ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wings (ภาคสมบูรณ์)

    ลำดับตอนที่ #7 : ปีกที่โผบิน(Lift Off)

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 48






             ยานวาลคิวเร่พุ่งตัวออกมาจากท่าส่งของยานอาเธน่าด้วยความเร็วสูงพร้อมด้วยประกายแสงสีเงินระยิบระยับที่สาดส่องออกมาจากตัวยานราวกับภาพของลำแสงสีเงินที่ส่องประกายอยู่ในความมืดปรากฏเป็นภาพอันสวยงามที่ทำให้ทุกคนในอาเธน่าที่ได้เห็นภาพนี้ผ่านทางมอนิเตอร์ต่างตกตะลึงไปตามๆกัน



             แต่เมื่อโฟน่าพบว่ายานที่บินออกไปนั้นไม่ใช่กริฟฟอน จึงรีบติดต่อไปที่โมลอีกครั้ง



             “นั่นไม่ใช่ยานกริฟฟอนนี่คะ นั่นมัน......วาลคิวเร่ไม่ใช่เหรอ”



             โมลทำปากเบ้ “เอ้อ...ก็อย่างที่เห็นแหละ”



             โฟน่าพูดด้วยความร้อนรน “แล้วทำไมถึงให้เขาขับออกไปล่ะ ที่ยานรุ่นนี้มีการผลิตออกมาน้อยมากก็เพราะว่าหานักบินที่ขับเครื่องรุ่นนี้ได้ดีแทบจะไม่มีเลย คุณเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ!!”



             โดนว่ามาแบบนั้นโมลจึงพูดอย่างเกรงๆ “…เอ่อ ก็แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ เจ้าหนูนั่นพอเห็นยานนั่นแล้วก็รีบกระโดดขึ้นไปขับเลย”



             โฟน่าตะโกนใส่อีกครั้ง “แล้วทำไมถึงไม่ห้ามล่ะ!! คุณเองก็เป็นอดีตนักบินนะ น่าจะรู้ดีว่ายานรบประสิทธิภาพสูงขนาดนั้น ในกองทัพยังมีคนที่ขับได้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนเอง!!!”



             โมลยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดต่อ “ห้ามแล้ว แต่มันไม่ฟัง….เอาเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ที่เราทำได้ก็คือฝากความหวังไว้ที่เจ้าหนูนั่นแล้วล่ะ…ว่าแต่ทางนั้นน่ะ รีบเชื่อมต่อระบบเร็วเข้าเถอะ ขืนชักช้าไม่เพียงแต่เจ้าหนูนะ แม้แต่พวกเราก็จะตายกันหมด”



             “รู้แล้วค่ะ ทางนี้ก็เร่งมืออยู่เหมือนกัน”



             แมทรีบรายงานต่อโฟน่า “ยานศัตรูใกล้เข้ามาแล้วครับ”



             ได้ยินแบบนั้นโฟน่าจึงปิดสัญญาณที่สื่อสารกับโมลทันทีและรีบสั่งการ “รีบติดต่อไปที่ยานวาลคิวเร่ด่วน”



    -------------------------------



             ซีโร่ซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องนักบินที่คับแคบกำลังพยายามทดลองโยกคันบังคับยานตามที่ตัวเองต้องการ โดยตัวยานเองก็ส่ายไปมาตามที่เขาบังคับ



             “ไม่มีปัญหา..แบบนี้น่าจะไหว”



             นใดนั้นมีเสียงสัญญาณดังขึ้นจากช่องรับสัญญาณ  ซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่ามีการติดต่อเข้ามาจากภายนอก  ซีโร่จึงรีบกดปุ่มเพื่อรับสัญญาณและทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงดังขึ้นมาจากช่องรับสัญญาณ

                                                                                

             “ได้ยินรึเปล่า…นี่โฟน่า ควอเร่จากยานอาเธน่า  ซีโร่  แอ็คเซล ถ้าได้ยินแล้วช่วยตอบด้วย….”



