ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ออกเดินทาง(Journey)
        “อร่อยจัง!” ซีโร่พูดขณะที่กำลังตักอาหารที่อยู่ตรงหน้าเข้าปาก ทำให้เนียผู้เป็นแม่ครัวของอาหารจานนี้ยิ้มกลับด้วยสีหน้าเบิกบาน
        “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ทานอาหารฝีมือเธอ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำอร่อยขนาดนี้” ซีโร่ทานไปยิ้มไปทำเอาเพื่อนสาวที่มาเยี่ยมเขาในห้องพยาบาลถึงกับหน้าแดงไปเล็กน้อย
        ไคน์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นบ้าง “ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันนะว่าเธอจะทำอาหารอร่อยแบบนี้ ก็เพราะปกติแล้ว เธอไม่เคยทำอะไรให้พวกเราทานกันเลย”
        “ก็แหม ไม่ว่าจะตอนที่อยู่ที่อควอเรียสหรือที่เดลต้า เวลาที่ใครอยากจะทานอะไรก็สามารถสั่งให้เจ้าหน้าที่โรงอาหารทำให้ตลอด ไม่เคยต้องทำเองเลยนี่นา” เนียหันมาค้อนใส่ไคน์
        “..แล้วตกลงว่า ที่ยานลำนี้นี่ไม่มีพ่อครัวหรือแม่ครัวประจำยานจริงๆสินะ” ไคน์พูดต่อ
        “ก็คงแบบนั้น” เนียตอบเบาๆพลางเอานิ้วเขี่ยผมแดงยาวประบ่าของตนเล่นอย่างเพลิดเพลิน “ตอนที่ฉันไปขอยืมห้องครัวสำหรับทำอาหารนั้นก็เห็นพวกเจ้าหน้าที่หลายคนยืนบ่นกันว่าไม่มีใครทำอาหารเป็นเลย”
        “อันที่จริงมันคงไม่ใช่แค่นั้นหรอก เพราะดูเหมือนยานลำนี้ยังขาดเจ้าหน้าที่ประจำอีกหลายตำแหน่งเลยล่ะ” ไคน์พูดต่ออีก
        “รู้ได้ไง” ซีโร่ถามขึ้นบ้าง
        “ก็เพราะเมื่อสัก 15 นาทีที่แล้วตอนที่ฉันเดินสำรวจตามที่ต่างๆภายในยาน ฉันได้ยินประกาศรับสมัครเจ้าหน้าที่อาสาประจำตำแหน่งต่างๆภายในยานน่ะสิ” ไคน์ตอบกลับ
        “จริงสิ ตอนที่กำลังทำอาหารอยู่ ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน” เนียพูดขึ้นบ้าง
        “เจ้าหน้าที่อาสาเหรอ” ซีโร่พึมพำ
        “ความจริงก็น่าสนใจนะฉันเองก็คิดว่าจะอาสาเหมือนกัน ถ้ามีงานที่ฉันทำได้ล่ะก็” ไคน์พูดพลางเอนตัวพิงกับเก้าอี้แล้วหันไปมองเนียเล็กน้อย “จะว่าไปแล้วเธอก็น่าจะสมัครเป้นแม่ครัวไปเลยนะ ไหนๆบนยานลำนี้ก็ไม่ค่อยจะมีคนที่ทำอาหารเป็นอยู่ด้วย
        ทันใดนั้นเรอิที่เพิ่งจะเข้าห้องน้ำเสร็จก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำภายในห้องพยาบาล
        “เข้าเสร็จแล้วเหรอ” ซีโร่ทักขึ้น
        “ครับ” เรอิค่อยๆเดินโดยเอามือกุมบริเวณท้องที่ใช้ผ้าพันแผลพันไว้ ไคน์เห็นแบบนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงให้ไปนอนบนเตียงของเขา
        “ท่าทางคุณจะอาการดีขึ้นมากแล้วนะครับ คุณซีโร่” เรอิถามกลับ
        “ก็คงแบบนั้นแหละ ตอนนี้ถ้าจะให้ขับวาลคิวเร่อีกก็ยังไหวนะ” ซีโร่พูดพลางยักไหล่ให้ในขณะที่เนียหน้าซีดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ยานนั่น..ที่เธอขึ้นขับ .ชื่อวาลคิวเร่สินะ”
        “ใช่ ทำไมเหรอ” ซีโร่ทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นเนียทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
        “ คือว่า เธอ อย่าขึ้นไปขับมันอีกเลย จะได้ไหม” เนียก้มหน้าพูดเบาๆ
