ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ASHER DRAMA SERIE เรื่องของเรา [Yaoi Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3 : CAUSE IT HURTS [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 54
      0
      26 เม.ย. 58

    CAUSE IT HURTS

    แก้วที่แตก




     




    เสียงตะคอกด้วยความโมโหนั้นทำให้ผมชะงัก  ก่อนจะยิ้มเยาะให้ตัวเองอย่างสมเพช  ใช่..ผมเป็นของเขาก็จริง  แต่ผมก็คงไม่ใช่เจ้าของเขาสินะ











     

    ที่เขารั้งผมไว้ บังคับให้ผมอยู่กับเขา ก็คงเป็นเพราะเขากำลังเสียดาย ผมอยู่สินะ..







     

    พี่ฟีสที่อบอุ่น อ่อนโยน และรักผม คงไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว







     

    ผมเงยหน้ามองพี่ฟีสและพยายามจะยิ้มให้เขาและดวงตาที่สื่อความหมายว่า ..





     

    พี่ต้องการอะไร แบบไหนผมจะให้พี่ผมจะให้จนกว่าพี่จะพอใจ..พี่จะได้ปล่อยผมไปสักที   ผมรู้..ว่ายังไงผมก็ไปจากเขาไม่ได้ถ้าเขาไม่อนุญาต








     

    ผมไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปรึเปล่าที่เห็นความวูบไหวในดวงตาเรียบเฉยแวบนึง แค่แวบเดียวแล้วก็หายไป อาจจะไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ








     

    พี่ฟีสออกแรงลากผมกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะผลักร่างผมไปบนพื้นห้อง



     

    ผมล้มลงกับพื้น ได้แต่จิกเล็บลงบนมือเพื่อกลั้นความเจ็บปวดไว้






     

     ผมจะบอกอะไรให้นะพี่ทำร้ายผมได้แต่อย่าทำร้ายความรู้สึกผม



     

    ผมกลั้นความเจ็บปวดไว้ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆเดินออกไปที่โซฟา โดยมีเสียงฝีเท้าเดินตามมาแต่ก็หายไป







     

    ผมหยิบเฮดโฟนมาใส่ไว้ก่อนจะเปิดเพลงและปรับเสียงให้สุด ผมไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว..
     

    ผมข่มตานอนและพยายามหยุดคิดเรื่องที่ผ่านๆมา








     

    คนโง่ๆอย่างผมคงเป็นได้แค่ของเล่นเก่าๆที่พี่ยังคงเสียดายสินะ













     

    ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงฟ้าร้อง สงสัยฝนจะตกหนัก   แล้วนี่ผมมานอนอยู่บนเตียงได้ยังไง?  ผมมองนาฬิกา ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมขยับตัวขึ้นเล็กน้อยทำให้ผ้าห่มไหลลงจากตัวไปเล็กน้อย

    ผมมองผ้าห่มบนตัวผมที่ผมเดาได้ไม่ยากว่ามีใครบางคนมาห่มให้ตอนที่ผมหลับไปแล้วด้วยความรู้สึกหลากหลาย




    เจ็บแปลบๆที่ใจที่เขายังดูเหมือนแคร์ผมเป็นห่วงผม..

    หรืออาจจะแค่สงสาร

     


     

    ผมรู้สึกปวดหัวหนึบๆ รู้สึกไม่อยากอาหาร แต่ผมก็หิวสงสัยผมคงแฮงค์ เพราะเหล้าเมื่อวานแน่ๆ



    ผมเดินเซๆออกจากห้องนอนไปที่ห้องนั่นเล่น และสายตาผมก็พลันไปเจอโพสต์อิดสองสามอันที่ติดอยู่ที่ทีวี ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะอ่านข้อความที่เขียนอยู่บนนั้น

     




     

     

    ออกไปข้างนอก จะกลับมาตอนบ่ายๆ อาหารอยู่ในตู้เย็น เอาเข้าไมโครเวฟแล้วกินซะ ยาอยู่บนโต๊ะพอกินข้าวเสร็จกินด้วย ห้ามออกไปไหน



     

     

    เมื่อวาน ขอโทษ


     

     



     