             ซีโร่รีบตอบกลับทันที “ทางนี้ ซีโร่ แอ็คเซล ทราบแล้วเปลี่ยน”



             “ทำไมเธอถึงไม่ขึ้นขับกริฟฟอน แต่กลับไปขับวาลคิวเร่แทนล่ะ นี่เธอรู้ตัวไหมว่ามันเสี่ยงแค่ไหนน่ะ!!” โฟน่าตะโกน



             ซีโร่ถึงกับสะดุ้งแล้วรีบตอบ “..เอ่อ…คือผมคิดว่าถ้าใช้เจ้านี่ซึ่งคุณโมลบอกว่ามีประสิทธิภาพและความเร็วสูง  น่าจะสามารถดึงความสนใจจากทางนั้นได้มากกว่าน่ะครับ”



             โฟน่าถึงกับถอนใจ “…ทำไมถึงทำอะไรโดยไม่คิดเลยนะ แต่ช่างเถอะไหนๆก็ออกไปแล้ว เอาเป็นว่าหน้าที่ของเธอก็คือการดึงความสนใจของยานทั้ง 3 ลำนั้น อย่างน้อยๆ 5 นาที เมื่อทางนี้เชื่อมต่อระบบไฮเปอร์บูสเตอร์สำเร็จแล้ว จะรีบส่งสัญญาณไป แล้วให้เธอรีบกลับมาทันที”



             “ครับ!!”



             “และถ้าว่าไม่ไหวแล้วล่ะก็ ให้รีบกลับมาในทันทีเหมือนกัน ห้ามทำอะไรเกินกำลังเด็ดขาด เข้าใจนะ แล้วก็ฟังให้ดี เธอคงรู้แล้วสินะว่ายานลำนี้ติดตั้งระบบไฮเปอร์โซนิคไว้ด้วย  แต่เธอห้ามใช้มันเด็ดขาด เพราะมันอันตรายเกินไป เข้าใจแล้วนะ!!”



             “ครับ..ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่ใช้มัน”



             “ห้ามทุกกรณี เข้าใจนะ!!!!”



             “ครับๆ” ว่าแล้วซีโร่ก็ตัดสัญญาณติดต่อไป



             ทันใดนั้นเรดาห์ของยานส่งเสียงเตือนว่ายานศัตรูกำลังใกล้เข้ามาแล้ว



             ซีโร่รีบรวบรวมสติทั้งหมดจดจ่อไปที่หน้าจอของยานแล้วพึมพำเบาๆ



             “นึกไม่ถึงเลยว่าการบินครั้งแรกในสถานการณ์จริงจะเป็นในสนามรบแบบนี้ แบบนี้จะพลาดไม่ได้เลยนะเรา”



             ซีโร่เห็นยานทั้ง 3 ลำนั้นกำลังกระจายออกจากกัน อีก 2 ลำกำลังมุ่งไปที่อาเธน่า ส่วนอีกลำมุ่งตรงมาทางเขาและทันใดนั้นคอมพิวเตอร์ก็ส่งสัญญาณบอกว่ายานฝ่ายศัตรูกำลังยิงลำแสงมาทางนี้



             เขารีบขับยานหนีออกจากลำแสงที่ถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็ว  เมื่อหลบพ้นเขาก็พบว่าเขาถูกฝ่ายตรงข้ามล็อคเป้าเอาไว้แล้ว



             “......รึว่า...จรวดติดตาม..”



             พูดไม่ทันขาดคำจรวดติดตามของฝ่ายตรงข้ามก็ถูกยิงมายังยานของเขา



             ซีโร่เร่งเครื่องหนีเต็มที่  เขาพยายามขับโดยตีเป็นวงกว้างให้มากที่สุด



             จรวดบางลูกระเบิดไปเอง ที่เหลืออยู่บางลูกก็ไปชนเข้ากับบรรดาเศษซากที่เกิดจากการระเบิดของสถานีอควอเรียสที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เต็มทั่วห้วงอวกาศ



             เมื่อหลบพ้นแล้ว ซีโร่พยายามจะยิงสวนกลับไปบ้างจึงหันหัวลำยาน  แล้วมุ่งเข้าหายานของศัตรูอย่างรวดเร็ว



