คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3 : CAUSE IT HURTS [100%]
CAUSE IT HURTS
แก้วที่แตก
เสียงตะคอกด้วยความโมโหนั้นทำให้ผมชะงัก ก่อนจะยิ้มเยาะให้ตัวเองอย่างสมเพช ใช่..ผมเป็นของเขาก็จริง แต่ผมก็คงไม่ใช่เจ้าของเขาสินะ…
ที่เขารั้งผมไว้ … บังคับให้ผมอยู่กับเขา ก็คงเป็นเพราะเขากำลัง ‘เสียดาย’ ผมอยู่สินะ..
พี่ฟีส…ที่อบอุ่น อ่อนโยน และรักผม คงไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
ผมเงยหน้ามองพี่ฟีสและพยายามจะยิ้มให้เขา…และดวงตาที่สื่อความหมายว่า ..
…พี่ต้องการอะไร แบบไหน…ผมจะให้พี่…ผมจะให้จนกว่าพี่จะพอใจ..พี่จะได้ปล่อยผมไป…สักที ผมรู้..ว่ายังไงผมก็ไปจากเขาไม่ได้ถ้าเขาไม่อนุญาต
ผมไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปรึเปล่าที่เห็นความวูบไหวในดวงตาเรียบเฉยแวบนึง แค่แวบเดียวแล้วก็หายไป อาจจะไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ
พี่ฟีสออกแรงลากผมกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะผลักร่างผมไปบนพื้นห้อง
ผมล้มลงกับพื้น ได้แต่จิกเล็บลงบนมือเพื่อกลั้นความเจ็บปวดไว้
“ผมจะบอกอะไรให้นะ…พี่ทำร้ายผมได้แต่อย่าทำร้ายความรู้สึกผม”
ผมกลั้นความเจ็บปวดไว้ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆเดินออกไปที่โซฟา โดยมีเสียงฝีเท้าเดินตามมาแต่ก็หายไป
ผมหยิบเฮดโฟนมาใส่ไว้ก่อนจะเปิดเพลงและปรับเสียงให้สุด ผมไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว..
ผมข่มตานอนและพยายามหยุดคิดเรื่องที่ผ่านๆมา…
คนโง่ๆอย่างผมคงเป็นได้แค่ของเล่นเก่าๆที่พี่ยังคงเสียดายสินะ…
ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงฟ้าร้อง สงสัยฝนจะตกหนัก แล้วนี่ผมมานอนอยู่บนเตียงได้ยังไง? ผมมองนาฬิกา ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมขยับตัวขึ้นเล็กน้อยทำให้ผ้าห่มไหลลงจากตัวไปเล็กน้อย
ผมมองผ้าห่มบนตัวผมที่ผมเดาได้ไม่ยากว่ามีใครบางคนมาห่มให้ตอนที่ผมหลับไปแล้วด้วยความรู้สึกหลากหลาย…
เจ็บแปลบๆที่ใจ…ที่เขายังดูเหมือนแคร์ผมเป็นห่วงผม..
