ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eccedentesiast

    ลำดับตอนที่ #1 : How to get warm when you are freezing

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 64


     

    Chapter 1 How to get warm when you are freezing 

     

    ‘ ก็แค่เย็นขึ้นเรื่อยๆ จนร่างไม่อาจอบอุ่นได้อีก ’

    - Ella -

     

    แหมะ แหมะ 

     

    ซ่า!

     

    เสียงเม็ดฝนตกกระทบลงบนใบหน้าขาวซีด ก่อนจะกระหน่ำเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว ในยามค่ำคืนแบบนี้และฝนที่ตกหนักจนทำให้ทัศนวิสัยพร่ามัว ทำให้ไฟถนนทั้งสองข้างทางเป็นเพียงแค่แสงสลัวๆที่สาดส่องลงบนพื้น ร่างผอมบางนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนนสีดำอันมืดมิดที่ราวกับจะทอดยาวไปในความมืดมิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

     

    เป็นคืนวันศุกร์ที่แสนจะเงียบเหงาผิดวิสัย ด้วยความที่ถนนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถานเริงรมณ์อันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมือง ทุกคืนจะมีรถราวิ่งผ่านไปผ่านมาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่คงไม่ใช่คืนนี้

     

    ร่างที่อยู่บนพื้นหายใจรวยริน อากาศที่หนาวเย็นและสายฝนที่ซัดสาดราวกับมีดเล่มเล็กๆที่เสียบแทงผิวกาย แต่เขาแทบจะไม่มีแรงแล้ว หมดแรงจะก้าวเดิน และไม่แม้แต่จะสามารถตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือได้ มีเพียงแพขนตายาวราวกับพัดที่สั่นไหวน้อยๆยามเขากระพริบตาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผล 

     

    แผลบนหน้าผากที่มีเลือดไหลซึมตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว และถูกน้ำฝนชะล้างรอยเลือดที่อยู่บนใบหน้าออกไปจนหมด เผยให้เห็นดวงหน้าเล็กที่แทบจะไร้สีเลือด ดวงตาสีดำสนิทเช่นเดียวกันเส้นผมไร้ประกายใดๆ เหม่อมองท้องฟ้าที่มืดมิด 

     

    น่าแปลกที่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่เคนเกิดขึ้น หรือความทรงจำที่ดีใดๆเลย แค่คิดว่า

     

    ‘ พื้นนี่เย็นจริงๆ 

     

    เย็นยะเยือก....

     

    เย็นจนร่างกายเริ่มด้านชา


    ความเย็นค่อยๆกัดกร่อนความรู้สึกไปช้าๆ


    ช้า….ช้า

     

    ราวกับว่าหัวใจเต้นช้าลง’

     

    ตึกตัก….ตึก…..ตัก…..ตึก….ตัก


    และก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า

     

    ‘ไม่ว่าจะนอนอยู่ที่พื้นนานเท่าไร….. ก็ไม่อาจทำให้พื้นอุ่นขึ้นได้เลย ‘


     

    กลับกลายเป็นตัวเขาเสียอีก ที่ค่อยๆสูญเสียความอบอุ่นจากร่างกายไปอย่างช้าๆ 

     

    ‘ก็แค่เย็นขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายไม่อาจอบอุ่นได้อีก’


     

    จนแทบจะหมดสิ้น.

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดวงตากลมโตสีดำกระพริบช้าๆ แพขนตายาวทาบทับลงบนแก้มใสกลมยุ้ยก็ชวนให้เอานิ้วไปเขี่ยเล่นเสียเหลือเกิน เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้นระต้นคอแผ่เต็มพื้นหินอ่อน ผมหน้าม้าที่เพิ่งจัดเป็นทรงไปอย่างดีเมื่อเช้าก็เริ่มยุ่งเสียแล้ว แต่เจ้าตัวก็ดูจะไม่ใส่ใจมันนัก เพราะจดจ่อไปกับการจ้องโคมไฟระย้าบนเพดาน 

     

    ริมฝีปากเล็กๆพึมพำตัวเลขบางอย่างไม่หยุด ใบหน้าจริงจังที่ออกจะดูน่ารักเสียมากกว่าสำหรับเด็กวัยนี้ที่จะทำหน้าเคร่งขรึม

     

    " 20…………21………….22…………..23…………..24…….

     

    “ทำอะไรอยู่น่ะ”

     

    เสียงที่ดังขึ้นโดยฉับพลันทำให้เจ้าตัวที่นอนแผ่อยู่บนพื้นสะดุ้งโหยงอย่างตกใจทันที 

     

    หน้ากลมๆหันซ้ายขวามองหาต้นตอของเสียงทั้งๆที่ตัวยังแช่อยู่บนพื้น ก่อนจะเห็นเจ้าของเสียงอ่อนวัยก้าวขายาวๆเข้ามาในห้อง

     

    เด็กหนุ่มผมบลอนด์อ่อนสั้นระต้นคอถูกหวีและจัดแต่งเป็นทรงอย่างเรียบร้อย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจาง บางครั้งยามกระทบแสงก็จะออกเป็นสีทองอร่าม มองมาที่เจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดูระคนอ่อนใจ

     

    “มาเล่นซนอะไรอยู่ตรงนี้อีกล่ะ ฮึ ชอบจริงๆเลยมานอนตรงนี้ทุกวัน”

     

    ปากเล็กยู่ลงเพราะรู้ตัวว่าจะต้องลุกในอีกไม่ช้า

     