    ผมยืนมองโพสต์อิดอย่างไม่เข้าใจ






    ถ้ารู้ว่าทำผิดแล้วทำทำไมล่ะครับ






    ถึงผมจะรักพี่



    ….แต่ผมก็ไม่ใช่หินไม่ใช่ปูนนะ ที่จะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่พี่ทำ





    ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษผมแค่อยากให้พี่แคร์ผมรักผมบ้างก็แค่นั้น




    ผมเดินไปเปิดตู้เย็นดูก็พบว่ามีกล่องข้าวผัดเซเว่น อยู่ในตู้เย็น เหมือนที่เขียนบอกไว้ในโพสต์อิดจริงๆ





    ผมหยิบออกมาเข้าไมโครเวฟเพื่อเวฟ ไม่ใช่อะไรหรอกครับผมก็หิวแหละ






    ผมกินไปได้เกือบหมดแต่ก็ไม่หมดเพราะผมรู้สึกว่าอยากขย้อนอาหารออกมา ผมเลยหยุดกิน และเดินไปที่โต๊ะใกล้ๆห้องนั่งเล่นก็เห็นถุงร้านยาวางอยู่




    ผมกินยาตามขนาดที่เขียนไว้บนซอง



    วันนี้เป็นวันอาทิตย์ พี่ฟีสออกไปข้างนอก ?






    ผมขมวดคิ้วมุ่น..ออกไปไหน..ไปทำอะไร?   




    แล้วพี่เขาไปกับใคร?




    แต่ผมแฮงค์….และเขาก็ไม่ให้ผมออกไปไหน




     

     

    ผมเดินไปเปิดผ้าม่านที่กระจกบานใหญ่ในห้องนอนที่เผยให้เห็นถึงวิวของเมืองนครจากที่สูง



    วันนี้ฟ้ามืดครึ้มเพราะฝนที่ยังตกและไม่มีท่าทีจะหยุด  และยังมีฟ้าแลบอยู่เป็นระยะๆ


    ผมมองดูวิวบรรยากาศข้างนอกพลางคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคน







    พี่ฟีสผมรักพี่นะ






    แต่ทำไมการที่ผมรักพี่มันถึงทำให้ผมเจ็บปวดมากขนาดนี้




    ผมเหม่อมองออกไปสุดฟ้าไกล





    แต่บางที..พอถึงจุดๆนึงเราอาจจะต้องหยุดจริงๆก็ได้












     

    เปรี้ยง!




    เฮือก




    ผมสะดุ้งตื่นขึ้น นี่ผมหลับไปตอนไหนกัน




    ฝนยังไม่หยุดตกอีกเหรอ..





    ผมคิดพลางหันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะหัวเตียง.. บ่ายสามครึ่งแล้ว พี่ฟีสยังไม่กลับมาอีกเหรอ





    ผมถอนหายใจหนักๆ  อดตัวเองให้ไม่คิดไม่ได้ว่าพี่เขาอาจจะไปกับคนอื่น  ไปมีความสุข..โดยที่ไม่มีผม






     

    นั่นสินะ..มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เรื่องระหว่างผมกับพี่เขาเกือบจะกลายเป็นความเฉยชา

     



     

     
     





    ผมตัดสินใจออกมาข้างนอกโดยไม่ลืมที่จะหยิบร่มมาด้วย ผมกางร่มและเดินไปเรื่อยๆบนทางเท้าจนไปถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง







    ผมเคยมาสวนสาธารณะนี้นะ ถึงจะไม่บ่อยก็เถอะ  ที่นี่มีสนามหญ้าใหญ่ๆอยู่ตรงกลางและรอบสนามจะมีลู่ให้สำหรับคนที่จะวิ่งออกกำลังกาย เครื่องเล่นที่นี่ก็มีนะ..แต่มันตั้งอยู่ในที่กลางแจ้ง  ปกติจะเห็นมีทั้งเด็กและคนแก่มาออกกำลังกายกัน





    แต่ในวันที่ฝนตกแบบนี้ ….แทบไม่มีใครสักคนเลยครับ..





