ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wings (ภาคสมบูรณ์)

    ลำดับตอนที่ #5 : ลางแห่งความพินาศ(Destroy)

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 48








             “ผมขอคัดค้าน!!!” โดโนแวนตะโกนใส่คู่สนทนาที่อยู่ในจอมอนิเตอร์สื่อสารแล้วก็ยังคงตะโกนใส่ไม่หยุด “ตราบใดที่ผมยังเป็นผู้บังคับการของอควอเรียสอยู่ล่ะก็ ผมไม่มีวันยอมให้คุณทำแบบนั้นได้หรอกนะ พันโทกราฟ การ์แลนด์!”



             “นี่ไม่ได้เป็นความคิดของผมซะหน่อย แต่เป็นของทางเบื้องบนต่างหาก” เสียงเย็นๆตอบกลับมาจากคู่สนทนาที่เป็นชายหนุ่มวัยประมาณ 30 ต้นๆ ชายผู้นี้มีผมและดวงตาเป็นสีแดงฉานราวกับสีเลือด แววตาของเขาที่จ้องมองมายังผู้พันโดโนแวนผ่านทางจอคอมพิวเตอร์นั้นแฝงไว้ด้วยความเย็นชา



             “ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เถอะ เรื่องที่จะให้ใช้สถานีอควอเรียสเป็นหนึ่งในแนวหน้าสำหรับการโจมตีดาวอังคาร ผมไม่มีวันเห็นด้วยแน่นอน และอย่าลืมนะว่าอควอเรียสนี้เป็นสมบัติร่วมระหว่างกองทัพกับบริษัทฟรีเดน ดังนั้นหากไม่ได้รับความเห็นชอบจากทางฟรีเดนด้วยล่ะก็ อย่าหวังว่าใครหน้าไหนจะเอาอควอเรียสไปใช้ตามใจชอบได้เลย”  



             กราฟยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วอ้าปากพูดอย่างแช่มช้า “ผู้พันคิดแบบนั้นหรือครับ จริงอยู่ว่าทางฟรีเดนนั้นพวกเรายังไม่ได้คุยด้วยก็จริง แต่ผมคิดว่าการจะให้ทางนั้นตอบตกลงน่ะ มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเราหรอก”



             โดโนแวนชะงักเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงจัด “อย่าได้ใจให้มันมากนักนะ ผู้พันกราฟ  ถึงแม้ว่าแกจะเป็นคนสนิทของผู้บัญชาการเอลด์แมนก็เถอะ!”



             “ผมไม่ได้คิดจะเสียมารยาทต่อท่านหรอกนะครับ ผู้พัน...แต่ผมขอเตือนท่านด้วยความหวังดีว่าเบื้องบนกำลังจับตามองท่านอยู่นะครับ”



             “หมายความว่าไง”



             “ท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ครับว่าผมหมายถึงอะไร” กราฟยิ้มให้อย่างเยือกเย็นจนน่าขนลุก



             โดโนแวนเงียบไปเล็กน้อยแล้วจ้องมองกราฟด้วยแววตาที่ดุดัน



             “เอาเถอะครับ เรื่องใช้อควอเรียสเป็นสถานีรบนั้น ทางเบื้องบนเองก็ยังไม่ยืนยันการสรุปออกมาอย่างชัดเจน วันนี้ผมเพียงแค่มาแจ้งให้ท่านรับทราบไว้เท่านั้น และก็ขอให้ท่านอย่าลืมว่าตัวท่านเองก็เป็นทหารคนหนึ่งของกองทัพโลก ก็ควรที่จะรู้อยู่แล้วว่าสำหรับทหารนั้น คำสั่งที่มาจากกองทัพย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด” กราฟยิ้มให้พร้อมๆกับภาพบนจอที่ตัดหายไป



             โฟน่าซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างเหม่อมองโดโนแวนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

            

             โดโนแวนต่อยกำแพงห้องเต็มแรงแล้วพูดด้วยเสียงอันดัง “…ไอ้เจ้าคนพวกนั้น มันกำลังคิดที่จะเปิดฉากสงครามที่ไร้สาระขึ้นมาอีกรึไงนะ!!”



