ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มหน้า ใสหัวใจลึกลับ

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกเรื่อง

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 49


    มีเสียงๆ หนึ่งดังออกมาจากห้องของคุณหนู มันฟังแล้วไม่ค่อยดีเลย พอฉันมองเข้าไปในห้องที่มืดแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ยังคงมีช่องแสงเลือนๆ จากหน้าต่าง ที่ผ้าม่านยังปิดอยู่ พอที่จะมองเห็นได้บ้าง ในนั้นมีผู้ชายร่างสูงอยู่คนหนึ่ง ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคุณหนูที่ฉันเลี้ยงมาแต่แกยังเด็กแบเบอะ ฉันจำได้ดี เค้าไม่ได้กลับมานานแล้ว ที่บ้านหลังนี้ แล้วยังมีอีกคนที่นั่งอยู่ด้านล่างใกล้ๆ กับคุณหนู และหญิงคนนั้นก็พูดขึ้น...



    "ยิ้มยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว ลืมมันซะเถอะ" เธอทำท่าขอร้องผมอย่างเต็มประดา ด้วยสีหน้าของร้องผมอย่างที่สุด

    "นะ...อย่าทำแบบนี้เลย" เธอพูดต่ออีกด้วยเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก มันเป็นน้ำเสียงที่สั่นเครือเหมือนกำลังจะร้องไห้โฮออกมาเต็มที่ ด้วยความที่ผมช่างเป็นคนอ่อนไหวต่อการขอร้อง แล้วเธอก็ยังมาร้องไห้อีก ผมคงทนกับการขอร้องของเธอต่อไปไม่ไหว

    "ก็ได้...เราจะไม่ทำอีก" ผมตอบออกไปอย่างไม่แน่ใจมากนัก... เพราะว่ามันคือสิ่งที่ผมจะจำมันไปอีกตลอดชีวิต และคงไม่มีวันทีจะลืมมันได้จริงๆ

    ........................................................................... กลับมาก่อนหน้านั้นหลายปี

    เช้าวันนี้ก็เช่นเคย... คือต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาเรียนเหมือนทุกๆ วัน การตื่นเช้านี่มันยากจริงๆ ครับ มันช่างทรมานซะเหลือเกิน แต่ผมก็ชอบตอนเช้าเป็นที่สุด เวลามานั่งอยู่ใต้ถุนของตึกเรียนสีครีมออกส้มหลังโต มีลมเย็นๆ พัดผ่านแล้วก็มีใบไม่ปลิวไหวตามสายลม มันช่างเป็นอะไรที่มีความสุขเสียเหลือเกิน นักเรียนก็จะค่อยๆ ทยอยเดินเข้ามาในโรงเรียน เป็นภาพที่นั่งดูเพลินๆ แล้วมีความสุขจริงๆ ทุกๆ เช้าก็จะมีนักเรียนชุมนุมกิจกรรมประชาสัมพันธ์มาเปิดเพลงให้ฟังแต่เช้า ช่วยสร้างบรรยากาศให้โรงเรียนนี้ช่างน่าเรียนเสียเหลือเกิน พร้อมพรั่งไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า ที่ได้ปลูกอยู่โดยทั่วบริเวณ และอยู่ๆ ก็มีหญิงสาวแสนสวยเดินมานั่งข้างๆ พร้อมกับเสียงกริ่ง ของรถเข็นขายไปไอศกรีมที่กำลังมุ่งหน้ามาทางผม

    "ไอศกรีมน่ากินจัง..! ยิ้ม... เลี้ยงไอศกรีมหน่อยนะ..." เธอหันมาพูดกับผม ด้วยการทักที่ออกจะแปลกไปซะหน่อย แต่ผมก็ฟังจนชินแล้วล่ะครับ เพราะเธอชอบคุณไอศกรีมเอามาก และจะคอยถามอยู่เสมอ...

