ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Seven Day คำสัญญาในเจ็ดวัน

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 วันแรกของทั้งสอง

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 57


                ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ

    แพทย์หนุ่มวัยสามสิบห้าบอกมานพ พลางขยับแว่นตาที่มักทำแบบนี้อย่างเป็นนิสัย เขายังไม่หายข้องใจถึงสาเหตุที่คนไข้ตรงหน้าหายเร็วผิดปกติ

    แต่ยังไง...ผมก็ต้องขอดูอาการคุณอีกสักระยะนะครับ พักผ่อนตามสบายครับ ผมขอตัวก่อน

    มนัสและเพชรไหว้ขอบคุณ เมื่อแพทย์ผู้ดูแลเดินออกไปจากห้องพร้อมนางพยาบาล เด็กหนุ่มจึงหันมองพี่ชายที่เอาแต่กินส้มที่เขาซื้อมาฝากตำรวจหนุ่มที่ลงทุนลงแรงนอนเฝ้าพี่ชายเป็นเพื่อนเขา

    ส้มนี่...พี่กินหมดหรอมนัสถามมานพที่เอาแต่กินส้มแถมไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกินอีกด้วย

    นัดก็รู้นี่ ว่าพี่ชอบกินส้มอะมานพตอบกลับ มนัสได้แต่ถอนหายใจ ท่าทางชายหนุ่มจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่น้องชายถามไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น

    บอกเลย ฉันแปลกใจมากที่เห็นแกนั่งดูหนังตอนเช้า แกโดนยิงแน่รึเปล่าวะ

    ตำรวจหนุ่มถามเพื่อนตนที่สนใจแต่เพียงส้มในมือ ความสงสัยไม่มีทีท่าว่าจะลด เมื่อเช้าเพชรเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อให้ตาสว่าง พอออกมาเห็นเพื่อนตนนั่งดูหนังสบายใจ ตอนนั้นแหละ ตาสว่างจริงๆ

    แกก็รู้ ว่าฉันแข็งแรงขนาดไหน ไม่ตายง่ายๆหรอกมานพตอบพร้อมกับเบ่งกล้ามให้ดูจนมนัสหลุดขำ

    ก็ดีที่แกไม่เป็นไรมาก แต่อย่าเพิ่งฝืนทำอะไรเกินตัวละกันเพชรเตือน

    คร้าบๆ แกเป็นแม่ฉันรึไง พูดมากนัก ไปซื้อเค้กให้ฉันหน่อยสิ เอาเค้กสตรอเบอร์รี่มานพสั่งนัดไปเป็นเพื่อนเพชรเขาหน่อยละกัน พี่กลัวมันหลงทาง

    มนัสรีบดึงเพชรออกมาทันทีเมื่อเห็นตำรวจหนุ่มกำลังจะเล่นพี่ชายตัวเองที่ปากดีใส่ เด็กหนุ่มลากตัวเขาออกมาเพื่อจบการสนทนาของทั้งคู่ ซึ่งเพชรก็ยอมออกมาแต่โดยดี มนัสบอกพี่ชายปากดีให้รอพวกเขาครู่หนึ่ง เพราะร้านเค้กอยู่ห่างจากโรงพยาบาลพอสมควร

    เมื่อทั้งสองออกไปแล้ว มานพจึงลุกออกจากเตียงเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า

    ไปกันหมดแล้ว

    มานพพูดพร้อมกับเปิดประตูตู้ เด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมมีฮู้ดเดินออกมา สายตาเรียบเฉยทำให้มานพรู้สึกไม่ดีที่จู่ๆก็ไปจับเด็กหนุ่มยัดตู้เพราะกลัวเพชรจะเห็นเข้าเมื่อตอนเช้า

    แล้วเราจะบอกสองคนนั้นยังไงฟร่ะ!

                    มานพคิดและเกาหัวอย่างเซ็งๆ ไม่รู้จะบอกทั้งคู่ยังไง หรือเขาควรจะบอกความจริงว่าคนตรงหน้าเขาเป็น...ยมทูต

                     *****************************************************************

    ในห้องฉุกเฉินที่เงียบสงัด ร่างของชายหนุ่มนอนแน่นิ่งบนเตียง แต่สติเขายังอยู่ชัดเจน ความเจ็บปวดของบาดแผลเขากลับไม่รู้สึกถึงมัน เขาคิดว่าคงเป็นเพราะตัวเองกำลังจะตายรึเปล่าถึงได้ไม่รู้สึกอะไรเลย

