับ”ผมยิ้มแห้งๆกลับไป พี่ฮั่นถอนหายใจก่อนจะจับมือผมไปโอบตัวแก
    “เฮ้ย! พี่ทำอะไรอะ O///O”
                    “ก็แกงติดหมอนข้าง พี่ก็จะเป็นหมอนข้างให้ไง”พี่อั่นตอบก่อนจะหลับตาลง “นอนได้แล้ว”




    ….และยังมีอีกเรื่องราวต่างๆมากมายที่ผมเคยได้ทำร่วมกับพี่ฮั่น แต่หลังจากนี้คงไม่มีแล้วสินะ





    ผมเดินผ่านวิทยุที่ผมและพี่ฮั่นเคยแย่งกันกดเปิดช่องเพลง บางอย่างบัลดลใจให้ผมเปิดมันขึ้นขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือเก็บของของผม 


    มีคำเป็นพันที่เก็บไว้   มีความในใจไว้ให้เธอ เก็บมันมานานรอแค่เพียงวันเวลา วันที่เธอ จะรับรู้มัน


    เพลงอันคุ้นหูดังขึ้นทำให้ผมหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง มันคือเพลงของพี่ต้นนั้นเอง พลันนั้นผมก็นึกถึงคำพูดของสต๊อปเมื่อคืน

    “เฮ้อ เรื่องแกนี้เหมือนเพลงของพี่ชั้นจริงๆเลยวะไอแกง”



    ฉันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ที่ฉันจะได้พูดคำเหล่านั้น คำที่บรรยายร้อยเรื่องราววันดีๆ ที่เรามี กันและกัน




    นั้นสินะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พูดออกไปซักที คำๆนั้นที่เก็บไว้มานาน


    อยากจะระบายให้เธอรู้ ให้เธอได้ยินคำเหล่านั้น ให้เธอมองตา ให้ได้ฟังคำยืนยัน ว่านี่คือใจของฉันที่ให้เธอ




    แต่พี่คงไม่อยากได้ยินหรอกมั้ง พี่ฮั่น คำๆนี้นะ เพราะพี่ไม่เคยมีเวลาจะฟังเลย




    แต่เธอมีเวลาฟังแค่ใหน เรื่องราวความในใจที่ล้นเอ่อ ว่าเธอ และเธอเท่านั้น ได้ใจของฉัน ตั้งแต่แรกเจอ




    แหมะ! แหมะ!

    หยดน้ำตาที่น่าจะเหือดแห้งไปแล้วค่อยๆหยดลงบนเสื้อในมือของผม มันคือเสื้อตัวโปรดที่ผมชอบเพราะมันเป็นเสื้อคู่กับเสื้อของพี่ฮั่นอีกตัว ผมกอดมันแน่นพร้อมกับสะอื้นไห้อีกครั้ง



    แต่เรามีเวลาเพียงแค่นี้ อาจไม่พอให้พูดอะไรให้โดนใจของเธอ
    หากเธอ ไม่มีเวลา จะอยู่กันนานๆ ก็อยากจะบอกสั้นๆ ว่าฉันนั้นรักเธอ


    เวลาของผมมันกำลังจะหมดลงแล้ว ผมคงทำได้แค่นี้สินะ แม้แต่บอกรักพี่แบบในเพลงยังทำไม่ได้เลย




                    ผมค่อยๆวางเสื้อตัวนั้นลงในกระเป๋าเดินทาง ดวงตาของผมจ้องไปยังโต๊ะทำงานที่มีรูปผมกับพี่ฮั่นถ่ายคู่กัน ภาพนี้เพื่นพี่ฮั่นถ่ายให้เราโดยที่พี่ฮั่นเป็นเจ้าของ ผมเดินไปหยิบภาพนั้นมามองด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเหลือบเห็นปากกาและกระดาษวางทิ้งไว้บนโต๊ะ 

                    พลันนั้นความคิดบางอย่างก็ไหลเข้าสู่สมองของผม ผมจับปากกานั้นก่อนจะเริ่มเขียนบางอย่างลงไป ขณะที่เขียนน้ำตาบนใบหน้าที่หยดลงบนกระดาษนั้นและเหือดแห้งไปราวกับความรักของผมที่คงไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะเห็น เมื่อเขียนเสร็จผมก็ถือมันไปวางบนโต๊ะทำงานของผมพร้อมกับถอดแหวนวงโปรดของผมวางทับไว้กับกุญแจห้อง ก่อนจะหยิบภาพนั้นเก็บลงกระเป๋าเดินทางแล้วเอ่ยเบาๆ