    "โหย...ซื้อเองสิ พลอยรวยออก!" ผมโวยเล็กน้อย และนี่ก็เป็นคำตอบประจำสำหรับคำถามนี้เช่นกันครับ ก็เธอออกจะรวย อ้อ... ลืมบอกไป เธอชื่อว่าพลอยครับ

    "ซื้อเองก็ได้ไม่ง้อแล้ว แล้วยิ้มจะเอาป่าว...ติมอ่ะ" ผมส่ายหน้าเล็กน้อยพอรู้ว่า ไม่กิน เพราะตอนเช้าที่โรงเรียนอากาศเย็นมากครับ แต่ตอนบ่ายก็ร้อนหน้าดู แทบจะเรียนกันไม่รู้เรื่องเชียวแหละ

    พลอยเดินตรงดิ่งไปหารถเข็นที่กำลังจะเข็นผ่านไปอย่างว่องไว แล้วเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกไอศกรีมอย่างสนอกสนใจ เราพึ่งรู้จักกันมาได้แค่ปีเดียวเองครับ แต่เราก็สนิทกันเอามาก

    "ยิ้มไม่กินแน่หรอ" เธอหันมาถามก่อนที่รถเข็นจะถูกเข็นไป เธอสวยคับ สวยมากซะด้วย ถึงชื่อจะออกหวานจับใจขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่เคยหวานตามชื่อหรือแม้แต่ใบหน้าแม้แต่นิดเดียว

    "ไปโรงอาหารกัน หิวแล้ว" ผมกวักมือเรียกเธอพร้อมกับเดินไปยังโรงอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆโรงอาหารนี่ดูเก่าแก่พอควรครับ แต่ผมไม่เคยว่ามันแกหรอกนะครับ ผมว่ามันยังดูใหม่อยู่เลยครับ ที่ผมพูดอย่างนี้มันมีเพียงเหตุผลเดียวครับ เพราะโรงอาหารแห่งนี้ สร้างขึ้นกับวันเดียวที่ผมเกิด มันช่างเป็นอะไรที่บังเอิญกันมากๆครับ ทีแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นวันอะไร พอดีน้องเค้าถามว่ามันชื่อเต็มๆว่าอะไร ก็เลยเดิมมาดู หืม... นั่นมันวันเกิดเรานี่อะไรประมาณนี้หน่ะ แต่พูดมาตั้งนานหิวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า... ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ปะ...ไปกินกัน

    ..........................................................................................

    "ดูนั้นสิ...หล่อจัง!" ขณะที่เราเดินตรงไปยังโรงอาการ มีเสียงจากกลุ่มผู้หญิงที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ในโรงอาหารก็ตังขึ้น พร้อมกับการจ้องมองมายังบุคคลที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ ของชั้น...

    "ได้ยินว่าเคยลงปกนิตยาสารด้วยนะเธอ .... จริงหรอ...." พวกผู้หญิงพูดกันต่อ... ที่จริงชั้นก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน สำหรับเรื่องที่นายยิ้มไปลงปกนิตยสารอะไรซะเล่ม แต่ชั้นก็ไม่เคยเห็นหรอกนะ แต่ก็ไม่เคยเห็นยิ้มพูดเรื่องนี้เลย สงสัยจะอายที่ตัวเองได้ลง ปก...เห่อๆ คิดได้ไงนะเรา ได้ลงปกหนังสือทั้งทีก็ต้องดีใจสิ จะมากลัวคนอื่นรู้ทำมัย แล้วทำมัยยิ้มไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลยนะ แปลกดีแฮะ

    "ดังเชียวนะแก" นายยิ้มหันมายิ้มอย่างภาคภูมิใจกันหน้าตาตัวเองมา เอ่อๆ ก็โรงเรียนนี้มีนายคนเดียวที่เป็นผู้ชายนิ แน่ล่ะค่ะที่ทุกคนต้องสนใจตานี่เป็นธรรมดา

    เมื่อตั้งแต่สมัยอดีตกาลที่ผ่านมา โรงเรียนแห่งนี้เป็นเป็นโรงเรียนหญิงล้วน แต่พอมาถึงปีนี้เกิดคิดยังไงกันก็ไม่รู้เปิดรับนักเรียนชายเอาซะดื้อๆ ทำเอานักเรียนหญิงแตกตื่นกันใหญ่ ก็อยู่ๆ ก็มีนักเรียนชายเดินเข้ามาเรียนทั้งๆ ที่ นี่คือโรงเรียนหญิง แต่ก็ต้องมาถึงบางอ้อ เมื่อท่านผู้อำนวยการมาประกาศแก่นักเรียนว่า ในปีนี้ทางโรงเรียนมาการรับนักเรียนชายด้วย สงสัยด้วยความที่ไม่ค่อยรู้ รวมถึงนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนด้วย ทำให้มีนักเรียนชายมาสมัครกันอย่าง....น้อยนิด และก็มีผู้เข้ามาสมัครถึง 1 คน นั่นก็คือนายยิ้มนี่เอง... ช่างเป็นเกียรติซะเหลือเกินได้ขึ้นชื่อว่า นักเรียนชายคนแรกของโรงเรียน แต่เรากลับเป็นนักเรียนหญิงคนที่เท่าไหร่ไม่รู้มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ สงสัยนักเรียนหญิงคนแรกคงจะออกลูกออกหลานมาเป็นโหลๆ แล้วมั่งตอนนี้อะนะ