             “…ที่ผู้พันกราฟพูดทิ้งท้ายไว้นั่น” โฟน่าพูดเบาๆ



             โดโนแวนกำหมัดแน่นแล้วพูด “..มันหมายถึงเรื่องยานอาเธน่าไงล่ะ”



             “เขาก็พูดถูกนะคะ เพราะการที่ท่านขอให้บริษัทฟรีเดนช่วยสร้างยานลำนี้ขึ้นมา ทำให้ตอนนี้ท่านถูกทางกองทัพเพ่งเล็งเป็นพิเศษ”



             “เธอเข้าใจใช่ไหมว่า นี่มันหมายความว่ายังไง”



             “….ผู้พันกราฟ คิดจะบอกว่าถ้าท่านไม่ยอมเห็นด้วยล่ะก็ ทางกองทัพก็จะเอาผิดท่าน ในโทษฐานที่เป็นผู้ออกคำสั่งให้สร้างอาวุธรุ่นใหม่อย่างยานอาเธน่าขึ้นโดยพลการ”



             “มันไม่ใช่เพียงแค่นั้นน่ะสิ เพราะหลังจากนั้นแล้ว เจ้าคนพวกนั้นก็คิดจะเอาอาเธน่ามาเป็นต้นแบบในการพัฒนายานรบรุ่นใหม่ๆขึ้นมาด้วย” พูดจบโดโนแวนก็ทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วพูดเบาๆ “แต่ที่น่าสนใจก็คือ เรื่องที่กราฟรู้เรื่องของอาเธน่านี่สิ”



             “หมายความว่ามีคนในอควอเรียสนำข่าวไปบอกกองทัพโลกสินะคะ” โฟน่าถามเหมือนนึกขึ้นได้



             “ก็เป็นไปได้ไม่ใช่รึไง ในเมื่อเจ้าหน้าที่กว่าครึ่งของสถานีอควอเรียสแห่งนี้ เป็นคนที่มาจากกองทัพทั้งนั้น หากจะมีใครสักคนที่เป็นคนที่กองทัพส่งมาเพื่อคอยสังเกตการณ์โดยเฉพาะ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก”  



             “ท่านพูดเหมือนกับว่าเบื้องบนไม่ไว้ใจท่านมาตั้งแต่แรกแล้ว”



             “ก็มันเรื่องจริงนี่ เธอเองก็น่าจะเคยได้ยินนะ เรื่องที่ฉันไม่ค่อยถูกกับ ผู้บัญชาการเอลด์แมน”



             “….จะว่าไปแล้ว การที่ท่านยังคงเป็นเพียงพันเอก แถมต้องถูกส่งมาประจำในที่ห่างไกลจากส่วนกลางอย่างอควอเรียสนี้ ก็เพราะท่านนายพลเอลด์แมนสินะคะ”



             “ทำไงได้ ก็ดันไปมีความคิดขัดแย้งกับคนอย่างเขาเข้าให้”



             “แต่ถ้าท่านยอมๆเขาหน่อยละก็ ป่านนี้ท่านคงได้เป็นถึงนายพลอยู่ที่โลกแล้ว”



             “ความคิดของเจ้าคนที่อยากจะทำสงครามกับดาวอังคารจนตัวสั่นแบบนั้น ผมไม่ยอมรับหรอกนะ”



             โฟน่านิ่งไปเล็กน้อย



             โดโนแวนถอนใจเบาๆ “เธอคงคิดว่ามันตลกสินะ ทั้งที่ฉันเป็นคนที่ให้สร้างอาเธน่าขึ้นมาเพื่อใช้ป้องกันการโจมตีของพวกดาวอังคารแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมที่จะให้ใช้มันในการโจมตีดาวอังคารซะนี่”



             “….แต่ดิฉันคิดว่า..ท่านทำถูกแล้วล่ะคะ”



             “หึๆ งั้นรึ…แต่เอลด์แมนและพวกเบื้องบนคงไม่คิดแบบนี้หรอกนะ”



    ………………………….

