ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eccedentesiast

    ลำดับตอนที่ #3 : Say 'Hi' and don't forget to smile

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 64


     

     

    Chapter 3 Say ‘Hi’ and don't forget to smile

     

    ‘เลกซ์ซิงตันไม่ควรมีคุณชายสองคน แต่ควรมีคุณชายน้อยสองคนต่างหาก’

    -Anonymous-

     

    “คุณชายน้อย? ตระกูลเลกซ์ซิงตันไม่ได้มีแค่คุณชายเลกซ์ซิงตันคนเดียวหรอกเหรอครับ”

     

    พ่อบ้านรักษาสีหน้าเป็นมิตรไว้อย่างมั่นคงขณะตอบโดยตาไม่กะพริบและไม่เสียกิริยาใดๆ

    “เป็นคุณชายน้อยที่เพิ่งมาอยู่บ้านตระกูลเลกซ์ซิงตันตอน 5 ขวบน่ะครับ เพียงแต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงจึงไม่ได้ออกไปไหนมากนักครับ”

     

    แล้วทำไมไม่มีใครรู้ข่าวนี้เลย? แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลซึ่งเป็นที่จับตามองอันดับต้นๆขนาดนี้มีความเคลื่อนไหวแล้วปิดข่าวได้อย่างเงียบเชียบ แม้จะดูเป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผลและมีช่องโหว่ที่ดูน่าสงสัยมากมาย  แต่เพราะเป็นเรื่องภายในตระกูลอื่น ลูอิสจึงไม่ได้เอ่ยถามออกไปแม้ว่าในใจจะสงสัยเพียงไรก็ตาม เขาเลือกที่จะถามอีกเรื่องแทน

    “แล้วผมต้องเรียนร่วมกับคุณชายน้อยคนนั้นน่ะเหรอครับ? ไม่ใช่ว่าต้องเป็นคุณชายมิลเลียน….ผู้เลื่องลือคนนั้นหรอกหรือถึงจะคู่ควรที่จะเรียนร่วมกับอัจฉริยะแบบผม

    ประโยคหลังเขาละไว้ในใจด้วยมารยาทอันพึงมีของคุณชายในตระกูลสูงศักดิ์ แม้ว่าเขาจะอดใจไม่ไหวถามซอกแซกเกินพอดีไปหลายครั้งแล้วก็ตาม

     

    “คุณชายมิลเลียนเรียนจบเนื้อหาทั้งหมดตั้งแต่อายุ 15 ครับ หลังจากนั้นท่านก็เริ่มเรียนการบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ปรัชญา การเมืองการปกครอง การเงินและการบัญชี รวมถึงการตลาดและกฎหมายเบื้องต้นครับ ดังนั้นคุณจะได้ศึกษาหลักสูตรขั้นสูงต่อร่วมกับคุณชายน้อยครับ”

     

    เศรษฐศาสตร์? ปรัชญา? บัญชี?

    ลูอิสทำหน้าว่างเปล่า ใบหน้าเล็กๆที่ทำหน้าออกจะงงงวยนั้นชวนให้คนเอ็นดูเสียจริงๆ 

    จบหลักสูตรขั้นสูงตั้งแต่ 15 หลักสูตรขั้นสูงใช้เวลาศึกษาอย่างต่ำ 3 แสดงว่าจบหลักสูตรขั้นต้นตั้งแต่ 12 ?

     

    ตอนนี้ลูอิสที่รู้สึกราวกับถูกเหยียบลงไปบนศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเขา

    ‘คุณชายลูอิสเก่งที่สุดเลยค่ะ’

    ‘คุณชายน้อยเป็นอัจฉริยะอย่าแท้จริง ผมไม่มีอะไรจะสอนเขาแล้วล่ะครับ เชิญอาจารย์ขั้นสูงมาแทนผมดีจะกว่า’

    ‘จะมีคุณชายน้อยตระกูลไหนอีกที่ฉลาดจนเรียนจบหลักสูตรขั้นต้นตั้งแต่ 13 ได้แบบคุณชายหลิวอีก’

     

    แต่ตอนนี้กลับมีคนที่เหนือกว่าเขาเสียอีก ชาติตระกูลที่ทัดเทียมกัน แต่กลับเหนือกว่าเขาไปอีกก้าว 

    แทนที่เขาจะรู้สึกโกรธและอิจฉา ดวงตาสีเขียวมรกตกลับเป็นประกายเล็กๆ ราวกับได้เจอคู่แข่งที่ท้าทาย 

    นี่สิ ถึงจะคู่ควรให้เขาได้ทำความรู้จัก

     แม้จะแอบหมั่นไส้นิดๆก็เถอะ แต่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ

     