    "มันแน่อยู่แล้ว ก็คนมันหล่อนิ..." ยังมีหน้ามาทำหน้าชื่นตาบานอีก ( แต่มันก็จริงที่เค้าบอก ก็หน้าตาดีจริงๆ แต่เราไม่ได้ชอบนะ...เพื่อนกันๆ )

    "เธอก็ออกจะสวยนี่นา..." ยิ้มหันมายิ้มให้กับชั้น ทำมัยไม่รู้ค่ะท่านผู้อ่าน ชั้นเป็นพวกออกจะห้าวซนแก่นแบบนี้ก็เสียภาพพจน์หมดสิค่ะ

    "ไอยิ้ม...ปากไม่ดีอีกแล้วนะ!!" พูดอย่างนี้หรอจิ้มเอวเข้าให้หนึ่งที อิอิ ชักดิ้นชักงอเลย คือตายิ้มมันพวกบ้าจี้ค่ะโดนทีดิ้นอย่างกะเจ้าเข้า 555+

    "เอ่อๆ ไม่พูดก็ได้" ยิ้มมันชักดิ้นชักงอครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มตีตัวออกห่าง

    "งั้นเดี๋ยวเราไปเอาของบนห้องแปบนะ เดี๋ยวตามไป" ...

    "เร็วๆหล่ะ หิวแล้ว" ยิ้มทำหน้ามุ่ยใส่

    ..........................................................................................

    ผมเดินเข้าไปในโรงอาหารอย่างเป็นจุดสนใจ เพราะในโรงอาหารมีผู้ชายเพียงไม่กี่คน คือผมและอาจารย์อีกไม่กี่ท่าน วันนี้กินอะไรดีนะ อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย ร้านแรก แกงเขียวหวานเจ้าโปรด ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านราดหน้า ( น่าสนๆ ) ร้านข้าวแกง ร้านอาหารพื้นเมือง ร้านน้ำ ร้านขนม ... หมดแล้วกินอะไรดีล่ะวันนี้.... แต่ ทำมัยยายพลอยถึงไปนานจัง ยังไม่มาอีกหรอนี่ สงสัยคงมีธุระ เดินกลับไปซื้อแกงเขียวหวานดีกว่า อร่อยดี...

    "คนหล่อรับโทรศัพท์หน่อย....ๆๆ" ใครตั้งเสียงโทรศัพท์ของเราเนียะ... ต้องเข้ากับหน้าเจ้าของอย่างแน่นอน ว่าป่าว...

    ยิ้มกดรับมือถือของตนอย่างหน้าชื่นตาบาน ขณะที่กำลังเดินทอดน่องอยู่ในโรงอาหารอย่างหิวโหย

    "หยุด!" ผมสะดุ้งโหยงและงง... หลังจากได้ยินเสียงเสียงหนึ่งจากโทรศัพท์มือถืออันแสนแพงของผม

    "ตอนนี้พวกตูได้ล้อมสูไว้หมดแล้ว" มันเกิดอารัยกับชั้น นึกแล้วก็หวั่นใจ จากไม่เคยจะสนก็มาหวั่นไหว ( ยังมีหน้ามาร้องเพลงเก่าโคตรอีกนะ ) อะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันนี่

    "ขืนสูขยับแม้แต่นิดส์เดียว ระเบิดที่ติดอยู่กับกางเกงในของสูได้ระเบิดแน่ ...!" เสียงลึกลับจากโทรศัพท์พูดโดยไม่หยุดหายใจ ( ไม่เหนื่อยมั่งหรอ หยุดหายใจมั่งก็ได้นะ << ยังมีหน้ามาเล่นมุกอีก )

    "ไม่...ไม่จริง...ผ...ผะ...ผม ผมไม่ได้ใส่กางเกงใน!" ผมตอบกลับไปอย่างไม่ทันคิด...

