คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 วันแรกของทั้งสอง
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”
แพทย์หนุ่มวัยสามสิบห้าบอกมานพ พลางขยับแว่นตาที่มักทำแบบนี้อย่างเป็นนิสัย เขายังไม่หายข้องใจถึงสาเหตุที่คนไข้ตรงหน้าหายเร็วผิดปกติ
“แต่ยังไง...ผมก็ต้องขอดูอาการคุณอีกสักระยะนะครับ พักผ่อนตามสบายครับ ผมขอตัวก่อน”
มนัสและเพชรไหว้ขอบคุณ เมื่อแพทย์ผู้ดูแลเดินออกไปจากห้องพร้อมนางพยาบาล เด็กหนุ่มจึงหันมองพี่ชายที่เอาแต่กินส้มที่เขาซื้อมาฝากตำรวจหนุ่มที่ลงทุนลงแรงนอนเฝ้าพี่ชายเป็นเพื่อนเขา
“ส้มนี่...พี่กินหมดหรอ” มนัสถามมานพที่เอาแต่กินส้มแถมไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกินอีกด้วย
“นัดก็รู้นี่ ว่าพี่ชอบกินส้มอะ” มานพตอบกลับ มนัสได้แต่ถอนหายใจ ท่าทางชายหนุ่มจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่น้องชายถามไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น
“บอกเลย ฉันแปลกใจมากที่เห็นแกนั่งดูหนังตอนเช้า แกโดนยิงแน่รึเปล่าวะ”
ตำรวจหนุ่มถามเพื่อนตนที่สนใจแต่เพียงส้มในมือ ความสงสัยไม่มีทีท่าว่าจะลด เมื่อเช้าเพชรเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อให้ตาสว่าง พอออกมาเห็นเพื่อนตนนั่งดูหนังสบายใจ ตอนนั้นแหละ ตาสว่างจริงๆ
“แกก็รู้ ว่าฉันแข็งแรงขนาดไหน ไม่ตายง่ายๆหรอก” มานพตอบพร้อมกับเบ่งกล้ามให้ดูจนมนัสหลุดขำ
“ก็ดีที่แกไม่เป็นไรมาก แต่อย่าเพิ่งฝืนทำอะไรเกินตัวละกัน” เพชรเตือน
“คร้าบๆ แกเป็นแม่ฉันรึไง พูดมากนัก ไปซื้อเค้กให้ฉันหน่อยสิ เอาเค้กสตรอเบอร์รี่” มานพสั่ง “นัดไปเป็นเพื่อนเพชรเขาหน่อยละกัน พี่กลัวมันหลงทาง”
มนัสรีบดึงเพชรออกมาทันทีเมื่อเห็นตำรวจหนุ่มกำลังจะเล่นพี่ชายตัวเองที่ปากดีใส่ เด็กหนุ่มลากตัวเขาออกมาเพื่อจบการสนทนาของทั้งคู่ ซึ่งเพชรก็ยอมออกมาแต่โดยดี มนัสบอกพี่ชายปากดีให้รอพวกเขาครู่หนึ่ง เพราะร้านเค้กอยู่ห่างจากโรงพยาบาลพอสมควร
เมื่อทั้งสองออกไปแล้ว มานพจึงลุกออกจากเตียงเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า
“ไปกันหมดแล้ว”
มานพพูดพร้อมกับเปิดประตูตู้ เด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมมีฮู้ดเดินออกมา สายตาเรียบเฉยทำให้มานพรู้สึกไม่ดีที่จู่ๆก็ไปจับเด็กหนุ่มยัดตู้เพราะกลัวเพชรจะเห็นเข้าเมื่อตอนเช้า
แล้วเราจะบอกสองคนนั้นยังไงฟร่ะ!