             ยานศัตรูยิงโต้กลับมา แต่เขาสามารถหลบหลีกได้หมด และยิงสวนเข้าไปที่ปืนของยานศัตรูทันที ซึ่งอาจเพราะโชคช่วย การยิงครั้งเดียวของเขาสามารถทำลายปืนของยานศัตรูจนระเบิดไป แต่ถึงปืนจะถูกทำลาย  ก็ยังมีแป้นยิงจรวดอีก ยานของศัตรูจึงยิงจรวดติดตามสวนกลับมาอีกครั้ง



             วินาทีนั้นเขาเหลือบไปเห็นยานอาเธน่ากำลังถูกยานศัตรูที่เหลืออีก 2 ลำระดมยิงใส่อย่างหนัก โดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้



             เขารีบหันหัวยานของตนให้บินตรงไปยังยานลำหนึ่งของศัตรูที่กำลังยิงใส่อาเธน่าอยู่ พร้อมๆกับที่ยานของเขายังคงถูกจรวดติดตามของศัตรูตามติดและเพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็เร่งเครื่องด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ให้พุ่งเข้าไปจนใกล้ยานศัตรู แล้วโฉบออกอย่างรวดเร็ว ทำให้จรวดติดตามที่ต้ามท้ายยานของเขามานั้น โดนเข้ากับยานลำของศัตรูนี้อย่างจัง



    --------------------------

            

             พวกโฟน่าซึ่งเมื่อครู่กำลังแย่จากการถูกระดมยิงได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ซีโร่ได้ช่วยพวกเขาเอาไว้



             “…..เด็กนั่น ขับยานวาลคิวเร่ได้ดีถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน นี่เขา.....เป็นนักบินฝึกหัดแน่เหรอ” โฟน่าพูดด้วยความไม่เชื่อ ซึ่งวินด์ แมท และนิเกลต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน



             “ขับได้ถึงขนาดนี้นี่  พวกนักบินมืออาชีพหลายๆคนยังทำไม่ได้เลยนะครับ” วินด์พูดด้วยน้ำเสียงแสดงความทึ่ง



             “แบบนี้คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้งครับ” แมทพูด



             “อย่ามัวแต่พูดอยู่เลย การเชื่อมต่อระบบไฮเปอร์บูสเตอร์ไปถึงไหนแล้ว” โฟน่าพูด



             “..อีก 3 นาที จะเสร็จเรียบร้อยครับ” วินด์รีบตรวจสอบแล้วรายงานกลับ



             โฟน่าตีหน้าเครียด “ตอนนี้แค่วินาทีเดียวก็มีค่านะ พวกเราจะปล่อยให้เด็กคนนั้นต้องเสี่ยงชีวิตนานไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นเร่งมือเข้าเถอะ”



    ---------------------------------



             ซีโร่เริ่มรู้สึกว่ามีเหงื่อไหลออกมาจากมือของตนไม่หยุด ถึงแม้เขาจะสวมถุงมือนักบินอยู่แต่ก็สามารถรู้สึกได้



             ความกดดันและความเครียดจากการที่ต้องอยู่ในสนามรบของจริงนั้น มาบัดนี้เขาเพิ่งจะได้รับรู้รสชาติของมันเป็นครั้งแรกว่า.......มันหนักหน่วงมากขนาดไหน



             มันไม่เหมือนกับเวลาทดสอบในเครื่องจำลองหรือเวลาเล่นเกมส์ ซึ่งถึงแม้จะพลาดหรือจะเล่นตายยังไงก็ยังสามารถเริ่มใหม่ได้ แต่ของจริงนี่มันไม่เหมือนกัน เพราะหากว่าพลาดไปแล้วล่ะก็ เราไม่สามารถจะเริ่มใหม่ได้อีก



             ตอนแรกที่อาสาขึ้นยานมา เขาไม่ได้คิดถึงตรงนี้เลย  ตอนนั้นเขาคิดแค่เพียงว่าถ้ามีอะไรที่เขาพอจะทำได้ เขาก็น่าจะทำ.....มันก็เท่านั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ความเย็นเยือกก็เข้ามาปกคลุมไปทั่วร่างกายจนแทบจะขยับไม่ได้