        ซีโร่กับไคน์ต่างนิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เรอิที่ฟังอยู่ด้วยก็เช่นกันกัน ในขณะที่เนียดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่าถูกทุกคนกำลังจ้องมองจึงปัดมือปัดไม้เล็กน้อยแล้วพูดอย่างร้อนรน “คือ..ฉันหมายถึงว่า .เธอไม่จำเป็นต้องขึ้นขับยานนั่นอีกแล้วนี่จริงไหม ในเมื่อพวกเราก็กำลังจะเดินทางกลับไปโลกแล้ว มันก็ไม่น่าที่จะมีอันตรายอะไรอีกนี่นา”
        ใช่ว่าซีโร่จะไม่รู้ว่าเนียมีความรู้สึกยังไง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะพูดอะไรอีก เพราะแม้เธอจะไม่ได้พูดออกมาจากปากตรงๆแต่เขาก็รู้ว่าเธอนั้นเป็นห่วงเขาและไม่อยากให้เขาต้องขึ้นไปขับยานวาลคิวเร่จนต้องหมดสภาพไปอีก เขาจึงยิ้มกลับแล้วพูดเบาๆ “ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว”
        ไคน์เอามือตบบ่าของเนียเบาๆแล้วพูดขึ้นบ้าง “นั่นสิ ซีโร่ไม่ใช่เด็กนะ ทำตัวยังกับเป็นแม่ของเขาซะงั้นแหละ เธอน่ะ”
        “ก็แหม ” เนียทำแก้มป่องใส่ไคน์ ในขณะที่ซีโร่ก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้
        แล้วทันใดร้อยตรีวินด์ก็เดินเข้ามาภายในห้องพยาบาลทำให้เด็กทั้ง 4 คนต่างก็มองกันเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย ในขณะที่วินด์นั้นมองไปยังซีโร่ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเตียง แล้วเปิดปากพูด “ฉันชื่อ วินด์ ลาคอสต้า ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นต้นหนของยานลำนี้ และ...เธอคือซีโร่  แอ็คเซล สินะ”
        “ครับ” ซีโร่พยักหน้ารับ
        “กัปตันอยากพบเธอ มาด้วยกันหน่อยนะ” วินด์พูดต่อ
        “ เดี๋ยวก่อน..นี่มันเรื่องอะไรคะ” เนียรีบถาม
        “ฉันเองก็ไม่รู้ แค่ได้รับคำสั่งให้มาตามเท่านั้นเอง ยังไงก็ช่วยไปด้วยกันก่อนเถอะ”
        “ แต่เขาเพิ่งจะฟื้นจากไข้นะคะ..แล้วก็ยังทานอาหารไม่เสร็จด้วย”
        ซีโร่เงียบไปเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปที่วินด์ แล้วหันมาพูดกับเนีย “ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้ฉันสบายดีแล้วล่ะ”
        “ แต่” เนียมีสีหน้ากังวล
        “ไม่เป็นไร .เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมาทานอาหารที่เธอทำต่อ เพราะหากกินไม่หมดก็น่าเสียดายแย่เลย” พูดจบซีโร่กับวินด์ก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกัน
-----------------------------------
       
        “ขออนุญาตครับ” วินด์พูดทันทีที่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง
        “เชิญ” เสียงของโฟน่าดังมาจากอีกด้านของประตู
        แล้วประตูห้องถูกเปิดออก  วินด์จึงเดินนำซีโร่เข้าไปในห้อง 
        ซีโร่ตกใจเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบหน้าของโฟน่าโดยตรง  ก่อนหน้านี้เคยเห็นหน้าผ่านเครื่องสื่อสารแต่ก็ไม่ชัดเจนนัก  พอได้มาเจอตัวจริงแล้ว เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ากัปตันของยานอาเธน่าลำนี้จะเป็นหญิงสาวที่ทั้งสาวและสวยแบบนี้ 
        “ไงเจ้าหนู ไม่เป็นไรแล้วสินะ ตอนที่หมดสติไปนั่นเป็นห่วงแทบแย่” โมลซึ่งยืนพิงกำแพงอยู่ที่ด้านข้างของห้องพูดขึ้น