มานพคิดและเกาหัวอย่างเซ็งๆ ไม่รู้จะบอกทั้งคู่ยังไง หรือเขาควรจะบอกความจริงว่าคนตรงหน้าเขาเป็น...ยมทูต
*****************************************************************
ในห้องฉุกเฉินที่เงียบสงัด ร่างของชายหนุ่มนอนแน่นิ่งบนเตียง แต่สติเขายังอยู่ชัดเจน ความเจ็บปวดของบาดแผลเขากลับไม่รู้สึกถึงมัน เขาคิดว่าคงเป็นเพราะตัวเองกำลังจะตายรึเปล่าถึงได้ไม่รู้สึกอะไรเลย
กริ๊งๆ
ทันใดนั้นเองก็เกิดกลุ่มควันสีดำตรงข้างเตียงที่นอนอยู่ เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา
“นาย...เป็นยมทูตเรอะ”
ชายหนุ่มถามในใจ เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบเพียงอย่างเดียว เขาดูหดหู่ลงทันทีก่อนจะหันมาถามกับยมทูตต่อว่า
“อย่าเพิ่งเอาวิญญาณฉันไปได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก นายถึงฆาตแล้ว” ยมทูตตอบตรงๆ
“ฉัน...ฉันหมายถึงว่าฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้” ชายหนุ่มขอร้องอีกครั้ง “ขอเวลาฉันหน่อยเถอะ ฉันยัง...ตายตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าฉันตายตอนนี้...น้องชายฉัน...เขาจะ”
สายตาจริงจังของชายหนุ่มทำให้เด็กหนุ่มยืนครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
“เจ็ดวัน...ฉันให้เวลาเจ็ดวันเท่านั้น”
*****************************************************************
“ต่อจากเมื่อเช้าเลยนะ...” มานพพูดขึ้น “นายบอกว่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้ทั้งที่อายุขัยหมดไปแล้ว ก็เพราะว่าวิญญาณครึ่งหนึ่งของนายอยู่กับกับ ถ้าฉันอยู่ห่างจากนายเกิน 10 เมตร ฉันตายแน่ๆ ส่วนแผลเมื่อวานที่หายได้ในชั่วข้ามคืนก็เพราะพลังของนายใช่รึเปล่า”
“เข้าใจง่ายดี จะได้ไปต้องอธิบายอีกรอบ” ยมทูตชม แต่มานพรู้สึกเหมือนพูดประชดมากกว่า
“แล้วก็เมื่อเช้า...ขอโทษที่จู่ๆก็เอานายไปยัดใส่ตู้”
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็สะเพร่าที่ไม่บอกนายว่า หลังจากที่ฉันให้วิญญาณครึ่งหนึ่งกับนายไป ฉันจะอยู่ในสภาพกายหยาบเพื่อรักษาสมดุลเลยทำให้มนุษย์คนอื่นเห็นฉันได้”
“ยังไงก็ขอโทษอีกครั้งละกัน” มานพก้มหน้าสำนึกผิด จากนั้นเขาก็ถามสิ่งที่ ‘อยากรู้’ มากที่สุด
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
ยมทูตสบตามานพก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่มีชื่อ นายก็เรียกฉันว่ายมทูตนั้นแหละ”
มานพนิ่งเงียบไม่พูดตอบ เวลาผ่านไปหลายนาที บรรยากาศภายในห้องเริ่มเงียบจนเกือบจะได้ยินเสียงห้องข้างๆ ยมทูตเองก็ไม่พูดอะไร ซึ่งเขาเองไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มจะเงียบไปทำไม เพียงแค่เขา ‘ไม่มีชื่อ’
“งั้น...ฉันตั้งชื่อให้ล่ะกัน” มานพพูดขึ้น
“ชื่อ ‘เนียร์’ เป็นไงล่ะ มันแปลว่า ‘ใกล้’ เป็นคำที่สื่อถึงนายตรงๆเลย”
ตั้งชื่อให้เสร็จศัพท์ ไม่ถงไม่ถามความต้องการของเจ้าตัวสักคำ
“ไม่จำเป็น” เด็กหนุ่มค้าน และทำท่าจะเดินไปตรงประตู
“ดะ เดี๋ยว! โกรธเรอะ...เอ๊ะ!”
โครม!!
มานพล้มอย่างห้ามไม่ได้ นั้นก็เพราะร่างกายของเขาเพิ่งจะฟื้นตัว ทำให้ขาหมดเรี่ยวแรงไปชั่วขณะหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกจุกและเจ็บหน้าอก ไม่นานมานพก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทับ ’ใคร’ อยู่ ชายหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะคนที่ถูกเขาทับอยู่ก็คือ ยมทูตนั่นเอง
ทั้งคู่สบตากัน...
มานพรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นแรง เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าก็น่ารักในแบบหนึ่ง ถึงแม้จะชอบพูดจาตรงๆ และขวานผ่าซาก ดวงตาสีดำสนิทที่เรียบเฉย ไร้อารมณ์ กลับมีความรู้สึกที่ชวนน่าหลงใหล
มานพไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าของเขากำลังเข้าใกล้ยมทูตเข้ามาเรื่อยๆ
เข้าใกล้...เข้าใกล้มากขึ้น...