             ไม่! นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตกอยู่ใต้ความกลัวแบบนี้ ในใจนั้นพยายามที่จะรวบรวมความกล้าอย่างเต็มที่



             พริบตานั้นเรดาห์ส่งสัญญาณบอกว่าจรวดติดตามจากยานศัตรูทั้ง 3 ลำถูกส่งมาที่ยานของเขาเพียงลำเดียว



             อาจเพราะการโจมตีของเขาต่อยานศัตรูได้ผลเกินไป ทำให้ทางนั้นคิดที่จะจัดการกับเป้าเล็กๆอย่างเขาก่อน  แล้วค่อยหันไปจัดการกับเป้าใหญ่อาเธน่าทีหลัง



             จรวดนับสิบๆลูกพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว  



             ซีโร่เร่งความเร็วเต็มที่เพื่อที่จะสลัดให้พ้น  แต่จรวดถูกส่งออกมาจากหลายทิศทางและมีเยอะเกินไป  ทำให้ไม่สามารถหลบด้วยวิธีเก่าได้



             ชั่วเวลาเป็นตายนั้น  ซีโร่เหลือบเห็นคำสั่งสำหรับเปิดใช้งานระบบไฮเปอร์โซนิค  ติดอยู่ที่แผงหน้าจอของยาน  ในตอนนั้นเขาไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว รีบป้อนคำสั่งเปิดระบบไฮเปอร์โซนิคทันที



             “ระบบไฮเปอร์โซนิค ทำงานได้”



             ชั่ววินาทีนั้นซีโร่รู้สึกว่าภาพของอวกาศเบื้องหน้าดูเหมือนกับหายไป  และก่อนที่จะตั้งตัวได้เขาก็ได้พบกับความเร็วในระดับที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต



             วาลคิวเร่พุ่งตัวอย่างเร็วราวกับหายตัวได้ในพริบตา ทำเอาจรวดที่ตามมาติดหลายลูก ถึงกับระเบิดไปเอง ส่วนอีกหลายลูกก็บินมายังจุดที่วาลคิวเร่อยู่ก่อนหน้าที่จะพุ่งออกไปแล้วค่อยบินสะเปะสะปะจากนั้นจึงค่อยระเบิด  



             ส่วนบางลูกถูกวาลคิวเร่ที่บินด้วยความเร็วที่เหมือนกับจะหายตัวได้นั้น หันหัวลำบินกลับมาแล้วยิงทิ้งจนหมด



             จากสายตาของคนที่กำลงดูภาพนี้อยู่ คงจะรู้สึกเหมือนกับยานสีฟ้าขาวนั่นหายวับไปเหลือทิ้งแต่ประกายระยิบระยับที่สะท้อนจากตัวยาน



    ----------------------------

            

             โฟน่าถึงกับนั่งอึ้งกับเหตุการณ์อันรวดเร็วที่เกิดขึ้นต่อหน้า



             “…นั่นมัน..อะไรกัน” วินด์พูดด้วยความตกตะลึง



             “…ระบบไฮเปอร์โซนิค..ไม่ผิดแน่  ความเร็วระดับนั้น..เด็กคนนั้นเปิดใช้ระบบไฮเปอร์โซนิคแล้ว” โฟน่าพูดเบาๆ



             “..แต่..ไหนว่า ระบบนี่คนที่ใช้ได้มีจำกัดมากเลยไม่ใช่เหรอครับ” แมทรีบถาม



             โฟน่านิ่งไปเล็กน้อย “..ใช่..แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึง…แต่ว่า....แย่แน่ เพราะระบบนี้จะทำให้นักบินต้องใช้พลังความสามารถทางร่างกายและจิตใจมากเกินไป ขืนใช้นานไปกว่านี้ล่ะก็...เด็กคนนั้นมีหวังได้….” ว่าแล้วก็หันไปที่วินด์ “วินด์!! เชื่อมต่อระบบเสร็จรึยัง”



             วินด์ซึ่งกำลังตรวจสอบการทำงานบนแผงหน้าจอตรงหน้ารีบตอบกลับ “เหลืออีก 90 วินาทีครับ”



             โฟน่ารีบสั่งการต่อ “ส่งสัญญาณบอกให้เขากลับเข้ามาตอนนี้เลย จะให้เขาใช้ระบบนั่นนานไปกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด!!!”