    “ถือว่าแลกกันนะครับ พี่ฮั่น”

                    ผมลากกระเป๋าเดินทางออกมาก่อนจะหันไปมองห้องนั้นเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับเอ่ยคำๆหนึ่ง ที่คงไม่มีทางไปถึงอีกคนที่ผมคิดถึงได้แน่ๆ


    “ลาก่อนครับพี่ แกงรักพี่ฮั่นนะ”

    -------------
    Hunz Part

                    “ขอบคุณมากนะฮั่น เพราะโปรเจคที่แกพยายามทำมาหลายเดือนนี้แท้ๆ บริษัทของเราถึงได้เติบโตขนาดนี้”
    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับท่านประธาน ผมแค่พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง”ผมยิ้มรับคำชมของพ่อ…ไม่สิ ประธานบริษัทพร้อมกับโค้งให้ 

                    อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจก่อนจะเอ่ยต่อ “ไม่ต้องมาเรียกพ่อว่าท่านประธานเลย ยังไงก็ขอบคุณจริงๆนะที่เมื่อคืนดูแลแคทเทอรีนนะ เจ้าหลานสาวนั้นบ่นอยากลองเข้าผับเข้าบาร์ในไทยมานานละ”

    “ก็พ่อสั่งมานี้ครับผมจะขัดได้ไงละ”

                    “เอาเถอะๆ ดึกขนาดนี้แกจะไปไหนก็ไปได้แล้ว อุดอู้อยู่ในบริษัทมานาน กลับไปห้องแกไป เปลืองไฟที่นี้ชะมัดเวลาแกมานอนค้างเนี้ย”พ่อผมพูดก่อนจะโบกมือไล่ก่อนจะยักคิ้วใส่ “มีคนที่อยากมอบของชิ้นนั้นไม่ใช่รึไง”

                    ผมยิ้มให้พ่อก่อนจะบอกลาแล้วเดินออกมาจากห้องประธาน ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวหน่อยแล้วกันครับ ผม ฮั่น อิสริยะ ภัทรมานพ นักธุรกิจไฟแรงลูกชายเจ้าของบริษัทภัทรมานพครับ ตอนนี้ผมกำลังมีความสุขมากที่ในที่สุดโปรเจค HHH ของผมก็สำเร็จซะที หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งกับมันมาหลายเดือน หลายครั้งเลยที่ผมต้องมานอนค้างที่บริษัทเพื่อทำไอโปรเจคนี้ให้สำเร็จ ซึงผลที่ออกมาก็นับว่าคุ้มค่าครับ เพราะตอนนี้ชื่อเสียงของบริษัทเรากำลังโด่งดังมาก มันคือเป้าหมายของผม ทำให้บริษัทของครอบครัวขยายใหญ่ เพื่อความมั่นคงของเขา
    ส่วนแคทเทอรีนที่พ่อพูดถึงนะหรอครับ นั้นลูกพี่ลูกน้องผมเองละครับ อายุพอๆกัน แกเรียนอยู่ที่อังกฤษนู้น พอมาไทยก็เลยอยากลองไปเข้าผับเข้าบาร์ดูบ้าง ด้วยความที่โปรเจ็คนั้นเสร็จแล้ว ผมเลยอาสาพาเธอออกไปให้แทนพ่อที่กำลังยุ่งเมื่อวาน แต่เมื่อคืนสงสัยเมามากไปหน่อย เลยจุ๊บแก้มผมซะงั้น ดีนะที่ไม่จูบผม เพราะจูบผมเนี๊ย เก็บเอาไว้ให้คนสำคัญคนเดียวเลยครับ

                    พูดถึงคนสำคัญหรอ ผมไม่บอกได้มั้ยอะ เก๊าอายยยย >///3///< (ไรท์เตอร์: แอ๊บแบ๊วไม่เหมาะกับหน้าเลยนะพี่ฮั่น//โดนHFCจับมัดเผาทั้งเป็น) โห ไรท์เตอร์ใจร้าย เวลาแอ๊บแบ๊วผมออกจะน่ารัก ใช่มั้ยครับ >o< (HFC: ใช่!!!!!!!!!) นอกเรื่องไปเยอะละกลับมาเรื่องคนสำคัญผมก่อนแล้วกัน ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็นน้องต่างสายเลือดครับ