“พี่ครับ พวกผมกลับมาแล้ว”
มนัสเดินเข้ามาพร้อมกับเพชร ในมือถือเค้กที่มานพสั่งมาด้วย แต่ทว่าทันทีเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นเข้า เค้กในมือก็ร่วงลงไปโดยปริยาย
“พี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ” มนัสพูดอย่างไร้อารมณ์เพราะอยู่ในสภาวะตกใจ
“แล้วนี่แก ลงไปเล่นกับพื้นทำไมฟร่ะ” เพชรถามทั้งสอง ‘เหมือน’ จะเป็นห่วง “ถ้าจะเล่นก็เล่นบนเตียงสิ”
“ไอ้ตำรวจวิตถาร!!” มนัสชกเข้าที่ท้องเพชรไปหนึ่งหมัด เขารู้ว่าคนๆนี้คิดอะไรอยู่ในหัว ตำรวจหนุ่มถึงกับเซลงไปนั่งกับพื้น มนัสเดินเข้าไปไล่พี่ชายให้ลุกออกจากตำแหน่งแปลกๆ พร้อมกับพยุงตัวเด็กหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยให้ลุกขึ้นยืน
“เออ ไม่เป็นไรนะครับ” มนัสถาม ยมทูตพยักหน้าตอบ “พี่...ไม่ได้ทำอะไรเขาใช่ไหม”
“คือ พี่...เฮ้ย! พี่จะไปทำแบบนั้นทำไม” มานพท้วงขึ้นทันที “มันเป็นอุบัติเหตุเฉยๆ...จริงๆ”
“แล้วคุณเป็นใครหรอครับ คนรู้จักพี่นพ...งั้นหรอ” มนัสถามและหันไปมองพี่ชาย มานพอ้ำอึ้งเสียงไว้ในลำคอ เพราะไม่รู้จะตอบน้องชายยังไง แต่ก็ไม่จำเป็นแล้วเพราะมี ‘บางคน’ ตอบแทนเรียบร้อยแล้ว
“ผมเป็น ‘แฟน’ มานพ ผมรู้มาจากตำรวจในสน.ว่ามานพเข้าโรงพยาบาล...เลยมาเยี่ยมนะครับ”
คำตอบจากยมทูตทำเอาทุกคนในห้องพูดไม่ออก รวมถึงมานพด้วยเช่นกัน
“ฟะ แฟน แฟนไอ้นพ” เพชรที่นั่งจุกอยู่เงียบๆมาระยะหนึ่งถึงกับเสียงสั่น “งั้นแสดงว่าเมื่อกี้ก็...จริงๆอะสิ”
“ไม่ใช่โว้ย! แกอย่ามโนสิฟ่ระ” มานพปาหมอนใส่เพื่อนอย่างแรง เขาส่งสายตาถามยมทูตว่าทำไมถึงตอบแบบนี้
ยมทูตเลี่ยงคำถามชายหนุ่ม เขาเดินเข้าไปควงแขนมานพและพูดว่า “พวกผมขออยู่กันแค่สองคนได้ไหมครับ”
มานพรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรกอีกแล้ว
“ดะ เดี๋ยวสิ...เอ๊ะ!” เพชรกำลังจะพูดแต่ก็ต้องหยุดถามเพราะมนัสดึงแขนเขาอยู่
“งั้นเดี๋ยวพวกผมไปซื้อเค้กมาใหม่นะ เพราะอันเก่าผมทำเละไปแล้ว พี่เพชรมากับผมหน่อย” มนัสส่งสายตา น้ำเสียงแข็งเป็นเชิงสั่ง ตำรวจหนุ่มไม่กล้าขัด เขาได้แต่กลืนคำถามลงกระเพาะและเดินตามไปแต่โดยดี
เมื่อทั้งคู่ออกไป มานพจึงพูดขึ้นทันที
“ไอ้เพชรมันต้องมโนไปไกลแล้วแน่ๆ แล้วทำไมถึงตอบไปแบบนั้น”
“ฉันคิดว่าคำตอบนี้ดีที่สุด แถมใช้เป็นข้ออ้างได้ด้วย”
“แล้วรู้หรือเปล่าคำว่า ‘แฟน’ หมายถึงอะไร”
ยมทูตคิดอยู่พักหนึ่งและตอบว่า “มนุษย์สองคนที่...พึงพอใจกัน ต่างฝ่ายต่างชอบกัน”
“เข้าใจ...จริงๆแน่นะ”
“.....” ยมทูตนิ่งเมื่อมานพบอก “ความหมายมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เรอะ”