หรืออาจจะแค่สงสาร
ผมรู้สึกปวดหัวหนึบๆ รู้สึกไม่อยากอาหาร แต่ผมก็หิว…สงสัยผมคงแฮงค์ เพราะเหล้าเมื่อวานแน่ๆ
ผมเดินเซๆออกจากห้องนอนไปที่ห้องนั่นเล่น และสายตาผมก็พลันไปเจอโพสต์อิดสองสามอันที่ติดอยู่ที่ทีวี ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะอ่านข้อความที่เขียนอยู่บนนั้น
‘ออกไปข้างนอก จะกลับมาตอนบ่ายๆ อาหารอยู่ในตู้เย็น เอาเข้าไมโครเวฟแล้วกินซะ ยาอยู่บนโต๊ะพอกินข้าวเสร็จกินด้วย ห้ามออกไปไหน ’
‘เมื่อวาน ขอโทษ’
ผมยืนมองโพสต์อิดอย่างไม่เข้าใจ…
ถ้ารู้ว่าทำผิดแล้วทำทำไมล่ะครับ…
ถึงผมจะรักพี่
….แต่ผมก็ไม่ใช่หินไม่ใช่ปูนนะ ที่จะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่พี่ทำ
ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษผมแค่อยากให้พี่แคร์ผมรักผมบ้างก็แค่นั้น
ผมเดินไปเปิดตู้เย็นดูก็พบว่ามีกล่องข้าวผัดเซเว่น อยู่ในตู้เย็น เหมือนที่เขียนบอกไว้ในโพสต์อิดจริงๆ
ผมหยิบออกมาเข้าไมโครเวฟเพื่อเวฟ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ…ผมก็หิวแหละ
ผมกินไปได้เกือบหมดแต่ก็ไม่หมดเพราะผมรู้สึกว่าอยากขย้อนอาหารออกมา ผมเลยหยุดกิน และเดินไปที่โต๊ะใกล้ๆห้องนั่งเล่นก็เห็นถุงร้านยาวางอยู่
ผมกินยาตามขนาดที่เขียนไว้บนซอง
วันนี้เป็นวันอาทิตย์… พี่ฟีสออกไปข้างนอก ?
ผมขมวดคิ้วมุ่น..ออกไปไหน..ไปทำอะไร?
…แล้วพี่เขาไปกับใคร?
แต่ผมแฮงค์….และเขาก็ไม่ให้ผมออกไปไหน
ผมเดินไปเปิดผ้าม่านที่กระจกบานใหญ่ในห้องนอนที่เผยให้เห็นถึงวิวของเมืองนครจากที่สูง…
วันนี้ฟ้ามืดครึ้มเพราะฝนที่ยังตกและไม่มีท่าทีจะหยุด และยังมีฟ้าแลบอยู่เป็นระยะๆ
ผมมองดูวิวบรรยากาศข้างนอกพลางคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคน
พี่ฟีส…ผมรักพี่นะ
แต่ทำไม…การที่ผมรักพี่มันถึงทำให้ผมเจ็บปวดมากขนาดนี้
ผมเหม่อมองออกไปสุดฟ้าไกล
แต่บางที..พอถึงจุดๆนึงเราอาจจะต้องหยุดจริงๆก็ได้
เปรี้ยง!
เฮือก
ผมสะดุ้งตื่นขึ้น นี่ผมหลับไปตอนไหนกัน…
ฝนยังไม่หยุดตกอีกเหรอ..
ผมคิดพลางหันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะหัวเตียง.. บ่ายสามครึ่งแล้ว พี่ฟีสยังไม่กลับมาอีกเหรอ
ผมถอนหายใจหนักๆ อดตัวเองให้ไม่คิดไม่ได้ว่าพี่เขาอาจจะไปกับคนอื่น… ไปมีความสุข..โดยที่ไม่มีผม
นั่นสินะ..มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เรื่องระหว่างผมกับพี่เขาเกือบจะกลายเป็นความเฉยชา
ผมตัดสินใจออกมาข้างนอกโดยไม่ลืมที่จะหยิบร่มมาด้วย ผมกางร่มและเดินไปเรื่อยๆบนทางเท้าจนไปถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ผมเคยมาสวนสาธารณะนี้นะ ถึงจะไม่บ่อยก็เถอะ ที่นี่มีสนามหญ้าใหญ่ๆอยู่ตรงกลางและรอบสนามจะมีลู่ให้สำหรับคนที่จะวิ่งออกกำลังกาย เครื่องเล่นที่นี่ก็มีนะ..แต่มันตั้งอยู่ในที่กลางแจ้ง ปกติจะเห็นมีทั้งเด็กและคนแก่มาออกกำลังกายกัน
แต่ในวันที่ฝนตกแบบนี้ ….แทบไม่มีใครสักคนเลยครับ..