    พ่อบ้านวัยกลางคนเห็นร่างน้อยตรงหน้าราวกับจมอยู่ในภวังค์ของตนเองก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ ทั้งรถตกอยู่ภายใต้ความเงียบ มีเพียงเครื่องยนต์เบาๆเท่านั้น

     

    ไม่กี่นาทีต่อมา รถก็หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วสีเหลืองทอง กำแพงสีขาวทอดยาวจนแทบจะมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด แม้ไม่มีใครบอกลูอิสก็รู้ทันทีว่าได้มาถึงคฤหาสน์ตระกูลเลกซ์ซิงตันแล้ว ประตูรั้วค่อยๆอ้าเปิดอัตโนมัติ รถแล่นช้าๆไปตามถนนสีขาวที่ทอดยาวไปยังตัวคฤหาสน์สไตล์วิคตอเรียหลังใหญ่ สองข้างทางเป็นพุ่มไม้เขียวชอุ่มและดอกไม้นานาพรรณที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม สนามหญ้าขนาดใหญ่มีทั้งน้ำพุและไม้ประดับที่ถูกจัดวางอย่างเหมาะและเห็นได้ชัดถึงความเอาใจใส่ยิ่งทำให้ที่นี่ดูราวกับคฤหาสน์ในฝัน

     

    “ยินดีต้อนรับสู่บ้านตระกูลเลกซ์ซิงตันครับ/ค่ะ คุณชายหลิว”

     

    เมื่อลงจากรถก็พบกับเหล่าคนรับใช้นับสิบแต่งกายในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินขาวยืนโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงต้อนรับเขาอยู่ และเมื่อเดินตามการนำทางของพ่อบ้านคนเดิมมายังห้องโถง เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้พบกับมิตรภาพอันแสนล้ำค่าตลอดชีวิตของเขา

     

    ฟึ่บ

     

    กลิ่นหอมๆมาพร้อมกับอ้อมกอดอันนุ่มนิ่ม วงแขนเล็กๆโอบรอบตัวเขาเบาๆและออกจะเก้ๆกังๆเล็กน้อย 

     

    สิ่งเดียวที่เขาเห็นในสายตาคือเรือนผมสีดำสนิทดุจน้ำหมึก

     

    ลูอิสหันรีหันขวางมองรอบๆด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อแบบไม่เหลือมาด ท่านพ่อและท่านแม่กอดเขาไม่บ่อยนัก และเหล่าคนรับใช้ล้วนเกรงกลัวและหลีกเลี่ยงที่จะโดนตัวเขา ลูอิสจึงไม่คุ้นชินกับการสัมผัสคนอื่นเท่าไรนัก

     

    สองแขนของตัวเองราวกับเป็นส่วนเกินขึ้นมา ไม่รู้จะวางไว้ตรงที่ใด จะผลักออกก็กล้าๆกลัวๆ เพราะสิ่งมีชีวิตในอ้อมกอดเขานั้นช่างดูบอบบางด้วยทั้งยังมีส่วนสูงที่อยู่ประมาณปลายจมูกเขาเท่านั้น

     

    นี่คงจะเป็น คุณชายน้อยคนนั้น กระมัง?

     

    ไม่ห่างกันนัก ผู้หญิงผมหยักศกสีบลอนด์ยิ้มกว้างและมองมาที่เขาอย่างไม่ละสายตาด้วยความเอ็นดู ราวกับสายตาที่ท่านแม่ใช้เวลามองเขา ชุดสีชมพูประดับด้วยขนเฟอร์ยิ่งขับให้เธอดูสง่างาม นี่คงจะเป็น คุณนายเลกซ์ซิงตัน

    เธอเหมือนกับที่ท่านแม่บอกทุกประการ สวยสง่า ใบหน้าที่ดูใจดี และรักเอ็นดูเขา ของเล่นส่วนมากล้วนเป็นคุณน้าคนนี้ที่ส่งมาให้ นอกจากนี้ท่านแม่ยังบอกว่าเธอเป็นแม่ทูนหัวของเขาอีกด้วย

     

    และสายตาอีกคู่ที่ไม่ได้ละไปจากเขาเลย…จะพูดให้ถูก น่าจะมองมาที่เด็กน้อยผมดำคนนี้มากกว่า มาจากเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขาผู้มีใบหน้างดงามราวกับตุ๊กตา เรือนผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนและดวงตาคู่นั้นราวกับถอดแม่พิมพ์มาจากมารดาของเขา 

     

    “มิลเลียน เลกซ์ซิงตัน”

    เผลอพูดสิ่งที่คิดในใจออกไปโดยไม่รู้ตัว

     

    เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่ได้ตอบรับ ทว่าเอ่ยสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันแทน

    “ปล่อยได้แล้วมั้งครับ”

    พยักพเยิดมายังอ้อมแขนเขา

     