“มันก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่นายพูดไร้อารมณ์จนแบบ...” มานพไปต่อไม่ถูก “เอาง่ายๆ คนที่เป็นแฟนกัน คือคนที่เราสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้ และเราพร้อมที่จะยู่กับเขาได้ทั้งช่วงเวลาที่สุขและทุกข์”
“มันก็เหมือนกัน” ยมทูตท้วง
“ก็ใช่ แฟนก็คือส่วนหนึ่งของ ‘ความรัก’ เมื่อคนสองคนมี ‘ความรู้สึก’ ที่ดีต่อกัน”
“เข้าใจไหมเนี่ย”
ยมทูตทำท่าไม่สนใจและไม่พูดตอบอะไร มานพได้แต่ถอนหายใจเซ้งๆ เขาตัดสินใจดึงยมทูตตัวเล็กเข้ามากอดในอ้อมแขน
“ทำอะไร”
“ลองอยู่แบบนี้สักพักดู สิ่งที่นายสัมผัสได้จากนี้ไป เขาเรียกว่า ‘ความรู้สึก’”
ยมทูตทำตามอย่างว่าง่าย มานพกอดแน่นขึ้น เวลาผ่านไปหลายนาที ยมทูตได้ยินเสียง...เสียงหัวใจของมานพที่กำลังเต้น เขาได้ยินเสียงชัดแบบนี้เพราะห้องเงียบสนิทด้วยหรือเปล่านะ
แต่ว่า...
หมอนี่...ตัวอุ่น...
*****************************************************************
ทางด้านมนัสและเพชร
“พูดอะไรบ้างก็ดีนะ...หรือตกใจที่ไอ้นพมันมีแฟน” ตำรวจหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเงียบมาตลอดทาง แต่พอสิ้นสุดคำถาม มนัสก็หยุดเดินทันทีจนตัวเขาเองถึงกับสะดุ้ง
“ผมดีใจสุดๆต่างหาก!!”
คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาเพชรยืนค้าง
“ผมอะ เครียดเรื่องความรักของพี่มากๆ เพราะพี่นพเป็นพวกเห่องาน เอาแต่ทำงานอย่างเดียว เลยทำให้ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนคนอื่นเค้า”
มนัสใส่เป็นชุด...
“แต่ผมก็คิดนะว่าจะคบไปได้นานแค่ไหน แถมยัง....เด็ก เด็กว่าด้วย” มนัสเสียงต่ำลง
“เอาน่า เขาจะคบกันนานแค่ไหนก็เรื่องของเขา” เพชรเดินเข้ามารวบตัวมนัสไว้ “เรามาคุยเรื่องของเราดี...โอ้ย!”
นั้นไงล่ะ นิสัยชอบฉวยโอกาสของเพชรก็ต้องเจอกับความใจเด็ดของมนัส เด็กหนุ่มหักข้อมือจนคนฉวยโอกาสร้องเสียงหลง
“ไปไกลๆเลย ไอ้ตำรวจลามก” มนัสดุใส่และรีบเดินหนี เพชรรีบเดินตามง้อขอโทษ
ถึงนิสัยของเพชรจะชอบฉวยโอกาสชอบหลอกแต๊ะอั๋ง แต่...นายตำรวจก็มีส่วนดีในหลายด้านๆ อย่างเมื่อคืนที่มานพโดนยิง เพชรอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ปลอบใจเขาให้เขามีความหวัง
บางที...เราอาจจะชอบหมอนี้ขึ้นบ้างล่ะมั้ง
มนัสคิด
*****************************************************************
“หมายความว่ายังไง ที่มันยังไม่ตาย” ชายรุ่นใหญ่อายุปาเข้าไปเลขห้าเกือบเลขหก เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจผ่านทางโทรศัพท์
“ผมก็ไม่รู้ครับท่านทั้งๆที่เมื่อวานมันไม่น่าจะรอด“ คนที่กำลังสนทนากับชายรุ่นใหญ่หาข้อแก้ตัว
“จะยังไงก็ช่าง แกหาวิธีฆ่ามันให้ได้ ยังไงๆมันก็ต้องตาย” ปลายสายสั่งเด็ดขาด
“ครับ สบายใจได้ ไม่นานมันจะต้องตายแน่นอนครับ”
ความคิดเห็น