    ถึงแม้ผมจะสะดุ้งแต่ก็พยายามพูดให้เบาที่สุด แต่...คำพูดนั้นถึงแม้จะเบามากก็ตาม แต่มันก็ทำเอาคนในโรงอาหารหันมาจับจ้องยิ้มกันเป็นสายตาเดียว ( โอ้...ไม่นะ....คนหล่อเสียภาพพจน์ ) ยิ้มหันซ้ายหันขวา พร้อมแจกยิ้มให้กับประชาชี ( Don't he ) ที่กำลังจับจ้องกันอย่างสนอกสนใจในคำพูดเมื่อกี้ที่ยิ้มได้พูดออกไป เอ่อ...? แล้วนี่เสียงใคร เอ๊ะนี่มันเสียงของ...

    "ไอ่พลอย" มีเสียงคิกคักดังขึ้นจากบุคคลลึกลับในโทรศัพท์

    "ก็อ่ะดิ... 555+" หลอกตูได้นะ....

    "นี่แกไม่ใส่ กกน. รึไง อุจาดสิ้นดี" เสียงแจ้วๆ ดังมาจากโทรศัพท์มือถืออีก

    "ใส่สิ...จะบ้ารึไงทำเอาตูหัวใจวาบ ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแหนะ...จะให้หัวใจตูวายตายก่อนรึไง..." ยิ้มกระหน่ำด่า

    "ขำๆ หน่า...." ขำตายอะ... แล้วพลอยก็วางโทรศัพท์ไปด้วยความสะใจ ( คิดว่าอย่างงั้นนะ ) ฝากไว้ก่อนเดี๋ยวมีเอาคืนแน่

    ..........................................................................................

    วันนี้เรียนหนักอีกแล้วเรา ไม่รู้ใครคิดตารางเรียนให้ห้องเรา เล่นมาครบสูตร ทั้ง คณิต วิทย์ วิทย์ แล้วก็พัก เวลาพักมันช่างเป็นเวลาแห่งสวรรค์เสียเหลือเกิน แต่เวลาอันแสนวิเศษมันก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก ต้องมาตกขุมนรกต่ออีก ด้วยการเรียน อังกฤษ คอม ไทย สังคม กว่าจะผ่านพ้นมาแต่ละวิชา เกือบเอาชีวิตน้อยๆ นี้ไม่รอด และแล้วตอนนี้ก็มาลงเอยด้วยสังคมนะฮ๊าาา ค่อยมีความสุขขึ้นมานิด.... พูดแล้วปวดหัว เรียนดีกว่า...

    "อ่าวนักเรียนฮ๊าา.. วันนี้นะฮ๊าาา... ครูจะให้นักเรียนเขียนเกี่ยวกับเพื่อนที่สนิทที่สุด แต่เป็นเพื่อนในห้องนี้นะฮ๊ะนักเรียน" หลังจากที่อาจารย์นะฮ๊าา พูดจบก็เอาเอกสารปึกหนึ่งแจกให้แก่นักเรียน

    เจ๊แกเป็นผู้หญิงนะค่ะ โปรดอย่าเข้าใจผิด ก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีคำพูดติดปกว่า นะฮ๊าา... และติดมากเสียด้วย มาพอที่จะเอามาตอเป็นกำแพงเมืองจีนได้ซัก 10 อัน เห่อๆ... หวังว่าน้องๆ ที่เข้าใหม่จะช่วยกันนับต่อนะ ( มันเป็นกิจกรรมยามว่าในคาบนี้น่ะค่ะ )