          

             “เป็นอะไรไปซีโร่ รู้สึกพักนี้เวลาที่คุยๆกันอยู่ เธอชอบหันซ้ายหันขวาบ่อยๆ” เนียถามด้วยความเป็นห่วงส่วนไคน์ก็หันมามองเล็กน้อย



             ขณะนี้พวกเขาทั้งสามคนกำลังตรงไปยังห้องนักบินทดสอบ โดยซีโร่กับไคน์นั้นต้องการจะไปฝึกซ้อมสักเล็กน้อย เพื่อเตรียมตัวสำหรับการทดสอบในครั้งหน้า เพราะแม้ว่าพวกเขาจะทำคะแนนได้สูงติดหนึ่งในห้าก็ตาม แต่พวกเขาเข้าใจอย่างดีว่าคนเราถ้าไม่ฝึกซ้อมบ่อยๆ ความชำนาญในเรื่องๆนั้นก็จะลดน้อยลงได้



             “…ไม่มีอะไรหรอก” ซีโร่รีบตอบกลับพลางเดินนำหน้าพวกเขา



             “มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ บอกพวกเราได้นะ” เนียถามต่อ



             ซีโร่โบกไม้โบกมือ “ไม่มีจริงๆ ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วงกัน”



             เขากำลังคิดว่าจะให้บอกสองคนนี้ได้ยังไงกันว่าพักนี้รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับตามองอยู่เพราะเขาไม่อยากให้สองคนนี้ต้องมาคอยเป็นห่วง



             ซีโร่นั้นถือว่าไคน์และเนียเป็นเพื่อนที่สนิทสนมและไว้ใจได้มากที่สุด ดังนั้นจะมีเฉพาะ 2 คนนี้เท่านั้นที่เขาจะยอมเปิดใจคุยด้วยเกือบทุกเรื่อง และในบรรดาเพื่อนทั้งหมดซึงเขามีอยู่ไม่กี่คนนัก ก็มีเพียง 2 คนนี้เท่านั้นที่รู้ความลับที่สำคัญที่สุดของเขา



             .....นั่นคือเรื่องที่เขาเป็นเอ็กซ์คลูสเซอร์



             “..ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ  พวกเธอไปกันก่อนได้เลย” ซีโร่พูดขึ้น



             “งั้น…รีบมาล่ะ ช่วงเวลานี้คงมีคนไปใช้เครื่องซิมูเลชั่นในการซ้อมเยอะ ถ้าไม่รีบไปล่ะก็เครื่องอาจจะเต็มซะก่อน”ไคน์พูด



             “ก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะหลังจากที่รู้คะแนนสอบแล้วพวกที่ได้คะแนนน้อยกว่าที่ตั้งใจไว้คงมาขอใช้เครื่องฝึกซ้อมกันหลายคนเลยล่ะ” เนียพูดขึ้นบ้าง



             “อื้อ เสร็จแล้วฉันจะรีบตามไป” พูดจบซีโร่ก็เดินจากไป



    ---------------------------------------

        

             “อยู่เวรทั้งคืนเลยเหรอ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้นขณะกำลังเดินเข้ามาที่ห้องบังคับการของสถานีอวกาศอควอเรียส ซึ่งเวลานี้มีเจ้าหน้าที่อยู่เวรเพียง 2 คน เพราะงานตรวจตราความปลอดภัยแม้จะสำคัญ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นที่สถานีแห่งนี้เลย



             “อืม ง่วงจะตายอยู่แล้ว ทำไมพวกเราต้องมานั่งเฝ้าเหมือนสุนัขเฝ้าบ้านแบบนี้ด้วยนะ”



             “ช่วยไม่ได้ ก็นี่มันงานของเรานี่”



             “เฮ้อ....ทั้งที่ก็ไม่ใช่ช่วงสงครามซะหน่อย ไม่เห็นต้องเข้มงวดขนาดนี้เลย”



             “ก็เป็นคำสั่งผู้พันโดโนแวนนี่นา ที่ให้คอยระวังตลอด 24 ชั่วโมงน่ะ”



             แล้วจู่ๆก็ปรากฏไฟสีแดงกระพริบขึ้นที่จอเรดาร์เป้นการบ่งบอกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังตรงเข้ามาใกล้สถานี



             “เฮ้ย...มันมาจากไหนน่ะ อยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมา แถมค่อยๆพุ่งเข้ามาทางนี้ด้วย”



