ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตัวตนที่แท้จริง
                                                                    Chapter 3...ตัวตนที่แท้จริง
ยามที่เธอจ้องมองมันเช่นนี้ราวกับว่ามันมีชีวิต สีทองของมันล้ออยู่ภายใต้แสงไฟหากดูให้ดีๆแล้วบางครั้งก็เหมือนกับว่ามันจะยิ้มตอบกลับมาหรือบางครั้งก็จะได้ยินเสียงแว่วๆดังออกมาจากภายใต้ตัวของมัน จนบางครั้งก็ทำให้นิลนาศอยากจะรู้เรื่องราวของมันเพิ่มมากขึ้น....ความรักแบบใดหนอที่เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอพบ...นิลนาศคิดอยู่ในใจ ตำนานที่หญิงชราเจ้าของร้านเล่าให้เธอฟังยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท ในขณะที่ปล่อยจิตให้ล่องลอยไปกับการค้นหาตำนานอันยากจะเข้าใจ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“นิล...นี่พี่เอง พี่เข้าไปน่ะ” รามเรศเปิดประตูเข้ามาพบน้องสาวกำลังถือกำไลอยู่ในมือ ดูเหมือนเขาจะชินเสียแล้วกับการเห็นน้องสาวของตนสนอกสนใจกับกำไลทองอันนี้ เขาจะรู้สึกใจไม่ดีทุกครั้งที่เห็นนิลนาศถือมันไม่ใช่เพราะกลัวกำไลทองอันนี้แต่มีบางสิ่งที่เขากลัวมากกว่านั้นเวลาที่มองมันเหมือนกับมันกำลังพยายามพาน้องสาวของเขาออกห่างไปจากตัวเขาทุกทีๆ เขาเดินมานั่งลงข้างๆนิลนาศ
“พี่ว่าเอาไปคืนเจ้าของเสียดีกว่า” รามเรศเปรยเบาๆแต่เพียงแค่นั้นนิลนาศก็ผุดสะดุ้งลุกขึ้นยืนทันที
“พี่ว่าเอาอะไรไปคืนใครน่ะค่ะ” นิลนาศพูดเสียงเจือความตกใจ
“กำไลอันนั้น เอาไปคืนร้านเขาเสีย” รามเรศพูดพร้อมกับชี้ไปที่กำไลทองที่นิลนาศถืออยู่
“ไม่! ไม่ค่ะ” นิลนาศปฏิเสธเสียงดื้อ
“ทำไมล่ะ...บอกตามตรงพี่ใจไม่ดีเลยเวลามองมัน พี่กลัวว่าสักวันน้องจะถูกมันพาไป...” รามเรศพูดเสียงอ่อย
“โธ่...พี่ค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” นิลนาศเว้าวอน
“พี่พูดจริงๆน่ะนิล พรุ่งนี้พี่จะเอามันไปคืนร้าน” รามเรศเสียงกร้าวขึ้นเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่แสดงว่าจะต้องไม่มีใครปฏิเสธแม้แต่นิลนาศเองก็ตามที
“ก็ได้ค่ะ...” นิลนาศไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
...รามเรศรับกำไลมาถือเสียเองราวกับว่ามันกำลังดีดดิ้นให้พ้นจากมือของเขาเสียเขาจึงกำมันแรงขึ้นหมายจะสยบมันให้ได้ รามเรศพานิลนาศลงไปข้างล่างพ่อและแม่กำลังดูทีวีอยู่ นิลนาศเดินลงไปนั่งข้างๆ
“ว่าไงเราไม่เจอหน้าเสียนาน” ผู้เป็นพ่อพูดประชด นิลนาศได้แต่ยิ้มแหยๆไม่รู้ว่าจะตอบกระไรได้ หลังจากรายการทีวีที่น่าสนใจได้จบลงไปหมดสิ้น นิลนาศก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องของตน แต่แทนที่จะพบห้องนอนที่ว่างเปล่ากลับพบเด็กน้อยนั่งอยู่บนเตียง เสื้อผ้าการแต่งกายก็ดูแปลกแยกแถมกำไลทองที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่รามเรศกลับมาเปล่งประกายอยู่บนข้อมืออันเล็กจิ๋วของเด็กคนนี้แทน นิลนาศผงะถอยหลัง...นี่ฉันโดนผีหลอกหรือนี่...นิลนาศทำท่าจะหนีออกจากห้องแต่ประตูกลับเปิดไม่ออกเสียนี่
“ชะ...ช่วยด้วย พ่อ แม่ พี่ราม ช่วยหนูที” นิลนาศรัวเคาะประตูหมายจะให้คนเข้ามาช่วย แต่เด็กคนนั้นกลับหัวเราะชอบใจ
“ไม่มีใครเข้ามาได้หรอก ข้ากางเขตอาคมไว้แล้ว” เด็กคนนั้นพูดพร้อมกับย่างสามขุมมาหาเธอ นิลนาศกระเถิบหนีจนหลังติดประตู
“ทำไมจะต้องกลัวข้าขนาดนี้ด้วยน่ะ ข้าไม่ใช่ผีเสียหน่อย” เด็กคนนั้นทำเสียงไม่พอใจ