        “คุณโมล.....อยู่ด้วยเหรอครับ”
        วินด์ยกมือทำวันทยาหัตถ์ “ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” พูดจบวินด์ก็เดินออกจากห้องไป
        ทั้งห้องเงียบไปชั่วครู่  จนซีโร่ต้องกลืนน้ำลายด้วยความกดดัน
        โฟน่ามองหน้าของซีโร่เขม็งแล้วก็ยิ้มให้ ทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อย แล้วเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาที่เบื้องหน้าของซีโร่
        ซีโร่ซึ่งได้เห็นรูปร่างของโฟน่าเต็มๆถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ เพราะว่าจากรูปร่างหน้าหน้าตาและทั้งหมดของโฟน่าแล้ว  เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นทหาร เพราะว่าเธอควรจะไปเป็นนางแบบหรือดารามากกว่า ซึ่งตอนอยู่ที่อควอเรียสเขาเคยได้ยินเหมือนกันว่าร้อยโทโฟน่านั้นเป็นเจ้าหน้าที่หญิงที่สวยและมีเสน่ห์แถมยังเก่งอีกต่างหาก ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่เจ้าหน้าที่ผู้ชายจำนวนมาก ซึ่งความจริงก็รวมไปถึงเหล่านักศึกษาด้วย
        แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยได้พบกับโฟน่าเลยสักครั้ง เพราะเธอนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางสถานีซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของผู้พันโดโนแวน ซึ่งเป็นผู้บังคับการของสถานี ดังนั้นเขตพื้นที่ๆเธออยู่โดยปกตินั้นจะเป็นเขตเฉพาะที่มีแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เข้าไปได้ นักศึกษาโดยทั่วไปเช่นเขาจึงหมดสิทธิ์
        ซึ่งนั่นก็รวมถึงการคงอยู่ของอาเธน่าลำนี้ด้วย
        โรงเก็บยานที่เก็บรักษาอาเธน่าบนสถานีอวกาศอควอเรียสนั้นถือเป็นเขตเฉพาะ ซึ่งก็มีแต่พวกเจ้าหน้าที่เช่นโฟน่าเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ ดังนั้นพวกนักศึกษาอย่างเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ามียานรบรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดอย่างอาเธน่าเก็บซ่อนอยู่ รวมไปถึงยานจู่โจมรุ่นใหม่อย่างวาลคิวเร่ด้วย และถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอควอเรียสล่ะก็ เขาและคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ได้มายืนอยู่ในยานลำนี้หรอก 
        “ขอแนะนำตัวนะ” เสียงของโฟน่าดังขึ้น ทำให้ห้วงความคิดของซีโร่หยุดลง
        “ฉันร้อยโทโฟน่า  ควอเร่ เจ้าหน้าที่พิเศษประจำอควอเรียส  ส่วนตอนนี้เป็นกัปตันของยานอาเธน่าลำนี้อย่างที่เธอเห็นนี่แหละ”
        “เอ่อ .ครับ” ซีโร่ตอบรับอย่างตะกุกตะกัก
        “ก่อนอื่นเลย ฉันต้องขอขอบคุณเธอนะในฐานะของกัปตันยานลำนี้”
        “ขอบคุณ เรื่องอะไรกันครับ”
        “ ตอนนั้น..ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเสี่ยงชีวิตขับยานออกไปช่วยดึงความสนใจของยานศัตรูล่ะก็  บางทีพวกเราที่อยู่บนยานลำนี้ ก็คงจะไม่มีชีวิตรอดกันแล้ว” โฟน่าพูดด้วยรอยยิ้ม
        ถูกชมมาแบบนั้นซีโร่จึงเกาหัวแก้เขิน “ ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมพอจะทำได้เท่านั้นเองแหละครับ ก็ในเวลานั้นไม่มีนักบินคนอื่นอยู่เลยนี่ครับ”