    ผมเดินไปในสวนสาธารณะได้สักพัก




    ติ้ง


    เสียงเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ผมล้วงมันขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู  ก็พบว่าเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในคณะที่เป็นส่งข้อความมาว่า




    บลู จำเรื่องค่ายอาสาได้ปะ ที่อาจารย์บอกเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอ่ะ




    ผมมองข้อความอย่างงงๆ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเขามีค่ายอาสาของคณะ ได้ข่าวว่าไปภาคเหนือกัน เขาเองก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย





    จำได้ๆ ทำไมอ่ะ  



    ผมส่งข้อความกลับไป





    ติ้ง

    คือจารย์บอกให้เราถามเพื่อนๆไว้  แล้วบอกว่าถ้าใครจะไปให้ไปลงชื่อกับจารย์ตอนวันจันทร์




    อ๋อๆ โอเค ขอบคุณมากนะทิพย์ที่บอก

    ผมพิมพ์เสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง





    เมื่อผมเดินรอบสวนสาธารณะจนพอใจแล้วผมก็ตัดสินใจกับเดินวกกลับไปที่คอนโด






    ระหว่างทางเดินผมเหลือบไปเห็นซุปเปอร์มาร์กเก็ตระแวกนั้น ผมมองร้านซุปเปอร์มาร์กเก็ตอยู่นานพอควร

     


     

     ผมกัดปากอย่างชั่งใจกับความคิดที่ผุดมาในหัวว่า.. ผมอยากซื้อของสดไปทำอาหารที่คอนโดบ้าง






    เผื่อไม่แน่อะไรๆระหว่างผมกับพี่ฟีสอาจจะดีขึ้น






    นั่นสิ ผมคิด ในเมื่อพี่เขาก็ขอโทษผมแล้วด้วย ถึงจะไม่ได้มาบอกตรงๆก็เถอะ



     

    เอาวะ







    ผมใช้เวลานานพอสมควรในการเลือกของไปทำอาหาร เมนูที่ผมคิดไว้ในหัวคือสุกกี้เพราะมันเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ผมทำได้   






      ผมทำอาหารไม่เก่ง ถึงจะพยายามเรียนและลองทำแล้วก็เถอะ  ผมยืนมองหัวพักกาดขาวในมือพลันเรื่องในอดีตก็ลอยเข้ามาในหัวผม






    พี่ฟีส  พักกาดนี้ให้หั่นแบบไหนเหรอ บลูอยากหั่นพักกาดอ่ะ 





    หั่นเป็นแว่นๆบางๆ เวลาใช้มีดต้องระวังนะบลู พี่ฟีสพูดขึ้นมาพร้อมกับโชว์วิธีหั่นให้ดูโดยการเอามีดมาหั่นพักกาดขาวเป็นแว่นๆเพื่อเตรียมเอาไปผัดกับน้ำมันหอย




    พี่ฟีสให้บลูทำบ้างสิ บลูอยากทำ





    อ่ะลองดู หั่นช้าๆนะอย่ารีบ


    ..


    .



    ..



    โอ๊ย!” ด้วยความไม่ระวังของผมตอนนั้นทำให้เผลอกดมีดไปบาดนิ้ว




    บลู บอกแล้วให้ระวังไง!” ถึงจะว่าจะดุผมแบบนั้นแต่ก็ดึงมือผมไปล้างทำความสะอาดให้อย่างแผ่วเบา  สุดท้ายก็ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน




    ทีหลังต้องระวังให้มากกว่านี้รู้มั้ย บลู




    .


    ...



    .




     

    ผมเหม่อไปนาน ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่ผม ฮะๆ คงเป็นเพราะผมยืนมองผักกาดขาวในมือนานเกินไปล่ะมั้ง ไม่แน่อาจจะคิดว่าผมบ้า ยืนมองพักกาดตั้งนาน



    ผมรีบหยิบของที่ต้องซื้อทั้งหมดโดยไม่ลืมที่จะซื้อน้ำจิ้มสุกกี้มาด้วย





     

    หลังจากซื้อเสร็จผมก็หิ้วถุงซุปเปอร์มาร์กเก็ตเดินออกมา











    ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปตามทางฟุตบาทผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าอีกห้างที่เยื้องกับคอนโดไปไม่ไกล