    ---------------------------------

            

             ซีโร่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเข้าไปอยู่ในอีกโลกๆหนึ่ง  ซึ่งเป็นโลกของความเร็วที่ก้าวพ้นระดับของความเร็วแสงไปแล้ว  



             ตอนนี้ภาพที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้านั้นมันดูเชื่องช้าไปหมด และทั้งๆที่ยานของศัตรูยิงจรวดและลำแสงจำนวนมากเข้าใส่ยานของเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าจรวดและลำแสงพวกนั้น มันช่างดูช้าซะเหลือเกิน ช้าเขาจนสามารถที่จะมองเห็นการเคลื่อนไหวและคาดการณ์ได้ทั้งหมด เหมือนกับว่าการที่จะหลบให้พ้นหรือว่าจะยิงโต้กลับไปนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน



             ตอนนี้ความรู้สึกหนาวเย็นที่เกิดจากความกลัวและความกดดันในตอนแรกได้หายจนหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมาแทนในตอนนี้คือความรู้สึกเร่าร้อนที่รู้สึกได้อยู่ภายใน เป็นความเร่าร้อนที่เกิดจากความตื่นเต้นยินดี.....ที่ได้อยู่เหนืออะไรบางสิ่งบางอย่าง



             บางทีอาจจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ก็ได้ว่า ในยามที่เราได้เหนือกว่าอะไรบางอย่าง หรือว่ามีชัยต่อบางสิ่ง หรือได้รับพลังบางอย่างที่ทำให้เหนือกว่าสิ่งอื่นนั้น มนุษย์เราจะเกิดความรู้สึกลุ่มหลงยินดีในสิ่งนั้น จนมองข้ามสิ่งอื่นๆไป ไม่ว่าสิ่งนั้นจะก่อให้เกิดผลร้ายตามมาแค่ไหน ถึงจะรู้ก็ยากที่จะถอนตัวได้



             “…ได้ยินแล้วตอบด้วย…ซีโร่ ได้ยินแล้วตอบด้วย..ซีโร่..”



             เสียงสัญญาณเรียกจากอาเธน่าดังขึ้นไม่หยุด  แต่ซีโร่ในเวลานี้ไม่ได้สนใจอีกแล้ว เพราะแม้เขาจะยังได้สติอยู่แต่ก็เหมือนไม่มีสติ  เนื่องจากทุกโสตประสาทของร่างกายนั้นจับจ้องอยู่แต่เพียงภาพเบื้องหน้า ที่เกิดจากการได้สัมผัสกับโลกแห่งความเร็ว จนเขาไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีก



             “..พอได้แล้ว..” เสียงอันอ่อนนุ่มดังก้องขึ้นภายในหัวของเขา ราวกับถูกส่งเข้าสมองโดยตรง



             วินาทีนั้นเขาสามารถรู้สึกได้ถึงสัมผัสอันแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น กำลังค่อยๆโอบกอดเขาไว้  



             เป็นความรู้สึกที่ราวกับอยู่ในอ้อมกอดของแม่



             “..ได้ยินแล้วตอบด้วย..ซีโร่!” เสียงสัญญาณวิทยุดังขึ้น



             ซีโร่รู้สึกตัวขึ้นทันที และพบว่าเสียงสัญญาณวิทยุยังคงดังขึ้นซ้ำๆไปมา เขาจึงรีบกดรับสัญญาณทันทีแล้วตอบกลับ “..ทางนี้ ผม....ซีโร่ ได้ยินแล้ว”



             เสียงของแมทดังขึ้น “..ทางนี้อาเธน่านะ กัปตันบอกให้เธอกลับเข้ามาทันที”



             “แล้วเชื่อมระบบเสร็จแล้วหรือครับ”



             “เหลืออีกประมาณ 1 นาที”



             “ถ้าอย่างนั้น.....ผมจะอยู่เป็นนกต่อให้จนกว่าจะเสร็จดีกว่าครับ”



             เสียงเปลี่ยนจากแมทไปเป็นโฟน่า “นี่ฉันกัปตันพูดนะฉันขอให้เธอกลับเข้ามาทันที นี่เป็นคำสั่ง!! เพราะการใช้ระบบไฮเปอร์โซนิคนั้น หากใช้นานเกินไปจะเกิดผลเสียต่อร่างกายและจิตใจในภายหลังได้”



             “แต่ว่า..”