    ณ.กระดาษเอกสารวิชาครูนะฮ๊าาาาาา ของพลอย
    ซื่อ : คิม ยุนดง ( ชื่ออาจแปลกไปนิดแต่มีชื่อไทยด้วย จะได้อนุรักษ์ไทยไว้เล็กน้อย นั่นก็คือ ธนวัฒน์ บูญเป็ง ไทยพอป่าวเห่อๆ เอาเป็นว่ามีแต่ชื่อนามสกุลไว้ทีหลังล่ะกันนะ )
    เพศ : ชาย
    สูง : 195
    น้ำหนัก : 65
    ที่อยู่ : -
    เบอร์โทรศัพท์ : 08X-XXXXXXX ( กด 08 แทน 0 ตัวหน้าตามด้วยหมายเลขที่เหลือ เช่น จากเดิม 01-2345678 ก็เปลี่ยนเป็น 081-2345678 นะ )
    อายุ : 16
    กรุ๊ปเลือด : AB
    คำบรรยาย : ยิ้มเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ชอบเล่นเหมือนเด็ก เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างดีคนหนึ่ง นิสัยดีอ่อนน้อมถ่อมตน บางครั้งก็บ้าเล็กน้อย แต่ก็ตลกดีเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ ยิ้มเรียนหนังสือเก่งมากทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นยิ้มอ่านหนังสือเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่มีนิสัยที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือเวลาถามถึงที่บ้านเค้า เค้าจะไม่ตอบและไม่เปิดเผยเรื่องที่บ้านเลย...

    ..........................................................................................

    พลอยกำลังนั่งยิ้มหน้าแป้นรอผมอยู่บริเวณในร้านไอศกรีมหน้าโรงเรียน ผมเดินตรงเข้ายังโต๊ะประจำที่เรามานั่งกินไอศกรีมด้วยกันบ่อยๆ ร้านนี้ตกแต่งได้สวยมากครับ และเย็นสบายสุดๆ เพราะว่ามันติดแอร์ไว้ เวลาร้อนๆ แล้วเข้ามานั่ง

    "ว่าไง...ให้เรามาทำไมรึ" ผมถามอย่างหน้าสงสัย ก็ทั้งๆ ที่เมื่อตอนกลางวันเธอพึ่งกินไอศกรีมก้อนเบ้อเริ่มไปแท้ๆ ขืนกินเยอะขนาดนี้ได้อ้วนตายกันพอดี แต่.. อดใจไม่ไหวเท่าไหร่มันก็ไม่พอ ( เก่าโคตรอีกล่ะ )

    มีพนักงานในร้านคนหนึ่งนำสมุดเมนูมาให้แก่ผม ขณะที่ผมกำลังนั่นคุยอยู่กับพลอย แต่ผมไม่ได้ดูมันหรอก เพราะมากินบ่อยมากจนแทบจะจำเมนูได้ทั้งหมดด้วยซ้ำ

    "ไม่มีอารัยหรอก...ก็แค่" ไม่มีอารัยแล้วจะนัดมาทำเพื่อ...?? ( รอเค้าพูดจบก่อนดิ )

    "คือเรามีอารัยอยากจะถามนายอ่ะ" เธอทำหน้าอ้อนวอนอย่างนี้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แหง ต้องเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่ก็ฆ่าคนตาย หรือไม่ก็...

    "เราอยากรู้ว่าบ้านนายอยู่ที่ไหน......."พลอยอยากรู้สุดๆ ก็หน้ามันฟ้องออกอย่างนี้ แต่...

    "เราไปก่อนนะ" ผมลุกขึ้นโดยไม่รีรอเมื่อได้ยินคำถามนี้ ผมไม่รู้เหมือนกันคับว่าทำไม มันคงยากที่ผมจะต้องตอบเรื่องที่บ้าน...

    "เดี๋ยวสิ... นายยังไม่ได้ตอบคำถามเราเลยนะ ยิ้ม.... ๆ" ผมเดินตรงไปยังทางออกย่างว่องไว เธอยังคงตะโกนเรียกผมอยู่อย่างสงสัย แล้วผมก็เดินจากเธอไป...


    คนหล่อรับโทรศัพท์หน่อยคร๊าบบบบ....ๆๆ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ผมเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำได้ซักครู่หนึ่ง

    "ว่าไง..." ผมทักกับคนในสายอย่างคุ้นเคยและออกอาการเซ็งเล็กน้อยก็ยังไม่ได้ใส่อะไรเลยโทรมาทำไมกันตอนนี้นะ รู้ป่าวมันหนาวนะ ขืนน้องชายเกิดไม่สบายขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง

    "คือ...เมื่อตอนเย็นนายเป็นอะไรรึเปล่าเห็นท่าไม่ค่อยดีเลย" เอ่อจริงด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น จะตอบว่าไงดีล่ะ...