    ถ้าเดินไปอีกไม่ถึงห้าสิบเมตรก็ถึงคอนโดแล้ว






    ผมเดินไปมองรอบๆสลับกับมองพื้นทางเดินไปเรื่อยๆ วันนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์แต่รถและคนกลับไม่เยอะอย่างที่เคยเป็น คงเพราะฝนตกและเพราะเป็นช่วงเทศกาลเที่ยวด้วยรึเปล่าถึงไม่ค่อยมีคนในเมืองหลวงอย่างนี้






    ผมเร่งความเร็วของการเดินขึ้นเพราะคิดว่าไม่แน่พี่ฟีสอาจจะกลับมาแล้วก็ได้


     แล้วถ้าผมไปช้าอาจจะโดนด่าโดนว่าอีก  ถึงผมจะทะเลาะกับพี่มันมา
    ..แต่ผมก็ยังอยากเจอหน้าพี่เขาอยู่ดี



    ผมยังอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาอาจจะเป็นห่วงผม














     

    แต่ผมว่า..บางทีผมอาจจะคิดผิดไป

    ผมไม่น่าคิดอย่างนั้นเลย..





     

    กึก..







    ขาของผมหยุดกึกโดยอัตโนมัตเหมือนมีคนเอาหินก้อนใหญ่ๆมามัดไว้กับขา  ภาพข้างหน้ากำลังทำให้ ผมกำมือแน่นและลดร่มที่กางไว้ลงแต่ไม่ได้หุบแต่อย่างใด












    ภาพคนรักของผม….กำลังคลอเคลียกับผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งข้างๆรถสปอร์ตคันหรูสีดำที่คุ้นตาที่จอดอยู่ข้างๆริมฟุตบาทโดยไม่ได้สนใจกับฝนที่ตกปอยๆ







    ด้วยความที่ผมไม่ได้อยู่ไกลจากบริเวณที่พวกเขายืนอยู่มากเท่าไหร่ทำให้ผมได้ยินสิ่งที่เขาคุยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

     

    ฮะๆ ซัน ไอ้สวนสนุกเปิดใหม่ที่เราว่านั่นมันดูน่าไปขนาดนั้นเลยเหรอ ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆโดยมีแขนโอบเอวไว้ไม่ห่าง







    ก็ใช่สิน่ะสิฮะ วันหลังพี่ฟีสต้องพาซันไปนะ   ไปเที่ยวด้วยกันไง ร่างเล็กพูดอย่างออดอ้อนอย่างน่ารัก ทำให้คนตัวสูงโน้มหน้าลงไปหอมแก้มคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว   






    ได้สิครับ


    จุ๊บ

    พูดจบคนรักของผมก็โน้มตัวลมไปประกบปากกับผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้น ก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา








     

    ปึก!





    ถุงซุปเปอร์มาร์กเก็ตในมือของผมตกลงกับพื้นเพราะมือที่อ่อนแรงของผมทำให้เผลอปล่อยมือไปโดยไม่ตั้งใจ    ผักและของต่างๆที่อุตส่าห์ไปยืนเลือกมาอยู่นานกระจายออกมาจากถุง นัยน์ตาร้อนผ่าวจนรู้สึกได้แต่เทียบไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้น ผมรีบโน้มตัวลงไปเก็บมันเข้าถุงอย่างรีบร้อนระคนตกใจ 








    แต่





    ผมรู้สึกได้ถึงแววตาที่จับจ้องมาของบุคคลที่หักหลังผมอย่างโหดร้าย


    อึก!



    สมองผมขาวโพลนไปหมด  น้ำตาไหนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่    สองขาขยับไปเองโดยอัตโนมัติ  โดยไม่สนใจกับของที่ซื้อมาและเสียงเรียกของใครบางคนข้างหลัง

     




     

    บลู!”


























    ---------------------------------------------------------
    ขอโทษนะฮับที่ไม่ได้มาต่อนานเลย พอดีติดธุระกับครอบครัวกับเพื่อนๆนะคะ ^^
    1เม้น = 1 กำลังใจนะคะ 

    ตอนนี้ก็มีตัวละครเข้ามาเพิ่มอีกแล้วนะคะ ฮ่าๆ



     

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×