    ลูอิสก้มมอง แล้วปล่อยมือทันที เมื่อพบว่าสองแขนของเขาโอบกอดร่างน้อยๆเจ้าของกลิ่นหอมไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ 

    เด็กน้อยเจ้าของดวงตาสีดำขลับเงยหน้ามองเขาจากในอ้อมกอด แก้มย้วยที่แนบอยู่กับอกเขาเบียดจนเป็นก้อนกลมๆ ราวกับจ้องมองเขามาสักระยะแล้ว

    แม้เด็กน้อยจะเป็นฝ่ายพุ่งตัวมากอดก่อน แต่การเผลอกอดตอบและไม่ยอมปล่อยนั้นก็ทำให้เขาอดเขินอายไม่ได้ หลังจากคลายอ้อมกอด เด็กตัวนุ่มก็รีบผลุบไปแอบหลังพี่ชายทันทีจนเขาหน้าเหวอ

     

    “คิก คิก”

    คุณนายเลกซ์ซิงตันป้องปากหัวเราะเสียงหวาน

    “เอลลี่เป็นเด็กขี้อายน่ะจ้ะ แต่ที่เขามากอดต้อนรับก็เพราะอยากให้เธอรู้ว่าเขาดีใจมากที่เธอจะมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”

     

    ‘ที่แท้ก็ชื่อเอลลี่นี่เอง’ ตั้งใจจดจำไว้ในใจ

     

    คุณชายเลกซ์ซิงตันคนพี่ถอนหายใจเสียงเบา

    “นั่นก็เพราะแม่ไปหลอกเอลว่านั่นเป็นการแสดงการต้อนรับแบบแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่หรอกเหรอครับ แล้วยังขู่อีกว่าถ้าไม่ทำคุณชายหลิวจะร้องไห้น่ะ”

     

    “แหมๆ คุณชายหลิวอะไรกันล่ะจ้ะมิลลี่ ตั้งแต่วันนี้หนูลูลู่ก็จะมาเป็นสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวเรา สนิทกันไว้ดีกว่าน้า”

    เปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนแล้วหันไปพูดกับลูอิสต่ออย่างอ่อนโยน


     

    ‘ลูลู่?’

    นั่งคงจะหมายถึงเขา 

     

    “หนูลูลู่จ้ะ ไอ ไม่สิ อ้ายฉิง คงบอกแล้วใช่มั้ยจ้ะว่าอ้านฉิงกับน้าเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน”

    อ้ายฉิง หลิวคือชื่อของท่านแม่ ส่วนไอ คือชื่อที่เธอใช้ตอนมาเรียนที่ตะวันตก ที่ที่ได้พบกับคาเรนเป็นครั้งแรก และได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด

     

    “ครับ”

     

    “งั้นขอแนะนำตัวอีกทีนะจ๊ะ น้าชื่อ คาเรน เป็นแม่ทูนหัวของหนู ถ้าหนูเรียกว่าแม่ น้าจะดีใจมากเลยล่ะจ้ะ”

     

    ลูอิสราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เม้มปาก ตัดสินใจไม่พูดออกไป

     

    “ส่วนนี่คือ มิลลี่ พี่คนโต 16 ขวบ และ เอลลี่ 14 ขวบ น้องน้อยขี้อายของบ้านเราจ้ะ ไอบอกมาว่าปีนี้ลูอิสอายุ 15 แล้วสิน้า ดังนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปลูลู่ก็จะมาเป็นพี่รองของครอบครัวเราจ้ะ เย้!”

    มือเรียวกำแล้วแนบเข้ากับแก้มอย่างน่ารัก น้าคาเรนยังสดใสราวกับเป็นวัยรุ่น ช่างไม่เหมือนผู้หญิงที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วเลย ต่างกับท่านแม่ผู้เรียบร้อยของเขาลิบลับ

     

    “ผมชื่อมิลเลียน และนี่เอลครับ”

    มิลเลียนราวกับอายจนทนฟังต่อไปไม่ไหว แต่ก็ไม่อาจจะเอ่ยอะไรขัดใจแม่ของตนเองได้ แก้มขึ้นสีระเรื่อ เดินมาตรงหน้าเขาพร้อมยื่นมือออกมา

     

    เขายื่นมือออกไปจับกระชับแน่น ยิ้มเล็กๆให้ทั้งมิลเลียนและเด็กน้อยที่แอบอยู่ข้างหลัง ดวงตาแฝงแววเห็นอกเห็นใจแทน ไม่มีร่องรอยความไม่ชอบใจอีก

    “ลูอิส จากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”

     

     

     

     


    1 คอมเมนต์ = 1 ล้านกำลังใจ

    ฝากฟีดแบคให้เค้าหน่อยนะคะ จะนำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ

    ฝากลูกชายด้วยนะคะ แกขี้อาย หลอกง่ายด้วยค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×