             “ไม่รู้เหมือนกัน จะลองตรวจจับสัญญาณดูนะ”



             ว่าแล้วเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ตรวจสอบกับแผงสัญญาณที่อยู่ตรงหน้า



             “…ลองส่งสัญญาณแล้วไม่มีสัญญาณตอบกลับ แต่จากความเร็วที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างช้าๆ  แสดงว่าไม่ใช่จรวดหรือว่ามิสไซล์”



             เจ้าหน้าที่อีกคนรีบออกความเห้น “บางทีเครื่องสื่อสารของทางนั้นอาจเสียหาย หรือไม่ก็เป็นพวกยานไร้คนบังคับ หรือบางทีอาจจะเป็นซากดาวเทียม…เรียกง่ายๆว่าเป็นได้หลายทาง”



             “เอาไงดี แจ้งผู้พันดีไหม”



             “เรื่องแค่นี้ไม่ต้องแจ้งก็ได้มั้ง ถ้ามันไม่มีอะไรล่ะก็ จะกลายเป็นว่าพวกเราตื่นตูมกันเอง  เอางี้ละกัน ส่งยานลาดตระเวนขนาดเล็กออกไปดูก็พอ”



    ………………………….



             หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จซีโร่ก็เดินเพื่อจะไปสมทบกับไคน์และเนียที่ห้องซิมูเลชั่น  แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเล็กน้อย



             “…นั่นอะไร” เขามองผ่านกระจกติดทางเดินผ่านไปยังอวกาศที่อยู่นอกสถานี ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นคือยานลาดตระเวนขนาดเล็กลำหนึ่งซึ่งบินออกมาจากสถานีกำลังตรงเข้าไปหาอะไรบางอย่างซึ่งกำลังค่อยๆบินเข้าใกล้สถานีแห่งนี้ด้วย เพียงแต่เขาเห็นไม่ชัด  



             “….เหมือนยานเลยแฮะ ไอ้ที่กำลังบินเข้ามานั่นน่ะ” ซีโร่รู้สึกสงสัยและเมื่อเพ่งมองได้ชัดเจนแล้วก็ใช่จริงๆ ที่เขาเห็นอยู่นั่นคือยานอวกาศขนาดกลาง 3 ลำที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และขณะเดียวกันยานลาดตระเวนจากอควอเรียสก็กำลังตรงเข้าไปที่ยานทั้ง 3 ลำนั้น



             ทันใดนั้นเอง ซีโร่ก็เกิดความรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง ร่างกายเกิดหนาวเย็นขึ้นมาโดยฉับพลัน ซึ่งเขารู้ได้ในทันทีว่ามันคือลางร้าย    



             “อย่าเข้าไปนะ!!!” ซีโร่ตะโกนสุดเสียง และทันทีที่สิ้นเสียงตะโกน ยานลาดตระเวนก็ถูกยานทั้ง 3 ลำนั้นระดมยิงเข้าใส่จนระเบิดเป็นผุยผง



            

    ………………………

        

             “ท่านครับ แย่แล้ว!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบเข้ามาในห้องของโดโนแวนอย่างกระหืดกระหอบ



             “มีอะไรรึ” โฟน่าซึ่งกำลังคุยกับโดโนแวนพูดขึ้น



             “ใจเย็นๆไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆรายงาน” โดโนแวนรีบถาม



             “…ตอนนี้มียานจู่โจมไม่ทราบว่าเป็นของฝ่ายใดกำลังบุกเข้ามาในอควอเรียสแล้วครับ”



             “ว่าไงนะ!” โฟน่าร้อง



             “..มีกี่ลำ  แล้วทำไมไม่เห็นมีสัญญาณเตือนภัยบอกเลย”โดโนแวนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี



             “...คือเรดาร์เราจับสัญญาณไม่ได้ครับ กว่าจะรู้ตัวก็เข้ามาใกล้อควอเรียสมากแล้ว”



             “แล้วมีกี่ลำ!”