             “ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ รีบกลับมาเดี๋ยวนี้!!!”



             “….ก็ได้ครับ..ขออีก 20 วินาทีจะรีบกลับทันที” พูดจบซีโร่ก็ตัดสัญญาณทิ้งไป



    -----------------------------



             โฟน่านั่งกำมือทั้ง 2 ข้าง “…รั้นจริงๆ เด็กคนนี้……ทำไมถึงได้เหมือนกันนักนะ” พลางหยิบป้ายชื่อทหารที่แขวนอยู่ที่คอขึ้นมามองเล็กน้อยแล้วกำจนแน่น



             “ระบบจะเชื่อมต่อเสร็จในอีก 40 วินาที” วินด์พูด



             “วาลคิวเร่กำลังตรงกลับเข้ามาแล้วครับ” นิเกลพูด



             “ยานของศัตรูเริ่มหันลำยานแล้วมุ่งตรงมาทางนี้แล้วครับ” แมทพูด



             โฟน่าสั่ง “ยิงปืนกราวิตี้ออกไป ไม่จำเป็นต้องให้โดนหรอก ขอยับยั้งการโจมตีของฝ่ายนั้นไว้บ้างก็พอ”



             “เตรียมยิงกราวิตี้แล้วครับ” นิเกลพูด



             “ยิงได้” โฟน่าสั่ง



             ลำแสงของปืนกราวิตี้ที่ถูกยิงออกไป  ถูกยานของศัตรูหลบไปได้  แต่ก็โดนไปเฉี่ยวๆ



             “พลาดเป้าครับ โดนแค่เฉี่ยวๆเท่านั้น”

                

             “..วาลคิวเร่กลับเข้ามาแล้วครับ” นิเกลรีบรายงาน



    -------------------------------



             ยานวาลคิวเร่ร่อนถลาเข้ามากับพื้นของช่องทางรับส่งยานอย่างรุนแรง แม้ว่าตัวยานจะไม่เสียหายอะไรนัก แต่สภาพของยานก่อนที่จะออกไปกับตอนนี้ก็ดูโทรมไปมาก ในขณะที่โมลกับเจ้าหน้าที่หลายคนซึ่งรู้งานพากันรีบตรงเข้าไปดู



             แล้วห้องคนขับถูกเปิดออก ในขณะที่ซีโร่ก็ค่อยๆลอยตัวลงมา โมลจึงตรงเข้าไปรับไว้และถอดหมวกนักบินของเขาออก ซึ่งใบหน้าของเขาในยามนี้ซีดเซียวไปมากสมกับที่เขาเพิ่งทำอะไรสักอย่างที่ต้องใช้แรงกายและแรงใจชนิดที่เกินขีดจำกัดของตัวเอง



             โมลรู้ดีว่านี่ไม่ใช่อาการที่ดีนักจึงรีบตะโกนเรียกให้พวกลูกน้องไปตามหมอแล้วหันมาปลุกเขาให้ฟื้นขึ้น  



             “…คุณ….โมล..” ซีโร่พูดด้วยท่าทางอ่อนแรง



             “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วเจ้าหนู เฮ้ย! ใครก็ได้ตามหมอให้ที”



             ซีโร่รู้สึกว่าตาพร่ามัวไปหมด นอกจากนี้ยังรู้สึกปวดไปทั่วร่างกาย และในความพร่ามัวของดวงตานั้น เขารู้สึกถึงใบหน้าของคน 2 คนที่คุ้นเคยกำลังค่อยๆตรงเข้ามาใกล้



             “ซีโร่!” คนทั้ง 2 นั้นเรียกชื่อของเขาและพากันเข้ามาช่วยประคองเขาไว้



             “……ไคน์…เนีย…” ซีโร่พูดอย่างแผ่วเบาและพบว่าเป็นไคน์กับเนียนั่นเองที่ช่วยกันเข้ามาประคองเขาเอาไว้



             “แข็งใจไว้ก่อน” ไคน์รีบพูด



             “มีคนไปตามหมอให้แล้ว อดทนหน่อยนะจ๊ะ” เนียรีบพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลคลอเบ้า



             ซีโร่มองหน้าของเพื่อนทั้ง 2 คนแล้วยิ้มให้พวกเขา “นี่.....ฉันไม่ได้ฝันไปนะ พวกเธอ 2 คน....ยังมีชีวิตอยู่....”