“ละ...แล้วถ้าไม่ใช่ผี แล้วเธอเป็นอะไรล่ะ” นิลนาศเค้นเสียงถาม
“ข้าเป็นผู้นำทาง ชื่อมินฟา” มินฟาทำท่าโค้งคำนับ นิลนาศพอจะเบาใจลง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผีล่ะ
“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” นิลนาศถามอย่างใคร่รู้
“ถามแปลกๆเจ้าซื้อข้ามามิใช่หรือไง...แต่จะพูดให้ถูกเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกต่างหาก” มินฟาพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“หา...ถูกเลือก เลือกอะไร” นิลนาศเริ่มหวาดหวั่นอยู่ในใจแต่ยังไม่ทันทีมินฟาจะตอบเสียงของรามเรศก็ดังขึ้น
“นิล! เป็นอะไร เปิดประตูหน่อย” รามเรศทุบประตูเป็นการใหญ่นิลนาศทำท่าจะขานตอบแต่ถูกมินฟารั้งเอาไว้
“ไม่มีเวลาแล้ว...เจ้าต้องไปกับข้า” พูดเพียงเท่านั้นก็เหมือนกับมีแรงมหาศาลดูดกลืนเธอลงไป ลึกลง...ลึกลงจนดูเหมือนจะไม่มีทางเห็นแสงตะวันอีก แต่เพียงชั่วครู่แสงสว่างเจิดจ้าก็กระทบกับดวงเนตรนิลนาศหยีตาลงเพราะไม่อาจทานแสงสว่างนี้ได้แต่เมื่อดูเหมือนว่าสายตาจะชินแล้วเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น...ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับกลายเป็นวิหารขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นห้องนอนของเธอ...นิลนาศหันซ้ายแลขวาหมายจะหาตัวต้นเหตุแต่มินฟาก็หายไปเช่นกัน เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก...นี่เกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ว่าเจอเด็กแปลกๆที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้นำทางหรืออะไรสักอย่าง เสียงของพี่ที่เรียกให้เปิดประตู แรงกระตุกอะไรสักอย่างแล้วก็เสียงท่วงทำนองไพเราะที่ได้ยินแว่วๆจากที่อันไกลโพ้น 
...ยามเมื่อแสงสุริยาลาลับหาย
ยามเมื่อฟ้ากระจ่างพรายกลับเผือดสี
ยามเมื่อสิ้นสุรเสียงทั้งอินทรี
...ดรุณีนางจะเผยซึ่งความจริง
นิลนาศค่อยๆลุกขึ้นยืน เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัวแถมยังสับสนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า...หรือนี่เราจะฝัน ถ้าเป็นความฝันจริงก็รีบตื่นทีเถอะ...นิลนาศเริ่มสะอื้น พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่รามช่วยหนูที หยดน้ำใสๆเริ่มไหลรินมาจากดวงตา แล้วเธอก็คิดได้แทนที่เธอจะมาทำตัวอ่อนแอเช่นนี้น่าจะหาทางกลับบ้านดีกว่า นิลนาศปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“แล้วเราจะไปที่ไหนดี” นิลนาศเอ่ยออกมาเบาๆ สายตาเหลือบไปเห็นวิหารที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“ถ้าเข้าไปในนั้นจะกลับบ้านได้ไหมน่ะ” นิลนาศพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง จึงรีบสาวเท้าเข้าไปในวิหาร ข้างในช่างโอ่อ่า มีรูปปั้นวางอยู่ตามทางเดินทุกรูปมีลักษณะท่าทางแตกต่างกันไป บางรูปก็เหมือนกับประทานพรอยู่ แต่บางรูปก็กลับทำท่าน่ากลัวแถมในมือยังถือหอกอีกด้วย นิลนาศเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางเป็นรูปปั้นสตรีรูปร่างงดงาม นัยเนตรอ่อนโยน ริมฝีปากแย้มยิ้ม แต่ในมือกลับถือดาบ นิลนาศว่ามันช่างไม่เข้ากันเลยอิสตรีที่งดงามมิควรจะมาถือดาบเยี่ยงนี้ นิลนาศค่อยๆเอื้อมมือออกไปหมายจะแตะรูปปั้นแต่เสียงหนึ่งเอ่ยกรรโชกมาจากเบื้องหลัง
“ซีกาเรนาจานีมิซูลา!!” (เจ้าเป็นใคร!!)