ผมเดินไปในสวนสาธารณะได้สักพัก
ติ้ง
เสียงเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ผมล้วงมันขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ก็พบว่าเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในคณะที่เป็นส่งข้อความมาว่า
‘บลู จำเรื่องค่ายอาสาได้ปะ ที่อาจารย์บอกเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอ่ะ’
ผมมองข้อความอย่างงงๆ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเขามีค่ายอาสาของคณะ ได้ข่าวว่าไปภาคเหนือกัน เขาเองก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย
‘จำได้ๆ ทำไมอ่ะ’
ผมส่งข้อความกลับไป
ติ้ง
‘คือจารย์บอกให้เราถามเพื่อนๆไว้ แล้วบอกว่าถ้าใครจะไปให้ไปลงชื่อกับจารย์ตอนวันจันทร์’
‘อ๋อๆ โอเค ขอบคุณมากนะทิพย์ที่บอก’
ผมพิมพ์เสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
เมื่อผมเดินรอบสวนสาธารณะจนพอใจแล้วผมก็ตัดสินใจกับเดินวกกลับไปที่คอนโด
ระหว่างทางเดินผมเหลือบไปเห็นซุปเปอร์มาร์กเก็ตระแวกนั้น ผมมองร้านซุปเปอร์มาร์กเก็ตอยู่นานพอควร
ผมกัดปากอย่างชั่งใจกับความคิดที่ผุดมาในหัวว่า.. ผมอยากซื้อของสดไปทำอาหารที่คอนโดบ้าง…
…เผื่อไม่แน่อะไรๆระหว่างผมกับพี่ฟีสอาจจะดีขึ้น
นั่นสิ ผมคิด ในเมื่อพี่เขาก็ขอโทษผมแล้วด้วย ถึงจะไม่ได้มาบอกตรงๆก็เถอะ
เอาวะ
ผมใช้เวลานานพอสมควรในการเลือกของไปทำอาหาร เมนูที่ผมคิดไว้ในหัวคือสุกกี้เพราะมันเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ผมทำได้
ผมทำอาหารไม่เก่ง ถึงจะพยายามเรียนและลองทำแล้วก็เถอะ ผมยืนมองหัวพักกาดขาวในมือพลันเรื่องในอดีตก็ลอยเข้ามาในหัวผม
“พี่ฟีส พักกาดนี้ให้หั่นแบบไหนเหรอ บลูอยากหั่นพักกาดอ่ะ”
“หั่นเป็นแว่นๆบางๆ เวลาใช้มีดต้องระวังนะบลู” พี่ฟีสพูดขึ้นมาพร้อมกับโชว์วิธีหั่นให้ดูโดยการเอามีดมาหั่นพักกาดขาวเป็นแว่นๆเพื่อเตรียมเอาไปผัดกับน้ำมันหอย
“พี่ฟีสให้บลูทำบ้างสิ บลูอยากทำ”
“อ่ะลองดู หั่นช้าๆนะอย่ารีบ”
..
.
..
“โอ๊ย!” ด้วยความไม่ระวังของผมตอนนั้นทำให้เผลอกดมีดไปบาดนิ้ว
“บลู บอกแล้วให้ระวังไง!” ถึงจะว่าจะดุผมแบบนั้นแต่ก็ดึงมือผมไปล้างทำความสะอาดให้อย่างแผ่วเบา สุดท้ายก็ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน
“ทีหลังต้องระวังให้มากกว่านี้รู้มั้ย บลู”
.
...
.