             ไคน์กับเนียยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “….จ่าโมลเขาป็นคนพาพวกเรามาที่นี่ก่อนที่สถานีจะระเบิด ไม่ใช่แค่พวกเรานะ อีกหลายคนที่พวกเรารู้จักก็มาอยู่ที่นี่ด้วย”



             “….งั้นเหรอ …ดีแล้ว” ซีโร่ยิ้มในขณะที่ตาเริ่มจะปิดลง



             “เดี๋ยว!อย่าเพิ่งหลับนะซีโร่....แข็งใจไว้ก่อน!!” ไคน์กับเนียตะโกนพร้อมๆกัน



             “เฮ้ย! ยานลำนี้มีหมอรึเปล่าเนี่ย ทำไมยังไม่มาอีก!” โมลตะโกนลั่น    



    ---------------------------------

              

             โฟน่าหันไปที่วินด์ “อีกกี่วินาทีจะเชื่อมต่อสำเร็จ”



             “อีก 15 วินาทีครับ” วินด์ตอบกลับ



             “ป้อนคำสั่งให้เตรียมใช้ไฮเปอร์บูสเตอร์ทันทีหลังทำการเชื่อมต่อสำเร็จ เตรียมระบบนำทางให้พร้อม” โฟน่าสั่ง



             วินด์รีบทำตาม “กำลังป้อนคำสั่งครับ”



             “ระบบนำทางไม่สามารถใช้ได้ครับ  ตอนแรกแค่มีปัญหานิดหน่อย  แต่จากการถูกโจมตีในครั้งแรกทำให้ตอนนี้ไม่สามารถใช้ได้แล้วครับ” แมทพูด



             “ศัตรูยิงโจมตีมาแล้วครับ” นิเกลพูด



             ยังไม่ทันจะขาดคำทั้งสะพานเดินเรือก็สั่นสะเทือนจากแรงระเบิดของจรวดนับสิบลูกที่พุ่งเข้าใส่อาเธน่า



             โฟน่าตะโกน “..ระบบนำทางเสียก็ช่างมัน  ตอนนี้หนีออกไปจากที่นี่ให้ได้เป็นพอแล้ว” แล้วหันไปที่วินด์ ”เร็วหน่อยวินด์”



             วินด์พูด “เรียบร้อยครับ คอมพิวเตอร์เข้าสู่การนับถอยหลัง“



             เสียงของคอมพิวเตอร์ดังขึ้น “นับถอยหลังอีก 5 วินาที…5…4”



             อาเธน่าถูกระดมยิงอย่างหนัก จนสั่นสะเทือนไปหมดทั้งลำ



             “…3… “



             โฟน่าสั่งการต่อ “เปิดไอพ่นทุกตัว เตรียมพร้อมที่จะเร่งความเร็วสูงสุด”



             “..2..”



             แรงระเบิดที่รุนแรงจากการโจมตีที่เข้าทางด้านหลังจนสะเทือนถึงในยานทำเอาโฟน่าที่นั่งอยู่ถึงกับกระเด็นลงไปกองกับพื้นไปข้างหน้า



             “.1.”



             โฟน่ารีบเงยหน้าขึ้นแล้วสั่งการทันที “ไฮเปอร์บูสเตอร์ทำงาน เร่งความเร็วสูงสุด พาพวกเราออกไปจากที่นี่ให้ได้!”



             “0!”



             ยานอาเธน่าพุ่งตัวหนีออกจากการโจมตีที่เหมือนพายุด้วยความเร็วสูงสุดและหายลับไปในความมืดมิดของห้วงอวกาศ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×