    กริ๊งๆ

    ทันใดนั้นเองก็เกิดกลุ่มควันสีดำตรงข้างเตียงที่นอนอยู่ เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา

    นาย...เป็นยมทูตเรอะ

    ชายหนุ่มถามในใจ เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบเพียงอย่างเดียว เขาดูหดหู่ลงทันทีก่อนจะหันมาถามกับยมทูตต่อว่า

    อย่าเพิ่งเอาวิญญาณฉันไปได้ไหม

    ไม่ได้หรอก นายถึงฆาตแล้วยมทูตตอบตรงๆ

    ฉัน...ฉันหมายถึงว่าฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้ชายหนุ่มขอร้องอีกครั้ง ขอเวลาฉันหน่อยเถอะ ฉันยัง...ตายตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าฉันตายตอนนี้...น้องชายฉัน...เขาจะ

    สายตาจริงจังของชายหนุ่มทำให้เด็กหนุ่มยืนครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า

    เจ็ดวัน...ฉันให้เวลาเจ็ดวันเท่านั้น

    *****************************************************************

    ต่อจากเมื่อเช้าเลยนะ...มานพพูดขึ้น นายบอกว่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้ทั้งที่อายุขัยหมดไปแล้ว ก็เพราะว่าวิญญาณครึ่งหนึ่งของนายอยู่กับกับ ถ้าฉันอยู่ห่างจากนายเกิน 10 เมตร ฉันตายแน่ๆ ส่วนแผลเมื่อวานที่หายได้ในชั่วข้ามคืนก็เพราะพลังของนายใช่รึเปล่า

    เข้าใจง่ายดี จะได้ไปต้องอธิบายอีกรอบยมทูตชม แต่มานพรู้สึกเหมือนพูดประชดมากกว่า

    แล้วก็เมื่อเช้า...ขอโทษที่จู่ๆก็เอานายไปยัดใส่ตู้

    ไม่เป็นไร ฉันเองก็สะเพร่าที่ไม่บอกนายว่า หลังจากที่ฉันให้วิญญาณครึ่งหนึ่งกับนายไป ฉันจะอยู่ในสภาพกายหยาบเพื่อรักษาสมดุลเลยทำให้มนุษย์คนอื่นเห็นฉันได้

    ยังไงก็ขอโทษอีกครั้งละกันมานพก้มหน้าสำนึกผิด จากนั้นเขาก็ถามสิ่งที่อยากรู้มากที่สุด

    แล้วนายชื่ออะไรล่ะ

    ยมทูตสบตามานพก่อนจะตอบว่า ฉันไม่มีชื่อ นายก็เรียกฉันว่ายมทูตนั้นแหละ

    มานพนิ่งเงียบไม่พูดตอบ เวลาผ่านไปหลายนาที บรรยากาศภายในห้องเริ่มเงียบจนเกือบจะได้ยินเสียงห้องข้างๆ ยมทูตเองก็ไม่พูดอะไร ซึ่งเขาเองไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มจะเงียบไปทำไม เพียงแค่เขา ไม่มีชื่อ

    งั้น...ฉันตั้งชื่อให้ล่ะกันมานพพูดขึ้น

    ชื่อ เนียร์เป็นไงล่ะ มันแปลว่า ใกล้ เป็นคำที่สื่อถึงนายตรงๆเลย

    ตั้งชื่อให้เสร็จศัพท์ ไม่ถงไม่ถามความต้องการของเจ้าตัวสักคำ

    ไม่จำเป็นเด็กหนุ่มค้าน และทำท่าจะเดินไปตรงประตู

    ดะ เดี๋ยว! โกรธเรอะ...เอ๊ะ!”

    โครม!!

    มานพล้มอย่างห้ามไม่ได้ นั้นก็เพราะร่างกายของเขาเพิ่งจะฟื้นตัว ทำให้ขาหมดเรี่ยวแรงไปชั่วขณะหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกจุกและเจ็บหน้าอก ไม่นานมานพก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทับ ใครอยู่ ชายหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะคนที่ถูกเขาทับอยู่ก็คือ ยมทูตนั่นเอง

    ทั้งคู่สบตากัน...

    มานพรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นแรง เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าก็น่ารักในแบบหนึ่ง ถึงแม้จะชอบพูดจาตรงๆ และขวานผ่าซาก ดวงตาสีดำสนิทที่เรียบเฉย ไร้อารมณ์ กลับมีความรู้สึกที่ชวนน่าหลงใหล

    มานพไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าของเขากำลังเข้าใกล้ยมทูตเข้ามาเรื่อยๆ

    เข้าใกล้...เข้าใกล้มากขึ้น...