    "...ไม่นะ" ก็ไม่ได้เป็นอารัย แค่อยู่ดีๆ ก็ลุกออกไปจากร้านเฉยๆ เห่อๆ

    "โกรธเราอ่าดิ...!!~" ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีกนะยายพลอย

    "..." จะบอกว่าไงดีล่ะ เรื่องนี้พลอยมันก็ไม่ผิด เราเป็นฝ่ายหนีมาเองแท้ๆ ไม่น่าทำงั้นเลย...เศร้า

    "เป็นห่วงเราเหรอ ?" หน้าหม้อกลบเกลื่อน หวังว่าจะได้ผลนะ

    "อีตาบ้า คนเค้าอุสส่าห์เป็นห่วงยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก ถ้าไม่เป็นไรแล้วก็... แค่นี้นะ ตู้ด... ตู้ด... ตู้ด..." รอดตัวไป

    พลอยก็งี้แหละคับ พอพูดเรื่องของตัวเองจบปุ๊บก็จะทิ้งท้ายด้วยคำว่า แค่นี้นะ... ถือเป็นการจบประโยคแล้วก็วางสายเลย สงสัยกลัวเสียค่าโทรศัพท์ กลัวเปลืองอะไรนักหนาไม่เข้าใจ แต่ถ้ายิงมาก็ไม่โทรกลับนะเปลือง... ( ว่าเขาอีเหนาเป็นเอง ) การประหยัดเป็นเรื่องดีครับ ใช้ 1 ส่วน เก็บ 3 ส่วน เคยได้ยินกันรึเปล่า ถึงจะเป็นเรื่องที่เก่าไปซักนิดแต่ก็ใช้ได้ผล ช่วยกันประหยัดกันเอาไว้ครับ จะได้รวยๆ...

    ..........................................................................................

    "ตื่นได้แล้ว...." เสียงตะโกนดังมาจากชั้นล่าง ค้า....ชั้นตอบด้วยความงัวเงีย ของีบอีกซักพักก็ไม่ได้ วันนี้มันวันหยุดนะยังปลุกแต่เช้าอีกจะรีบไปไหนกันรึไง...

    วันนี้ช่างเป็นวันที่สดใสเสียเหลือเกิน ชั้นมองออกไปยังนอกหน้าต่าง มีทุ่งหญ้าเขียวขจี มีดอกไม้สวยๆ หลากสีอยู่ในสวย เสียงนกร้องจิ้บๆ ที่น่าฟัง และเสียงที่ไม่น่าฟังอย่างเสียงคนปลุก เห้ย... มือถือชาร์ตไว้ตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้แบทเต็มละยังเนียะ...

    "ใครส่งข้อความมาแต่เช้านี่..." ใครกันเอ่ย..... < เมื่อวานโทษที ที่กลับไปก่อน ที่อยู่............. ยิ้ม > จริงด้วยที่อยู่ ลืมไปซะสนิทเลย เกือบได้ศูนย์ไปแล้วเรา ( อ่าวเธอไม่รู้ที่อยู่ของเพื่อนเธอรึไง... ไปถามเค้าแล้วเอามาส่งด้วยนะฮ๊ะ ถ้ายังไม่ส่งครูจะให้ 0 ไปก่อนนะ ค๊าา...เดี๋ยวหนูจะรีบเอามาส่งให้เร็วที่สุดเลยค่ะครู ) ส่งมางี้ก็ต้อง < เรื่องที่กลับก่อนไม่เป็นไรหรอก แต่ต้องขอบใจจ้าสำหรับที่อยู่นะ > ส่ง.. เรียบร้อย วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ.... แต่

    "ตื่นได้แล้วยัยพลอย นี่มันสายแล้ว มัวแต่นอนอยู่ได้" คราวนี้ดังขึ้นกว่าเดิมอีกนี่แหละมารความสุขแท้ๆ แล้วประตูก็เปิดออก มีชายร่างสูงเดินเข้ามา เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเสียงอันเฉื่อยชาว่า ทามอารายอยู่.... ( น่ากลัวตายละ )

    "พี่แบงค์อย่ายุงน่าาา... เรื่องของเด็กคนแก่ไม่เกี่ยว" คนกำลังอารมณ์ดี ทำให้เสียอารมณ์แต่เช้าเลยนะพี่เรา....

    "จ้าาา..ยัยเด็กนรก" ชั้นเงยหน้าขึ้นไปมองถ้วยสายตาอาฆาต ว่าชั้นเป็นเด็กนรกงั้นหรอ เอานี่ไปกินซ้าาาา...