        “..มันก็ใช่ แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณเธออยู่ดี  ขอบคุณมากจ๊ะ” โฟน่าก้มหัวให้ซีโร่เล็กน้อยแล้วยิ้มให้ทำให้เขารู้สึกเขินเล็กน้อย
        “เอาล่ะ” โมลพูดขึ้น “คราวนี้ก็ถึงธุระอีกเรื่องล่ะนะ”
        ได้ยินแบบนั้นซีโร่ก็รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไร แล้วโฟน่าก็พยักหน้าให้โมลเล็กน้อยเป็นเชิงรู้กันแล้วพูดขึ้น “ที่เรียกให้เธอมานี่ นอกจากจะเพื่อขอบคุณในสิ่งที่เธอทำไปแล้ว พวกเราก็มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะถามเธอด้วย”
        “เรื่อง .อะไรครับ” ซีโร่เริ่มใจคอไม่ดีเล็กน้อย ในขณะที่โมลค่อยๆเดินตรงเข้ามาหยุดที่เขาแล้วจ้องหน้าเขม็งราวกับกำลังจะอ่านทะลุเขาไปในของเขา
        “ เธอ .เป็นเอ็กซ์คลูสเซอร์ใช่ไหม” โมลพูดด้วยเสียงราบเรียบ
        ได้ยินแบบนั้นซีโร่ก็ทำตาเบิกกว้าง ในขณะที่บรรยากาศภายในห้องพลันตกอยู่ในความเงียบสงัดไปชั่วครู่ และในที่สุดซีโร่ก็สูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ทำไมถึง .ถามแบบนั้นครับ”
        โมลยิ้มให้เขาแล้วพูดช้าๆ “บังคับยานวาลคิวเร่ได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่เพิ่งจะเคยบังคับเป็นครั้งแรก และยังสามารถใช้ระบบโซนิคได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองใช้ ทั้งที่มันเป็นระบบที่คนธรรมดาไม่อาจควบคุมได้ง่ายๆ นอกจากนี้หลังจากที่ใช้ระบบโซนิคแล้ว สภาพร่างกายและจิตใตน่าจะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จนต้องพักฟื้นหลายวัน แต่นี่เธอกลับฟื้นขึ้นมาได้จนเหมือนปกติภายในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว .เรื่องแบบนี้คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้หรอกนะ”
        โฟน่าพูดขึ้นบ้าง “ฉันขอสัญญานะ เรื่องที่เธอจะพูดจะอยู่แต่ในห้องนี้เท่านั้น จะไม่มีการบอกคนอื่นนอกจากนี้เด็ดขาด”
        ซีโร่ถอนใจเล็กน้อย ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้จะปิดไปก็เปล่าประโยชน์ แล้วจึงเปดปากพูดอย่างช้าๆ “ใช่ครับ ผมเป็นเอ็กซ์คลูสเซอร์”
        โฟน่าและโมลไม่ได้แสดงท่ทีประหลาดใจอะไรนักเหมือนกับจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ทั้งที่หากชาวโลกทั่วไปได้ยินเขาบอกมาแบบนี้ ก็จะพากันทำหน้าตารังเกียจหรือไม่ก็มองด้วยสายตาหวาดกลัวแท้ๆ
        โมลยิ้มเล็กน้อยแล้วเอามือแตะบ่าของซีโร่ “ก็แค่อยากจะถามดูเพื่อความแน่ใจเท่านั้น อย่าคิดว่าหาเรื่องเลยนะ”     
        โฟน่ารีบพูดต่อ “เราแค่อยากให้เธอตอบตามความจริงเท่านั้นเองจ๊ะ และฉันเองก็ไม่คิดจะไปซักไซ้ประวัติความเป็นมาของเธอหรอกนะว่าทำไมเอ็กซ์คลูสเซอร์ซึ่งควรจะอยู่บนดาวอังคารอย่างเธอถึงได้มาอยู่ที่อควอเรียสซึ่งเป็นสถานีอวกาศของฝ่ายโลก”
        ซีโร่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกแล้วพูดเบาๆ “ขอบคุณครับ”
        “แต่ว่านับจากนี้ไป เราจำเป็นต้องขอยืมพลังของเธอให้ช่วยหน่อยล่ะนะ” โฟน่าพูดต่อ
        “ช่วย หมายความว่ายังไงครับ” ซีโร่สงสัย     