    พี่ครับ พวกผมกลับมาแล้ว

    มนัสเดินเข้ามาพร้อมกับเพชร ในมือถือเค้กที่มานพสั่งมาด้วย แต่ทว่าทันทีเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นเข้า เค้กในมือก็ร่วงลงไปโดยปริยาย

                    “พี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะมนัสพูดอย่างไร้อารมณ์เพราะอยู่ในสภาวะตกใจ

    แล้วนี่แก ลงไปเล่นกับพื้นทำไมฟร่ะเพชรถามทั้งสอง เหมือนจะเป็นห่วง ถ้าจะเล่นก็เล่นบนเตียงสิ

    ไอ้ตำรวจวิตถาร!!” มนัสชกเข้าที่ท้องเพชรไปหนึ่งหมัด เขารู้ว่าคนๆนี้คิดอะไรอยู่ในหัว ตำรวจหนุ่มถึงกับเซลงไปนั่งกับพื้น มนัสเดินเข้าไปไล่พี่ชายให้ลุกออกจากตำแหน่งแปลกๆ พร้อมกับพยุงตัวเด็กหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยให้ลุกขึ้นยืน

    เออ ไม่เป็นไรนะครับมนัสถาม ยมทูตพยักหน้าตอบ พี่...ไม่ได้ทำอะไรเขาใช่ไหม

    คือ พี่...เฮ้ย! พี่จะไปทำแบบนั้นทำไมมานพท้วงขึ้นทันที มันเป็นอุบัติเหตุเฉยๆ...จริงๆ

                    แล้วคุณเป็นใครหรอครับ คนรู้จักพี่นพ...งั้นหรอมนัสถามและหันไปมองพี่ชาย มานพอ้ำอึ้งเสียงไว้ในลำคอ เพราะไม่รู้จะตอบน้องชายยังไง แต่ก็ไม่จำเป็นแล้วเพราะมี บางคนตอบแทนเรียบร้อยแล้ว

                    “ผมเป็น แฟนมานพ ผมรู้มาจากตำรวจในสน.ว่ามานพเข้าโรงพยาบาล...เลยมาเยี่ยมนะครับ

                    คำตอบจากยมทูตทำเอาทุกคนในห้องพูดไม่ออก รวมถึงมานพด้วยเช่นกัน

                    ฟะ แฟน แฟนไอ้นพเพชรที่นั่งจุกอยู่เงียบๆมาระยะหนึ่งถึงกับเสียงสั่น งั้นแสดงว่าเมื่อกี้ก็...จริงๆอะสิ

                    “ไม่ใช่โว้ย! แกอย่ามโนสิฟ่ระมานพปาหมอนใส่เพื่อนอย่างแรง เขาส่งสายตาถามยมทูตว่าทำไมถึงตอบแบบนี้

                    ยมทูตเลี่ยงคำถามชายหนุ่ม เขาเดินเข้าไปควงแขนมานพและพูดว่า พวกผมขออยู่กันแค่สองคนได้ไหมครับ

                    มานพรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรกอีกแล้ว

                    “ดะ เดี๋ยวสิ...เอ๊ะ!” เพชรกำลังจะพูดแต่ก็ต้องหยุดถามเพราะมนัสดึงแขนเขาอยู่

    งั้นเดี๋ยวพวกผมไปซื้อเค้กมาใหม่นะ เพราะอันเก่าผมทำเละไปแล้ว พี่เพชรมากับผมหน่อย มนัสส่งสายตา น้ำเสียงแข็งเป็นเชิงสั่ง ตำรวจหนุ่มไม่กล้าขัด เขาได้แต่กลืนคำถามลงกระเพาะและเดินตามไปแต่โดยดี

    เมื่อทั้งคู่ออกไป มานพจึงพูดขึ้นทันที

    ไอ้เพชรมันต้องมโนไปไกลแล้วแน่ๆ แล้วทำไมถึงตอบไปแบบนั้น

    ฉันคิดว่าคำตอบนี้ดีที่สุด แถมใช้เป็นข้ออ้างได้ด้วย

    แล้วรู้หรือเปล่าคำว่า แฟนหมายถึงอะไร

    ยมทูตคิดอยู่พักหนึ่งและตอบว่า มนุษย์สองคนที่...พึงพอใจกัน ต่างฝ่ายต่างชอบกัน

    เข้าใจ...จริงๆแน่นะ

    .....ยมทูตนิ่งเมื่อมานพบอก ความหมายมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เรอะ