                    แนะๆ รู้แล้วอะดิ ใช่แล้วครับ แกงส้มนั้นเอง ก็ออกจะน่าทานขนาดนั้นนะครับ ขาวก็ขาว ผิวก็เนียนนุ่ม ปากก็ชมพู ตาก็หวาน ฮว๊ากกกกกก! หมีอยากกินแกงส้มใจจะขาด!!  แต่มันไม่รู้หรอกว่าผมรักมันขนาดไหน ขนาดทำนู้นทำนี้มันยังไม่รู้ตัวเลยครับ คิดว่าผมแกล้งอย่างเดียว แต่ช่วงหลังๆมาเนี๊ยแทบไม่ได้คุยกับมันเลยเพราะงานเยอะ คิดถึงมันแทบบ้านะเนี๊ย แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วครับ แล้ววันนี้ผมก็เตรียมเซอร์ไพรส์แกงส้มสุดด้วยละครับ รับรองว่าแกงส้มตกใจแน่ๆ






                    “แกงส้ม พี่กลับมาแล้วววววววว \( >3<)/” ผมตะโกนพร้อมเมื่อเดินเข้ามาในห้องของตัวเองอย่างอารมณ์ดี ด้วยหวังจะได้ยินเสียงของอีกคนตอบกลับมา แต่ก็ไร้การตอบกลับของแกงส้ม แถมห้องก็มืดสนิท อันที่จริงแล้วปกติตอนนี้แกงส้มต้องนอนดูทีวีที่โซฟานะครับ แต่ทำไมวันนี้ถึงปิดไฟหว่า? หรือว่าหลับไปแล้วนะ?
    ผมเปิดไฟห้องก่อนจะเห็นว่าห้องนั้นเงียบมาก ไร้ซึ่งสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใดๆบนโซฟา ทีวีก็ไม่มีร่องรอยของการเปิดปิดใดๆ “อ้าว? ไม่อยู่ในห้องนั่งเล่นหรอเนี๊ย” 

                    หรือยู่ตรงระเบียงนะ ผมคิดก่อนจะเดินไปเปิดระเบียงห้อง  แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าในยามค่ำคืน ผมเริ่มรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติไป มันเงียบ….เงียบจนวังเวง

                    ผมรีบเดินไปยังห้องนอนที่มืดสนิทก่อนจะเปิดไฟ ด้วยหวังว่าจะได้เห็นร่างบางนอนห่มผ้าอยู่ แต่ก็ต้องพบว่าเตียงนอนนั้นไร้ร่องรอยของการใช้งานแต่อย่างใด ห้องน้ำนั้นก็ปิดไฟมืด

     แกงส้มหายไป

                    ความคิดของผมแล่นเข้ามาทันที ความกลัวเริ่มเข้าครอบคลุมจิตใจผม ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของแกงส้มก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าของเขาหายไปจากตู้เยอะพอควร หัวใจของผมเหมือนมบางอย่างรัดแน่น แกงส้มไปไหน ทำไมเขาเอาเสื้อผ้าไปเยอะขนาดนี้ ผมรีบสำรวจบริเวณโดยรอบก็ไม่พบแม้แต่เงาของแกงส้ม มือก็กดโทรหาแกงส้มตลอด ทว่าเสียงตอบกลับมีเพียงเสียงของหญิงสาวที่บอกว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขนี้ได้

                    “บ้าเอ๊ย! นายอยู่ที่ไหนนะแกงส้ม!” ผมสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปเปิดวิทยุนั้นแล้วนั่งลงอย่างหมดแรงบนโซฟา บทเพลงของชายหนุ่มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืน




    แต่เรามีเวลาเพียงแค่นี้ อาจไม่พอให้พูดอะไรให้โดนใจของเธอ
    หากเธอ ไม่มีเวลา จะอยู่กันนานๆ ก็อยากจะบอกสั้นๆ ว่าฉันนั้นรักเธอ




                    พลันนั้นดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนโต๊ะทำงานของแกงส้ม ผมลุกขึ้นไปดูก่อนจะพบว่ามันคือแหวนฮิปฮอปรูปดาวที่แกงส้มชอบใส่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะพร้อมกับกุญแจห้อง ข้างใต้ของมันคือกระดาษที่เต็มไปด้วยข้อความที่ถูกเขียนโดยลายมืออันคุ้นตา ผมหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาอ่าน




    ถ้าเธอมีเวลาให้เมื่อไร ฉันก็จะพูดคำเหล่านั้น คำที่บรรยายร้อยเรื่องราววันดีๆที่เรามี กันและกัน