    หมอนใบใหญ่ที่พึ่งหนุนไปเมื่อตะกี้ กำลังลอยละล่อยไปกระแทกหน้าของพี่ตัวแสบของชั้นอย่างจัง สมน้ำหน้า 555+

    "พี่ก็หนังเหนียวตายยากเหมือนกัน..." พลอยพูดไม่ทันขาดคำหมอนใบเก่าก็ลอยกลับมา...และพี่ตัวแสบก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

    อืม... พี่เรานี่แหมะกับเป็นนักบาสของมหาลัยจริงๆ เวลามีเรื่องทีไร หาย.... ( ตัว ) ไปทุกที พี่เราหน่ะ เรื่องหนีพี่แกไม่แพ้ใคร ไม่รู้ไปเรียนวิชานินจามาจากไหน จะได้ให้มาสอนมั่ง...

    ..........................................................................................

    "โหล....." อะไรใครกันนี่ โทรมาหาเราแต่เช้า เอ่อใช่ท่านผู้อ่านคับวันนี้ผมมีความรู้ดีๆมานำเสนอ นั่นก็คือ 1โหล มี12อัน ( อันนี้ใครๆ เค้าก็รู้กัน ) เห่อๆ ( ฝืดไปนิดแต่ก็นะ ไม่รู้แก้ตัวไงดี... )

    "พี่ยิ้มใช่รึเปล่าคับ" ถามแปลกๆ โทรมาหาใครก็คนนั้นอ่าดิ

    "ว่าไงน้องรัก" ดีจังไม่ได้คุยกะน้องซะนาน แถมไม่ต้องออกค่าโทรศัพท์ด้วย ดีดี มีไรว่ามาเลยน้องรักของพี่

    "ได้ยินว่าไปอยู่โรงเรียนหญิงล้วนอะ จริงป่าว มีหญิงเต็มเลยอะดิ" จากที่ฟายน้องรักพูดมา มันคิดจะโทรมาหาพี่มั หรือว่ามันจะโทรมาคุยเรื่องสาวกันแน่ แต่เรื่องไรก็ช่างคุยๆ ไปก็ดีแก้เบื่อ

    "ใช่... พี่ไปอยู่โรงเรียนหญิงล้วนหน่ะน้อง..ควาย !!" น้องเรานี่ถามแปลกๆ โรงเรียนหญิงล้วน คงจะมีผู้ชายอ่านะ

    "ฟายคร๊าบบบ... ไม่ใช่ควาย เรียกให้มันถูกๆ หน่อยพี่ นี่อะไรกัน ไม่ได้เจอกันพักเดียว พี่เรากลายไปเป็นโรคความจำเสื่อมตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ไปหาหมอไวๆนะ จะได้หายก่อนที่โรคมันจะกำเริบไปมากกว่านี้" พูดซะยืดยาวเชียว

    "นั่นเอาเข้าไป พี่ตั่งใจเรียก ไม่ได้สมองเสื่อมอย่างที่น้องควาย... เอ้ยไม่ใช่สิ อย่างที่น้องฟายพูดหรอก น่าจะเปลี่ยนเป็นควายให้รู้แล้วรู้รอดเลยนะน้องเรา" น้องใครกันหล่ะนี่น้องเป็นควายพี่ก็ต้องเป็น.... เฮ้ย อย่าคิดๆ แค่คุยกันเล่นๆหรอกน่า...

    "สรุปแล้วพี่จะเรียกผมว่าฟายหรือควายก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆโรงเรียนหญิงตรึมใช่ป่าว" ยังไม่เลิกประเด็นนี้อีก น้องชายเรานี่ควรไปเช็คประสาทโดยไว...