    มันก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่นายพูดไร้อารมณ์จนแบบ...มานพไปต่อไม่ถูก เอาง่ายๆ คนที่เป็นแฟนกัน คือคนที่เราสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้ และเราพร้อมที่จะยู่กับเขาได้ทั้งช่วงเวลาที่สุขและทุกข์

    มันก็เหมือนกันยมทูตท้วง

    ก็ใช่ แฟนก็คือส่วนหนึ่งของ ความรักเมื่อคนสองคนมี ความรู้สึกที่ดีต่อกัน

    เข้าใจไหมเนี่ย

    ยมทูตทำท่าไม่สนใจและไม่พูดตอบอะไร มานพได้แต่ถอนหายใจเซ้งๆ เขาตัดสินใจดึงยมทูตตัวเล็กเข้ามากอดในอ้อมแขน

    ทำอะไร

    ลองอยู่แบบนี้สักพักดู สิ่งที่นายสัมผัสได้จากนี้ไป เขาเรียกว่า ความรู้สึก’”

    ยมทูตทำตามอย่างว่าง่าย มานพกอดแน่นขึ้น เวลาผ่านไปหลายนาที ยมทูตได้ยินเสียง...เสียงหัวใจของมานพที่กำลังเต้น เขาได้ยินเสียงชัดแบบนี้เพราะห้องเงียบสนิทด้วยหรือเปล่านะ

    แต่ว่า...

    หมอนี่...ตัวอุ่น...

    *****************************************************************

                    ทางด้านมนัสและเพชร

                    “พูดอะไรบ้างก็ดีนะ...หรือตกใจที่ไอ้นพมันมีแฟนตำรวจหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเงียบมาตลอดทาง แต่พอสิ้นสุดคำถาม มนัสก็หยุดเดินทันทีจนตัวเขาเองถึงกับสะดุ้ง

                    ผมดีใจสุดๆต่างหาก!!”

                    คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาเพชรยืนค้าง

                    “ผมอะ เครียดเรื่องความรักของพี่มากๆ เพราะพี่นพเป็นพวกเห่องาน เอาแต่ทำงานอย่างเดียว เลยทำให้ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนคนอื่นเค้า

                    มนัสใส่เป็นชุด...

                    แต่ผมก็คิดนะว่าจะคบไปได้นานแค่ไหน แถมยัง....เด็ก เด็กว่าด้วยมนัสเสียงต่ำลง

                    เอาน่า เขาจะคบกันนานแค่ไหนก็เรื่องของเขาเพชรเดินเข้ามารวบตัวมนัสไว้ เรามาคุยเรื่องของเราดี...โอ้ย!”

                    นั้นไงล่ะ นิสัยชอบฉวยโอกาสของเพชรก็ต้องเจอกับความใจเด็ดของมนัส เด็กหนุ่มหักข้อมือจนคนฉวยโอกาสร้องเสียงหลง

                    ไปไกลๆเลย ไอ้ตำรวจลามกมนัสดุใส่และรีบเดินหนี เพชรรีบเดินตามง้อขอโทษ

                    ถึงนิสัยของเพชรจะชอบฉวยโอกาสชอบหลอกแต๊ะอั๋ง แต่...นายตำรวจก็มีส่วนดีในหลายด้านๆ อย่างเมื่อคืนที่มานพโดนยิง เพชรอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ปลอบใจเขาให้เขามีความหวัง

                    บางที...เราอาจจะชอบหมอนี้ขึ้นบ้างล่ะมั้ง

                    มนัสคิด

    *****************************************************************

                    “หมายความว่ายังไง ที่มันยังไม่ตายชายรุ่นใหญ่อายุปาเข้าไปเลขห้าเกือบเลขหก เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจผ่านทางโทรศัพท์

    ผมก็ไม่รู้ครับท่านทั้งๆที่เมื่อวานมันไม่น่าจะรอด คนที่กำลังสนทนากับชายรุ่นใหญ่หาข้อแก้ตัว

    จะยังไงก็ช่าง แกหาวิธีฆ่ามันให้ได้ ยังไงๆมันก็ต้องตายปลายสายสั่งเด็ดขาด

    ครับ สบายใจได้ ไม่นานมันจะต้องตายแน่นอนครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×