    [ถึงพี่ฮั่น]
    [ถ้าพี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ มันแปลว่าแกงคงอยู่ไกลจากที่นี้มากแล้ว แกงมีหลายอย่างอยากจะบอกพี่มากช่วงหลายเดือนนี้ แต่พี่ก็ไม่มีเวลาให้แกงเลยแม้แต่น้อย แกงสอบได้ทุนไปเรียนต่างประเทศด้วยละ พี่ฮั่นคงไม่รู้มั้ง แกงพยายามจะโทรบอกพี่ตั้งหลายครั้ง แต่พี่ก็ไม่ว่างเสมอ พี่รู้มั้ยว่าสต๊อปโดนพี่แคนเฉ่งที่พาสมายด์ไปเที่ยวตอนกลางคืนโดยไม่บอกเขา เจ้าโดมมันแอบมาบอกผมด้วยว่ามันชอบเฟรมเข้าแล้ว แถมบอกให้ผมเก็บเป็นความลับด้วย แต่บอกพี่ก็ได้มั้งมันคงไม่โกรธหรอกมั้ง]

    นิ้วของผมสัมผัสของร่องรอยบางอย่างบนกระดาษระหว่างอ่าน มันเหมือนกับร่องรอยของหยดน้ำที่หยดลงบนกระดาษ แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกเสียใจของคนเขียนจากรอยนั้น

    แกงส้ม….ร้องไห้?

    อยากจะระบายให้เธอรู้ ให้เธอได้ยินคำเหล่านั้น ให้เธอมองตา ให้ได้ฟังคำยืนยัน ว่านี่คือใจของฉันที่ให้เธอ

    [ความจริงแล้วมีเรื่องราวอีกมากมายที่แกงอยากจะเล่าให้พี่ฮั่นฟัง แต่พี่คงไม่มีเวลาฟังแกงหรอก แกงมันก็แค่น้องชายที่ทำตัวน่ารำคาญ คอยรบกวนการทำงานพี่ใช่มั้ยครับ ผมขอโทษถ้าทำให้พี่รู้สึกอย่างงั้น แต่ต่อจากนี้พี่สบายใจได้ แกงจะไม่ก้าวก่ายชีวิตพี่มากไปอีกแล้ว สิ่งที่แกงจะเขียนต่อจากนี้ ขอให้พี่อ่านแล้วลืมมันไปนะครับ ใช้เวลาไม่นาน คงไม่ทำให้พี่เสียเวลามากนะครับ]

    แต่เธอมีเวลาฟังแค่ใหน เรื่องราวความในใจที่ล้นเอ่อ ว่าเธอ และเธอเท่านั้น ได้ใจของฉัน ตั้งแต่แรกเจอ

    [พี่ฮั่นรู้มั้ย ว่ามันทรมานแค่ไหนที่ไม่ได้คุยกับพี่ ไม่ได้เจอหน้าพี่ หัวใจของผมมันแทบจะแหลกละเอียด ผมคิดถึงพี่ คิดถึงรอยยิ้มของพี่ คิดถึงไออุ่นของพี่ ผมคิดถึงพี่มาก สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกพี่ซักครั้ง แม้ว่าพี่จะไม่มีเวลาฟัง]

    แต่เรามีเวลาเพียงแค่นี้ อาจไม่พอให้พูดอะไรให้โดนใจของเธอ
    หากเธอ ไม่มีเวลา จะอยู่กันนานๆ ก็อยากจะบอกสั้นๆ ว่าฉันนั้นรักเธอ

    [แกงส้มรักพี่ฮั่นนะ]

    [ขอเวลาให้แกงซักพัก แล้วแกงจะกลับไปเป็นน้องชายที่ดีของพี่นะครับ]

    [จากคนที่รักพี่เสมอ….แกงส้ม]
    [ปล. ผมขอภาพพี่ฮั่นกับผมไปนะ แลกกับแหวนวงโปรดผม โอเคนะครับ]


                    เหมือนหัวใจถูกฉีกกระชากออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย ผมทรุดลงกับพื้นเมื่ออ่านจดหมายของแกงส้มจบลง ร่างกายเหมือยถูกน้ำหนักจำนวนมหาศาลกดทับไว้จนขยับไม่ได้ พลันนึกถึงโทรศัพท์จากร่างบางที่พยายามจะคุยกับผมหลายครั้งแต่ผมก็ต้องบอกปัดไป ทั้งที่คิดว่ามีเพียงผมเท่านั้นที่เจ็บปวดกับการไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เคยนึกว่าแกงส้มจะเสียใจขนาดนี้ ไม่เคยรู้ว่าแกงส้มนั้นทุกข์ทรมานแค่ไหน จนตอนนี้ ผมรู้ ผมรู้แล้ว แต่ก็สายไป แกงส้มไม่อยู่แล้ว

    แหมะ!