        “เวลานี้ เป้าหมายในการเดินทางของยานเราก็คือการกลับสู่โลกโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ยานของเรากำลังเผชิญปัญหาอยู่หลายอย่าง ทั้งที่เกิดแล้วและกำลังจะเกิด” ว่าแล้วโฟน่าก็ถอนใจเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นอีก “ระบบนำทางของยานขัดข้องไม่อาจใช้การได้ และเชื้อเพลิงที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอ  ที่จะบินไปเป็นเวลานานๆ  ฉันพูดเพียงแค่นี้....คนที่เป็นนักบินฝึกหัดอย่างเธอคงเข้าใจใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง”
        ซีโร่อ้าปากค้าง
        เขาเข้าใจทันทีว่ามันหมายความว่ายังไง  มันหมายความว่ายานอาเธน่าลำนี้ไม่สามารถที่จะบินในเส้นทางที่ถูกต้องในการกลับสู่โลกได้  แถมการที่เชื้อเพลิงยังไม่เพียงพอนั่นก็ทำให้ไม่สามารถที่จะบินไปแบบสุ่มๆได้ 
        โฟน่าพูดต่อ “อันที่จริงปัญหาเรื่องระบบนำทางนั้นยังไม่หนักมาก เนื่องจากทางเรายังมีเจ้าหน้าที่ๆพอจะซ่อมระบบได้อยู่ และก็กำลังซ่อมแซมอยู่ซึ่งอีกไม่นานก็คงจะใช้การได้แต่เชื้อเพลิงนั้นเป็นปัญหาใหญ่สุดในขณะนี้ เราจำเป็นต้องหาเชื้อเพลิงมาเติมโดยด่วนที่สุด เพราะถึงจะซ่อมระบบนำทางได้สำเร็จ แต่ถ้าเชื้อเพลิงไม่เพียงพอเราก็กลับโลกไม่ได้อยู่ดี”
        “แล้ววิทยุติดต่อกลับไปที่โลกไม่ได้เลยเหรอครับ ก็อควอเรียสถึงกับระเบิดไปแบบนั้นอย่างน้อยๆทางโลกก็ควรจะรู้เรื่องบ้าง แล้วก็น่าจะส่งยานออกค้นหาผู้รอดชีวิตบ้างนี่ครับ” ซีโร่ถามกลับ
        โมลส่ายหน้า ”เสียใจด้วยนะ เพราะตอนนี้พวกเราออกห่างมาไกลเกินกว่าที่จะติดต่อกลับไปได้น่ะสิ”
        “..เดี๋ยว..หมายความว่ายังไงกันครับ”
        โฟน่ามีสีหน้าหดหู่เล็กน้อย
        “ตอนที่หนีออกมาจากการโจมตี เราใช้ระบบไฮเปอร์บูสเตอร์ในการหนีใช่ไหม นั่นมันทำให้ยานของเราหนีออกมาได้ด้วยความเร็วสูงก็จริง..แต่ว่า..มันก็กลับให้ผลอีกด้านที่ฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน”
        “แต่ว่า .อะไรครับ” ซีโร่รู้สึกลางไม่ดี
        โมลจับบ่าโฟน่าเบาๆแล้วหันมาพูดกับซีโร่ “..คือเราขอบอกเธอตามตรงเลยนะว่า เจ้าระบบไฮเปอร์นี่มันช่วยให้ยานเราเร็วขึ้นก็จริงแต่ว่ามันเร็วมากเกินไป  และกว่าที่จะหยุดการทำงานของมันได้นั้น  ยานของเราก็ มาไกลจนเข้าเขตแดนของดาวอังคารมาแล้ว”
        ซีโร่ตาค้าง  เพราะเท่ากับว่ายานอาเธน่าซึ่งเป็นยานของฝ่ายโลกได้เข้ามาในเขตแดนของดาวอังคารซึ่งเป็นฝ่ายศัตรู  ซึ่งนั่นหมายถึง
        โมลพูดต่อ “หมายถึงว่าพวกเราอาจจะต้องพบกับการโจมตีของทางฝ่ายนั้นอีกครั้ง และนั่นอาจจะหนักกว่าครั้งที่แล้วอย่างเทียบไม่ได้ ดังนั้นหนทางรอดของพวกเราก็คือ ”
        โฟน่าพูดขึ้น “ต้องรีบหาเชื้อเพลิงที่จะมาเติมเพื่อที่จะออกไปจากบริเวณนี้โดยเร็วที่สุด และยังต้องเตรียมพร้อมเผื่อไว้กรณีที่ถูกยานลาดตระเวณของฝ่ายนั้นพบเข้าและนี่ก็คือสิ่งที่พวกเราอยากจะขอให้เธอช่วย” แล้วเธอก็ยื่นมือมาจับบ่าทั้ง 2 ข้างของซีโร่แล้วพูดอย่างตั้งใจ
        “เราอยากจะให้เธอเป็นนักบินประจำของยานวาลคิวเร่ไปจนกว่ายานอาเธน่าลำนี้จะสามารถเดินทางกลับไปถึงโลกได้!”       
       
 
         
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น