             “..เอ่อ…ทั้งหมด 3 ลำครับดูเหมือนจะเป็นยานจู่โจมแบบบรรทุกคนทั้งหมดครับ”



             “ท่านคะ....แสดงว่า” โฟน่าพูดอย่างหวาดหวั่น        



             โดโนแวนกำหมัดแน่น



             “สั่งให้เปิดสัญญาณเตือนภัย ทั้งหมดเข้าสู่สภาวะฉุกเฉินระดับ 2 แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเตรียมพร้อมรบ!”



             “อะ..ครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบวิ่งไป



             “ท่านคะ” โฟน่าพูด้วยสีหน้าที่แสดงความวิตกกังวล        



             “ฝ่ายนั้นใช้การบุกแบบสายฟ้าแลบแสดงว่าเตรียมตัวมาดี ถึงเราจะไม่รู้ว่าเป็นพวกไหนก็ตามเถอะ และทางเราเองก็ไม่ได้เป็นสถานีที่ใช้ในการรบแต่เป็นแค่ศูนย์ฝึกนักศึกษาด้านอวกาศ  เจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถในด้านการรบก็มีจำนวนน้อยด้วย…แบบนี้คงต้านได้ไม่นานแน่…”



             ว่าแล้วโดโนแวนก็หันไปที่โฟน่าแล้วพูดด้วยเสียงเฉียบขาด “เธอจงรีบไปเตรียมการอพยพและออกประกาศเตือนให้บรรดานักศึกษาทั้งหมดภายในสถานีขึ้นยานโดยสารทั้งหมดที่มีหนีออกไปจากที่นี่โดยด่วน ยังไงซะพวกเขาก็เป็นเด็กเท่านั้น จะให้มาตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด”



             “..ค่ะท่าน…แล้วท่านล่ะคะ”



             “ในฐานะที่เป็นผู้บังคับการของที่นี่   ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีก”



    …………………………



             ภาพการะเบิดของยานลาดตระเวนทำให้ซีโร่ยืนตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ แล้วจากนั้นก็ปรากฏเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นจนทั่วสถานีอวกาศอควอเรียส



             “ขอให้นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ทุกคนในอควอเรียสเข้าสู่สภาวะฉุกเฉินและทำการอพยพทันที ขอย้า...”



             ประกาศนั้นสั้นๆง่าย แต่ใครจะรู้ว่ามันคือจุดเริ่มต้นของฝันร้าย



             หลังจากยืนนิ่งอึ้ง ซึโร่ก็รีบรวบรวมสติกลับมาโดยเร็ว เขาหันซ้ายขวามองดูทางเดินรอบตัวแล้วรีบนึกถึงเส้นทางที่จะไปยังจุดส่งยานฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด



             เขาถึงเตือนกันมาแต่โบราณ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ให้มองหาช่องทางหนีฉุกเฉินเตรียมไว้ก่อน เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นพร้อมจะเกิดขึ้นทุกเมื่อ ซึ่งมันก็ยังคงใช้ได้ดีแม้ว่านี่จะเป็นศักราชแห่งอวกาศแล้วก็ตาม



             เขาเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองคน แต่มีไคน์อยู่ด้วย เนียคงไม่เป็นไร เพราะหมอนั่นต้องไม่ยอมให้เนียเป็นอะไรไปแน่  



             คิดได้แบบนั้นเขาก็ตัดสินใจกลับหลังหันวิ่งไปตามทางซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นทางไปสู่จุดส่งยานฉุกเฉิน



             แล้วพริบตานั้นเองเขารู้สึกตาเริ่มพร่ามัวลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวกำลังจะเลือนหายไป



             จากนั้นก็ปรากฏภาพแห่งความทรงจำต่างๆมากมายแล่นผ่านสายตาและหัวสมองไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นฉากหนังที่ตัดไปมา จนไม่รู้ว่าสิ่งไหนเกิดก่อนหลังแล้วทุกอย่างก็พลันมืดลง พร้อมกับสติทั้งหมดที่เริ่มจะขาดหายตาม



             แต่แล้วสายตาอันเลือนรางที่แทบจะปิดสนิทอยู่แล้วนั้นก็เห็นแสงสว่างดวงเล็กๆผุดขึ้นเบื้องหน้าท่ามกลางความมืดมิด



             เสียงๆหนึ่งดังก้องขึ้นในหัวสมอง



             “…….ตื่นได้แล้ว…….”





            

            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×