                    หยดน้ำใสๆหยดลงบนรอยคราบน้ำตาของคนเขียนอีกที แต่คราวนี้มันเป็นของผม……คนโง่ที่ไม่เคยมีเวลาฟังเสียงของคนใกล้ตัว…..ที่รักผมมากที่สุด 


    ....จนตอนนี้เมื่อผมอยากจะฟังเสียงนั้น มันกลับไม่มีอีกแล้ว

                    ผมลุกขึ้นเดินโซเซไปที่ระเบียงห้อง ก่อนจะตะโกนออกไปสุดเสียงท่ามกลางความมืดยามราตรี ด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยินคำพูดของเขา



    “พี่ ฮึก! ขอโทษ พี่ขอโทษนะแกง! ฮึก! ขอโทษ! ขอโทษที่ไม่เคยสนใจฟังแกงเลย! พี่รักแกง! แกงได้ยินมั้ย! พี่รักแกง! และจะไม่รักใครนอกจากแกงอีกแล้ว ฮึก! พี่รักแกงส้มนะ!!!!!”

    --------------------------------

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

                    ร่างสูงตะโกนพร่ำขอโทษจนสลบไป ณ ระเบียงห้องนั้น กล่องใส่แหวนตกลงมาจากกระเป๋ากางเกงสู่พื้น เผยให้เห็นแหวนเพชรราคาสูงที่เจ้าตัวซื้อมาเพื่อจะมอบให้แก่คนที่เขารัก ใช่แล้ว ฮั่นตัดสินใจที่จะบอกรักแกงส้มในวันนี้พร้อมกับขอแต่งงานไปด้วย แต่ก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่อยู่ข้างกายอีกต่อไป เป็นเพราะเขามุ่งมั่นที่จะทำเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จ จนลืมนึกถึงคนใกล้ตัวที่เขารักและรักเขา จนมันทำร้ายทั้งฮั่นและแกงส้มโดยไม่รู้ตัว


    บางที…..ถ้าเพียงฮั่นหยุดฟังเสียงของคนใกล้ตัวอย่างแกงส้มบ้าง……

    …บางที…..ถ้าทั้งแกงส้มจะกล้าพูดคำๆนั้นออกไป……

    …บางที…….ทุกอย่างคงจะแตกต่างไปมากกว่านี้…….

    อย่างไรเสียตอนนี้ทุกอย่างคงสายไปแล้ว และแหวนเพชรวงนี้คงจะไม่ถูกใช้ไปอีกนานแสนนาน…………..
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    มั้ง(?)นะ ;)

    EnD(?)
    -----------------------------------------------------

    ช่วงเวิ่นๆกับไรท์เตอร์

    กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่เคารพทุกท่าน

    อย่างที่ได้บอกไป ต่อมห้ามจิ้นของไรท์เตอร์โดนฮั่นแกงทำลายไปอย่างรุนแรง 

    หลังจากอดทนมานานพร้อมท่องว่าตูจะไม่แต่งฟิคจิ้น ตูจะไม่แต่งฟิคจิ้น ตูจะไม่แต่งฟิคจิ้น 

    แต่ในที่สุดแรงจิ้นและฟินก็เอาชนะไรท์เตอร์ได้ T^T

    เพราะงั้นเลยขอประเดิมด้วยคู่ฮั่นแกงก่อนเลย ในฐานะทำเอาไรท์เตอร์กลับมาจิ้นหลังจากหยุดไปสองปี 

    ถามคนอ่านหน่อย ว่าอยากจะได้ตอนต่อของฟิคสั้นตอนนี้มั้ย? หรือให้มันจบแบบนี้ดีหว่า หึหึหึหึหึ //หัวเราะชั่วร้าย

    ลาละครับ พบกันเมื่อฟิคต่อไปแต่งเสร็จ -v-

    -----------------------------------------------------

    ปล. เอฟซีโดม จิ้นแคนสต๊อป ฟินฮั่นแกง เต๋าคชากำเดากระฉูด ต้นเจมส์ฆ่าตูเถอะ!

    -----------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×