TO BE CONTINUE.
ยามที่เธอจ้องมองมันเช่นนี้ราวกับว่ามันมีชีวิต สีทองของมันล้ออยู่ภายใต้แสงไฟหากดูให้ดีๆแล้วบางครั้งก็เหมือนกับว่ามันจะยิ้มตอบกลับมาหรือบางครั้งก็จะได้ยินเสียงแว่วๆดังออกมาจากภายใต้ตัวของมัน จนบางครั้งก็ทำให้นิลนาศอยากจะรู้เรื่องราวของมันเพิ่มมากขึ้น....ความรักแบบใดหนอที่เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอพบ...นิลนาศคิดอยู่ในใจ ตำนานที่หญิงชราเจ้าของร้านเล่าให้เธอฟังยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท ในขณะที่ปล่อยจิตให้ล่องลอยไปกับการค้นหาตำนานอันยากจะเข้าใจ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“นิล...นี่พี่เอง พี่เข้าไปน่ะ” รามเรศเปิดประตูเข้ามาพบน้องสาวกำลังถือกำไลอยู่ในมือ ดูเหมือนเขาจะชินเสียแล้วกับการเห็นน้องสาวของตนสนอกสนใจกับกำไลทองอันนี้ เขาจะรู้สึกใจไม่ดีทุกครั้งที่เห็นนิลนาศถือมันไม่ใช่เพราะกลัวกำไลทองอันนี้แต่มีบางสิ่งที่เขากลัวมากกว่านั้นเวลาที่มองมันเหมือนกับมันกำลังพยายามพาน้องสาวของเขาออกห่างไปจากตัวเขาทุกทีๆ เขาเดินมานั่งลงข้างๆนิลนาศ
“พี่ว่าเอาไปคืนเจ้าของเสียดีกว่า” รามเรศเปรยเบาๆแต่เพียงแค่นั้นนิลนาศก็ผุดสะดุ้งลุกขึ้นยืนทันที
“พี่ว่าเอาอะไรไปคืนใครน่ะค่ะ” นิลนาศพูดเสียงเจือความตกใจ
“กำไลอันนั้น เอาไปคืนร้านเขาเสีย” รามเรศพูดพร้อมกับชี้ไปที่กำไลทองที่นิลนาศถืออยู่
“ไม่! ไม่ค่ะ” นิลนาศปฏิเสธเสียงดื้อ
“ทำไมล่ะ...บอกตามตรงพี่ใจไม่ดีเลยเวลามองมัน พี่กลัวว่าสักวันน้องจะถูกมันพาไป...” รามเรศพูดเสียงอ่อย
“โธ่...พี่ค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” นิลนาศเว้าวอน
“พี่พูดจริงๆน่ะนิล พรุ่งนี้พี่จะเอามันไปคืนร้าน” รามเรศเสียงกร้าวขึ้นเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่แสดงว่าจะต้องไม่มีใครปฏิเสธแม้แต่นิลนาศเองก็ตามที
“ก็ได้ค่ะ...” นิลนาศไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
...รามเรศรับกำไลมาถือเสียเองราวกับว่ามันกำลังดีดดิ้นให้พ้นจากมือของเขาเสียเขาจึงกำมันแรงขึ้นหมายจะสยบมันให้ได้ รามเรศพานิลนาศลงไปข้างล่างพ่อและแม่กำลังดูทีวีอยู่ นิลนาศเดินลงไปนั่งข้างๆ
“ว่าไงเราไม่เจอหน้าเสียนาน” ผู้เป็นพ่อพูดประชด นิลนาศได้แต่ยิ้มแหยๆไม่รู้ว่าจะตอบกระไรได้ หลังจากรายการทีวีที่น่าสนใจได้จบลงไปหมดสิ้น นิลนาศก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องของตน แต่แทนที่จะพบห้องนอนที่ว่างเปล่ากลับพบเด็กน้อยนั่งอยู่บนเตียง เสื้อผ้าการแต่งกายก็ดูแปลกแยกแถมกำไลทองที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่รามเรศกลับมาเปล่งประกายอยู่บนข้อมืออันเล็กจิ๋วของเด็กคนนี้แทน นิลนาศผงะถอยหลัง...นี่ฉันโดนผีหลอกหรือนี่...นิลนาศทำท่าจะหนีออกจากห้องแต่ประตูกลับเปิดไม่ออกเสียนี่
“ชะ...ช่วยด้วย พ่อ แม่ พี่ราม ช่วยหนูที” นิลนาศรัวเคาะประตูหมายจะให้คนเข้ามาช่วย แต่เด็กคนนั้นกลับหัวเราะชอบใจ
“ไม่มีใครเข้ามาได้หรอก ข้ากางเขตอาคมไว้แล้ว” เด็กคนนั้นพูดพร้อมกับย่างสามขุมมาหาเธอ นิลนาศกระเถิบหนีจนหลังติดประตู
“ทำไมจะต้องกลัวข้าขนาดนี้ด้วยน่ะ ข้าไม่ใช่ผีเสียหน่อย” เด็กคนนั้นทำเสียงไม่พอใจ
“ละ...แล้วถ้าไม่ใช่ผี แล้วเธอเป็นอะไรล่ะ” นิลนาศเค้นเสียงถาม