ผมเหม่อไปนาน ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่ผม ฮะๆ คงเป็นเพราะผมยืนมองผักกาดขาวในมือนานเกินไปล่ะมั้ง ไม่แน่อาจจะคิดว่าผมบ้า ยืนมองพักกาดตั้งนาน
ผมรีบหยิบของที่ต้องซื้อทั้งหมดโดยไม่ลืมที่จะซื้อน้ำจิ้มสุกกี้มาด้วย
หลังจากซื้อเสร็จผมก็หิ้วถุงซุปเปอร์มาร์กเก็ตเดินออกมา
ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปตามทางฟุตบาทผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าอีกห้างที่เยื้องกับคอนโดไปไม่ไกล
ถ้าเดินไปอีกไม่ถึงห้าสิบเมตรก็ถึงคอนโดแล้ว
ผมเดินไปมองรอบๆสลับกับมองพื้นทางเดินไปเรื่อยๆ วันนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์แต่รถและคนกลับไม่เยอะอย่างที่เคยเป็น คงเพราะฝนตกและเพราะเป็นช่วงเทศกาลเที่ยวด้วยรึเปล่าถึงไม่ค่อยมีคนในเมืองหลวงอย่างนี้
ผมเร่งความเร็วของการเดินขึ้นเพราะคิดว่าไม่แน่พี่ฟีสอาจจะกลับมาแล้วก็ได้
แล้วถ้าผมไปช้าอาจจะโดนด่าโดนว่าอีก ถึงผมจะทะเลาะกับพี่มันมา..แต่ผมก็ยังอยากเจอหน้าพี่เขาอยู่ดี
ผมยังอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาอาจจะเป็นห่วงผม
แต่ผมว่า..บางทีผมอาจจะคิดผิดไป
ผมไม่น่าคิดอย่างนั้นเลย..
กึก..
ขาของผมหยุดกึกโดยอัตโนมัตเหมือนมีคนเอาหินก้อนใหญ่ๆมามัดไว้กับขา ภาพข้างหน้ากำลังทำให้ ผมกำมือแน่นและลดร่มที่กางไว้ลงแต่ไม่ได้หุบแต่อย่างใด
ภาพคนรักของผม….กำลังคลอเคลียกับผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งข้างๆรถสปอร์ตคันหรูสีดำที่คุ้นตาที่จอดอยู่ข้างๆริมฟุตบาทโดยไม่ได้สนใจกับฝนที่ตกปอยๆ
ด้วยความที่ผมไม่ได้อยู่ไกลจากบริเวณที่พวกเขายืนอยู่มากเท่าไหร่ทำให้ผมได้ยินสิ่งที่เขาคุยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฮะๆ ซัน ไอ้สวนสนุกเปิดใหม่ที่เราว่านั่นมันดูน่าไปขนาดนั้นเลยเหรอ” ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆโดยมีแขนโอบเอวไว้ไม่ห่าง
“ก็ใช่สิน่ะสิฮะ วันหลังพี่ฟีสต้องพาซันไปนะ ไปเที่ยวด้วยกันไง” ร่างเล็กพูดอย่างออดอ้อนอย่างน่ารัก ทำให้คนตัวสูงโน้มหน้าลงไปหอมแก้มคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“ได้สิครับ”
จุ๊บ
พูดจบคนรักของผมก็โน้มตัวลมไปประกบปากกับผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้น ก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
ปึก!
ถุงซุปเปอร์มาร์กเก็ตในมือของผมตกลงกับพื้นเพราะมือที่อ่อนแรงของผมทำให้เผลอปล่อยมือไปโดยไม่ตั้งใจ ผักและของต่างๆที่อุตส่าห์ไปยืนเลือกมาอยู่นานกระจายออกมาจากถุง นัยน์ตาร้อนผ่าวจนรู้สึกได้แต่เทียบไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้น ผมรีบโน้มตัวลงไปเก็บมันเข้าถุงอย่างรีบร้อนระคนตกใจ
แต่…
ผมรู้สึกได้ถึงแววตาที่จับจ้องมาของบุคคลที่หักหลังผมอย่างโหดร้าย
อึก!
สมองผมขาวโพลนไปหมด น้ำตาไหนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สองขาขยับไปเองโดยอัตโนมัติ โดยไม่สนใจกับของที่ซื้อมาและเสียงเรียกของใครบางคนข้างหลัง
“บลู!”
---------------------------------------------------------
ขอโทษนะฮับที่ไม่ได้มาต่อนานเลย พอดีติดธุระกับครอบครัวกับเพื่อนๆนะคะ ^^
1เม้น = 1 กำลังใจนะคะ
ตอนนี้ก็มีตัวละครเข้ามาเพิ่มอีกแล้วนะคะ ฮ่าๆ
ความคิดเห็น