    "โรงเรียนเมื่อก่อนเป็นหญิงล้วน แล้วมันก็ต้องมีแต่ผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดาสิจ๊ะ น้องรัก" ตอบไปดีๆ แล้วนะอย่างเล่นมุขควายๆ มาอีกล่ะ

    "อ่าวทำมัยพี่พูดอย่างงี้ ( ?? ) บอกให้เรียกว่า ฟายกะควาย ยังมาเรียกว่ารักอีก จะเอายังไงกันแน่!!" โทษที พี่ผิดเอง พี่ผิดมาตั่งแต่แรกที่เกิดมามีน้องอย่างแก ( ดูมันคิด )

    "เอ่อๆ... งั้นพี่เรียกฟายอย่างเดิมดีกว่านะ" ให้เรียกไงพี่เรียกหมดนะน้องรัก เฮ้ย น้องควาย ไม่ใช่สิ น้องฟาย ( ตูล่ะงง )

    "พี่ว่าเราหยุดพูดกันเรื่องนี้ดีกว่านะ แล้วที่ฟายโทรมาหาพี่แต่เช้านี่มีอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า" คุยมาตั้งนานเข้าเรื่องซะที่แหะ คุยไปคุยมาเริ่มงงกับชีวิตของตัวเองและ

    "พี่ครับ.... คือที่จริงแล้วผมมีเรื่องกลุ้มใจ ตอนนี้ต้องการความช่วยเหลือจากพี่อย่างเร่งด่วน ไม่อย่างงั้นผมคงอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าผมผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ ผมคง....." เรื่องอะไรกันเนี้ยะ น้องเราไปทำอะไรไว้กันนะ.....

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    สำหรับตอนแรกก็ลงมาได้ซะที หลังจากที่นั่งเขียนมากว่า 8 รอบ เห่อๆ อยากให้มันออกมาดีที่สุดหน่ะครับ ชอบไม่ชอบไงก็บอก หรือจะช่วยคิดกรดำเนินเรื่องต่ไปก็ได้นะ ช่วยกันเม้มมาด้วยละกันถ้าชอบนะ

    นี่คือการเขียนนิยายครั้งแรกของผม มันเป็นเรื่องท้าทายอย่างมา เพราะที่ผ่านๆ มาเรื่องราวที่ผมคิดแล้วได้เล่าให้คนอื่นฟัง ก็มีแต่คนบอกว่าน้ำเน่าชัว แต่ผมคิดว่า ถึงแม้จะน้ำเน่าถึงเพียงไหน ก็ยังมีคนอ่านอยู่ดี คิดได้ไงกันนี่ เค้าเคยบอกไว้ว่า ถึงเนื้อเรื่องจะซ้ำกัน แต่ถ้าเราเขียนได้ดีกว่า เราก็จะดังได้เอง มันจะไปต่างอะไรกับการทำรายงานล่ะคับ ถึงแม้หัวข้อเหมือนกัน เนื้อหาก็คล้ายๆ กัน แต่ทำไมคะแนนกลับไม่เหมือนกัน นี่แหละครับ ความจริงของการพยายาม ถ้าคิดที่จะไปให้ไกล เราก็ต้องดิ้นรนไขว่คว้ามันมาจนได้ เมื่อวานนั่งดูหนังเรื่อง สาวใสหนุ่มซ่า ตามล่าหารัก ภาคภาษาเกาหลี นั่งอ่านซับแทบไม่ทัน แต่ที่มันสะดุดหูแล้วก็สะดุดตาที่สุดในเรื่อง ก็คงเป็นประโยคที่ว่า "หากสว่างแล้วพลันมืดลง เราไม่อาจเห็นสิ่งใดได้ แต่ถ้าหากมันมืดอยู่อย่างนี้ตั่งแต่แรก เราจะค่อยๆ คุ้นชินกับมัน และมองเห็นมันได้เอง" และอันนี้คือสิ่งที่ผมจำมาแล้วเอามาเขียนใหม่ ลองอ่านกันดูนะ "ความมืด เมื่อเราอยู่กับมัน เราจะมองไม่เห็นอะไรไรเลย แต่ถ้าอยู่ไปนานๆ ก็จะพบว่ามันค่อยๆสว่างขึ้นมาเอง ก็เหมือนกับปัญหาอะไรซักอย่างที่มันไม่มีทางออก แต่เมื่อเราลองใช้ชีวิต หรือให้เวลากับมันมากๆ และแล้วคำตอบของปัญหานั้นก็จะผุดมาในสมองของเราเอง" ถึงมันจะฟังดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ถ้าอ่านรู้เรื่องก็เก่งมาก เพราะมันต้องใช้ความเข้าใจถึงจะรู้เรื่อง
    แล้วเรื่องนี้อาจจะอัพช้าหน่อยเพราะช่วงนี้การบ้านเยอะ ถึงแม้จะปิดเทอมแล้วก็ตามนะ...


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×