“ข้าเป็นผู้นำทาง ชื่อมินฟา” มินฟาทำท่าโค้งคำนับ นิลนาศพอจะเบาใจลง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผีล่ะ
“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” นิลนาศถามอย่างใคร่รู้
“ถามแปลกๆเจ้าซื้อข้ามามิใช่หรือไง...แต่จะพูดให้ถูกเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกต่างหาก” มินฟาพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“หา...ถูกเลือก เลือกอะไร” นิลนาศเริ่มหวาดหวั่นอยู่ในใจแต่ยังไม่ทันทีมินฟาจะตอบเสียงของรามเรศก็ดังขึ้น
“นิล! เป็นอะไร เปิดประตูหน่อย” รามเรศทุบประตูเป็นการใหญ่นิลนาศทำท่าจะขานตอบแต่ถูกมินฟารั้งเอาไว้
“ไม่มีเวลาแล้ว...เจ้าต้องไปกับข้า” พูดเพียงเท่านั้นก็เหมือนกับมีแรงมหาศาลดูดกลืนเธอลงไป ลึกลง...ลึกลงจนดูเหมือนจะไม่มีทางเห็นแสงตะวันอีก แต่เพียงชั่วครู่แสงสว่างเจิดจ้าก็กระทบกับดวงเนตรนิลนาศหยีตาลงเพราะไม่อาจทานแสงสว่างนี้ได้แต่เมื่อดูเหมือนว่าสายตาจะชินแล้วเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น...ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับกลายเป็นวิหารขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นห้องนอนของเธอ...นิลนาศหันซ้ายแลขวาหมายจะหาตัวต้นเหตุแต่มินฟาก็หายไปเช่นกัน เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก...นี่เกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ว่าเจอเด็กแปลกๆที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้นำทางหรืออะไรสักอย่าง เสียงของพี่ที่เรียกให้เปิดประตู แรงกระตุกอะไรสักอย่างแล้วก็เสียงท่วงทำนองไพเราะที่ได้ยินแว่วๆจากที่อันไกลโพ้น 
...ยามเมื่อแสงสุริยาลาลับหาย
ยามเมื่อฟ้ากระจ่างพรายกลับเผือดสี
ยามเมื่อสิ้นสุรเสียงทั้งอินทรี
...ดรุณีนางจะเผยซึ่งความจริง
นิลนาศค่อยๆลุกขึ้นยืน เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งตัวแถมยังสับสนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า...หรือนี่เราจะฝัน ถ้าเป็นความฝันจริงก็รีบตื่นทีเถอะ...นิลนาศเริ่มสะอื้น พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่รามช่วยหนูที หยดน้ำใสๆเริ่มไหลรินมาจากดวงตา แล้วเธอก็คิดได้แทนที่เธอจะมาทำตัวอ่อนแอเช่นนี้น่าจะหาทางกลับบ้านดีกว่า นิลนาศปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“แล้วเราจะไปที่ไหนดี” นิลนาศเอ่ยออกมาเบาๆ สายตาเหลือบไปเห็นวิหารที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“ถ้าเข้าไปในนั้นจะกลับบ้านได้ไหมน่ะ” นิลนาศพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง จึงรีบสาวเท้าเข้าไปในวิหาร ข้างในช่างโอ่อ่า มีรูปปั้นวางอยู่ตามทางเดินทุกรูปมีลักษณะท่าทางแตกต่างกันไป บางรูปก็เหมือนกับประทานพรอยู่ แต่บางรูปก็กลับทำท่าน่ากลัวแถมในมือยังถือหอกอีกด้วย นิลนาศเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางเป็นรูปปั้นสตรีรูปร่างงดงาม นัยเนตรอ่อนโยน ริมฝีปากแย้มยิ้ม แต่ในมือกลับถือดาบ นิลนาศว่ามันช่างไม่เข้ากันเลยอิสตรีที่งดงามมิควรจะมาถือดาบเยี่ยงนี้ นิลนาศค่อยๆเอื้อมมือออกไปหมายจะแตะรูปปั้นแต่เสียงหนึ่งเอ่ยกรรโชกมาจากเบื้องหลัง
“ซีกาเรนาจานีมิซูลา!!” (เจ้าเป็นใคร!!)
TO BE CONTINUE.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น