    “บอกแล้วไงว่าอย่ามานอนเล่นบนพื้นหินอ่อนน่ะ มันเย็น เดี๋ยวเธอก็ไม่สบายอีก”

     

    คราวนี้ดวงตากลมโตของเด็กน้อยบนพื้นมองอย่างเว้าวอน ทว่าเด็กหนุ่มไม่ใจอ่อน

     

    “ลุกเลย เอล

     

    เด็กน้อยเอลที่ปกติจะลุกขึ้นอย่างว่าง่ายคราวนี้กลับยังไม่ขยับตัว สองมือน้อยๆชูขึ้นเป็นเชิงว่า

    อยากให้ลุกก็มาดึงสิ ไม่ยอมลุกเองหรอกนะ

     

    ที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่มปรากฎรอยยิ้มจาง เขามีความสุขทุกครั้งที่ เอล เด็กน้อยตรงหน้าออกอาการดื้อรั้น หรือ เอาแต่ใจ ซึ่งน้อยครั้งนักที่เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้น

     

    ปกติเอลมักจะทำหน้าตานิ่งเฉย ไม่ยิ้ม ไม่พูดจา ไม่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า แต่อาจเพราะยังเป็นเด็ก ทุกอย่างจึงแสดงออกทางสายตาอย่างซื่อตรง เขาอยากให้เอลทำตัวเป็นเด็กสมอายุมากกว่านี้เสมอ จึงอดจะดีใจไม่ได้ ยามปากน้อยๆนั่นเบะออก หรือดวงตากลมคู่นั้นจ้องเขม็งมา และเผลอตามใจไปเสียทุกคราอย่างอดไม่ได้

    ‘เด็กก็ต้องดื้อบ้าง ซนบ้าง เอาแต่ใจบ้างสิถึงจะสมเป็นเด็ก’

    คิดราวกับลืมไปว่าตัวเองก็โตกว่ากันไปไม่เท่าไหร่ 

     

    “แต่ครั้งนี้ยอมไม่ได้แล้วนะครับเอล ยอมมาหลายครั้งจนเธอป่วยแล้วนะ”

     

    มือเรียวเรียบเนียนอย่างคุณชายน้อยที่ไม่ต้องทำอะไรเองก็มีคนนำมาประเคนให้ทุกอย่างกุมสองมือป้อมแล้วค่อยๆดึงขึ้นอย่างเบามือ 

     

    คราวนี้เด็กน้อยยอมโอนอ่อนแต่โดยดี เรียกรอยยิ้มน้อยๆแต้มบน ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ฉายแววหล่อเหลาแต่เด็ก สองแขนออกแรงดึงเพิ่มขึ้นเพื่ออุ้มเจ้าตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด

     

    “เอ้า ฮึบ!”

     

    สองแขนป้อมของเอลกอดที่คอของคนพี่อย่างคุ้นชิน แก้มย้วยๆซบลงบนบ่าเล็กทว่าอบอุ่น ราวกับทำเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว 
     

    เมื่อมั่นใจว่าอุ้มเอลจนมั่นคงพอแล้วก็สาวเท้ายาวๆหมายจะออกไปจากโถงหินอ่อน ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเด้กน้อยในอ้อมแขนติดใจอะไรโถงหินอ่อนนี่นักจนแวบมานอนได้เสียทุกวัน

     

    “แล้วเมื่อไหร่จะบอกผมได้ล่ะว่ามาทำอะไรที่นี่”

     

    “ก็…”

     

    “ก็อะไร หื้ม”

     

    “ก้ออยากรู้ว่าต้องนอนอยู่บนพื้นนานเท่าไหร่ พื้นเย็นๆถึงจะอุ่นขึ้น”

    เสียงเล็กๆกระซิบบอก

     

    สองร่างหายลับไปจากห้องโถงอันเย็นสบาย แต่ยัยแว่วเสียงทุ้มใสของหนุ่มน้อยตอบก้อนกลมอย่างเอาใจใส่

     

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน…..แต่คงจะนานมากเลยทีเดียว แต่ที่ผมรู้แน่ๆเลยก็คือ ถ้านอนบนพื้นนานไป กว่าจะทำให้พื้นอุ่นขึ้นได้ ความเย็นของพื้นจะทำให้ตัวเธอเย็นจนไม่สบายเอาเสียก่อนน่ะสิ"

     ไม่ยอมให้มานอนเล่นตรงนี้ทุกวันหรอกนะ เดี๋ยวเป็นหวัดไปจะแย่เลย เจ้าตัวเล็กยิ่งสุขภาพไม่ดีอยู่ด้วย

    “จริงเหนอ”

     เสียงเล็กๆหงอยลงทันทีจนคนฟังอดจะใจอ่อนไม่ได้

     

    “อื้อ แต่ถ้าอยากให้อุ่นขึ้นจริงๆล่ะก็ ครั้งหน้าลองมานอนกอดกับมิลก็แล้วกัน….

     

    บทสนทนาของสองเด็กน้อยค่อยๆแผ่วเบาลงจนลอยไปตามสายลม

     

     

     

     

     


    1 คอมเมนต์ = 1 ล้านกำลังใจ

    สัญญาเลยค่ะว่าไม่เทแน่นอน จะเขียนจนจบให้ได้

    ฝากฟีดแบคให้เค้าหน่อยนะคะ จะนำไปปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ

    รบกวนคอมเม้นต์อย่างสุภาพด้วยนะคะ ใจเค้าก้แค่นิ้ รักทุกคนค่ะ ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×